Candine The Poserry

10.0

เขียนโดย SilverFox

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 18.48 น.

  7 chapter
  5 วิจารณ์
  13.35K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คำตอบของคำถาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
จากใจคนเขียนฝากให้ผู้อ่าน           ในที่สุดก็อัพเสร็จไปอีกตอน ดองจนเค็มปี๋แล้วมั้ง? หวังว่าตอนนี้จะทำให้คนอ่านทุกคนพอใจ และเพียงพอแทนคำขอโทษที่ดองซะน้าน~นาน~ ขอขอบคุณที่ติดตามจริงๆ ตอน คำตอบของคำถาม มีคนบอกว่า งง แต่ตอนนี้จะเฉลย(จริงเปล่า?)แล้วค่ะ                                                                                                                            เพียงแค่เห็นคนอ่านยิ้ม แค่นี้ก็ทำให้ไรเตอร์มีความสุขแล้ว รักคนอ่านทุกคนค่ะ ขอขอบคุณจริงๆที่ติดตามอ่านBy Ranna 
             “คนมองเห็นน้ำ?” เด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเงิน ถามเสียงแหลมที่ดังมาจากทุกทิศทางในป่า
“คิๆ อย่างแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เลย ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ แต่แกล้งถามใช่ม้า~” เสียงแหลมดังขึ้นอย่างรู้ทัน
“เจ้ารู้” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีรัตติกาลถามขึ้นอย่างคนใคร่รู้และในนัยน์ตาแฝงแววตาที่บอกว่าทึ่งในที ทำให้เด็กสาวทำหน้าเซ็งออกมา
“ถ้าข้ารู้ ก็ตอบไปนานแล้วล่ะ หรือเจ้ารู้?” เด็กหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ เด็กสาวจึงถอนหายใจออกมา นัยน์ต่างสีสบกันเพื่อสื่อบางอย่าง แล้วทั้งคู่ก็หลับตาลงเพื่อจะจับสัมผัสบางอย่าง ทั้งคู่ตั้งสมาธิจนเริ่มจับสัมผัสไอเวทย์ที่แผ่วเบาได้ จึงลืมตาขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้กันและกัน
“ข้าเบื่อจะเล่นเกมตอบคำถามกับเจ้าแล้วล่ะ” เด็กสาวถอนหายใจออกมา
“เจ้าว่าอะไรนะ?” เสียงแหลมถามขึ้นด้วยความสงสัย ส่งผลให้เด็กสาวยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
“รูฟ!”
“ตะวันเอ๋ย ยามนี้มิใช่เวลาที่เจ้าจะทอแสง จงหลับใหลภายใต้แสงแห่งจันทรา แด่ข้าผู้เป็นบุตรแห่งความมืด มูนไลท์!” สิ้นเสียงของรูฟ ดวงตะวันที่ส่องแสงก็จางหายไป แทนที่ด้วยดวงจันทร์ที่ส่องแสงแทน
“เสร็จกัน!” เสียงแหลมดังขึ้นอย่างตกใจ
“ตอนนี้ล่ะ แคนดี้”
“ไอซ์แอโรว์!”
แซ่ก!
“โซ่เอ๋ย จงปรากฏ และพันธนาการ ผู้ที่เคลื่อนไหวภายใต้จันทรานี้ด้วยเถิด”
แกร๊ก!
“โอ๊ย!” เสียงแหลมดังขึ้นหลังจากรูฟร่ายเวทย์ใช้โซ่รัดร่างหนึ่งได้จากทางด้านหลังของทั้งสอง
“อยู่นี่เองเหรอตัวแสบ” แคนดี้หันไปมองร่างเล็กที่ร้องโวยวายด้วยความอึดอัด ที่ถูกโซ่รัดแล้วก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อเห็นสายตาสีรัตติกาลของรูฟที่ส่งมอง ในตอนนี้ทั้งสามสามารถมองเห็นกันและกันได้ เพราะรูฟได้คลายเวทแล้ว
“เธอเป็นมีอาเน่*สินะ” นัยน์ตาสีฟ้าใสของเด็กหญิงสบกับนัยน์ตาสีรัตติกาลของเด็กหนุ่ม แล้วพยักหน้าตอบอย่างเกรงๆ จนเด็กสาวอดขำไม่ได้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวว่าเด็กสาวขำอะไร ‘เล่นทำหน้ายังกับตุ๊กแกจะกินเด็ก เด็กก็กลัวหมดน่ะสิ’
“ชะ ใช่ค่ะ หนูเป็นมีอาเน่” เด็กหญิงเห็นอีกฝ่ายยังจ้องไม่เลิก จึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ของอะไร” คำถามสั้นๆง่ายๆ เพียงคำเดียว แต่ก็ทำให้มีอาเน่น้อยสะดุ้งสุดตัว จนเรือนผมสีน้าทะเลแทบชี้เป็นเสาอากาศ ‘นี่ถ้าไม่มีโซ่รัดอยู่คงสะดุ้งจนตัวลอยแล้วล่ะมั้ง’ แคนดี้คิด
“บอกไม่ได้หรือ?” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่หันหน้าหนี หลบสายตา ไม่พูดไม่จา แคนดี้จึงเดินมาแล้วจับหน้าของมีเอน่าน้อยมาให้จ้องตากัน แต่อีกฝ่ายก็พยายามหลบสายตา ทำให้แคนดี้ยิ้มอย่างเอ็นดู และเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ข้อมือมีเอน่าน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้ ‘ขนาดโดนจับมัดยังดื้อได้ขนาดนี้ ร้ายไม่ใช่เล่นแฮะ ช่วยไม่ได้นะ’ แคนดี้หลับตาลงเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างแล้วลุกขึ้นยืน แล้วยิ้มอย่างชอบใจอะไรบางอย่าง
“เลี้ยงมาดีจังนะคะ ไม่คิดจะออกมาให้เห็นหน้ากันบ้างเลยเหรอคะ” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีอยู่เงียบๆไม่ถามอะไรให้แคนดี้พูดต่อ
“ยังคงเป็นคนที่หัวดื้อเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่ยอมใครง่ายๆจริงๆเชียว” เมื่อคนที่เด็กสาวพูดถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมา แคนดี้จึงยิ้มแล้วพูดต่อ
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ งั้นเอางี้นะคะ ถ้าข้าหาท่านเจอถือว่าข้าเป็นฝ่ายชนะ”
“มีเอน่าน้อย ต่อจากนี้เธอเป็นของพวกข้า” มีเอน่าน้อยหันหน้ามองเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่สนยังคงพูดต่อไป
“เอาล่ะ มีเอน่าน้อย ก่อนอื่นคลายเขตแดนลวงตานี่ซะ”
“ข้า”
“เดี๋ยวนี้!” แคนดี้เริ่มขึ้นเสียงจนมีเอน่าน้อยตกใจและกลัวจนร้องไห้ ‘ทนไว้ตัวเรา อย่าพึ่งใจอ่อน’ แคนดี้คิด
“แคนดี้” เด็กหนุ่มเริ่มทนไม่ไหวจึงเดินเข้ามาหา
“อะไรเหรอรูฟ”
“พอเถอะ” เด็กหนุ่มพูดพลางมองไปที่มีอาเน่น้อย
“ไม่! คลายซะ” เด็กหญิงยังคงส่ายหน้าปฎิเสธ
“งั้นเหรอ ไอซ์คลาวด์” สิ้นเสียงของเด็กสาวก็มีเมฆหมอกเข้ามาปกคลุมร่างมีอาเน่น้อย เด็กหญิงสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่เย็นขึ้นเรื่อยๆจากรอบตัวจนเริ่มสั่น หายใจออกมาเป็นไอเย็น สิ้นสุดความอดทนของเด็กหนุ่ม จึงเดินเข้ามาจับแขนซ้ายที่เป็นตัวควบคุมเวท จึงได้รับรู้ว่าท่อนแขนนั้นสั่นไหวจนสัมผัสอย่างได้ชัดเจน ‘กำลังกลัวอยู่งั้นหรือ?’
“พอเถอะแคนดี้ ไม่ไหวแล้วใช่ไหม” เด็กหนุ่มหันหน้าไปหาเด็กสาวเพื่อดูหน้าที่ก้มลงจนมองไม่เห็นให้ชัดเจนว่าตอนนี้เด็กสาวรู้สึกอย่างไร และต่อมาอีกไม่กี่นาทีเด็กสาวเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองเด็กหนุ่ม หยาดน้ำตาที่หลั่งรินลงมาเรื่อยๆจากเด็กสาว แล้วหันไปสบนันย์ตาสีฟ้าใสของเด็กหญิงที่กำลังตัวสั่นจากไอเย็นและความกลัว ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มแล้วก้มหัวลงพึมพำอะไรบางอย่างไอเย็นรอบๆตัวเด็กหญิงจึงหายไป
“พอเถอะค่ะ หนูยอมแพ้แล้ว” สิ้นเสียงของเด็กสาว อยู่ๆก็เกิดลมขึ้นข้างหน้าเด็กสาว ลมเริ่มก่อตัวเป็นพายุหมุนแล้วเปลี่ยนเป็นรูปร่าง แล้วสลายไปเผยให้เห็นชายชราในชุดคลุมสีฟ้า นัยน์ตาสีฟ้าคราม กับเส้นผมที่ขาวโพรนไปตามอายุ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า ทำให้อายุดูลดลง ชายชราคนนั้นเดินไปหาเด็กหญิงตัวน้อยที่ยิ้มหน้าบานตั้งแต่เห็นลมพายุ ไม่นานโซ่ที่รัดตัวเด็กหญิงเอาไว้ก็ถูกคมมีดสายลมตัดขาด เมื่อหลุดจากการพันธนาการเด็กหญิงก็ลุกขึ้นไปเกาะชายเสื้อชายชราทำให้ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมองเด็กสาว ที่ทำหน้าโกรธ ทั้งที่นัยน์ตายังมีน้ำตาอยู่เลย ซึ่งท่าทางนั้นทำให้ชายชราหัวเราะออกมาไม่เกรงใจ เด็กสาวจึงงอนสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นทันที ท่าทางที่ชายชราและเด็กสาวทำ ทำให้ชายหนุ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหายไปเหลือแต่ใบหน้าที่สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว
“คราวนี้ข้าชนะอีกแล้วสินะ โฮ่ๆ” ชายชราหัวเราะอย่างผู้ชนะ
“ท่านขี้โกงนี่ แน่จริงอย่าใช้มีอาเน่น้อยตนนั้นสิคะ” เด็กสาวทำหน้าเจ็บใจแล้วชี้ไปที่เด็กหญิงที่เกาะชายเสื้ออยู่
“อะไรแพ้แล้วอย่าพาลสิเราน่ะ”
“ก็มันจริงนี่คะ”
“จริงตรงไหนไม่มีกฎซะหน่อย”
“ก็หนูไม่มีอย่างนี้ไม่ยุติธรรมนี่คะ ไม่ยุติธรรมเลย” เด็กสาวพูดด้วยท่าทางที่บอกว่าตัวองไม่ผิด ทำให้ชายชรายิ่งหัวเราะได้ใจเข้าไปใหญ่
“เราอยากใจอ่อนสิ ถ้านี่เป็นศัตรูจริงๆ เจ้าคงโดนฆ่าตายไปแล้วแหงๆ”
“ไม่จริง” เด็กสาวเถียง
“จริง” ชายชรายังคงตอบย้ำ
“ไม่จริง”
“หยุดทะเลาะกันซะที” เด็กหนุ่มเริ่มรำคาญจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ และส่งสายตาปรามๆมาทางทั้งสอง ทำให้เด็กสาวที่รู้นิสัยอีกฝ่ายและเห็นสายตาอย่างนั้นจึงหยุดเถียงทันที
“เอาล่ะๆ ขอโทษด้วยแล้วกันถ้าทำให้เจ้ารำคาญ เจ้าอยากจะถามอะไรข้าหรือเปล่า”
“คำตอบของคำถาม”
“โอ้ เจ้านี่ไม่เลวเลย แทนที่จะถามว่าข้าเป็นใครแต่เลือกถามว่าคำตอบของคำถามคืออะไรอย่างนั้นรึ แน่มาก” ชายชรามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาท้าทาย แต่อีกฝ่ายหลังถามคำถามนิ่งเงียบรอคำตอบของอีกฝ่าย เมื่อเห็นท่าทีนั้นชายชราจึงยิ้มออกมาอย่างชอบใจ แล้วหันไปพูดกับเด็กสาว
“เราก็รู้ บอกเจ้าเด็กนั่นสิ”
“หนูเหรอ?”
“ใช่ คำตอบที่อยู่ในใจเจ้าถูกต้องแล้ว” เด็กหนุ่มหันไปมองเด็กสาวพลางคิดว่า ‘รู้จริงๆด้วยสินะ ตอนนั้นก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมใช้คำว่า ‘ข้า’ แทนคำว่า ‘ฉัน’ ดูออกง่ายเสียจริง’
“กระจกมายาหรือคะ”
“อืม คำตอบมันอยู่ในนั้นอยู่แล้ว”
“กระจกมายา คือสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่มีอยู่จริง ง่ายๆก็ฉายสิ่งที่มีจริงออกมา แต่ไม่มีสิ่งนั้นอยู่ ณ ที่นั้นจริง” ชายชรายิ้มออกมาอย่างพอใจกับคำตอบของเด็กสาว เด็กสาวจึงพูดต่อไปว่า
“คนมองเห็นน้ำจึงหมายความว่า ผู้ที่มองเห็นความจริงอันนั้น”
“โฮ่ๆ เยี่ยมมาก แล้วเจ้ามีอะไรอยากถามข้าอีกมั้ย เจ้าหนุ่ม”
“ท่านเป็นใคร” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่อยากได้คำตอบ ซึ่งท่าทางนั้นทำให้ชายชราถูกใจจนหัวเราะออกมา
“เจ้าหนุ่มนี่ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆอืม ข้าเป็นใครหรือ อืม แคนดี้เราช่วยตอบแทนข้าที”
“เอ๊ะ!หนูเหรอ ทำไม” เด็กสาวชี้มาที่ตัวเองอย่างงงๆ ก่อนที่จะหันไปสบนัยน์ตาสีรัตติกาลของเด็กหนุ่ม จึงทำให้เข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องให้ ชายชราพูดต่อไปว่า
“ก็ดูท่าทางเจ้าหนุ่มนี่ไม่ได้สนใจคำตอบที่ออกมาจากปากข้า แต่สนใจคำตอบที่ออกมาจากปากเรามากกว่าไงล่ะ แคนดี้”
“เอ่อ รูฟ ฉันขอโทษที่ไม่บอกตั้งแต่แรกนะ เพราะพอดีกำลังใจจดใจจ่อกับการเอาชนะไปหน่อยน่ะ อย่าโกรธเลยนะ” เด็กหนุ่มสบตากับเด็กสาวก่อนจะพยักหน้ารับคำขอโทษ ทำให้เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ท่านเป็นใคร” เด็กสาวพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเข้าใจอีกฝ่าย เด็กสาวจึงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสออกมาว่า
“ท่านเป็นคุณตาของฉันเอง”           
มีอาเน่*เป็นภูตที่เกิดจากสิ่งของที่มีมนตรา มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง และมีดวงวิญญาณอันแข็งกล้าสิงสถิตอยู่ มีอาเน่แต่ละตนจะมีธาตุ สีผม สีตาตามธาตุของสิ่งของมนตรานั้นๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา