Candine The Poserry
10.0
3) ตอนที่ 2 พายุที่โหมกระหนํ่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความΨrannaΨ
สวัสดีค่ะ
ขอ ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านและหวังว่าจะแวะมาอ่านตอนต่อๆไปจนจบด้วยค่ะ แล้วถ้ามีอะไรตกหล่นหรือเขียนผิดคอมเม้นท์เข้ามาบอกได้เลยนะค่ะจะได้แก้ไข ตอนที่แล้วภัยพิบัติกำลังมาเลย แคนดี้จะทำอย่างไรกับพายุลูกใหญ่ที่จะมากันนะ ไปดูตอนที่สองของเรื่องนี้กันเลยค่ะ
ความภาคภูมิใจของนักเขียนคือการทำให้คนอ่าน มีรอยยิ้มค่ะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ♥
ByΨrannaΨ
...........................................................
+ ตอนที่ 12 พายุที่โหมกระหนํ่า +
"วะ ว่าอะไรนะ เมื่อกี๊เจ้าพูดว่าอะไรนะ " ดวงตาสีดำของกัปตันเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำพูดของแคนดี้ ก่อนจะตั้งสติแล้วหันไปดูท้องฟ้าแล้วรีบตะโกนเออกคำสั่งรองกัปตันกับลูกน้อง ในเรือคนอื่นๆว่า "พวกเจ้าเก็บใบเรือแล้วเตรียมร่ายเวทย์ได้แล้ว รอยด์" กัปตันเรียกชื่อของรองกัปตันพร้อมส่งคันธนูกับลูกธนูให้กับรอยด์ "ทราบแล้วกัปตัน มวลสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวข้า โปรดมอบพลังแด่ข้า จงมาเป็นโล่ห์คุ้มกันเรือนี้ให้พ้นภัย" ในระหว่างที่รอยด์ร่ายเวทย์อยู่นั้นรอบๆตัวของรอยด์ก็มีแสงจากทุกทิศทุกทาง มารวมกันล้วแปลเปลี่ยนเป็นพลังให้แก่ลูกธนู "วินด์ชิลด์" ทันทีที่สิ้นเสียงรอยด์ก็ปล่อยธนูไปข้างหน้าที่ตอนนี้มีพายุลูกใหญ่ที่รวม ตัวกับนฺ้าในทะเลกลายเป็นคลื่นยักษ์กำลังจะซัดเข้ามาโดนเรือ ตูมมมม!! "อึก! บ้าจริงไม่นึกว่าจะรวมตัวกับนํ้าในทะเลด้วย" รอยด์อุทานขึ้นทั้งๆที่ยังต้านคลื่นที่ตอนนี้ซัดมาถึงเรือแล้วด้วยคันธนู และเพราะแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นเรือจึงสะเทือนไปด้วย ทำให้ลูกเรือที่เหลืออีก 4คนวิ่งออกมาจากห้องอาหาร "กัปตัน เกิดอะไรขึ้น!" ผู้หญิงคนผมยาวพูดขึ้นแต่เมื่อทั้ง 4 หันไปมองทางแรงสั่นสะเทือนก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกันผู้หญองคนผมยาว ดูจะตกใจและกลัวที่สุดในกลุ่ม 3 คน จึงเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากแล้วเดินถอยหลังหลายก้าวเพราะกลัวสุดขีด "คะ คลื่นยักษ์! ไม่เอานะทั้งที่ฉันแค่จะไปเที่ยว เมืองแห่งนํ้า คาริน เพื่อจะไปซื้อนํ้าหอมไปให้แม่แท้แล้วทำไมฉันจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย" ผู้หญิงคนผมยาวหน้าซีดเผือกและยังรำพึงรำพันต่อเพราะความกลัวสุดขีด "น่ะ น่ารำคาญน่าเงียบๆได้ไหม ข้าต้องใช้สมาธินะ ถ้าข้าไม่มีสมาธิล่ะก็ถึงตอนนั้นเวทย์ก็จะคลายแล้วทีนี้คงจะรู้นะว่าจะเกิด อะไรขึ้น" รอยด์พูดตัดด้วยความรำคาญ และต้องการที่จะขู่เพื่อให้เงียบเจ้าตัวเค้าจะได้สงบสติอารมณ์ได้ด้วย "แคนดี้ เจ้าช่วยหนุนเจ้ารอยด์มันทีระหว่างนั้นข้าจะเข้าไปยังคับเรือให้เปลี่ยนเส้น ทางก่อนเพื่อที่จะได้หลบเข้าฝั่งในหมู่เกาะใกล้ๆข้าคิดว่าน่าจะปลอดภัย มากกว่าฝากด้วยนะ จะทำยังไงก็ได้ช่วยสกัดเอาไว้ก่อน" พูดเสร็จกัปตันที่ดูเหมือนจะตั้งสติได้ก่อนใครก็วิ่งเข้าไปในเรือทันที "งั้นก็ช่วยไม่ได้รองกัปตันอยู่ยังงันก่อนนะ" แคนดี้ทำถ้าเบื่่อแล้วก็คิดในใจว่า นี่ มันวันอะไรเนี่ยซวยจริงๆเจอยังงี้ตั้งแต่ออกเดินทางไม่กลายเป็นว่าเจอเรื่อง ซวยตั้งแต่วันแรกหรอแล้วยังงี้ต่อไปจะเจอเรื่องซวยๆอะไรอีกเนี่ย ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่แคนดี้ก็ยังหยิบคันธนูด้านหลังขึ้นมาพร้อมกับง้างมันโดยไม่มีลูกธนู "นี่เธอคิดจะทำอะไรน่ะคิดจะง้างคันธนูโดยไม่มีลูกธนูอย่าง" ในระหว่างที่ผู้หญิงผมสีนํ้าตาลเข้มพูดนั้น ก็มีลมพัดมารวมอยู่ที่คันธนูแล้วรวมกันเป็นลูกธนู "น่ะนี่ มัน"ผู้หญิงผมสีนฺ้าตาลเข้มพูดด้วยความแปลกใจและมองไปที่คันธนูของแคนดี้โดยไม่ละสายตา "ฮึ เจ้าคงไม่รู้ถึงความสามารถของเอลฟ์ซินะ" รอยด์ที่ตอนนี้ยังต้านพลังอยู่พูดขึ้นเพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ถึง ความสามารถของเอลฟ์ทั้งที่เป็นเรื่องที่แม้แต่เด็กๆก็รู้กันทั้งนั้น "นายหมายความว่ายังไง" ผู้หญิงผมสีนํ้าตาลเข้มพูดขึ้นด้วยความโมโห ทำหน้าหงิกหน้างอไม่พอใจกับคำพูดของรอยด์ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกตนอยู่ "ก็หมายความว่า เธอไม่รู้ถึงความสามารถของเอลฟ์เลยซินะ" ในระหว่างที่รอยด์ที่ต้านพลังอยู่หันหน้ามาพูดกับผู้หญิงผมสีนํ้าตาลเข้ม ด้วยสีหน้าจริงจัง ลูกธนูของแคนดี้ก็เริ่มขยายตัวจากลูกธนูดอกเล็กๆที่สร้างจากลมกลายมาเป็นลูก ธนูดอกใหญ่ที่ดูไม่เหมือนลมแต่ดูเหมือนก้อนนํ้าแข็งที่มีรูปร่างเป็นธนูก่อน ที่ไอเย็นจากลูกธนูจะแผ่ซ่านออกมาจนคนใกล้เคียงก็รู้ถึงความเย็นของมัน "แล้วมันอะไรล่ะ ไอ้ที่ว่าความสามารถของเองฟ์ที่ว่าน่ะ" ผู้หญิงผมสีนํ้าตาลเข้ม ทำหน้าหงุดหงิด พร้อมกับจงใจพูดให้อีกฝ่ายโมโหเพราะรู้ว่าเค้ารู้ว่าตนไม่รู้จริงๆ "นี่ ซารี่อย่าพูดอย่างนั้นซิ" ผู้หญิงคนผมสีดำพูดขึ้นเพราะคิดว่ารอยด์พูดถูกเพื่อนของเธอไม่รู้เรื่องพวก นี้เลยเพราะซารี่เป็นคุณหนูที่อยู่อย่างสุขสบาย เธอเป็นเพื่อนกับซารี่ตั้งแต่เด็ก เพราะเธอมีน่าที่สอนเรื่องต่างๆให้กับเธอในฐานะอาจารย์แต่พอจะสอนเรื่องอะไร ก็ตามเธอก็ไม่ยอมฟังเอาแต่เล่นอย่างเดียว และที่ผู้หญิงผมสีดีดำพูดเพราะว่าการพูดอย่างนี้ส่อถึงความเป็นคุณหนูไม่มี สกุลเธอจึงพูดเพื่อเตือน "อะไรเล่าเทียร์เข้าข้างเจ้าหมอนั่นหรอ" ซารี่ไม่พอใจกับคำพูดของเทียร์จึงพูดพร้อมแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างการทำ หน้าหงิกหน้างออย่างงี้ "พะ พอเถอะซารี่ที่คุณรองกัปตันพูดมันถูกแล้วล่ะ" ผู้หญิงผมยาวสีนํ้าตาลพูดแทรกขึ้นมาเพราะคิดว่ารองกัปตันพูดถูกและดูเหมือน เจ้าตัวจะสงบสติอารมณ์จนมีสีหน้าที่เหมือนปกติแล้ว "อะไรเล่า ฮิลด้า นี่เธอก็จะเข้าข้างเจ้าหมอนั่นด้วยหรอ" ในตอนที่ฮิลด้าทำถ้าจะอธิบายให้เข้าใจรอยก็พูดขึ้นว่า "รู้สึกว่าเพื่อนเธอจะรู้ดีกว่าเธออีกนะว่า เอลฟ์อย่างพวกข้าน่ะสามารถยืมพลังของธรรมชาติได้ไงล่ะ" รอยด์ตอบด้วยสีหน้าเรียบทั้งที่จนถึงตอนนี้ก็ยังต้านพลังของคลื่นยักษ์อยู่ เพื่อรอแคนดี้ที่ตอนนี้ใกล้จะรวมพลังไว้ที่ลูกธนูเสร็จแล้ว "ยืมพลังของธรรมชาติงั้นหรอ ยืมยังไงล่ะ? แล้วใช้พลังยังไงล่ะ?" ตอนนี้ซารี่ที่เคยหงุดหงิดก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสงสัยและอยากรูอยากเห็นขึ้นมา แทน "ก็ เอลฟ์อย่างพวกข้าน่ะมีพลังวิญญาณสูงกว่ามนุษย์ธรรมาดาทั่วไปอย่างพวกเธอ จึงสามารถติดต่อสื่อสารกับธรรมชาติด้วยพลังวิญญาณนี่ไงล่ะ แล้วแค่สื่อสารท่องคาถาขอยืมพลังก็ได้แล้วถ้าแค่ ขอให้ลมพัดมาแค่นี้ แต่ที่แคนดี้กำลังทำไม่เหมือนกัน เพราะข้าแค่ขอยืมพลังของธรรมชาติมาเป็นโล่ห์เฉยๆ แต่แคนดี้ไม่ได้แค่ขอยืมแต่นำพลังธรรมชาติที่ขอยืมนั้นมาเป็นของตัวเองด้วย" "นำมาเป็นของตัวเองอย่างนั้นหรอ?" ซารี่ยังไม่ค่อยเข้าใจที่รอยด์พูดเท่าไหร่จึงได้แต่ฟังทำคอเอียงเพราะงง แล้วก็ถามตรงที่อยากรู้ "ใช่ แคนดี้นอกจากจะขอยืมพลังแล้วยังได้ร่ายคาถาเวทย์อีกด้วย เพื่อที่จะนำพลังที่ได้ยืมมานั้นมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยการเริ่มจากขอยืมพลัง แล้วปล่อยไอเวทย์ในร่างกายออกมาแล้วเริ่มท่องคาถาเพื่อจะนำพลังที่ได้ยืมมา ประสานกับไอเวทย์จนเกิดเป็นส่วนหนึ่งของไอเวทย์แล้วท่องคาถาที่ต้องการจาก นั้นไอเวทย์ที่รวมตัวกับพลังที่ขอยืมแล้วก็จะไปรวมกันอยู่ที่ธนูไงล่ะ" สิ้นเสียง รอยด์ก็ทำหน้ายิ้มแย้มภูมิใจกับที่ได้อธิบายในความสามารถของเผ่าพันธุ์ตน "โห! วิเศษไปเลย แล้วเค้ายืมพลังธรรมชาติรูปแบบไหนมาใช้ล่ะ ลมหรอ?" ซารี่รู้สึกตื่นเต้นแล้วก็รู้สึกว่าเริ่มจะเข้าใจในสื่งที่รอยด์บอกแล้ว "ถ้ามองเผินๆจะเห็นเป็นอย่างนั้น แต่เธอสังเกตดูก็น่าจะรู้นะว่ามันมีมากกว่านั้น" รอยด์หันไปมองแคนดี้ที่ตอนนี้รวมพลังจนถึงจุดสูงสุดแล้วเหลิือแต่ปรับให้ พลังที่มารวมกันเสถียรจนสามารถควบคุมแล้วปล่อยออกไปได้ "น่ะ นํ้าอย่างงั้นหรอ?" ฮิลด้าที่ดูจะมีสมาธิกับคำอธิบายของรอยด์มากกว่าซารี่ที่มัวแต่ตื่นเต้นจึง พูดขึ้นเพราะอยากรู้ว่าที่ตนพูดถูกต้องหรือเปล่า "ใช่เจ้าพูดถูก ฮิลด้าแคนดีี้นั้นเรียกลมที่หอบเอาไอนํ้ามาด้วยแล้วพอได้รับไอเวทย์เข้าไปลม ที่หอบเอาไอนํ้ามาก็เปลี่ยนกลายมาเป็นนํ้าแข็งที่จับตัวกันเป็นลูกธนู แต่ใช่ว่าเผ่าเอลฟ์จะทำแบบแคนดี้ได้หมดนะ จะต้องเป็นเอลฟ์ที่มีพลังวิญญาณสูงและต้องฝึกฝนจนรีดไอเวทย์ออกมาใช้ได้ดี เท่านั้นถึงจะใช้เวทย์ชั้นสูงบทนี้ได้" ฮิลด้าพยักหน้ารับ เหมือนกับรู้สึกได้เลยว่าไม่ใช่พลังธรรมดาเพราะเธอไม่ได้เห็นการแสดงการใช้ เวทย์มนต์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจึงรับรู้ได้ "ฮึ สมแล้วที่เป็นลูกสาวของหัวหน้าชนเผ่าเอลฟ์" รอยด์ทำหน้ายิ้มแย้ม แสดงถึงความภาคภูมิใจอีกครั้งเหมือนจะบอกว่าตนเป็นคนสนิทของลูกสาวหัวหน้าชน เผ่าอย่างนั้นแหละ "อะไรนะ! ลูกสาวของหัวหน้าชนเผ่าเอลฟ์/อย่างนั้นหรอ" คราวนี้ไม่ใช่แค่สาวๆทั้ง 3 เท่านั้นที่พูดขึ้นมาแต่ว่าคนที่นิ่งเงียบสนิทก็พูดขึ้นมาด้วย แต่ทุกคนมัวแต่ตกใจเลยไม่ทันสังเกตในอีกหนึ่งเสียง ที่ร้องขึ้นมา และในระหว่างที่ทุกคนตกใจกับคำพูดของรอยด์นั้นแคนดี้ก็ทำให้พลังเสถียรเรียบ ร้อยแล้วท่องคาถาขึ้นว่า "ข้าคือผู้หยิบยืมพลังของธรรมชาติ บัดนี้ข้าขอนำพลังของท่านมาใช้เป็นพลังปกป้องพวกพ้องของข้าด้วยเถิด"สิ้น เสียงก่อนที่จะปล่อยให้ลูกธนูออกไปแคนดี้ก็พูดขึ้นทันทีก่อนจะยิงออกไปว่า "รองกัปตัน ถอยมาเร็ว!" "เข้าใจแล้ว" ทันที่ที่รอยด์ถอยออกมาฮิลด้าก็กลัวจนหน้าซีดทันทีเมื่อเห็นคลื่นยักษ์กำลังซัดเข้ามาใกล้เรือ "ไอซ์แอโรว์" ฟิ้ววว!! ชู่วว!! ทันทีที่ลูกธนูถูกปล่อยออกไปคลื่นลูกใหญ่ก็ถูกลูกธนูทำให้แข็งเป็นนํ้าแข็งไปในทันที "โอ้โห พลังสุดยอด" ซารี่พูดขึ้นเพราะเห็นว่ามันสุดยอด "ซารี่!" เทียร์ดุขึ้นเสียงเพราะเห็นว่ามันไม่งามสำหรับคุณหนูผู้มีสกุล "ไม่หรอก ข้าใช้พลังไปกับเวทย์บทนี้จนหมดแล้ว เพราะเวทย์บทนี้ต้องใช้พลังอย่างมาก ข้าจึงไม่ค่อยอยากจะใช้ซักเท่าไหร่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มันก็ช่วยไม่ได้ กัปตัน รีบหันหัวเรือเร็ว" แคนดี้พูดด้วยสีหน้าเรียบเสร็จก็หันไปตะโกนเรียกกัปตันเป็นการให้สัญญาณ "เข้าใจแล้ว" ในตอนที่กัปตันจะหันหัวเรือตอนนั้นเอง เปรี๊ยะ!! "แย่แล้วนํ้าแข็งกำลัง จะ"ฮิลด้าเบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วพูดขึ้น "นี่มัน หรือว่านี่ไม่ได้เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ แต่เกิดจากผู้ใช้เวทย์มนต์"แคนดี้เองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเช่นเดียวกับ คนอื่นๆที่เมื่อได้ยินคำพูดของแคนดี้ก็ตกใจ "แย่แล้วคลื่นซัดมาแล้ว กรี๊ดด!!" สาวๆทั้ง 3 ร้องลั่นด้วยความกลัว "โธ่เว้ย ฝีมือของผู้ใช้เวทย์มนต์หรอเนี่ยไม่น่ามันแแปลกๆที่อยู่ๆพายุลูกใหญ่จะมารวม ตัวกับนํ้าในทะเลจนเป็นคลื่นลูกยักษ์แบบนี้ ฮึ้ย!" รอยด์พูดออกมาด้วยความโกรธและเจ็บใจที่รู้สึกตัวช้าไปไม่งั้นคงหาทางแก้ได้ ทันไปแล้ว "แย่แล้วซิ!" กัปตันพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ตอนแรกใจเย็นตอนนี้เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ซีดเผือก "โธ่วันนี้เป็นวันซวยจริงๆด้วย อย่าให้เจอตัวนะไอ้เจ้าผู้ใช้เวทย์ตัวการ" ถึงแคนดี้จะพูดอย่างนั้น แต่ตอนนี้แคนดี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อยก่อนที่จะคิดในใจว่า นี่เราจะต้องมาตายอย่างนี้จริงๆหรอต้องมาตายทั้งที่ยังไม่เจอพี่เกรย์ เจอมังกรแล้วกลับบ้านไปตามสัญญาอย่างนั้นหรอ วู้มม!! "เอ๊ะ!" แคนดี้อุทานขึ้นด้วยความตกใจ่อนที่จะคิดในใจว่า ลูกแก้วเปล่งแสงนี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ย...........................................................
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ