นักสืบชิดชัยกับคดีฆาตกรรมปริศนา
6) ตอนที่ 6 The 1st Investigation of Kid detective
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
มนุษย์ ถ้าปราศจากความเชื่อมั่น ก็ไม่สามารถบรรลุถึงจุดมุ่งหมายได้เพราะอาจจะยอมแพ้ และหมดหวังซะก่อน ผมเคยหมดหวังกับการที่ต้องตกเป็นเหยื่อในการเล่นสนุกของฆาตกรโรคจิตจนเกือบ ยอมแพ้ซะแล้ว แต่เหตุการณ์และกำลังใจจากคนรอบข้างทำให้ผมกลับมีความเชื่อมั่นอีกครั้ง ความเชื่อมั่นทำให้ผมเกิดความมุ่งมั่นที่จะตามหาความจริง ความเชื่อมั่นทำให้ผมคิดที่จะสู้และต่อกรกับอุปสรรคข้างหน้าไม่ว่ามันจะยาก สักแค่ไหน
หลังจาก เหตุการณ์การตายของก้อย และการที่ผมถูกปล่อยตัวอย่างไม่น่าเชื่อจากอัลเลน นายตำรวจประจำซิดนีย์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเเมททิวโฮมสเตย์ที่ผมอาศัยอยู่ ด้วย ทำให้ผมได้รู้ว่าพระเจ้าได้มอบเวลาให้ผมกลับมาแก้ไข เพื่อไขเรื่องราวทุกอย่างที่ยังคงเป็นปริศนา แม้ว่าพระเจ้าจะไม่สามารถย้อนเวลาให้ผมกลับไปแก้ไขตั้งแต่ต้นเรื่องได้ แต่ท่านก็ได้ให้เวลาผมในการหยุดการดำเนินต่อไปของเรื่องราวที่ชั่วช้านี้
ผมมอง นาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เวลาตีสี่สิบห้านาที ท้องฟ้ายังมืดมิด บรรยากาศยังเงียบสงบเเสดงให้เห็นถึงความสงบของประเทศออสเตรเลียนี้ได้เป็น อย่างดี เพื่อการค้นหาหลักฐานที่จำเป็นในการหลุดพ้นคดีของผม ผมจึงตัดสินใจก้าวออกมาจากการซ่อนตัวในสวนสาธารณะ และเรียกแท๊กซี่เพื่อตรงไปยังจุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรมเมย์คนรักของผม เมื่อใกล้ถึงโกดังดังกล่าวผมก็เรียกให้แท๊กซี่จอด ผมรอแท๊กซี่ไปจนพ้นสายตา แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่โกดังร้างด้วยความรวดเร็ว
สภาพโกดังเป็น โกดังเก่าๆดูไม่เหมาะที่จะมาอยู่ในเมืองชัทส์วูดที่เต็มไปด้วยคนมีอันจะกิน แบบนี้ รอบๆโกดังยังมีแผ่นพลาสติกสีเหลืองของตำรวจล้อมรอบเขียนไว้ว่า ห้ามเข้าอยู่ ผมเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ขณะที่ก้าวเข้ามาในโกดัง ใจผมสั่นไหว ที่นี่เองที่ที่เมย์ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดตาย ผมกลั้นใจและตั้งสติ หยิบเอาพวงกุญแจไฟฉายขนาดเล็ก ออกมา และเริ่มต้นสำรวจ การสำรวจที่เกิดเหตุในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นเเละเป็นเเรงบรรดาลใจและ เเรงผลักดันให้ผมต้องกลายมาเป็นนักสืบในเวลาต่อมา
สภาพในโกดังมี หญ้าขึ้นประปราย มียางล้อรถเก่าๆวางซ้อนกันอยู่เต็มไปหมด มีแต่ลานกว้างบริเวณกลางโกดังเท่านั้นที่ว่างเปล่า และที่ว่างนั่นต้องเป็นที่ที่เกิดคดีแน่นอน ผมสลัดความกลัว และเดินเข้าไปใกล้จุดเกิดเหตุด้วยความระมัดระวังไม่ให้ไป ทำลายหลักฐานต่างๆ ผมเห็นตำรวจใช้ป้ายหมายเลขวางตามรอยต่างๆ ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และผมก็มาหยุดตรงบริเวณสเปรย์ที่ที่เคยเป็นบริเวณที่พบศพ ผมทรุดลงและเริ่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่พร้อมกับพูดออกมาเบาเบาว่า
"ที่ รัก... ผมมาเเล้วนะ ผมมาหาคุณเเล้ว..." หัวใจผมเเทบสลายเพราะที่นี่เป็นจุดจบของผู้หญิงคนหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมี ชีวิตที่สวยงาม
เมื่อทำใจได้ ผมก็เช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นบนใบหน้าออก เเละส่องไฟฉายไปรอบๆ ห่างจากที่พบศพประมาณสองเมตรผมเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่ง เมย์คงถูกจับมัดและคงถูกปล่อยตัวออกมา ตะเกียกตะกายและถูกฆ่าที่บริเวณนี้ ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เก้าอี้ตัวนั้น พยายามมองอย่างละเอียด บนเก้าอี้มีเลือดที่แข็งตัวแล้วเต็มไปหมด เมย์คงถูกทรมาณไม่น้อยเลยบนเก้าอี้ตัวนี้ ในที่สุดโชคก็เข้าข้างผมอีกครั้ง ผมเห็นรอยขีดจางๆบริเวณด้านหลังของเก้าอี้ ความรู้สึกบอกให้ผมรู้ว่านี่ต้องเป็นข้อความอะไรสักอย่างแน่ๆ และตำรวจก็คงจะเก็บหลักฐานตรงนี้ไปด้วยเช่นกัน ผมพยายามเพ่งมอง อ่านได้ว่า
“英 014021090”
ผมจดใส่กระดาษ และพยายามทำความเข้าใจ ผมจำได้ว่าภาษาจีนตัวนี้อ่านว่า”อิง” แปลว่าอะไรนั้นผมจำไม่ค่อยได้ แต่ถ้าจำไม่ผิด น่าจะแปลว่าวีรบุรุษ หรือพระเอก เพราะเมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็กผมเคยเรียนภาษาจีนมาก่อน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการหาตัวฆาตกรออกเลย และตัวเลขข้างหลังน่าจะเป็นเบอร์โทรหรืออะไรซักอย่างผมยังไม่แน่ใจ เพราะในตอนนั้นผมอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี นั่นทำให้ผมใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจในความหมายของข้อความนี้ ถ้าเป็นผมในปัจจุบันคงใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็สามารถไขข้อความนี้ได้อย่างแน่นอน
*****************************
ผมใช้ ไฟฉายส่องไปรอบรอบ เห็นมีรอยเลือดหยด และรอยเลือดสาดไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนที่เมย์ถูกฆ่าเธอคงทรมาณมาก ถ้าเลือกได้ผมอยากจะมาอยู่ ณ จุดนี้แทนเธอ ตอนนี้สมควรแก่เวลาที่จะออกไปจากที่เกิดเหตุนี่ได้แล้ว มันวังเวงและน่ากลัวพิลึก คิดได้ดังนั้นผมก็ค่อยๆเดินออกมาจากโกดังร้าง และคิดทบทวนประติดประต่อเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมไปถึงข้อความสองข้อความที่ผมได้จากเมย์ และก้อย อยู่ๆกระเป๋าสะพายผมก็สั่น นั่นทำให้ผมตกใจเล็กน้อย ผมเปิดกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์ของก้อยที่กำลังสั่นอยู่ออกมา มีสายเรียกเข้าเข้ามาหนึ่งสาย เป็นหนุ่ยนั่นเอง ผมดีใจมากที่หนุ่ยไม่ได้เป็นอะไร ผมกดรับพร้อมกับพูดว่า
“ดีใจจังว่ะ ที่นายยังอยู่ เรานึกว่านายถูกคนที่ฆ่าก้อยฆ่าตายไปซะแล้ว”
“อะไรนะ!! พูดใหม่อีกทีซิ นายว่าก้อยตายแล้วงั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่นน่า ไม่จริงใช่ไหม” หนุ่ยพูดน้ำเสียงตกใจสุดขีด
“ขอโทษ นะหนุ่ย ก้อยตายแล้วจริงๆ ถูกฆ่าตอนเราหลับอยู่” ผมตอบด้วยเสียงเศร้าๆ
“แล้วนายทำไมไม่ รู้ตัวเลยวะ ว่าก้อยถูกฆ่า นายนั่นแหล่ะ ที่ฆ่าก้อยใช่ไหมวะ” หนุ่ยโกรธเพราะคิดว่าผมเป็นคนทำ
“เราไม่ได้ทำนะ เราไม่รู้สึกตัวเลยขณะที่ก้อยถูกฆ่า เราไม่รู้เรื่องจริงๆ ตื่นมา ก้อยก็เป็นศพไปแล้ว” ผมพยายามแก้ตัวแต่หลักฐานมันมัดผมแน่นเหลือเกิน
“จะให้ กูเชื่อได้ไงว่ามึงไม่ได้ฆ่า!!” หนุ่ยโมโหสุดขีด
“ถ้าเรา ฆ่าก้อยจริง ทำไมเราไม่หนีไปเลยล่ะ ทำไมเราต้องรอให้ตำรวจมาถึงก่อนด้วยวะ เราไม่รู้จะแก้ตัวยังไง แต่เราไม่ได้ทำจริงๆ เชื่อเราอีกสักครั้งเถอะนะ ขอร้อง นายก็รู้ว่าเราไม่ได้ทำ” ผมพยายามต่อ
“ตอนนี้ แกอยู่ไหน ปลอดภัยรึเปล่า เดี๋ยวฉันไปรับ แล้วแกต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง”
“ตอนนี้ เราอยู่ที่ด้านหลังสถานีรถไฟชัทส์วูด พอดีเราคิดถึงเมย์น่ะ ก็เลยมาหลบอยู่ที่นี่” ผมไม่ได้บอกหนุ่ยไปว่าผมมาเพื่อหาหลักฐาน เพื่อตัวของหนุ่ยและเพื่อตัวของผมเอง
“โอเค แล้วจะรีบไปเดี๋ยวนี้!!” พูดเสร็จหนุ่ยก็วางสายทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ