เพราะร้าย.. ถึงรัก
3) ตอนที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ดูคลุมเครือมากยิ่งขึ้น อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างวุ่นวายเรื่องของตนเอง เนื่องจากภาระหน้าที่ที่แตกต่างกัน ทำให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกันเหมือนแต่ก่อน แต่ถึงกระนั้น ต่างก็ยังได้รับรู้ความเป็นไปของกันและกันอยู่เสมอๆ ทำให้ทั้งสองยังรับรู้ข่าวคราวของกันและกันไม่เคยขาดหาย
แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านพ้นไป ทำให้ในวันนี้ สาวน้อยแสนซนในวันวาน กลายเป็นสาวสวยน่าทนุถนอม เนื่องด้วยรูปร่างผอมบาง ผิวขาวอมชมพู หน้าเรียวใส ผมยาวสลวยดัดลอนใหญ่สีน้ำตาล ยิ่งทำให้หญิงสาวดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องชั้นดี ส่งผลให้มีชายหนุ่มน้อยใหญ่มากหน้าหลายตา พยายามเข้ามาตีสนิท เพื่อหวังจะได้ครอบครองหัวใจของเธอ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะสามารถชนะใจเธอได้เลยสักคน
ทางด้านชายหนุ่มเองก็ไม่น้อยกน้าไปกว่ากัน นับวันจะยิ่งได้รับความสนใจจากสาวน้อยใหญ่ที่เข้ามาวนเวียน เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นดารานางแบบ หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจสาวๆ ที่เข้ามาหาโดยใช้เรื่องธุรกิจบังหน้า แต่กระนั้น ไม่มีใครล่วงรู้ว่า ทำไม เขาถึงยังไม่มีใครที่คิดจริงจังด้วยเลยสักคน
จากวันเวลาที่ล่วงเลยมา จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนกระทั่งวันนี้ เป็นอีกวันสำคัญวันหนึ่งของครอบครัวกิติสกุล วันที่ทุกคนพร้อมใจกันมา เพื่อแสดงความยินดกับสาวสวย แม้ในวันนี้ ที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องประดับมูลค่ามหาศาล แต่กลับทำให้วันนี้เธอดูสวยใส ด้วยชุดครุยที่แสดงถึงความสำเร็จของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะในวันนี้ เป็นวันพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อเป็นเครื่งยืนยันถึงความสำเร็จและความตั้งใจของสาวสวยคนนี้ ซึ่งจะต้องเข้ารับพระราชทาน ในคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง สาขาการจัดการการเงิน ซึ่งนำความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัว และคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
“เรียบร้อยแล้วหรอลูก” เสียงคุณทับทิมเอ่ยถามลูกสาวสุดที่รัก เมื่อเธอวิ่งตัวปลิวมาจากทางด้านหน้าห้องประชุมที่ใช้ประกอบพิธี พร้อมทั้งโอบกอดด้วยความภาคภูมิใจ
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณแม่ นี่ค่ะ หนูนัญมอบให้คุณพ่อกับคุณแม่” หลังจากเข้าสู่อ้อมกอดของบิดามารดา เสียงหวานใสก็เริ่มออดอ้อนทันที
“แล้วนี่ คนอื่นๆไปไหนกันหมดล่ะค่ะ” ว่าพรางมองหาไปรอบๆบริเวณ แล้วไม่เห็นคนอื่นๆที่มาให้แสดงความยินดีกับเธอเมื่อเช้า จึงต้องถามด้วยความ
“กลับไปเตรียมงานฉลองให้เราไง พ่อกับแม่เลยอยู่รอลูกที่นี้” คุณทับทิมตอบพลางออกเดินกลับไปที่รถยนต์ส่วนตัว เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีให้แก่ลูกสาวคนสวย
“พ่อว่า เรากลับกันดีกว่ามั๊ยลูก จะได้พักผ่อนก่อนจะไปงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของลูกคืนนี้” หลังจากยืนคุยกันอยู่นาน คุณพิภพจึงเอ่ยชวนสองสาวสวย
หลังจากพักผ่อนกันจนหายเหนื่อยแล้ว ก็คงต้องถึงเวลาฉลองให้กับความพยายามและความสำเร็จของสาวสวยเพียงคนเดียวของตระกูลกิติสกุล
“วันนี้หนูนัญดีใจที่สุดในโลกเลยค่ะคุณแม่คุณพ่อ เหนื่อยแทบแย่กว่าจะจบได้” หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว สาวสวยก็ยังไม่วายออดอ้อนมารดา
“คุณแม่ก็ดีใจค่ะลูก ว่าแต่ ต่อจากนี้เราอยากทำอะไรคะลูก จะช่วยงานคุณพ่อ หรือว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกเลยคะ”
“ถ้าคุณพ่อไม่ว่า หนูนัญอยากเรียนต่อค่ะ” พูดพรางมองหน้าบิดาว่า จะรู้สึกอย่างไรที่ลูกสาวคนเดียวจะทิ้งให้ทำงานคนเดียวต่อไป
“ก็ตามใจเราสิลูก หนูนัญอยากเรียนต่ออะไรหรืออยากทำอะไรก็ทำลูก พ่อตามใจหนูทุกอย่างอยู่แล้วล่ะลูก” ถึงแม้จะไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวห่างจากบ้านไปไหนไกล แต่เพื่อความสุขของลูก คุณพิภพก็ต้องยอม
“แม่ก็เหมือนกันลูก อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าลูกทำแล้วลูกของแม่มีความสุข” คุณทับทิมกล่าวหลังจากลูกสาวคนสวยหันมาขอความเห็น
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อกับคุณแม่น่ารักที่สุดเลยค่ะ” ว่าไปแค่นั้น ก็เข้ากอดและหอมแก้มทั้งสองอย่างยินดี
“เอาล่ะครับ ผมว่าเรามาแสดงความยินดีกับบัณฑิตคนใหม่ของเรากันดีกว่า ขอให้บัณฑิตใหม่ช่วยมาด้านหน้าสักหน่อยได้มั๊ยครับ” พิธีกรจำเป็นในงานกล่าวอย่างขี้เล่น
เพราะเสียงเรียกของพิธีกรจำเป็น ทำให้สาวสวยจำต้องหยุดอาการออดอ้อนบิดามารดาไว้ก่อน และเดินออกไปยังด้านหน้าของโต๊ะอาหารตามคำเรียกร้อง
“มาแล้วครับ สาวน้อยคนสวยของเรา แหมๆ นี้ขนาดยังไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวยงามอะไรมากมายนะครับ ยังสวยได้ขนาดนี้ เฮ้อ ไม่อยากจะนึกถึงอดีตตอนยังเด็กเลยครับ หลายๆท่านอาจจะไม่เคยเห็น แต่ขอบอกได้คำเดียวเลยครับ ขี้เหร่มากครับ” จบคำของพิธีกร ก็เรียกเสียงหัวเราะของคนในงาน รวมทั้งบิดามารดาของสาวสวย นอกจากเสียงหัวเราะ พิธีกรยังได้หมัดหนักๆจากเจ้าตัวไปอีกหนึ่งที
“โอ้โห นอกจากสวยแล้วยังหมัดหนักอีกด้วย อ่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า แบบว่า พี่อยากให้หนูนัญคนสวยเนี๊ย กล่าวอะไรสักเล็กน้อยสิครับ สำหรับทุกท่านที่มาแสดงความยินดีกับหนูนัญวันนี้” เอ่ยแซวเล็กๆน้อยๆต่ออีกนิด พิธีกรจำเป็นก็พาเข้าเรื่องสักที เพื่อไม่ให้เสียเวลามากเกินไป
“หนูนัญขอขอบคุณทุกๆท่านนะคะที่มาแสดงความยินดีกับความสำเร็จของหนูนัญวันนี้ หนูนัญขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากๆนะคะที่ทำให้หนูนัญมีวันนี้ ที่คอยให้กำลังใจหนูนัญเสมอ และหนูนัญขอบคุณเพื่อนๆที่น่ารักทุกๆคนนะ ที่อยู่ข้างๆหนูนัญในทุกๆเรื่องที่ผ่านมา” พูดได้แค่นั้น หนูนัญก็ยิ้มและวิ่งเข้าไปกอดบิดามารดาอีกครั้ง (และหนูนัญอยากขอบคุณพี่ดิศที่เป็นแรงผลักดันให้หนูนัญมีความพยายามพิสูจน์ให้พี่เห็นแต่พี่ก็คงไม่สนใจ) ไม่ได้พูดออกไป เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะพูด ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่สนใจใยดีเธอเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ