มิติรัก สองภพ

9.3

เขียนโดย ฝนฉ่ำ

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 14.25 น.

  3 ตอน
  22 วิจารณ์
  9,929 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ๑.ฝนแรกต้นฤดูกาล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ ๑ ฝนแรกต้นฤดูกาล


 

http://www.keedkean.com

 

(โปรดติดตามตอนต่อไปจ้

ตอนที่ ๑ ฝนแรกต้นฤดูกาล

 

                      ยามบ่ายแก่แดด  ตะวันแสดสาดแสงจัดจ้า  อากาศร้อนอบอ้าวเหมือนหมกกายอยู่ในเตาอบ  รมิดานั่งจับเจ่ารอคอยใครสักคนที่ชานชาลาตั้งแต่เที่ยงแล้ว  เธอได้โทรศัพท์แจ้งไปยังฟาร์มโคนมทุ่งตะวัน  ให้ส่งรถมารับไปยังสถานที่ทำงาน  แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่า  เจ้าของฟาร์มจะมาตามนัดหมาย

                      อากาศปลายเดือนพฤษภาคมร้อนจนเหงื่อไหลซิก  แม้นว่ารมิดาจะตัดผมซอยสั้นเปิดต้นคอ  แต่ไอร้อนก็พราวเม็ดเหงื่อตามลำคอและดวงหน้าคมสวย  เด็กสาวใส่เสื้อยืดสีขาว  สวมทับด้วยแจ็คเก้ต  กางเกงบูลยีนรัดรูป และรองเท้าผ้าใบคู่โปรด  ทำให้รูปร่างกะทัดรัดนั้นดูทะมัดทะแมงยิ่งขึ้น

                      รมิดา ธารารักษ์  เพิ่งสำเร็จการศึกษาหมาดใหม่ไฟแรง  จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม่โจ้  สาขาวิชาสัตวบาล

                      เมื่อสองเดือนก่อน  เด็กสาวยังกังวลเกี่ยวกับการหางานทำตรงใจรัก  เนื่องจากฟาร์มโคนมที่มีมาตรฐานในเมืองไทยมีเพียงไม่กี่แห่ง  และค่อนข้างอยู่ห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอน  ผู้เป็นพ่อก็ไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามกับเธอนัก  หากต้องเดินทางจากอ้อมอกไปทำงานไกลบ้าน  แต่ลูกสาวคนเล็กก็มุ่งมั่นฝันใฝ่เหลือเกินว่า  อยากทำงานหาประสบการณ์ในฟาร์มดีๆ สักแห่ง  แล้วจึงหวนกลับมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน  แม้นชีวิตการเป็นลูกจ้างจะลำบากยากเข็ญเพียงใดก็ตาม

                         หากแต่แรงดลบันดาลใจสำคัญ  ที่ทำให้เธอเลือกฟาร์มโคนมแห่งนี้  ก็เพราะเจ้าของกิจการคือผู้ชายที่ตราตรึงอยู่ในความฝันมาแต่เด็ก  เมื่อปลายปีที่แล้ว ภาพนักบริหารหนุ่มใหญ่ปรากฏหราบนปกหนังสือนิตยสารรายเดือนเล่มหนึ่ง ในฐานะผู้รับโล่รางวัลเจ้าของกิจการฟาร์มโคนมดีเด่นแห่งประเทศไทย 

                      เด็กสาวเฝ้ารอคอยเจ้าของฟาร์มคนนั้นมารับ  จนกระทั่งดวงตะวันคล้อยค่ำ  รถกระบะสีน้ำเงินเข้มคันหนึ่ง ก็แล่นเลี้ยวเข้ามายังลานจอดรถ เธอเหลือบเห็นชายร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถ  ชะเง้อมองไปรอบๆชานชาลาที่พักผู้โดยสาร  เหมือนกำลังมองหาใครสักคน  แล้วสายตาคู่นั้นก็หันมาสบตาเธอพอดี 

                         รมิดาใจเต้นแรง  ขณะร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาเธอ  ดวงหน้าสาวน้อยแช่มชื่นขึ้นมาทันที  เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้   ก็ชายหน้าตาคมเข้มคนนี้แหละ  ที่เธอเห็นในภาพฝันและบนหน้าหนังสือนิตยสารเล่มนั้น

                         “ฉันชื่อชิดชล...จากฟาร์มทุ่งตะวัน  มารับคนงานที่โทร.แจ้งไปยังฟาร์มเมื่อตอนเที่ยง ใช่หนูรมิดาหรือเปล่า”

                      ฝ่ายนั้นทักทาย  เสียงกังวานทุ้มชวนฝัน  รมิดาผุดลุกขึ้นยืนกระตือรือร้น   กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม

                         “ ค่ะ  หนูชื่อรมิดา  ธารารักษ์ มาจากเชียงใหม่ ”                                          

                         “ เป็นไงบ้าง รอนานมั้ย”       

                         เขายิ้มอ่อนโยน  ตาคมเข้มซ่อนแววใจดี    “ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่มารับช้า  เพราะมัวแวะเลือกซื้อข้าวของตั้งหลายอย่าง  มาคนเดียวเหรอจ๊ะ ”

                         “เอ่อ...ค่ะ เพื่อนๆ ไม่มีใครยอมมาด้วย  พวกเขาบ่นว่าโคราชไกลเกินไป ”

                     เด็กสาวคว้ากระเป๋าเดินทาง  ที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาถือ  ท่าทางกระฉับกระเฉง  พร้อมออกเดินทางอยู่ในที    

                         “แล้วหนูคิดยังไง  ถึงหาญกล้ามาฝึกงานคนเดียวที่ฟาร์มห่างไกลบ้านเช่นนี้ ”      

                     ผู้มากวัยกว่าชวนคุย   ขณะเอื้อมมือมาช่วยเธอถือกระเป๋าเดินนำหน้าไปยังรถกระบะที่จอดรออยู่

                         “มันน่าท้าทายดีค่ะ อีกอย่างหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่ สามารถตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว ”    น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง  แต่เธอก็ไม่ได้บอกถึงแรงบันดาลใจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน

                         “งานที่ฟาร์มเราหนักเอาการอยู่นะ”

                      ตาคมกริบลอบชำเลืองมองสาวน้อยแวบหนึ่ง  พลางยิ้มมุมปาก             

         “ค่ะ...เรื่องนั้นหนูทราบดี”        

                         รมิดาพยักหน้า  ตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววมุ่งมั่น

         “เยี่ยมเลย  ฉันชอบคนขยัน อดทน  มีวินัยในตัวเอง  ใบสมัครงานหนูบอกคุณสมบัติมาครบถ้วน   เชื่อว่าหนูคงทำได้ดีกว่านั้นนะ”

                      เขาคาดหวังสีหน้าจริงจัง

                         “รับรองหนูทำได้แน่ค่ะ ที่ไหนมีอากาศหายใจ  หนูอยู่ได้ทั้งนั้น”    เธอตอบย้ำอย่างมั่นใจนักหนา    

                      เมื่อเจ้าของฟาร์มเข้ามานั่งประจำที่คนขับ  รถยนต์ซึ่งบรรทุกข้าวของเต็มท้ายกระบะ  ก็เคลื่อนออกจากสถานีรถไฟไปสู่ถนนมิตรภาพ  ท่ามกลางแสงยามสนธยา  ตะวันขี้อายหลบซ่อนดวงอยู่หลังม่านเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล                                                                                                                                                                                                                

                      พอรถแล่นถึงทางแยก  ชิดชลก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวขวาไปยังถนนลาดยาง  ทอดผ่านละเมาะไม้ สลับกับไร่ข้าวโพดกว้างสุดสายตา จุดหมายปลายทางยังไกลลิบโค้งลับไปกับแนวป่าครึ้มเขียว  แลจรดทิวเทือกเขาสูงต่ำเต็มขอบฟ้า

                      ไม่นานเลย  มวลเมฆอุ้มท้องหนักอึ้งก็คลอดเม็ดฝนใสๆพรูพรำลงมา  ทั้งๆที่แดดสาดแสงต้องหยาดฝนเป็นประกายเพชรร่วงพร่างพราว                         เม็ดฝนปลิวปรายปะทะกระจกหน้ารถพร่ามัว  แม้นว่าที่ปัดน้ำฝนกวาดละอองน้ำวืดวาดไปมาตลอดเวลา  แต่กระจกหน้ารถใสพร่างเพียงครู่เดียว  ก็พร่ามัว  สลับกันไปมาอยู่เช่นนี้ตลอดสายทางอันคดเคี้ยว  เมื่อฝนซาลง รถยนต์ก็ลดความเร็ว  คนขับเลื่อนกระจกด้านข้างลง  คล้ายอนุญาตให้ละอองขาวพราวละไม  พรั่งพรูเข้ามาชุบชื่นบรรยากาศภายในรถ  แทนไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ  พลันมีเสียงฮัมเพลงเบาๆ ลอดออกมาจากริมฝีปากบางอย่างอารมณ์ดี

                      รมิดาอดชำเลืองมองหนุ่มใหญ่ผู้มีดวงหน้าคมสันไม่ได้   และดูเหมือนว่าเขาก็หันมามองสบเธอในห้วงเวลาเดียวกัน  นัยน์ตาสีสนิมเหล็กเข้มขรึมคู่นั้น  แฝงแววอ่อนโยนเป็นมิตร   มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ในแววตาที่น่าค้นหาเป็นที่สุด  อีกทั้งบุคลิกเขาช่างน่าสนใจ รู้สึกอบอุ่นยามชิดใกล้  สาวน้อยคะเนอายุเขาคงไม่เกินสี่สิบห้า    

                      แม้รอยยิ้มคลี่แย้มไว้ท่าทีนิดๆ  ก็ยังกระตุกหัวใจสาวน้อยให้เต้นผิดจังหวะ  จนเธอต้องหลบแววตาเข้ม  เสมองไปทางอื่น...                                                                 

                      ฝนแรกปลายเดือนพฤษภาคม  ตกลงมาสดๆร้อนๆ ทั้งๆที่แดดสาดส่องแสงชโลมชุบผืนดินให้กรุ่นหอม  อวลไอดินกลิ่นหญ้าอาบฝนใหม่  โชยชายเข้ามาปลุกความทรงจำที่หลับใหลในดวงใจของเด็กสาว  ให้ตื่นฟื้นขึ้นมาร่ายรำกับสายฝนอย่างครึกครื้นรื่นรมย์  ตอนเล็กๆ รมิดาชอบวิ่งเล่นน้ำฝนกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน  เธอไม่นึกหวาดกลัวเสียงฟ้าคำรนเกรี้ยวกราดเลยสักน้อย  ประหนึ่งว่าสายฝนมีมนต์เสน่ห์เย้ายวนใจ  เกินกว่าเด็กหญิงจะซุกกายอยู่ภายในบ้าน  เฝ้ามองพายุฝนเริงระบำเหนือท้องทุ่งได้

                     ในห้วงยามนี้  ร่างรมิดาราวล่องลอยสู่แดนฝัน  รอบกายละมุนละไมด้วยละอองฝนละเอียดอ่อน  ซ่อนหวานตราตรึง เพราะเหตุใดกันหนอ...ฝนแรกต้นฤดูกาล  ถึงได้ชักนำความทรงจำให้หวนคืนสู่อดีตอันสนุกสนานได้รื่นรมย์เพียงนี้   เธอพลัดพรากจากอ้อมกอดแห่งวัยเยาว์กว่ายี่สิบปี  มาแสวงหาร่องรอยแห่งความฝันแสนหวาน  เธอเดินทางใกล้ถึงฝั่งฝันที่วาดไว้แล้ว...

                      และในที่สุด  ละอองฝนแรกของฤดูกาลก็โอบอุ้มเธอมาสู่โลกความจริง  ที่เธอสามารถสัมผัสจับต้องได้  รอคอยอยู่เบื้องหน้า

                      ฝนยังโปรยสายระบายฝัน  ขณะรถกระบะนำพารมิดาแล่นผ่านไร่ข้าวโพดกว้างใหญ่สุดสายตา  ข้าวโพดหวานฝักแก่คลี่ยิ้มยิงฟันเหลืองทักทายเธอตลอดทาง   ม่านฝนนิ่มนวลขึ้นเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตฟาร์มโคนมทุ่งตะวัน  เบื้องหน้านั้นปรากฏบ้านสีขาวหลังใหญ่  โดดเด่นบนเนินหญ้าท่ามกลางแสงตะวันยามสนธยา  ทาบทาสีทองสุกปลั่งบนฟากฟ้าทิศตะวันตก  แสงรองเรืองอร่ามยามเมื่อฝนเพิ่งขาดเม็ด   ฉากหลังไกลออกไปแลเห็นปุยเมฆบางเป็นยางใย  ลอยเคล้าเคลียอยู่ตามขุนเขาทะมึนสลับสล้าง  ทอดทิวโอบอ้อมทุ่งหญ้าและบึงน้ำไว้ในอ้อมกอด  ดูยิ่งใหญ่น่าอบอุ่น  ดุจอ้อมแขนธรรมชาติอันแข็งแกร่งมั่นคง                    บ้านทรงยุโรปงามหรูหลังนี้   อิงแอบแมกไม้ชอุ่มและทุ่งหญ้าเขียวขจี  ขับเน้นทัศนียภาพยามเย็นให้ฉ่ำชุ่มราวกับภาพวาดสีน้ำอันสดใส  ชวนให้รมิดารำลึกถึงเรือนไม้ใต้ถุนสูงที่แสนจะอบอุ่นคุ้นเคย  เรือนไม้ที่ปรากฏในภาพฝันประหลาดล้ำ  ในค่ำคืนก่อนที่เธอจะเดินทางมาที่นี่   เรือนไม้หลังนั้นมีนอกชานยื่นออกมากลางแจ้งไว้นั่งดูดาวตากน้ำค้างกลางดึก  เธอนั่งเคียงข้างเด็กหญิงอีกคน  ฟังนิทานจากสตรีวัยกลางคนท่าทางใจดีคนหนึ่ง  จนผล็อยหลับบนตักนุ่ม

                     เมื่อรถจอดนิ่งหน้าเรือนพักคนงาน  เจ้าของฟาร์มหนุ่มใหญ่ก็ยื่นมือแตะไหล่กลมมน  ปลุกรมิดาสะดุ้งตื่นจากภวังค์อดีต

                         “ ห้องพักหนูอยู่ริมสุดทางซ้ายมือนะ  อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว  เชิญทานอาหารเย็นด้วยกัน ”

                         “ ค่ะ ”    

                         แก้มใสแดงระเรื่อ  รู้สึกละอายที่เผลอเคลิ้มหลับไปชั่วขณะหนึ่ง                      คนงานชายสองคน  วิ่งมาขนสัมภาระลงจากท้ายกระบะไปยังหลังโรงครัว  ซึ่งปลูกเยื้องไปทางทิศใต้ แยกเป็นสัดส่วน  เด็กสาวหันมองตามหลังร่างสูงเดินหายลับเข้าไปในพุ่มพฤกษ์ด้านหน้าบ้านหลังใหญ่  ตกแต่งสวนสวยรายรอบ  โดยออกแบบปลูกแต่งผสมผสานระหว่างไม้เมืองกับไม้ป่า  วางรูปแบบจัดระดับพรรณไม้อย่างกลมกลืนลงตัว  

                      มีทางเดินปูลาดด้วยอิฐประสานดินเผา  วางหินอ่อนเป็นบันไดทอดสู่ระเบียง  ซึ่งสองข้างทางเดินแวดล้อมด้วยกกธูป เข็มสามสี  เอื้องหมายนา ไอริสน้ำ แย่งกันชูกิ่งก้าน  แซมดอกช่อใบซ้อนสลับจับสีสวย  พุดจีบกลีบขาวอาบฝนแรกส่งกลิ่นหอมเย็นรวยรื่น  อวลละอองชื่นฉ่ำพลิ้วพรูมาจากน้ำพุพวยพุ่งกลางสระน้อย  ผิวน้ำใสแจ๋วจนแลเห็นปลาเงินปลาทอง  แหวกว่ายไปมาใต้กอบัวน้อยสีชมพู  ซึ่งหุบกลีบบางอ่อนหวาน  ราวกับเอียงอายสายตาผู้มาเยือน

                         “ เชิญทางนี้จ้ะ  หนู”

                      หญิงชราร่างผอม  ส่งเสียงเรียกมาจากระเบียงเรือนพัก  ยกพื้นโล่ง  ก่อสร้างจากไม้เกือบทั้งหลัง  ดูหม่นเหงาในแสงสุดท้ายแห่งวัน    

                         สาวน้อยหมุนกาย หิ้วกระเป๋าตรงไปยังเรือนพัก  ก้าวขึ้นบันได  เดินผ่านห้องพักเป็นแถวเรียงราย ซึ่งมีทั้งหมดสิบห้อง 

                         ห้องว่างห้องสุดท้าย  แม่บ้านชราแง้มประตูเปิดรออยู่

                         “ นี่ไงจ้ะ  ห้องหนู...”      นางผายมือเชื้อเชิญ  พลางส่งลูกกุญแจห้องให้เธอ  เสียงกุญแจกระทบทะเลาะกันดังกริ๋งๆ

                         “ ขอบคุณค่ะ  คุณป้า”    

                         รมิดายังไม่ทันได้ทักทาย  แนะนำตัวเอง  แม่บ้านร่างผอมก็เดินตัวปลิวไปแล้ว  เธอถอนหายใจ แล้วก้าวเข้าสู่ภายในห้องที่อับอวลกลิ่นปีกไม้เก่าเปียกชื้นน้ำฝน   เธอเอื้อมมือกดสวิทซ์ไฟ  กวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ห้อง  ที่จัดปัดกวาดไว้อย่างสะอาดตาเป็นระเบียบเรียบร้อย  พื้นไม้ขัดมันเรียบลื่น  ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าย่างเหยียบเยียบเย็น   มุมห้องวางตู้เสื้อผ้า  เตียงนอนปูผ้าขาวสะอาดตา  โคมไฟหัวเตียงชวนให้น่านอนอ่านหนังสือฟังเสียงฝนในวันหยุดนัก

                      ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางตลอดทั้งวัน  ชวนให้เด็กสาวอยากนอนทอดหุ่ยเหลือเกิน เธอโยนกระเป๋าลงบนเตียง  แล้วทิ้งตัวนอนอย่างอ่อนแรง  หากเธอได้งีบหลับสักตื่น คงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง  ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวไปรับประทานอาหารเย็น   ที่บ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ตามคำเชิญเจ้าของฟาร์ม  ผู้มีบุคลิกน่าค้นหาคนนั้น...

า)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา