ตำนานจ้าวยุทธภพ

4.9

วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 00.28 น.

  7 ตอน
  146 วิจารณ์
  22.68K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ศึกชิงคัมภีร์จิ่วหลง บทที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
[ บทนำ ]  [ บทที่ 1 ]  [ บทที่ 2 ]  [ บทที่ 3 ]  [ บทที่ 4 ]







บทที่ 4
                  
                   บรรยากาศบนชั้นสองของโรงเตี้ยม เหม่ยลี่ ดูอึดอัดหวาดระแวงและป้องกันตัว เมื่อผู้ที่มาใหม่นั้นต้องมิใช่หลวงจีนแก่ธรรมดาแน่นอน ด้วยความที่ทั้ง ซ่างกวานซื่อหลาง และ            โอหยางหลิงหลง รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเป็นลูกของผู้ที่มีศัตรูมากมายทั้งคู่จึงเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลาแต่ก็ไม่เผยท่าทีออกมา ทั้งสองคอยลอบมองหลวงจีนเฒ่าเป็นระยะ ๆ
 
เซี่ยวเอ้อ  :        ไต้ซื่อ ท่านนี้ จะรับอะไรดีครับ
 
หลวงจีน  :        อ่อ ขอน้ำชาสักกากับหมั่นโถว แล้วก็ขออาหารเจ
 
เซี่ยวเอ้อ  :        ได้ครับ ขอสักครู่นะครับ
 
                   เมื่อหลวงจีนเฒ่าสั่งอาหารเสร็จก็หันมาเจอ ซื่อหลาง กับ หลิงหลง หลวงจีนเฒ่าจึงยิ้มทักทายทั้งสองจึงยิ้มรับตอบ และในขณะนั้นเอง บนถนนด้านล่างที่มองจากชั้น สองของโรงเตี๊ยม ก็มีร้านค้าแผงลอยที่ขายหนังสือและคัมภีร์ต่าง ๆ มีผู้คนเดินมาดูเป็นจำนวนมากส่วนมากเป็นชายร่างกำยำ เข้าไปดูและก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้นมาระหว่างคนขายและผู้ที่สนใจเข้ามาดู
 
คนขาย    :            เอา เร่เข้ามาครับ เร่เข้ามา นี่คือ คัมภีร์ในตำนานนะ (ชูคัมภีร์ปลอมขึ้นมาแล้วปากก็ร้องเรียนผู้คน)         คัมภีร์จิ่วหลง เชิญเลือกซื้อกันได้เลย ของดีมีน้อยนะ
 
คนซื้อ 1  :        ของปลอมเปล่าเนี่ย เถ้าแก่ ถ้าเป็นของจริงมันจะมาอยู่บนแผง แบบนี้ได้ยังไง (คนซื้อผู้นี้รูปร่างสันทัด กำยำ ผิวกำแดด ลักษณะเหมือนคนฝึกฝนวิชา แต่ไม่ได้มีวรยุทธ หรือ ลมปราณที่แข็งแกร่ง เท่าไหร่นัก) ข้าเคยได้ยินว่ามันหายสาบสูญไปเมื่อ 20 ปีที่แล้วนู้น
 
คนซื้อ 2   :        ใช่ ๆ ข้าก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน โธ่เอ๋ย ข้า
ไม่เชื่อหรอก
 
คนขาย     :        แหม พวกท่านไม่รู้อะไร เนี่ยของจริง ข้านะ ได้สุดยอดคัมภีร์นี่มาจาก ผัวเมียคู่นึงน่า พวกเค้าให้ข้ามาเพื่อแลกกับ เลือดหมาดำ 19 ตัว แต่ข้านะ ไม่รู้วิชาอะไรพวกนี้หรอก ข้าก็เลย ลอกเอามาขาย ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดูสิ
 
คนซื้อ 1  :         จริงหรอ แหมข้าไม่อยากจะเชื่อ... แต่ ว่าก็น่าสนอยู่เหมือนกันนะ เจ้าว่ามั้ย (หันไปคุยกับผู้ที่มุงดู)
 
คนซื้อ 2  :         อืม ๆ ใช่ ๆ ไม่แน่นะนี่อาจจะเป็นของจริงก็ได้ พวกมารนะ คงต้องการเลือดหมาดำไปกินแน่ๆ เลย
 
คนซื้อ 1  :        เท่าไหร่และเถ้าแก่
 
คนขาย    :        โอ้ราคาไม่แพง 50 อีแปะ
 
คนซื้อ 1  :        โอ้โห 50 อีแปะ หรอ เถ้าแก่ลดหน่อยได้มั้ย
 
คนขาย    :        อา ๆ ก็ได้ ๆ ถือว่าวันนี้เป็นวันดี ข้าจะลดให้
 
เหลือ แค่ 30 อีแปะนะ
 
                   เมื่อเถ้าแก่ยอมลดราคาจาก 50 อีแปะ เป็น 30 อีแปะ ก็มีคนมากมายหลงซื้อไป ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของ ซื่อหลางและหลิงหลง และเมื่อหลิงหลงนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปมอง หลวงจีนเฒ่า ผู้ที่นั้งหันหลังให้กับ หลิงหลง สายตาและมือของหลวงจีนเฒ่านั้นอยู่ที่การคีบอาหารเข้าปาก หากแต่ใบหูของหลวงจีนเฒ่านั้นรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ทำให้ใบหูกระดิกน้อย ๆ  เป็นสิ่งที่ทำให้หลิงหลงยิ่งสงสัยในตัวของหลวงจีนเฒ่าผู้นี้มากขึ้นไปอีก หลิงหลงจึงแสร้งทำเป็นชวน ซื่อหลาง พูดคุยถึงเรื่องคัมภีร์จิ่วหลง
 
หลิงหลง  :         เอ่อ... พี่ซื่อหลาง ท่านว่าคัมภีร์อะไรนั่น อะ เป็น
ของจริงรึเปล่า (ทำท่าทางไม่ค่อยสนใจ)
 
ซื่อหลาง   :         อืม ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ นะ แต่ข้า
ว่าอาจเป็นของจริงก็ได้ (แกล้งทำเป็นไม่รู้)
 
หลิงหลง  :        (คิดในใจ) หนอย เจ้าหมอนี่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็น
ยอดฝีมือ แล้วจะไม่รู้จักตคัมภีร์จิ่วหลงได้ยังไง (คิดในใจพลางส่งสายตาและรอยยิ้มแบบแห้ง ๆ ไปให้ซื่อหลาง) แฮ่ะ ๆ ท่านไม่สนหรอ
 
ซื่อหลาง            :                 (คิดในใจเหมือนกัน) เฮ้อ เจ้าหนุ่มน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ตัวเท่าเนี้ย..ท่าทางอ้อนแอ้น แต่วรยุทธ ไม่ธรรมดาจริง ๆ   (มองหลิงหลงด้วยสายตารู้ทัน) อืมข้าก็ไม่ค่อยรู้อะไรนักอะนะ ถ้าไง เราลองไปดูกันดีมั้ย
 
หลิงหลง  :         ดี ๆ ไป  พี่ซื่อหลาง เชิญ (ผายมือเชิญให้ซื่อ
หลางไปก่อน)
 
                   เมื่อหลิงหลงลุกไปแต่ก็แอบลอบมองดูหลวงจีนเฒ่าแวบหนึ่ง ก็เห็นหลวงจีนเฒ่าหยุดกินอาหารแล้วได้แต่นั่งตัวตรงจิบน้ำชา แล้วซื่อหลางและหลิงหลงก็ เดิมมาหยุดที่ร้านค้าแผงลอยที่ขายคัมภีร์    
 
                 ซื่อหลางและหลิงหลงก็หยิบคัมภีร์จิ่วหลงปลอมขึ้นมาดูคนละเล่ม
 
ซื่อหลาง   :         (เปิดทีละหน้า) นี่หรอคัมภีร์จิ่วหลงอะ เถ้าแก่
 
เถ้าแก่        :         อ่อ ๆ ใช่ แล้ว ๆ ถ้าคุณชายทั้งสองสนใจ ข้า
จะขายให้นะ แค่เล่มละ 1 ตำลึงทองเอง นะ(เห็นทั้งสองแต่งตัวดี
เลยโก่งราคา)
 
หลิงหลง  :         อะไรนะ 1 ตำลึงทอง ! หรอ เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้า
ขายให้คนอื่นแค่ะ 30 อีแปะ เอง อะไรกันเนี่ย
 
เถ้าแก่        :         แหม คุณชายเมื่อกี้ก็ส่วนเมื่อกี้สิ ตอนนี้ของมัน
ขึ้นแล้ว
 
หลิงหลง :         (หยิบมาเปิดดูบ้าง) โธ่ เอ้ย! ก็แค่กระบวนท่า
เด็ก ๆ สองสามกระบวนท่า มั่วนิ่มที่สุดเลยเนี่ยเอากระบวนท่ามาจากนู้นนิดนี่หน่อย เอามาผสมกันแล้วเอามาหลอกขายคนอื่นนี่น่า
 
เถ้าแก่        :         อะไร ๆ เจ้านี่พูดไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าไม่ซื้อก็ไป !
ๆ ไปให้พ้นจากหน้าร้านข้าเลยไป หนอยมาหาว่าคัมภีร์ข้าเป็นของปลอม (หยิบคัมภีร์ที่วางอยู่ขึ้นมาปาใส่หลิงหลง ทำให้ซื่อหลางโดนไปด้วย)
 
หลิงหลง  :         (โดนปาใส่) โอ้ย~ย~ย โอ้ย
 
                   แล้วซื่อหลางกับหลิงหลงก็โกยอ้าวออกมาจากร้านค้าแผงลอยนั้น ขณะที่ทั้งสองวิ่งหนีออกมา
 
 ก็มาชนเข้ากับเฉินกัง และ ชิง ชิง ที่กำลังเดินตามหา ซื่อหลางและหลิงหลงอยู่
 
ทั้งสี่คน     :         (ชนกันพอดีจึ้งร้องขึ้นพร้อมกัน) โอ้ย~ย~ย !
 
ชิง ชิง       :         คุณชาย ท่านหายไปไหนมา ข้าตามหาท่านซะทั่วเลย รู้มั้ยข้าตกใจแค่ไหนอะ (ในมือถือพุทราเชื่อมอยู่หลายไม้)
 
หลิงหลง  :         เอ่อ อาชิง ข้าไปเดินดูของมาอะ โธ่ ข้าขอโทษ
 
                   ทางด้านซื่อหลางกับเฉินกังก็เหมือนกัน ซื่อหลางกำลังโดยเฉินกังบ่นอยู่
 
เฉินกัง      :         นายน้อย ท่านหายไปไหนมา รู้มั้ยข้าตามหาท่านซะทั่วเลย นี่ข้าคิดว่าท่านอาจจะถูกคนปองร้ายไปแล้วนะเนี่ย
 
ซื่อหลาง   :         เอาละ ๆ ข้าขอโทษ
 
                   แล้วซื่อหลางก็หันมาหาหลิงหลงที่ตอนนี้กำลังกินพุทราเชื่อมอยู่ท่าทางเอร็ดอร่อยและชี้ชวนให้ ชิง ชิง ดูนู้นนี่อยู่
 
ซื่อหลาง   :         (ใช้พัดที่ถืออยู่ในมือสะกิดเฉินกังแล้วกระซิบกัน) นี่เฉินกัง เจ้าว่า เจ้าหมอนั่น ท่าทางมันแปลก ๆ มั้ย
 
เฉินกัง      :         แปลกยังไงอะ นายน้อย ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้านั่นจะแปลกตรงไหนก็แค่ เด็กหนุ่มธรรมดา
 
ซื่อหลาง   :         ข้าก็ยังไม่แน่ใจอะไรเท่าไหร่ แต่ว่า วรยุทธเจ้าหมอนั่นนะ ดูคุ้น ๆ มากเลย แล้วก็คล้าย.....(คิดต่อในใจ “วรยุทธเจ้าหมอนั่น ดูคล้ายวรยุทธของพรรคไป๋หมู่ตัน ถ้าข้าได้เห็นกระบวนท่าที่เหลือก็อาจจะรู้ว่าเจ้าหมอนั่นมาจากสำนักไหน”)
 
เฉินกัง      :         คล้าย อะไรหรอนายน้อย
 
ซื่อหลาง   :         อ่อ เปล่า ๆ ไม่มีอะไร
 
                   แล้วหลิงหลงก็หันมาเห็นซื่อหลางกับเฉินกังขึ้นเดินเข้ามาหาและเอ่ยลา
 
หลิงหลง  :         เอ่อ พี่ซื่อหลาง ข้าต้องขอลาแล้วละนะ เพราะว่าข้าจะต้องเดินทางต่อนะ  ถ้ามีโอกาสคราวหน้าคงได้พบกันอีก
 
ซื่อหลาง   :         อืม คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้พบกันอีกละก็ไม่เมาไม่เลิกนะ น้องชาย
 
หลิงหลง  :         ได้ งั้นพี่ซื่อหลางข้าขอลา (ยกมือขึ้นทำท่าคารวะ)
 
ซื่อหลาง   :         (ยกมือทำท่าคารวะตอบ) ลาก่อน
 
                   ในขณะที่ ซื่อหลางและหลิงหลง ล่ำลากันอยู่นั้นก็ได้มี ชายอาวุโสคนหนึ่งรูปร่างสันทัดกำยำเดินถือกระบี่เดิมตรงไป ที่หมายคือ โรงเตี๊ยม เหม่ยลี่ ซื่อหลางและหลิงหลงซึ่งตอนนี้กำลังให้ความสนใจอยู่ที่กระบี่ของชายผู้นั้น ด้ามจับกระบี่นั้นทำจากทองทำสำริดสีทองสุดใสแกะสลักเป็นรายมังกรที่มีลำตัวยาวหางพันอยู่รอบด้านกระบี่ ส่วนฝักกระบี่หุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดนก ตรงกลางแกะสลักจากทองคำสำริดเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่ทั้งซื่อหลางและหลิงหลงก็กำลังคิดอยู่ว่าต้องเป็นตราของสำนักไหนสำนักหนึ่งแน่นอน และที่เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือ ตรงกลางตราสัญลักษณ์นั่น ฝังด้วยทับทิมเม็ดเขื่องส่องประกายงดงามเมื่อต้องแสงแดด
 
หลิงหลง  :         ( คิดในใจ “ ชายผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ทั้งหลวงจีนเฒ่านั่นก็ด้วย และ ชายผู้นี้ ก็กำลังมุ่งหน้าไป ที่โรงเตี๊ยม เหม่ยลี่ นี่น่า ที่นั่นต้องมีอะไรแน่เลย )
 
ซื่อหลาง   :         ( คิอดในใจ “ท่าทางวันนี้จะต้องมีอะไรดี ๆ แน่ ๆ เลย )
 
                   ขณะที่ทั้งสองได้แต่คิดกันอยู่นั้นก็ได้มี ชายอาวุโสอีกหนึ่งคนเดินถือดาบเล่มใหญ่ ดูน่าเกรงขามและทรงพลานุภาพ ซึ่งดูแล้วอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับชายถือกระบี่ ทั้งสองเดินมาประจันหน้ากันและไม่ทันที่ ทั้งซื่อหลางและหลิงหลงจะทันได้ไหวตัว นั้น ทั้งสอง ก็จู่โจมเข้าหากันทันที
 
“ เคร้ง ๆ ฟรึบ ฟลับ “
 
                   เสียงอันเกิดจากการห่ำหันอันแสนดุเดือด กระบี่ประทะ ดาบ ทั้งสองเหาะเหิน ฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อกระบี่หระทะกับดาบ ทำให้เกิดประกายไฟ แล็บขึ้นและ ส่งเสียงดังกังวานไปทั่ว ชายถือกระบี่ กวัดแกว่งกระบี่รอบตัว และ หมุนตัวหลายตลบอย่างรวดเร็ว เผยเคล็ดวิชาประจำสำนักออกมา
 
หลิงหลง  :         (เมื่อเห็นกระบวนท่าของชายถือกระบี่ก็ร้องออกมา) ฮ้า กระบี่ลมกรด...
 
ซื่อหลาง   :         ใช่กระบี่ลมกรดจริง ๆ ด้วย
 
                   เมื่อชายถือดาบเห็นอีกฝ่ายเผยเคล็ดวิชาประจำสำนักตัวเองออกมา ชายถือดาบจึง ตวัดดาบออกไปข้างหน้าเยียดดาบออกไปสุดแขน แล้วสะบัดข้อมือรัวและเร็วพร้อมสาวเท้าด้วยวิชาตัวเบา เข้าไปหาชายถือกระบี่ ซึ่งนั่นก็คือ เคล็ดวิชาประจำสำนักของชายถือดาบนั่นเอง
 
ซื่อหลาง   :         นั่นเพลงดาบตักม้อ นิ พวกเค้าทั้งสองไม่ได้หมายเอาชีวิตกัน แต่ว่า กำลังลองเชิงกันอยู่นี่เอง

                   และ เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ในขณะที่ชายถือกระบี่และชายถือดาบ ประลองกันอยู่นั้นหลาวจีนเฒ่าที่ซื่อหลางและหลิงหลงเจอที่ โรงเตี๊ยมเหม่ยลี่ ก็เหาะเหินมา และร่วมประลองด้วย ตอนนี้ ฝุ่นคลุ้งกระจายเต็มท้องถนนและ เกิดประกายไฟ ขึ้นเป็นระยะ เสียงที่เกิดจากการประทะกันระหว่าง กระบี่ ดาบ และไม้พอง ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ไม้พองขนาดใหญ่ของหลางจีนเฒ่านั่น เป็นไม้สักตัวหัวแกะสลักเป็นรูปหัวมังกรดูใหญ่และแข็งแกร่งมาก หลวงจีนเฒ่าควงไม่พอง ขนาดใหญ่ 7 รอบ และฟาดลงกับพื้น ทำให้ เกิดเสียงดังบึ้ม พร้อมกับการเกิดระเบิดขนาดย่อมขึ้น ทำให้ทั้ง สามคน กระเด็นกันไปคนทะทิศคนละทาง เมื่อทั้งสามลุกขึ้นมาได้ ก็กำลังตั้งท่า เตรียม ประลองกันอีก รอบ อยู่ ๆ ก็มี แซ่หวด ลงมาที่ แขนของทั้งสามอย่างรวดเร็วทำให้มีเลือดไหลซิบ ๆ กันทั้งสามคน
 
ซือไท่หลิน :      ฮึ พวกท่าน ยังเหมือนเดิมเลยนะ      
 
..... เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตาม ตอนต่อไปค่ะ....




 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา