Whial I : The Immortal Bladlei ไวอัล ล่าอสูรอมตะ

9.3

เขียนโดย Kuro~Ookami~Youkai~no~Nishi

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 14.59 น.

  4 chapter
  17 วิจารณ์
  13.16K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ผู้หลีกหนีจากความมืด...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter III : ผู้หลีกหนีจากความมืด...

 

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นจังหวะ ท่ามกลางความมืดสนิทของเมืองที่ดูคล้ายเมืองร้าง ซากศพเกลื่อนไปทั่ว มีเสียงการ้องระงม สายหมอกปกคลุมไปทุกที่ มีร่างหนึ่งวิ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นหญิงสาว ร่างบาง ผิวกายขาวสะอาดในลักษณะมนุษย์ เรือนผมสีเหลืองทองที่รวบถักไว้เป็นเปียเดียวแกว่งตามแรงวิ่งพร้อมกับโบว์สีดำซึ่งเสียทรงเพราะแรงแกว่ง นัยน์ตาสีเหลืองอำพันยังคงจดจ้องอาคารเบื้องหน้า ขณะที่ริมฝีปากอวบอิ่มยังคงร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง มือขวาที่สวมเกราะเหล็กกล้ากำดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือ

 

ดาบสีดำส่องประกายเรืองแสงอักขระสีแดงฉาน สาดแสงไปบนชุดกระโปรงสีดำที่มีลายลูกไม้สีขาว เอวนั้นผูกด้วยผ้าสีแดงเหมือนสายคาดเอวแต่กลับผูกเงื่อนเป็นโบว์ไว้ด้านหลัง ถุงน่องสีดำสนิททำจากผ้าสะท้อนแสงที่ถูกฉีกเพื่อให้วิ่งได้สะดวกขึ้น

 

บูทหนังหุ้มข้อสีดำส่งเสียงเป็นระยะเมื่อมันกระทบพื้น จนกระทั่งมาหยุดที่วงเวทย์ภายในอาคารไม้เก่าคร่ำครึที่เธอเล็งไว้ตั้งแต่คราแรก

 

“เปล่าประโยชน์! หนีไปก็เท่านั้น! อาตาเซีย....... พลังของเผ่าปีศาจอย่างชาวดรามอนิสท์เลือดแท้ จะฆ่าทิ้งก็เสียดาย...... เจ้าอย่าบีบบังคับให้ข้าต้องลงมือก็แล้วกัน”เสียงของเบลดลียส์ดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างขึ้นเบื้องหลังด้วย ทว่าวงเวทย์เบื้องหน้าก็ส่องแสงขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่ามันพร้อมใช้งานแล้วเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจกระโดดเข้าไปทันที

 

“ฉัวะ~!!”หมอกที่กลั่นตัวเป็นหนามแหลมทะลุร่างของเธอ ก่อนทุกอย่างจะเลือนหายไป

 

_____________________________________________________________________

 

 

“เฮือก~ก!!” อาตาเซียตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะเสียงของการคมนาคม เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวขณะที่ชายชราในชุดนักบวชกำลังเตรียมยาให้เธออยู่ เธอลุกขึ้นนั่งทันทีท่ามกลางความตกใจของนักบวช “อ๊ะ! ยังลุกไม่ได้นะ บาดแผลขนาดนั้นถึงเป็นชาวดรามอนิสท์ก็คงไม่หายในชั่วข้ามคืนหรอก”ชายชราห้าม แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจที่จะฟังแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าบาทหลวงคนนั้นคงจะเห็นรอยสักบนแขนของเธอแล้ว เธอแกะผ้าพันแผลที่ท้องออกเผยให้เห็นผิวกายที่เรียบเนียนเหมือนปกติ ขณะที่บาทหลวงชรากำลังตกตะลึงและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

“ร...รึ....รึว่าเธอ.....เป็น.... ดรามอนิสท์เลือดแท้!” “ปึง!”ไม่มีเสียงตอบอื่นใดนอกจากเสียงปิดประตูเท่านั้น เธอเดินไปท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างไร้จุดหมาย มองกระค้าขายที่คับคั่ง ที่ๆเธอออกมาไม่ใช่โบสถ์ แต่เป็นสถานพยาบาล หมายความว่าเธอได้ข้ามมาที่บริงตันสมกับที่ต้องการแล้วจริงๆ

 

แต่ดูเหมือนการที่แขนเสื้อข้างขวาขาด จะเผยให้ผู้อื่นเห็นอะไรที่แปลกประหลาดพอๆกับดาบของเธอ ทำเอาหลายคนหยุดการค้าขายและหันมามองด้วยความสนใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงเดินกลับเข้าไปในสถานพยาบาลด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อย เพื่อขอผ้าพันแผลมาพันต้นแขนขวา และขอผ้าสักผืน เพื่อห่อดาบของเธอไว้ไม่ให้สะดุดตา

 

เมื่อทุกอย่างเงียบดีแล้ว เธอจึงเดินออกไปอีกครั้งและพยายามทำตัวให้สะดุดตาน้อยที่สุด แสงแดดจ้าสร้างความรำคาญให้ไม่น้อยพอๆกับสายตาของผู้คนในเมืองซึ่งชำเลืองเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในสงครามใหญ่ในสมัยบรรพบุรุษนั้น ชาวดรามอนิสต์จะทรยศพวกอสูรด้วยกันเพื่อเข้าข้างมนุษย์ก็ตาม

 

อาตาเซียเดินมาตามพื้นหินที่แสนสกปรกของเมืองใหญ่ผ่านเขตร้านค้าที่มีแผงขายของเต็มสองข้างทาง สุดทางนั้นมีทางแยกอยู่ริมน้ำ ซึ่งมีเรือใหญ่จอดอยู่เต็มไปหมด และเกือบทั้งสิ้นประดับด้วยธงสีดำ แน่อยู่แล้ว เพราะที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นเมืองแห่งการค้าแล้วยังถือเป็นสรวงสวรรค์สำหรับบรรดาโจรสลัดด้วย เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร้านรวง ทั้งร้านเหล้า และโสเภณีมากมาย จึงไม่น่าแปลกที่จะมีเหล่าโจรสลัดเพ่นพ่าน ทั้งตัวเมืองก็เป็นเขตปกครองอิสระ ซึ่งไม่อาจมีผู้ใดก้าวก่าย ซ้ำยังมีคำล่ำลือว่าเป็นเมืองที่ตั้งขึ้นโดยโจรสลัดเสียด้วย

 

ทว่า เหตุที่พ่อค้ามารวมตัวกันมากมายโดยมิหวั่นเกรงต่อบรรดาโจรสลัดนั้น คงเพราะเมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่าแห่งเดียวที่เปิดกว้างได้อย่างเสรีและมีอัตราภาษีเป็นศูนย์กระมัง ทำให้สินค้าเมืองนี้ถูกสุดๆซ้ำยังทำกำไรได้มากสุดๆด้วยเช่นกัน และอีกเหตุหนึ่งคงด้วยซ้ำยังทำกำไรได้มากสุดๆด้วยเช่นกัน และอีกเหตุหนึ่งคงด้วยการเก็บภาษีโจรกรรมถึง70%ทำให้ไมมีใครอยากทำการปล้นฆ่าวิ่งราวกันมากนัก แม้จะมีการขโมยกันบ้างเล็กน้อยก็ตามที

 

อาตาเซียเลือกร้านตรงหัวมุมถนนด้านขวา ซึ่งเป็นร้านเหล้าขนาดใหญ่ที่มีสองชั้นตัวร้านทำด้วยไม้ ประดับประดาอย่างหรูหราป้ายร้านมีแสงไฟจากหินพลังเวทย์สีเหลืองนวลรูปเหยือกเหล้า แม้จะเห็นได้ไม่ชัดเจนนักในเวลากลางวัน แต่ก็เป็นร้านที่ดึงดูดผู้คนได้มากพอสมควรทีเดียว มีเพียงชายชราคนหนึ่งซึ่งกำลังหลับขณะที่ในอ้อมแขนยังมีขวดเหล้าขนาดใหญ่ที่ทำให้ราศีของร้านหมองไปเล็กน้อย เธอเดินขึ้นบันไดไม้สามขันที่อยู่หน้าร้านและเปิดประตูไม้เล็กๆเข้าไป

 

แสงไฟสีเหลืองนวลของโคมระย้าภายในร้านซึ่งกั้นแสงจากภายนอกด้วยม่านสีแดงทำให้บรรยากาศของที่นี้ดูราวกับยามราตรี ชายร่างเล็กในชุดบริกรปรี่เข้ามาให้การต้อนรับด้วยท่าทีคล่องแคล่วพลางให้การต้อนรับ “ยินดีต้อนรับครับ” ซึ่งเธอไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อยและยังคงเดินผ่านเขาไปทางโต๊ะมุมในสุดของร้านซึ่งเป็นมุมมืด

 

‘ปึก!’ หญิงสาวทึ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก บรรยากาศของร้านยังคงเงียบเหงา มีเพียงสองถึงสามโต๊ะเท่านั้นที่กำลังทานอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ผิดที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะเมืองนี้จะคึกคักก็ต่อเมื่อเป็นยามค่ำคืน ในยามกลางวันเหล่าสลัดก็มักออกเดินทางไปเสียหมดเพื่อหารายได้มาเริงสุรานารีในยามค่ำคืนนั่นเอง

 

เธอสั่งเพียงแซนด์วิชและน้ำส้มเท่านั้นทำให้ของทั้งหมดถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีสลัดอีกกลุ่มเข้ามานั่งในร้าน กับตันถอดหมวกและนำมาแนบอกเพื่อแสดงความนอบน้อมต่อผู้คนซึ่งชูแก้วให้ แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นที่รู้จักที่ของคนที่นี่ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ใบหน้าโค้งมนได้รูป นัยน์ตาสีม่วงเข้มส่อแววทีเล่นทีจริง ผมสีม่วงยาวประบ่าสะท้อนแสงไฟเล็กน้อย จมูกเล็กเข้ากับใบหน้านั้นสูดหายใจเขา และไม่ช้าปากบางมีเสน่ห์ของเขาก็กล่าวด้วยเสียงอันดัง

 

“เอาล่ะมื้อนี้ข้าเป็นเจ้ามือเอง! ถือเป็นคำขอบคุณจาก เจค เบอร์นู ไคลเนอร์ แด่ชาวบริงตันทุกคน! ทั้งค่าอาหารวันนี้และค่ำคืนนี้!” เสียงเฮดังขึ้นอย่างพอเหมาะ และเงียบไป อาตาเซียพิศมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มด้วยความสนใจ ผิวกายของเขาดูขาวเกินกว่าที่จะเชื่อได้ว่าเป็นโจรสลัดที่ออกทะเลเกือบทั้งชีวิต ร่างกายนั้นก็ดูบางเกินไปเสียด้วย

 

“เอ้า! พี่ชาย รวมครั้งก่อนแล้วก็หมดหนี้หมดสินกันนะ!” ชายหนุ่มชื่อเจคกล่าวกับเจ้าของร้านและทิ้งถุงซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญทองให้ ก่อนจะเลือกนั่งอยู่กลางร้าน ดูเหมือนเขาจะพาผู้ติดตามมาด้วย ซึ่งแต่ละคนดูสะดุดตานักด้วยลักษณะที่ไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งชายร่างใหญ่เกินมนุษย์ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยมัดกล้าม *บาบารันท์ชัดๆ แถมผมสีดำอมฟ้านั่นยังบ่งชี้ลักษณะเชื้อพระวงศ์อีก ทั้งเกราะเหล็กก็ประดับเพชรพลอยเสียจนเรียกได้ว่า ขโมยไปเพียงชิ้นเดียว ได้เงินใช้เล่นสบายๆไปสามเดือน ส่วนใบหน้านั้นถูกเกราะบดบังไว้บางส่วนทำให้เห็นได้ไม่ชัดนัก

 

อีกหนึ่งเป็นชายหนุ่มลักษณะดีซึ่งมีผิวกายสีดำคล้ำศีรษะโล้นเลี่ยนนั้นโพกผ้าแดงและมีเคราเล็กน้อย ชุดนั้นอยู่ในสภาพที่เหมาะแก่การล่าและใช้ธนู ส่วนบุคคลที่เหลือดูไม่โดดเด่นนัก เธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องจ้องมองที่เจคอีกครั้งเมื่อแสงสีเขียวที่เธอรู้สึกคุ้นเคยส่องวาบผ่านใต้อกเสื้อของเขา ซึ่งไม่ทำให้ชายคนนั้นตกใจ กลับทำให้ยิ้มออกเสียด้วยซ้ำ

 

มื้อนี้เหมือนเธอจะอิ่มเร็วกว่าที่คิดเสียแล้ว เธอจึงวางเหรียญเงินไว้สามเหรียญ โดยไม่สนใจน้ำใจไมตรีของชายหนุ่มแม้แต่น้อย แต่ขณะที่เธอกำลังเดินผ่านโต๊ะของเจคเพื่อออกจากร้านนั้นเอง สลัดวัยกลางคนอีกคนซึ่งเธอไม่ได้สังเกตกลับทำตาเจ้าเล่ห์และแบมือซึ่งมีเหรียญทองอยู่ห้าเหรียญตบไปที่บั้นท้ายของหญิงสาว

 

‘กร๊อบ!’ “จ๊าก~~ก!!” อากาเซียจับแขนนั้นบิดจนหักอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหันมามองด้วยซ้ำ ซึ่งสลัดคนอื่นๆคงไม่สนใจเรื่องของสลัดต่างกลุ่มนัก.... ถ้าไม่ใช่กลุ่มของเจค

 

โจรสลัดและบริกรต่างเดินมาขวางประตูร้านและมองเธอด้วยแววตาไม่เป็นมิตร บ้างก็ถืออาวุธเตรียมพร้อม อาตาเซียก็เช่นกัน... เธอกำดาบในมือไว้แน่น เพื่อเตรียมใช้งานในเวลาอันใกล้นี้

 

“พอได้แล้วทุกคน ทางนี้เป็นฝ่ายผิดเองน่ะ ต้องขอโทษที่รบกวนเวลาด้วยนะ”เจคกล่าวและโค้งตัวเคารพเพียงเล็กน้อยจนดูเหมือนเพียงพยักหน้า ทำให้ฝูงชนสลายตัวกลับไปตามปกติ อาตาเซียถอนหายใจอย่างผิดหวังและเดินออกจากร้านเพียงสามก้าว ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่า ภาพเบื้องหน้านั้นบิดเบี้ยวและมืดลงทุกที

 

‘ตุบ!’ ร่างของอาคาเซียล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงจะหายไปหมด และการหายใจแต่ละครั้งก็ลำบากเหลือทน กลุ่มของเจคจึงวิ่งออกมาให้การดูแลอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้หญิงสาวสูญเสียทรัพย์ หรือมากกว่านั้น....

 

_____________________________________________________________________

 

 

แสงแดดเรืองรองของยามสายเล็ดลอดผ่านร่มไม้ที่สั่นไหวไปกับสายลมปลุกหญิงสาวร่างบางให้ตื่นขึ้นจากนิทรารมย์ เธอค่อยๆลืมตาที่แดงช้ำจากการร่ำไห้ตลอดคืน คราบน้ำตายังเกาะอยู่บนแก้มบาง ลึกเท่าไรกันที่เธอวิ่งเข้ามา ดูเหมือนเธอจะจำมันไม่ได้ บอกไม่ได้แม้แต่ว่าเธออยู่ส่วนใดของป่าใหญ่แห่งนี้

 

สายลมพัดพากลิ่นของดินและต้นไม้ใบหญ้า ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอับชื่นของแหล่งน้ำจากถ้ำซึ่งอยู่ข้างไม้สนใหญ่ที่เธอพักพิง**เกลสองสามตัวส่งเสียงร้องโหยหวนในยามหาอาหารจนหญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่น ขณะที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าในถ้ำที่แสนมืดมิดนั้นจะมีสิ่งใดที่ดุร้ายยิ่งกว่าหรือเปล่า

 

เสียงฝีเท้าของฝูงสัตว์ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เธอจึงพยายามซุกตัวอยู่ที่โพรงรากไม้ของต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง มันช่างมืดและอับชื้นนัก ขณะที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกที ทว่าเธอกลับหนีจากสิ่งที่คิดว่าอันตราย มาสู่สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเสียเอง รากไม้และเถาวัลย์สั่นไหวราวกับงู พุ่งเข้ารัดเรือนร่างเธอตรึงกับพื้นหมายเอาเป็นอาหารเลี้ยงลำต้น

 

“กรี๊ด~~ด!! อย่าน๊า~~า!! ….อึก!” รากไม้แขนงหนึ่งรัดปากของเธอไว้ ขณะที่ส่วนอื่นเริ่มจะรัดรึงจนเห็นสัดส่วนชัดเจน เสื้อผ้าเริ่มปริขาด เลือดอุ่นๆซึมจากบาดแผลที่ถูกรากไม้รัด ขณะที่เสียงฝีเท้าด้านนอกเข้ามาถึงแล้ว

 

“ชั้นลุยเอง” ‘เสียงของมนุษย์? ผู้ชาย? ชั้นจะตายในสภาพนี้หรือเปล่านะ หายใจไม่ออก!..ท... ทรมานจัง! อา...คุณแม่.... หนูกำลังจะตามไปแล้วนะ...’

 

_____________________________________________________________________

 

 

“อุ....แค่ก! แค่ก!!” คาเรนตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าเธอหายใจได้ ภาพทุกอย่างพร่ามัวไปหมด เธอเห็นเพียงพ่อบ้านชราผู้ซื่อสัตย์กำลังให้เธอดมยาอะไรบางอย่าง”ลุง...โซ...โน...” เธอพยายามเอื้อนเอ่ย ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงอีกครั้ง

 

“ไม่ช่ายยยยยย!! ชั้นไม่ใช่ลุงนะเฟร้ย!! เฮ้!! เฮ้~!!” เอลพยายามเขย่าตัวหญิงสาวเบื้องหน้า เพื่อไม่ให้เธอหลับ แต่ดูเหมือนอาการของเธอจะหนักกว่าที่คิด

 

“ชั้นเพิ่ง22เองนะ....”ชายหนุ่มตัดพ้อ “ดูเหมือนอาการที่ถูก***Dreco Livard’zรัดน่ะไม่ต้องห่วงหรอก แต่มีพิษบางอย่างฉาบบนแผลที่ถูกของมีคมบริเวณต้นแขนนี่สิ... เป็นพิษที่ชั้นไม่เคยพบมาก่อน” บิลลี่กล่าวขณะกำลังก่อไฟ

 

“คืนนี้เราพักที่นี่แหละ ถึงจะไม่ไกลเท่าไร แต่ชั้นว่าคนๆนี้สำคัญสำหรับพวกมนุษย์แน่ ดูชุดสิ”บิลลี่กล่าว ดูเหมือนสะเก็ดไฟจากหินจะไม่ติดฟืนและหญ้าแห้งเอาง่ายๆ เขาจึงแบมือออกมาด้านหน้าและกล่าววลีแห่งการสรรสร้าง “Ple De Pirco… Enze!(เพลิงแห่งทวยเทพเอ๋ย... จงลุกโชน!)” ตูม!! เสียงระเบิดสะเทือนลั่นจนสัตว์ป่าพากันแตกฮือ หมู่นกต่างพากันบืนออกจากกิ่งไม้ด้วยความตกใจ

 

“หัดควบคุมปริมาณพลังเวทย์ซะบ้างสิยะ ตาบ้า!!”หญิงสาวตวาดขณะเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าใบใหญ่ เธอใช้นิ้วชี้ดันแว่นเข้าที่เล็กน้อย อารมณ์โกรธทำให้ใบหูของเธอตั้งขึ้น และเส้นขนบนหางก็เริ่มชี้ฟู “เสียสมาธิหมดเล้ย~ จริงเชียว” ว่าแล้วก็ก้าวฉับๆมายังกองเถ้าถ่านและใช้มือซ้ายรวบฟืนที่กระจัดกระจายเข้าที่ในขณะที่มือขวาเองก็หยิบหินจุดไฟขึ้นมา

 

“อย..’ตูม!!’…..เพิ่ง...ดิ.....หง่า~ - -“ ”ดูเหมือนบิลลี่จะพูดช้าไปเพราะหินทั้งสองก้อนได้แหลกเป็นผงไปแล้ว ขณะที่ฟืนและหญ้าแห้งเริ่มติดไฟ ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างโดยรอบ เอลอุ้มหญิงสาวมานอนข้างกองไฟและห่มผ้าให้ความอบอุ่น ก่อนจะปลีกตัวออกไปหาอาหารมื้อกลางวันสำหรับทุกคนเงียบๆ ด้วยตัวคนเดียว

 

_____________________________________________________________________

 

 

*อ่านข้อมูลของบาบารันท์ได้ในส่วนที่ได้ลงไว้แล้วครั้งแรกในฐานข้อมูลนะ

**เกล เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ทั่วทุกแดนของไวอัล มีหลายสายพันธุ์ รูปร่างคล้ายลิง มีตาโตดวงเดียวอยู่บนหน้า บนหัวมีเขาแหลม เขาของมันนำมาบดเป็นยาได้ ลูกตาก็นิยมเป็นของกินบำรุงเช่นกัน โดยทั่วไปมีนิสัยระแวดระวังอันตรายสูงจนกลายเป็นความดุร้าย มีทั้งชนิดที่กินเนื้อเป็นอาหารและกินพืชเป็นอาหาร

***Dreco Livard’z(เดรโค ลีววาร์ดซ์) หรือต้นเถามังกร มีวิธีการหาอาหารด้วยการรัดรึงเหยื่อที่เข้ามาใกล้จนตายและทิ้งไว้เป็นปุ๋ยเลี้ยงลำต้น มีสรรพคุณทางยาที่ค่อนข้างยุ่งยาก ปกติแล้วจะใช้เป็นยาพิษมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้เป็นพิษ ก็ต้องผ่านการปรุงเช่นกัน แต่ง่ายกว่ามาก

****หน่วยเงินในแดนไวอัลนี้มีเงินกลางอยู่สามชนิด กรัน เป็นทองแดงซึ่งหลอมเป็นเม็ดกลมและตอกตราลงไปขณะร้อนๆ จึงมีลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็ก ซึ่ง57กรันเท่ากับ1แซงต์ เป็นเหรียญเงินตรีตรา และ12แซงต์ มีค่า1โซล เป็นเหรียญทองที่มีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ยังมีค่าเงินอื่นๆอีกมาก และนิยมใช้เหรียญเงินกันมากกว่าเพราะมีการกระจายค่าที่มากกว่า ทั้งนี้ ค่าของเหรียญก็ต่างกันตามความบริสุทธิ์ของทองและเงินด้วย เหรียญที่อาตาเซียวางไว้บนโต๊ะคือแซงต์ ซึ่งที่จริงแล้วสามแซงต์นั้นมากกว่าค่าอาหารเล็กน้อยแค่นั้นกว่าสามเท่าทีเดียว ส่วนที่เดรคใช้กำไว้ในมือ ไม่ใช่เหรียญโซล แต่เป็นเหรียญทองที่มีความบริสุทธิ์สูงมากที่สุด โทน่อน ที่ว่ากันว่า มีแค่12เหรียญก็พอหาซื้อทาสหนุ่มๆในตลาดมืดได้คนนึงแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา