Avatar |(oc x neteyam) lefpom.
-
1) ตอนที่ 1 ผู้มาเยือน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียงแตรของเผ่าดังขึ้น พร้อมกับเงาของสัตว์ปีกบินลงมาที่หาด
‘อิกราน’ พร้อมผู้ขี่ได้ลงมาพื้นหาดทราย
“มีผู้มาเยือน ไปดูกัน” เสียงของ ‘ร็อตโซ่’ ดังขึ้น พร้อมกับเด็กเผ่าเม็กคายีน่าเดินไปพร้อมเพรียงกันที่หาด
‘เจค ซันลี่’ และครอบครัว ผู้มาเยือน ณ เผ่าเม็กคายีน่าเขาลงจากหลังของอิกราน พร้อมครอบครัว
อาวนุงกับพวกของเขา เดินเข้ามาหน้าครอบครัวซัลลี่ เนเทยัมและโลอัคได้ทำการทักทายพวกเขา
“ดูสิ นั้นอะไร หางเขาหรอ จะว่ายน้ำได้ยังไง “เสียงของร็อตโซพูดขึ้นพร้อมกับหันไปหัวเราะกับ’ อาวนุง’
“อย่าหาเรื่องร็อตโซ อาวนุง” เสียงของ’ ศิเรยา’ ดังขึ้นพร้อมเดินไปตรงหน้าร็อตโซ่
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการปรากฏตัวของ ‘โตโนวารี’ โอโรเอทานแห่งเผ่าเม็กคายีน่า
“ข้าเห็นเจ้า โตโนวารี” เจคทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นที่หัวผายมือออกไปข้างหน้า เป็นการทักทายตามแบบฉบับชาวนาวี
“เจค ซัลลี่” โตโนวารีทักทายกลับ
“ข้าเห็นเจ้าโรนาล” ‘โรนาล’ ซาฮิกของเผ่าเม็กคายีน่าเดินเข้ามาประจันหน้ากับเจคเคียงคู่โตโนวารี สามีของนาง
“ทำไมเจ้าถึงมาหาเรา เจค ซัลลี่” โตโนวารีเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหันไปมองที่ครอบครัวของเจค
“ข้าต้องการอุตูรุ”
“อุตุรุ?” โรนาลทวนคำของเจคขึ้นมา
“ที่พักพิงแก่ครอบครัวเรา”
“เราเป็นชาวปะการัง ส่วนเจ้าเป็นชาวป่า ทักษะของเจ้าใช้ไม่ได้ที่นี่” โตโนวารีโต้กลับ
“เราจะเรียนรู้ ได้ไหม” เจคตอบกลับพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอน
“แขนของพวกเขาผอมมาก หางของพวกเขาอ่อนแอ เจ้าจะเชื่องช้าเมื่ออยู่ในน้ำ เด็กๆ น่ะ ไม่ได้เป็นสายเลือดนาวีแท้” โรนาลกล่าวพร้อมกับเดินไปรอบๆ ครอบครัวเจค และหยุดไปที่’ คีรี’
“เราเป็นนาวี” คีรีหันไปโต้กับโรนาล
“แต่มีสายเลือดปีศาจ!”
เสียงฮือฮาเกิดขึ้น อีกครั้ง เมื่อโรนาลชูมือของโลอัคขึ้นมาให้คนในเผ่าได้ดู
‘หึ น่าสนใจ’
“ดูสิ ดู ข้าเกิดเป็นคนจากฟ้า และตอนนี้เราเป็นนาวี พวกเราปรับตัวได้ พวกเราจะปรับตัว เข้าใจไหม” เจคพูดขึ้นพร้อมกับชูมือของตนเองที่มี 5 นิ้วให้คนเผ่าเม็กคายีน่าได้ชม
“สามีข้าเคยเป็นโทรุคมัคโต เขานำพวกเราทุกเผ่าสู่ชัยชนะ เมื่อครั้นสู้จากคนจากฟ้า” ‘เนทีรี’ ภรรยาของเจคได้โต้กลับบ้าง พร้อมเดินเข้ามาประจันหน้ากับโรนาล
“นี่เจ้าเรียกชัยชนะหรอ ซ่อนตัว ท่ามกลางคนแปลกหน้า ดูเหมือนเอวาหันหลังให้เจ้าแล้ว ผู้ถือเลือก”
“ขอโทษแทนเมียของข้าด้วย นางเดินทางมาเหนื่อย”
“โทรุคมัคโต คือผู้นำสงครามที่ยิ่งใหญ่ ชาวนาวีทุกคนรู้เรื่องราวของเค้า แต่เราเม็กคายีน่าไม่ชื่นชอบสงคราม เราไม่อาจให้เจ้านำสงครามของเจ้ามาที่นี่” โตโนวารีได้พูดกล่าวบอกกับทั้งคนในเผ่า และกับเจค
“ข้าละสงครามแล้ว เข้าใจไหม ข้าแค่ต้องการให้ครอบครัวของข้าปลอดภัย” เจคพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย
“อุตูรุ คือสิ่งเดียวที่เราต้องการ” เนทีรีพูดพร้อมกับกอดตัวเอง สีหน้าเศร้าหมองนั้นทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างอดเห็นใจไม่ได้
“เราต้องไปอีกแล้วหรอ” ’ ทู๊ค’ เด็กเล็กที่สุดของบ้านซัลลี่ได้กล่าวขึ้นมาพร้อมขอให้พ่อของเขาอุ้มเค้าขึ้นไปกอด พร้อมซบลงที่ไหล่ของพ่อด้วยความเหนื่อยล้า
โตโนวารีและโรนาลมีท่าทางที่อ่อนลงเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้ามาขอความเห็นของกัน ก่อนที่โรนาลจะอ่อนลงให้แก่โตโนวารี
“โทรุคมัคโต และครอบครัวของเค้าจะอยู่กับเรา ปฎิบัติกับพวกเค้าดังเช่นพี่น้องของเจ้า พวกเค้าไม่รู้จักทะเล ฉะนั้นพวกเค้าเปรียบดังทารก เพิ่งหายใจเป็นครั้งแรก สอนวิถีของเราให้แก่เค้า พวกเค้าจะไม่ลำบาก และอับอายที่ทำอะไรไม่เป็นเลย”
“เอาล่ะพวกเราต้องพูดยังไง” เจคกล่าวพร้อมกับหันไปที่ครอบครัว
“ขอบคุณ”
“ลูกชายข้า อาวนุง ลูกสาวข้าศิเรยา จะคอยสอนลูกๆ ของเจ้า” โตโนวารีวางพลาง ผายมือไปทางลูกชายและลูกสาวของเขา
“ท่านพ่อ ข้า-”
“เป็นที่ตัดสินแล้ว” โตโนวารียื่นคำขาดพร้อมกับเดินหันหลังออกไป
“มา ข้าจะไปดูหมู่บ้านของเรา” ศิเรยาพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าครอบครัวซัลลี่ไป
.
.
.
การมีผู้มาเยือนครั้งนี้ทำให้อาวนุงไม่พอใจอย่างมาก
“ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบใจพวกเขานัก อาวนุง” เสียงของนาวีชาวประการังคนนึงกล่าวขึ้น พร้อมกับเดินมาข้างๆ อาวนุง
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพ่อคิดอะไร ถึงยอมให้พวกประหลาดเข้ามาที่นี้”
“ท่านโอโรเอทานย่อมมีเหตุผลเสมออาวนุง” ชายคนนั้นกล่าว
“เจ้าดูชอบใจนัก ยามเห็นเจ้าพวกตัวประหลาดนั้น ‘อาร์เดน’ ” อาวนุงว่าพลาง หันไปมองหน้า พี่ชายที่ตนเคารพ
“ข้าแค่คิดว่า พวกเขาน่าสนใจ เจ้าไม่อยากจะรู้หรอว่าพวกนั้นทำอะไรได้บ้างกับ...อืม.. แขนที่บอบบางและหางที่เล็กนั้น” อาร์เดนกล่าวขึ้น
“ข้าไม่สนใจหรอก และไม่อยากสนใจด้วย”
“แต่เจ้าต้องสอนพวกนั้น เจ้าอย่าลืมว่าท่านโอโรเอทานมอบหน้าที่ให้เจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะฟังคำสั่งนะ”
“ข้ารู้ ข้าไม่ลืมหน้าที่ตัวเองหรอก” อาวนุงพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ว่าแต่เจ้าจะช่วยข้าสอนเจ้าพวกประหลาดรึเปล่า เจ้าสนใจพวกนั้นไม่ใช่หรอ” อาวนุงพูดพลางเหลือบไปมองอาร์เดน
“หึ ข้าจะไปกับเจ้า” อาร์เดนยิ้มตอบอาวนุง ก่อนจะเอนหลังนอนลงไปที่พื้นทราย และตบเรียกอาวนุงให้นอนตามลงมา อาวนุงได้แต่มองตามด้วยความสงสัย เพื่อนรุ่นพี่ของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงมีท่าทางสนใจอะไรแบบนี้
‘ก็เป็นคนเข้าใจยากเหมือนเดิม’
.
.
.
.
.
การฝึกวันแรกให้แก่ผู้มาเยื่อน เป็นไปได้ไม่ดีนัก เนื่องจากชาวเผ่าโอมาติกาย่านั้นไม่ได้ดำน้ำบ่อยนัก แถมยังไม่รู้วิธีควบคุมลมหายใจ การจะสอนดำน้ำเลย คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
“ข้าว่าพวกเจ้าควรเรียนรู้จากการฝึกหายใจก่อน” ศิเรยาพูดขึ้นพร้อมกับนำให้พวกเขามาที่โขดหินข้างหาดทราย
“พวกเจ้าต้องหายใจจากตรงนี้” ศิเรยาพูดพร้อมกับจับที่ท้องของตนเอง แสดงท่าทางการหายใจให้แก่ลูกศิษย์ของเขาดู ทุกคนเริ่มทำท่าหายใจตามศิเรยา
“ไม่โลอัค เจ้าต้องหายใจจากตรงนี้” ศิเรยาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าท้องของโลอัค
“หัวใจเจ้าเต้นแรงโลอัค”
เสียงเอ่ยของศิเรยาทำให้เนเทยัมและร็อตโซ่หัวเราะขบขัน และหันมายิ้มให้กัน
อาร์เดนลอบมองหน้าของเนเทยัม หน้าเข้ารูปที่ได้โครงหน้ามาจากเจคผู้เป็นบิดา และองค์ประกอบหน้างดงามที่ได้มาจากเนทีรี่ผู้เป็นมารดา รวมกับเป็นเนเทยัม ดวงตาสีอำพันเป็นประกาย พร้อมรอยยิ้มฟันกระต่าย
‘ยิ้มแล้วน่ารักดีนี่’
.
.
.
“พวกประหลาด แค่หายใจยังผิด จะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เจ้าว่าไหม อาร์เดน” อาวนุงพูดพลางเดินไปที่ชายหาดพร้อมกับอาร์เดน พวกเขาแยกตัวออกมาเพราะต้องไปฝึก
“ตอนข้ามาที่นี่ครั้งแรก ข้าก็หายใจกับดำน้ำไม่ได้อาวนุง พวกเขากำลังเรียนรู้” อาร์เดนว่าพลางลูบหัวอาวนุงไปด้วย อาวนุงเป็นรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าเขา ถึงอาวนุงจะเป็นเด็กเอาแต่ใจไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วเขาเป็นเด็กที่เก่งพอตัว สมกับตำแหน่งว่าที่โอโรเอทานในอนาคต
“ไม่เหมือนกัน เจ้าไม่ได้ประหลาด” อาร์เดนได้แต่ถอนหายใจ เขากล่าวอะไรไปตอนนี้ อาวนุงก็คงเถียงเขาไม่เลิกอยู่ดี รอโตก็คงรู้เรื่องเองแหละ เขาคิดว่าแบบนั้นนะ
การฝึกการเป็นนักรบของอาวนุงและอาร์เดนนั้นเป็นไปด้วยดี เนื่องจากพวกเขามีความสามารถและพรสวรรค์อยู่แล้ว อาวนุงเขาเป็นนักล่าที่ดีมีฝีมือแต่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย และอาร์เดนถึงแม้จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นแต่เขามีความรอบคอบและสติปัญญา ทำให้พวกเขาสามารถผ่านการฝึกสอนได้อย่างง่ายดาย เป็นนักรบฝึกหัดที่ยอดเยี่ยม
“พวกเจ้าพร้อมที่จะไปขั้นต่อไปแล้ว” ครูฝึกของทั้งคู่ได้กล่าวขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่ได้ฝึกไล่พวกสัตว์อันตรายให้ออกจากแนวปะการัง
“ข้าว่าข้ายังไม่พร้อม” อาร์เดนได้กล่าวขึ้นมา
“ข้าบอกว่า ‘พวกเจ้า’ พร้อมที่จะไปขั้นต่อไปแล้ว” ครูฝึกเอ่ยย้ำอีกครั้ง ก่อนจะควบคุมอิลูมาหยุดที่หน้าอาร์เดน
“ข้ายังไม่อยากเข้าพิธีตอนนี้ ข้ายังไม่พร้อม” อาร์เดนพูดอีกรอบ พร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง
“ทำไมล่ะ?” อาวนุงถามด้วยความสงสัย
“แค่รู้ว่าข้ายังไม่พร้อมก็พอ ต้องขอโทษด้วย”
“ข้าจะรอเจ้า ถ้าเจ้าไม่พร้อม ข้าก็จะไม่ฝึกต่อ” อาวนุงพูดจบ ก็ขี่อิลูกลับมารุยของตนเองทันที
“อาวนุง!”
‘ข้าโดนโกรธแล้วสิ’
.
.
.
.
“เจ้ามาทำไรตรงนี้” เสียงจากด้านหลังดังขึ้น พร้อมร่างของนาวีชาวป่าตนหนึ่ง
“เจ้าลูกคนโต?” อาร์เดนขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้นาวีป่ามานั่งด้วยกันข้างโขดหิน
“ข้าชื่อเนเทยัม เจ้าสเก๊าท์” เนเทยัมว่าพลางขยับเข้าไปนั่งข้างร่างสูง
“ข้าอาร์เดน”
“ข้าจำได้ เจ้ามาพร้อมอาวนุง” เนเทยัมว่าพลางหันมาส่งยิ้มให้อาร์เดน
“อืม” อาร์เดนตอบกลับไป
เนเทยัมเหลือบไปมองอาร์เดน เขาเห็นอีกคนนั่งตรงนี้มานาน ด้วยความเป็นพี่คนโต เขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่อยากจะพูดกับเขาเท่าไหร่ เขาก็คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ทั้งคู่ยังนั่งอยู่ที่ริมหาดโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา จากตอนอาทิตย์อัสดงจนดวงดาวพร่างพราว ความเงียบที่มีมาพาลทำให้รู้สึกอึดอัด
“ข้าว่าข้าค-”
“เจ้าเป็นนักรบแล้วหรอ” อาร์เดนเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันมามองที่เนเทยัม ดวงตาสีสมุทรมองเข้าไปที่ตาสีอำพันของนาวีป่าตรงหน้า
“ใช่ ข้าเป็น” เนเทยัมตอบกลับ
“เจ้าอยากเป็นนักรบหรอ”
“ข้าอยากเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพ่อข้า” เนเทยัมตอบกลับด้วยท่าทางภูมิใจ เขาอยากเป็นเหมือนกับพ่อ อดีตโทรุคมัคโตและอดีตโอโรเอทานผู้ยิ่งใหญ่ ที่นำพาเผ่าสู่ชัยชนะ
“ถึงแม้จะยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับข้า แต่ข้าอยากจะปกป้องครอบครัวและเผ่าของข้า ข้าจึงต้องแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องพวกเขาได้”
อาร์เดนได้แต่พยักหน้าตอบกลับเนเทยัม ความมุ่งมั่นของร่างสูงตรงหน้าทำให้เขารู้สึกชื่นชมกับคนตรงหน้าไม่น้อย สองนาวีได้แต่สบตากัน
“ตาเจ้า เหมือนท้องฟ้าตอนนี้เลย” เนเทยัมเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง
“มืดมน?” อาร์เดนเอ่ยด้วยสีหน้าขบขัน
“งดงามต่างหาก เงียบสงบ และชวนค้นหา” เนเทยัมตอบกลับ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น อาร์เดนรู้สึกว่าตรงที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ชักจะคับแคบไปเสียแล้ว
“แต่ตาเจ้าไม่ใช่สีทะเลหรอ? ข้านึกว่าชาวปะการังจะสีทะเลเหมือนกันทุกคน”
“ข้าบอกเจ้าหรอ ว่าข้าเป็นชาวปะการัง” อาร์เดนว่าพลางยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันมาหาเนเทยัม ที่ทำหน้าสงสัยอยู่
“เจ้าไม่ใช่ชาวปะการัง?” เนเทยัมได้แต่นึกสงสัย ร่างกายสีทะเล และร่างกายที่ใหญ่โต หางนั้นอีก เข้าจะไม่ใช่ชาวปะการังได้ยังไง
“ขอบใจเจ้ามากที่อยู่เป็นเพื่อนข้า เนเทยัม เดี๋ยวข้าไปส่งเจ้า”
“ข้ากลับเองได้”
“ข้ารู้ แต่ข้าจะไปส่ง” อาร์เดนพูดพร้อมผายมือให้เนเทยัมเดินนำหน้าเขาไปที่มารุย เนเทยัมได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินนำหน้าเขาไปอยู่ดี ระหว่างที่เดินไม่มีคำพูดอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้จะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ แต่มันไม่น่าอึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เนเทยัมก็ได้ปล่อยเรื่องนี้ใว้ มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา ไม่เห็นต้องสนใจเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TO BE CONTINUED
‘อิกราน’ พร้อมผู้ขี่ได้ลงมาพื้นหาดทราย
“มีผู้มาเยือน ไปดูกัน” เสียงของ ‘ร็อตโซ่’ ดังขึ้น พร้อมกับเด็กเผ่าเม็กคายีน่าเดินไปพร้อมเพรียงกันที่หาด
‘เจค ซันลี่’ และครอบครัว ผู้มาเยือน ณ เผ่าเม็กคายีน่าเขาลงจากหลังของอิกราน พร้อมครอบครัว
อาวนุงกับพวกของเขา เดินเข้ามาหน้าครอบครัวซัลลี่ เนเทยัมและโลอัคได้ทำการทักทายพวกเขา
“ดูสิ นั้นอะไร หางเขาหรอ จะว่ายน้ำได้ยังไง “เสียงของร็อตโซพูดขึ้นพร้อมกับหันไปหัวเราะกับ’ อาวนุง’
“อย่าหาเรื่องร็อตโซ อาวนุง” เสียงของ’ ศิเรยา’ ดังขึ้นพร้อมเดินไปตรงหน้าร็อตโซ่
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการปรากฏตัวของ ‘โตโนวารี’ โอโรเอทานแห่งเผ่าเม็กคายีน่า
“ข้าเห็นเจ้า โตโนวารี” เจคทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นที่หัวผายมือออกไปข้างหน้า เป็นการทักทายตามแบบฉบับชาวนาวี
“เจค ซัลลี่” โตโนวารีทักทายกลับ
“ข้าเห็นเจ้าโรนาล” ‘โรนาล’ ซาฮิกของเผ่าเม็กคายีน่าเดินเข้ามาประจันหน้ากับเจคเคียงคู่โตโนวารี สามีของนาง
“ทำไมเจ้าถึงมาหาเรา เจค ซัลลี่” โตโนวารีเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหันไปมองที่ครอบครัวของเจค
“ข้าต้องการอุตูรุ”
“อุตุรุ?” โรนาลทวนคำของเจคขึ้นมา
“ที่พักพิงแก่ครอบครัวเรา”
“เราเป็นชาวปะการัง ส่วนเจ้าเป็นชาวป่า ทักษะของเจ้าใช้ไม่ได้ที่นี่” โตโนวารีโต้กลับ
“เราจะเรียนรู้ ได้ไหม” เจคตอบกลับพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอน
“แขนของพวกเขาผอมมาก หางของพวกเขาอ่อนแอ เจ้าจะเชื่องช้าเมื่ออยู่ในน้ำ เด็กๆ น่ะ ไม่ได้เป็นสายเลือดนาวีแท้” โรนาลกล่าวพร้อมกับเดินไปรอบๆ ครอบครัวเจค และหยุดไปที่’ คีรี’
“เราเป็นนาวี” คีรีหันไปโต้กับโรนาล
“แต่มีสายเลือดปีศาจ!”
เสียงฮือฮาเกิดขึ้น อีกครั้ง เมื่อโรนาลชูมือของโลอัคขึ้นมาให้คนในเผ่าได้ดู
‘หึ น่าสนใจ’
“ดูสิ ดู ข้าเกิดเป็นคนจากฟ้า และตอนนี้เราเป็นนาวี พวกเราปรับตัวได้ พวกเราจะปรับตัว เข้าใจไหม” เจคพูดขึ้นพร้อมกับชูมือของตนเองที่มี 5 นิ้วให้คนเผ่าเม็กคายีน่าได้ชม
“สามีข้าเคยเป็นโทรุคมัคโต เขานำพวกเราทุกเผ่าสู่ชัยชนะ เมื่อครั้นสู้จากคนจากฟ้า” ‘เนทีรี’ ภรรยาของเจคได้โต้กลับบ้าง พร้อมเดินเข้ามาประจันหน้ากับโรนาล
“นี่เจ้าเรียกชัยชนะหรอ ซ่อนตัว ท่ามกลางคนแปลกหน้า ดูเหมือนเอวาหันหลังให้เจ้าแล้ว ผู้ถือเลือก”
“ขอโทษแทนเมียของข้าด้วย นางเดินทางมาเหนื่อย”
“โทรุคมัคโต คือผู้นำสงครามที่ยิ่งใหญ่ ชาวนาวีทุกคนรู้เรื่องราวของเค้า แต่เราเม็กคายีน่าไม่ชื่นชอบสงคราม เราไม่อาจให้เจ้านำสงครามของเจ้ามาที่นี่” โตโนวารีได้พูดกล่าวบอกกับทั้งคนในเผ่า และกับเจค
“ข้าละสงครามแล้ว เข้าใจไหม ข้าแค่ต้องการให้ครอบครัวของข้าปลอดภัย” เจคพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย
“อุตูรุ คือสิ่งเดียวที่เราต้องการ” เนทีรีพูดพร้อมกับกอดตัวเอง สีหน้าเศร้าหมองนั้นทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างอดเห็นใจไม่ได้
“เราต้องไปอีกแล้วหรอ” ’ ทู๊ค’ เด็กเล็กที่สุดของบ้านซัลลี่ได้กล่าวขึ้นมาพร้อมขอให้พ่อของเขาอุ้มเค้าขึ้นไปกอด พร้อมซบลงที่ไหล่ของพ่อด้วยความเหนื่อยล้า
โตโนวารีและโรนาลมีท่าทางที่อ่อนลงเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้ามาขอความเห็นของกัน ก่อนที่โรนาลจะอ่อนลงให้แก่โตโนวารี
“โทรุคมัคโต และครอบครัวของเค้าจะอยู่กับเรา ปฎิบัติกับพวกเค้าดังเช่นพี่น้องของเจ้า พวกเค้าไม่รู้จักทะเล ฉะนั้นพวกเค้าเปรียบดังทารก เพิ่งหายใจเป็นครั้งแรก สอนวิถีของเราให้แก่เค้า พวกเค้าจะไม่ลำบาก และอับอายที่ทำอะไรไม่เป็นเลย”
“เอาล่ะพวกเราต้องพูดยังไง” เจคกล่าวพร้อมกับหันไปที่ครอบครัว
“ขอบคุณ”
“ลูกชายข้า อาวนุง ลูกสาวข้าศิเรยา จะคอยสอนลูกๆ ของเจ้า” โตโนวารีวางพลาง ผายมือไปทางลูกชายและลูกสาวของเขา
“ท่านพ่อ ข้า-”
“เป็นที่ตัดสินแล้ว” โตโนวารียื่นคำขาดพร้อมกับเดินหันหลังออกไป
“มา ข้าจะไปดูหมู่บ้านของเรา” ศิเรยาพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำหน้าครอบครัวซัลลี่ไป
.
.
.
การมีผู้มาเยือนครั้งนี้ทำให้อาวนุงไม่พอใจอย่างมาก
“ทำไมเจ้าถึงไม่ชอบใจพวกเขานัก อาวนุง” เสียงของนาวีชาวประการังคนนึงกล่าวขึ้น พร้อมกับเดินมาข้างๆ อาวนุง
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพ่อคิดอะไร ถึงยอมให้พวกประหลาดเข้ามาที่นี้”
“ท่านโอโรเอทานย่อมมีเหตุผลเสมออาวนุง” ชายคนนั้นกล่าว
“เจ้าดูชอบใจนัก ยามเห็นเจ้าพวกตัวประหลาดนั้น ‘อาร์เดน’ ” อาวนุงว่าพลาง หันไปมองหน้า พี่ชายที่ตนเคารพ
“ข้าแค่คิดว่า พวกเขาน่าสนใจ เจ้าไม่อยากจะรู้หรอว่าพวกนั้นทำอะไรได้บ้างกับ...อืม.. แขนที่บอบบางและหางที่เล็กนั้น” อาร์เดนกล่าวขึ้น
“ข้าไม่สนใจหรอก และไม่อยากสนใจด้วย”
“แต่เจ้าต้องสอนพวกนั้น เจ้าอย่าลืมว่าท่านโอโรเอทานมอบหน้าที่ให้เจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะฟังคำสั่งนะ”
“ข้ารู้ ข้าไม่ลืมหน้าที่ตัวเองหรอก” อาวนุงพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ว่าแต่เจ้าจะช่วยข้าสอนเจ้าพวกประหลาดรึเปล่า เจ้าสนใจพวกนั้นไม่ใช่หรอ” อาวนุงพูดพลางเหลือบไปมองอาร์เดน
“หึ ข้าจะไปกับเจ้า” อาร์เดนยิ้มตอบอาวนุง ก่อนจะเอนหลังนอนลงไปที่พื้นทราย และตบเรียกอาวนุงให้นอนตามลงมา อาวนุงได้แต่มองตามด้วยความสงสัย เพื่อนรุ่นพี่ของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงมีท่าทางสนใจอะไรแบบนี้
‘ก็เป็นคนเข้าใจยากเหมือนเดิม’
.
.
.
.
.
การฝึกวันแรกให้แก่ผู้มาเยื่อน เป็นไปได้ไม่ดีนัก เนื่องจากชาวเผ่าโอมาติกาย่านั้นไม่ได้ดำน้ำบ่อยนัก แถมยังไม่รู้วิธีควบคุมลมหายใจ การจะสอนดำน้ำเลย คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
“ข้าว่าพวกเจ้าควรเรียนรู้จากการฝึกหายใจก่อน” ศิเรยาพูดขึ้นพร้อมกับนำให้พวกเขามาที่โขดหินข้างหาดทราย
“พวกเจ้าต้องหายใจจากตรงนี้” ศิเรยาพูดพร้อมกับจับที่ท้องของตนเอง แสดงท่าทางการหายใจให้แก่ลูกศิษย์ของเขาดู ทุกคนเริ่มทำท่าหายใจตามศิเรยา
“ไม่โลอัค เจ้าต้องหายใจจากตรงนี้” ศิเรยาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าท้องของโลอัค
“หัวใจเจ้าเต้นแรงโลอัค”
เสียงเอ่ยของศิเรยาทำให้เนเทยัมและร็อตโซ่หัวเราะขบขัน และหันมายิ้มให้กัน
อาร์เดนลอบมองหน้าของเนเทยัม หน้าเข้ารูปที่ได้โครงหน้ามาจากเจคผู้เป็นบิดา และองค์ประกอบหน้างดงามที่ได้มาจากเนทีรี่ผู้เป็นมารดา รวมกับเป็นเนเทยัม ดวงตาสีอำพันเป็นประกาย พร้อมรอยยิ้มฟันกระต่าย
‘ยิ้มแล้วน่ารักดีนี่’
.
.
.
“พวกประหลาด แค่หายใจยังผิด จะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เจ้าว่าไหม อาร์เดน” อาวนุงพูดพลางเดินไปที่ชายหาดพร้อมกับอาร์เดน พวกเขาแยกตัวออกมาเพราะต้องไปฝึก
“ตอนข้ามาที่นี่ครั้งแรก ข้าก็หายใจกับดำน้ำไม่ได้อาวนุง พวกเขากำลังเรียนรู้” อาร์เดนว่าพลางลูบหัวอาวนุงไปด้วย อาวนุงเป็นรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าเขา ถึงอาวนุงจะเป็นเด็กเอาแต่ใจไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วเขาเป็นเด็กที่เก่งพอตัว สมกับตำแหน่งว่าที่โอโรเอทานในอนาคต
“ไม่เหมือนกัน เจ้าไม่ได้ประหลาด” อาร์เดนได้แต่ถอนหายใจ เขากล่าวอะไรไปตอนนี้ อาวนุงก็คงเถียงเขาไม่เลิกอยู่ดี รอโตก็คงรู้เรื่องเองแหละ เขาคิดว่าแบบนั้นนะ
การฝึกการเป็นนักรบของอาวนุงและอาร์เดนนั้นเป็นไปด้วยดี เนื่องจากพวกเขามีความสามารถและพรสวรรค์อยู่แล้ว อาวนุงเขาเป็นนักล่าที่ดีมีฝีมือแต่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย และอาร์เดนถึงแม้จะไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นแต่เขามีความรอบคอบและสติปัญญา ทำให้พวกเขาสามารถผ่านการฝึกสอนได้อย่างง่ายดาย เป็นนักรบฝึกหัดที่ยอดเยี่ยม
“พวกเจ้าพร้อมที่จะไปขั้นต่อไปแล้ว” ครูฝึกของทั้งคู่ได้กล่าวขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่ได้ฝึกไล่พวกสัตว์อันตรายให้ออกจากแนวปะการัง
“ข้าว่าข้ายังไม่พร้อม” อาร์เดนได้กล่าวขึ้นมา
“ข้าบอกว่า ‘พวกเจ้า’ พร้อมที่จะไปขั้นต่อไปแล้ว” ครูฝึกเอ่ยย้ำอีกครั้ง ก่อนจะควบคุมอิลูมาหยุดที่หน้าอาร์เดน
“ข้ายังไม่อยากเข้าพิธีตอนนี้ ข้ายังไม่พร้อม” อาร์เดนพูดอีกรอบ พร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง
“ทำไมล่ะ?” อาวนุงถามด้วยความสงสัย
“แค่รู้ว่าข้ายังไม่พร้อมก็พอ ต้องขอโทษด้วย”
“ข้าจะรอเจ้า ถ้าเจ้าไม่พร้อม ข้าก็จะไม่ฝึกต่อ” อาวนุงพูดจบ ก็ขี่อิลูกลับมารุยของตนเองทันที
“อาวนุง!”
‘ข้าโดนโกรธแล้วสิ’
.
.
.
.
“เจ้ามาทำไรตรงนี้” เสียงจากด้านหลังดังขึ้น พร้อมร่างของนาวีชาวป่าตนหนึ่ง
“เจ้าลูกคนโต?” อาร์เดนขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้นาวีป่ามานั่งด้วยกันข้างโขดหิน
“ข้าชื่อเนเทยัม เจ้าสเก๊าท์” เนเทยัมว่าพลางขยับเข้าไปนั่งข้างร่างสูง
“ข้าอาร์เดน”
“ข้าจำได้ เจ้ามาพร้อมอาวนุง” เนเทยัมว่าพลางหันมาส่งยิ้มให้อาร์เดน
“อืม” อาร์เดนตอบกลับไป
เนเทยัมเหลือบไปมองอาร์เดน เขาเห็นอีกคนนั่งตรงนี้มานาน ด้วยความเป็นพี่คนโต เขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่อยากจะพูดกับเขาเท่าไหร่ เขาก็คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ทั้งคู่ยังนั่งอยู่ที่ริมหาดโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา จากตอนอาทิตย์อัสดงจนดวงดาวพร่างพราว ความเงียบที่มีมาพาลทำให้รู้สึกอึดอัด
“ข้าว่าข้าค-”
“เจ้าเป็นนักรบแล้วหรอ” อาร์เดนเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันมามองที่เนเทยัม ดวงตาสีสมุทรมองเข้าไปที่ตาสีอำพันของนาวีป่าตรงหน้า
“ใช่ ข้าเป็น” เนเทยัมตอบกลับ
“เจ้าอยากเป็นนักรบหรอ”
“ข้าอยากเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพ่อข้า” เนเทยัมตอบกลับด้วยท่าทางภูมิใจ เขาอยากเป็นเหมือนกับพ่อ อดีตโทรุคมัคโตและอดีตโอโรเอทานผู้ยิ่งใหญ่ ที่นำพาเผ่าสู่ชัยชนะ
“ถึงแม้จะยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับข้า แต่ข้าอยากจะปกป้องครอบครัวและเผ่าของข้า ข้าจึงต้องแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องพวกเขาได้”
อาร์เดนได้แต่พยักหน้าตอบกลับเนเทยัม ความมุ่งมั่นของร่างสูงตรงหน้าทำให้เขารู้สึกชื่นชมกับคนตรงหน้าไม่น้อย สองนาวีได้แต่สบตากัน
“ตาเจ้า เหมือนท้องฟ้าตอนนี้เลย” เนเทยัมเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง
“มืดมน?” อาร์เดนเอ่ยด้วยสีหน้าขบขัน
“งดงามต่างหาก เงียบสงบ และชวนค้นหา” เนเทยัมตอบกลับ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น อาร์เดนรู้สึกว่าตรงที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ชักจะคับแคบไปเสียแล้ว
“แต่ตาเจ้าไม่ใช่สีทะเลหรอ? ข้านึกว่าชาวปะการังจะสีทะเลเหมือนกันทุกคน”
“ข้าบอกเจ้าหรอ ว่าข้าเป็นชาวปะการัง” อาร์เดนว่าพลางยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันมาหาเนเทยัม ที่ทำหน้าสงสัยอยู่
“เจ้าไม่ใช่ชาวปะการัง?” เนเทยัมได้แต่นึกสงสัย ร่างกายสีทะเล และร่างกายที่ใหญ่โต หางนั้นอีก เข้าจะไม่ใช่ชาวปะการังได้ยังไง
“ขอบใจเจ้ามากที่อยู่เป็นเพื่อนข้า เนเทยัม เดี๋ยวข้าไปส่งเจ้า”
“ข้ากลับเองได้”
“ข้ารู้ แต่ข้าจะไปส่ง” อาร์เดนพูดพร้อมผายมือให้เนเทยัมเดินนำหน้าเขาไปที่มารุย เนเทยัมได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินนำหน้าเขาไปอยู่ดี ระหว่างที่เดินไม่มีคำพูดอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้จะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ แต่มันไม่น่าอึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เนเทยัมก็ได้ปล่อยเรื่องนี้ใว้ มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา ไม่เห็นต้องสนใจเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TO BE CONTINUED
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ