[Fanfic] Phantasy Star Online 2: Another Episode Part 1

-

เขียนโดย LunaRRabbit

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.10 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,151 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 13.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1: มุ่งหน้าสู่นาเบริอุส[Gore Warning]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
["เหล่าARKSหน้าใหม่ทั้งหลายเอ๋ย ณ บัดนี้จะเป็นก้าวแรกที่พวกเจ้าเข้าสู่ความกว้างใหญ่ของจักรวาล"]
["ARKSนั้น...."]
ภายในจอตรงหน้าคือเผ่าพันธุ์Castสีขาวเขาเป็นหนึ่งใน 6 เสาหลักของARKSเป็นนักรบระดับตำนานที่เคยสู้กับภัยคุกคามครั้งใหญ่เมื่อ 40 ปีก่อนที่เรียกว่า Dark Falz นอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้าของพวกเราARKS จะเรียกว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติที่เขาออกมาพูดปลุกใจพพวกเราARKSมือใหม่มันก็ใช่แต่นี่มันก็ยืดความยาวสาวความยืดจนผมอดรู้สึกเบื่อไม่ได้เหมือนกับฟังผู้สูงอายุพูดเรื่องที่ตัวผมรู้อยู่แล้วอะไรแบบนั้น ทั้งเรื่องOracle ทั้งARKS พวกที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้คงมีแต่คนที่ไม่ตั้งใจเรียนในโรงเรียนทั้งนั้นแหละ เพราะแบบนั้นพอผมเหลือบมองไปที่น้องสาวของผมก็พบว่าเธอตาปรือได้ที่
["เตรียมตัวให้พร้อมใส่รหัสประจำตัวของพวกเจ้าเสีย"]
["พวกเรายินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้าสู่ARKS"]
ภาพในจอถูกตัดการแนะนำพวกเราเข้าสู่องค์กรได้จบลงแล้ว มาโกะเองก็หาวออกมาวอดใหญ่ก่อนจะยืดเส้นยืดสายอยู่ครู่หนึ่ง สวนผมก้หาวออกมาตามเหมือนกับเป็นปฏิกริยาลูกโซ่ของพี่น้อง
"จบสักที หัวหน้าเรกิอัสนี่พูดยาวเป็นบ้าเลย"
มาโกะขยี้แก้ง่วงพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ ผมเองก็นั่งลงข้างๆเธอ
"ก็ต้องเตรียมพวกเราให้พร้อมนี่นะARKSไม่ใช่งานง่ายๆสักหน่อย"
มาโกะยิ้มหัวเราะแห้งออกมาเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนั้น ไม่นานนักCamp shipของพวกเราก็ออกเดินทางไปสู่ดาวนาเบริอุสในขณะนั้นพวกเราก็หาอะไรพูดคุยกันไปพลางๆแต่ไม่นานนักก็หมดเรื่องพูดคุยแล้วก็นั่งเงียบๆกันไปแทนทันใดนั้นก็มีเสียหนึ่งแทรกขึ้นมา
"เอ่อ ขอโทษนะนายน่ะมากจากยานไหนหรอ?"
ชายหนุ่มร่างบาง เรือนผมสีทอง ดวงตาสีคราม และที่เด่นสุดคงเป็นใบหูแหลมของเขาที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าNewmanที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมพูดขึ้น ใบหน้าหวานของเขายิ้มอย่างเป็นมิตรผมจึงตอบไปตรงๆ
"ยานที่ 74 น่ะ"
"โอ๊ะ ยานเดียวกันเลยฉันก็มาจากที่นั่นเหมือนกัน ฉันชื่อ อาฟิน นะแล้วนายล่ะ?"
คิ้วของผมยกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจไม่นึกว่าจะมีคนที่อยู่ยานเดียวกันอยู่ที่นี่ด้วย ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปรกติก่อนจะตอบไป
"ฉัน มิโคโตะ ส่วนนี่ มาโกะ เป็นน้องสาว"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ อาฟิน"
"ดีจังเลยนะทั้งสองคน พวกนายเข้าร่วมARKSเพราะอะไรหรอ?"
"เรื่องนั้น..."
"เป็นความฝันของพวกเรายังไงล่ะค่ะ ฮุๆ แล้วอาฟินล่ะ?"
มาโกะถามออกไปเป็นคำถามธรรมดาๆแต่อาฟินกลับคิดอยู่ครู่หนึ่งเหมือนจะมีอะไรติดใจเขาก่อนที่เขาจะตอบคำถามนั้น
"ฉันน่ะอยากเห้นท้องฟ้าจริงๆสักครั้งน่ะ"
เหมือนจะเป็นคำตอบง่ายๆแต่เหมือนมีอะไรปิดบังเอาไว้ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงดาวนาเบริอุส ดาวเคราห์สีเขียวขจีอุดมสมบูรณ์นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นดาวเคราะห์แบบนี้ของจริง หัวหน้าหน่วยบอกให้พวกเราตามเขาลงไปสำรวจเป็นพื้นผิวกาวเคราะห์ซึ่งพวกเราก็ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
นาเบริอุส ดวงดาวที่เต็มไปด้วยผืนป่าและลำธารอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ท้องถื่นหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก หรือสัตว์ปีก พื้นเดินเต็มไปด้วยผืนหญ้ามีความชื้นเล็กน้อยเหมือนกับว่าฝนเพิ่งตกไปหมาดๆท้องฟ้าสีครามที่ไม่ใช่ทั้งฟ้าจำลองในARKS shipรวมถึงแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นสถานที่ที่ทำให้มาโกะและผมรู้สึกอัศจรรย์อย่างมาก
พวกเราสำรวจพื้นที่ไปเรื่อยๆจนถึงพื้นที่หนึ่งที่เป็นพื้นที่ชื้นแฉะ มีบางอย่างที่ไม่ปรกติมีสิงมีชีวิตรูปร่างคล้ายลิงที่เรียกว่า Oodan ตัวหนึ่งมีางสิ่งที่เติบโตออกมาจากดวงตาข้างหนึ่งของมันรูปร่างเหมือนกับเนื้องอกร้ายรูปร่างประหลาด
"เมื่อเจอเผ่าพันธุ์พื้นเมืองติดเชื้อ D-Factor พวกเธอจะทำกันอย่างไร?"
พวกเรานิ่งเงียบมาโกะดึงตัวเอาลงมาให้พอๆกับความสูงของเธอก่อนจะกระซิบข้างหูผม ทั้งๆที่ยังจับใจความไม่ได้ก็มีคนพูดแทรกขึ้นมาทำให้เธอผละตัวผมออกก่อน
"โจมตีเข้าไปที่เนื้องอกของมันสิครับ!"
ARKSฝึกหัดคนหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปใช้ดาบใหญ่แทงเข้าไปที่ก้อนเนื้องอกนั่นจนสลายหายไป ผมหันไปมองมาโกะอีกครั้งเรื่องง่ายๆแบบนี้เธอไม่น่าพลาดไปได้แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
"มาโกะไม่สบายหรือเปล่า?"
"เปล่าๆหนูสบายดีแค่รู้สึกว่าลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลย"
ผมพยักหน้าตอบเบาๆ มาโกะมักจะเป็นพวกที่เชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองเสมอซึ่งต่างจากผมก้เพราะลางสังหรณ์มันไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ผมก็เลยไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนั้น
พวกเราเดินสำรวจต่อไปจนไปถึงพื้นที่โล่งกว้างหัวหน้าหน่วยตัดสินใจจะให้พวกเราพักผ่อนกันตรงนี้หลังจากที่ขึ้นเขาลงห้วยกันอยู่หลายชั่วโมง มาโกะยังคำกำคทาของเธอเอาไว้ไม่วางมือแถมดูระแวงๆอีกต่างหาก
"มาโกะเธอน่ะระแวงไปแล้วนะ วางเจ้านั่นก่อนเถอะ"
"พี่ไม่เข้าใจหรอกว่าหนูดูดวงมาก่อนออกมานี่เขาบอกว่าจะมีเคราะห์ แถมลางสังหรณ์เมื่อกี๊แรงสุดๆเลยนะพี่!"
"เธอก็แค่กลัวOodanที่ติดเชื้อเมื่อกี๊น่ะ...."
มาโกะหรี่ตามองผมเหมือนไม่พอมใจก่อนจะสะบัดหน้าไปมองทางอื่น ตัวผมที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วเปิดถุงอาหารเหลวที่พกมาด้วยมาดื่มแค่นั้น
วิ้ง...
เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างวาร์ปมาไม่ไกลจากจุดที่พวกผมอยู่มากนักก่อนจะได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้น
"พวกDarker! มันฆ่าหัวหน้าหน่วยไปแล้วทุกคนหนีเร็ว!!!"
ผมกับมาโกะรีบหันไปตามเสียง นาเบริอุสที่ไม่น่าจะมีพวกDarkerแต่พวกนั้นจู่ๆก็โผล่มาแล้วฆ่าหัวหน้าหน่วยไปง่ายๆเหมือนกับหั่นเนื้อแบบนั้น...
"หนูบอกพี่แล้วไงว่ามันจะมีเคราะห์!"
มาโกะหันมาพูดกับผมก่อนจะลุกขึ้นยืน มือที่ถือคทาของเธอสั่นแสดงให้เห็นว่าเธอกลัวแต่ใบหน้าของเธอกลับแสดงออกไปตรงกันข้ามกัน
"เออ รู้แล้วน่ามาโกะตอนนี้เราต้องเอาตัวรอดนะ!"
ผมรีบหยิบอาวุธหอกของตัวเองออกมา ไม่นึกว่าลางสังหรณ์ของมาโกะจะถูกสงสัยผมจะต้องเชื่อเรื่องพวกนี้มากขึ้นแล้วหรือยังไงกันนะ? พวกDarkerรูปร่างคล้ายแมงมุมเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นARKSมือใหม่อย่างพวกเราไม่สามารถต้านทานไว้ได้ บ้างก็ถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถ บ้างก็ถูกขาคมๆของพวกมันฟันจนขาด จากกลุ่มที่มีคนราวๆ 10 คน ตอนนี้เริ่มลดน้อยลงจนนับคนได้ ผมกับมาโกะก็พยายามหนีไปด้วยเอาชีวิตรอดไปด้วยจนไปเจอกับอาฟินที่กำลังจะถูกDarkerตัวหนึ่งเล่นงาน
"มาโกะฝากด้วย!"
"ได้เลยพี่ชาย! Grants!"
ดาบแสงพุ่งลงมาทิ่มแทงDarkerตัวนั้นจนสลายหายไปTecniquesธาตุแสงของเธอยังคงแม่นยำและรุนแรงเหมือนเคย ถ้าพูดถึงTecniquesล่ะก็มันก็คงคล้ายๆกับเวทมนตร์เพียงแค่มันไม่ใช่อะไรที่พิเศษแบบนั้น มันคือการที่ใช้Photonโจมตีออกไปเป็นธาตุต่างๆซึ่งต่างจากการโจมตีปรกติที่ใช้Photonแค่นั้นเอง
"หวา...นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วขอบคุณนะคู่หู"
ผมพยุงตัวอาฟินให้ลุกขึ้นส่วนมาโกะก็ยิ้มอย่าภูมิใจอยู่ข้างหลัง แต่ว่าคู่หูนี่มันอะไรกัน...
พวกเราหนีมาจนถึงที่ที่น่าจะปลอดภัย มันเป็นถ้ำเล็กๆอยู่บนเนินเขาเล็กๆพอที่จะเห็นทิวทัศน์รอบๆได้บ้างว่ามีสิ่งใดผิดปรกติ อาฟินนั่งขดอยู่ที่มุมถ้ำเขาคงจะขวัญเสียกับการตายของทุกคนมาก ส่วนผมเองก็กลัวแต่ก็ทำใจกับเรื่องนี้ไว้แล้วว่าเป็นARKSก็ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ มาโกะเองก็คงคิดเหมือนผมไม่งั้นเธอคงจะไม่นั่งเฝ้าอยู่หน้าปากถ้ำกับผมแบบนี้
"ทุกคนก็ตายหมด หัวหน้าหน่วยก็ไม่อยู่แล้ว...พวกเราจะทำยังไงต่อดีล่ะ..."
"ฉันส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้วล่ะ อีกสักพักคงมีคนมาช่วย"
มาโกะเปิดเครื่องมือสื่อสารแล้วกดตัวเลือดบนหน้าจอโฮโลแกรมตรงหน้า เธอพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังARKSคนอื่นๆและศูนย์บัญชาการ
"พวกเราน่ะเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มเดียวหรือเปล่ามาโกะ?"
"เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะพี่ชาย หนูหาสัญญาณของคนอื่นๆไม่ได้เลย"
พวกเราสองพี่น้องพยายามพูดให้เบาที่สุดอาฟินจะได้ไม่ต้องขวัญเสียกับสิ่งที่มาโกะเจอ ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างๆอาฟินก่อนจะส่งอาหารเหลวที่พอจะเหลือในกระเป๋าให้ถุงหนึ่ง
"มัวแต่เศร้าก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ"
"อะ อืม..."
"ตอนที่เรียกฉันกับมาโกะว่าคู่หูน่ะแอบตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ก็ดีใจนะ"
คำพูดของผมทำให้อาฟินยิ้มออกมาได้บ้างผมเองก็ยิ้มตอบเขาไปเช่นกัน
"ที่เรียกว่าคู่หูน่ะเพราะว่าพวกนายเป็นเพื่อนคนแรกของฉันในARKSนี่นา...แล้วก็ที่ตอนแรกบอกว่าอยากเห็นท้องฟ้าน่ะจริงๆแล้ว...ฉันกำลังตามหาคนในครอบครัวที่หายตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อนอยู่น่ะพอเห็นพวกนายแล้วก็อดคิดถึงพี่สาวที่หายตัวไปไม่ได้เลยล่ะ"
อาฟินกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"...เสียใจด้วยนะแล้วก็ขอโทษ"
"ไม่เป็นไรหรอกๆมันผ่านมาแล้วนี่นา พวกนายเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันน่ะก็ดีแล้ว"
คำพูดนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเหมือนกับมาโกะที่ตอนนี้ก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน
"ฮะๆ ไม่หรอกๆพวกเราตีกันบ่อยจะตาย มิโคโตะน่ะซื่อบื้อจะตาย"
"เธอก็เลือดร้อนมาโกะ"
ผมรีบสวนกลับไปทันที การสนทนานี้ทำให้อาฟินสบายใจขึ้นผมก็ดีใจ
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงฝนเริ่มตกลงมายังไม่มีการตอบกลับจากศูนย์บัญชาการ พวกเราเริ่มเหนื่อยอ่อนอาฟินผล็อยหลับไปแล้วเหลือมาโกะที่รอการตอบกลับจากศูนย์บัญชาการกับผมที่เฝ้าระวังไม่ให้พวกDarkerเข้ามาโจมตีระหว่างที่ผมมองออกไปบนผืนป่าทันใดนั้นผมก็เห็นแสงสว่างส่องออกมาจากต้นไม่ใหญ่กลางป่านั่น
ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองต้องเข้าไปสำรวจที่นั่น
"มาโกะพี่ฝากอาฟินด้วยนะ!"
"พี่ชายจะไปไหนน่ะ! โธ่เอ้ย!"
ผมกระโจนลงมาจากถ้ำก่อนจะได้ยินมาโกะตะโกนไล่หลังมา ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่ง ผ่านแมกไม้และก้อนหินขนาดใหญ่เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นราวกับมีบางสิ่งกำลังดึงดูดผมให้ไปที่นั่น ที่ปลายทางแสงสว่างคือต้นไม้ขนาดใหญ่และร่างของใครสักคนกำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้นั่น เด็กสาวสีขาวที่ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน...
ความรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่ศูนย์การค้า....
"คุณ!"
ผมรีบก้มลงจับข้อมือของเธอเพื่อตรวจชีพจรของเธอ เธอคนนี้ยังมีชีวิตอยู่... ทันใดนั้น ผมก็ถูกโจมตีโดยชายชุดดำใส่หน้ากากถือดาบเล่มใหญ่สีม่วง โชคดีที่ผมสามารใช้หอกปัดการโจมตีนั้นไว้ได้
"ใครกัน!?"
"ฉันจะฆ่ามาโตอิ"
มาโตอิ? หรือว่าจะเป็นเด็กสาวคนนี้
"ไม่ให้เป็นแบบนั้นหรอก!"
คมหอกของผมเข้าปะทะกับดาบใหญ่ของเจ้าคนสวมหน้ากากนั่น แรงของมันเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้จนผลักผมออกมาจากการปะทะได้
"ฉันจะฆ่ามาโตอิ"
"ไม่ต้องย้ำก็ได้โว้ย!!!"
หอกแหลมพี่เข้าแทงใส่ร่างที่อยู่ตรงหน้าตรงๆแต่ก็ถูกปัดออกไปได้อย่างง่ายดาย ฟาดจากด้านข้างก็ถูกปัดออกอีกครั้ง มันปัดทุกการโจมตีของผมได้อย่างง่ายได้เหมือนรู้ว่าผมจะโจมตีทางไหน
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ
ตู้ม!!!!
มีอะไรบางอย่างกระแทกเจ้าหน้ากากนั่นอย่างจังจนกระเด็นไปติดกับก้อนหินใหญ่ที่อยู่ห่างกันไปไกล ผมได้แต่อึ้งกับพละกำลังของสิ่งนั้น ไม่สิ คนคนนั้นARKSใบหน้าบากเรือผมสีเทาดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย อาวุธของเขาตรงนั้น..สนับมือมันต้องเป็นสิ่งที่เขาใช้เมื่อครู่แน่ๆ
"ชีน่า!จัดการมันซะ!"
"ค่ะ ท่านเก็ตเท็มฮัลท์"
Tecniquesธาตุลมถูกใช้มันคมราวกับใบมีจนผมต้องรับหลบไปจากรัศมี ชายสวมหน้ากากเห็นเข้าก็วาร์ปออกจากจุดนั้นไปอย่างไร้ร้องรอยเหลือแต่หินที่ถูกใบมีดลมตัดจนหักเป็นสองซีก เจ้าของTecniquesธาตุลมปรากฏตัวขึ้นจากร่มเงาของต้นไม้เธอคือหญิงสาวผมสีมิ้นต์ผู้ดูเยือกเย็นผมของเธอยาวจนบดบังดวงตาสีอเมทิสต์ของเธอจนแทบมองไม่เห็น ชายร่างใหญ่หน้าบากเดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีเอาเรื่องผมเองก็ถอยออกไปสองสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง
ผมไม่เคยรู้จักพวกเขามาก่อนว่าพวกเขาเป็นใคร แต่ที่รู้ๆผมซวยแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายฟิคชั่นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา