(fic undertale) Horror truth
เขียนโดย จอมมารไนท์
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.02 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 22.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) Where are you now, kiddo?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนานในนรกที่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่มันจะจบลงซะที..
หิมะสีขาวยังคงโปรยปรายลงมาเหมือนอย่างเช่นทุกวัน จนบางครั้งมอนสเตอร์ร่างเล็กยังแอบคิดสงสัยถึงที่มาของหิมะพวกนั้นที่ยังตกได้เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่อันเดอร์กราวแห่งนี้ไม่แม้แต่จะมีท้องฟ้าด้วยซ้ำ พาลชวนให้นึกสงสัยเลยไปถึงโลกภายนอกด้วยว่าที่นั่นจะมีหิมะตกตลอดเวลาแบบที่เมืองสโนว์ดินแห่งนี้รึเปล่า
และถ้าเป็นแบบนั้น ภายใต้ความเย็นยะเยือกที่ข้างนอกนั่นโดนปราศจากเขา.. ตอนนี้เด็กน้อยของเขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
ดวงตาสีแดงก่ำดั่งเลือดที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของโครงกระดูกหนุ่มนาม แซนส์ เดอะ สเกเลตัน เหม่อมองออกไปยังทางทิวทัศน์ของป่าสนด้วยสายตาอันเลื่อนลอย แต่ทุกครั้งที่เขาตั้งคำถาม.. ไม่มีเลยสักครั้งที่จะได้รับคำตอบกลับมา
จนในที่สุด โครงกระดูกหนุ่มก็เลิกตั้งคำถามและหันกลับมาจดจ่ออยู่กับวงจรชีวิตที่แสนซ้ำซากนี้แทน
นับตั้งแต่ที่ ฟริกส์ มนุษย์เพียงคนเดียวที่เขารักมากที่สุดในชีวิตได้จากไปก็ผ่านมานานมากแล้ว เธอได้จากโลกใต้พิภพแห่งนี้ไปพร้อมกับความตายของราชาแห่งเหล่ามอนสเตอร์และดวงวิญญาณของมนุษย์ทั้งหกดวงที่แอสกอร์อุตส่าห์รวบรวมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และนั่นทำให้มอนสเตอร์ในอันเดอร์กราวทั้งหมดตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังและสภาวะขาดแคลนอาหาร ส่วนหญิงชรา.. ไม่สิ ราชินีทอเรียลก็กลับหวนคืนสู่บัลลังก์ของนางหลังจากนั้นไม่นานนัก
ในตอนแรกบรรดามอนสเตอร์ตนอื่นๆในอันเดอร์กราวก็ดูเหมือนจะยินดีกับการปรากฎกายขึ้นมาของราชินิกูลดรีมเมอร์ตนสุดท้ายผู้หายสาบสูญไปนานกันดีอยู่หรอก แต่แล้วความยินดีที่ว่าก็กลับพลิกตาลปัตรเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ราชินีทอเรียลได้ประกาศออกกฎหมายใหม่ขึ้นมาข้อนึง..
กฎข้อที่ว่าให้มอนสเตอร์ทั้งหมดทุกตัวในอันเดอร์กราว 'มอบช่วยเหลือและที่พักพิงให้กับพวกมนุษย์ที่พลัดตกลงมา' และจง 'ปฎิบัติกับพวกเขาในดุจดั่งมิตรสหาย ไม่ใช่ในฐานะศัตรู'
"จงมอบความปราณีแก่พวกเขา.." นางประกาศขึ้นต่อหน้ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่มาชุมนุมกันหน้าราชวังหลวงในวันที่นางได้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งอันเดอร์กราว "เราสามารถอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์ได้โดยสันติเพียงแค่เรายอมให้อภัยกันและกัน.."
"เลือดไม่จำเป็นต้องล้างด้วยเลือดเสมอไปหรอกนะ และความหวังกับความฝันของพวกเราไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายใครเพื่อให้มันกลายเป็นจริง"
.
.
.
ในความคิดของเขากับแพ๊พ มันเป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ที่ไม่เลวทีเดียวเลยล่ะนะ
แต่ว่ามันช่างน่าเสียดาย เพราะนอกจากเขากับน้องชายแล้ว.. คนอื่นๆกลับดูเหมือนจะไม่อินกับความคิดเช่นนั้น..
'ความปราณี? กับไอ้เผ่าพันธุ์สารเลวที่กักขังพวกเราอ่ะนะ? นางต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ '
'นี่นางไม่รู้สึกโกรธแค้นอะไรพวกมันเลยหรอกับความตายของทายาทและองค์ราชาน่ะ? '
'นี่มันเป็นความคิดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาในชีวิตเลย ให้ตายสิ! '
'เราต้องการล้างแค้น เราต้องการสงคราม และที่สำคัญที่สุด..'
.
.
.
'เราต้องการการปฎิวัติ'
เป็นที่แน่นอนว่า.. มอนสเตอร์พวกนั้น ไม่มีใครที่จะยอมทำตามกฎหมายใหม่ของราชินีเลยแม้แต่ตนเดียว
แซนส์ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ไอ้การปฎิวัติที่ว่านั่นจะเกิดขึ้นภายในเพียงเวลาไม่กี่เดือน หลังจากที่ราชินีทอเรียลขึ้นครองราชย์จนมีอำนาจเหนือเหล่ามอนสเตอร์ทุกตนและประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่อย่างเคร่งครัด
ซึ่งผู้นำการปฎิวัตินั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น.. แต่เป็น อันไดน์
หัวหน้าของกองทหารรอยัลการ์ด ผู้เป็นลูกศิษย์คนโปรดพ่วงตำแหน่งลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ตลอดกาลของอดีตราชาแอสกอร์ ที่ซึ่งตอนนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นทั้งจอมทัพและองค์รักษ์ส่วนพระองค์ของราชินี แต่กลับเป็นผู้ที่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับความของราชินีองค์ใหม่มากที่สุด ทำให้เธอกลายเป็นผู้ที่จับกุมนายหญิงคนใหม่ของตนโยนลงมาจากบัลลังก์ด้วยมือของตัวเองเลยทีเดียว
''ความเมตตาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์พวกนั้นได้! " หัวหน้าคณะนักปฎิวัติประกาศกร้าวหลังจากที่เธอจัดการจับองค์ราชินีโยนกลับเข้าไปในรูนส์ ซากปรักหักพังที่ครั้งหนึ่งนางเคยใช้มันเป็น 'บ้าน' ของนางสมัยที่แอสกอร์ยังอยู่และมีปากเสียงกันในเรื่องประกาศสงครามกับฆ่าบรรดาเด็กมนุษย์ที่ตกลงมา
"มนุษย์แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกเรา! ทั้งครอบครัวและคนที่เรารัก ทั้งอนาคต ความหวังและความฝันของเรา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์บนผืนแผ่นดิน! "
"พวกเราจะพังบาเรีย และทันทีที่เราออกไปจากอันเดอร์กราวได้.. เราจะก่อสงครามกับพวกมนุษย์สารเลวนั่น"
"ความหวาดกลัวและความตายของพวกมันจะต้องแผ่ขยายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และสงครามครั้งนี้พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายที่ชนะ! "
"พวกเราทุกตนจะสานต่อเจตนารมย์ขององค์ราชา ทวงคืนในสิ่งที่ควรจะเป็นของเรามาตั้งแต่ต้น"
"และที่สำคัญที่สุด.."
"อ้ายอีมนุษย์ทุกคนจะต้องได้รับ 'การตอบแทน' ให้สาสมกับที่พวกมันทำกับพวกเรา!"
"เผ่าพันธุ์มอนสเตอร์จงเจริญ! "
"รอยัลการ์ดจงเจริญ! "
.
.
"ราชินี 'อันไดน์' จงเจริญ! "
แต่.. เชื่อหรือไม่?
หลังจากที่ยัยปลานั่นขึ้นเป็นราชินีแทนอดีตราชินีทอเรียล ทุกอย่างกลับยิ่งทวีความเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิมซะอีก
เริ่มจากแหล่งอาหารที่แต่เดิมก็ขาดแคลนและฝืดเคืองขึ้นทุกวันๆอยู่แล้ว นับวันเสบียงสำรองที่พวกเรากักตุนเอาไว้ก็เริ่มหรอยหรอลงไปทุกที มอนสเตอร์หลายร้อยตนต้องจบชีวิตลงในสภาพที่ผอมแห้งจนเนื้อหนังติดกับกระดูก ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีที่เขากับน้องชายไม่ประสบกับปัญหานี้ (เพราะว่าเป็นโครงกระดูกอยู่แล้ว..) แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังลำบากไม่น้อยอยู่เหมือนกันกับเรื่องสภาวะความอดอยากที่แพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งแบบนี้
แต่แทนที่ราชินีองค์ใหม่จะสนใจเรื่องสภาวะขาดแคลนอาหารและปากท้องของประชาชน วันๆ นางกลับเอาแต่จมจ่อมอยู่กับการฝึกทหารในกองทัพ วางแผนแก้แค้นเหล่ามนุษยชาติโดยไม่สนใจจะแก้ไขปัญหาใหญ่ที่ถูกเอามาวางกองไว้ตรงหน้า ทั้งๆที่เรื่องที่ว่ามันก็เป็นปัญหาที่สำคัญไม่แพ้กับการพังบาเรียออกไปจากอันเดอร์กราวแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย.. และอาจสำคัญยิ่งกว่าด้วยซ้ำไป
ใช่.. อันไดน์เลือกที่จะสนใจและจดจ่ออยู่ดับการแก้แค้นพวกมนุษย์มากกว่าห่วงใยชีวิตของประชาชนที่กำลังจะอดตายกันยกดินแดน!
แน่นอนว่าหลังจากล้มตายไปกันหลายศพโดยไม่มีวี่แววของความช่วยเหลือจากทั้งราชวงศ์และกองทัพ มอนสเตอร์หลายๆตนก็เริ่มที่จะไม่พอใจกับท่าทีเฉยเมยของราชินีองค์ใหม่ บางกลุ่มถึงขนาดออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้อง หรือแม้แต่เลยเถิดไปถึงขั้นก่อการจราจลเล็กๆ น้อยๆ ก็มี
แต่มันก็เป็นแบบนั้นได้เพียงไม่นานนัก..
แต่ไม่ใช่เป็นเพราะอันไดน์เบนความสนใจมาช่วยแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงๆจังๆแบบที่พวกเขามุ่งหวังเอาไว้.. หากแต่มอนสเตอร์ทุกตนที่ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านหรือกระด้างกระเดื่องต่อราชินีอันไดน์ ล้วนถูกพวกทหารภายใต้บังคับบัญชาของหล่อนฆ่าตายจนหมดสิ้น..
แม้แต่ผู้หญิงหรือกระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางสู้.. ก็ไม่ถือเป็นข้อยกเว้น
"พวกกบฎที่คิดจะทำลายความหวังและความฝันของพวกเราจะต้องถูกกำจัดทิ้งอย่างไม่มีข้อยกเว้น!" ราชินีผู้นำของเหล่ารอยัลการ์ดประกาศออกมาหลังจากที่เธอสั่งตัดหัว พวก 'กบฎ' ที่ว่าและสั่งให้โปรยฝุ่นของพวกนั้นไปทั่วทั้งดินแดนใต้พิภพเพื่อเป็นการประจานไม่ให้มีใครกล้าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ที่เขายังจำได้ดีก็เพราะหลังจากที่เหตุการณ์บ้าๆ นั่นเกิดขึ้น น้องชายเขาก็จิตตกจนเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหนเลยตลอดทั้งเดือน ซึ่งนั่นก็ทำให้ตอนนั้นแซนส์แอบนึกเคืองปีศาจปลาตนนั้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์สังหารหมู่อันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นนี้ เรื่องราวจึงเงียบและซาลงไปได้พักใหญ่ๆเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อตัว 'ราชินีทรราช' แต่เพราะอันไดน์ก็ยังคงเพิกเฉยกับความอดอยากแร้นแค้นของเหล่ามอนสเตอร์ในสโนว์ดินและดินแดนอื่นๆอยู่ดี ทำให้เรื่องราวมันดำเนินมาถึงจุดๆ หนึ่งที่เขาเรียกมันว่า 'จุดแตกหัก' อย่างช้าๆ
มันแตกหักชนิดที่ว่า.. แม้แต่โครงกระดูกที่ขี้เกียจที่สุดในอันเดอร์กราวและไม่เคยสนใจรอบข้างอย่างเขายังถึงขนาดทนไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเองเพื่อทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ 'อะไรๆ' มันจะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้..
ซึ่งนั่นก็กลายเป็นจุดจบและจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง เช่น การสิ้นสุดมิตรภาพระหว่างราชินีอันไดน์กับพวกเขาสองพี่น้องโครกงระดูก และจุดเริ่มต้นของการหันมากินเนื้อมนุษย์ของเหล่ามอนสเตอร์ที่เกิดขึ้นจากการประชดประชันของราชินีที่มีต่อพวกเขาสองพี่น้อง
ตอนนั้นหล่อนสั่งให้ทหารรอยัลการ์ดที่บังเอิญจับมนุษย์คนหนึ่งที่พลัดตกลงมาได้ว่าให้ฆ่าทิ้งแล้วสับแบ่งเป็นส่วนๆ จากนั้นก็เอาเนื้อแจกจ่ายไปในแต่ละครัวเรือนพร้อมกับที่มีรับสั่งว่า 'ถ้าหิวกันมากนัก ระหว่างที่นั่งงอมืองอเท้ากันอยู่เฉยๆ ก็กินเนื้อของไอ้พวกมนุษย์ที่ตกๆ ลงมาไปกันก่อนแล้วกัน'
...
ที่พวกเขาทั้งหมดต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ทั้งหมดมันเป็นความผิดของมันนั่นแหละ! ความผิดของมันล้วนๆ และขอนับรวมไปถึงรอยร้าวตรงกระโหลกข้างซ้ายที่เป็นสาเหตุทำให้ดวงตาข้างขวาของเขาบอดสนิทนี่ก็ด้วย นี่ก็เป็นฝีมืออีปลานั่นอีกเช่นกัน
ใช่แล้ว..
ที่ตาเขาต้องบอดสนิทไปข้างนึงเพราะอันไดน์! ปีศาจปลาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนซี้กับน้องชายของเขาและเคยเห็นๆ กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตนนั้นแหละ ราชินีอันไดน์ที่ซึ่งตอนนี้หลงใหลมัวเมาในอำนาจที่แย่งชิงมาจากราชวงศ์ดรีมเมอร์ได้สำเร็จ และใช้มันเพื่อทำลายทุกๆ คนที่กล้าคิดจะมาขวางทางนาง!
มันก็เป็นเหมือนกับที่ฟริกส์เคยเล่าให้เขาฟัง.. ว่าบนโลกข้างบนมีบ่อยครั้งที่อำนาจมันเปลี่ยนจากคนดีหลายๆ คนให้กลายเป็นพวกเลวร้ายแบบสุดกู่ได้
และในวันนั้นเขาก็ได้เรียนรู้ ได้เห็น และได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง ว่าสิ่งที่เรียกว่า 'อำนาจ' นอกจากจะมีอำนาจวิเศษสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจมนุษย์ได้แล้ว มันยังเปลี่ยนมอนสเตอร์ที่เคยนิสัยดีตนหนึ่งให้กลายเป็นปีศาจร้ายได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่ต่างกันกับมนุษย์..
'ใช่ ไม่ต่างกันเลยสักนิด..' เขาคิด
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกและดวงวิญญาณที่ไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วจิตใจเราก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอีกฝ่ายเลย พวกเราต่างสามารถที่จะรู้สึกรัก โกรธแค้น สิ้นหวัง ทุกข์ทรมานและเห็นแก่ตัวได้ไม่ต่างกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
และเพราะอย่างนั้น ฟริกส์..
.
.
.
ในช่วงเวลาที่เลวร้ายแบบนี้เด็กน้อยอย่างเธอกำลังไปมุดหัวอยู่ไหนกัน.. ที่รักของฉัน?
************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ