สามเกลอ...รอรัก Fic เปลวกนก,หญิงยอ,โสมภา
7.0
เขียนโดย ณัฐพล
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.14 น.
13 ตอน
2 วิจารณ์
16.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 15.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) สามใบเถา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหญิงยอ ยืนเกาะรั้วอยู่หน้าบ้านของ ภูบดี เห็นภาคิไนยกำลังสนทนากับโสมภา เจ้าหล่อน จึงเดินออกจากบ้านหลังนั้น และในระหว่างเดินทางกลับ หญิงยอพบเปลวกนก เปลวจึงเดินเข้าไปหาหญิงยอ
“อ้าว เปลววันนี้ไม่ได้ไปบ้านคุณนายฟองแขหรอกหรือ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ไม่นะ หญิงยอ แล้วว่าแต่ จะไปไหนกันหรอ หรือว่าจะไปเล่นหม้อข้าวหม้อแกงหรอ” เปลวกนกถาม
“ก็ได้นะ หญิงเองก็รอ คุณโสมมาเล่นด้วย” หญิงยอตอบ
“คุณหญิง เราเองยังไม่รู้เลยว่า คุณโสมนะ จะมีอะไรปิดบังหรือกลั่นแกล้งคุณหญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แต่หญิงเองก็ อยากมีเพื่อนเล่นคือคุณโสมกับเปลวนี่” หญิงยอตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณหญิง นี่ก็มองโลกในแง่ดี เราเองยังไม่รู้เลยนะว่า คุณโสมจะดีกับคุณหญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้” เปลวบอก
“อย่าไปว่าใส่คุณโสมเลย แกนะเป็นคนดี”
โสมภาก็เดินตรงมายังเปลวกับหญิงยอ แต่ไม่ทันได้ถาม เจ้าหล่อนกระแอมเพื่อเป็นสัญญาณ
“อ้าว คุณโสม มาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ก็ได้สักพักนั่นแหล่ะ แล้วว่าแต่พวกเธอคุยเรื่องอะไรกัน ได้ยินว่าแขวะ ใครแขวะใคร” โสมภาเค้นอีกฝ่ายเพื่ออยากรู้
“อ๋อ คือว่า คุณศักดิ์ พี่ชายของคุณโสมไง ไปแขวะกับคุณภู” หญิงยอตอบ
“หา? พี่ศักดิ์เนี่ยนะไปแขวะคุณภู คิคิ ก็แปลกนี่พี่ศักดิ์ถึงไม่มาดูแลคุณแม่” โสมภาบอก
“เปลว เธอทำอะไร”
“เปล่านี่ มาคุยกับหญิงยอเดี๋ยวอีกสักพัก ข้าก็จะไปรับใช้คุณนายฟองแข” เปลวตอบ
“ก็ดี แม่ข้าจะได้มีคนดูแล พักนี้แม่เราไม่สบาย ร่างกายก็อ่อนแอ” โสมภาบอก
“งั้น เปลวไปก่อนนะคะ คุณหญิง”
เปลวเอ่ยคำลาพร้อมเดินออกไปอีกทาง ตอนนี้หญิงยออยู่คุยกันกับโสมภา สีหน้าของอีกฝ่าย ดูเกรงใจกัน
“คุณโสม ยังจำได้อารี่เล่มนี้ได้ไหมคะ” หญิงยอตอบพร้อมหยิบไดอารี่เล่มสีเลือดหมู
“นี่มัน ไดอารี่ สามเกลอ เพื่อนกันนี่ ฉันยังจำได้สิ เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งนาน แล้วมันสำคัญอะไรกับหญิงยอละ”
“เปิดไปอีกหน้าสิ คุณโสม” หญิงยอบอกให้อีกฝ่ายเปิดไดอารี่ไปหน้าถัดไป
‘วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2477 ฉันได้เล่นกับคุณโสม แต่คุณโสมดูหยิ่งๆ จนได้เล่นหม้อข้าวหม้อแกง คุณโสมดูใจเย็นลง ส่วนเปลวกนกนั้น ขยันขะมักเขม้นทำตัวเป็นแม่ค้า ตามฉบับลูกแม่ค้า ทำให้พวกเราทั้งสามคนได้เข้าใจกับคำว่า “เพื่อนกัน” ถ้าเรามีมิตรแท้ที่ดี เราจะไม่มีวันทอดทิ้งกันไป
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2477 ลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ ท่ามกลางฤดูหนาว เราสามคนก็ไปเล่นไปเยี่ยมด้วยกัน เพราะบ้านเราใกล้กันมากๆ เราเองก็พอเข้าใจนะว่าเพราะอะไร ถึงแม้ว่า คุณโสมจะไม่ค่อยสบายแต่หญิงก็มักจะถามอยู่เสมอว่า “กินยาหรือยัง ดูแลตัวเองด้วยนะคุณโสม’
โสมภา ปิดไดอารี่ที่เจ้าหล่อนพึ่งอ่านเสร็จไปเมื่อครู่ แล้วนึกทบทวน พร้อมมองไดอารี่เล่มนั้นอีกครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนจึงถามอีกฝ่าย
“หญิงยอ ให้โสมอ่านไดอารี่เล่มนี้ทำไมหรือ”
“ก็เพราะว่า เผื่อคุณโสมจะจำไม่ได้นะว่า เราเขียนอะไรไว้บ้าง” หญิงยอบอก
“อะ เราให้ไดอารี่เล่มนี้เก็บไว้กับหญิงยอนะ คือว่า ฉันไม่ต้องการ เราจำได้อยู่เสมอ” โสมภาตอบ
ไดอารี่เล่มนั้นถึงมือเจ้าของอีกครั้ง สีหน้าของหญิงยอดูเอิบอิ่มไปด้วยความอบอุ่น
“คุณโสม จะทานขนมด้วยกันไหมคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ไม่หรอกคะ คือว่า เราเกรงใจ หญิงยอ ขอบคุณนะที่เราเป็นเพื่อนกัน”
“ไม่เป็นไร เราคนกันเอง” หญิงยอบอก
“คุณโสมนี่ก็วันนี้เป็นวันอะไรหรอคะ”
“วันนี้หรอ วันพฤหัสสิคะ หรือว่ามีนัดกับคุณภูหรอ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“เปล่าค่ะ คือว่านัดกับคุณพ่อ พอดีหญิงจะต้องเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศนะคะ” หญิงยอบอก
“หรอคะ นึกว่านัดกับคุณภูซะอีก”
“จริงดิ คุณโสมจะไปเรียนต่อที่ปีนังไหมคะ” หญิงยอถาม
“โสมคิดว่า ก็ต้องไปสิคะ เพื่อ หญิงยอ เพื่อตัวเอง”
“แต่หญิงกะว่าจะชวน เปลวกนกไปด้วย ไม่รู้เลยว่า เปลวจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหรือเปล่า” หญิงยอบอก
โสมภานั้นก็ตั้งใจฟัง แต่โสมเคยเรียนภาษาอังกฤษอยู่เพราะว่า อาจารย์ที่โรงเรียนนั้นได้สอนมาอยู่แล้ว
“หญิงยอ วันนี้เปลวไม่มาหรอ”
“มานะ แต่ว่า เปลวไปดูแลคุณนายฟองแข” หญิงยอบอก
“เปลวนี่ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา รู้หน้าที่จังเลย”
“ใช่นะ แต่หญิงคิดว่า การรู้จักหน้าที่เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเราว่าเราทำอะไรในแต่ละวัน” หญิงยอบอก
“หญิงยอ ตอนนี้เวลาเท่าไรหรอ”
หญิงยอก็เหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือ มีลักษณะ สายหนัง ตัวเรือน คลาสสิคมากๆ
“ตอนนี้ เวลา ๑๒.๐๐น ตอนนี้เที่ยงแล้ว” หญิงยอบอก
“แย่แล้ว งั้นเราต้องกลับบ้านก่อนนะ เพราะ ต้องไปช่วยแม่ทำอาหาร”
โสมภา รีบเดินจ้ำอ้าว ออกจากที่นั่นทันที มุ่งหน้าไปยัง บ้านของคุณนายฟองแข ซึ่งเป็นมารดาของตน
ในตอนนั้น เปลวกนก ก็คอยดูแลอย่างดี
“อ้าว ยัยโสม กลับมาแล้วหรอลูก” คุณนายฟองแขถามบุตรสาว
“ค่ะแม่ วันนี้ทำอะไรกินหรอคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“วันนี้แม่ทำ น้ำพริกอ่อง ข้าวซอย ไว้ให้ศักดิ์ชายด้วย” ฟองแขบอก
“งั้นวันนี้ให้โสมช่วยเป็นลูกมืออีกแรงนะคะ” โสมตอบพร้อมทำหน้าระรื่น
“ก็ได้ มาตามแม่มาที่ครัวมา”
“ค่ะแม่” โสมภาขานรับ
แล้วเดินไปที่ห้องครัวของบ้าน เปลวกนก ตอนนี้ก็ได้แต่รออยู่หน้าบ้าน
“สองแม่ลูกนี่เข้ากันจริงๆ เอะอะก็เข้าห้องครัว เรานั่งมองข้างนอก ชมนกชมไม้ดีกว่า” เปลวตอบ
“อ้าวคุณศักดิ์ กลับมาแล้วหรอคะ” เปลวถามอีกฝ่าย
“ก็ใช่นะสิ เปลว ว่าแต่เปลวไม่กลัวแม่ปลื้มโบยอีกหรือ” ศักดิ์ชายถาม
“ก็ไม่นี่คะ เปลวนะจะดูแลคุณนายฟองแข เพราะแม่ปลื้มสั่งไว้” เปลวบอก
“แล้วข้าวเที่ยงอย่าบอกนะว่าจะทานที่นี่” ศักดิ์ชายถาม
อีกฝ่ายพยักหน้ารับทันที ในขณะที่รอสองแม่ลูกนั้น ศักดิ์ชายถามสัพเพเหระ และแล้ว ฟองแขกับโสมภาก็เอาสำรับอาหารมาเสริฟ ที่โต๊ะ
“มาแล้ว อาหารวันนี้ มี นี่คือ น้ำพริกอ่อง นี่ก็ ข้าวซอย สูตรจากเมืองเชียงใหม่” ฟองแข เสนอเมนูอาหาร
“แม่ครับ ข้าวซอย นี่ไม่ใช่ข้าวที่เราเอาไปแช่แล้วก็พวกผักไปซอยหรอครับ” ศักดิ์ชายถามอย่างงุนงง
“ไม่ใช่ลูก ชื่อเมนูนี้นะ คือ ข้าวซอย ก็คือ เอาเส้นคล้ายๆ เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นบะหมี่ มีน้ำที่มีรสชาติมันๆ หวานๆ แล้วก็ใส่น่องไก่ลงไป ไง” ฟองแข อธิบายให้อีกฝ่ายรู้
“อ๋อ หรอครับ แล้วน้ำพริกอ่อง ต้องกินคู่กับข้าวเหนียวหรอครับ”
“จะกินกับข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้นะลูก” ฟองแขบอก
ศักดิ์ชาย ลองชิม น้ำพริกอ่อง ส่วนเปลวกนก ก็ลองทานอาหารที่เขาเรียกว่า อาหารภาคเหนือ
“อร่อยนี่ครับแม่ ผมจะลองทานข้าวซอยนะครับ อร่อยจังเลย”
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ คุณนายฟองแข” เปลวบอก
โสมภามองหน้าเปลวกนก พลางแอบคิดในใจ แต่ก็ไม่แค้นเคือง
“เปลวกนก เอาขาไก่ไหม คือว่าศักดิ์ อิ่ม”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณศักดิ์ จริงดิคุณศักดิ์ วันนี้ไม่ไปหาคุณภากับคุณภูหรอคะ” เปลวกนกถามหนุ่มร่างผอม
“อ๋อ ไปมาแล้ว ภาเขาก็บอกว่า นัดกับยัยโสมไว้ว่าจะไปทานข้าวเย็นที่ ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในพระนคร”
เปลวกนก จ้องมองดูที่ ภาคิไนยนั้นนัดกับโสมภา แต่ภายในใจเขาดูอิจฉาอีกฝ่าย
“ก็ดีนี่ คุณโสม เดี๋ยวก็เข้าบทนางเอกว่า ค่ะ ไปกันเถอะค่ะ พี่ภา” เปลวค้อนให้อีกฝ่าย
“แล้วยังไงยะ ยัยเปลวกนก แหม จนก็จน หรือว่าอิจฉาฉันหรอยะ” โสมภา ย้อนอีกฝ่าย
“พอๆ พอได้แล้วทั้งคู่ โสม เปลวอาจจะแกล้งลูกก็เป็นได้ ถึงได้พูดแบบนั้นไป” ฟองแขบอกกับบุตรสาว
“คุณแม่ ก็มันย้อนเราก่อนนี่แม่”
“เปลว ฉันว่า เธอกลับบ้านไปก่อนก็ได้วันพรุ่งนี้ถึงค่อยมาดูแลฉันละกัน” ฟองแข ไล่เปลวให้กลับบ้านไป
“ก็ได้ค่ะ คุณนายฟองแข งั้นพรุ่งนี้เปลวจะมาดูแลนะคะ” เปลวเอ่ยคำกล่าวลา
“ชิ ไปได้ก็ดี” โสมภา ชักสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์
“โสม หัดคิดให้ดีๆ สิลูก เปลวเขาอาจจะแกล้งประชดลูกก็เป็นได้นะ” ฟองแขบอก
“ค่ะแม่ แสดงว่า โสมนี่แยกแยะไม่ออกเลยสินะคะ ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริง” โสมภาถามอีกฝ่าย
“ใช่นะสิลูก อย่าลืมนะ เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าโกรธ สงบไว้นะลูก” ฟองแขบอกให้อีกฝ่ายตั้งสติ
เจ้าหล่อนสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมเอ่ยมาว่า
“ค่ะ แม่ วันหลังโสมจะคิดให้เยอะๆ ว่าเปลวเขาพูดเล่นหรือพูดจริง”
“นี่ยัยโสม มองโลกในแง่ดีสิ คิดบวก ชีวิตก็ดีนะ” ศักดิ์ชายบอกน้องสาวของตน
“ค่ะ พี่ศักดิ์ โสมเองก็คงแย่มากๆ เลย ทำอะไรก็ไม่มีความสุขเอาเสียเลย”
“เคยเห็นคนเราเปลี่ยนแปลงตัวเองไหมละยัยโสม คนเรานะ ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตของเราคงจะมีความสุขได้มากกว่านี้นะ” ศักดิ์ชายสอนน้อง
หญิงยอ ก็เดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านของฟองแข เจ้าหล่อนกำลังมองดู
“นั่น หญิงยอนี่” ศักดิ์ชายบอก
“จริงด้วย” โสมภาตอบพร้อมเดินไปเปิดประตูรั้วให้หญิงยอเดินเข้ามา
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิหญิงยอ” โสมบอก พร้อมกำลังรออีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้วกำลังจะปิดประตู
“คุณโสม กำลังทานข้าวอยู่หรอ”
“อ๋อ ทานเสร็จแล้วละ ว่าแต่หญิงยอมาที่นี่ทำไมหรอ” โสมถาม
“คือว่า เห็นเปลวผ่านมาแถวนี้หรือเปล่า” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“กลับไปแล้วนะ ป่านนี้คงกลับถึงบ้านแล้วละมั๊ง”
“หรอ คือว่า เรานะมาหาคุณนายฟองแขนะโสม” หญิงยอบอก
“อ้าว หญิงยอ มาหาเราทำไมหรอ” ฟองแขถามเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“คือว่า แม่เรามีเรื่องที่อยากจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรหรอกหรือ หรือว่า เรื่อง เจ้าคำฟ้า” ฟองแขถามด้วยความสงสัย
หญิงยอ ไม่ได้ตอบคำใดๆ ได้แต่พยักหน้า รับ
“โอเคร แล้วว่าแต่แม่ของเธอไม่มาหรอกหรือ” ฟองแขถาม
“คุณแม่ออกมาหน่อยสิคะ” หญิงยอบอก
หม่อมเยาวลักษณ์ก็เดินออกมา เจ้าหล่อน ยืนอยู่หน้าบ้านของ ฟองแข แล้วก็สาวเท้าเดินออกมา
“หม่อมเยาว์” ฟองแขอุทานขึ้น
“สวัสดีคุณนายฟองแข คือว่า ฉันต้องขอโทษเรื่องที่เจ้าคำฟ้ามาบอกกับฉันว่า เป็นคู่หมั้นกันในอดีต แต่จริงๆแล้ว เจ้าคำฟ้าไม่ได้รักดิฉันเลย แต่เจ้าคำฟ้ารักเธอ แต่ก็ต้องมาผิดหวังเพราะเธอไม่ได้รักเจ้าคำฟ้า”
“มันก็จริงนะคะหม่อม เจ้าคำฟ้ากับฉันเป็นแค่พี่กับน้องกัน จริงๆแล้ว เจ้าคำฟ้าน่าจะยังรักคุณอยู่นะคะหม่อมเยาว์” ฟองแขบอก
“ขอบคุณมากนะคะ แล้วสบายดีหรือเปล่าคะ” หม่อมเยาวลักษณ์ถามอีกฝ่าย
“ก็บางครั้งไม่สบายกับสบายอยู่นะคะ แต่ไม่รู้นะว่าจะอยู่ได้นานหรือเปล่าก็ไม่รู้” ฟองแขตอบ
“สวัสดีค่ะ หม่อม” โสมภายกมือไหว้ให้อีกฝ่าย
“สวัสดีจ้า นี่ใครหรือ”
“อ๋อนี่คือ คุณโสมไงคะแม่ ลูกสาวของ คุณชายยิ่งศักดิ์ กับฟองแขไงคะแม่” หญิงยอแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จัก
“สวยเหมือนแม่เลย ดูสิกิริยาก็ดูงาม”
“ขอบคุณค่ะหม่อม” โสมภาตอบ
“แล้วว่าแต่อายุเท่าไรหรอเรานะ”
“อายุ๑๗ เองค่ะ” โสมบอก
“อายุเท่าหญิงยอกับนังเปลวเลย แล้วชอบเล่นด้วยกันกับหญิงยอไหมละ” เยาวลักษณ์ถามอีกฝ่าย
“ชอบเล่นด้วยกันนะคะ มีหญิงยอ มีเปลวก็พูดคุยกันตามประสาเพื่อนกันนะคะ” โสมภาตอบ
“ดีแล้ว เราต้องรักกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน เป็นเพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกันนะ” เยาวลักษณ์บอก
“ค่ะ”
เปลวกนกก็สาวเท้ามาถึงหน้าบ้านของฟองแข เพื่อที่จะมาเล่นกับหญิงยอและโสมภา
“หญิงยอ มาอยู่ทีนี่เอง” เปลวกนกเอ่ยขึ้น
“เปลว ไปไหนมาหรอ” หญิงยอถาม
“เปลวก็ไปหาแม่นะสิ ตอนนี้แม่เราก็ดุด่าพ่อแล้ว”
“ตาเถรหกฝาชี แล้วว่าแต่ พ่อของเปลวเป็นอะไรมากไหม” หญิงยอถาม
“ก็ไม่นะ จริงสิคุณโสม คือเปลวเอาขนมมาฝาก”
“ขอบคุณมากๆนะ เปลว แต่ก่อนเรานะพูดกะแนะกะแหน และประชดประชัน แต่ตอนนี้คงไม่แล้วละ เพราะเราต้องมองโลกในแง่ดี” โสมภาเอ่ยพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ดีแล้วละโสม เรานะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เราต้องรู้จักแบ่งปันน้ำใจ อย่าเห็นแก่ตัว หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิ ลูก เห็นไหมว่า ขนาดเปลว เขามีฐานะยากจน เขาก็ต้องสู้กันต่อไป เราละมีฐานะปานกลาง พอมีเงิน เราต้องสู้ต่อไป นะลูก” ฟองแขบอก
“ค่ะแม่ หญิงยอ เปลวเราว่า ไปเดินเล่นตรงโน่นดีไหม” โสมภาชักชวนให้อีกฝ่าย
“ก็ดีนะ จะให้คุณแม่ คุยกับคุณนายฟองแข” หญิงยอบอก
“ปะ ไปกัน”
พอสิ้นเสียงทั้งสามสาวก็เดินออกจากหน้าบ้านไป โดยปล่อยให้ หม่อมเยาวลักษณ์คุยกับคุณนายฟองแขตามลำพัง
“พวกเด็กนี่ดูร่าเริงกันทุกคนเนอะ” เยาวลักษณ์บอก
“ค่ะ พวกแกก็ดูน่ารักมากๆ”
“แล้วแต่ก่อนโสมภา อารมณ์โหดร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วฟองแขสอนแกแบบไหนหรอแกถึงได้ทำตัวน่ารักมากๆ เป็นเด็กดีขึ้นมาละ” เยาวลักษณ์สงสัย
“คือว่า ฉันได้รับการสั่งสอนไปในทางที่ดี และคอยให้เขาแยกแยะสิ่งที่ดีกับสิ่งที่ไม่ดี แบบว่าชี้แนะนำทางยังไงละคะ”
“เลี้ยงลูกแบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ แกจะได้ไม่จองเวรใคร หรือโกรธใคร” เยาวลักณ์บอก
“นี่หญิงยอคือว่า โสมก็จำได้นะว่า เรานะยังมีความเป็นเพื่อนกัน เพราะตอนสมัยเรายังเด็กสักประมาณ ๗-๘ ขวบ เรายังเล่นหม้อข้าวหม้อแกงด้วยกันอยู่เลย”
“ใช่นะ แต่หญิงก็จำได้ว่า คุณโสมนั้นเล่นเพลินจนพ่อของคุณโสมตามหา” หญิงยอบอกพร้อมเล่าเรื่องที่ผ่านมานาน
“แล้วว่าแต่เปลวละ” หญิงยอเอ่ยถาม
“เปลวก็เห็นหญิงยอ พร้อมเดินเล่นเพื่อที่จะมาหาน้องสาวของเราไง” เปลวตอบ
“จริงดิ น้องสาวของเปลวนี่ มีกี่คนหรอ”
“ก็สามคนนะ แต่ชั่งมันเถอะเรานะพี่คนโต” เปลวตอบพร้อมเลิกคิ้ว
“ก็ดีนี่ พี่ต้องเสียสละให้แก่น้องๆ” หญิงยอบอก
“แล้วจำได้ไหมละว่า เราสามคนจะไม่ทอดทิ้งไปไหน” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“จำได้สิ ก็เราเคยสัญญากันนี่” โสมภาเอ่ยขึ้น
“ใช่ๆ เราก็จำได้” เปลวเสริม
และแล้วทั้งสามสาวก็มองไปทีต้นไม้ที่ทั้งสามเคยนั่งเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกันมานาน ป่านนี้ทั้งสามก็ยังอยู่ในวัย ๑๗ ปี แต่อีก ในไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเธอคงไม่ใช่เด็กวัย ๑๗ ปีอีกแล้ว แต่พวกเธอคงอายุ เยอะกันไปเสียแล้ว กับคำว่า ‘สามใบเถา’
“อ้าว เปลววันนี้ไม่ได้ไปบ้านคุณนายฟองแขหรอกหรือ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ไม่นะ หญิงยอ แล้วว่าแต่ จะไปไหนกันหรอ หรือว่าจะไปเล่นหม้อข้าวหม้อแกงหรอ” เปลวกนกถาม
“ก็ได้นะ หญิงเองก็รอ คุณโสมมาเล่นด้วย” หญิงยอตอบ
“คุณหญิง เราเองยังไม่รู้เลยว่า คุณโสมนะ จะมีอะไรปิดบังหรือกลั่นแกล้งคุณหญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แต่หญิงเองก็ อยากมีเพื่อนเล่นคือคุณโสมกับเปลวนี่” หญิงยอตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณหญิง นี่ก็มองโลกในแง่ดี เราเองยังไม่รู้เลยนะว่า คุณโสมจะดีกับคุณหญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้” เปลวบอก
“อย่าไปว่าใส่คุณโสมเลย แกนะเป็นคนดี”
โสมภาก็เดินตรงมายังเปลวกับหญิงยอ แต่ไม่ทันได้ถาม เจ้าหล่อนกระแอมเพื่อเป็นสัญญาณ
“อ้าว คุณโสม มาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ก็ได้สักพักนั่นแหล่ะ แล้วว่าแต่พวกเธอคุยเรื่องอะไรกัน ได้ยินว่าแขวะ ใครแขวะใคร” โสมภาเค้นอีกฝ่ายเพื่ออยากรู้
“อ๋อ คือว่า คุณศักดิ์ พี่ชายของคุณโสมไง ไปแขวะกับคุณภู” หญิงยอตอบ
“หา? พี่ศักดิ์เนี่ยนะไปแขวะคุณภู คิคิ ก็แปลกนี่พี่ศักดิ์ถึงไม่มาดูแลคุณแม่” โสมภาบอก
“เปลว เธอทำอะไร”
“เปล่านี่ มาคุยกับหญิงยอเดี๋ยวอีกสักพัก ข้าก็จะไปรับใช้คุณนายฟองแข” เปลวตอบ
“ก็ดี แม่ข้าจะได้มีคนดูแล พักนี้แม่เราไม่สบาย ร่างกายก็อ่อนแอ” โสมภาบอก
“งั้น เปลวไปก่อนนะคะ คุณหญิง”
เปลวเอ่ยคำลาพร้อมเดินออกไปอีกทาง ตอนนี้หญิงยออยู่คุยกันกับโสมภา สีหน้าของอีกฝ่าย ดูเกรงใจกัน
“คุณโสม ยังจำได้อารี่เล่มนี้ได้ไหมคะ” หญิงยอตอบพร้อมหยิบไดอารี่เล่มสีเลือดหมู
“นี่มัน ไดอารี่ สามเกลอ เพื่อนกันนี่ ฉันยังจำได้สิ เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งนาน แล้วมันสำคัญอะไรกับหญิงยอละ”
“เปิดไปอีกหน้าสิ คุณโสม” หญิงยอบอกให้อีกฝ่ายเปิดไดอารี่ไปหน้าถัดไป
‘วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2477 ฉันได้เล่นกับคุณโสม แต่คุณโสมดูหยิ่งๆ จนได้เล่นหม้อข้าวหม้อแกง คุณโสมดูใจเย็นลง ส่วนเปลวกนกนั้น ขยันขะมักเขม้นทำตัวเป็นแม่ค้า ตามฉบับลูกแม่ค้า ทำให้พวกเราทั้งสามคนได้เข้าใจกับคำว่า “เพื่อนกัน” ถ้าเรามีมิตรแท้ที่ดี เราจะไม่มีวันทอดทิ้งกันไป
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2477 ลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ ท่ามกลางฤดูหนาว เราสามคนก็ไปเล่นไปเยี่ยมด้วยกัน เพราะบ้านเราใกล้กันมากๆ เราเองก็พอเข้าใจนะว่าเพราะอะไร ถึงแม้ว่า คุณโสมจะไม่ค่อยสบายแต่หญิงก็มักจะถามอยู่เสมอว่า “กินยาหรือยัง ดูแลตัวเองด้วยนะคุณโสม’
โสมภา ปิดไดอารี่ที่เจ้าหล่อนพึ่งอ่านเสร็จไปเมื่อครู่ แล้วนึกทบทวน พร้อมมองไดอารี่เล่มนั้นอีกครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนจึงถามอีกฝ่าย
“หญิงยอ ให้โสมอ่านไดอารี่เล่มนี้ทำไมหรือ”
“ก็เพราะว่า เผื่อคุณโสมจะจำไม่ได้นะว่า เราเขียนอะไรไว้บ้าง” หญิงยอบอก
“อะ เราให้ไดอารี่เล่มนี้เก็บไว้กับหญิงยอนะ คือว่า ฉันไม่ต้องการ เราจำได้อยู่เสมอ” โสมภาตอบ
ไดอารี่เล่มนั้นถึงมือเจ้าของอีกครั้ง สีหน้าของหญิงยอดูเอิบอิ่มไปด้วยความอบอุ่น
“คุณโสม จะทานขนมด้วยกันไหมคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ไม่หรอกคะ คือว่า เราเกรงใจ หญิงยอ ขอบคุณนะที่เราเป็นเพื่อนกัน”
“ไม่เป็นไร เราคนกันเอง” หญิงยอบอก
“คุณโสมนี่ก็วันนี้เป็นวันอะไรหรอคะ”
“วันนี้หรอ วันพฤหัสสิคะ หรือว่ามีนัดกับคุณภูหรอ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“เปล่าค่ะ คือว่านัดกับคุณพ่อ พอดีหญิงจะต้องเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศนะคะ” หญิงยอบอก
“หรอคะ นึกว่านัดกับคุณภูซะอีก”
“จริงดิ คุณโสมจะไปเรียนต่อที่ปีนังไหมคะ” หญิงยอถาม
“โสมคิดว่า ก็ต้องไปสิคะ เพื่อ หญิงยอ เพื่อตัวเอง”
“แต่หญิงกะว่าจะชวน เปลวกนกไปด้วย ไม่รู้เลยว่า เปลวจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหรือเปล่า” หญิงยอบอก
โสมภานั้นก็ตั้งใจฟัง แต่โสมเคยเรียนภาษาอังกฤษอยู่เพราะว่า อาจารย์ที่โรงเรียนนั้นได้สอนมาอยู่แล้ว
“หญิงยอ วันนี้เปลวไม่มาหรอ”
“มานะ แต่ว่า เปลวไปดูแลคุณนายฟองแข” หญิงยอบอก
“เปลวนี่ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา รู้หน้าที่จังเลย”
“ใช่นะ แต่หญิงคิดว่า การรู้จักหน้าที่เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเราว่าเราทำอะไรในแต่ละวัน” หญิงยอบอก
“หญิงยอ ตอนนี้เวลาเท่าไรหรอ”
หญิงยอก็เหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือ มีลักษณะ สายหนัง ตัวเรือน คลาสสิคมากๆ
“ตอนนี้ เวลา ๑๒.๐๐น ตอนนี้เที่ยงแล้ว” หญิงยอบอก
“แย่แล้ว งั้นเราต้องกลับบ้านก่อนนะ เพราะ ต้องไปช่วยแม่ทำอาหาร”
โสมภา รีบเดินจ้ำอ้าว ออกจากที่นั่นทันที มุ่งหน้าไปยัง บ้านของคุณนายฟองแข ซึ่งเป็นมารดาของตน
ในตอนนั้น เปลวกนก ก็คอยดูแลอย่างดี
“อ้าว ยัยโสม กลับมาแล้วหรอลูก” คุณนายฟองแขถามบุตรสาว
“ค่ะแม่ วันนี้ทำอะไรกินหรอคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“วันนี้แม่ทำ น้ำพริกอ่อง ข้าวซอย ไว้ให้ศักดิ์ชายด้วย” ฟองแขบอก
“งั้นวันนี้ให้โสมช่วยเป็นลูกมืออีกแรงนะคะ” โสมตอบพร้อมทำหน้าระรื่น
“ก็ได้ มาตามแม่มาที่ครัวมา”
“ค่ะแม่” โสมภาขานรับ
แล้วเดินไปที่ห้องครัวของบ้าน เปลวกนก ตอนนี้ก็ได้แต่รออยู่หน้าบ้าน
“สองแม่ลูกนี่เข้ากันจริงๆ เอะอะก็เข้าห้องครัว เรานั่งมองข้างนอก ชมนกชมไม้ดีกว่า” เปลวตอบ
“อ้าวคุณศักดิ์ กลับมาแล้วหรอคะ” เปลวถามอีกฝ่าย
“ก็ใช่นะสิ เปลว ว่าแต่เปลวไม่กลัวแม่ปลื้มโบยอีกหรือ” ศักดิ์ชายถาม
“ก็ไม่นี่คะ เปลวนะจะดูแลคุณนายฟองแข เพราะแม่ปลื้มสั่งไว้” เปลวบอก
“แล้วข้าวเที่ยงอย่าบอกนะว่าจะทานที่นี่” ศักดิ์ชายถาม
อีกฝ่ายพยักหน้ารับทันที ในขณะที่รอสองแม่ลูกนั้น ศักดิ์ชายถามสัพเพเหระ และแล้ว ฟองแขกับโสมภาก็เอาสำรับอาหารมาเสริฟ ที่โต๊ะ
“มาแล้ว อาหารวันนี้ มี นี่คือ น้ำพริกอ่อง นี่ก็ ข้าวซอย สูตรจากเมืองเชียงใหม่” ฟองแข เสนอเมนูอาหาร
“แม่ครับ ข้าวซอย นี่ไม่ใช่ข้าวที่เราเอาไปแช่แล้วก็พวกผักไปซอยหรอครับ” ศักดิ์ชายถามอย่างงุนงง
“ไม่ใช่ลูก ชื่อเมนูนี้นะ คือ ข้าวซอย ก็คือ เอาเส้นคล้ายๆ เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นบะหมี่ มีน้ำที่มีรสชาติมันๆ หวานๆ แล้วก็ใส่น่องไก่ลงไป ไง” ฟองแข อธิบายให้อีกฝ่ายรู้
“อ๋อ หรอครับ แล้วน้ำพริกอ่อง ต้องกินคู่กับข้าวเหนียวหรอครับ”
“จะกินกับข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้นะลูก” ฟองแขบอก
ศักดิ์ชาย ลองชิม น้ำพริกอ่อง ส่วนเปลวกนก ก็ลองทานอาหารที่เขาเรียกว่า อาหารภาคเหนือ
“อร่อยนี่ครับแม่ ผมจะลองทานข้าวซอยนะครับ อร่อยจังเลย”
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ คุณนายฟองแข” เปลวบอก
โสมภามองหน้าเปลวกนก พลางแอบคิดในใจ แต่ก็ไม่แค้นเคือง
“เปลวกนก เอาขาไก่ไหม คือว่าศักดิ์ อิ่ม”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณศักดิ์ จริงดิคุณศักดิ์ วันนี้ไม่ไปหาคุณภากับคุณภูหรอคะ” เปลวกนกถามหนุ่มร่างผอม
“อ๋อ ไปมาแล้ว ภาเขาก็บอกว่า นัดกับยัยโสมไว้ว่าจะไปทานข้าวเย็นที่ ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในพระนคร”
เปลวกนก จ้องมองดูที่ ภาคิไนยนั้นนัดกับโสมภา แต่ภายในใจเขาดูอิจฉาอีกฝ่าย
“ก็ดีนี่ คุณโสม เดี๋ยวก็เข้าบทนางเอกว่า ค่ะ ไปกันเถอะค่ะ พี่ภา” เปลวค้อนให้อีกฝ่าย
“แล้วยังไงยะ ยัยเปลวกนก แหม จนก็จน หรือว่าอิจฉาฉันหรอยะ” โสมภา ย้อนอีกฝ่าย
“พอๆ พอได้แล้วทั้งคู่ โสม เปลวอาจจะแกล้งลูกก็เป็นได้ ถึงได้พูดแบบนั้นไป” ฟองแขบอกกับบุตรสาว
“คุณแม่ ก็มันย้อนเราก่อนนี่แม่”
“เปลว ฉันว่า เธอกลับบ้านไปก่อนก็ได้วันพรุ่งนี้ถึงค่อยมาดูแลฉันละกัน” ฟองแข ไล่เปลวให้กลับบ้านไป
“ก็ได้ค่ะ คุณนายฟองแข งั้นพรุ่งนี้เปลวจะมาดูแลนะคะ” เปลวเอ่ยคำกล่าวลา
“ชิ ไปได้ก็ดี” โสมภา ชักสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์
“โสม หัดคิดให้ดีๆ สิลูก เปลวเขาอาจจะแกล้งประชดลูกก็เป็นได้นะ” ฟองแขบอก
“ค่ะแม่ แสดงว่า โสมนี่แยกแยะไม่ออกเลยสินะคะ ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริง” โสมภาถามอีกฝ่าย
“ใช่นะสิลูก อย่าลืมนะ เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าโกรธ สงบไว้นะลูก” ฟองแขบอกให้อีกฝ่ายตั้งสติ
เจ้าหล่อนสูดลมหายใจลึกๆ พร้อมเอ่ยมาว่า
“ค่ะ แม่ วันหลังโสมจะคิดให้เยอะๆ ว่าเปลวเขาพูดเล่นหรือพูดจริง”
“นี่ยัยโสม มองโลกในแง่ดีสิ คิดบวก ชีวิตก็ดีนะ” ศักดิ์ชายบอกน้องสาวของตน
“ค่ะ พี่ศักดิ์ โสมเองก็คงแย่มากๆ เลย ทำอะไรก็ไม่มีความสุขเอาเสียเลย”
“เคยเห็นคนเราเปลี่ยนแปลงตัวเองไหมละยัยโสม คนเรานะ ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตของเราคงจะมีความสุขได้มากกว่านี้นะ” ศักดิ์ชายสอนน้อง
หญิงยอ ก็เดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านของฟองแข เจ้าหล่อนกำลังมองดู
“นั่น หญิงยอนี่” ศักดิ์ชายบอก
“จริงด้วย” โสมภาตอบพร้อมเดินไปเปิดประตูรั้วให้หญิงยอเดินเข้ามา
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิหญิงยอ” โสมบอก พร้อมกำลังรออีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้วกำลังจะปิดประตู
“คุณโสม กำลังทานข้าวอยู่หรอ”
“อ๋อ ทานเสร็จแล้วละ ว่าแต่หญิงยอมาที่นี่ทำไมหรอ” โสมถาม
“คือว่า เห็นเปลวผ่านมาแถวนี้หรือเปล่า” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“กลับไปแล้วนะ ป่านนี้คงกลับถึงบ้านแล้วละมั๊ง”
“หรอ คือว่า เรานะมาหาคุณนายฟองแขนะโสม” หญิงยอบอก
“อ้าว หญิงยอ มาหาเราทำไมหรอ” ฟองแขถามเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“คือว่า แม่เรามีเรื่องที่อยากจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรหรอกหรือ หรือว่า เรื่อง เจ้าคำฟ้า” ฟองแขถามด้วยความสงสัย
หญิงยอ ไม่ได้ตอบคำใดๆ ได้แต่พยักหน้า รับ
“โอเคร แล้วว่าแต่แม่ของเธอไม่มาหรอกหรือ” ฟองแขถาม
“คุณแม่ออกมาหน่อยสิคะ” หญิงยอบอก
หม่อมเยาวลักษณ์ก็เดินออกมา เจ้าหล่อน ยืนอยู่หน้าบ้านของ ฟองแข แล้วก็สาวเท้าเดินออกมา
“หม่อมเยาว์” ฟองแขอุทานขึ้น
“สวัสดีคุณนายฟองแข คือว่า ฉันต้องขอโทษเรื่องที่เจ้าคำฟ้ามาบอกกับฉันว่า เป็นคู่หมั้นกันในอดีต แต่จริงๆแล้ว เจ้าคำฟ้าไม่ได้รักดิฉันเลย แต่เจ้าคำฟ้ารักเธอ แต่ก็ต้องมาผิดหวังเพราะเธอไม่ได้รักเจ้าคำฟ้า”
“มันก็จริงนะคะหม่อม เจ้าคำฟ้ากับฉันเป็นแค่พี่กับน้องกัน จริงๆแล้ว เจ้าคำฟ้าน่าจะยังรักคุณอยู่นะคะหม่อมเยาว์” ฟองแขบอก
“ขอบคุณมากนะคะ แล้วสบายดีหรือเปล่าคะ” หม่อมเยาวลักษณ์ถามอีกฝ่าย
“ก็บางครั้งไม่สบายกับสบายอยู่นะคะ แต่ไม่รู้นะว่าจะอยู่ได้นานหรือเปล่าก็ไม่รู้” ฟองแขตอบ
“สวัสดีค่ะ หม่อม” โสมภายกมือไหว้ให้อีกฝ่าย
“สวัสดีจ้า นี่ใครหรือ”
“อ๋อนี่คือ คุณโสมไงคะแม่ ลูกสาวของ คุณชายยิ่งศักดิ์ กับฟองแขไงคะแม่” หญิงยอแนะนำอีกฝ่ายให้รู้จัก
“สวยเหมือนแม่เลย ดูสิกิริยาก็ดูงาม”
“ขอบคุณค่ะหม่อม” โสมภาตอบ
“แล้วว่าแต่อายุเท่าไรหรอเรานะ”
“อายุ๑๗ เองค่ะ” โสมบอก
“อายุเท่าหญิงยอกับนังเปลวเลย แล้วชอบเล่นด้วยกันกับหญิงยอไหมละ” เยาวลักษณ์ถามอีกฝ่าย
“ชอบเล่นด้วยกันนะคะ มีหญิงยอ มีเปลวก็พูดคุยกันตามประสาเพื่อนกันนะคะ” โสมภาตอบ
“ดีแล้ว เราต้องรักกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน เป็นเพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกันนะ” เยาวลักษณ์บอก
“ค่ะ”
เปลวกนกก็สาวเท้ามาถึงหน้าบ้านของฟองแข เพื่อที่จะมาเล่นกับหญิงยอและโสมภา
“หญิงยอ มาอยู่ทีนี่เอง” เปลวกนกเอ่ยขึ้น
“เปลว ไปไหนมาหรอ” หญิงยอถาม
“เปลวก็ไปหาแม่นะสิ ตอนนี้แม่เราก็ดุด่าพ่อแล้ว”
“ตาเถรหกฝาชี แล้วว่าแต่ พ่อของเปลวเป็นอะไรมากไหม” หญิงยอถาม
“ก็ไม่นะ จริงสิคุณโสม คือเปลวเอาขนมมาฝาก”
“ขอบคุณมากๆนะ เปลว แต่ก่อนเรานะพูดกะแนะกะแหน และประชดประชัน แต่ตอนนี้คงไม่แล้วละ เพราะเราต้องมองโลกในแง่ดี” โสมภาเอ่ยพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ดีแล้วละโสม เรานะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เราต้องรู้จักแบ่งปันน้ำใจ อย่าเห็นแก่ตัว หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิ ลูก เห็นไหมว่า ขนาดเปลว เขามีฐานะยากจน เขาก็ต้องสู้กันต่อไป เราละมีฐานะปานกลาง พอมีเงิน เราต้องสู้ต่อไป นะลูก” ฟองแขบอก
“ค่ะแม่ หญิงยอ เปลวเราว่า ไปเดินเล่นตรงโน่นดีไหม” โสมภาชักชวนให้อีกฝ่าย
“ก็ดีนะ จะให้คุณแม่ คุยกับคุณนายฟองแข” หญิงยอบอก
“ปะ ไปกัน”
พอสิ้นเสียงทั้งสามสาวก็เดินออกจากหน้าบ้านไป โดยปล่อยให้ หม่อมเยาวลักษณ์คุยกับคุณนายฟองแขตามลำพัง
“พวกเด็กนี่ดูร่าเริงกันทุกคนเนอะ” เยาวลักษณ์บอก
“ค่ะ พวกแกก็ดูน่ารักมากๆ”
“แล้วแต่ก่อนโสมภา อารมณ์โหดร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วฟองแขสอนแกแบบไหนหรอแกถึงได้ทำตัวน่ารักมากๆ เป็นเด็กดีขึ้นมาละ” เยาวลักษณ์สงสัย
“คือว่า ฉันได้รับการสั่งสอนไปในทางที่ดี และคอยให้เขาแยกแยะสิ่งที่ดีกับสิ่งที่ไม่ดี แบบว่าชี้แนะนำทางยังไงละคะ”
“เลี้ยงลูกแบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ แกจะได้ไม่จองเวรใคร หรือโกรธใคร” เยาวลักณ์บอก
“นี่หญิงยอคือว่า โสมก็จำได้นะว่า เรานะยังมีความเป็นเพื่อนกัน เพราะตอนสมัยเรายังเด็กสักประมาณ ๗-๘ ขวบ เรายังเล่นหม้อข้าวหม้อแกงด้วยกันอยู่เลย”
“ใช่นะ แต่หญิงก็จำได้ว่า คุณโสมนั้นเล่นเพลินจนพ่อของคุณโสมตามหา” หญิงยอบอกพร้อมเล่าเรื่องที่ผ่านมานาน
“แล้วว่าแต่เปลวละ” หญิงยอเอ่ยถาม
“เปลวก็เห็นหญิงยอ พร้อมเดินเล่นเพื่อที่จะมาหาน้องสาวของเราไง” เปลวตอบ
“จริงดิ น้องสาวของเปลวนี่ มีกี่คนหรอ”
“ก็สามคนนะ แต่ชั่งมันเถอะเรานะพี่คนโต” เปลวตอบพร้อมเลิกคิ้ว
“ก็ดีนี่ พี่ต้องเสียสละให้แก่น้องๆ” หญิงยอบอก
“แล้วจำได้ไหมละว่า เราสามคนจะไม่ทอดทิ้งไปไหน” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“จำได้สิ ก็เราเคยสัญญากันนี่” โสมภาเอ่ยขึ้น
“ใช่ๆ เราก็จำได้” เปลวเสริม
และแล้วทั้งสามสาวก็มองไปทีต้นไม้ที่ทั้งสามเคยนั่งเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกันมานาน ป่านนี้ทั้งสามก็ยังอยู่ในวัย ๑๗ ปี แต่อีก ในไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเธอคงไม่ใช่เด็กวัย ๑๗ ปีอีกแล้ว แต่พวกเธอคงอายุ เยอะกันไปเสียแล้ว กับคำว่า ‘สามใบเถา’
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ