[Yaoi] BEFORE U GO - ก่อนเธอจะไป

-

เขียนโดย ช็อกโก้พาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.09 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  16.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 15.13 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
9
หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป...
เจ็ดวันผ่านไป..
เจ็ดวันแล้วที่ดินไม่ได้เจอแบงค์เลย ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้า ดินไม่ได้ติดต่อไปเหมือนกับที่แบงค์เองก็ไม่ได้ติดต่อมา
แม้ความรักเราได้จบไปเนิ่นนาน คงไม่มีอีกแล้ว ไม่อาจย้อนคืนมาใหม่
ว่ากันว่าเพลงที่ฟังสามารถบอกเล่าถึงความรู้สึกของคนๆ นั้นได้
แม้ว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปมากมาย
และฉันในวันนี้ ก็คงมีคนเคียงข้างกาย
ดินยังใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ ตื่นแต่เช้าไปร้านกาแฟก่อนทำงาน กลับบ้าน ตรวจการบ้าน แล้วแต่เวลา ทำทุกอย่างเหมือนตอนก่อนหน้าที่จะได้เจอแบงค์ ต่างกันตรงที่ความรู้สึกของดินตอนนี้มันเหมือนแรกเริ่มนับแปดเดือนใหม่อีกครั้ง ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ กับความเจ็บปวดที่มันคอยหล่อเลี้ยง การพยายามยอมรับความจริงที่ว่าชีวิตประจำวันต่อจากไปนี้ไม่มีคนเคยคุ้นอีกต่อไป ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องพยายามตัดใจให้ได้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ
แต่ในเวลาที่เหงาใจ ช่วงเวลาไม่มีใคร อยากบอกเธอว่าหัวใจฉันคนนี้
แค่อยากให้รู้ว่ารออยู่...
ถ้าใครคนที่อยากเจอจะรู้สักนิดว่ารออยู่...
มันไม่ได้มากมายเหมือนตอนที่เลิกลา แต่ดินก็ยอมรับว่ามันเหนื่อยล้า หนักอึ้ง และว่างเปล่า
มีเธอ เสมอตลอดมา ไม่ว่ามีใครอยู่ข้างกาย ในส่วนลึกของใจยังเก็บเธอไว้
ไม่มีแบงค์ก็ได้.. แต่ถ้ามีมันคงดีกว่า..
มีเธออยู่ท่ามกลางความเหงา ในคืนวันอ้างว้างเดียวดาย
ฉันยังคงคิดถึง เธอเสมอ
คิดถึงแค่ไหนก็ทำได้แค่รอ ความสงสัยต่างๆ นานาที่ค้างคาก็ยังไม่ได้คำตอบ
ไม่อาจรู้ได้ ว่าเธออยู่ที่ใด แต่ข้างในส่วนลึก ยังคงนึกถึงเธออยู่
ตอนนี้แบงค์กำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ทุกๆ วันที่ตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ไม่เคยได้คำตอบ
แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
"เฮ้อ.."
ถอนหายใจไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวัน ทำออกไปแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ดินทิ้งตัวลงเอนหลังพิงเก้าอี้โต๊ะทำงาน ไล่สายตามองรูปถ่ายที่พึ่งไปล้างมาซึ่งเขียนคำอธิบายสั้นๆ และลงเวลาไว้เรียบร้อยก่อนเอาไปติดที่ผนังรวมกับรูปอื่นๆ แบงค์ในอิริยาบถต่างๆ ตอนเผลอ ตอนกินน้ำ ตอนหลับ อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขาแอบถ่ายเอาไว้ ดินเลื่อนมือไปสัมผัสเบาๆ ตรงรอยยิ้มบนภาพถ่ายที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
คิดถึง..
มันคือความรู้สึกที่ชัดเจนมากที่สุดในตอนนี้ของดิน
ตื๊ดด..ตื๊ดด..
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆ ดังขึ้น หน้าจอปรากฏแสงสว่างพร้อมกับรายชื่อเพื่อนสนิทที่โทรเข้ามา
เจมไง ไม่ใช่เจมจิ
มือเรียวเลื่อนไปหยิบมันมากดรับสาย
"มายเฟรน..อยู่ไหนของมึง" เจมส์คือคนที่โทรเข้ามา เสียงจากอีกฝั่งดังอึกทึกจนดินต้องขยับโทรศัพท์ออกห่างหู ดูท่าว่าเพื่อนสนิทของเขากำลังได้ที่
"อยู่คอนโด" ตอบออกไปเสียงเรียบ แล้วก็ถูกเจมส์โวยวายมาตามสาย
"เพื่อนเลวลืมนัดรึไงห๊ะ! วันนี้วันเกิดกูนะ กล้ามาก ออกมาเดี๋ยวนี้!! " ถ้าอยู่ใกล้เจมส์คงกินหัวดินไปแล้วโทษฐานที่ลืมนัด ทั้งๆ ที่โทรไปย้ำแล้วย้ำอีก ไม่รู้ช่วงนี้ทำไมเพื่อนสนิทเขาถึงได้มีท่าทีแปลกๆ
"ขอโทษจริงๆ ว่ะ" ลืมไปซะสนิทว่าวันนี้วันเกิดเจมส์และนัดกันไว้ว่าจะไปฉลองที่ผับ ดินรีบพูดขอโทษเพื่อนสนิทออกไป รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองจะขี้หลงขี้ลืม เบลอๆ ด้วย เพราะนอนดึกหรือเพราะหัวใจมันมีเรื่องอื่นให้คิด สมองเลยไม่ยอมทำงาน
"ถ้าคำขอโทษใช้ได้ผลตำรวจจะมีไว้ทำไม อีกอย่างเมื่อเช้ากูก็โทรไปเตือนแล้ว รีบออกมาเลยนะไม่งั้นขาดกัน" เจมส์โวยวายก่อนจะตัดสายไป คำขาดที่ถูกยื่นออกมาหลายต่อหลายครั้งไม่ได้ทำให้ดินคิดมาก แต่เพราะรับปากเอาไว้แล้วจึงไม่อยากผิดคำพูด
ดินเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดที่มันทางการหน่อยเพื่อให้เกียรติเจ้าของงาน เพราะคนที่เจมส์ชวนคงมีทั้งเพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนที่ทำงาน แต่ก็ไม่ได้ระเบียบจัดเกินไป ชุดที่ร่างโปร่งเลือกสวมใส่คือเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนสีเข้ม สวมทับด้วยสูทสีดำตัวเก่ง
ดินขึ้นแท็กซี่มายังผับที่นัดกันกับเจมส์เอาไว้ ผับเดียวกับที่เขาเจอ แบงค์ครั้งแรก ใช้เวลาเกือบครึ่งชม.ในการเดินทาง สถานบันเทิงซึ่งเป็นจุดหมายตั้งอยู่ใจกลางเมืองในขณะที่คอนโดของดินตั้งอยู่รอบนอก ดินเปิดประตูลงจากรถ จ่ายค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ที่ขึ้นบอก ก่อนจะเดินเข้าผับไป
เวลาสี่ทุ่มเศษๆ สถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีแห่งนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างโยกกายย้ายสะโพกเบียดคลอไปกับเสียงเพลง กลิ่นแอลกอฮอล์นานารสตีกันคละคลุ้ง
ฝ่าฝูงผีเสื้อราตรีมาจนถึงที่ ๆ เพื่อนสนิทนั่งอยู่ เจ้าแห่งคอทองแดงกระดกเครื่องดื่มสีอำพันเข้าปาก คาดว่าคงไม่ต่ำกว่าสิบแก้วแล้วที่อีกคนดื่มเข้าไป เพราะดูจากใบหน้าแดงๆ บวกกับเสียงหัวเราะที่ดังให้ได้ยินไม่หยุดของเจมส์นั่น แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเจมส์มีคนตามมาคุมถึงที่
"สวัสดีมาร์ค" ดินเลือกที่จะทักมาร์คซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆ กับเจมส์ก่อน เพราะเพื่อนรักของเขากำลังดวลเหล้ากับใครคนหนึ่งอยู่
"อืม" มาร์คตอบรับเพียงสั้นๆ ใบหน้าคมบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ดินไม่ได้คิดมากอะไรเข้าใจนิสัยของแฟนเพื่อนคนนี้ มาร์คเป็นประเภทพูดน้อยต่อยหนักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดุด้วย หวงเจมส์มากจนเขาที่เป็นเพื่อนยังหวั่น แล้วที่มีอาการแบบนี้คงหนีไม่พ้น คนหน้าหวานขี้เมาที่ดวลเหล้าอยู่
"ไอ้เจมส์ คุณดินมาแล้ว" หนึ่งในนั้นสะกิด คงจะเป็นเพื่อนเจมส์ที่รู้จักเขา ดินยิ้มให้แล้วโค้งเป็นการขอบคุณ
"กว่าจะเสด็จมาได้นะไอ้เพื่อนจอมงานยุ่ง" ถึงปากจะพ่นคำด่าทอออกมาแต่เจมส์ก็โผเข้ากอดคอดิน เหมือนเป็นการพุ่งมาเกยมากกว่า ดินรับตัวเพื่อนสนิทไว้แล้วพานั่งลงด้วยกัน เจมส์ยังไม่ยอมผละอ้อมกอดจนดินอดหวาดๆ กับสายตาของมาร์คไม่ได้
"สุขสันต์วันเกิด แก่แล้วเลิกดื่มหนักได้แล้วนะ ระวังตับพัง" ดินอวยพรเพื่อนสนิท
"เป็นคำอวยพรที่หยาบคายที่สุดเท่าที่เคยได้รับมา กูไม่มีวันแก่เพราะกูเป็นอมตะ แล้วไอ้ตับพังนี่ไม่หวั่นมีคนให้ตับ" เจมส์พูดประโยคชวนคิดแล้วเอนไปซบมาร์ค เรียกเสียงหัวเราะในลำคอกับรอยยิ้มกริ่มจากร่างหนาที่นั่งอยู่ได้เป็นอย่างดี
"เออ ยอมแพ้" เชื่อเขาเลยจริงๆ แต่ก็อย่างว่าตอนเรียนด้วยกันเจมส์ฮอตที่สุดแล้ว ด้วยหน้าตาบวกกับดีกรีเดือนมหาลัยทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อีกทั้งสาวๆ วนมาแจกขนมจีบไม่ขาดสาย
“This is a new song..”
“Come here!”
“Let’ s go!”
เสียงดนตรีจังหวะหนักหน่วงดังขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากเสียงทุ้มปนแหบเสน่ห์ของดีเจคนใหม่ดังขึ้น ผับหรูดูครึกครื้นขึ้นอีกเป็นเท่าตัวตามจังหวะดนตรีที่เปลี่ยนไป
"เป็นไรวะ ทำหน้ายังกับโดนผัวทิ้ง" คำพูดที่ยิงมาเกือบถูกประเด็นทำให้ดินชะงัก ผิดนิดหน่อยตรงไม่มีคำว่าเก่าต่อท้าย
เจมส์ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแบงค์ จริงๆ ก็ไม่มีใครรู้หรอก มันคือความรักสำหรับเขาและเป็นความลับระหว่างเราสองคน
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” ดินโกหกคำโต
“เอาน่า...อย่าซีดิ มาเที่ยวทั้งที เขาว่ามีดีเจมาใหม่ด้วยนะ คนนั้นแน่เลย” เจมส์เขย่าแขนดินให้หันไปมองทางด้านเวที
“Everybody make some noise!!” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง แล้วเสียงของเหล่านักท่องราตรีก็ดังขึ้นตอบรับ มือหนาถอดแว่นออกวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็ สแครชแผ่นเสียงกระชากจังหวะเพลงมันส์สาดใส่เหล่านักเต้นทั้งหลายจนดังกระหึ่มผับ
ราวกับถูกมนต์สะกด..
ดินลุกจากโซฟาที่นั่งเดินตรงไปยังหน้าเวที มือสวยกำเข้าหากันแน่นจนเหงื่อซึม ทั้งที่อากาศข้างในนี้ก็ไม่ได้ร้อนอะไร แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ สายตาเรียวจับจ้องไปยังบุคคลด้านบนที่พึ่งถอดแว่นออกและผงกหัวไปตามจังหวะดนตรีที่ตนเองเป็นผู้ควบคุม ร่างโปร่งจ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จนกระทั่งขาเรียวก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเวที ดินเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าออกแผ่วเบา
“แบงค์..”
น้ำเสียงเศร้าๆ ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มถูกกลบด้วยเสียงดนตรีดัง ไม่มีแม้ใครสักคนที่ได้ยิน และเขาคนนั้นก็ไม่ได้ยิน
“ข้าวฟ่างเขามองมาที่เธอด้วย กูว่าเขาต้องชอบเธอแน่เลย” เสียงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล น่าแปลกที่เสียงต่างๆ รอบตัวไม่อาจฉุดรั้งดินออกมาจากภวังค์ได้ แต่ชื่อนั้นกลับทำให้ดินละความสนใจจากคนบนเวทีได้ไม่ยาก ขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิด ขอให้ดินหูฝาดไม่ก็เป็นแค่คนชื่อซ้ำ
เกลียดที่วันนี้โลกกลมเหลือเกิน
ดินจ้องผู้หญิงโต๊ะแถวหน้าไม่วางตา มือเรียวกำเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีกจนมันสั่นระริก ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้าง คำวอนขอที่ภาวนาอย่าได้เจออีกตลอดชีวิตไม่สัมฤทธิผล หญิงสาวเจ้าของเดรสเกาะอกสีเข้มรัดรูปตัดกับผิวขาวดูโดดเด่นเมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเพื่อนของเธอ ริมฝีปากแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อย สายตาทรงเสน่ห์เกินจะต้านไหวจับจ้องไปยังดีเจหนุ่มบนเวที พร้อมทั้งเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ ว่าชายหนุ่มก็คงสนใจเธอไม่แพ้กัน
“ไม่...”
เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่แบงค์ ดินยอมไม่ได้จริงๆ จากความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง ดินเกลียดสายตาคู่นั้น สายตาที่มองทุกอย่างที่อยากได้เหมือนเป็นของเล่นสนุก ไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะมีเจ้าของหรือเจ้าของเขาจะหวงแหนเพียงใด ผู้หญิงคนนั้นได้มันไปหมดทุกอย่าง ทุกอย่างที่ต้องการ และเป้าหมายต่อไปก็คงจะเป็นเจ้าของหัวใจดิน
สองขาเรียวก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว คิดเพียงจะต้องขัดขวางทั้งความคิดและการกระทำของผู้หญิงคนนั้นให้ได้ ดินจะไม่ยอมสูญเสียใครอีก ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนพรรณ์นั้นแล้วแต่เป็นแบงค์ ดินปล่อยไปไม่ได้จริงๆ
“ดินมึงจะไปไหน” มือบางของเจมส์คว้าแขนเพื่อนสนิทเอาไว้ เมื่อเห็นดินกำลังจะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่ข้าวฟ่างนั่งอยู่ เจมส์เองก็รู้จักผู้หญิงคนนั้นดี
“เจมส์..ผู้หญิงคนนั้น..” ดินหันมาสบตาเพื่อนสนิท ดวงตาของดินฉายแววความโกรธเกลียดอย่างปิดไม่มิด จนเจมส์ต้องดึงเพื่อนสนิทมากอด อีกอย่างไม่อยากให้จังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นมองมาเห็นว่าดินยืนอยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากให้เพื่อนไปยุ่งเกี่ยวกับคนเลวๆ แบบนั้นอีก
“ใจเย็นๆ ดิน”
เกลียดเขาจนใจเราทรมาน ข้าวฟ่างไม่รับรู้ถึงการมาของดินด้วยซ้ำ ไม่รับรู้ว่าเบื้องหลังการกระทำของเธอ ทำให้ใครคนหนึ่งจมอยู่กับความทุกข์ตลอดมา มีเพียงดินที่กำลังเดือดอยู่ฝ่ายเดียว
“แบงค์..” ดินเรียกชื่อคนที่อยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความกลัวกำลังทำให้ดินไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากขึ้นไปกระชากอีกฝ่ายลงจากเวทีแล้วพาหนีไปให้ไกลที่สุด เพื่อปกป้องไว้..
“กลับไปที่โต๊ะก่อนเถอะ” เจมส์ลากดินกลับโต๊ะ ที่ต้องบอกว่าลากนั้นเพราะดินเอาแต่จ้องมองคนบนเวทีแล้วไม่ยอมขยับเขยื้อนด้วยซ้ำ
เพลงจังหวะที่มันส์ที่สุดในค่ำคืนนั้นจบลงพร้อมกับร่างหนาของดีเจหนุ่มที่เดินลงจากเวที หญิงสาวในชุดเกาะอกรัดรูปเดินไปขวางทางไว้พร้อมกับยื่นแก้วเครื่องดื่มไปตรงหน้า แบงค์รับมาดื่ม ใช้ลิ้นดุนแก้มพิจารณาคนสวยสักพักแล้วยิ้มกริ่ม
ทำความรู้จักกันสักพักข้าวฟ่างก็พาชายหนุ่มไปแนะนำกับกลุ่มเพื่อน เสียงหัวเราะ อีกทั้งรอยยิ้มปรากฏขึ้นไม่ขาดจากวงสนทนา แม้ดนตรีจะกลบจนหมดสิ้นแต่เหมือนว่ามันดังก้องอยู่ในหูของดิน ราวกับจะเยาะเย้ยโชคชะตาที่น่าสมเพชของเขา
คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมาตลอดกำลังเดือด น้ำเปล่าถูกยื่นมาจากเพื่อนสนิทแต่ดินไม่คิดจะยกขึ้นดื่ม มือบางบีบแก้วใสแน่นจน เจมส์กลัวว่ามันจะแตกจึงพยายามแกะออกแต่ไม่เป็นผล ดินจับจ้องไปยังคนสองคนที่มีอิทธิพลกับตัวเขาทั้งคู่
“เฮ้ย! ..จะไปไหน” จู่ๆ ดินก็ลุกพรวดขึ้นจนเจมส์ตกใจ รีบคว้ามือเพื่อนสนิทไว้ มาร์คเองก็พร้อมจะช่วยคนรักห้ามดินเต็มที่
“เข้าห้องน้ำ ไม่ต้องห่วงกูหรอก” พยายามข่มอารมณ์พูดด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
“กูไปเป็นเพื่อนนะ” เจมส์รีบบอก เอาตรงๆ เขาไม่ค่อยเห็นดินเป็นแบบนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ชอบอะไรดินจะเป็นฝ่ายเดินไปเพื่อให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ดินเผชิญหน้ากับมันโดยไม่เกรงกลัว
หรือเพราะกลัวถึงได้ฮึดสู้..
“กูไปเองได้ ไม่ต้องห่วง” ดินฝืนยิ้มให้เพื่อนสนิท เจมส์ยอมปล่อยมือแต่โดยดี ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง
ดินเดินมาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้อยากทำธุระส่วนตัวแต่อย่างใด แต่เพราะว่าแผ่นหลังของคนคุ้นเคยที่เดินเข้ามาก่อนหน้านั้น ทันทีที่เข้ามาก็พบว่าแบงค์ยืนล้างมืออยู่หน้ากระจก ดินเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง จังหวะที่ร่างหนาเงยหน้าขึ้นมานั้นก็ถึงกับตกใจ
"กูก็นึกว่าผีแม่หม้ายที่ไหน" พูดกวนไปแบบไม่ดูอารมณ์อีกฝ่าย ดินไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เอาแต่ยืนมองแบงค์อยู่แบบนั้น แบงค์สังเกตได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปจากปกติกับแววตาที่ฉายแววความกังวลอยู่ของดินจึงถามออกไป
"อะไร? " แบงค์ถาม
"อย่ายุ่งกับมัน..." ได้ไหม? ประโยควอนขอดังขึ้นต่อท้ายในใจ แบงค์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่ดินต้องการจะสื่อ
"อะไรของมึง จะพูดอะไร? " แบงค์เริ่มหงุดหงิดกับท่าทางที่ไม่ชัดเจนของดิน
"ผู้หญิงคนนั้น อย่ายุ่งกับมัน" สรรพนามที่ใช้แทนบุคคลที่สามไม่ได้ให้เกียรติแต่อย่างใดแม้ว่าคนที่พูดถึงเป็นสตรีเพศ
"ผู้หญิง? อ่อ ข้าวฟ่าง ยัยนั่นเหรอ" แสดงว่าดินคงมองอยู่ตลอด ก็คงจะตลอดไม่งั้นคงไม่ตามมาถึงห้องน้ำ ชื่อที่หลุดออกจากปากของแบงค์ทำให้ดินกำมือแน่น
"อย่ายุ่งกับมัน" ดินเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ จนแบงค์ชักจะอารมณ์ไม่ดี มือบางคว้าข้อมือแบงค์ไว้แล้วออกแรงเขย่า ราวกับคนเสียสติ
อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์แบงค์มาทำงานแทนเพื่อนสนิท ด้วยพรสวรรค์ที่มีทำให้การทำงานผ่านไปด้วยความราบรื่น
เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ตั้งแต่เลิกกับดินล่ะมั้ง เพราะงานที่มันรัดตัว อีกทั้งเขาโตขึ้น การจะให้ทำตัวสนุกสนานไปวันๆ อย่างเดิมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ที่จำเป็นต้องมาหนึ่งก็เพราะอยากช่วยเพื่อนจริงๆ สองพอส่งงานเสร็จมันเบื่อ ๆ เลยต้องหาอะไรทำ
"ทำไมกูต้องทำตามที่มึงพูดด้วย? " แบงค์ถามออกไป อยากรู้เหตุผลที่ทำให้ดินเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ เพราะหึงหวงก็ไม่น่าใช่ ตอนคบกันเขาทำยิ่งกว่าคุยกับผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เห็นว่า แล้วนี่อะไร?
"กูเกลียดมัน" นี่จะเป็นเหตุผลพอไหม ที่ผ่านมาดินสำคัญพอจะขอให้แบงค์ไม่ยุ่งกับคนที่ตัวเองเกลียดได้ไหม
"แล้วไง กูต้องเกลียดด้วยเหรอ? " เหตุผลของดินมันไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ดินเกลียดใครเขาไม่จำเป็นต้องเกลียดคนนั้นตาม คนละคนกัน
ดินตัวชาวาบ ความจริงที่ได้ยินเป็นเหมือนน้ำกรดที่สาดลงตรงหน้า เขาไม่เคยสำคัญกับอีกฝ่ายเลยสินะ ไม่ว่าจะเป็นแปดเดือนก่อนหรือแม้กระทั่งตอนนี้ ทุกอย่างที่ทำกลายเป็นน้ำซึมบ่อทราย ความรักของเขาไม่เคยเติมเต็มหัวใจของแบงค์เลยหรือว่าแบงค์ไม่เคยรับมันกันแน่
"กูมีเหตุผลของกู" มันมากพอที่จะทำตัวงี่เง่าเพื่อปกป้องแบงค์ไว้ แบงค์คือเหตุผลที่ทำให้เขาอยากลุกขึ้นสู้ ถึงแม้สุดท้ายจะไม่ใช่เขาที่ได้ยืนเคียงข้าง แต่ก็อยากให้แบงค์มีคนที่ดีพอดูแล
"อะไรล่ะเหตุผลของมึง? " แบงค์ถามออกไป อยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลของดินมันจะสมเหตุสมผลมากพอให้เขาเลิกยุ่งกับข้าวฟ่างไหม
"กูเกลียดมัน" ทันทีที่คำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมาคือประโยคเดิม แบงค์ก็ปัดมือดินออกแล้วเดินออกจากห้องน้ำ การกระทำของร่างหนาสร้างความกลัวให้ดินมากขึ้นไปอีก
ทำไม...ทำไมถึงไม่เชื่อที่เขาเตือนเลย
"อย่ายุ่งกับมันเลยนะ กูขอร้อง..." ดินวิ่งมาคว้าข้อมือของแบงค์ไว้ น้ำเสียงนั้นเศร้าและเจ็บปวดจนแบงค์สัมผัสได้
"มึงกำลังทำตัวเป็นเจ้าของกูนะ" เสียงเข้มพูดบอก ไม่อยากหันไปมอง ไม่อยากสาดแรงอารมณ์ใส่อีกคนไปมากกว่านี้ แต่ยิ่งดินทำอะไรที่ตรงข้ามกับตัวเองแบงค์ยิ่งหงุดหงิด ดินไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่เคยทำให้เขาอึดอัด ไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
"กูไม่ได้..." ยังไม่ทันพูดจบใครอีกคนก็เดินเข้ามาเสียก่อน
"แบงค์คะ" เสียงหวานของผู้มาใหม่ดังขึ้น ร่างกายงดงามที่หลายๆ คนหมายปองเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหนุ่มดีเจรูปหล่อที่เธอสนใจ "เห็นออกมานานเลยมาตาม มีอะไรกันรึเปล่าคะ" ข้าวฟ่างถาม นัยน์ตาของเธอแสดงความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อยที่บุคคลด้านหลังแบงค์กำลังจับมือชายหนุ่มอยู่
"เจอคนรู้จักน่ะ" เสียงทุ้มตอบออกไป ริมฝีปากแดงขยับยิ้มรับพร้อมทั้งพยักหน้าเข้าใจ
"คิดว่าแฟนซะอีก" คำพูดล้อเล่นของข้าวฟ่างเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดี ขณะนี้ความเจ็บปวดมันกำลังเอ่อล้นหัวใจของดิน
เขาได้ยินทุกอย่าง ถึงจะเกลียดน้ำเสียงนั้นแต่ก็ยังฝืนอยู่ เผื่อแบงค์จะกลับไปด้วยกัน
"ผมไม่มีแฟน"
ทันทีที่อีกคนตอบออกมาอย่างไร้เยื่อใย คนที่อยู่ในฐานะเมียเก่าก็จำเป็นต้องปล่อยมือ ดินค่อยๆ ชักมือตัวเองกลับ รู้สึกว่ามันอ่อนแรงเหลือเกินจนต้องปล่อยให้มันตกลงข้างลำตัวตามแรงโน้มถ่วง ดินไม่อยากคิดต่อไปถึงความจริงที่ว่าเขาไม่มีความหมายอะไรกับแบงค์เลย แต่ถึงกระนั้นหัวใจมันก็บังคับให้คิดทบทวนการกระทำเฉยเมยของอีกคนอยู่ดี
ร่างโปร่งหันหลังให้กับภาพที่ยากจะบรรยายตรงหน้า จู่ ๆ ดินก็นึกถึงเด็กน้อยบีไอขึ้นมา เขากับบีไอใครจะเจ็บปวดกว่ากันนะ ระหว่างผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมานานัป รับมือกับความเจ็บปวดมาหลากหลายรูปแบบ กับเด็กน้อยที่ลืมตามาสัมผัสกับความรู้สึกนั้นเพียงไม่กี่ปี เขาที่ที่ต้องสูญเสียอะไรหลายๆ อย่าง กับบีไอที่สูญเสียเพียงเพื่อนคนสำคัญ หรือว่าดินกับบีไอจะเจ็บเท่าๆ กัน
ความเจ็บปวดต่อให้มากน้อยก็คือความเจ็บปวด
แต่ละก้าวที่ออกเดินทำไมดินรู้สึกว่าระยะทางมันช่างยาวไกลเมื่อไหร่จะผ่านพ้นไป เมื่อไหร่เขาจะพาร่างกายอันหนักอึ้งของตัวเองออกจากที่นี่ได้สักที แผ่นหลังบางสั่นจนไม่อาจห้ามได้ ลมเย็นของอากาศหนาวหลงฤดูยิ่งตอกย้ำให้ช้ำขึ้นไปอีก
กอดตัวเองไม่อุ่นเลย...
ปลอบตัวเองก็ไม่หายเจ็บเลย..
เป็นแค่คนที่ไร้ความหมาย
เป็นแค่แฟนเก่าที่กลายเป็นแค่คนรู้จัก
ก็แค่อยากปกป้องสิ่งที่รักเอาไว้ เอาอะไรมาวัดว่าไม่มีเหตุผล
ทำไมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา