Fic naruto ภาค พายุโลหิต

10.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.

  33 ตอน
  12 วิจารณ์
  54.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) บทที่ 5 พบเจอวิญญาณสีดำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
คนถูกเคืองนั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะมานั่งข้างคาคาชิ งานนี้ทำเอาคาคาชิ ตกใจมาก ที่คนๆนี้เป็นผีจริงๆ เพราะไม่รู้สึกถึงจักระ ไม่มีน้ำหนัก ราวกับว่าร่างๆนี้ เป็นเพียงแสงเท่านั้น
“อย่ากลัวผมเลยน่า เผอิญว่า ตอนมีชีวิต ผมมีสัมผัสพิเศษ พอตายก็เป็นวิญญาณที่มีพลัง สามารถให้คนอื่นมองเห็น พาย้อนอดีตได้น่ะนะ”เมื่อเอ่ยจบก็หันมาหาลูกหลานตน “เมบุกิ สลบไปก็ดีแล้ว ชั้นจะเป็นคนเล่าเองนะ สนุกดี เห็นภาพด้วย”
คิซาชิไม่ตอบรับแต่เค้าเอ่ยถาม”ซากุระเป็นยังไงบ้าง”
ทาเคโนะมารุพ่นลมหายใจทีหนึ่งก่อนจะตอบ”บุกเดี่ยวไปช่วยเพื่อนแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กนั่นเก่งนะ แสร้งทำเป็นว่า บาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ตัวเองกลับลอบออกจากหมู่บ้านไปช่วยเพื่อนแบบนั้นน่ะ”
คนเป็นพ่อโวย“ทำไมไม่ห้ามล่ะครับ”
“ห้ามไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่ห้ามน่าจะดีกว่า เด็กนั่นดื้อแค่ไหน นายเป็นพ่อก็น่าจะรู้นี่นา  เอาล่ะทั้งสองคนมาดูอดีตของเด็กคนนั้นเถอะนะ”
ซาสึเกะนั้นพอรู้ว่าเธอจะไปเสี่ยงอันตรายก็ไม่รอช้า ตั้งท่าจะลุก
บรรพบุรุษตระกูลชิอินะ ดูเหมือนจะรู้ทัน จึงเอ่ยดักก่อน” ไม่อยากรู้เหรอว่า ทำไมเด็กคนนั้นกระดูกสันหลังหัก น่ะ และอีกอย่างเธอจะไปช่วยเค้าได้ยังไง ถ้าไม่รู้ที่มา เอาน่า ใช้เวลาไม่นานหรอก เธอตามไปก็ยังทันนะ นั่งลง”
ชายหนุ่มจำต้องนั่งลง
สภาพรอบตัวก็แปรเปลี่ยน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือเด็กสองคน ที่หน้าตาเหมือนกันมาก ทั้งดวงหน้าขาวแก้มแดงระเรื่อ ริมฝีปกจิ้มลิ้ม สีกุหลาบ ผมสีชมพู ตัดสั้นสวยๆ สิ่งที่ต่างคือสีตาและชุดที่กำลังสวมใส่ คนหนึ่งตาสีฟ้า สวมชุดแมวดำ กำลังนั่งจดจ่อเอาหนังสือปึกหนา อีกคน ตาสีเขียวสวมชุดกระต่ายขาว กำลังนั่งมองอย่างสนใจ
เจ้ากระต่ายน้อยเอ่ยชวน“คาโอรุ ไปเล่นกันเถอะ”
“ไม่อ่ะ การบ้านยังไม่เสร็จเลย อาจารย์ให้เยอะกว่าคนอื่นด้วย”เจ้าแมวดำทำแก้มป่อง
“ไม่เห็นยากเลย ง่ายจะตาย”
“ว่าไงนะ! มันยากมากนะ! แน่จริงก็มาทำเลยมา!”
“ของหมูๆ ไปนั่งเล่นเลยไป๊!”
คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ คาคาชิกับซาสึเกะ อดไม่ได้ที่จะใช้เนตรวงแหวน บันทึกภาพ คิซาชิอมยิ้มเมื่อได้เห็นภาพของลูกสาวในวัยเด็กอีกครั้ง
ทาเคโนะมารุ ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นยัยหนูคนดี ตอนเป็นเด็ก ที่มองกี่ทีๆก็ไม่เบื่อ
คาคาชิเริ่มสังเกต เด็กน้อยชุดกระต่ายคือซากุระ ส่วนเด็กชุดแมวดำ คือ ลูกพี่ลูกน้อง ที่เหมือนกันมาก หากไม่สังเกตดีๆก็ยากที่จะแยกออก
ผู้มาใหม่ได้เข้ามาในห้อง คิซาชิจำได้ นั่นคือพี่เขยตนที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วเมื่อห้าปีก่อนด้วยโรคหัวใจวาย ฮารุโนะ คาสึฮะ ชายหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้า ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง
“เด็กๆ ลงไปกิน...คาโอรุ!!!”
เจ้าของนามสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบไปหลบใต้เตียง ซึ่งหลบได้ไม่มิด หลบได้แต่หน้า ทำเอาผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อดจะขำไม่ได้ อะไรจะกลัวขนาดนั้น...
ภาพต่อมาคือ คาโอรุ และซากุระ นั่งคุกเข่า เบื้องหน้าคือผู้ใหญ่สี่คน
ชายผมทองบ่นทันที “ใช้ไม่ได้ คาโอรุ ใช้น้องทำการบ้านได้ยังไง การบ้านเรา เราก็ต้องทำเองสิ!”
“กะ..ก็มันยากนี่ฮับ ป๋อ แต่ซากุระ บอกว่ามันง่าย”
ซากุระตอบอย่างสบายอารมณ์”ก็หนูอยากเล่นกับคาโอรุนี่คะ คุณลุง หนูเหงานะ การบ้านก็ไม่ยากอะไรด้วย”
ข้างๆชายผมทองคือ หญิงสาวร่างผอมเพรียว ผิวคล้ำ ตาสีเขียว ผมสีชมพูยาวสลวย คาคาชิสังเกตว่า เธอมีส่วนคล้ายกับ พ่อของซากุระมาก และซากุระเองก็มีส่วนคล้ายหญิงคนนี้ไม่น้อยเลย จะต่างก็ต่างกันตรงที่ซากุระมีผิวที่ขาวอมชมพู ที่ได้แม่มา เธอกำลังนั่งอ่านการบ้านของลูกชายที่หลานสาวเป็นคนทำ  ข้างๆเดาได้เลยว่า นั่นคือสองสามีภรรยาฮารุโนะ เมื่อสิบกว่าปีก่อน
“เอ๋ ถูกหมดเลยนะ”เสียงหวานเอ่ยแทรก
“ว่าไงนะ คิโยโกะ”ผู้เป็นสามีหันมา
“ดูสิคะ”หญิงสาวผิวน้ำผึ้งส่งการบ้านปึกหนาให้สามี
“เออ จริงด้วย หลานลุงทำได้ไงล่ะ”
“หนูก็อ่านหนังสือ ในห้องไงคะ คุณลุง”
คิซาชิในวัยหนุ่ม คอตก เอ่ยเสียงอ่อน”ก็ซากุระไม่ค่อยมีเพื่อนนี่ครับ วันๆก็อยู่แต่ในบ้านอ่านหนังสือนี่นา”
“ซากุระช่วยอาสักเรื่องได้ไหม”สาวผิวเข้มมองมาที่หลานสาวตัวน้อย
เจ้ากระต่ายน้อยมองมาอย่างไร้เดียงสา ทำเอาซาสึกะที่ดูเหตุการณ์ต้องเบิกเนตรบันทึกภาพอีกรอบ
“คะ”
“หนูช่วยไปสอบแทนคาโอรุ ทีนะจ๊ะ”
“คิโยโกะ”คิซาชิในอดีต เรียกชื่อน้องสาวเสียงหลง  “จะบ้ารึ ถ้าโดนจับได้ เจ้าคาโอรุไม่โดนไล่ออกรึ”
“แต่ถ้าคาโอรุ สอบไม่ผ่านแบบนี้ ก็โดนไล่ออกอยู่ดีนะคะพี่”
เมบุกิในอดีตมองเด็กสองอย่างหนักใจ ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่กิริยา ท่าทางนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง คาโอรุ ร่าเริง บ้าพลัง สมกับที่เป็นเด็กผู้ชาย แต่ซากุระ ดูนุ่มนิ่ม ขี้อาย เป็นเด็กผู้หญิง
หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนจะบอกน้องสามี“แต่ คิโยโกะ ถึงหน้าตาจะเหมือนกันนะ แต่ ท่าทาง มันไม่ใช่เลยนะ อย่าเสี่ยงดีกว่า”
“พี่เมบุกิ หนูขอร้องล่ะ หนูไม่อยากให้ลูกมีประวัติเสียนะคะ”
เมบุกิหันไปมองสามีและพี่ชาย อย่างขอความเห็น ขณะที่ ฮารุโนะ คาสึฮะ มองเด็กสองคนที่กำลังเล่นดึงหู(ปลอม)ดึงหาง(ปลอม)อย่างสนุก
คาสึฮะเอ่ยขึ้น“ก็ปลอมไปเฉพาะตอนสอบข้อเขียน พอสอบเสร็จก็ให้เปลี่ยนตัวสิ จะไปยากอะไร แค่ให้ซากุระจัง ฝึกเป็นคาโอรุ เอง”
ซากุระเอ่ยถาม “หนูต้องแกล้งโง่อย่างคาโอรุด้วยเหรอคะ คุณลุง ไม่เอานะ”
คนถูกกล่าวหาโวยใส่“เธอว่าใครโง่ ห๊ะ”
“ก็แกไง เจ้าโง่  โง่แบบไม่มีวัวปน”
งานนี้ทำเอาคาคาชิกับซาสึเกะสะอึกกับคำพูดอันแสนร้ายกาจของซากุระในวัยเด็ก...ทำไมปากร้ายขนาดนี้...
“ยัยบ้า!!!”ว่าแล้ว เด็กสองคนก็เริ่มตบตีกัน ฟัดกันอย่างเมามันส์ จนเหล่าพ่อแม่ไม่อาจแยกได้
จนสักพัก เด็กทั้งสองหมดแรง โดยที่เจ้ากระต่ายน้อย นอนทับอกของเจ้าแมวดำ ส่วนเจ้าแมวดำก็นอนหงาย ทั้งคู่หอบหายใจแรง ใบหน้าของทั้งคู่ เต็มไปด้วยรอยแดง รอยเล็บข่วน  แม่ๆทั้งสองก็จับลูกของตัวเองมาตีก้น
คิโยโกะตีก้นลูกชายตัวร้ายอย่างไม่ยั้งมือ “เป็นเด็กผู้ชาย ไปรังแกน้องได้ยังไงห๊ะ”
เจ้าแมวดำตัวแสบพยายามดิ้น”แม่จ๋า ปล่อยผมนะ ปล่อยผม”
สำหรับซากุระนั้น เมบุกิแค่ตีก้นสองสามที ให้พอหลากจำ ”ไปว่า คาโอรุได้ยังไงลูก คาโอรุเค้าเสียใจนะ”
“ขอโทษค่ะ แม่”
ภาพก็แปรเปลี่ยน เป็นเด็กสองคนในชุดฮากามะเหมือนกันกำลังกอดกันกลม ตัวสั่นราวกับลูกนกน้อย เบื้องหน้าคือ ชายร่างสูงโปร่ง ผมดำยาว ในชุดยูกาตะ ตาสีดำกำลังมองเด็กทั้งสอง สลับไปมา ก่อนจะย่อเข่า ในระดับเดียวกับเด็กทั้งสอง
และหันไปหาเด็กสาวตาสีมรกต เค้าถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน”หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
ซากุระในวัยเยาว์ตัวสั่นราวกับลูกนกตอบ“ฮารุโนะ ซากุระ ค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ด้วยรอยยิ้ม “รู้แล้วๆ” เค้ายืนขึ้น แล้วจัดการอุ้มเด็กทั้งสอง จับพาดบ่าคนล่ะข้าง ทั้งคู่พยายามดิ้นสุดกำลัง
“ปล่อยนะๆ/ปล่อยหนูนะ ปล่อยหนู”
ใบหน้าหล่อแปรเปลี่ยนเป็นโรคจิต”วางใจเถอะ เด็กน้อย พวกแกต้องอยู่ภายใต้การปกครองของชั้นแน่”
“ม่ายยยยย”
ซาสึเกะที่เฝ้าดูเหตุการณ์กำหมัดแน่น ...ไอ้นี่มันใครกัน!!...
“จะทำอะไรน่ะ อาจารย์”เสียงเล็กๆดังขึ้น
ชายหนุ่มมองผู้มาใหม่ เป็นเด็กชายสองคน อายุไล่เลี่ยกับ เด็กหัวชมพูทั้งสอง ซาสึเกะรู้สึกคุ้นๆมาก
คนหนึ่งเป็นเด็กชายผิวเข้ม ผมสีน้ำตาล สวมชุดฮากามะ สีเทา กอดอกตรงมาชายหนุ่ม ตามมาด้วยเด็กชายผมสีเงิน ผิวซีด ตาสีดำ สวมชุดฮากามะ แบบเดียวกับเด็กชายผมสีน้ำตาล จะต่างกันตรงที่ เด็กคนนี้จะแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อยและท่าทางสุภาพ ผิดกับเด็กผิวเข้ม ผมสีน้ำตาล แต่งตัวหลุดลุ่ย ที่ท่าทางเกเร เอาเรื่อง
ชายหนุ่มตอบเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้ม”ชั้นไม่ใช่ยักษ์มารนะ ชั้นไม่ทำร้ายเด็กผู้หญิงที่น่ารักๆขนาดนี้ได้ลงคอหรอก”
เด็กชายผมเงินเอ่ยเสียงเรียบ”งั้นก็ปล่อยสองคนนั้นเถอะครับ”
“ไม่เอาล่ะ ชั้นชอบเด็กแบบนี้นะ น่ารัก น่ากอดมาก...จ๊ากกกกกกกกกก!!!”
ร่างเล็กๆของเด็กที่โดนจับพาดบ่า ร่วงลงทันที ที่เด็กชายผมน้ำตาลเตะขาของชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มปล่อยร่างเล็กที่จับพาดบ่าคนละข้าง
 เด็กชายตาสีฟ้าพลิกตัวกลับได้อย่างสวยงาม แต่เด็กหญิงตาสีเขียวกำลังจะร่วงกระแทกพื้น แต่ดีที่ เด็กชายผมสีเงินก็เข้ามารับได้ทันท่วงที
“ไม่เป็นไรนะ”
“จ้ะ”
“หน้าตา เหมือนกันมากเลย แต่เธอน่ารักกว่าเจ้านั่นนะ”
คนถูกชมหน้าขึ้นสี ทำให้ดูน่ารักยิ่งกว่าเก่า
คนถูกเตะขา ก็ยังคงร้องโอดโอย เอามือกุมขาข้างที่โดนเตะ “นี่ เจ็บนะ  แรงแกก็ไม่ใช่น้อยๆนะว้อย”
เด็กชายผมสีน้ำตาลยิ้มเยาะ “อ้าว อั๊ว นึกว่าหมี อย่างอาจารย์หนังหนานะคร้าบ”
“แกว่าใครเป็นหมีห๊ะ!”
“ไม่รู้ ไม่ชี้”
ชายหนุ่มทรงตัว ก่อนจะพุ่งไปคว้าตัวของเด็กหัวชมพูทั้งสอง”จะไปไหน”
“ปล่อยนะปล่อย”
“เอาน่าๆเด็ก นิ่งๆหน่อย ชั้นไม่ได้เอาไปต้มยำทำแกง อะไร แค่อยากจะคุยกับผู้ปกครองของหนูน้อยคนนี้ ก็เท่านั้น อยู่นิ่งๆได้ไหม”
ภาพต่อมา
คือชายหนุ่มที่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ตรงกันข้ามคือ สามีภรรยาบ้านฮารุโนะ และซากุระ ตัวน้อย ที่ในตอนนี้กำลังนั่งกินขนมกับญาติเจ้าปัญหาอย่างคาโอรุ
“แหมๆ ไม่นึกว่า จะได้เจอคุณอีกครั้งนะครับ คุณ คิซาชิ”
“รู้จักชั้นด้วยรึ”
ชายหนุ่มจัดการเสยผม”แบบนี้จำได้รึยัง”
งานนี้ทำเอา คิซาชิเบิกตากว้าง เมบุกิมองสามีกับชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างงุนงง
“ใครกันคะ คุณ”
“คนๆนี้คือ เจ้าสำนักดาบโชจุนสึ คนปัจจุบันน่ะสิ ท่าน โชจุกิ โช”
ชายหนุ่มปล่อยผมตัวเอง“ปกติ คนจะจำตอนที่ผมเสยผมน่ะครับ”
“ทำไมหน้าตาไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งๆที่คุณอายุมากกว่าผม ตั้งสามสิบปีเลยนะ เป็นไปไม่ได้”
งานนี้ เมบุกิตาโต
เช่นเดียวกับคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์คนอื่น (ยกเว้นคิซาชิ ในปัจจุบัน)ดูจะตกใจไม่น้อย เพราะชายหนุ่ม ที่เป็นอาจารย์ ประจำสำนักดาบโชจุนสึ ที่อายุมากกว่า ฮารุโนะ คิซาชิ สามสิบปี แต่หน้าตา ยังกะเด็กอายุยี่สิบก็ไม่ปาน
คาคาชิบ่น”อยากได้เคล็ดลับว่ะ”
โช ยิ้มกว้าง”เข้าเรื่องกันดีกว่า ผมอยากให้ยัยหนู มาเป็นซามูไรครับ”
คนเป็นพ่อตวาตลั่น”ไม่ได้!”
เสียงตวาดนั้นทำเอา เด็กทั้งสองสะดุ้งโหยงพร้อมกัน
“ทำไมล่ะครับ ผมเสียดายเด็กคนนี้นะครับ ฉลาดเป็นบ้า สามารถตอบคำถามที่ยากขนาดที่ผู้ใหญ่ทำ ยังทำไม่ค่อยได้เลยนะครับ อีกอย่างถ้าเอามาฝึกหน่อย ก็จะกลายเป็นยอดฝีมือนะครับ”
“อย่ามาล้อเล่นนะ ลูกผมเป็นผู้หญิง จะเป็นซามูไรได้ยังไง”
“กฎของซามูไรไม่มีข้อห้าม ผู้หญิงนี่ครับ ผม มองคนไม่ผิดหรอก แกก็ไม่ต่างจากคุณนะ เพียงแต่ถ้าจะต่าง ก็ต่างตรงที่ เด็กคนนี้ฉลาดมาก ผมชอบ”
คนเป็นพ่อ กำหมัดแน่น “ต่อให้เป็นอาจารย์แต่ถ้ามาคิดวิตถารกับลูกผม ผมก็ไม่เว้นหรอกนะ”
คนถูกกล่าวหา โว้ยลั่น “จะบ้าเหรอ! เห็นชั้นเป็นคนยังไงกันแน่ ชั้นแก่จวนจะลงโรงแล้วนะ! ชั้นแค่ ชอบเด็กที่ฉลาดๆ แบบนี้ ได้ตำแหน่งใหญ่ตั้งแต่เด็กก็ได้ ชั้นไม่ได้กินเด็กนะเว้ย!”
“ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ยอมให้มือของลูกผมเปื้อนเลือดหรอก!”
หมัดจากคิซาชิพุ่งมา แต่โชกลับหลบได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถจับ คนที่พุ่งมาทุ่มลงกับพื้นได้
เด็กทั้งสองร้องเสียงหลง“พ่อจ๋า/ลุง”
เมบุกิรีบเอาตัวมากันเด็กทั้งสองไว้
ชายสองวัย? เริ่มทำการต่อสู้กัน โดยคิซาชิในอดีตถือว่าเสียเปรียบอีกฝ่ายมาก เพราะตนนั้นมือเปล่า แต่ฝ่ายตรงข้ามมีมีดสั้น ทั้งสองต่างยืนคุมเชิงกันอยู่
โชยิ้มหวาน เอ่ยอย่างยียวน“ฝีมือตกรึไง คิซาชิ เมื่อก่อนออกจะบ้าพลัง จัดการคู่สู้ให้หมอบภายในพริบตาเลยนี่นา ”
คนโดนกวน กัดฟันกรอด 
คาคาชิที่เฝ้าดูเหตุการณ์ นึกสงสัย จึงหันไปถามคุณพ่อในยุคปัจจุบัน “ทำไมไม่โต้ล่ะครับ”
คิซาชิที่เฝ้าดูเหตุการณ์กัดฟันกรอด กำหมัดแน่น“เห็นอีกรอบ ก็อยากต่อยปากไอ้อาจารย์บ้านี่อีก จริงๆ แต่กลัวลูกจ๋า กลัวน่ะสิ ดูต่อเถอะ”
“พ่อจ๋า อัดมันเลย!”
“ลุงคร้าบ ล้มเจ้าหมีนั่นเลย!”
เมบุกิหันไปดุเด็กทั้งสอง”หยุดเลยนะเด็กๆ”เมบุกิหันไปมองสามี
คิซาชิเอ่ยเสียงเย็น”ขอสิบนาที ขอแค่สิบนาทีก็เท่านั้น”จบคำเริ่มตั้งการ์ดคล้ายยูโด แววตานั้น แปรเปลี่ยน จากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางเสียงเล็กๆสองเสียงที่เชียร์
ซาสึเกะลอบมองคิซาชิในปัจจุบัน กับ อดีต สลับไปมา ก็ดูแล้ว น่าจะเคยเป็นนักสู้มาก่อน แต่ทำไม ถึงได้เลิกซะล่ะ...ชักเสียวๆแฮะ...
เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงโปร่งของคิซาชิก็หงายท้องตึง และโดนดาบสั้นจ่อคอ “ความรัก ทำให้คนเปลี่ยน “
โชถอยออกมา พลางเก็บคาตานะสั้น เข้าฝัก สภาพของเค้า ก็มีรอยฟกช้ำ ตามใบหน้า  และตัว เรียกได้ว่าอ่วมพอตัว เหมือนกัน
สำหรับคิซาชิ ที่มีร่องรอยการถูกฟัน ตามตัว สองสามแห่ง และรอยฟกช้ำตามใบหน้า เค้าค่อยๆยันตัวขึ้นมา
โชเอ่ยต่อด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่ ตอนที่แกมีลูกสาวสินะ แกถึงได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลภรรยา และ หอบเอาครอบครัวไปอยู่ที่แคว้นฮิโนะคุนิ แต่แกคงจะลืม ย้ายทะเบียนบ้านล่ะสิ จนเด็กคนนี้เกิดมา ชื่อของเค้าถูกบันทึกเอาไว้แล้ว ถ้าแกไม่ให้เด็กคนนี้เป็นซามูไร แกก็น่าจะรู้บทลงโทษนะ ว่ามันคืออะไร มันคือการคว้านท้องทั้งครอบครัวนะ ข้อหาหนีราชการ น่ะ”
“เด็กคนนี้เป็นแค่ เด็กผู้หญิง แกจับดาบไม่ได้หรอก อย่าเลย เอาเจ้าคาโอรุไป ก็เกินพอแล้วนิ แล้วการที่ชายเอโดะเปลี่ยนไปใช้ นามสกุลภรรยา มันก็ไม่ผิดอะไรนิครับ”
“มันก็จริง แต่ ชั้นแค่เสียดาย สติปัญญาของเด็กคนนี้ หาได้ยากนะ เด็กที่สามารถ ตอบปัญหาจากตำราพิชัยสงคราม แบบประยุกต์ได้ มันเกินเด็กไปหน่อยนะ อ่า...”โชก้มมองเด็กหญิงตาสีเขียวที่จ้องมองเขม็ง
“มีอะไรจ๊ะ สาวน้อย...”                   
“นี่แน่ะ!!”เด็กน้อยเตะขาข้างที่โดนเตะซ้ำ
ร่างสูงเอามือกุมขากลิ้งไปมา พลางร้องด้วยความเจ็บปวด “จ้ากกกกกกกก!!!ซ้ำที่เดิมทำไม!!!!!!!!”
“ทำร้ายพ่อหนูก่อนนี่”เด็กน้อยแลบลิ้นใส่
ทำเอาคนทีเฝ้าดูอย่างซาสึเกะ ต้องเบิกเนตรบันทึกอีกรอบและบ่นเบาๆ”จะน่ารักไปไหนฟะ”
โชที่บรรเทาอาการเจ็บขาก็ลุกยืนขึ้น แต่...
“นี่แน่ะ!”
คาโอรุ เตะขาซ้ำ อีกรอบ
“จ๊ากกกกกกกกก!!!!ซ้ำแผลตรูอีกทำมายยยยยยย!!!!”
คาโอรุไม่สนใจ กลับชูแขนสองข้างประดุจผู้ชนะ “ล้มหมีได้แล้ว เย้”
“ได้ไง ชั้นล้มมันได้ก่อนนะ”
“จะเอาเหรอ!”เด็กชาย แยกเขี้ยว
เด็กหญิงจัดการเก็บแขนเสื้อ ฮากามะที่รุ่มร่าม แล้วตั้งท่าพร้อม “เออ!”
คาโอรุพุ่งเข้าจู่โจม
แต่
“โครม!/แอ่ก!!!”
เด็กหญิงกลับเบี่ยงตัวหลบเพื่อนตัวร้ายที่พุ่งมา ทำให้ เด็กชายหน้ากระแทกพื้นเต็มแรง
“เจ้าโง่!”
“แปะๆ เยี่ยมยอด น่ารักจริงๆ”โชตบมือชมเปาะ”หลอกให้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามา แล้วก็จัดการเบี่ยงหลบ ใช้แรงปะทะของอีกฝ่ายจัดการตัวเอง ฉลาดมาก”
คาคาชิเหงื่อตก ...ตอนเด็กทำไมปากร้าย ขนาดนี้ฟะ ยิ่งกว่าซาสึเกะอีก...
โชเอาไปหาเด็กหญิง ก่อนจะย่อเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกัน”หนูอยากเก่งมากกว่านี้มั้ย”
“อยากสิคะ”
โชลูบศีรษะเด็กน้อย“มาเรียนกับชั้นสิ ชั้นจะสอนวิชาทุกอย่างให้เธอเอง”
 คิซาชิเอ่ยห้ามลูกสาว“ไม่เอานะ ซากุระ”
เด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปกอดแขนบิดาพลางออดอ้อน“หนูอยากเก่งขึ้นค่ะ พ่อ หนูอยากเก่งแบบพ่อจ๋านะคะ นะ”
คิซาชิลูบหัวลูกสาวอย่างจนใจ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บตัว มือน้อยๆของลูกต้องเปื้อนเลือดเหมือนกับที่พ่อเคยทำนะ”
“แต่หนูอยากจะเก่งขึ้น อยากจะปกป้องพ่อจ๋าแม่จ๋านะ”
คนเป็นพ่อบอกเสียงอ่อน“พ่อไม่ได้อ่อนแออะไรนะลูก...”
ซากุระตัวน้อยเอาหน้าถูแขนพ่อ “ถ้าหนูไม่ไหว หนูจะเลิกนะ”
ผู้เป็นพ่อ ถอนใจ “ก็ได้ๆ”
คาคาชิมองไปที่คิซาชิ ที่ในตอนนี้ มองภาพในอดีตด้วยความเศร้า
สำหรับคิซาชิ ใจจริง เค้าไม่อยากให้ลูกสาวต้องเข้ามาสู่เส้นทางที่ต้องนองเลือด เหมือนอย่างตัวเค้าในอดีต อย่างการเป็นซามูไร ผิดกับการเป็นนินจาแพทย์ ที่มือไม่ต้องเปื้อนเลือด ไม่ต้องสังหารคน แต่เส้นทางนี้กลับได้ช่วยชีวิตคน
ภาพต่อมา คือภาพการฝึกซ้อมฟันดาบไม้ ของเด็กสี่คน ซึ่งก็คือซากุระ และ เพื่อนอีกสาม อย่างขยันขันแข็ง โดยมี โช เฝ้ามองอย่างภูมิใจ เค้าคิดไม่ผิด ที่เอาเด็กหญิงผมชมพู แสนฉลาดมาฝึกวิชา
แล้วต่อมา เป็นภาพที่โช ให้เด็กๆจับคู่ฝึก
เด็กแฝด ทั้งสองถูกจับคู่ให้ประลองดาบไม้กัน
คาโอรุ ใช้ดาบไม้เอาชนะเธอได้
ต่อมา เธอถูกจับมาประลองสู้ตัวต่อตัว กับคาโอรุ  ผลปรากฏว่า คาโอรุโดนล็อคแขนจนต้องขอยอมแพ้
ฝีมือของเด็กสาว นับว่าพัฒนามาก เพียงไม่กี่อึดใจ ซากุระ ก็สามารถล้มคาโอรุได้ จนซาสึเกะตะลึง ฝีมือของเด็กสาวนับว่าเก่งมาก หากเอาตัวเค้าในวัยเด็กมาสู้กันตัวต่อตัว  เค้าแพ้แน่ เพราะ ซากุระใช้ศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายยูโด แต่มันรุนแรงกว่า
ถึงฝีมือดาบอาจจะไม่เก่งเท่ากับญาติ แต่ฝีมือการต่อสู้ด้วยมือเปล่านั้น  เธอเหนือกว่า เธอเหนือกว่าเด็กชายสองคนและญาติของเธอ เสียด้วยซ้ำ
ภาพต่อมาก็แปรเปลี่ยน เป็นซากุระในวัยเก้าขวบใกล้สิบขวบ ตอนนี้เธอดูตัวสูงราวกับเด็กอายุสิบสอง อย่าบอกนะว่าเธออายุแค่นี้ตัวสูงแล้วหรือคงจะเป็นเพราะรองเท้าบู๊ทที่เสริมส้นของเจ้าหล่อนกันนะ แต่ร่างบอบบาง  ผมสีชมพูตัดสั้นละต้นคอ เธอสวมเครื่องแบบทหารสีกรมท่า เต็มยศ และสวมผ้าคลุมสีดำ ที่ยาวแค่ระดับไหล่ทับอีกทีดู  ทะมัดทะแมง ดูๆไปแล้วเธอเหมือนเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงซะอีก  ข้างเอวนั้นเหน็บดาบคาตานะสองเล่ม อีกข้างเหน็บแส้ สีหน้าดูนิ่งเฉย
“นี่...ทำไมไม่มีชุดสำหรับผู้หญิงให้หนูล่ะคะ ป๋ามิคาโดะหนูเป็นผู้หญิงนะ แถมชุดก็โคตรร้อนเลย”
ชายเจ้าของนามว่ามิคาโดะนั้น เป็นชายวัยกลางคน ท่าทางภูมิฐาน แต่งกายด้วยด้วยชุดฮากามะราคาแพง กำลังถือพัด เข้ามาตบบ่าเด็กสาวเบาๆ
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องอายน่า ป๋าเข้าใจนะว่าเป็นพวกปิก้าจู้ งอกช้า เดี๋ยวมันก็งอกน่า...แต่เอ็ง รีบๆสร้างผลงานเอาตำแหน่งดีๆแล้วให้พ่อแม่มาขอลูกสาวป๋าเร็วๆนะ ป๋าเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเอ็งนักหรอก ลูกสาวป๋ารักเอ็งมากนะ เบนิคุง”
เด็กหญิงโว้ย”ปั๊ดโถ่เว้ย! ก็บอกกี่รอบๆแล้วไม่ได้คิดอะไรกับลูกสาวป๋าน่ะ อีกอย่างหนูก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับลูกสาวป๋านะ อายุน้อยกว่าตั้งสี่ปีด้วย!!”
“ความรักไม่จำกัดอายุหรอกน่า อีกอย่างมิกิจังของป๋าก็น่ารักขนาดนั้น ไม่สนบ้างรึเบนิคุง”
ซาสึเกะสั่นระริก “มะ..หมายความว่ายังไงกัน หรือว่าซากุระเป็น...”
คิซาชิทำหน้าตาย”พอดี ลูกสาวชั้นในตอนนี้เด็กมันเนื้อห๊อมหอมมาก โดยเฉพาะกับเพศเดียวกันน่ะนะ โดยเฉพาะ มิกิ ลูกสาวของท่าน มิคาโดะ ขุนนางผู้บังคับบัญชาการ หน่วยองครักษ์  ทำไมน้า ตอนตูหนุ่มๆไม่เนื้อหอม สาวๆไม่ตอมแบบยัยหนูมัน อิจฉาว่ะ“
ทายาทตระกูลอุจิวะถอนใจอย่างโล่งอก ในขณะที่คนอื่นที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์มองชายหนุ่มอย่างจับผิด
ทั้งหมดเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อ
มิคาโดะหันไปหาเด็กหนุ่มสามคนในเครื่องแบบทหารสีกรมท่า ที่นั่งกอดเข่าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เด็กหัวชมพูเอ่ยขึ้นมาก่อน”รู้สึกเสียศักดิ์ศรี...”
เด็กหัวน้ำตาลผิวเข้มเอ่ยต่อ”เป็ง ปู้ชาย แต่หญิงไม่แล มันแย่อ่ะ...โดยเฉพาะ มิกิจัง...อึก”
เด็กหัวเงินเอ่ยตบท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า” ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็เบนิ เค้าเล่นไปปรากฏตัวแบบเท่ๆ เลยพิชิตใจมิกิจัง โดยไม่รู้ตัว ฮือ...ตูหล่อขนาดนี้ แต่ทำไมไม่มองตูบ้าง...”
เด็กสาวพ่นลมหายใจ “เพ้อให้พอนะ งานนี้เป็นงานภาคสนามครั้งแรก”
เด็กผมน้ำตาลลุกโวยใส่”ครั้งแรกบ้านเตี่ยสิ! พวกเราปฏิบัติงานหลายรอบแล้วนะ!”
“จับโจร หรือพวกจิปาถะ นั่นไม่นับโว้ย ไอ้บ้า!”เบนิตอกส้นกลางกบาลเด็กชายผมน้ำตาลทันที
“จ้ากกกกกกกกกกก!!!”
เด็กสาวเอ่ยเสียงเย็น”เครื่องแบบผู้ชายก็ดีนะ เตะสะดวกมาก”
เด็กหนุ่มเอามือกุมหัว”เจ็บนะโว้ย เบนิ ลื้อนี่มัน...”
ร่างเล็กกดเสียต่ำ จ้องอีกฝ่ายเขม็ง“ทำไม มีปัญหารึไง ริวโอ”
เด็กหนุ่มผิวเข้มสะดุ้ง”ไม่มีจ้ะ”
เด็กสาวหันไปหาผู้ใหญ่ที่กำลังเอาพัด พัดตนเองอยู่ “ป๋า ควรจะขึ้นเกี้ยวได้แล้วนะคะ”
“เออๆ คุ้มครองให้มันดีๆ นี่เป็นงานใหญ่งานแรกเชียวนะโว้ย”
เด็กๆทั้งสี่โวยพร้อมกัน”รู้แล้ว ขึ้นเกี้ยวไปซะ!!”
คนถูกโวยหุบพัดก่อนจะขึ้นเกี้ยวไปท่าทีซังกะตาย แต่ก็ไม่วายบ่น”จะไว้ใจพวกแกได้ไหมเนี่ย”
คาโอรุ เด็กชายผมชมพู ตาสีฟ้าสดใสตวาด”พูดมากน่าป๋า!”
เมื่อทุกอย่างพร้อม เกี้ยวก็ถูยกขึ้น โดยข้ารับใช้  คาโอรุ กับริวโอ คุ้มกันข้างหน้า เกี้ยว ข้างหลังเกี้ยว เป็นซากุระ กับเด็กหนุ่มผมสีเงิน ท่าทางสุภาพ
ซาสึกะอดไม่ได้ ที่จะชื่นชมซากุระในตอนนี้ ท่วงท่าการเดินช่างสง่างาม ราวกับภาพวาด ถือว่าเป็นอีกมุมหนึ่งของเธอเลยก็ว่าได้
ชายคนหนึ่งที่อายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่าในเครื่องแบบวิ่งมา เค้ายืนตรงเคารพต่อหน้า คาโอรุและริวโอ
ริวโอเอ่ยถาม”มีอะไรรึ”
“เส้นทาง ปลอดภัยครับ”
คาโอรุสั่งการ”ดี ...ไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป”
“ปัง!/คะ...อึก!”
ร่างของทหารนายนั้นล้มลง กลางอกโดนยิงจนทะลุ ริวโอผลักร่างนั้นให้หลบไป พร้อมๆกับดาบที่ถูกดึงออกจากฝัก
เช่นเดียวกับคาโอรุ เด็กหนุ่มหันไปถามเพื่อน”เบนิ เรม”
“เตรียมพร้อมครับ”
“รู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดแบบนี้”
ทั้งคู่ชักดาบออกมา พลางกวาดตามองโดยรอบ
จากนั้น กลุ่มคนถืออาวุธครบมือ ออกมาจากที่ซ่อน
“ผู้เป็นหัวหน้าสั่งการ”ฆ่ามันซะ”
‘ฉัวะ /ชิ้ง/อ๊าคคคค!’
เพียงไม่กี่อึดใจ หน่วยลอบสังหารก็หมดลมหายใจ เลือดที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณ
มิคาโดะ ออกมาจากเกี้ยว มองร่างอันไร้ชีวิตที่นอนเกลื่อนกลาด ข้างๆคือผู้คุ้มกันทั้งสี่ ที่มีสีหน้าเย็นชา และทหารอีกสิบนาย เบื้องหน้าคือชายที่เป็นคนสั่งการ ในตอนนี้ อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
ซาสึเกะจำได้ทันที คนๆนี้คือชายชราชาวเอโดะที่เค้าเจอในร้านเหล้านี่เอง
มิคาโดะออกปากชม”เก่งจริงๆเลยนะพวกเอ็ง ว่าแต่ เหลือเจ้านี่เอาไว้ทำไม”
ซากุระในตอนนี้ กำลังทำหน้าเฉยชา ในมือถือดาบที่เปื้อนเลือดเอ่ยตอบ”หาต้นตอน่ะ อาวุธที่พวกมันใช้เป็นอาวุธอย่างดีจากคลังแสง ดูตราที่ปืนนี่สิ”เด็กสาวหยิบปืนจากศพให้ คนถือพัดดู
“จริงด้วยแต่ช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับคลังแสงเลยนะ”
“แสดงว่า พวกมันมีคนหนุนหลัง จริงมั้ย?พี่ชาย”
เด็กสาวยื่นหน้าไปหา เชลยที่จับได้ ก่อนจะขู่ด้วยเสียงหวาน”ถ้าไม่สารภาพล่ะก็ หัวหลุดแน่ ชั้นจะตัดเองรับรอง เจ็บถึงใจ”
ทำเอาเชลยหน้าซีด
หนุ่มหัวชมพูเอ่ยถาม”เบนิ เจ้าพวกนี้อาจจะซื้ออาวุธจากคลังแสงก็ได้นี่”
เรม เด็กหนุ่มหัวเงินจึงทำหน้าที่อธิบาย”บันไซคุง อาวุธจากคลังแสงจะซื้อขายกันแบบของสดในตลาดไม่ได้นะครับ มันจำเป็นต้องทำการยื่นคำขอ ตรวจสอบและจดบันทึกรายละเอียดนะ อีกอย่างคนพวกนี้ท่าทางจะไม่ค่อยมีเงิน จะเอาเงินที่ไหนไปซื้ออาวุธ อย่างดีเป็นจำนวนมากจากคลังแสงได้ยังไงนอกจากปล้นแต่นี่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับคลังแสง มีอย่างเดียวคือ มีใครอยู่เบื้องหลังน่ะครับ”
เด็กสาวยิ้ม“ดีจังที่มีคนเข้าใจ”
มิคาโดะเอ่ยถามอย่างลองภูมิ”แล้ว ใครอยู่เครือข่ายผู้ต้องสงสัยบ้างล่ะ เบนิคุง”
“พวกขุนนางค่ะ  โดยเฉพาะขุนนางที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง พวกนี้สามารถซื้ออาวุธให้กองกำลังทหารเป็นจำนวนมากได้อย่างไร้ข้อสงสัย  โดยเฉพาะพวกขุนนางใหญ่ เท่าที่ดู อาวุธพวกนี้ น่าจะสร้างที่คลังแสงที่อยู่ทางใต้ แถมยังเป็นรูปแบบที่เพิ่งทำมาได้ไม่นานซะด้วย”
คาโอรุถามต่อ”คลังแสงเอโดะมีตั้ง สี่แห่ง รู้ได้ไงว่า อยู่ทางใต้”
“ก็ ตรามันบอกอยู่นี่นา ตราอาวุธของคลังแสงแต่ละที่มันไม่เหมือนกันนะ หัดสังเกตบ้างสิ บันไซ”
หนุ่มผิวเข้ม ผมสีน้ำตาลหยักศก เท้าสะเอว “อาเบนิ ลื้อรู้ละเอียดลีแบบนี้ ไม่ต้องถามไอ้เชลยคนนี้หรอก เชือดมันทิ้งไปเลยน่าจะดีกว่าน่อ คงอะไร รู้ลีอย่างกะผี”
มิคาโดะหุบพัด”เป็นความคิดที่ดีนะ ริวโอ สมเป็นเบนิ ฉลาดราวกับเทวดาและก็ผีในตัวกัน”
คนถูกชมบ่น”สรุปชั้นเป็นอะไรกันแน่”
เมื่อรู้ว่าจะโดนเชือด เชลยคนนั้นสะดุ้งโหยง ก่อนจะถลาเข้ามาจับขาของเด็กสาว แต่เจ้าหล่อนสะบัดขาหนี โดยทหารนายอื่น เตรียมชักดาบ แต่เธอห้ามไว้
 “ยะ...อย่าฆ่าผมเลยครับ ไว้ชีวิตผมด้วย ผมจะบอกทุกอย่าง ทุกอย่างเลย”
เด็กสาวยิ้มหวานหยดชวนขนลุก”บอกมาสิ ว่าแกคือใคร มาจากไหน แล้วใครเป็นสั่งพวกแก”
“ผมชื่อ ราโชอิ รันโอ เป็นซามูไรไร้สังกัดจากหมู่บ้าน ชิริน ที่อยู่ทางใต้ของเอโดะ เมื่อสามวันก่อน มีคนมานำเงินก้อนโตมาเสนอ พร้อมกับอาวุธ จ้างให้พวกเรามาฆ่าท่านมิคาโดะ ถ้าทำสำเร็จ จะตอบแทนเป็นเงินเท่าตัว ขอรับ”
เด็กสาวยังคงถามด้วยรอยยิ้มหวานประดับบนหน้า“ใคร ใครคือที่นำอาวุธและเงินให้กับพวกแก”
“ไม่รู้ขอรับ”
เด็กหนุ่มผมเงิน ชักดาบออกมายิ้มละไม”นี่ คุณลุง ถ้าให้การไม่เป็นประโยชน์แบบนี้ หัวจะหลุดเอานะครับ”
คาโอรุถามขณะเอาดาบจ่อคอ “พอจะจำลักษณะพิเศษ ของพวกนั้นบ้างได้ไหม  ถ้าไม่ หัวหลุดนะครับลุง”
เด็กสาวยิ้มหวาน ตายี “นึกให้ดีๆและก็ไวๆด้วย ก่อนที่ชั้นจะหมดความอดทน”
 “เอ่อ...คือ...” คนถูถามเหงื่อตก ไม่กล้ากลืนน้ำลายด้วยกลัวว่า ดาบในมือของเด็กหนุ่มผมชมพู จะแทงคอ
ริวโอตะคอก”ตอบเร็วสิวะ!! ไอ้บ้าเอ้ย!!”
คนถูกตะคอกสะดุ้งโหยง “พะ...พะๆพวกนั้น คนหนึ่ง อายุมากกว่าผมสามสี่ปี สวมชุดฮากามะสีดำแดง ลายกลีบดอกไม้ ผมดำยาวปะบ่า ลูกน้องสองคน คนหนึ่งถือง้าว อีกคนเหน็บดาบคาตานะยาวขอรับ”
มิคาโดะหันมาเถาม”พอจะนึกออกไหมเบนิคุง...”
“อืม...”เด็กสาวทำท่านึกก่อนจะตรงเข้าไปหาเชลย เด็กหนุ่มผมชมพูยอมถอยแต่โดยดี
ปึก!
ร่างใหญ่ของรันโอสลบลง เพราะเด็กสาวใช้สันดาบกระแทกหลังคออีกฝ่ายเต็มแรง แล้วสั่งลูกน้อง
เสียงเย็น“จับมันเข้าคุก ริบอาวุธมันให้หมด ถ้ามันชิงฆ่าตัวตาย ชั้นฆ่าพวกแกแน่!”
เหล่าลูกน้องสะดุ้งโหยง และรีบกุลจีกุลจอจัดการตามที่ผู้เป็นนายสั่ง
“เก็บมันไว้ทำไม อาเบนิ รกโลกเปล่าๆ”
“โง่รึเปล่า ริวโอ เก็บมันไว้เป็นพยานเอาผิดน่าจะดีกว่า พวกขุนนางน่ะ แทบทุกคนจะปลิ้นปล้อน ถ้าไม่มีมีหลักฐานและพยานชัดๆล่ะก็ มันก็จะแถไปเรื่อย”
มิคาโดะเอ่ยถาม”แล้วถ้ามันไม่ใช่ขุนนางล่ะ”
“มีกรณีเดียวแหละค่ะ ป๋า คือคนที่ป๋าไปแอบสวมเขา โดยการแอบไปกุ๊กกิ๊กอีหนูเค้าน่ะสิ”สีหน้าของเด็กสาวฉายความขบขันเต็มที
หนุ่มผมชมพูยิ้มรับพลางสนับสนุน”เห็นด้วยเลย!ก็ป๋าน่ะ ชอบกิ๊กกะเค้าไปทั่ว เลยนี่นา”
ริวโอ“น่าจะเป็นไปล่าย น่อ เบนิ”
เรม”ผมเห็นด้วย”
“นี่เห็นชั้นเป็นคนยังไง ป๋าไม่ชอบล้างชามใครนะเว้ย!”
เด็กๆทั้งสี่หรี่ตามอง แต่สีหน้านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะลั่นกันอย่างสนุกสนาน สีหน้าของซากุระในยามนี้ ดูสดใสและเป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ทำเอาใจของซาสึเกะหวั่นไหว
...ภาพเหตุการณ์ก็แปรเปลี่ยน ภาพนั้นเป็นป่า แต่กำลังเกิดสงครามขนาดย่อม ขบวนเกี้ยวที่มีข้ารับใช้หามนั้น เร่งฝีเท้าอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีเด็กผมชมพูสองคนถือดาบ นำหน้าขบวน ข้างหลังคือ เด็กผมสีน้ำตาลและสีเงินถือดาบตามหลังเกี้ยว
ในตอนนี้ กำลังถือดาบจัดการผู้ที่เข้ามารุมทำร้าย เด็กทั้งสองก็จัดการฟันให้ตายภายในดาบเดียว ทั้งหมดมีสภาพที่มอมแมม ตามตัวเปื้อนเลือดและฝุ่น  ทั้งหมดที่สภาพอ่อนล้า วิ่งกันมาไกลพอสมควร
เด็กสาวก็ชูมือขวาขึ้น”หยุด พักยี่สิบนาที”
ทั้งหมดนั่งพักเอาแรงอย่าง
ริวโอร้องถาม”อีกไกลไหม ที่จะถึงเขตฮาราโตะ เบนิ พวกลูกน้องเราคงจะต้านไว้ได้ไม่นานแน่”
คนถูกถามตอบปนหอบ“อีกสามสิบกิโล ตอนนี้ชั้นส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไว้แล้ว เดาว่าอีกไม่นาน ทางนั้นจะส่งคนมาช่วย”
“บ้าเอ๊ย! ต้องมีคนเป็นไส้ศึกบอกเส้นทางแน่! พวกศัตรูถึงดักทางได้แบบนี้”
เรมรีบปลอบเพื่อนที่กำลังหงุดหงิด“ใจเย็นๆนะครับ บันไซคุง ตอนนี้ต้องรีบพาท่านหญิงไปยังที่ปลอดภัยก่อนนะ”
เด็กสาวบ่น”คงจะยาก ที่นี่เป็นที่โล่ง ถึงจะเป็นป่าไผ่ อีกอย่าง เกี้ยวก็สะดุดตาเกินไป”
ริวโอร้องถาม”แล้วถ้า สละเกี้ยว พาหนีล่ะ”
ทั้งสามหน้ามุ่ย เช่นเดียวกับคนห่ามเกี้ยวที่นั่งพักอย่างอ่อนล้า
“ไม่ได้ เราไม่ยอม! เรากำลังจะไปเป็นเจ้าสาวนะ”
เด็กสาวหน้าสวยสะคราญโผล่หน้าออกมาจากเกี้ยว
เด็กสาวผมชมพูตาสีเขียวมองตาขวาง”เงียบซะ อยากตายก่อนจะไปเป็นเจ้าสาว ก็แหกปากตะโกนต่อไปซะ ถ้าไม่อยากตายก็หลบเข้าไปในเกี้ยวแล้วหุบปากซะ ท่านหญิงอิเอบุชิ”
เด็กสาวยอมแต่โดยแต่ก็ไม่วายกระฟัดกระเฟียดในเกี้ยว
เด็กสาวส่ายหน้า”ไม่ดีหรอก ชุดท่านหญิงสะดุดตาเกินไป อีกอย่าง ถ้าคนถือเกี้ยวเร็ววิ่งเร็วกว่าปกติ พวกนั้นอาจจับได้ว่าท่านหญิงไม่ได้อยู่บนเกี้ยว แล้วหันมาตามพวกเราล่ะก็ ท่านหญิงเดี้ยงแน่ แล้วพวกเราและครอบครัวจะซวย คุ้มกันแบบนี้ ไปตามเส้นทางหลักจนกว่าทางนั้นจะส่งคนมาช่วย”
คาโอรุบ่น”จะมาช่วยรึเปล่าเหอะ อย่าหวังเลยเพื่อน”
เด็กสาวยิ้พลางตบบ่าเพื่อน“บันไซ อย่าคิดมากน่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ถ้าเสร็จงานนี้ พวกเราไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกันนะ”
เด็กหนุ่มผมชมพูยิ้ม “สัญญานะเพื่อน”
ทั้งสี่เอากำปั้นชนกัน แทนคำสัญญา
“สัญญา”
“สัญญาครับ”
“สัญญาเลยน่อ!”
ภาพต่อมา คือ ทั้งสี่ต้องพาท่านหญิงหนี โดยที่ริวโอเป็นคนแบกใส่หลัง และเด็กแฝดผมชมพู อยู่แนวหน้าจัดการศัตรูด้วยดาบในมือ  ส่วนเรม ระวังท้าย ท่ามกลางระเบิดที่ดัง และเสียงโหยหวนของเหล่าคนที่ต้องเอาชีวิตสังเวยคมดาบของเด็กหัวชมพูทั้งสอง  ในตอนนี้ทั้งหมดตกอยู่ในกำแพงหินที่มีศัตรูล้อมไว้ ยี่สิบกว่าคน ริวโอที่พาท่านหญิงขี่หลังร้องถาม”เอาไงดี โดนล้อมแล้ว!”
เรมที่คอยระวังท้าย หอบหายใจอย่างอ่อนล้า มือที่ถือดาบสั่นสะท้าน แรงที่มีกำลังจะหมด เค้าจำต้องฉีกแขนเสื้อออกมาแล้วนำผ้านั้นมาพันมือข้างที่กุมดาบให้แน่น
หนุ่มหัวชมพูเองในนี้เองก็มีสภาพไม่ต่างกัน อ่อนล้าทั้งกายและใจ เค้าหันไปหาเพื่อนที่เป็นเสมือนฝาแฝด ที่สองมือ ถือดาบคาตานะยาว และสั้น เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นและคราบเลือด ในหัวคงกำลังคิดหาทางรอดเป็นแน่
เธอเอ่ยปนหอบ“มีทางเดียวคือผ่าไป ริวโอ ชั้นกับบันไซจะ เปิดทางให้ นายกับเรมรีบพาท่านหญิงล่วงหน้าไปก่อน”
ริวโอตวาด “ไม่น่อ จะรอดก็ต้องรอดล้วยกังน่อ อั๊วไม่ทิ้งลื้อไปหรอก ทางที่ดีอั๊วกับเรมจะเปิดทางให้เองน่อ !”
บันไซตวาด”จะบ้าเหรอ ริวโอ เดี๋ยวพวกนายสองคนก็เดี้ยงหรอก! เรมเองก็จะไม่ไหวแล้วนะ”
“ผมยังไหวครับ ทั้งสองคนพาท่านหญิงหนีไปเถอะ หากการแต่งงานล่มลง สงครามต้องเกิดแน่ พวกผมตายไม่เป็นเป็นไรหรอก แต่ถ้าเกิดสงครามล่ะก็ คนอีกมากต้องตายนะ!”
สองแฝดมองหน้ากัน เด็กสาวเอาดาบปักพื้น รับร่างของท่านหญิงที่ในตอนนี้เกิดอาการใบ้กิน อุ้มไว้ในอ้อมแขน
“ฝากด้วยนะ ทั้งสองคน”
“พวกลื้อเองก็ระวังด้วยน่อ เบนิ บันไซ”
“เช่นกัน”บันไซในตอนได้ฉีกแขนเสื้อ มาพันมือข้างที่กุมดาบเอาไว้ กันดาบหลุด
“ไปกันเถอะ เบนิ”เด็กหนุ่มหันไปบอกกับแฝดหญิงที่อุ้ม ท่านหญิงไว้ในอ้อนแขนพร้อมแล้ว” ทุกคน ต้องมีชีวิตรอดนะเว้ย!”
“อยู่แล้ว พวกอั๊วจะเปิดทางเอง”
ริวโอและเรม กระชับในมือให้มั่น ก่อนจะออกไปประจันหน้า กับกลุ่มคนร้ายที่ล้อมไว้ โดยสองแฝดพร้อมท่านหญิงตามหลังไป
ทั้งสี่ตะโกนลั่น”อย่าขวางทางนะโว้ย!!!!!!!!!!!!!”
ซึ่งจะเสียเปรียบเรื่องจำนวน  แต่ด้วยฝีมืออันเหนือชั้น ทำให้พวกเค้าสามารถฝ่ากลุ่มคนร้ายไปได้ พื้นที่นั้นเต็มไปด้วยซากศพกราดเกลื่อน เลือดนองพื้น
ถึงจะผ่าวงล้อมออกมาได้ แต่ก็ยังโดนไล่ตาม ริวโอและเรมตัดสินใจหยุดวิ่ง
เด็กสาวร้องถาม”ทำอะไรน่ะ”
“หนีไปซะ พวกอั๊วจะถ่วงเวลาให้ บันไซพาเบนิกับท่านหญิงไปเร็ว!”
เด็กหนุ่มลุนหลังแฝดสาวให้เดินหน้า เด็กสาวตะโกนออกมา”ห้ามตายนะ พวกนาย”
“อยู่แล้ว พวกอั๊วไม่อยากให้พวกลื้อได้หน้าไปคงเลียวหรอก”
“แน่นอนครับ บันไซคุง ปกป้องให้ได้นะ”
“วางใจได้เลย”
สองแฝดวิ่งนำไปโดยไม่หันมามอง แต่สีหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดยิ่ง ในขณะที่เพื่อนทั้งสองกลับยิ้ม พลางกระชับในมือแล้วเข้าไปจัดการกับศัตรูที่ไล่ตามมา
ทั้งสองวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพักพอวิ่งมาจนถึงที่โล่ง คนที่ดักหน้าพวกเค้าคือ กลุ่มคนสวมชุดรัดกุมสีดำ ถือคฑาแบบนักบวช พุ่งเข้ามา พลางชักดาบที่ซ่อนออกมาฟาดฟัน ทำเอาเด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่คุ้มกันตั้งดาบรับแทบไม่ทัน ส่วนคนต้องอุ้มนายนั้น ก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ ต้องพาหลบอย่างทุลักทุเล
 สองมือต้องอุ้มท่านหญิงผู้เป็นนาย หลบวิถีดาบที่ฟาดฟันมา หมายจะปลิดชีวิตคนทั้งคู่ เด็กสาวจำต้องกระโดดถอยออกมา ชายชุดดำคนหนึ่ง เขวี้ยงระเบิดมือใส่ ตรงเด็กสาว
ตูม!!!
พื้นที่ตรงนั้นถล่ม ร่างของทั้งคู่กระเด็นไปตามแรงระเบิด
เด็กหนุ่มหันมาร้องตะโกนสุดเสียง “เบนิ!!!!!!”
ชายหนึ่งใช้ดาบแทงทะลุไหล่ขวา
ในตอนนั้นเอง บันไซสติขาดผึ่ง ถีบคนที่แทงไหล่เต็มแรง ก่อนจะดึงดาบที่ปักบนไหล่ โลหิตได้ซึมออกมาแต่เค้าไม่ได้สนใจบาดแผล กลับเข้าจัดการสังหารกลุ่มชายชุดดำทันที
คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะคิซาชิ ที่รู้สึกว่า เค้าเห็นตัวเองในวัยเยาว์สะท้อนอยู่ในตัวหลานชาย
เพียงไม่กี่อึดใจ กลุ่มชายชุดดำก็กลายเป็นซากศพ เลือดนองพื้น
เด็กหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ในสภาพสะบัดสะบอม สองมือเต็มไปด้วยเลือดของตนเองและศัตรู รีบวิ่งไปที่จุดระเบิดเพลิง ก็พบว่า ตรงจุดนั้นคือหน้าผา โชคดีที่ไม่สูงมากนัก
“เบนิ อยู่รึเปล่า!”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ เด็กหนุ่มตัดสินใจกระโดดลงผาไปดู โดยใช้ดาบในมือ แทงเข้าไปที่ริมผา เพื่อชะลอความเร็ว
พอลงมา ก็พบร่างของคนที่ตามหาอยู่ไม่ไกล สภาพที่เค้าเห็น คือเด็กสาวที่นอนหงาย และยังคงกอดท่านหญิง ไว้ในอ้อนแขนเพื่อไม่ให้ได้รับอันตราย คาโอรุ เอามือจ่อที่จมูกของท่านหญิงก็รู้ว่ายังหายใจ เค้าจึงอุ้มร่างของท่านหญิงออกมจากอ้อมแขนเพื่อน ที่นอนแน่นิ่ง มาวางไว้ข้างๆ
“เบนิ เป็นยังไงบ้าง ฟื้นสิ”เค้าพยายามเขย่าตัวของเพื่อนรัก พลางตบแก้มที่เปื้อนฝุ่นและคราบเลือดเบาๆ
ร่างนั้นยังนิ่งไม่ไหวติง สภาพที่เรียกว่า ตาย ใบหน้างามเปื้อนเลือดและฝุ่น เด็กหนุ่มช็อคมือทั้งสองสั่นเทา
“บันไซ อยู่ไหนกำลังเสริมมาช่วยพวกเราแล้ว”เสียงของริวโอดังขึ้น
“ช่วยด้วย เบนิบาดเจ็บ!” เด็กหนุ่มพยายามเขย่าตัว และกุมเพื่อนรักทั้งน้ำตา “รอดแล้วนะเพื่อน รอดละ...”เด็กหนุ่มชะงัก
ริวโอ กับเรม ที่ตอนนี้ มีคนช่วยพยุงวิ่งมา สภาพของทั้งคู่เรียกได้ว่า อ่วมอรทัย ข้างหลังมีกำลังเสริมและหน่วยพยาบาลเกือบยี่สิบคนตามมา
เรมเอ่ยถาม”เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่หายใจ...”
“ลื้อว่าอะไรนะ!”
“เบนิไม่หายใจ”เด็กหนุ่มหันมาตอบเพื่อน ทั้งน้ำตา สองหนุ่มสะบัดตัวคนที่ช่วยพยุง วิ่งมาหาเพื่อนอย่างทุลักทุเล
“ไม่จริง!!!”ริวโอตะโกน
เรมต้องรีบห้าม เค้าวัดชีพจรที่คอ”ใจเย็นๆก่อนครับ พวกหน่วยพยาบาลรีบพาเบนิไปโรงพยาบาลเร็ว!! ตอนนี้ยังทัน ชีพจรยังเต้นอยู่ และมาตรวจท่านหญิงด้วย”
“ครับ!/ค่า!”
หน่วยพยาบาลชุดขาวรีบวิ่งมา
หนึ่งในตะโกน “ท่านหญิงปลอดภัยเจ้าค่ะ แค่หมดสติไป”
ภาพต่อมาคือโรงพยาบาล ร่างของซากุระ ที่มีเครื่องช่วยหายใจครอบปากและมีสายระโยงรยางค์เต็มไปหมด
นอกห้องคือ เด็กหนุ่มทั้งสาม สองสามีภรรยาฮารุโนะ  โช และมิคาโดะ กำลังยืนฟังหมอ
“หมอ คิดว่า เปอร์เซ็นต์รอดก็พอมี ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ นะครับ อาการคนไข้ก็หนักหนาเอาการ ซากุระกระดูกสันหลังหัก แขนสองข้างและขาซ้าย หัก ขาขวาเดาะ มันทำให้หัวใจหยุดเต้น แต่ยังดีที่สมองยังทำงาน ต้องให้ร่างกายพักฟื้น โอกาสรอดก็จะเพิ่มเป็นหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายนั้นก็...อ้อ  ส่วนกลุ่มทหารที่บาดเจ็บเอง มีสาหัสประมาณยี่สิบคน ที่เหลือให้พักซักเดือนสองเดือนก็กลับมาทำงานได้ตามเดิมครับ ค่าใช้จ่ายมันก็มากโขอยู่”
มิคาโดะเอ่ยขึ้น”รักษาให้เต็มที่ ค่าใช้จ่ายหลวงจะออกให้หมด รักษาทหารทุกคนซะ ถ้าพวกเค้าเป็นอะไรไป พวกแกได้คว้านท้องแน่!”
“ครับ!”คนเป็นหมอละออกไป
โชมองลูกศิษย์สาวที่นอนบนเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พวกเธอทำดีที่สุดแล้ว พวกเธอสามคนไปพักเถอะ”
ริวโอและเรม เดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
เหลือแต่บันไซ ซาสึเกะเห็นว่าสีหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสามคนนั้น ดูเศร้าหมอง รอบดวงตาช้ำราวกับว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
โชหันไปเตือนลูกศิษย์”บันไซ ไปพักเถอะ”
“ขอโทษครับ...”
ผู้ใหญ่ทั้งหมดหันมามอง
“ถ้าผมปกป้องเบนิได้ ยัยนั่นก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าผม..อึก”
เมบุกิเข้ามากอดหลานชาย พลางปลอบโยน น้ำเสียงนั้นปนสะอื้นไห้“หลานทำดีที่สุดแล้ว ไปพักเถอะ อย่าโทษตัวเองเลยนะ ลูกนะ”
เมบุกิคลายอ้อมกอด แล้วลูบหัวหลานชายแล้วพาไปพักที่ห้องพัก
และภาพทุกอย่างก็หายไปกลับสู่สภาพบ้านฮารุโนะ ซาสึเกะหันไปดูเวลา ก็พบว่ามันผ่านไปแค่ห้านาทีเท่านั้น
คิซาชิเล่าต่อ ด้วยน้ำเสียงอันเศร้า”หลังจากที่ซากุระ นอนพักรักษาตัวสามเดือนเศษ หัวใจก็กลับเต้นอีกครั้ง และฟื้นขึ้นมา ต่อจากนั้นก็พักฟื้นอีกเดือน ร่างกายก็กลับมาเป็นเกือบปกติ นายเหนือหัวก็สั่งให้ลางานกลับมาจนกว่าร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ จนเกิดข่าวลือว่า เบนิ เสียชีวิตในหน้าที่ จากนั้นมา ลูกสาวชั้นก็ทำหน้าที่เป็นเสนาธิการแคว้นเอโดะ คอยให้คำปรึกษาและวางแผนเรื่องการปกครองแคว้นอยู่เบื้องหลัง ถามว่าทำไมได้ตำแหน่งสูง เพราะว่า การที่พวกเค้าคุ้มครองท่านหญิงอิเอบุชิ ไปเข้าพิธีวิวาห์ได้ เบื้องบนเลยอวยยศให้ ”
คาคาชิต้องเอ่ยถาม”ทำไมอวยยศให้สูงล่ะครับ การแต่งงานของท่านหญิงคนนั้นสำคัญมากเลยรึครับ”
คิซาชิพยักหน้า“เพราะ การปกครองของเอโดะ เป็นระบบเลือกตั้ง ทุกสิบปี โดยจะเลือกผู้นำจากคนสองตระกูล โดยเหล่าขุนนาง คือ หนึ่งตระกูลคิเอบุ และตระกูลยาไมริ สองตระกูลนี้ถือเป็นตระกูลที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง เมื่อใกล้ช่วงเลือกผู้นำ จะเกิดสงครามแย่งชิงอำนาจภายในแคว้น ชิงดีชิงเด่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่เปิดเผยก็ตาม  ผมกับซากุระเองก็รับใช้ตระกูลคิเอบุ และท่านชาย คิเอบุ ซาบุโร่ ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำ ด้วยเสียงข้างมาก ท่านน่ะอยากจะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับตระกูล ยาไมริ ด้วยการแต่งงาน ท่านจึงมอบหมายหน้าที่คุ้มครองน้องสาวคนเดียวให้กับท่านมิคาโดะ โดยท่านมิคาโดะก็มอบหมายให้ พวกเค้าแหละ  ก่อนหน้าที่จะรับภารกิจเป็นองครักษ์ คุ้มกันท่านหญิง ลูกสาวชั้นก็สอบเลื่อนยศก่อนน่ะ หลังจากนั้น ท่านซาบุโร่ ก็คิดพิจารณาแล้วว่า เบนิ เหมาะที่จะเป็นเสนาธิการ ช่วยให้คำปรึกษาด้านการปกครอง นั่นล่ะคือเหตุที่ เค้ามียศสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ”คนเป็นพ่อกุมขมับ
ทาเคโนะมารุต้องปราม”ใจเย็นน่า เด็กนั่นไม่ได้โง่ แต่เด็กคนนั้นคงจะเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้วแหละ”
คนเป็นพ่อกุมขมับอย่างปวดหัว“สงสัย ต้องมีใครเอาเรื่องของเค้าไปเผยต่อศัตรูแน่เลย ที่ผ่านมามันก็ไม่เผยพิรุธว่า เป็นซามูไรนิ”
“ช่างเถอะน่า จะเป็นใครก็ช่าง ชั้นรู้ว่ามันตายไปแล้ว”
คาคาชินึกสงสัย”ทำไม เค้าไม่ใช้ชื่อจริงล่ะครับ”
ทาเคโนะมารุจึงเฉลย “ความเชื่อของแคว้นเอโดะ ที่ทหารห้ามเผยชื่อจริง เพราะถ้าศัตรูล่วงรู้ ก็จะต้องตาย “
โฮคาเงะยังคงงุนงง
คิซาชิจึงอธิบายเพิ่ม”แคว้นเอโดะ มีความเชื่อว่า ชื่อจริงมีพลังสามารถควบคุมเจ้าของนามได้ หากศัตรูรู้เข้า ก็สามารถสั่งได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง ให้ไปตาย ถ้าคนสั่งเป็นคนที่มีพลังจิตสูง พวกทหารก็เลยตั้งกฏคนที่จะมารับราชการทหาร ห้ามเผยชื่อจริงในหน้าที่น่ะนะ เค้าให้ใช้สมญานามแทน ผมว่า พวกคุณไม่ต้องไปยุ่งเรื่องนี้หรอก ให้ซากุระ ไม่สิ ให้เบนิจัดการสะสางเองเถอะ ”
ซาสึเกะต้องร้องถาม “คุณไม่ห่วงเค้าบ้างเหรอ นั่นลูกสาวคุณนะ”
“ ไอ้ห่วงน่ะ ชั้นก็ห่วง แต่ชั้นความเชื่อใจต่างหาก การเชื่อใจที่ไร้ขีดจำกัดของพ่อแม่ที่มีต่อลูกน่ะ คือความรักของพ่อแม่ยังไงล่ะ ถ้าหมดข้อสงสัยแล้ว ก็เชิญนะครับ ผมเชื่อว่า ถ้าเมียตื่น เธอโวยแน่”ว่าจบก็หันไปหาวิญญาณบรรพบุรุษที่นั่งทำหน้าแป้นแล้น ไม่รู้สึกรู้สา “และท่านช่วยหายไปด้วย เดี๋ยวเมียผมเห็นแล้วหัวใจวายตาย ผมกลายเป็นพ่อหม้าย ล่ะยุ่งเลย แค่นี้ ยัยหนูมันก็จะกลายเป็นผู้ชายอยู่แล้ว ถึงอยู่ที่นี่เป็นผู้หญิง จนแนบเนียน แต่สันดานเดิมจะหลุดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  หลุดที จะไม่อยากจะนึกเล๊ย...”
ทาเคโนะมารุส่ายหน้า “บ่นยืดยาวจริง เอาน่า น่ารักขนาดนั้น คงอยู่บนคานไม่นานหรอก เชื่อเถอะ”
คิซาชิบ่นอย่างปลงๆ“เนี่ย ลูกผมมันโหดอำมหิตขนาดนี้ ใครจะเอา ใช้จูจุสึ(ศิลปะการป้องกันตัวของญี่ปุ่น ที่คล้ายยูโดแต่โหดกว่า) ล้มชาวบ้านมาก็เยอะนะ  ไปก่อนเถอะครับ”
“โหดเหมือนพ่อมันแหละ พ่อที่ไหนสอนจูจุสึแบบดั่งเดิมให้ลูกตัวเองฟะ”ร่างของบรรพบุรุษ ก็หายไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา