Fic naruto ภาค พายุโลหิต
10.0
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.
33 ตอน
12 วิจารณ์
54.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
18) บทที่ 18 ความรักทำให้คนใจกล้ายิ่งขึ้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งเล่นที่ศาลานอกงาน อิโนะกับซาอิก็ตรงมาหา
อิโนะ“อยู่นี่เอง ซากุระ”
ซาอิ“ถนัดผูกแต่ไม่ถนัดแก้สินะ”
ซาสึเกะหน้าซีด”อย่าบอกนะว่า...สองคนนั้น...”
คู่รักทั้งสองพยักหน้า อิโนะสรุป”ตบกันกระจายกว่าจะแยกเล่นเอาแรงหมด แถมสองคนนั้นก็กำลังตามหาเธออยู่”
งานนี้ทำเอาคนท่ำกำลังกินอมยิ้มที่เหลือชะงักเลย
“น่าเบื่อ ชั้นโดนป๋าตบกบาลแยกแน่...”
ซาอิมองคนที่ทำหน้าเซ็ง “แล้วนี่คุณไปเป่ามนต์มหาระรวยอะไรใส่ล่ะครับ”
“จะไปรู้เราะ เที่ยวพอรึยังล่ะ เดี๋ยวจะพาไปส่งที่เรือนรับรอง”
“อ้าว แล้วเธอล่ะ”
หญิงสาวนำสมารท์โฟนรุ่นให่ออกมาดู “ไปเอาของน่ะ ส่วนเสื้อผ้าพวกนายที่อยู่บ้านชั้น เดี๋ยวให้คุณพ่อบ้านไปส่งให้”
“ก็ได้จ้ะ”
ซาสึเกะตั้งท่า”ชั้นก็จะ...”
“นายกลับไปเรือนรับรองเถอะ นายควรจะพักผ่อนนะ”
อุจิวะหนุ่มยอมเพราะดูเหมือนว่าเธอต้องไปทำงาน“ก็ได้”
ทั้งหมดพากันไปที่รถม้า ส่วนซากุระได้แยกออกไปก่อนแล้ว...
...
ร้านเสื้อผ้า คามิดะ เป็นร้านผ้าที่รับตัดเครื่องแบบตำรวจทหารเอโดะโดยเฉพาะ
อาซาฮินะ สาวน้อยวัยสิบหก ช่างตัดชุดรุ่นที่สี่ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงบ้างคะ ท่านเบนิ พอดีตัวไหม พอดีชั้นถือวิสาสะออกแบบให้ใหม่เลยนะคะ”
ซากุระมองดูตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ตอนนี้เธอสวมเครื่องแบบใหม่ที่เมื่อเช้ามาสั่งตัด แต่ดูเหมอนว่าช่างตัดชุดคนเก่งได้จัดการออกแบบกะไซส์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ชุดในตอนนี้ เสื้อตัวในแขนกุดคอตั้ง และสวมทับด้วยเสื้อโค้ดทหารชายยาว เนื้อผ้าเป็นหนังแขนยาว ชายเสื้อสั้น กางเกงขาสั้น สวมถุงเท้ายาวเลยเข่า และรองเท้าบู๊ท ทุกอย่างล้วนเป็นสีดำ
“แปลกดีนะคงเพราะไม่มีผ้าคลุม”
“ตอนนี้ท่านดูดีมากเลยค่ะ อีกอย่างผ้าคลุมก็ดูเชยแถมดูเกะกะนะ แหม ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน ไม่นึกว่าจะสวยแบบนี้นะ”ร่างบอบบางเข้าโอบกอดจากด้านหลัง
“หน้าตาชั้นมันก็ธรรมดานะ ไม่ได้สวยอะไร”
“ใครว่าล่ะคะ ท่านเบนิออกจะน่ารักนะคะ อีกไม่กี่เดือนน่าจะมีงานประลองฝีมือด้วยสินะ ท่านเบนิจะเข้าร่วมใช่ไหมคะ”
“แน่นอน เรื่องนี้ชั้นไม่พลาดหรอก ระหว่างนั้นชั้นก็จะฝึกฝนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
“อย่าหักโหมนะคะ ได้ยินว่าท่านเบนิเป็นนินจาด้วยนี่นา แถมเป็นนินจาแพทย์ มันหนักนะคะ”
“ไม่หรอก แค่นี้สบายมาก ขอบคุณนะ ชั้นขอรับเครื่องแบบชุดนี้ไปก่อนส่วนที่เหลือ ช่วยส่งไปที่บ้านฮารุโนะด้วยก็แล้วกัน ส่วนเงินชั้นจะโอนให้”
“ขอบคุณค่ะ”ช่างตัดชุดสาวจุ๊บแก้มให้ทีหนึ่ง
หญิงสาวจัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิม แล้วจัดการไปโอนเงินค่าเครื่องแบบให้
“ไปสำนักงานดีกว่า”
...
สำนักงานปกป้องแคว้นเอโดะ
คาโอรุในตอนนี้แทบจะจทกองเอกสารที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาส่งมาให้ตรวจและเซ็นต์อนุมัติ
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ”
“ห๋า”ตาสีฟ้ามองคนที่มาทักเต็มตา”เบนิ มาทำไม”
“ก็เอาช็อกโกแคทมาให้น่ะสิ”
“เธอไปซื้อมาเหรอ?”
“มีคนใจดีให้มาน่ะ ก็ดีชั้นขี้เกียจเดินหาให้เมื่อย”
ชายหนุ่มรับกล่องช็อกโกแลตสีสวยมา
“งานท้วมกบาลแล้ว ทำไมไม่มาช่วยบ้าง”
“ตัดเครื่องแบบใหม่นี่นา ความจริงอาซาฮินะเค้าทำให้ชั้นนานแล้ว ดีที่ไปวัดตัว แก้ไซส์ได้ทัน”
“พุ่งยื่นรึ ไอ้หน้าอกซีพลัส”
...
“อ๊ากกกกปล่อยช้านนน!!!!”
เสียงร้องโหยหวนของหัวหน้วยองครักษ์ดังลั่นกรมเหตุเพราะ...
โดนฝาแฝดที่ไม่ใช่ฝาแฝดใช้ท่า Sharpshooter จัดการทำเอาคาโอรุร้องโหยหวนไม่เป็นภาษา พยายามดิ้น
“อย่างนายมันต้องโดนอย่างนี้”ว่าจบหญิงสาวก็ออกแรงเพิ่ม
“โอ๊ยยยยย!ปล่อยช้านนนนเถอะ จะตายแล้วววว”
“ปากหมาๆแบบนายมันต้องเจอแบบนี้!”
“โอ๊ยยยย!ยอมแล้วๆๆๆๆ”
งานนี้เรมและริวโอต้องช่วยกันแยกก่อนที่ทหารและตำรวจทั้งหมดจะหูดับเพราะเสียงร้องอันโหยหวนของหัวหน้าองครักษ์อย่างบันไซ
“ขี้หูอั๊วเต้นจังหวะแซมบ้าเลี้ยวน่อ อาบันไซ ลื้อนี่พลังเสียงสุดยอดมากเลย”
หนุ่มผมชมพูหน้าหงิก”ลองมาโดนอย่างชั้นดูมั้ย แล้วขี้หูแกต้องรำมวยจีนไม่ใช่เรอะ”
“หนวกหูน่อ ไอ้เจ้าบ้าหน้าโง่”
“ว่าไงนะ”
สองหนุ่มจะเริ่มตีกันแต่เรมจัดการเอาช็อกโกแลตยัดปากคนละชิ้นจนหายใจแทบไม่ออกเพราะช็อกโกแลตชิ้นใหญ่มาก
เรมหันไปมองคนที่กินขนมอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “แต่เบนิคุงก็ทำเกินไปนะ”
“หึ”
“อย่าอารมณ์บูดซี่ เบนิ ไปเดตกันไหม”
หญิงสาวมองเพื่อนหัวเงินอย่างไม่เชื่อสายตา
”ก็ได้”
ส่วนสองหน่อช็อคค้าง...ตอบรับง่ายเกินไปแล้ว...
หญิงสาวยิ้ม เหล่ตามองเพื่อนที่ช็อคก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนหัวเงิน “วันไหน กี่โมง”
“ค่ำนี้ จะไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมครับ”
“ก็ดี ไปส่งทีสิ ยูกิอยู่บ้านชิอินะ ไม่ได้มาด้วย”
คาโอรุได้สติก็รู้ว่า มันเป็นเรื่องงาน “จะไปกันสองคนรึ”
“ครับ บันไซกับริวโออยู่ชำระงานเถอะนะ”
ริวโอทำหน้ามุ่ย “เอาอีกเลี้ยวน่อ ลื้อสองคนชอบรู้อะไรแล้วไม่ยอมบอก”
หญิงสาวเพียงหนึ่งมองช็อกโกแลตในมือ รอยยิ้มฉายบนหน้า“ก็แหม...เรื่องบางอย่าง ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดีนะ อ้อ ฝากนายตบตาด้วยล่ะบันไซ เพราะช่วงนี้ชั้นรู้สึกว่ามีคนจับตาดูชั้นอยู่...”ว่าจบก็นำช็อกโกแลตนั้นกัดกิน
...
ค่ำนั้น...
เรมในเครื่องแบบตำรวจสีขาวสวมผ้าคลุมสีดำ เข้ามายืนรอหญิงสาวหน้าบ้านฮารุโนะ
ซากุระที่สวมเครื่องแบบใหม่และหน้ากากจิ้งจอกสีขาวแดง ก้าวออกมา เรมยื่นผ้าคลุมสีดำให้
“โรแมนติกดีนะครับ”
“คงงั้นนะ แต่นี้มัน คืนเดือนดับนะ”
“เครื่องแบบใหม่ สวยดีนะครับ หน้ากากก็ด้วย”
“ขอบคุณ มิน่าสาวติดตรึม”
ฮ่ะๆนั่นมันเบนิคุงต่างหาก ไปกันเถอะ”
หญิงสาวสวมผ้าคลุมก่อนปีนขึ้นหลังม้า เมื่อเห็นว่าหญิงสาวขึ้นม้าเรียบร้อย เค้าจึงบังคับม้าไปยังที่หมาย
...
สุสานร้าง
สุสานสำหรับเจ้านายผู้กระทำผิด
ชายชราผู้ดูแลสุสานถือตะเกียงออกมาต้อนรับ “พวกเจ้าใช่มั้ยที่ติดต่อมา”
“ครับ...กรุณานำทางไปที่หลุมศพของท่านซุยดันด้วย”
“ตามมาสิ”
สองหนุ่มสาวลงจากหลังม้าตามหลังชายชราไป
ชายชราบ่นพึมพำ”ให้ตายสิ ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยน้า กลางวันไม่ว่างรึไง”
เมื่อมาถึง หลุมศพนั้นเป็นหลุมศพแบบคนธรรมดา ไม่มีใครมาไหว้
ชายชราทำหน้าที่ถือตะเกียงในขณะที่เรม ถือจอบขุดหลุมศพอย่างไม่ปริปากบ่น
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เรมก็ขุดเจอโลงศพ
“ฝังเอาไว้ลึกมากเลยนะครับ”
ชายชราเอ่ยเสียงขุ่น”ก็แหงสิ การฝังศพเจ้านาย ต้องขุดหลุมลึกกว่าคนสามัญ เพื่อฝังสมบัติ แต่นี่คือกบฏ สมบัติจึงโดนยึดเข้าคลังหลวงหมด แต่เราก็ต้องทำตามประเพณี ช่างน่าอนาถจริงๆ”
หญิงสาวที่เงียบอยู่ตั้งแต่แรกออกคำสั่ง”เปิดโลง”
เรมเปิดโลงในทันที ภายในนั้นเหลือแต่โครงกระดูก ภายในโลงมีแต่ซากแมลง ชวนขยะแขยง แต่มีบางสิ่งที่ผิดสังเกต
หญิงสาวนำกระดูกชิ้นหนึ่งออกมา “กระดูกปลอมเหรอ?”
ชายชราร้องอุทาน”ห๋า? ไม่จริง ข้าเป็นคนฝังศพนี้กับมือเลยนะ ข้าเฝ้าที่นี่มานาน ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
“ลุงอย่าร้อนตัวซี่ ขอนำของสิ่งนี้ไปตรวจก่อนนะ ฝากฝังให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ ไปกันเถอะเรม”
เมื่อทั้งสองตัดสินใจไปที่สำนักงานปกป้องแคว้นเอโดะ แล้วจัดการให้หน่วยวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจสอบชิ้นกระดูกที่นำมาเพื่อยืนยัน
“ถ้าเป็นไปได้ ชั้นอยากจะได้ผลตรวจที่เร็วที่สุดนะ”
หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์รับคำแข็งขัน“ครับ”
...
เรมได้จูงม้าให้หญิงสาวนั่ง “เบนิคุง”
“อะไรเหรอ...”
“คิดยังไงเรื่องดูตัวครับ”
“ก็ไปตามมารยาท ตอนนี้ชั้นน่ะ ไม่คิดเรื่องแต่งงานหรอกนะ งานต้องมาก่อน”
“สมเป็นเบนิคุงเลยนะ...ตอนเย็นได้กินอะไรรึยัง”
“ยังเลย กะจะกลับไปกินที่บ้าน”
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมไปส่ง บ้านฮารุโนะใช่ไหม”
“อืม...ขอบใจ”
วันต่อมา...
บ้านฮารุโนะ
ซากุระถูกปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งตัวไปงานดูตัว กับ ตระกูล นาโอ ตระกูลซามูไรที่รับใช้ตระกูลยาไมริ ที่มีลูกชายสามคน คนแรกกินตำแหน่งทหารเรือ แต่งงานแล้ว คนที่สอง หัวหน้าฝ่ายยุทโธปกรณ์แคว้นเอโดะแต่งงานแล้ว คนที่สาม รู้จักกันในนามชิโอะ ว่าที่กรมราชทัณฑ์คนต่อไป
แต่น้อยคนที่จะรู้จักคนตระกูลชิอินะ เพราะไม่ชอบเปิดเผยตัว นานๆทีจะออกงานสังคมซักงาน
ขณะที่โดนขัดศรีฉวีวรรณ ซากุระก็คิดอะไรไปเรื่อยตามประสา...สงสัยตระกูลยาไมริจะต้องการวางรากฐานอำนาจสินะ แต่ตอนนี้อำนาจตระกูลนี้ก็เทียบท่านโชกุนซาบุโร่ได้แล้วนะเนี่ย...
หลังจาที่สวมกิโมโนเสร็จ ฝาแฝดที่ไม่ใช่ฝาแฝดก็เข้ามาในห้อง
“หน้าบูดแต่เช้าเลยนะ มีอะไรรึ คาโอรุ”
“เมื่อคืนโดนไอ้บ้าบางคนมาตามมา”
“เหรอ แล้วนายทำยังไง”
“ก็ทำไง ชกหน้าไปเปรี้ยงหนึ่งน่ะ”นึกแล้วก็อารมณ์เสียไม่หาย จู่ๆก็มาดักหน้าคนกำลังจะปลดทุกข์ เลยชกหน้าเข้าให้
“หึ สมน้ำหน้ามัน”
“แล้วเมื่อคืน...”
“รอผลการตรวจจากแผนกวิทยาศาสตร์ก่อน อย่าไปเร่งล่ะ นายจะไปสำนักงานเลยไหม”
“อืม ยังไงก็ต้องไปควบคุมความเรียบร้อยน่ะนะ”
“โชคดี”
“เช่นกัน”
หญิงสาวถูกจับแต่งหน้าเรียบร้อย วันนี้ เธอถูกจับใส่กิโมโนสีชมพูหวานลายกลีบซากุระ ติดกิ๊บดอกไม้สีแดงมีพู่สีทองห้อยประดับผมสวยงาม
ขณะที่กำลังรอรถม้าจากบ้านชิอินะมารับ ก็มีใครบางคนมาหาเธอ
ซาสึเกะตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดกิโมโนสีชมพูหวานเข้ากับโอบิสีแดง ถึงผมจะตัดสั้นแต่เธอกลับยังคงสวยสง่าน่าหลงใหล เหมือนเจ้าหญิงจากแดนไกล...
“มีธุระอะไรรึเปล่า ซาสึเกะ”
“เอ่อ วันนี้เธอสวยจัง...”
หญิงสาวหน้าขึ้นสีเมื่อถูกชม แต่แล้วหญิงสาวก็สังเกตรอยช้ำที่ขอบตาของชายหนุ่ม เธอจึงเข้าไปใกล้พลางลูบใบหน้าอย่างอ่อนหวานแล้วรักษาให้
“ขอโทษทีนะ ชั้นไปทำงานน่ะ คาโอรุเลยสลับตัว”
“งานสำคัญเหรอ”
“อืม วันนี้ก็ต้องไปงานดูตัว วันนี้นายก็เที่ยวให้สนุกเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วนะ”
ซาสึเกะจับมือบางไว้”ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
“เรื่องของชั้น นายไม่ต้องสนใจหรอก เชิญทำหน้าที่ของนายต่อเถอะนะ...ชั้นเองก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน”
คำพูดของเธอทำเอาชายหนุ่มสะอึก “ขอบอกอะไรหน่อย”
“อะไร”
“ชั้นตกหลุมรักเธอแล้ว ถึงเธอจะไม่รักชั้นแต่ชั้น...ก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
หญิงสาวยิ้มรับ”จะทำอะไรก็ตามใจแต่...ให้มันอยู่ในขอบเขตด้วยล่ะ”
ไม่นานรถม้าของตระกูลชิอินะก็มาถึง คุณพ่อบ้านที่ทำหน้าที่บังคับม้า ได้จัดการเปิดประตูพร้อมประคองให้คุณหนูคนงามขึ้นรถไป
ซาสึเกะจึงตัดสินใจเดินเล่นต่อในแคว้น...เธอคิดอะไรกันแน่นะ ซากุระ...
...
ร้านอาหารอูมามิยากิชิ
ร้านอาหารเก่าแก่ของแคว้นเอโดะ ที่ลือชื่อเรื่องอาหารอร่อยเลิศรส และยังคงตามแบบต้นตำรับโบราณที่ครองใจผู้คนมานาน ร้านเป็นสไตล์โบราณอันเป็นเอกลักษณ์มีสวนร่มรื่นย์และต้นบอนไซที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี โดยส่วนมากลูกค้าคือชนชั้นสูง ผู้ดีมีเงินทั้งหลาย...
ครอบครัวฮารุโนะได้ถูกเชิญมาพร้อมหน้าโดยมี ชิอินะ โทชิกิ ผู้นำตระกูลชิอินะ เป้นผู้นำ
คุณปู่มองหลานสาวด้วยสายตาชื่นชม “งดงามจริงๆวันนี้ ชั้นนึกว่าแกจะปฏิเสธนะ นังหนู”
หญิงสาวไม่โต้ตอบอะไร
คนเป็นปู่หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ คิซาชิพอเข้าใจลูกสาว ก็รู้ทันทีว่า เจ้าตัวมุ่งแต่งานมากกว่า แต่ที่ต้องมาดูตัวแบบนี้เพราะไม่การสร้างความขัดเคืองให้เจ้านายตระกูลยาไมริ
เมบุกิกระซิบสามี”คุณคะ แบบนี้จะดีเหรอ...”ถึงอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานแต่ก็ไม่อยากให้โดนบังคับแบบนี้
คิซาชิกระซิบปลอบ“เมบุกิ ทำตัวตามสบายเถอะ ลูกสาวเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้ารู้ดีว่า อะไรควรไม่ควรนะ “
เมื่อมาถึงห้องรับรองที่ถูกจองไว้
พ่อสื่อครั้งนี้คือ ท่านขุนนาง ยามาบุชิ โอกิยามะ ขุนนางเฒ่าฝ่ายพลเรือนวัยร้อยปี เพื่อนสนิทของชิอินะ โทกิชิ ครั้งนี้แต่งตัวชุดฮากามะเต็มยศ
“โอ้เพื่อนรัก มาเสียที”
โทชิกิหัวเราะก่อนจะโค้งให้เพื่อนตามมารยาท “โฮ่ๆ เช่นกันๆ ขออภัยที่มาสาย”
“ไม่เป็นไรๆ นั่นหลานสาวเหรอ สวยจริงๆ เหมือนเจ้าหญิงคางุยะบนดวงจันทร์เลย”
คนถูกชมยิ้มเอียงอายอย่างมีจริตตามที่ถูกสอน
“อ่า ทางตระกูลนาโอ รออยู่เชิญๆ”
พอมาถึง ก็พบว่าตระกูลนาโอ มี ผู้นำคนปัจจุบัน นาโอ โอคิตะ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ คุณหญิงนาโอ นามิ และลูกชายคนสุดท้อง นาโอ นางิสะ
นางิสะหรือชิโอะดูตกใจและตะลึงไม่ใช่น้อยที่ฝ่ายหญิงคือเบนิ
หญิงสาวจัดการทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ฮารุโนะ ซากุระ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มก็ทำความเคารพเช่น “นาโอ นางิสะ ยินดีที่ได้ที่ได้รู้จักขอรับ”
ผู้นำตระกูลพินิจดูหญิงสาว”สวยจริงๆ ไม่ทราบว่า รับราชการฝ่ายไหน”
ลูกชายเป็นคนแนะนำเสียเอง “เธอคือเบนิ เสนาธิการทหาร ขอรับ คุณพ่อ”
“โอ้! ไม่น่าเชื่อ ร่างบอบบางอ้อนแอ้นแบบนี้จะเป็นทหาร แถมฉลาด สามารถส่งขุนนางโฉดไปนอนคุกได้แบบนี้ ท่านมีลูกสาวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้านั้นมีแต่ลูกชาย”
คิซาชิยิ้มรับคำชม “ไม่หรอกท่าน ข้าต่างหากที่อิจฉาท่าน ท่านมีบุตรชายตั้งสามคน ช่างโชคดีนัก”
คุณหญิงนาโอมองหญิงสาวที่ผู้ใหญ่ชวนให้มาดูตัว “แม่หนู เจ้าพอจะเก่งศิลปะด้านใดบ้าง”
“ดิฉัน พอเก่งการดนตรีบ้างเจ้าค่ะ”
ทำเอาบุตรชายหน้าซีดเพราะเคยแพ้โคโตะเจ้าหล่อนมาหมาดๆ...ท่านแม่นะท่านแม่ ไปท้าใครไม่ท้านะขอรับ...
คุณหญิงนาโอยิ้ม“ที่นี่มีดนตรีเอาไว้บริการ แต่ดิฉันอยากจะฟังเพลงที่แม่หนูบรรเลงโคโตะสักเพลงจริงๆ”
ซากุระโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม”เจ้าค่ะ ดิฉันจะตั้งใจเล่นอย่างสุดฝีมือ”
คุณหญิงตบมือเป็นสัญญาณให้ พนักงานนำโคโตะเข้ามาในห้อง
ผู้นำตระกูลนาโอหัวเราะชอบใจเช่นเดียวกับคิซาชิ ส่วนสองผู้เฒ่าต่างจิบสุรากันอย่างเงียบๆ
หญิงสาวเคลื่อนตัวมานั่งที่หน้าโคโตะ โค้งศีรษะเชิงอนุญาตก่อนจะเริ่มบรรเลง
บทเพลงที่บรรเลงมา ช่างแว่วหวานชวนเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
...
“ยัยโหนก เล่นดนตรีเก่งขนาดนี้ตั้งแต่มื่อไหร่กัน”อิโนะที่รู้เรื่องงานดูตัวจึงแอบบตามมาพร้อมใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูเช่นเดียวกับซาอิ
“คุณอิโนะครับ อย่าดูถูกคุณซากุระนะครับ คืนงานเลี้ยงบนเรือสำราญ เธอเล่นดนตรีชนะคนหลายคนเลย รวมทั้งคนที่มาดูตัวด้วย”
“จริงดิ สุดยอด”
“ตอนนั้นคุณมัวแต่คุยเลยไม่ได้ฟัง”
...
เมื่อบทเพลงบรรเลงจบ ทุกคนต่างชื่นชมหญิงสาว ที่มีความสามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะยิ่งนัก
ขุนนางยามาบุชิ หัวเราะลั่นพลางปรบมือ”ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นคนจากตระกูลชิอินะ ฝีมือเล่นดนตรีช่างเก่งกาจ...เอ้า พ่อหลานชาย เราเองก็บรรเลงเพลงบ้าง”
เหล่าพนักงานได้ทำการย้ายโคโตะไปยังฝั่งของนาโอ นางิสะ ชายหนุ่มโค้งศีรษะเชิงขออนุญาตก่อนจะบรรเลงโคโตะ ฝีมือของชายหนุ่มเองก็ใช่ย่อยทำเอาทุกคนเคลิบเคลิ้ม
หลังจากนั้น สองตระกูลก็สนทนากันต่อ โดยส่วนมากจะเป็นชายสี่คนคือ นาโอ โอคิตะ ฮารุโนะ คิซาชิ ขุนนางเฒ่ายามาบุชิ และชิอินะ โทกิชิ
เมบุกิ รู้สึกไม่ถูกชะตากับคุณหญิงนาโอ เพราะดูเจ้ายศเจ้าอย่างเสียเหลือเกิน
ขุนนางเฒ่ามองไปที่สองหนุ่มสาว “เด็กๆ ออกไปชมสวนเถอะ เวลานี้กำลังงามนัก”
หญิงสาวและชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะออกนอกห้องไป
นางิสะหรือชิโอะ เข้าพยุงทันทีเพราะกิโมโนที่หญิงสาวสวมนั้นมันหนาและหลายชั้นมาก
“ผมช่วยนะ ซากุระจัง”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นเดินไหว นางิสะคุง”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน”ขอเรียกว่าซากุระจัง ได้ใช่ไหม”
“ได้สิ ชั้นขอเรียกนายว่านางิสะ ด้วยนะ”
“ได้”
ทั้งคู่เดินออกมาที่สวน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีขาวของหิมะที่โปรยปรายเมื่อคืน
“สวยจัง”
“แต่ชั้นว่าเธอสวยกว่านะ”
“ปากหวาน...”
“พูดความจริงนี่นา”
“พูดแบบนี้สาวติดตรึมแน่ๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ชั้นคงสู้เธอไม่ได้แน่ พอเป็นชายก็หล่อ พอเป็นหญิงก็มีเสน่ห์...”
“ฟังแล้วแหม่งๆ แต่จะถือว่านั่นคือคำชมนะ”
“แล้วถ้า...ต่อจากนี้...ชั้นจะขอจีบเธอล่ะ”
“เอ๋?”หญิงสาวหันไปประจันหน้า
ชายหนุ่มยิ้มบาง “เพราะชั้นจะ...จีบเธอน่ะสิ”เค้าเข้าดึงมือบางมากุมไว้ “ชั้น...จะไม่ให้เธอต้องไปเสี่ยงอีก ชั้นรู้ว่าเธอเก่งนะ แต่เธอน่ะไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระนั้นคนเดียวหรอก ชั้นไม่อยากให้เธอมาอยู่ในโลกของการต่อสู้นี้ ชั้นรู้ดี ผู้ชายทุกคนที่หลงรักเธอน่ะ เค้าก็คิดแบบเดียวกับชั้น ไม่อยากให้เธอต้องไปเสี่ยง”
หญิงสาวยิ้มรับ ใบหน้างามขึ้นสีระเรื่อนิดๆ “ขอบใจนะ แต่ตอนนี้ชั้นมีหน้าที่อีกมากที่ต้องทำ”
หิมะเริ่มโปรยปราย
ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะปล่อยมือแล้วถอดเสื้อคลุมสีดำของตนมาสวมทับกิโมโนของร่างบาง “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องรักษาสุขภาพให้มากๆ เอาไปคลุมซะ และชั้นจะเป็นกำลังให้เธอเอง...”
“ขอบคุณมาก”
หลังจากกินอาหารร่วมกัน สองตระกูลก็ล่ำลา
ระหว่างทางกลับ
คิซาชิเอ่ยถามลูกสาว
“ลูกคิดว่านางิสะคุงเป็นยังไง”
“ในแง่ไหนคะ คุณพ่อ”
“ก็...ในแง่ผู้หญิงไง”
“เป็นสุภาพบุรุษค่ะ แต่คงเข้ากันไม่ได้ หนูไม่ได้คิดกับเค้าในฐานะคนรักแต่คิดแค่ว่าเค้าเป็นผู้ร่วมงานเท่านั้น อีกอย่างคุณหญิงนาโอดูจะไม่ชอบหนูซักเท่าไหร่ ใช่ไหมคะคุณแม่”
“จริงอย่างที่สุด”
คิซาชิเอ่ยกับภรรยาเสียงอ่อน”แม่...เราแค่มาเพื่อรักษามารยาท รักษาหน้าของตระกูลชิอินะและนายเหนือหัว”
โทชิกิพยักหน้า”จริงที่สุด เมบุกิ ตอนนี้เราไม่ควรเอาแต่ใจ ยามาซารุถึงจะเป็นขุนนางโฉดสถุนแค่ไหนแต่มันก็เป็นคนที่คอยค้ำอำนาจท่านซาบุโร่อยู่ ตอนนี้มันเข้าซังเตแล้ว ก็มีตระกูลเราเนี่ยแหละที่พวกยาไมริจะยังกลัว ถึงได้หาทางผูกสัมพันโดยการเป็นพ่อสื่อหลังม่านแบบนี้”
ซากุระเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอือมๆ”ช่างโง่เขลานัก ตระกูลซามูไรน่ะไม่ยอมเครื่องมือของพวกเจ้านาง่ายๆหรอกแต่...ยังดีที่มีคำสัญญากบฏสิบตระกูลอยู่นะคะ”
ผู้เป็นบิดาถอดใจอย่างโล่งอก”นั่นสินะ ไม่งั้นพวกท่านชายทั้งหลายคง...ไม่อยากจะพูด”
เมบุกิหน้าซีด จนลูกสาวต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณแม่ไม่สบายรึคะ”
“แม่ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ไม่สบายใจ แม่เป็นห่วงลูกนะ”
“อย่ากังวลค่ะ หนูน่ะมีแผนสำรองอยู่แล้ว ระหว่างนี้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ที่เอโดะสักระยะเถอะนะคะ เพื่อความปลอดภัย”
...
หลังจากงานดูตัว หญิงสาวแวะที่บ้านฮารุโนะจากนั้นก็จัดการเปลี่ยนชุดลบเครื่องสำอาง เป็นเครื่องแบบทหารสวมหน้ากากเต็มยศ ก่อนจะขี่ยูกิ (ที่คาโอรุพามาไว้ที่บ้านฮารุโนะเรียบร้อย)ไปยังสำนักงาน
ยังไม่ทันลงจากหลังม้า หน่วยวิทยาศาสตร์ก็วิ่งพรวดมาหา
“ท่านเบนิ ผลตรวจออกมาแล้วครับ”
หญิงสาวยกปราบ”ค่อยๆหายใจ ไปพูดข้างในนะ”
“คะๆครับ”
เมื่อเข้ามาในสำนักงานผลตรวจนั้นก็คือ เป็นกระดูกปลอม
นากาโนะแผนกวิทยาศาสตร์อธิบาย “คือ ทำเหมือนจริงมาก”
เรมที่ยืนข้างๆ”จะเอาไงครับ”
“ท่าทางมันจะสับเปลี่ยนตัวกันตอนไหนนะ ซุยดันน่ะไม่เหมือนคนอื่น โดนขังที่ซาโกมะ จำได้ว่า มันฆ่าตัวตายนี่นา แถมศพ พวกเราก็ไปดูพร้อมชิโอะนะ สงสัยคงต้องสอบถามดูล่ะ”
ชิโอะเร่งเดินทางมาพบทันที
หลังจากแจงเรื่องให้ทราบชิโอะก็นึกถึงบาง”ผมจำได้ว่า ทีมเคลื่อนย้ายศพ เสียชีวิตหมดครับ”
เรมตั้งข้อสังเกต“ถูกฆาตกรรมรึ”
“เปล่า ป่วยตายบ้าง อุบัติเหตบ้าง อย่างล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน โดนจลาจลม้าของผู้ดีตระกูลหนึ่งเกิดคลั่ง รถเตลิดไปชนคนเข้า ”
หญิงสาวกุมขมับ”อุบัติเหตุมีอะไรบ้างพอจะจำได้ไหม”
“มีเป็นข่าวดังที่เอโดะเลย”
ริวโอเอ่ยขึ้น”ข่าวนั่นใช่ม้า”
บันไซเลิกคิ้ว“อะไรเหรอ”
เรมเป็นคนอธิบาย”เมื่อสามเดือนก่อน มีอุบัติเหตุเบียดกันขึ้นรถไฟน่ะครับแล้ว มีคนตกชานชลา โดนรถไฟชน สภาพศพดูไม่ได้เลย”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่นาน”บางที...เป้าหมายของศัตรู อาจจะไม่ได้แค่หมายเอาชีวิตของชั้นหรือไอ้สามบ้าก็ได้”
ริวโอโพลงถามด้วยความโมโห “แล้วอะไรล่ะ”
“ทำให้พวกเรา ที่มาจากตระกูลซามูไรเกิดความแตกแยกน่ะสิ”
สี่หนุ่มตกตะลึง หญิงสาวเพียงหนึ่งอธิบายต่อ “บางที ซุยดันอาจจะอยู่เบื้องหลังก็ได้ แต่ตอนที่มันตาย เราก็ไม่ตรวจศพเองกับมือ”
ชิโอะพยักหน้า”ใช่ แถมก่อนหน้านั้น เกาะซาโกมะเกิดมรสุม นักโทษไม่สามารถออกมาจากห้องขังได้ แค่ขึ้นฝังยังทำไม่ได้เลย ใช้ยานเหาะก็ต้องแจ้งเรื่องมาก่อน เพื่อแจ้งตำแหน่ง”
หนุ่มชมพูตัดสินใจยุติปัญหา “ตอนนี้เรายังไม่ควรสรุปอะไร ไม่แน่ การที่มีขโมยศพ ก็อาจจะแค่ เอาศพไปฝังตามประเพณี เพราะความซุยดันมีมาก เกินกว่าจะอยู่คุกหลวงและฝังศพแบบมีเกียรติ์น่ะนะ”
ชิโอะพยักหน้า”นั่นก็จริง ตอนนั้น ภรรยาของเค้ามาอ้อนวอนต่อคุณพ่อชั้น ทั้งติดสินบนเงินจำนวนมหาศาล ให้นำศพของสามีไปทำพิธี แต่คำสั่งของนายเหนือหัวคือให้ฝังที่สุสานร้างและห้ามทำพิธีเซ่นไหว้ ว่าแต่ทำไมเธอถึงสงสัยเรื่องของซุยดันล่ะเบนิ”
“มีใครบางคนส่งข่าวเรื่องชั้นเป็นนินจาให้ยามาซารุเมื่อสามเดือนก่อนน่ะสิ อีกอย่างซุยดันเป็นขุนนางฝ่ายยาไมริที่เลี้ยงนักฆ่าเอาไว้มากด้วย”
“ชั้นจะช่วยเธออย่างเต็มที่”
“ขอบใจ จริงสิ ชั้นมีเรื่องจะไหว้วานนายหน่อย”
“อะไรเหรอ”
“ช่วยจับตาดูครอบครัวของซุยดันได้ไหม”
“ได้ ผมจะให้คนส่งข่าวให้”
“ขอบคุณ”
“นายก็ด้วยเรม”
“อะไรเหรอครับ”
“ตอนนี้ ชั้นอยากให้นายสืบความเคลื่อนไหวของพวกขุนนางทั้งอิเคบุ และ ยาไมริ”
“ครับๆงานช้างเลยนะนั่น”
หญิงสาวหรี่ตา หนุ่มผมเงินเกาหัว”ครับๆ”
“ดีมาก น่ารัก”
ริวโอเข้าอ้อน”ชมอั๊วมั่งซี่”
“น่ารักตาย”
ชิโอะเข้าใกล้”ชมชั้นด้วยซี่”
“นี่ก็อีกคน”
หนุ่มผมชมพูเริ่มเดือดปุดๆจนเรมต้องถอยห่างสองหนุ่มต่างกระเเซะสาวน้อยเพียงหนึ่ง
ตู้ม!!
“หยุดเลยนะโว้ย ไอ้พวกเวร!!!”สองหนุ่มที่เข้ากระแซะกระเด็นไปคนทางเพราะบันไซจับเหวี่ยง
หญิงสาวกุมขมับ”ไม่ไหวๆ นายนี่มันยังไม่โตจริงๆ ความขายหน้าของตระกูลชัดๆ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็นายต้องไปงานดูตัวในอีกสองวันน่ะสิ แถมท่านซาบุโร่ยังเป็นพ่อสื่ออีกนะ”
งานนี้ทำเอาหนุ่มผมชมพูช็อควิญญาณหลุดทันที
เรมวิเคราะห์”ดูท่า ไม่ใช่ฝั่งยาไมริ สินะที่คิดจะผูกสัมพันกับตระกูลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม”
ชิโอะหัวเราะลั่น”แต่คงยากนะเพราะ พวกเราไม่ใช่ตัวหมาก”
ริวโอร่วมผสมโรง”จิงน่อ ดูถูกพวกเราจิงๆ พวกเราไม่เล่นไปตามเกมส์หรอก”
ชิโอะแสยะยิ้ม”แต่ถ้า เรื่องแต่งงานล่ะก็ ผมต้องการเบนิเป็นเจ้าสาวนะ”
“ฝังไปน่อ”
“แกน่ะ พูดให้ชัดก่อนเถอะ!”
สองหนุ่มเริ่มกัดกัน โดยที่เรมพยายามห้า ส่วนบันไซวิญญาณยังไม่เข้าร่าง
เสียงข้อความดังขึ้น หญิงสาวสวมหน้ากากเปิดข้อความดู “ของเสร็จแล้วแฮะ...พวกนายยังกัดกันไม่เลิกล่ะก็ เดี๋ยวแม่ฆ่าซะเนี่ย”
สี่หนุ่มหยุดนิ่งทันทีทันใด
“แยกย้าย ทำงานเถอะ ช่วงนี้ทุกคนก็ระวังตัวด้วยนะ”
อีกด้าน
ซาสึเกะได้เดินเล่นในแคว้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอกับ อาจารย์เจ้าสำนักดาบชื่อดังของเอโดะ อย่าง โชจุกิ โช โดยบังเอิญวันนี้เค้าสวมยูกาตะสีเขียวและผ้าพันคอสีเทา ผมดำยาวนั้นปล่อยสบายๆ
ชายหนุ่ม?ก็หันไปมอง เกิดนึกสนใจเพราะดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนินจา
“มาเที่ยวรึ? พ่อหนุ่มนินจา”
“เอ่อ...”
“น่าสนใจ มาดื่มชากันไหม ข้าเป็นเจ้ามือเอง”
“ก็ได้...”
สองหนุ่มต่างวัยมาที่ร้านน้ำชาเก่าๆ
หลังจากที่โช สั่งอาหารแล้ว ซาสึเกะไม่ได้สั่งอะไร โชจึงสั่งให้ เมื่อพนักงานนำของที่สั่งมาเสิร์ฟ โชยกชาแดงที่สั่งมาจิบทีหนึ่ง
“อร่อยจัง จริงสิ เจ้าชื่ออะไร”
“อุจิวะ...”
“อุจิวะ ซาสึเกะ ว้าว ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้พบตัวจริง เจ้าดูต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้มาก”
“ท่านรู้จักผม”
“รู้สิ ก็เป็นอาชญากรโลกนินจานี่นา แต่น่าเห็นใจ เรมเคยมาพูดกับข้าอยู่ เรื่องตระกูลของเจ้า”
“เรมเป็นคนหาข้อมูลช่วยผมนี่นา”
“แต่เบนิเป็นคนขอร้อง เด็กคนนั้นเป็นพวกที่ขี้สงสารแต่ไม่แสดงออกอยู่ด้วย”ชายอายุมากกว่ายิ้ม“เจ้าคงรู้แล้วว่า ข้าเป็นอาจารย์ของไอ้เด็กนรกสี่คนนั่น”
“ครับ...”ก็นะ มีเจ้าผีกวนส้นXรีนสาธยายไว้แล้วนี่หว่า
“เจ้าคงจะรู้จักแล้วสิ ว่าเบนิมาจากตระกูลไหน”
“รู้ ผมเป็นเพื่อนเธอนี่”
“แล้วเจ้าคิดกับเบนิว่าเป็นแค่เพื่อนรึเปล่าล่ะ”
งานนี้หน้านินจาหนุ่มแดงระเรื่อ
“เสน่ห์แรงนะเนี่ย หึ แต่เห็นอิทธิฤกษ์เจ้าหล่อนยัง ไม่สิ ต้องพูดว่าตระกูลของเค้า”
หน้าของซาสึเกะเริ่มซีด ...จะน่วมตาย ตระกูลชิอินะ บ้าพลัง โมโหร้าย ใจนักเลงทุกคน...”ก็เกือบหมดนะครับ ญาติ และยัยนั่น”
“โอ้ นี่ดีนะ ไม่เจอคิซาชิด้วยน่ะ รายนั้นน่ะ อัดชาวบ้านนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปก็หลายรายข้อหารังแกลูกสาว ตอนอยู่โคโนฮะนี่ ประจำ แต่ก็ใช้เงินอุดปากไม่ให้ข่าวรั่วตลอด”
“เรื่องจริงเหรอ”
“จริง หึๆชั้นตามข่าวลูกศิษย์ชั้นทุกคนนั้นแหละ เจ้านั่นเป็นใจร้อน ใจกล้าหน้าด้าน หวงลูกสาวยิ่งชีพ ตอนไปชวนยัยหนูมาเป็นซามูไร หน้าเกือบยับ”
...สมควร...
“ผมสงสัย ทำไม ท่านถึงให้ซากุระเป็นองครักษ์ล่ะครับ”เค้าจำได้ว่าคิซาชิเป็นขุนพล
“ก็พ่อเค้าเคยเป็นองครักษ์นี่นา”
“แล้วทำไมคุณคิซาชิถึงได้...”
“ขุนพลคนหนึ่งถูกฆ่าตายขาดคนที่เป็นผู้นำ คิซาชิเลยถูกเลือก แต่นั้นก็ทำให้เค้าจำต้องลาออกจากราชการ”
“เพราะอะไร”
“พ่อของท่านซาบุโร่ ท่านซาบุชิเสียชีวิตเพราะโดนลอบสังหาร ถึงนำทัพชนะแต่ผู้เป็นนายที่คอยอารักขามาโดยตลอดกลับตาย ถึงจะไม่ใช่ความผิดของเค้าแต่เค้าก็แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ต่อมาท่านซาบุโร่ ในวัยเยาว์ต้องการองครักษ์ที่สามารถทำให้ ศัตรูเกรงกลัวได้ คนจากตระกูลชิอินะ เหมาะมาก เพราะมีเครือญาติทั้งฝั่งที่เป็นเพชฌฆาต ฝั่งองคเมียวจิ”
“ทำไมถึงเลือกเธอล่ะครับ”
“ถูกชะตา สายตาของข้ามองปราดเดียวก้รู้ว่า เด็กคนนั้นสามารถไปไกลได้มากกว่านี้ ถ้าหากเป็นชายเค้าจะยิ่งเก่งแกร่งแน่นอน ดูท่าชีวิตเจ้าจะเจอเรื่องหนักหนาเอาการนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“เรื่องเบนิ เจ้าคงจะรู้นะว่ามันไม่ง่าย”
“ทุกเพศครับ แถมยัยนั่นเดาใจได้เลย”
“น่าสงสาร”...ไอ้หนูเอ๊ย ข้าเริ่มจะเห็นเค้าลางความนกของเจ้ามาแต่ไกลเลย แต่ก็ไม่แน่ ต้องรอดู...
สองหนุ่มต่างวัยต่างสนทนาเรื่องอื่นจนกระทั่ง เกือบเย็น ซาสึเกะจึงเดินทางไปที่เรือนรับรอง
ตกเย็น...
เบนิหรือซากุระ ได้เลิกงานก่อนเวลา เพื่อไปรับของที่สั่งทำ เมื่อได้ของแล้วเธอจึงขี่ม้ามายังเรือนรับรอง
ก็มาเจอซาสึเกะที่กำลังกลับมาพอดี
“เดินเล่นสนุกไหม”
ชายหนุ่มมองร่างบอบบางในเครื่องแบบทหาร “ไม่หนาวรึ”
คนถูกถามส่ายหน้า”ไม่ ชั้นชินกับอากาศหนาวแล้ว เดินเล่นสนุกไหมล่ะ”
“จะสนุกกว่านี้ ถ้าเธอไปเดินด้วย”
“งานมันรัดตัวน่ะนะ เจอตัวก็ดีแล้ว”ร่างบางลงจากหลังม้ายื่นดาบให้”สั่งทำพิเศษ ลองดูนะว่าดาบโอเคมั้ย”
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับดาบพบว่า ดาบที่เจ้าหล่อนสั่งทำให้นั้นมีน้ำหนักกำลังดี “ขอบคุณ”
“ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ช่วยชั้นในงานนี้ ขอให้โชคดีและปลอดภัยล่วงหน้า”
“เธอจะไม่มาส่งรึ”
“ไม่รู้สิ เพราะพรุ่งนี้อาจจะมีงานด่วนเข้ามา ขอตัวกลับก่อน”
หญิงสาวตรงไปขึ้นม้าก่อนจะควบม้าจากไปอย่างช้าๆ
ซาสึเกะมองดาบในมือก่อนจะยิ้มบางๆ แต่แล้วคำพูดของอิโนะก็กระแทกเข้าหัว ’มีโอกาสก็ชวนเดตเลย!’
“เดี๋ยวก่อนซะกุระ”
“มีอะไรเหรอ ดาบมีปัญหารึ?”
หญิงสาวชักม้ากลับมา
“เปล่า”
“แล้วอะไร”
“ไปเดตกันไหม”
หญิงสาวกรอกตามองบนอย่างระอา(ซึ่งอิเกะมองเห็นเพราะสวมหน้ากากไว้)ก่อนจะลงจากม้า แล้วเข้าไปใกล้
“ไปโดนตัวไหนหรืออะไรกระแทกมาเนี่ย”
“นี่ ชั้นแค่จีบเธอนะ”
“โอ้โห ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากนายนะเนี่ย”
“จะไปไหม แค่เดินเล่นที่เทศกาลขนมหวานด้วยกัน ตอนนี้งานยังจัดอยู่ ชั้นจะพาเธอไปที่ร้านขนมที่เธอชอบไง”
ซาสึเกะเล็งถูกจุด หญิงสาวตอบตกลงทันที”ไป เปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“จะรอ”
แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงโทรศัพท์เข้า
หญิงสาวกดรับ”ค่ะ เข้าใจแล้ว”เอวางสาย”โทดทีนะ ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว”
“งานด่วนรึ”
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”หญิงสาวควบ้าจากไป
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่เค้าก็คิดแบบเดียวกับเจ้าคนที่ชื่อนางิสะ นั่นแหละว่า ไม่อยากให้เธอต้องมาเสี่ยงอันตรายหรือทำงานหนัก เค้าอยากให้เธอเป็นหญิงสาวธรรมดามากกว่า ถูกต้องเค้าแอบตามไปที่งานดูตัวและได้ยินบทสนทนาของเธอกับอีกฝ่าย ถึงจะดูเหมือนมีความหวังแต่...เธอน่ะคงต้องแบกรับภาระหลายๆอย่างเอาไว้แน่
เมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มหนาวชายหนุ่มจึงเข้าที่พักไป
...
ซากุระหรือเบนิ ควบม้าไปยังสำนักงานเพราะผู้บังคับบัญชา มิคาโดะ เรียกไปพบที่สำนักงาน
เมื่อมาถึงห้องรับรองของสำนักงาน หญิงสาวเอียงคอไปทางซ้ายหลบวิถีกระสุนที่ยิงมาได้ทัน
มิคาโดะสบถ”ชิ หลบเก่งนะเอ็ง”
หญิงสาวตำหนิกับนิสัยเหอปืนของผู้บังคับบัญชา ที่เจอใครก็ชอบยิงใส่เล่น“เลิกยิงปืนใส่คนนู่นคนนี้เถอะป๋า ถึงจะเป็นกระสุนยางแต่ถ้าโดนก็เจ็บนะ”
“ช่างมันเถอะ แต่เอ็งทำลูกสาวป๋าร้องไห้นะเหวย”
“ที่เรียกมา ก็เพื่อเรียกมาด่ารึไงคะ”
“ส่วนหนึ่ง แต่จะยืนค้ำหัวชั้นอีกนานไหม”
หญิงสาวตรงไปนั่งตรงข้าม
ผู้บังคับบัญชามิคาโดะเอ่ยขึ้น “ข้ารู้มาว่าเอ็งกับเรมไปขุดสุสานซุยดันรึ”
“ค่ะ ดิฉันแค่สงสัยและแผนกวิทยาศาตร์ก็ตรวจสอบแล้ววว่าเป็นกระดูกปลอม แต่ก็คิดว่าญาติคงจะแอบสับเปลี่ยนไปประกอบพิธีเท่านั้น”
“ทำไมไม่ถามทางตระกูลนั้นล่ะ”
“อย่าดีกว่า ยิ่งโดนเหม็นขี้หน้าอยู่”
“งั้นเหรอ ที่ข้าเรียกเอ็งมาก็เพราะอยากจะถามเอ็งว่า จะทำงานที่นี่ตลอดเลยรึไม่”
“ไม่ค่ะ”
“จะลาออกรึ?”
“ก็แค่สลับไปทำงานที่โคโนฮะในฐานะหมอและที่นี่ในฐานะเบนิ ขอให้ท่านซาบุโร่สบายใจได้ ตราบใดที่ชั้นยังอยู่ ท่านซาบุโร่ไม่ต้องกังวล ชั้นจะเกษียณก็ต่อเมื่อถึงเวลาเกษียณ อีกตั้งหลายปี”
มิคาโดะยิ้ม นั่นล่ะคือธุระที่แท้จริงเพราะนายเหนือหัวของเค้ากังวลว่าจะเบนิ ซึ่งเปรียบเสมือนแขนขวาจะเกษียณออกไปเสียดื้อๆ
“ถ้าหมดธุระแล้ว หนูขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ไหนๆก็มาที่สำนักงานแล้ว”
“เออ ตามใจ”
เมื่อหญิงสาวจากไป ขุนนางชั้นผู้ใหญ่พ่นควันบุหรี่ออกมา “บ้างานกันจริงๆ”
วันต่อมา..
สามนินจาโคโนฮะกำลังจะเดินทางกลับหมู่บ้าน สามหนุ่มแสบแห่งเอโดะ พร้อมองครักษ์หน่วยหนึ่งได้ออกมาส่ง
ซาสึเกะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอคนนั้นไม่ได้มา
อิโนะเอ่ยถาม”ซากุระไม่มาส่งเหรอ”
คาโอรุหรือบันไซเดาใจใครบางคนออก “ยัยนั่นคงจะหลับคาสำนักงานแล้ว...มั๊ง”
จบคำเสียงฝีเท้าม้าที่ควบตะบึงมา ซากุระในเครื่องแบบทหารสวมหน้ากาก ลงจากหลังม้าตรงมาหาเพื่อนสาวพร้อมส่งหอบผ้าหอบใหญ่ให้
“อะ นี่ ฝากให้อาจารย์ซึนาเดะด้วยนะ และฝากจดหมายให้อาจารย์คาคาชิด้วยล่ะ”
ซาอิมองหอผ้า”อะไรเหรอครับ”
“ของขอขมาน่ะ ขอให้โชคดีและเดือนหน้าเจอกัน”
ซาอิจัดการวาดนกขนาดใหญ่พาแฟนสาวขึ้นนก ส่วนซาสึเกะขึ้นนกยักษ์ด้วยใจห่อเหี่ยวรังสีมาคุเต็มตัว
“ซาสึเกะ”
เจ้าของนามหันมา หญิงสาวยิ้ม “ตามหารักแท้ต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้”
เพล้ง!
ใจของซาสึเกะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ...ใจร้ายยยยยย!!!!!!!!!!!....
เรมมองไปทางด้านหลังหญิงสาว “บันไซคุงมาพากย์ด้านหลังเบนิคุงทำไม”
ซาสึเกะเบิกเนตรมองไอ้เกรียนหัวชมพูทันที...ไอ้เกรียน ไอ้ปีศาจ!...(เพราะหนูกุสวมหน้ากากปิดหน้าทั้งหมดเลยรู้ว่าพูดรึไม่)
“อย่าคิดใช้เทวีสุริยานะ เดี๋ยวแม่จิ้มตาบอดเลย”หญิงสาวขู่ทันที ก่อนจะหันไปหาแฝดตัวร้าย “นายก็อย่าไปแกล้งเค้าสิ โตๆแล้ว”
“เจ้านั่นมันน่าแกล้งนี่นา”
ซาสึเกะกัดฟันกรอด...ไอ้เจ้านี่ มันเกรียนสมคำร่ำลือจริงๆ เจ้านารูโตะว่าเกรียนแล้วไอ้นี่เกรียนกว่าแถมทำอะไรมันไม่ได้ มีโล่ซีพลัสซากุระอีก!...
ซากุระตรงเข้ามาหา “โชคดีนะ และก็...จงอย่ากลัวที่จะก้าวไปสู่วันพรุ่งนี้...”หญิงสาวเดินกลับไปขึ้นม้าจากไปเช่นเดียวกับสามหนุ่มแสบ ทั้งสี่โบกมือบ๊ายบาย พร้อมกับหน่วยองครักษ์ที่ตะโกนร่ำลา
ซาสึเกะหน้าแดงถึงหู
ซาอิกระซิบข้างๆหูแฟนสาว”แบบนี้คุณซากุระเค้า...”
“ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แบบนี้ น่าจะทุ่มเทให้กับงานมากกว่า แถมเค้าลางความแห้วมาแต่ไกล เลย คู่แข่งมาก”
“จริงครับ ผมเห็นด้วย ว่าแต่เราลืมอะไรรึเปล่าครับ”
“เฮ้!!อย่าลืมช้านนนนนเซ่!!”เจ้าหมาหน้าย่นปั๊กคุงวิ่งมา
เมื่อมาถึงก็กระโดดขึ้นนกยักษ์พร้อมซาสึเกะ
ขณะที่นกยักษ์กำลังบินออกไปไกล ซาสึเกะมองภาพของแคว้นซามูไรที่ยิ่งใหญ่ที่กำลังลับสายตาพร้อมกับภาวนา...ซากุระ ขอให้โชคดีนะ...
อิโนะ“อยู่นี่เอง ซากุระ”
ซาอิ“ถนัดผูกแต่ไม่ถนัดแก้สินะ”
ซาสึเกะหน้าซีด”อย่าบอกนะว่า...สองคนนั้น...”
คู่รักทั้งสองพยักหน้า อิโนะสรุป”ตบกันกระจายกว่าจะแยกเล่นเอาแรงหมด แถมสองคนนั้นก็กำลังตามหาเธออยู่”
งานนี้ทำเอาคนท่ำกำลังกินอมยิ้มที่เหลือชะงักเลย
“น่าเบื่อ ชั้นโดนป๋าตบกบาลแยกแน่...”
ซาอิมองคนที่ทำหน้าเซ็ง “แล้วนี่คุณไปเป่ามนต์มหาระรวยอะไรใส่ล่ะครับ”
“จะไปรู้เราะ เที่ยวพอรึยังล่ะ เดี๋ยวจะพาไปส่งที่เรือนรับรอง”
“อ้าว แล้วเธอล่ะ”
หญิงสาวนำสมารท์โฟนรุ่นให่ออกมาดู “ไปเอาของน่ะ ส่วนเสื้อผ้าพวกนายที่อยู่บ้านชั้น เดี๋ยวให้คุณพ่อบ้านไปส่งให้”
“ก็ได้จ้ะ”
ซาสึเกะตั้งท่า”ชั้นก็จะ...”
“นายกลับไปเรือนรับรองเถอะ นายควรจะพักผ่อนนะ”
อุจิวะหนุ่มยอมเพราะดูเหมือนว่าเธอต้องไปทำงาน“ก็ได้”
ทั้งหมดพากันไปที่รถม้า ส่วนซากุระได้แยกออกไปก่อนแล้ว...
...
ร้านเสื้อผ้า คามิดะ เป็นร้านผ้าที่รับตัดเครื่องแบบตำรวจทหารเอโดะโดยเฉพาะ
อาซาฮินะ สาวน้อยวัยสิบหก ช่างตัดชุดรุ่นที่สี่ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงบ้างคะ ท่านเบนิ พอดีตัวไหม พอดีชั้นถือวิสาสะออกแบบให้ใหม่เลยนะคะ”
ซากุระมองดูตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ตอนนี้เธอสวมเครื่องแบบใหม่ที่เมื่อเช้ามาสั่งตัด แต่ดูเหมอนว่าช่างตัดชุดคนเก่งได้จัดการออกแบบกะไซส์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ชุดในตอนนี้ เสื้อตัวในแขนกุดคอตั้ง และสวมทับด้วยเสื้อโค้ดทหารชายยาว เนื้อผ้าเป็นหนังแขนยาว ชายเสื้อสั้น กางเกงขาสั้น สวมถุงเท้ายาวเลยเข่า และรองเท้าบู๊ท ทุกอย่างล้วนเป็นสีดำ
“แปลกดีนะคงเพราะไม่มีผ้าคลุม”
“ตอนนี้ท่านดูดีมากเลยค่ะ อีกอย่างผ้าคลุมก็ดูเชยแถมดูเกะกะนะ แหม ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน ไม่นึกว่าจะสวยแบบนี้นะ”ร่างบอบบางเข้าโอบกอดจากด้านหลัง
“หน้าตาชั้นมันก็ธรรมดานะ ไม่ได้สวยอะไร”
“ใครว่าล่ะคะ ท่านเบนิออกจะน่ารักนะคะ อีกไม่กี่เดือนน่าจะมีงานประลองฝีมือด้วยสินะ ท่านเบนิจะเข้าร่วมใช่ไหมคะ”
“แน่นอน เรื่องนี้ชั้นไม่พลาดหรอก ระหว่างนั้นชั้นก็จะฝึกฝนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
“อย่าหักโหมนะคะ ได้ยินว่าท่านเบนิเป็นนินจาด้วยนี่นา แถมเป็นนินจาแพทย์ มันหนักนะคะ”
“ไม่หรอก แค่นี้สบายมาก ขอบคุณนะ ชั้นขอรับเครื่องแบบชุดนี้ไปก่อนส่วนที่เหลือ ช่วยส่งไปที่บ้านฮารุโนะด้วยก็แล้วกัน ส่วนเงินชั้นจะโอนให้”
“ขอบคุณค่ะ”ช่างตัดชุดสาวจุ๊บแก้มให้ทีหนึ่ง
หญิงสาวจัดการเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิม แล้วจัดการไปโอนเงินค่าเครื่องแบบให้
“ไปสำนักงานดีกว่า”
...
สำนักงานปกป้องแคว้นเอโดะ
คาโอรุในตอนนี้แทบจะจทกองเอกสารที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาส่งมาให้ตรวจและเซ็นต์อนุมัติ
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ”
“ห๋า”ตาสีฟ้ามองคนที่มาทักเต็มตา”เบนิ มาทำไม”
“ก็เอาช็อกโกแคทมาให้น่ะสิ”
“เธอไปซื้อมาเหรอ?”
“มีคนใจดีให้มาน่ะ ก็ดีชั้นขี้เกียจเดินหาให้เมื่อย”
ชายหนุ่มรับกล่องช็อกโกแลตสีสวยมา
“งานท้วมกบาลแล้ว ทำไมไม่มาช่วยบ้าง”
“ตัดเครื่องแบบใหม่นี่นา ความจริงอาซาฮินะเค้าทำให้ชั้นนานแล้ว ดีที่ไปวัดตัว แก้ไซส์ได้ทัน”
“พุ่งยื่นรึ ไอ้หน้าอกซีพลัส”
...
“อ๊ากกกกปล่อยช้านนน!!!!”
เสียงร้องโหยหวนของหัวหน้วยองครักษ์ดังลั่นกรมเหตุเพราะ...
โดนฝาแฝดที่ไม่ใช่ฝาแฝดใช้ท่า Sharpshooter จัดการทำเอาคาโอรุร้องโหยหวนไม่เป็นภาษา พยายามดิ้น
“อย่างนายมันต้องโดนอย่างนี้”ว่าจบหญิงสาวก็ออกแรงเพิ่ม
“โอ๊ยยยยย!ปล่อยช้านนนนเถอะ จะตายแล้วววว”
“ปากหมาๆแบบนายมันต้องเจอแบบนี้!”
“โอ๊ยยยย!ยอมแล้วๆๆๆๆ”
งานนี้เรมและริวโอต้องช่วยกันแยกก่อนที่ทหารและตำรวจทั้งหมดจะหูดับเพราะเสียงร้องอันโหยหวนของหัวหน้าองครักษ์อย่างบันไซ
“ขี้หูอั๊วเต้นจังหวะแซมบ้าเลี้ยวน่อ อาบันไซ ลื้อนี่พลังเสียงสุดยอดมากเลย”
หนุ่มผมชมพูหน้าหงิก”ลองมาโดนอย่างชั้นดูมั้ย แล้วขี้หูแกต้องรำมวยจีนไม่ใช่เรอะ”
“หนวกหูน่อ ไอ้เจ้าบ้าหน้าโง่”
“ว่าไงนะ”
สองหนุ่มจะเริ่มตีกันแต่เรมจัดการเอาช็อกโกแลตยัดปากคนละชิ้นจนหายใจแทบไม่ออกเพราะช็อกโกแลตชิ้นใหญ่มาก
เรมหันไปมองคนที่กินขนมอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “แต่เบนิคุงก็ทำเกินไปนะ”
“หึ”
“อย่าอารมณ์บูดซี่ เบนิ ไปเดตกันไหม”
หญิงสาวมองเพื่อนหัวเงินอย่างไม่เชื่อสายตา
”ก็ได้”
ส่วนสองหน่อช็อคค้าง...ตอบรับง่ายเกินไปแล้ว...
หญิงสาวยิ้ม เหล่ตามองเพื่อนที่ช็อคก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนหัวเงิน “วันไหน กี่โมง”
“ค่ำนี้ จะไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมครับ”
“ก็ดี ไปส่งทีสิ ยูกิอยู่บ้านชิอินะ ไม่ได้มาด้วย”
คาโอรุได้สติก็รู้ว่า มันเป็นเรื่องงาน “จะไปกันสองคนรึ”
“ครับ บันไซกับริวโออยู่ชำระงานเถอะนะ”
ริวโอทำหน้ามุ่ย “เอาอีกเลี้ยวน่อ ลื้อสองคนชอบรู้อะไรแล้วไม่ยอมบอก”
หญิงสาวเพียงหนึ่งมองช็อกโกแลตในมือ รอยยิ้มฉายบนหน้า“ก็แหม...เรื่องบางอย่าง ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดีนะ อ้อ ฝากนายตบตาด้วยล่ะบันไซ เพราะช่วงนี้ชั้นรู้สึกว่ามีคนจับตาดูชั้นอยู่...”ว่าจบก็นำช็อกโกแลตนั้นกัดกิน
...
ค่ำนั้น...
เรมในเครื่องแบบตำรวจสีขาวสวมผ้าคลุมสีดำ เข้ามายืนรอหญิงสาวหน้าบ้านฮารุโนะ
ซากุระที่สวมเครื่องแบบใหม่และหน้ากากจิ้งจอกสีขาวแดง ก้าวออกมา เรมยื่นผ้าคลุมสีดำให้
“โรแมนติกดีนะครับ”
“คงงั้นนะ แต่นี้มัน คืนเดือนดับนะ”
“เครื่องแบบใหม่ สวยดีนะครับ หน้ากากก็ด้วย”
“ขอบคุณ มิน่าสาวติดตรึม”
ฮ่ะๆนั่นมันเบนิคุงต่างหาก ไปกันเถอะ”
หญิงสาวสวมผ้าคลุมก่อนปีนขึ้นหลังม้า เมื่อเห็นว่าหญิงสาวขึ้นม้าเรียบร้อย เค้าจึงบังคับม้าไปยังที่หมาย
...
สุสานร้าง
สุสานสำหรับเจ้านายผู้กระทำผิด
ชายชราผู้ดูแลสุสานถือตะเกียงออกมาต้อนรับ “พวกเจ้าใช่มั้ยที่ติดต่อมา”
“ครับ...กรุณานำทางไปที่หลุมศพของท่านซุยดันด้วย”
“ตามมาสิ”
สองหนุ่มสาวลงจากหลังม้าตามหลังชายชราไป
ชายชราบ่นพึมพำ”ให้ตายสิ ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยน้า กลางวันไม่ว่างรึไง”
เมื่อมาถึง หลุมศพนั้นเป็นหลุมศพแบบคนธรรมดา ไม่มีใครมาไหว้
ชายชราทำหน้าที่ถือตะเกียงในขณะที่เรม ถือจอบขุดหลุมศพอย่างไม่ปริปากบ่น
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เรมก็ขุดเจอโลงศพ
“ฝังเอาไว้ลึกมากเลยนะครับ”
ชายชราเอ่ยเสียงขุ่น”ก็แหงสิ การฝังศพเจ้านาย ต้องขุดหลุมลึกกว่าคนสามัญ เพื่อฝังสมบัติ แต่นี่คือกบฏ สมบัติจึงโดนยึดเข้าคลังหลวงหมด แต่เราก็ต้องทำตามประเพณี ช่างน่าอนาถจริงๆ”
หญิงสาวที่เงียบอยู่ตั้งแต่แรกออกคำสั่ง”เปิดโลง”
เรมเปิดโลงในทันที ภายในนั้นเหลือแต่โครงกระดูก ภายในโลงมีแต่ซากแมลง ชวนขยะแขยง แต่มีบางสิ่งที่ผิดสังเกต
หญิงสาวนำกระดูกชิ้นหนึ่งออกมา “กระดูกปลอมเหรอ?”
ชายชราร้องอุทาน”ห๋า? ไม่จริง ข้าเป็นคนฝังศพนี้กับมือเลยนะ ข้าเฝ้าที่นี่มานาน ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
“ลุงอย่าร้อนตัวซี่ ขอนำของสิ่งนี้ไปตรวจก่อนนะ ฝากฝังให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ ไปกันเถอะเรม”
เมื่อทั้งสองตัดสินใจไปที่สำนักงานปกป้องแคว้นเอโดะ แล้วจัดการให้หน่วยวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจสอบชิ้นกระดูกที่นำมาเพื่อยืนยัน
“ถ้าเป็นไปได้ ชั้นอยากจะได้ผลตรวจที่เร็วที่สุดนะ”
หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์รับคำแข็งขัน“ครับ”
...
เรมได้จูงม้าให้หญิงสาวนั่ง “เบนิคุง”
“อะไรเหรอ...”
“คิดยังไงเรื่องดูตัวครับ”
“ก็ไปตามมารยาท ตอนนี้ชั้นน่ะ ไม่คิดเรื่องแต่งงานหรอกนะ งานต้องมาก่อน”
“สมเป็นเบนิคุงเลยนะ...ตอนเย็นได้กินอะไรรึยัง”
“ยังเลย กะจะกลับไปกินที่บ้าน”
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมไปส่ง บ้านฮารุโนะใช่ไหม”
“อืม...ขอบใจ”
วันต่อมา...
บ้านฮารุโนะ
ซากุระถูกปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งตัวไปงานดูตัว กับ ตระกูล นาโอ ตระกูลซามูไรที่รับใช้ตระกูลยาไมริ ที่มีลูกชายสามคน คนแรกกินตำแหน่งทหารเรือ แต่งงานแล้ว คนที่สอง หัวหน้าฝ่ายยุทโธปกรณ์แคว้นเอโดะแต่งงานแล้ว คนที่สาม รู้จักกันในนามชิโอะ ว่าที่กรมราชทัณฑ์คนต่อไป
แต่น้อยคนที่จะรู้จักคนตระกูลชิอินะ เพราะไม่ชอบเปิดเผยตัว นานๆทีจะออกงานสังคมซักงาน
ขณะที่โดนขัดศรีฉวีวรรณ ซากุระก็คิดอะไรไปเรื่อยตามประสา...สงสัยตระกูลยาไมริจะต้องการวางรากฐานอำนาจสินะ แต่ตอนนี้อำนาจตระกูลนี้ก็เทียบท่านโชกุนซาบุโร่ได้แล้วนะเนี่ย...
หลังจาที่สวมกิโมโนเสร็จ ฝาแฝดที่ไม่ใช่ฝาแฝดก็เข้ามาในห้อง
“หน้าบูดแต่เช้าเลยนะ มีอะไรรึ คาโอรุ”
“เมื่อคืนโดนไอ้บ้าบางคนมาตามมา”
“เหรอ แล้วนายทำยังไง”
“ก็ทำไง ชกหน้าไปเปรี้ยงหนึ่งน่ะ”นึกแล้วก็อารมณ์เสียไม่หาย จู่ๆก็มาดักหน้าคนกำลังจะปลดทุกข์ เลยชกหน้าเข้าให้
“หึ สมน้ำหน้ามัน”
“แล้วเมื่อคืน...”
“รอผลการตรวจจากแผนกวิทยาศาสตร์ก่อน อย่าไปเร่งล่ะ นายจะไปสำนักงานเลยไหม”
“อืม ยังไงก็ต้องไปควบคุมความเรียบร้อยน่ะนะ”
“โชคดี”
“เช่นกัน”
หญิงสาวถูกจับแต่งหน้าเรียบร้อย วันนี้ เธอถูกจับใส่กิโมโนสีชมพูหวานลายกลีบซากุระ ติดกิ๊บดอกไม้สีแดงมีพู่สีทองห้อยประดับผมสวยงาม
ขณะที่กำลังรอรถม้าจากบ้านชิอินะมารับ ก็มีใครบางคนมาหาเธอ
ซาสึเกะตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดกิโมโนสีชมพูหวานเข้ากับโอบิสีแดง ถึงผมจะตัดสั้นแต่เธอกลับยังคงสวยสง่าน่าหลงใหล เหมือนเจ้าหญิงจากแดนไกล...
“มีธุระอะไรรึเปล่า ซาสึเกะ”
“เอ่อ วันนี้เธอสวยจัง...”
หญิงสาวหน้าขึ้นสีเมื่อถูกชม แต่แล้วหญิงสาวก็สังเกตรอยช้ำที่ขอบตาของชายหนุ่ม เธอจึงเข้าไปใกล้พลางลูบใบหน้าอย่างอ่อนหวานแล้วรักษาให้
“ขอโทษทีนะ ชั้นไปทำงานน่ะ คาโอรุเลยสลับตัว”
“งานสำคัญเหรอ”
“อืม วันนี้ก็ต้องไปงานดูตัว วันนี้นายก็เที่ยวให้สนุกเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วนะ”
ซาสึเกะจับมือบางไว้”ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
“เรื่องของชั้น นายไม่ต้องสนใจหรอก เชิญทำหน้าที่ของนายต่อเถอะนะ...ชั้นเองก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน”
คำพูดของเธอทำเอาชายหนุ่มสะอึก “ขอบอกอะไรหน่อย”
“อะไร”
“ชั้นตกหลุมรักเธอแล้ว ถึงเธอจะไม่รักชั้นแต่ชั้น...ก็จะไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
หญิงสาวยิ้มรับ”จะทำอะไรก็ตามใจแต่...ให้มันอยู่ในขอบเขตด้วยล่ะ”
ไม่นานรถม้าของตระกูลชิอินะก็มาถึง คุณพ่อบ้านที่ทำหน้าที่บังคับม้า ได้จัดการเปิดประตูพร้อมประคองให้คุณหนูคนงามขึ้นรถไป
ซาสึเกะจึงตัดสินใจเดินเล่นต่อในแคว้น...เธอคิดอะไรกันแน่นะ ซากุระ...
...
ร้านอาหารอูมามิยากิชิ
ร้านอาหารเก่าแก่ของแคว้นเอโดะ ที่ลือชื่อเรื่องอาหารอร่อยเลิศรส และยังคงตามแบบต้นตำรับโบราณที่ครองใจผู้คนมานาน ร้านเป็นสไตล์โบราณอันเป็นเอกลักษณ์มีสวนร่มรื่นย์และต้นบอนไซที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี โดยส่วนมากลูกค้าคือชนชั้นสูง ผู้ดีมีเงินทั้งหลาย...
ครอบครัวฮารุโนะได้ถูกเชิญมาพร้อมหน้าโดยมี ชิอินะ โทชิกิ ผู้นำตระกูลชิอินะ เป้นผู้นำ
คุณปู่มองหลานสาวด้วยสายตาชื่นชม “งดงามจริงๆวันนี้ ชั้นนึกว่าแกจะปฏิเสธนะ นังหนู”
หญิงสาวไม่โต้ตอบอะไร
คนเป็นปู่หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ คิซาชิพอเข้าใจลูกสาว ก็รู้ทันทีว่า เจ้าตัวมุ่งแต่งานมากกว่า แต่ที่ต้องมาดูตัวแบบนี้เพราะไม่การสร้างความขัดเคืองให้เจ้านายตระกูลยาไมริ
เมบุกิกระซิบสามี”คุณคะ แบบนี้จะดีเหรอ...”ถึงอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานแต่ก็ไม่อยากให้โดนบังคับแบบนี้
คิซาชิกระซิบปลอบ“เมบุกิ ทำตัวตามสบายเถอะ ลูกสาวเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้ารู้ดีว่า อะไรควรไม่ควรนะ “
เมื่อมาถึงห้องรับรองที่ถูกจองไว้
พ่อสื่อครั้งนี้คือ ท่านขุนนาง ยามาบุชิ โอกิยามะ ขุนนางเฒ่าฝ่ายพลเรือนวัยร้อยปี เพื่อนสนิทของชิอินะ โทกิชิ ครั้งนี้แต่งตัวชุดฮากามะเต็มยศ
“โอ้เพื่อนรัก มาเสียที”
โทชิกิหัวเราะก่อนจะโค้งให้เพื่อนตามมารยาท “โฮ่ๆ เช่นกันๆ ขออภัยที่มาสาย”
“ไม่เป็นไรๆ นั่นหลานสาวเหรอ สวยจริงๆ เหมือนเจ้าหญิงคางุยะบนดวงจันทร์เลย”
คนถูกชมยิ้มเอียงอายอย่างมีจริตตามที่ถูกสอน
“อ่า ทางตระกูลนาโอ รออยู่เชิญๆ”
พอมาถึง ก็พบว่าตระกูลนาโอ มี ผู้นำคนปัจจุบัน นาโอ โอคิตะ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ คุณหญิงนาโอ นามิ และลูกชายคนสุดท้อง นาโอ นางิสะ
นางิสะหรือชิโอะดูตกใจและตะลึงไม่ใช่น้อยที่ฝ่ายหญิงคือเบนิ
หญิงสาวจัดการทำความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ฮารุโนะ ซากุระ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มก็ทำความเคารพเช่น “นาโอ นางิสะ ยินดีที่ได้ที่ได้รู้จักขอรับ”
ผู้นำตระกูลพินิจดูหญิงสาว”สวยจริงๆ ไม่ทราบว่า รับราชการฝ่ายไหน”
ลูกชายเป็นคนแนะนำเสียเอง “เธอคือเบนิ เสนาธิการทหาร ขอรับ คุณพ่อ”
“โอ้! ไม่น่าเชื่อ ร่างบอบบางอ้อนแอ้นแบบนี้จะเป็นทหาร แถมฉลาด สามารถส่งขุนนางโฉดไปนอนคุกได้แบบนี้ ท่านมีลูกสาวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้านั้นมีแต่ลูกชาย”
คิซาชิยิ้มรับคำชม “ไม่หรอกท่าน ข้าต่างหากที่อิจฉาท่าน ท่านมีบุตรชายตั้งสามคน ช่างโชคดีนัก”
คุณหญิงนาโอมองหญิงสาวที่ผู้ใหญ่ชวนให้มาดูตัว “แม่หนู เจ้าพอจะเก่งศิลปะด้านใดบ้าง”
“ดิฉัน พอเก่งการดนตรีบ้างเจ้าค่ะ”
ทำเอาบุตรชายหน้าซีดเพราะเคยแพ้โคโตะเจ้าหล่อนมาหมาดๆ...ท่านแม่นะท่านแม่ ไปท้าใครไม่ท้านะขอรับ...
คุณหญิงนาโอยิ้ม“ที่นี่มีดนตรีเอาไว้บริการ แต่ดิฉันอยากจะฟังเพลงที่แม่หนูบรรเลงโคโตะสักเพลงจริงๆ”
ซากุระโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม”เจ้าค่ะ ดิฉันจะตั้งใจเล่นอย่างสุดฝีมือ”
คุณหญิงตบมือเป็นสัญญาณให้ พนักงานนำโคโตะเข้ามาในห้อง
ผู้นำตระกูลนาโอหัวเราะชอบใจเช่นเดียวกับคิซาชิ ส่วนสองผู้เฒ่าต่างจิบสุรากันอย่างเงียบๆ
หญิงสาวเคลื่อนตัวมานั่งที่หน้าโคโตะ โค้งศีรษะเชิงอนุญาตก่อนจะเริ่มบรรเลง
บทเพลงที่บรรเลงมา ช่างแว่วหวานชวนเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
...
“ยัยโหนก เล่นดนตรีเก่งขนาดนี้ตั้งแต่มื่อไหร่กัน”อิโนะที่รู้เรื่องงานดูตัวจึงแอบบตามมาพร้อมใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูเช่นเดียวกับซาอิ
“คุณอิโนะครับ อย่าดูถูกคุณซากุระนะครับ คืนงานเลี้ยงบนเรือสำราญ เธอเล่นดนตรีชนะคนหลายคนเลย รวมทั้งคนที่มาดูตัวด้วย”
“จริงดิ สุดยอด”
“ตอนนั้นคุณมัวแต่คุยเลยไม่ได้ฟัง”
...
เมื่อบทเพลงบรรเลงจบ ทุกคนต่างชื่นชมหญิงสาว ที่มีความสามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะยิ่งนัก
ขุนนางยามาบุชิ หัวเราะลั่นพลางปรบมือ”ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นคนจากตระกูลชิอินะ ฝีมือเล่นดนตรีช่างเก่งกาจ...เอ้า พ่อหลานชาย เราเองก็บรรเลงเพลงบ้าง”
เหล่าพนักงานได้ทำการย้ายโคโตะไปยังฝั่งของนาโอ นางิสะ ชายหนุ่มโค้งศีรษะเชิงขออนุญาตก่อนจะบรรเลงโคโตะ ฝีมือของชายหนุ่มเองก็ใช่ย่อยทำเอาทุกคนเคลิบเคลิ้ม
หลังจากนั้น สองตระกูลก็สนทนากันต่อ โดยส่วนมากจะเป็นชายสี่คนคือ นาโอ โอคิตะ ฮารุโนะ คิซาชิ ขุนนางเฒ่ายามาบุชิ และชิอินะ โทกิชิ
เมบุกิ รู้สึกไม่ถูกชะตากับคุณหญิงนาโอ เพราะดูเจ้ายศเจ้าอย่างเสียเหลือเกิน
ขุนนางเฒ่ามองไปที่สองหนุ่มสาว “เด็กๆ ออกไปชมสวนเถอะ เวลานี้กำลังงามนัก”
หญิงสาวและชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะออกนอกห้องไป
นางิสะหรือชิโอะ เข้าพยุงทันทีเพราะกิโมโนที่หญิงสาวสวมนั้นมันหนาและหลายชั้นมาก
“ผมช่วยนะ ซากุระจัง”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นเดินไหว นางิสะคุง”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน”ขอเรียกว่าซากุระจัง ได้ใช่ไหม”
“ได้สิ ชั้นขอเรียกนายว่านางิสะ ด้วยนะ”
“ได้”
ทั้งคู่เดินออกมาที่สวน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีขาวของหิมะที่โปรยปรายเมื่อคืน
“สวยจัง”
“แต่ชั้นว่าเธอสวยกว่านะ”
“ปากหวาน...”
“พูดความจริงนี่นา”
“พูดแบบนี้สาวติดตรึมแน่ๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ชั้นคงสู้เธอไม่ได้แน่ พอเป็นชายก็หล่อ พอเป็นหญิงก็มีเสน่ห์...”
“ฟังแล้วแหม่งๆ แต่จะถือว่านั่นคือคำชมนะ”
“แล้วถ้า...ต่อจากนี้...ชั้นจะขอจีบเธอล่ะ”
“เอ๋?”หญิงสาวหันไปประจันหน้า
ชายหนุ่มยิ้มบาง “เพราะชั้นจะ...จีบเธอน่ะสิ”เค้าเข้าดึงมือบางมากุมไว้ “ชั้น...จะไม่ให้เธอต้องไปเสี่ยงอีก ชั้นรู้ว่าเธอเก่งนะ แต่เธอน่ะไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระนั้นคนเดียวหรอก ชั้นไม่อยากให้เธอมาอยู่ในโลกของการต่อสู้นี้ ชั้นรู้ดี ผู้ชายทุกคนที่หลงรักเธอน่ะ เค้าก็คิดแบบเดียวกับชั้น ไม่อยากให้เธอต้องไปเสี่ยง”
หญิงสาวยิ้มรับ ใบหน้างามขึ้นสีระเรื่อนิดๆ “ขอบใจนะ แต่ตอนนี้ชั้นมีหน้าที่อีกมากที่ต้องทำ”
หิมะเริ่มโปรยปราย
ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะปล่อยมือแล้วถอดเสื้อคลุมสีดำของตนมาสวมทับกิโมโนของร่างบาง “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องรักษาสุขภาพให้มากๆ เอาไปคลุมซะ และชั้นจะเป็นกำลังให้เธอเอง...”
“ขอบคุณมาก”
หลังจากกินอาหารร่วมกัน สองตระกูลก็ล่ำลา
ระหว่างทางกลับ
คิซาชิเอ่ยถามลูกสาว
“ลูกคิดว่านางิสะคุงเป็นยังไง”
“ในแง่ไหนคะ คุณพ่อ”
“ก็...ในแง่ผู้หญิงไง”
“เป็นสุภาพบุรุษค่ะ แต่คงเข้ากันไม่ได้ หนูไม่ได้คิดกับเค้าในฐานะคนรักแต่คิดแค่ว่าเค้าเป็นผู้ร่วมงานเท่านั้น อีกอย่างคุณหญิงนาโอดูจะไม่ชอบหนูซักเท่าไหร่ ใช่ไหมคะคุณแม่”
“จริงอย่างที่สุด”
คิซาชิเอ่ยกับภรรยาเสียงอ่อน”แม่...เราแค่มาเพื่อรักษามารยาท รักษาหน้าของตระกูลชิอินะและนายเหนือหัว”
โทชิกิพยักหน้า”จริงที่สุด เมบุกิ ตอนนี้เราไม่ควรเอาแต่ใจ ยามาซารุถึงจะเป็นขุนนางโฉดสถุนแค่ไหนแต่มันก็เป็นคนที่คอยค้ำอำนาจท่านซาบุโร่อยู่ ตอนนี้มันเข้าซังเตแล้ว ก็มีตระกูลเราเนี่ยแหละที่พวกยาไมริจะยังกลัว ถึงได้หาทางผูกสัมพันโดยการเป็นพ่อสื่อหลังม่านแบบนี้”
ซากุระเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอือมๆ”ช่างโง่เขลานัก ตระกูลซามูไรน่ะไม่ยอมเครื่องมือของพวกเจ้านาง่ายๆหรอกแต่...ยังดีที่มีคำสัญญากบฏสิบตระกูลอยู่นะคะ”
ผู้เป็นบิดาถอดใจอย่างโล่งอก”นั่นสินะ ไม่งั้นพวกท่านชายทั้งหลายคง...ไม่อยากจะพูด”
เมบุกิหน้าซีด จนลูกสาวต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณแม่ไม่สบายรึคะ”
“แม่ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ไม่สบายใจ แม่เป็นห่วงลูกนะ”
“อย่ากังวลค่ะ หนูน่ะมีแผนสำรองอยู่แล้ว ระหว่างนี้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ที่เอโดะสักระยะเถอะนะคะ เพื่อความปลอดภัย”
...
หลังจากงานดูตัว หญิงสาวแวะที่บ้านฮารุโนะจากนั้นก็จัดการเปลี่ยนชุดลบเครื่องสำอาง เป็นเครื่องแบบทหารสวมหน้ากากเต็มยศ ก่อนจะขี่ยูกิ (ที่คาโอรุพามาไว้ที่บ้านฮารุโนะเรียบร้อย)ไปยังสำนักงาน
ยังไม่ทันลงจากหลังม้า หน่วยวิทยาศาสตร์ก็วิ่งพรวดมาหา
“ท่านเบนิ ผลตรวจออกมาแล้วครับ”
หญิงสาวยกปราบ”ค่อยๆหายใจ ไปพูดข้างในนะ”
“คะๆครับ”
เมื่อเข้ามาในสำนักงานผลตรวจนั้นก็คือ เป็นกระดูกปลอม
นากาโนะแผนกวิทยาศาสตร์อธิบาย “คือ ทำเหมือนจริงมาก”
เรมที่ยืนข้างๆ”จะเอาไงครับ”
“ท่าทางมันจะสับเปลี่ยนตัวกันตอนไหนนะ ซุยดันน่ะไม่เหมือนคนอื่น โดนขังที่ซาโกมะ จำได้ว่า มันฆ่าตัวตายนี่นา แถมศพ พวกเราก็ไปดูพร้อมชิโอะนะ สงสัยคงต้องสอบถามดูล่ะ”
ชิโอะเร่งเดินทางมาพบทันที
หลังจากแจงเรื่องให้ทราบชิโอะก็นึกถึงบาง”ผมจำได้ว่า ทีมเคลื่อนย้ายศพ เสียชีวิตหมดครับ”
เรมตั้งข้อสังเกต“ถูกฆาตกรรมรึ”
“เปล่า ป่วยตายบ้าง อุบัติเหตบ้าง อย่างล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน โดนจลาจลม้าของผู้ดีตระกูลหนึ่งเกิดคลั่ง รถเตลิดไปชนคนเข้า ”
หญิงสาวกุมขมับ”อุบัติเหตุมีอะไรบ้างพอจะจำได้ไหม”
“มีเป็นข่าวดังที่เอโดะเลย”
ริวโอเอ่ยขึ้น”ข่าวนั่นใช่ม้า”
บันไซเลิกคิ้ว“อะไรเหรอ”
เรมเป็นคนอธิบาย”เมื่อสามเดือนก่อน มีอุบัติเหตุเบียดกันขึ้นรถไฟน่ะครับแล้ว มีคนตกชานชลา โดนรถไฟชน สภาพศพดูไม่ได้เลย”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่นาน”บางที...เป้าหมายของศัตรู อาจจะไม่ได้แค่หมายเอาชีวิตของชั้นหรือไอ้สามบ้าก็ได้”
ริวโอโพลงถามด้วยความโมโห “แล้วอะไรล่ะ”
“ทำให้พวกเรา ที่มาจากตระกูลซามูไรเกิดความแตกแยกน่ะสิ”
สี่หนุ่มตกตะลึง หญิงสาวเพียงหนึ่งอธิบายต่อ “บางที ซุยดันอาจจะอยู่เบื้องหลังก็ได้ แต่ตอนที่มันตาย เราก็ไม่ตรวจศพเองกับมือ”
ชิโอะพยักหน้า”ใช่ แถมก่อนหน้านั้น เกาะซาโกมะเกิดมรสุม นักโทษไม่สามารถออกมาจากห้องขังได้ แค่ขึ้นฝังยังทำไม่ได้เลย ใช้ยานเหาะก็ต้องแจ้งเรื่องมาก่อน เพื่อแจ้งตำแหน่ง”
หนุ่มชมพูตัดสินใจยุติปัญหา “ตอนนี้เรายังไม่ควรสรุปอะไร ไม่แน่ การที่มีขโมยศพ ก็อาจจะแค่ เอาศพไปฝังตามประเพณี เพราะความซุยดันมีมาก เกินกว่าจะอยู่คุกหลวงและฝังศพแบบมีเกียรติ์น่ะนะ”
ชิโอะพยักหน้า”นั่นก็จริง ตอนนั้น ภรรยาของเค้ามาอ้อนวอนต่อคุณพ่อชั้น ทั้งติดสินบนเงินจำนวนมหาศาล ให้นำศพของสามีไปทำพิธี แต่คำสั่งของนายเหนือหัวคือให้ฝังที่สุสานร้างและห้ามทำพิธีเซ่นไหว้ ว่าแต่ทำไมเธอถึงสงสัยเรื่องของซุยดันล่ะเบนิ”
“มีใครบางคนส่งข่าวเรื่องชั้นเป็นนินจาให้ยามาซารุเมื่อสามเดือนก่อนน่ะสิ อีกอย่างซุยดันเป็นขุนนางฝ่ายยาไมริที่เลี้ยงนักฆ่าเอาไว้มากด้วย”
“ชั้นจะช่วยเธออย่างเต็มที่”
“ขอบใจ จริงสิ ชั้นมีเรื่องจะไหว้วานนายหน่อย”
“อะไรเหรอ”
“ช่วยจับตาดูครอบครัวของซุยดันได้ไหม”
“ได้ ผมจะให้คนส่งข่าวให้”
“ขอบคุณ”
“นายก็ด้วยเรม”
“อะไรเหรอครับ”
“ตอนนี้ ชั้นอยากให้นายสืบความเคลื่อนไหวของพวกขุนนางทั้งอิเคบุ และ ยาไมริ”
“ครับๆงานช้างเลยนะนั่น”
หญิงสาวหรี่ตา หนุ่มผมเงินเกาหัว”ครับๆ”
“ดีมาก น่ารัก”
ริวโอเข้าอ้อน”ชมอั๊วมั่งซี่”
“น่ารักตาย”
ชิโอะเข้าใกล้”ชมชั้นด้วยซี่”
“นี่ก็อีกคน”
หนุ่มผมชมพูเริ่มเดือดปุดๆจนเรมต้องถอยห่างสองหนุ่มต่างกระเเซะสาวน้อยเพียงหนึ่ง
ตู้ม!!
“หยุดเลยนะโว้ย ไอ้พวกเวร!!!”สองหนุ่มที่เข้ากระแซะกระเด็นไปคนทางเพราะบันไซจับเหวี่ยง
หญิงสาวกุมขมับ”ไม่ไหวๆ นายนี่มันยังไม่โตจริงๆ ความขายหน้าของตระกูลชัดๆ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็นายต้องไปงานดูตัวในอีกสองวันน่ะสิ แถมท่านซาบุโร่ยังเป็นพ่อสื่ออีกนะ”
งานนี้ทำเอาหนุ่มผมชมพูช็อควิญญาณหลุดทันที
เรมวิเคราะห์”ดูท่า ไม่ใช่ฝั่งยาไมริ สินะที่คิดจะผูกสัมพันกับตระกูลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม”
ชิโอะหัวเราะลั่น”แต่คงยากนะเพราะ พวกเราไม่ใช่ตัวหมาก”
ริวโอร่วมผสมโรง”จิงน่อ ดูถูกพวกเราจิงๆ พวกเราไม่เล่นไปตามเกมส์หรอก”
ชิโอะแสยะยิ้ม”แต่ถ้า เรื่องแต่งงานล่ะก็ ผมต้องการเบนิเป็นเจ้าสาวนะ”
“ฝังไปน่อ”
“แกน่ะ พูดให้ชัดก่อนเถอะ!”
สองหนุ่มเริ่มกัดกัน โดยที่เรมพยายามห้า ส่วนบันไซวิญญาณยังไม่เข้าร่าง
เสียงข้อความดังขึ้น หญิงสาวสวมหน้ากากเปิดข้อความดู “ของเสร็จแล้วแฮะ...พวกนายยังกัดกันไม่เลิกล่ะก็ เดี๋ยวแม่ฆ่าซะเนี่ย”
สี่หนุ่มหยุดนิ่งทันทีทันใด
“แยกย้าย ทำงานเถอะ ช่วงนี้ทุกคนก็ระวังตัวด้วยนะ”
อีกด้าน
ซาสึเกะได้เดินเล่นในแคว้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอกับ อาจารย์เจ้าสำนักดาบชื่อดังของเอโดะ อย่าง โชจุกิ โช โดยบังเอิญวันนี้เค้าสวมยูกาตะสีเขียวและผ้าพันคอสีเทา ผมดำยาวนั้นปล่อยสบายๆ
ชายหนุ่ม?ก็หันไปมอง เกิดนึกสนใจเพราะดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนินจา
“มาเที่ยวรึ? พ่อหนุ่มนินจา”
“เอ่อ...”
“น่าสนใจ มาดื่มชากันไหม ข้าเป็นเจ้ามือเอง”
“ก็ได้...”
สองหนุ่มต่างวัยมาที่ร้านน้ำชาเก่าๆ
หลังจากที่โช สั่งอาหารแล้ว ซาสึเกะไม่ได้สั่งอะไร โชจึงสั่งให้ เมื่อพนักงานนำของที่สั่งมาเสิร์ฟ โชยกชาแดงที่สั่งมาจิบทีหนึ่ง
“อร่อยจัง จริงสิ เจ้าชื่ออะไร”
“อุจิวะ...”
“อุจิวะ ซาสึเกะ ว้าว ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้พบตัวจริง เจ้าดูต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้มาก”
“ท่านรู้จักผม”
“รู้สิ ก็เป็นอาชญากรโลกนินจานี่นา แต่น่าเห็นใจ เรมเคยมาพูดกับข้าอยู่ เรื่องตระกูลของเจ้า”
“เรมเป็นคนหาข้อมูลช่วยผมนี่นา”
“แต่เบนิเป็นคนขอร้อง เด็กคนนั้นเป็นพวกที่ขี้สงสารแต่ไม่แสดงออกอยู่ด้วย”ชายอายุมากกว่ายิ้ม“เจ้าคงรู้แล้วว่า ข้าเป็นอาจารย์ของไอ้เด็กนรกสี่คนนั่น”
“ครับ...”ก็นะ มีเจ้าผีกวนส้นXรีนสาธยายไว้แล้วนี่หว่า
“เจ้าคงจะรู้จักแล้วสิ ว่าเบนิมาจากตระกูลไหน”
“รู้ ผมเป็นเพื่อนเธอนี่”
“แล้วเจ้าคิดกับเบนิว่าเป็นแค่เพื่อนรึเปล่าล่ะ”
งานนี้หน้านินจาหนุ่มแดงระเรื่อ
“เสน่ห์แรงนะเนี่ย หึ แต่เห็นอิทธิฤกษ์เจ้าหล่อนยัง ไม่สิ ต้องพูดว่าตระกูลของเค้า”
หน้าของซาสึเกะเริ่มซีด ...จะน่วมตาย ตระกูลชิอินะ บ้าพลัง โมโหร้าย ใจนักเลงทุกคน...”ก็เกือบหมดนะครับ ญาติ และยัยนั่น”
“โอ้ นี่ดีนะ ไม่เจอคิซาชิด้วยน่ะ รายนั้นน่ะ อัดชาวบ้านนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปก็หลายรายข้อหารังแกลูกสาว ตอนอยู่โคโนฮะนี่ ประจำ แต่ก็ใช้เงินอุดปากไม่ให้ข่าวรั่วตลอด”
“เรื่องจริงเหรอ”
“จริง หึๆชั้นตามข่าวลูกศิษย์ชั้นทุกคนนั้นแหละ เจ้านั่นเป็นใจร้อน ใจกล้าหน้าด้าน หวงลูกสาวยิ่งชีพ ตอนไปชวนยัยหนูมาเป็นซามูไร หน้าเกือบยับ”
...สมควร...
“ผมสงสัย ทำไม ท่านถึงให้ซากุระเป็นองครักษ์ล่ะครับ”เค้าจำได้ว่าคิซาชิเป็นขุนพล
“ก็พ่อเค้าเคยเป็นองครักษ์นี่นา”
“แล้วทำไมคุณคิซาชิถึงได้...”
“ขุนพลคนหนึ่งถูกฆ่าตายขาดคนที่เป็นผู้นำ คิซาชิเลยถูกเลือก แต่นั้นก็ทำให้เค้าจำต้องลาออกจากราชการ”
“เพราะอะไร”
“พ่อของท่านซาบุโร่ ท่านซาบุชิเสียชีวิตเพราะโดนลอบสังหาร ถึงนำทัพชนะแต่ผู้เป็นนายที่คอยอารักขามาโดยตลอดกลับตาย ถึงจะไม่ใช่ความผิดของเค้าแต่เค้าก็แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ต่อมาท่านซาบุโร่ ในวัยเยาว์ต้องการองครักษ์ที่สามารถทำให้ ศัตรูเกรงกลัวได้ คนจากตระกูลชิอินะ เหมาะมาก เพราะมีเครือญาติทั้งฝั่งที่เป็นเพชฌฆาต ฝั่งองคเมียวจิ”
“ทำไมถึงเลือกเธอล่ะครับ”
“ถูกชะตา สายตาของข้ามองปราดเดียวก้รู้ว่า เด็กคนนั้นสามารถไปไกลได้มากกว่านี้ ถ้าหากเป็นชายเค้าจะยิ่งเก่งแกร่งแน่นอน ดูท่าชีวิตเจ้าจะเจอเรื่องหนักหนาเอาการนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“เรื่องเบนิ เจ้าคงจะรู้นะว่ามันไม่ง่าย”
“ทุกเพศครับ แถมยัยนั่นเดาใจได้เลย”
“น่าสงสาร”...ไอ้หนูเอ๊ย ข้าเริ่มจะเห็นเค้าลางความนกของเจ้ามาแต่ไกลเลย แต่ก็ไม่แน่ ต้องรอดู...
สองหนุ่มต่างวัยต่างสนทนาเรื่องอื่นจนกระทั่ง เกือบเย็น ซาสึเกะจึงเดินทางไปที่เรือนรับรอง
ตกเย็น...
เบนิหรือซากุระ ได้เลิกงานก่อนเวลา เพื่อไปรับของที่สั่งทำ เมื่อได้ของแล้วเธอจึงขี่ม้ามายังเรือนรับรอง
ก็มาเจอซาสึเกะที่กำลังกลับมาพอดี
“เดินเล่นสนุกไหม”
ชายหนุ่มมองร่างบอบบางในเครื่องแบบทหาร “ไม่หนาวรึ”
คนถูกถามส่ายหน้า”ไม่ ชั้นชินกับอากาศหนาวแล้ว เดินเล่นสนุกไหมล่ะ”
“จะสนุกกว่านี้ ถ้าเธอไปเดินด้วย”
“งานมันรัดตัวน่ะนะ เจอตัวก็ดีแล้ว”ร่างบางลงจากหลังม้ายื่นดาบให้”สั่งทำพิเศษ ลองดูนะว่าดาบโอเคมั้ย”
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับดาบพบว่า ดาบที่เจ้าหล่อนสั่งทำให้นั้นมีน้ำหนักกำลังดี “ขอบคุณ”
“ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ช่วยชั้นในงานนี้ ขอให้โชคดีและปลอดภัยล่วงหน้า”
“เธอจะไม่มาส่งรึ”
“ไม่รู้สิ เพราะพรุ่งนี้อาจจะมีงานด่วนเข้ามา ขอตัวกลับก่อน”
หญิงสาวตรงไปขึ้นม้าก่อนจะควบม้าจากไปอย่างช้าๆ
ซาสึเกะมองดาบในมือก่อนจะยิ้มบางๆ แต่แล้วคำพูดของอิโนะก็กระแทกเข้าหัว ’มีโอกาสก็ชวนเดตเลย!’
“เดี๋ยวก่อนซะกุระ”
“มีอะไรเหรอ ดาบมีปัญหารึ?”
หญิงสาวชักม้ากลับมา
“เปล่า”
“แล้วอะไร”
“ไปเดตกันไหม”
หญิงสาวกรอกตามองบนอย่างระอา(ซึ่งอิเกะมองเห็นเพราะสวมหน้ากากไว้)ก่อนจะลงจากม้า แล้วเข้าไปใกล้
“ไปโดนตัวไหนหรืออะไรกระแทกมาเนี่ย”
“นี่ ชั้นแค่จีบเธอนะ”
“โอ้โห ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากนายนะเนี่ย”
“จะไปไหม แค่เดินเล่นที่เทศกาลขนมหวานด้วยกัน ตอนนี้งานยังจัดอยู่ ชั้นจะพาเธอไปที่ร้านขนมที่เธอชอบไง”
ซาสึเกะเล็งถูกจุด หญิงสาวตอบตกลงทันที”ไป เปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“จะรอ”
แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงโทรศัพท์เข้า
หญิงสาวกดรับ”ค่ะ เข้าใจแล้ว”เอวางสาย”โทดทีนะ ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว”
“งานด่วนรึ”
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”หญิงสาวควบ้าจากไป
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่เค้าก็คิดแบบเดียวกับเจ้าคนที่ชื่อนางิสะ นั่นแหละว่า ไม่อยากให้เธอต้องมาเสี่ยงอันตรายหรือทำงานหนัก เค้าอยากให้เธอเป็นหญิงสาวธรรมดามากกว่า ถูกต้องเค้าแอบตามไปที่งานดูตัวและได้ยินบทสนทนาของเธอกับอีกฝ่าย ถึงจะดูเหมือนมีความหวังแต่...เธอน่ะคงต้องแบกรับภาระหลายๆอย่างเอาไว้แน่
เมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มหนาวชายหนุ่มจึงเข้าที่พักไป
...
ซากุระหรือเบนิ ควบม้าไปยังสำนักงานเพราะผู้บังคับบัญชา มิคาโดะ เรียกไปพบที่สำนักงาน
เมื่อมาถึงห้องรับรองของสำนักงาน หญิงสาวเอียงคอไปทางซ้ายหลบวิถีกระสุนที่ยิงมาได้ทัน
มิคาโดะสบถ”ชิ หลบเก่งนะเอ็ง”
หญิงสาวตำหนิกับนิสัยเหอปืนของผู้บังคับบัญชา ที่เจอใครก็ชอบยิงใส่เล่น“เลิกยิงปืนใส่คนนู่นคนนี้เถอะป๋า ถึงจะเป็นกระสุนยางแต่ถ้าโดนก็เจ็บนะ”
“ช่างมันเถอะ แต่เอ็งทำลูกสาวป๋าร้องไห้นะเหวย”
“ที่เรียกมา ก็เพื่อเรียกมาด่ารึไงคะ”
“ส่วนหนึ่ง แต่จะยืนค้ำหัวชั้นอีกนานไหม”
หญิงสาวตรงไปนั่งตรงข้าม
ผู้บังคับบัญชามิคาโดะเอ่ยขึ้น “ข้ารู้มาว่าเอ็งกับเรมไปขุดสุสานซุยดันรึ”
“ค่ะ ดิฉันแค่สงสัยและแผนกวิทยาศาตร์ก็ตรวจสอบแล้ววว่าเป็นกระดูกปลอม แต่ก็คิดว่าญาติคงจะแอบสับเปลี่ยนไปประกอบพิธีเท่านั้น”
“ทำไมไม่ถามทางตระกูลนั้นล่ะ”
“อย่าดีกว่า ยิ่งโดนเหม็นขี้หน้าอยู่”
“งั้นเหรอ ที่ข้าเรียกเอ็งมาก็เพราะอยากจะถามเอ็งว่า จะทำงานที่นี่ตลอดเลยรึไม่”
“ไม่ค่ะ”
“จะลาออกรึ?”
“ก็แค่สลับไปทำงานที่โคโนฮะในฐานะหมอและที่นี่ในฐานะเบนิ ขอให้ท่านซาบุโร่สบายใจได้ ตราบใดที่ชั้นยังอยู่ ท่านซาบุโร่ไม่ต้องกังวล ชั้นจะเกษียณก็ต่อเมื่อถึงเวลาเกษียณ อีกตั้งหลายปี”
มิคาโดะยิ้ม นั่นล่ะคือธุระที่แท้จริงเพราะนายเหนือหัวของเค้ากังวลว่าจะเบนิ ซึ่งเปรียบเสมือนแขนขวาจะเกษียณออกไปเสียดื้อๆ
“ถ้าหมดธุระแล้ว หนูขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ไหนๆก็มาที่สำนักงานแล้ว”
“เออ ตามใจ”
เมื่อหญิงสาวจากไป ขุนนางชั้นผู้ใหญ่พ่นควันบุหรี่ออกมา “บ้างานกันจริงๆ”
วันต่อมา..
สามนินจาโคโนฮะกำลังจะเดินทางกลับหมู่บ้าน สามหนุ่มแสบแห่งเอโดะ พร้อมองครักษ์หน่วยหนึ่งได้ออกมาส่ง
ซาสึเกะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอคนนั้นไม่ได้มา
อิโนะเอ่ยถาม”ซากุระไม่มาส่งเหรอ”
คาโอรุหรือบันไซเดาใจใครบางคนออก “ยัยนั่นคงจะหลับคาสำนักงานแล้ว...มั๊ง”
จบคำเสียงฝีเท้าม้าที่ควบตะบึงมา ซากุระในเครื่องแบบทหารสวมหน้ากาก ลงจากหลังม้าตรงมาหาเพื่อนสาวพร้อมส่งหอบผ้าหอบใหญ่ให้
“อะ นี่ ฝากให้อาจารย์ซึนาเดะด้วยนะ และฝากจดหมายให้อาจารย์คาคาชิด้วยล่ะ”
ซาอิมองหอผ้า”อะไรเหรอครับ”
“ของขอขมาน่ะ ขอให้โชคดีและเดือนหน้าเจอกัน”
ซาอิจัดการวาดนกขนาดใหญ่พาแฟนสาวขึ้นนก ส่วนซาสึเกะขึ้นนกยักษ์ด้วยใจห่อเหี่ยวรังสีมาคุเต็มตัว
“ซาสึเกะ”
เจ้าของนามหันมา หญิงสาวยิ้ม “ตามหารักแท้ต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้”
เพล้ง!
ใจของซาสึเกะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ...ใจร้ายยยยยย!!!!!!!!!!!....
เรมมองไปทางด้านหลังหญิงสาว “บันไซคุงมาพากย์ด้านหลังเบนิคุงทำไม”
ซาสึเกะเบิกเนตรมองไอ้เกรียนหัวชมพูทันที...ไอ้เกรียน ไอ้ปีศาจ!...(เพราะหนูกุสวมหน้ากากปิดหน้าทั้งหมดเลยรู้ว่าพูดรึไม่)
“อย่าคิดใช้เทวีสุริยานะ เดี๋ยวแม่จิ้มตาบอดเลย”หญิงสาวขู่ทันที ก่อนจะหันไปหาแฝดตัวร้าย “นายก็อย่าไปแกล้งเค้าสิ โตๆแล้ว”
“เจ้านั่นมันน่าแกล้งนี่นา”
ซาสึเกะกัดฟันกรอด...ไอ้เจ้านี่ มันเกรียนสมคำร่ำลือจริงๆ เจ้านารูโตะว่าเกรียนแล้วไอ้นี่เกรียนกว่าแถมทำอะไรมันไม่ได้ มีโล่ซีพลัสซากุระอีก!...
ซากุระตรงเข้ามาหา “โชคดีนะ และก็...จงอย่ากลัวที่จะก้าวไปสู่วันพรุ่งนี้...”หญิงสาวเดินกลับไปขึ้นม้าจากไปเช่นเดียวกับสามหนุ่มแสบ ทั้งสี่โบกมือบ๊ายบาย พร้อมกับหน่วยองครักษ์ที่ตะโกนร่ำลา
ซาสึเกะหน้าแดงถึงหู
ซาอิกระซิบข้างๆหูแฟนสาว”แบบนี้คุณซากุระเค้า...”
“ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แบบนี้ น่าจะทุ่มเทให้กับงานมากกว่า แถมเค้าลางความแห้วมาแต่ไกล เลย คู่แข่งมาก”
“จริงครับ ผมเห็นด้วย ว่าแต่เราลืมอะไรรึเปล่าครับ”
“เฮ้!!อย่าลืมช้านนนนนเซ่!!”เจ้าหมาหน้าย่นปั๊กคุงวิ่งมา
เมื่อมาถึงก็กระโดดขึ้นนกยักษ์พร้อมซาสึเกะ
ขณะที่นกยักษ์กำลังบินออกไปไกล ซาสึเกะมองภาพของแคว้นซามูไรที่ยิ่งใหญ่ที่กำลังลับสายตาพร้อมกับภาวนา...ซากุระ ขอให้โชคดีนะ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ