เม็ดทรายในสายลม
-
เขียนโดย ดาวเหนือ
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.11 น.
5 ตอน
8 วิจารณ์
7,769 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) แค่กระจกกั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ถ้าสิ่งที่กั้นกลางความสัมพันธ์ระหว่างเราคือกระจก"
คงเป็นกระจกที่มีสองด้าน และเธอกับฉันยืนอยู่กันคนละฝั่ง
ฝั่งเธอเป็นกระจกเงา มองเห็นแต่เงาของตัวเอง
ฝั่งฉันคือกระจกใส ไม่ว่าจะมองคือครั้งก็สะท้อนให้เห็นแต่ภาพของเธอ"
ระหว่างเรา แค่กระจกกั้น
jarinya K.
หญิงสาวเอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของตัวเอง หลังจากที่กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า อาการเจ็บปวดบางอย่างที่เพิ่งจะกำเริบขึ้นภายในร่างกายของเธอ กำลังค่อยๆทุเลาลงหลังจากที่เธอได้กินยาเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จพวกเขาไม่ได้กลับในทันที แต่นั่งพูดคุยเล่นกันกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็เย็นเต็มที โดยที่โทโมะแยกไปส่งเกล และเฟย์ฟางไปส่งแก้ว เคนตะไปกับจงเบและเขื่อนกลับไปป๊อบปี้และพี่กรรณ ในระหว่างที่กำลังเก็บของเล้กน้อยเพื่อเตรียมกลับกันนั้น อาการปวดของเธอก้เกิดกำเริบขึ้นในตอนที่เธอเดินไปที่รถเพื่อจะเข้าไปนั่งรอเพื่อนสนิททั้งสอง เธอไม่ได้ตกใจที่อยู่ๆมันเกิดปวดขึ้นมา แต่เธอแค่ไม่อยากให้อาการมันกำเริบในขณะที่เธออยู่กับเพื่อนๆให้พวกเขาสงสัย ระหว่างที่กำลังจะหยิบขึ้นมากิน โทโมะก็เดินเข้ามาหาเธอ
"แก้ว ฉันจะไปส่งน้องเกลนะ เธอจะไปด้วยกันมั้ย" เธอฝืนความเจ็บปวดที่กำลังปะทุอยู่ภายในเพื่อคุยกับเขาดดยไม่ได้หันหน้ามามอง
"ไม่ละ ฉันกลับกับเฟย์ฟางน่ะ"
"โอเค งั้นฉันไปละนะ ไม่อยากให้แฟนต้องรอนาน" จะด้วยอารมณ์ไหนของเขาก็แล้วแต่ แต่ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มเข้าไปในใจที่กำลังเจ็บปวดให้ยิ่งเจ็บช้ำเข้าไปอีก เธออาจจะเคยชินและสามารถซ่อนความรู้สึกภายในได้ แต่ในขณะที่หัวใจกำลังอ่อนแอเช่นนี้ น้ำตาก็พาลอยากจะไหลออกมาให้ได้ แต่เธอไม่ยอมให้มันไหลออกมาหรอก
"เออ รีบไปเถอะ" ไม่ว่าจะอาการเจ็บปวดหรือว่าน้ำตา เขาก็ไม่สมควรจะเห็นมัน
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไปแล้วเธอจึงรีบหยิบยาที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าพร้อมน้ำเปล่าออกมาและรีบกินก่อนที่ใครจะทันมาเห็นจากนั้นจึงเข้าไปนั่งรอในรถ ระหว่างนั้นเฟย์ฟางก็เดินมาถึงพร้อมกับป๊อบปีและเขื่อน
"แล้วนี่ ฟางขับรถใช่มั้ย"
"ถูกต้องแล้วค่ะพี่ป๊อบ เพราะเขื่อนน่ะเตรียมขนมไว้ให้เฟย์เต็มถุงแล้ว"
"เพื่อนของป๊อบรู้ใจเฟย์ซะขนาดนี้ ฟางคงต้องขับแล้วละค่ะ"
"งั้นขับดีนะคัรบ" หญิงสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่มแทนคำตอบ
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ฟางน่ะสาวหวานขาซิ่งอยู่แล้ว" เธอแซวเอาใจพี่สาว
"ไม่คิดจะช่วยก้ไม่ต้องพูดเลย นั่งรถทีไรกินขนมตลอด"
"โทษเขื่อนโน้น ซื้อมาให้เฟย์"
"เอ้าไหงงั้นล่ะเฟเย่" ชายหนุ่มที่โดนโบ้ยความผิดร้องประท้วงขึ้น ก่อนที่ทั้งหมดจะขำในความขี้แงของเขื่อน
"กลับกันเถอะ ป๊อบเองก็ขับรถดีๆนะ"
ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถกลับบ้านเธอแทบจะไม่ค่อยได้คุยอะไรนอกจากนอนนิ่งๆเพื่ออยากจะให้อาการเจ็บปวดหายลง บวกกับที่รถติดนิดหน่อยเลยเปิดเพลงฟังเบาๆพอช่วยให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง ส่วนเฟย์นั้นทุกครั้งที่ขึ้นแล้วมีขนมติดมือมาก็พูดไปด้วยกินไปด้วยทุกครั้ง แต่คงเพราะเบื่อรถติดก้เลยแค่นั่งกินขนมกับฟังเพลงเฉยๆ ไม่ชวนคุยเหมือนทุกครั้ง
หลังส่งเธอถึงบ้านสองสาวก็กลับในทันที และเธอเองก็รีบสาวเท้าเก้าเข้ามาในบ้านและตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองทันทีโดยไม่ทันจะเปิดไฟในบ้านแม้แต่ดวงเดียว เมื่อมาถึงห้องนอนก็ตรงไปยังเตียงของตัวเองและล้มตัวลงนอนหงายหลังทันที
เธอเอื้อมมือไปกุมตรงหน้าอกของตัวเอง หายใจเข้าออกช้าๆ ทำซ้ำๆจนกระทั่งมันค่อยๆทุเลาลงและหายปวดในที่สุด เธอเจ็บจนชินกับมันแล้ว
หญิงสาวหันไปมองทางหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างของห้องนอน และข้างๆของหน้าก็เป็นที่ตั้งของโต๊ะทำงานของเธอ ภายใต้ความมืดมองออกไปจากมุมนี้จะเห็นระเบียงห้องนอนของฝั่งตรงข้าม ถัดจากระเบียงเป็นประตูกระจกบานใสที่เจ้าของห้องไม่เคยปิดลงในขณะที่เจ้าตัวอยู่ในห้อง มองเข้าไปด้านในจะเห็นโต๊ะทำงานกับเก้าอีกของเขาที่วางอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันกับโต๊ะทำงานของเธอ เวลาเธอนั่งทำงานแล้วหันมองออกไปจะเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นประจำ บัดนี้ประตูถูกปิดอยู่แต่ด้วยความที่เขาไม่ได้ดึงม่านลงมาปิดด้วยทำให้เห็นได้ชัดว่าในห้องมืดสนิท แสดงว่าเขายังไม่กลับมา
อาการที่กำเริบทำให้ร่างกายเจ็บปวด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจอ่อนล้า ดวงตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆจนกระทั่งแนบสนิท หลับไหลไปในที่สุด
รถเก๋งสปอร์ตคันสวยเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงจอดรถภายในบ้าน ก่อนที่เจ้าของจะก้าวเท้าลงจากรถและไม่ลืมที่จะกดล็อกเพื่อความปลอดภัยของรถคันโปรดเสร็จแล้วจึงเดินเข้าบ้านและตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆ เขาไม่ได้ไปส่งเกลที่คอนโดของเธอทันที เนื่องจากหญิงสาวอยากจะดูหนัง เขาจึงพาเธอไปดูหนัง กว่าจะดูเสร็จแวะทานอาหาร พาเธอไปส่งและกลับมาถึงบ้านตัวเองก็ปาเข้าไปซะดึก
เมื่อกลับถึงบ้านเขาจึงรีบขึ้นไปอาบน้ำทันที ก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดนอนออกมายืนตรงประตูกระจกใสของระเบียงห้องนอนตัวเองเพื่อมองไปยังห้องข้างๆดูว่าเธอหลับหรือยัง และก็พบว่าเธอคงจะหลับไปแล้วเพราะทั้งบ้านมืดสนิทไม่ปรากฏว่าในบ้านจะมีไฟดวงไหนเปิดอยู่ แม้กระทั่งไฟบนโต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง และนี่ทำให้เขานึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้
"แปลกแฮะ ปกติจะเปิดไฟหน้าบ้านไว้นี่ ทำไมคืนนี้บ้านมืดสนิทแบบนี้" เขาพูดกับตัวเองด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
ในตอนที่เขาเดินไปหาเธอที่รถของเฟย์ฟางก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน เขาเห็นเธอแสดงอาการแปลกๆ ปกติเวลาคุยกับเขาเธอจะชอบมองและตั้งใจฟังเขาแต่ตอนนั้นเธอกลับหลบหน้าเหมือนกำลังซ่อนอาการบางอย่าง สำหรับคนอื่นอาจจะไปแปลกอะไรหรืออาจจะมองข้ามไป แต่คงไม่ใช่สำหรับเขา
ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกับเธอ วันนั้นเขากำลังซ้อมบาสอยู่ข้างๆบ้านของตัวเอง เขาเผลอโยนลูกบาสข้ามรั้วไปตกฝั่งบ้านตรงข้าม ซึ่งก็คือบ้านของน้าปิ่น
เนื่องจากด้านข้างเป็นแค่รั้วไม้ที่มีเพียงพืชไม้เลื้อยที่พ่อเขาเป็นคนสั่งมาปลูกขึ้นปกคลุมจนแทบมองไม่เห็ยนรั้วไม้ และด้วยความที่แม่ของเขาค่อนข้างสนิทกับน้าปิ่น เขาจึงแหวกพงไม้และลอดรั้วข้ามไปบ้านตรงข้ามได้ง่ายๆ และวันนั้นทำให้เขาได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอนั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่งในสวนที่อยู่ติดรั้ว ใกล้ๆกับที่ลูกบาสของเขาไปตกอยู่ และนับตั้งแต่วันนั้นรูเล็กๆที่เขาทำขึ้นเพื่อลอดไปฝั่งนั้นก็ถูกขยายกว้างขึ้น และกลายเป็นตุรั้วไม้เล็กๆเพื่อเชื่อมต่อระหว่างบ้านของเขากับบ้านน้าของแก้วในปัจจุบัน
ความบังเอิญที่หญิงสาวเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ทั้งคู่ได้เรียนห้องเดียวกัน นั่งข้างกัน เติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งสอบเข้าเข้ามหาลัย
เขารู้เรื่องของเธอทุกอย่าง
ในขณะที่เธอก็รู้ใจเขาหมดทุกอย่าง
สนิทกันถึงขนาดที่ว่าตอนเรียนเพื่อนๆในห้องยังแซวบ่อยๆว่าคนทั้งสองต้องแอบคิดกันมากกว่าเพื่อนแน่นอน แต่เขาทั้งสองรู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างที่ใครๆเขาคิด แก้วไม่มีทางชอบเขาหรอก และตัวเขาเองก็ไม่มีทางคิดกับเธอเกินเพื่อนแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเวลามีผู้ชายมาเข้าใกล้แก้วและกันท่าผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบเธอ เป็นเหตุให้เธอโสดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่นั่นก็เป็นแค่อาการของคนที่หวงเพื่อน ไม่แปลกใช่มั้ยที่เวลาคนเราสนิทกันมากๆแล้วจะหวงกัน เขายอมรับว่าไม่อยากให้แก้วมีแฟนเพราะกลัวว่าแก้วจะไม่สนใจเขา อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่เขาคงทนไม่ได้แน่ๆที่จะให้แก้วเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเขา เขาคิดว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้เขากับเธอคบกันยืนยาวโดยไม่เลิกรากันนั่นคือความเป็นเพื่อน เพราะเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขาจะรักษาความสัมพันธ์นี้ให้ดีที่สุดจะไม่ยอมให้ความรู้นึกแปลกปลอมใดๆมาทำลาย เขาไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีอย่างเธอไป
คงเป็นกระจกที่มีสองด้าน และเธอกับฉันยืนอยู่กันคนละฝั่ง
ฝั่งเธอเป็นกระจกเงา มองเห็นแต่เงาของตัวเอง
ฝั่งฉันคือกระจกใส ไม่ว่าจะมองคือครั้งก็สะท้อนให้เห็นแต่ภาพของเธอ"
ระหว่างเรา แค่กระจกกั้น
jarinya K.
หญิงสาวเอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของตัวเอง หลังจากที่กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า อาการเจ็บปวดบางอย่างที่เพิ่งจะกำเริบขึ้นภายในร่างกายของเธอ กำลังค่อยๆทุเลาลงหลังจากที่เธอได้กินยาเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จพวกเขาไม่ได้กลับในทันที แต่นั่งพูดคุยเล่นกันกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็เย็นเต็มที โดยที่โทโมะแยกไปส่งเกล และเฟย์ฟางไปส่งแก้ว เคนตะไปกับจงเบและเขื่อนกลับไปป๊อบปี้และพี่กรรณ ในระหว่างที่กำลังเก็บของเล้กน้อยเพื่อเตรียมกลับกันนั้น อาการปวดของเธอก้เกิดกำเริบขึ้นในตอนที่เธอเดินไปที่รถเพื่อจะเข้าไปนั่งรอเพื่อนสนิททั้งสอง เธอไม่ได้ตกใจที่อยู่ๆมันเกิดปวดขึ้นมา แต่เธอแค่ไม่อยากให้อาการมันกำเริบในขณะที่เธออยู่กับเพื่อนๆให้พวกเขาสงสัย ระหว่างที่กำลังจะหยิบขึ้นมากิน โทโมะก็เดินเข้ามาหาเธอ
"แก้ว ฉันจะไปส่งน้องเกลนะ เธอจะไปด้วยกันมั้ย" เธอฝืนความเจ็บปวดที่กำลังปะทุอยู่ภายในเพื่อคุยกับเขาดดยไม่ได้หันหน้ามามอง
"ไม่ละ ฉันกลับกับเฟย์ฟางน่ะ"
"โอเค งั้นฉันไปละนะ ไม่อยากให้แฟนต้องรอนาน" จะด้วยอารมณ์ไหนของเขาก็แล้วแต่ แต่ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มเข้าไปในใจที่กำลังเจ็บปวดให้ยิ่งเจ็บช้ำเข้าไปอีก เธออาจจะเคยชินและสามารถซ่อนความรู้สึกภายในได้ แต่ในขณะที่หัวใจกำลังอ่อนแอเช่นนี้ น้ำตาก็พาลอยากจะไหลออกมาให้ได้ แต่เธอไม่ยอมให้มันไหลออกมาหรอก
"เออ รีบไปเถอะ" ไม่ว่าจะอาการเจ็บปวดหรือว่าน้ำตา เขาก็ไม่สมควรจะเห็นมัน
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไปแล้วเธอจึงรีบหยิบยาที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าพร้อมน้ำเปล่าออกมาและรีบกินก่อนที่ใครจะทันมาเห็นจากนั้นจึงเข้าไปนั่งรอในรถ ระหว่างนั้นเฟย์ฟางก็เดินมาถึงพร้อมกับป๊อบปีและเขื่อน
"แล้วนี่ ฟางขับรถใช่มั้ย"
"ถูกต้องแล้วค่ะพี่ป๊อบ เพราะเขื่อนน่ะเตรียมขนมไว้ให้เฟย์เต็มถุงแล้ว"
"เพื่อนของป๊อบรู้ใจเฟย์ซะขนาดนี้ ฟางคงต้องขับแล้วละค่ะ"
"งั้นขับดีนะคัรบ" หญิงสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่มแทนคำตอบ
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ฟางน่ะสาวหวานขาซิ่งอยู่แล้ว" เธอแซวเอาใจพี่สาว
"ไม่คิดจะช่วยก้ไม่ต้องพูดเลย นั่งรถทีไรกินขนมตลอด"
"โทษเขื่อนโน้น ซื้อมาให้เฟย์"
"เอ้าไหงงั้นล่ะเฟเย่" ชายหนุ่มที่โดนโบ้ยความผิดร้องประท้วงขึ้น ก่อนที่ทั้งหมดจะขำในความขี้แงของเขื่อน
"กลับกันเถอะ ป๊อบเองก็ขับรถดีๆนะ"
ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถกลับบ้านเธอแทบจะไม่ค่อยได้คุยอะไรนอกจากนอนนิ่งๆเพื่ออยากจะให้อาการเจ็บปวดหายลง บวกกับที่รถติดนิดหน่อยเลยเปิดเพลงฟังเบาๆพอช่วยให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง ส่วนเฟย์นั้นทุกครั้งที่ขึ้นแล้วมีขนมติดมือมาก็พูดไปด้วยกินไปด้วยทุกครั้ง แต่คงเพราะเบื่อรถติดก้เลยแค่นั่งกินขนมกับฟังเพลงเฉยๆ ไม่ชวนคุยเหมือนทุกครั้ง
หลังส่งเธอถึงบ้านสองสาวก็กลับในทันที และเธอเองก็รีบสาวเท้าเก้าเข้ามาในบ้านและตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองทันทีโดยไม่ทันจะเปิดไฟในบ้านแม้แต่ดวงเดียว เมื่อมาถึงห้องนอนก็ตรงไปยังเตียงของตัวเองและล้มตัวลงนอนหงายหลังทันที
เธอเอื้อมมือไปกุมตรงหน้าอกของตัวเอง หายใจเข้าออกช้าๆ ทำซ้ำๆจนกระทั่งมันค่อยๆทุเลาลงและหายปวดในที่สุด เธอเจ็บจนชินกับมันแล้ว
หญิงสาวหันไปมองทางหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างของห้องนอน และข้างๆของหน้าก็เป็นที่ตั้งของโต๊ะทำงานของเธอ ภายใต้ความมืดมองออกไปจากมุมนี้จะเห็นระเบียงห้องนอนของฝั่งตรงข้าม ถัดจากระเบียงเป็นประตูกระจกบานใสที่เจ้าของห้องไม่เคยปิดลงในขณะที่เจ้าตัวอยู่ในห้อง มองเข้าไปด้านในจะเห็นโต๊ะทำงานกับเก้าอีกของเขาที่วางอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันกับโต๊ะทำงานของเธอ เวลาเธอนั่งทำงานแล้วหันมองออกไปจะเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นประจำ บัดนี้ประตูถูกปิดอยู่แต่ด้วยความที่เขาไม่ได้ดึงม่านลงมาปิดด้วยทำให้เห็นได้ชัดว่าในห้องมืดสนิท แสดงว่าเขายังไม่กลับมา
อาการที่กำเริบทำให้ร่างกายเจ็บปวด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจอ่อนล้า ดวงตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆจนกระทั่งแนบสนิท หลับไหลไปในที่สุด
รถเก๋งสปอร์ตคันสวยเลี้ยวเข้ามาจอดในโรงจอดรถภายในบ้าน ก่อนที่เจ้าของจะก้าวเท้าลงจากรถและไม่ลืมที่จะกดล็อกเพื่อความปลอดภัยของรถคันโปรดเสร็จแล้วจึงเดินเข้าบ้านและตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆ เขาไม่ได้ไปส่งเกลที่คอนโดของเธอทันที เนื่องจากหญิงสาวอยากจะดูหนัง เขาจึงพาเธอไปดูหนัง กว่าจะดูเสร็จแวะทานอาหาร พาเธอไปส่งและกลับมาถึงบ้านตัวเองก็ปาเข้าไปซะดึก
เมื่อกลับถึงบ้านเขาจึงรีบขึ้นไปอาบน้ำทันที ก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดนอนออกมายืนตรงประตูกระจกใสของระเบียงห้องนอนตัวเองเพื่อมองไปยังห้องข้างๆดูว่าเธอหลับหรือยัง และก็พบว่าเธอคงจะหลับไปแล้วเพราะทั้งบ้านมืดสนิทไม่ปรากฏว่าในบ้านจะมีไฟดวงไหนเปิดอยู่ แม้กระทั่งไฟบนโต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง และนี่ทำให้เขานึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้
"แปลกแฮะ ปกติจะเปิดไฟหน้าบ้านไว้นี่ ทำไมคืนนี้บ้านมืดสนิทแบบนี้" เขาพูดกับตัวเองด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
ในตอนที่เขาเดินไปหาเธอที่รถของเฟย์ฟางก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน เขาเห็นเธอแสดงอาการแปลกๆ ปกติเวลาคุยกับเขาเธอจะชอบมองและตั้งใจฟังเขาแต่ตอนนั้นเธอกลับหลบหน้าเหมือนกำลังซ่อนอาการบางอย่าง สำหรับคนอื่นอาจจะไปแปลกอะไรหรืออาจจะมองข้ามไป แต่คงไม่ใช่สำหรับเขา
ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกับเธอ วันนั้นเขากำลังซ้อมบาสอยู่ข้างๆบ้านของตัวเอง เขาเผลอโยนลูกบาสข้ามรั้วไปตกฝั่งบ้านตรงข้าม ซึ่งก็คือบ้านของน้าปิ่น
เนื่องจากด้านข้างเป็นแค่รั้วไม้ที่มีเพียงพืชไม้เลื้อยที่พ่อเขาเป็นคนสั่งมาปลูกขึ้นปกคลุมจนแทบมองไม่เห็ยนรั้วไม้ และด้วยความที่แม่ของเขาค่อนข้างสนิทกับน้าปิ่น เขาจึงแหวกพงไม้และลอดรั้วข้ามไปบ้านตรงข้ามได้ง่ายๆ และวันนั้นทำให้เขาได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอนั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่งในสวนที่อยู่ติดรั้ว ใกล้ๆกับที่ลูกบาสของเขาไปตกอยู่ และนับตั้งแต่วันนั้นรูเล็กๆที่เขาทำขึ้นเพื่อลอดไปฝั่งนั้นก็ถูกขยายกว้างขึ้น และกลายเป็นตุรั้วไม้เล็กๆเพื่อเชื่อมต่อระหว่างบ้านของเขากับบ้านน้าของแก้วในปัจจุบัน
ความบังเอิญที่หญิงสาวเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ทั้งคู่ได้เรียนห้องเดียวกัน นั่งข้างกัน เติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งสอบเข้าเข้ามหาลัย
เขารู้เรื่องของเธอทุกอย่าง
ในขณะที่เธอก็รู้ใจเขาหมดทุกอย่าง
สนิทกันถึงขนาดที่ว่าตอนเรียนเพื่อนๆในห้องยังแซวบ่อยๆว่าคนทั้งสองต้องแอบคิดกันมากกว่าเพื่อนแน่นอน แต่เขาทั้งสองรู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างที่ใครๆเขาคิด แก้วไม่มีทางชอบเขาหรอก และตัวเขาเองก็ไม่มีทางคิดกับเธอเกินเพื่อนแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเวลามีผู้ชายมาเข้าใกล้แก้วและกันท่าผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบเธอ เป็นเหตุให้เธอโสดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่นั่นก็เป็นแค่อาการของคนที่หวงเพื่อน ไม่แปลกใช่มั้ยที่เวลาคนเราสนิทกันมากๆแล้วจะหวงกัน เขายอมรับว่าไม่อยากให้แก้วมีแฟนเพราะกลัวว่าแก้วจะไม่สนใจเขา อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่เขาคงทนไม่ได้แน่ๆที่จะให้แก้วเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเขา เขาคิดว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้เขากับเธอคบกันยืนยาวโดยไม่เลิกรากันนั่นคือความเป็นเพื่อน เพราะเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขาจะรักษาความสัมพันธ์นี้ให้ดีที่สุดจะไม่ยอมให้ความรู้นึกแปลกปลอมใดๆมาทำลาย เขาไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีอย่างเธอไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ