[FicGOT7] WHO ARE WIN (YugBam x GOT7)
9.3
เขียนโดย ฟ้ามืด
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.27 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
8,076 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 19.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) การคัดเลือก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความWHO ARE WIN
ตอนที่ 5 การคัดเลือก
จากค่ำคืนที่เคยมืดมิดค่อยๆเลื่อนผ่านไปตามกาลเวลา แสงแรกของเช้าวันใหม่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า พร้อมทอประกายแสงขาวนวลเฉิดฉายอาบย้อมท้องฟ้าไปทั่วทั้งผืนให้ความรู้สึกสดใสดุจน้ำทะเล หมู่นกกากำลังบินเริงร่ารับรุ่งอรุณที่เข้ามาเยือน เจ้านกกระจิบสามสี่ตัวกำลังส่งเสียง จิ๊บๆ พูดคุยกันอย่างอารมณ์ดีอยู่บนกิ่งไม้ข้างๆหอพักนักเรียน เสียงของเจ้านกน้อยกำลังเรียกให้เด็กๆตื่นขึ้นมาชื่นชมบรรยากาศที่แสนสดใสในยามนี้
"ไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหว ลาซักวันก็ได้นะ" แบมแบมเอ่ยปากถามยองแจที่กำลังนอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียง
"ไหว ฉันไหว เรียนวันแรกด้วย ฉันไม่อยากขาดเลย" ยองแจตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"อืม ถ้างั้นก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เจ็ดโมงครึ่งเราต้องลงไปกินข้าวพร้อมกับเพื่อนๆ" แบมแบมบอกแล้วก็ลุกเดินออกไป พร้อมกับของใช้ส่วนตัวสบู่และแปรงสีฟันที่เตรียมมาจากบ้าน
ยองแจพยายามฝืนร่างกายให้ลุกขึ้น แล้วก็จัดเตรียมของใช้และเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้ไปอาบน้ำชำระร่างกาย เขาไม่ควรอ่อนแอเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าจะมีแบมแบมเป็นเพื่อนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระของใคร สำหรับยองแจนั้นแบมแบมคือเพื่อนที่เขาอยากคบหาและน่าไว้ใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากผูกมิตรกับคนๆนี้ แต่ความรู้สึกส่วนลึกมันตอบเขาว่า แบมแบม คือคนที่เขาสามารถเรียกว่าเพื่อนได้จริงๆ
ยูคยอมเดินเข้ามาที่ห้องพักรวมของตัวเอง ในสภาพสวมเสื้อกล้ามตัวบางสีขาวและกางเกงบ๊อกเซอร์สีดำ เนื่องจากเพิ่งเสร็จจากการทำภารกิจส่วนตัวในยามเช้า แล้วก็รีบเข้ามาจัดแจงแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดนักเรียนจนเรียบร้อย จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการประพรมน้ำหอมราคาแพงหูฉี่ที่เตรียมมาจากบ้านของตัวเอง กลิ่นหอมจากน้ำหอมฝรั่งเศษฟุ้งกระจายลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง หากใครได้กลิ่นของมันคงจะรู้สึกสดชื่นอยู่ไม่น้อย
ฮั๊ด ชิ๊ว! ยองแจจามเสียงดังเพราะกลิ่นหอมที่ลอยมาเตะจมูกของเขา เวลาที่เป็นหวัดคัดจมูกแบบนี้เมื่อได้กลิ่นอะไรนิดหน่อยก็พาให้จามได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ไม่ควร คือการจามไปในทิศทางที่ยูคยอมนั่งอยู่นั่นเอง
"นี่ แกจามใส่ฉันหรอ" ยูคยอมลุกขึ้นพรวดพราดอย่างใจร้อนแล้วเดินเข้าไปถามคนที่เพิ่งจามใส่เขาอยู่เมื่อครู่
"ขะ ขอโทษ ฉันห้ามไว้ไม่ทันจริงๆ" ยองแจละล่ำละลักตอบกลับไป
"รู้มั๊ยว่าเสื้อผ้าของฉันมันราคาเท่าไร เสื้อเชิ๊ตตัวในที่ฉันใส่อยู่มันแพงกว่าไอ้ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลเน่าๆของแกตั้งกี่เท่า" ยูคยอมไม่พูดเปล่าแต่เขายังเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายทันทีเพื่อตอกย้ำถึงความแพงของตัวเอง
"ฉัน ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ฉันจามเพราะกลิ่นน้ำหอมของนายนั่นแหละ" ยองแจพูดด้วยเสียงแหบพร่าเพราะพิษไข้ ความฉุนเฉียวของอีกฝ่ายเริ่มทำให้ยองแจรู้สึกเกรงกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"นี่ยังมีหน้ามาโทษน้ำหอมราคาแพงของฉันอีกหรอ!" ยูคยอมขึ้นเสียงใส่
"ฉะ ฉัน ขอโทษจริงๆนะ" ยองแจบอกกับคนตรงหน้าที่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อชุดนอนลายหมีน้อยคุมะสีน้ำตาลอ่อนตัวโปรด
"นี่แก ไม่แหกตาดูมั่งหรอว่ายองแจมันไม่สบาย แล้วแกเองนั่นแหละที่เสื-กมาอาบน้ำหอมอยู่แถวนี้ ถามจริงซื้อมาขวดเท่าไร กลิ่นสบู่ของฉันยังหอมกว่าอีก" แบมแบมที่เดินเข้ามาขัดจังหวะการปะทะคารมของคนใจร้ายและน้องนากน้อยได้พูดขึ้น
ยูคยอมเอี้ยวตัวมาแล้วค่อยๆสูดดมกลิ่นสบู่ที่ว่าจากร่างกายของแบมแบม เพื่อพิสูจน์ว่ามันหอมกว่าน้ำหอมราคาแพงของตนมากแค่ไหน
"ทำบ้าไรวะ เอาหน้าออกไปไกลๆเลย" แบมแบมรีบผลักคนร่างสูงให้ออกห่างแล้วก็ดึงมือของยูคยอมออกจากคอเสื้อของเพื่อนตน
"ก็แค่อยากรู้ว่าหอมอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า" ยูคยอมบอกแล้วก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี
"ไอ้บ้านี่ มันน่าโดนซักหมัดจริงๆเลย แล้วมันทำอะไรนายหรือเปล่า" แบมแบมที่มองตามคนร่างสูงจนเห็นว่าอีกฝ่ายเดินพ้นออกไปแล้ว ก็รีบหันกลับมาเอ่ยถามยองแจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เปล่า นายคนนั้นแค่ต่อว่า ที่ฉันหันไปจามใส่ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ มันห้ามไม่ทันจริงๆ" ยองแจพูด
"ช่างมันเถอะ ทีมันขับรดเหยียบน้ำสาดใส่เรายังไม่รู้จักขอโทษเลย ความจริงนายควรสั่งขี้มูกใส่หน้ามันเลยด้วยซ้ำ" แบมแบมพูดอย่างหัวเสีย เมื่อคิดถึงเรื่องตอนเช้าของเมื่อวานทีไร ก็พาให้โมโหทุกครั้งไป
แบมแบมและยองแจจัดแจงแต่งตัวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มีไว้ให้อยู่ภายในห้องพักรวมจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เดินลงไปรวมกลุ่มกับเด็กใหม่คนอื่นๆบริเวณข้างล่างของหอพัก เพื่อที่จะได้ไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน
-------------------------------
ห้องเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา
การเรียนการสอนในวันแรกของการเปิดเทอมเริ่มขึ้นแล้ว บรรยากาศในห้องเรียนไม่ต่างจากโรงเรียนมัธยมทั่วไป อีกทั้งเนื้อหาที่ได้ศึกษาก็นับว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีความสนใจด้านการกีฬาโดยตรง แบมแบมและยองแจกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูผู้สอนพูดอธิบายถึงความสำคัญของวิทยาศาสต์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเล่นกีฬา ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นอยู่พอสมควรที่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต่างออกไปจากโรงเรียนสายสามัญอื่นๆ
"วันนี้พอแค่นี้นะครับ คาบหน้าเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาที่มีผลต่อการเล่นกีฬากัน" ครูผู้สอนกำลังบอกกล่าวกับนักเรียนถึงเนื้อหาใหม่ที่จะได้ศึกษา จากนั้นก็ให้ทุกคนไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อรอเรียนในรายวิชาต่อไป
"แบมแบม นายได้โทรหาที่บ้านบ้างหรือเปล่า" ยองแจเอ่ยถามในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งยู่ตรงสวนหย่อมเล็กๆหน้าโรงยิม เพื่อรอเรียนคาบต่อไป
"ไม่อ้ะ ฉันอยากใช้ชีวิตแบบอิสระซักสามวันก่อน หลังจากนั้นค่อยโทรหาที่บ้าน" แบมแบมบอก แต่ความจริงแล้วเขายังไม่อยากให้พี่ชายรับรู้เรื่องราวพวกนี้ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ เขาเชื่อว่าหากจินยองรู้คงต้องรีบบึ่งรถมาหาแล้วพาไปทำเรื่องลาออกอย่างแน่นอน
"ฉันคิดถึงพ่อ แต่ฉันพยายามโทรหาพ่อตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จนมาถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้เลย แล้วอีกอย่างพ่อไม่เคยขาดการติดต่อไปแบบนี้" ยองแจพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"หรอ" แบมแบมตอบรับสั้นๆ แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาตรวจดูว่ามีใครติดต่อหาเขาบ้างหรือเปล่า แต่ก็ต้องแปลกใจที่พี่ชายของตนไม่ได้โทรมาเลย และแปลกมากที่คนอย่างจินยองไม่โทรมาหาเขาเลยสักสาย ในใจของเด็กหนุ่มยังคิดว่าพี่อาจจะกำลังยุ่งจนไม่มีเวลาโทร อีกใจนึงของแบมแบมก็เริ่มคิดไปไกลว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับจินยองก็เป็นได้
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...เสียงจากระบบตอบรับกำลังบอกกับแบมแบมว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ แม้ว่าเขาจะโทรซ้ำสักกี่ครั้งมันก็ยังเป็นไปเช่นเดิม
"บ้าจริง ทั้งนายและฉันติดต่อคนที่บ้านไม่ได้เลย" แบมแบมเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว เขากำลังหัวเสียเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
"มันเริ่มไม่ปกติแล้วนะ" ยองแจพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ความจริงมันไม่ปกติตั้งแต่ที่เราก้าวเท้าเข้ามาแล้วต่างหาก...ยองแจ ฉันถามนายจริงๆเถอะ ว่าทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่" แบมแบมเอ่ยถามอีกฝ่าย
"ตอนแรกฉันได้โควต้าเรียนที่โซล แต่ฉันต้องย้ายตามพ่อมาเพราะว่าพ่อได้งานทำที่นี่" ยองแจตอบ
"ความจริงนายจะเรียนอยู่ที่นู่นก็ได้นะ เพราะมันไม่ไกลจากที่นี่เลย" แบมแบมยังคงคาใจในคำตอบของยองแจ
"แล้วนายเชื่อเรื่องโชคชะตาหรือเปล่า คนสองคนที่ได้เจอกันมันไม่ใช่แค่ความบังเอิญ" ยองแจบอกกับแบมแบม แต่คำบอกเล่านั้นมันกลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง
"ไร้สาระน่ะ นายจะบอกว่าการที่นายเดินดุ่มๆ เข้ามาตะโกนเรียกฉันนั่นคือโชคชะตาหรอ เฮ้อ ป่วยแล้วก็เพ้อไปเรื่อย" แบมแบมพูดพร้อมส่ายหน้าเบาๆให้กับความช่างเพ้อของยองแจ
"มีคนบอกฉันว่าถ้ามาที่นี่จะได้เจอมิตรแท้" ยองแจพูดให้อีกฝ่ายฟัง
"ใครล่ะ หมอดูหรอ นายนี่มันนอกจากจะน่ารำคาญ อ่อนแอ แล้วก็ยังงมงายอีกรู้ตัวมั้ย" แบมแบมได้แต่ถอนหายใจเบาๆเมื่อรับฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด หมอนี่ดูไม่มีพิษภัยก็จริงแต่ความแปลกทำให้แบมแบมไม่ค่อยเข้าใจในตัวตนของยองแจสักเท่าไร
"ไม่ใช่หมอดูหรอก ฉันไม่ค่อยชอบดูดวงหรอกนะ แต่คนที่ว่าคือคนที่ให้คำแนะนำกับครอบครัวของฉัน น่าจะเป็น
กลุ่มอะไรซักอย่างนี่แหละ" ยองแจบอก ตอนนี้เขาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดที่แสดงออกมาจนเห็นได้ชัด ยองแจกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขามาที่ที่เลวร้ายแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ แต่ถ้ามันต้องแลกกับการได้เพื่อนดีๆสักคน มันก็คุ้มไม่ใช่หรือ
"นี่ คิดอะไรของนาย เฮ้อ...ช่างมันเถอะ นายจะมาเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันอยากเตือนอย่างนึงว่าอย่าเชื่อใครมากกว่าเชื่อตัวเอง" แบมแบมบอก ประโยคสั้นๆแต่กลับแฝงไปด้วยความห่วงใยนี้ ทำให้แบมแบมอดที่จะคิดถึงใครคนนั้นไม่ได้ ก็คำพูดนี้นี่แหละที่เขาเคยบอกไว้ก่อนที่จะหายไปตลอดกาล
"แล้วฉันเชื่อนายได้หรือเปล่า" ยองแจเอ่ยถามเสียงเบา
"ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าให้เชื่อตัวเอง ไปเร็วลุก ครูฝึกเป่านกหวีดเรียกแล้ว" เมื่อแบมแบมพูดทิ้งท้ายจนจบ ก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงยิมทันที
ยองแจมองตามเพื่อนของตัวเองที่วิ่งนำหน้าไกลออกไป หากอีกฝ่ายได้รู้เหตุผลว่าทำไมยองแจถึงต้องการเพื่อนมากจนต้องยอมแลกช่วงชีวิตแสนสดใสเพื่อที่จะก้าวเข้ามาในโลกใบใหม่ ถึงตอนนั้นแบมแบมคงจะเข้าใจและเปิดใจยอมรับเขามากขึ้นกว่าเดิม
-------------------------------
ช่วงเวลาพักกลางวัน ณ โรงอาหารหลังเก่า โรงเรียนมัธยมปลายการกีฬา
นักเรียนใหม่เดินเรียงแถวกันเข้ามายังโรงอาหารหลังเก่า มันมีสภาพเก่าจริงๆอย่างที่เรียกกัน ไม่ว่าจะเป็นผนังเก่าที่เกิดร่องรอยแตกร้าวยาวไปจนถึงคานคอนกรีตด้านบน หลังคาสังกะสีเก่าที่ผุกร่อนจนเกิดสนิม ซึ่งไม่รู้ว่าวันไหนมันจะหลุดร่วงลงมาใส่คนที่เข้ามาใช้งานในโรงอาหารแห่งนี้ นี่สินะคือสถานที่สำหรับรับประทานอาหารของเด็กใหม่ที่ยังไม่มีกลุ่มแก๊งให้อยู่ แต่จะเรียกว่ามันคือที่ของเด็กใหม่ไปเสียทั้งหมดก็ไม่น่าใช่ เพราะยังมีรุ่นพี่บางส่วนเข้ามาใช้งานเช่นกัน รุ่นพี่ที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นเพียงเบี้ยล่างของคนที่ยศใหญ่กว่า
"รีบๆกินนะเว้ยพวกเอ็ง บ่ายโมงตรงเรามีนัดที่ชั้นแบทเทิล" เด็กหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งตะโกนบอกกับเพื่อนๆร่วมห้อง
อาหารการกินสำหรับเด็กใหม่ ซึ่งทางฝ่ายโภชณาการของทางโรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ในส่วนของเมนูที่ได้รับก็เหมือนกันทุกคน อาหารเหล่านี้ถูกแจกจ่ายอยู่ที่โรงอาหารหลังใหม่ เมื่อไปรับแล้วนักเรียนน้องใหม่ก็ต้องเดินมากินที่นี่ตามกฎที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งมันขึ้นมา คำว่าสิทธิเสรีภาพคงใช้ไม่ได้กับโรงเรียนการกีฬาแห่งนี้
ยูคยอมมองดูถาดอาหารตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรง สำหรับเขานั่นมันคือชุดอาหารราคาถูก คุณภาพต่ำ และไร้ซึ่งรสชาติที่ดี หากเวลานี้เขาอยู่ที่บ้านของตัวเอง ยูคยอมคงได้รับประทานอาหารสุดหรูจากภัตตาคารดัง ในความเป็นจริงชีวิตของเด็กหนุ่มแทบไม่ต้องการอะไรมากมายกว่าที่มีอยู่เลยด้วยซ้ำ ข้าวของ เงินทองมันเป็นสิ่งที่เขาได้รับมามากจนล้นมืออยู่แล้ว แต่เป้าหมายที่เขาอยากไปให้ถึงต่างหาก ที่นำพาให้เขามายังที่แห่งนี้
"ขอนั่งด้วยคนสิ" ยองแจเอ่ยปากขอกับคนที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวที่โต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร เนื่องจากว่าตอนนี้ทุกโต๊ะเต็มหมดแล้ว
"ไม่ จะไปไหนก็ไป" ยูคยอมตอบเสียงห้วนแล้วหันหน้ามองไปทางอื่น
"ไม่ต้องไปนั่งกับคนอย่างมันหรอกยองแจ ออกไปกินตรงใต้พุ่มไม้นั่นดีกว่า" แบมแบมที่เพิ่งเดินเข้ามาหลังจากไปรับอาหารกลางวัน เอ่ยปากบอกกับเพื่อนของตน
"อือ เอางั้นก็ได้" ยองแจตอบแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปข้างนอกโรงอาหารด้วยกัน
-------------------------------
ช่วงเวลาผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้จะถึงเวลาที่แสนระทึกใจแล้ว บรรดานักเรียนใหม่ต่างพากันวิ่งกรูไปยังบันได มันเป็นบันไดเหล็กในสภาพเก่าที่ถูกสร้างไว้สำหรับให้ช่างปีนลงไปตรวจเช็คและซ่อมแซมงานระบบประปาที่ชั้นใต้ดิน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเส้นทางหลักสำหรับเด็กใหม่ที่ใช้เดินทางลงไปยังชั้นใต้ดินไปเสียแล้ว ทุกคนต่างพยายามยื้อแย่งที่จะใช้มันเพียงเพื่อให้ได้ไปเสนอหน้าต่อรุ่นพี่ว่าตนนั้นมาตรงเวลากว่าใครเพื่อน แค่การลงไปที่ลานแข่งขันยังต้องยื้อแย่งกันขนาดนี้ แล้วเกมกีฬาแสนวิปริตนั่นเล่า จะต้องแย่งชิงกันขนาดไหน
บ่ายโมงตรง เวลาที่ถูกกำหนดขึ้นจากบุคคลที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าแก๊ง มันคือช่วงชี้ชะตาของเด็กใหม่หลายสิบชีวิตที่กำลังนั่งหน้าสลอนรอการแบ่งทีมเพื่อลงแข่งขัน ทันทีที่ฝีเท้าของผู้มีอำนาจบาทใหญ่ได้ก้าวเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าเด็กน้อยเหล่านั้น ทุกสิ่งรอบข้างก็เงียบกริบในบัดดล บรรยากาศที่ดูคล้ายเมฆหนาทึบปกคลุมนี้คงมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้
อิม แจบอม ชื่อหนึ่งที่ถูกกล่าวขานขึ้นเมื่อเขาได้เดินเข้ามาปรากฎตัวต่อหน้าเด็กใหม่ทั้งหลาย ใช่แล้วชายคนนี้คือคนเดียวกันกับที่แบมแบมและยองแจเคยพบเจอในโรงอาหารเมื่อวันก่อน
"นับจำนวน!" ชายผู้มีบรรยากาศดำมืดคนนั้นออกคำสั่ง
เด็กใหม่ต่างยกมือขึ้นแล้วนับเลขไล่ไปเรื่อยๆอย่างรู้งาน เมื่อถึงคนที่นับเป็นลำดับสุดท้าย ก็รีบขานบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าว่าห้องของตนนั้นมีจำนวนทั้งหมด 32 คน เมื่อทราบจำนวนรวมแล้ว แจบอมก็ออกคำสั่งให้แบ่งทีมเลขคู่และเลขคี่ออกจากกัน ซึ่งคนไหนได้เลขคู่หรือคี่ให้ดูจากเลขประจำตัวนักเรียนที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนสมัครเข้าเรียน ซึ่งจะได้จำนวนฝั่งทีมคู่ 16 คนและฝั่งทีมคี่ 16 คนเท่ากัน
แบมแบมมีเลขประจำตัวเป็นเลขคู่จึงจำเป็นต้องแยกตัวกับยองแจ แม้ว่าลึกๆแล้วๆแบมแบมก็พอมีความห่วงใยต่อเพื่อนใหม่คนนี้อยู่บ้าง แต่ด้วยสถานการณ์มันบังคับจึงไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
"ทำไมต้องได้อยู่ทีมเดียวกับไอ้อ่อนนี่ด้วย" ยูคยอมบ่นอุบอิบอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าในกลุ่มที่แบ่ง มียองแจอยู่ร่วมด้วย
การแบ่งทีมหลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคือการแบ่งทีมย่อย โดยทีมคู่และทีมคี่ที่มีสามชิก 16 คนเท่ากัน จึงต้องแบ่งย่อยออกเป็นสี่กลุ่มคือ ทีมคู่A 8 คน,ทีมคู่B 8 คน และทีมคี่A 8 คน,ทีมคี่B 8 คน โดยกลุ่มที่อยู่ทีมA จะได้ลงแข่งก่อน
"จำไว้ว่าคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ทีมคู่A และทีมคี่A ลงสนาม!" สิ้นคำสั่งสุดท้ายจากปากของแจบอม เหล่ากองเชียร์ก็เฮลั่นพร้อมกับเขย่าลูกกรงเหล็กกันอย่างบ้าคลั่ง
เหล่านักสู้กลุ่มแรกกำลังเดินเข้าสนามแข่งขันที่แสนหฤโหดด้วยความมั่นใจ ทีมฝั่งละ 8 คนต้องลงแข่งขันในระยะเวลา 15 นาที หากฝ่ายใดทำคะแนนได้มากกว่าก็ถือว่าชนะ และเตรียมรอแข่งในรอบต่อไป ส่วนฝ่ายที่แพ้ก็ต้องกลายเป็นเบ๊คอยรับใช้ไปจนกว่าจะถึงการแข่งขันครั้งใหม่ การแข่งในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกเด็กใหม่ให้เหลือเพียงสองคนสุดท้ายที่จะได้เข้าร่วมกับสองแก๊งใหญ่มากด้วยอิทธิพล
ยูคยอมกำลังเดินลงสนามพร้อมกลุ่มเพื่อนทีมคี่A เด็กหนุ่มไม่ได้มีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดหรือวิตกกังวลใดๆ เขามั่นใจไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชนะอย่างแน่นอน
ปรี๊ด! เสียงนกหวีดดังลั่น บ่งบอกว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หมัดแกร่งพุ่งใส่ฝ่ายตรงข้ามดัง อึ้ก อั้ก ปนกับเสียงกองเชียร์ดังรัวปะปนกันไป ยูคยอมในร่างสูงและแข็งแกร่งทำหน้าที่เป็นตัวยืนหลักในการโยนลูกบาสเก็ตบอลลงห่วง หมัดแกร่งของเด็กหนุ่มก็ยังทำหน้าที่โดยไม่มีคำว่าเหน็ดเหนื่อย เขากำลังประเคนสองกำปั้นใส่ฝ่ายตรงข้ามจนเกิดร่องรอยเป็นแผลถลอก
อั้ก! ฝ่าเท้าหนักของเด็กหนุ่มร่างท้วมถีบเข้าไปที่หน้าท้องของยูคยอม แล้วรีบแย่งชิงเจ้าลูกกลมๆมาได้ ในขณะเดียวกันร่างกายของเด็กหนุ่มผมสีเหลืองก็เซถลาชนเข้ากับลูกกรงเหล็กที่มีลวดไฟฟ้าวิ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา
โอ๊ย! เด็กหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับลวดไฟฟ้าที่พร้อมปล่อยกระแสไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ความแรงจากกระแสไฟฟ้าทำให้เขารู้สึกชาไปเกือบทั้งตัวแล้ว เจ้าลวดพวกนี้มันเหมือนเครื่องตัดกำลังศตรูดีๆนี่เอง ยูคยอมขบฟันกรอดด้วยความเจ็บใจที่เผลอพลาดท่าให้กับอีกฝ่าย
"ไอ้สารเลวเอ้ย!" ยูคยอมฝืนลุกยืนแล้วทะยานพุ่งตัวใส่เด็กหนุ่มร่างท้วมคนเดิม ใช่เขาต้องพุ่งตัวใส่เพราะตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มมันแทบไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
ผลั่ก! แรงอัดกระแทกที่รุนแรงของยูคยอมทำให้อีกฝ่ายโซเซแทบทรงตัวไม่อยู่ เมื่อกำลังแขนดีขึ้นเด็กหนุ่มร่างสูงก็ไม่รีรอให้เสียเวลา เขารีบง้างหมัดขึ้นมาแล้วเสยเข้าที่ช่วงคางและลำคอของเจ้าคนร่างท้วมทันที
ปึ้ง แซ่ดๆ! เสียงร่างกายท้วมใหญ่ปะทะเข้ากับโซ่เหล็กและลูกกรง แล้วตามด้วยกระแสไฟที่กำลังช็อตจนทำให้ต้องล้มลงไปกองที่พื้น เด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายยังคงนอนร้องโอดโอยอยู่เช่นนั้นเพราะความเจ็บปวดที่ยากเกินบรรเทา
ตอนนี้ทีมคู่A ถูกตัดกำลังไปแล้วหลายคน เวลายังเหลืออยู่ 5 นาที คงเพียงพอที่จะทำให้ทีมคี่A ทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้
ซ่วบ! ยูคยอมกระโดดสุดตัว แล้วโยนเจ้าลูกสีส้มลงห่วงอย่างแม่นยำ
ปรี๊ด! "หมดเวลาการแข่งขัน ทีมคี่A เป็นฝ่ายชนะ" สิ้นสุดการป่าวประกาศ เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างปรบมือให้กับทีมที่ได้รับชัยไปก่อนในรอบแรก ยูคยอมพร้อมเพื่อนในทีมที่ยังยืนไหวอีกสองคนกำลังประคองกันเดินออกจากสนาม เสื้อสีขาวที่เคยใส่ลงแข่งขันของพวกเขา บัดนี้มันช่างหม่นหมองและเลอะคราบเลือดอยู่หลายจุด
แบมแบมนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความระทึกใจ ต่อไปก็เป็นทีมของตัวเองที่ต้องลงแข่งแล้ว และมันยากเหลือเกินเมื่อเขาได้รับรู้ว่าหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายตรงข้ามคือใคร
"ต่อไปทีมคู่B และทีมคี่B ลงสนามได้!" สิ้นสุดคำพูดนั้นทำเอาหูทั้งสองข้างของแบมแบมดับไปชั่วขณะ เขากำลังใจเต้นรัวและแรงจนยากจะข่มไว้ได้ เขาไม่ได้กลัวในเรื่องที่ต้องลงแข่ง แต่เขาไม่อยากทำร้าย ยองแจ เพื่อนใหม่ที่น่ารำคาญของเขา
ปรี๊ด! การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ละทีมต่างวิ่งไล่ตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือด
"นายอย่าเอาแต่วิ่งหนีสิ กำหมัดให้แน่นแล้วจัดการมัน" แบมแบมที่พยายามวิ่งตามอีกฝ่ายกำลังร้องบอกให้ยองแจสู้
"ฉันทำไม่ได้" อีกฝ่ายตอบกลับมาแล้วก็เอาวิ่งหลบฝ่ายตรงข้ามหัวซุกหัวซุน
อั้ก! แบมแบมพุ่งตัวกระแทกคนในทีมเดียวกันที่กำลังเข้ามาทำร้ายยองแจ แต่ปากก็บอกเพื่อนในทีมว่าไม่ได้ตั้งใจ
"ยองแจ นายต้องสู้นะเว้ย อยากเจ็บตัวหรือไง" แบมแบมอาศัยช่วงเสี้ยวนาทีตะโกนบอก
ผลั่ก! หมัดของใครสักคนที่อยู่ทีมเดียวกับแบมแบมพุ่งเข้าใส่หน้าท้องของยองแจอย่างรุนแรง ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มทรุดลงที่พื้นในทันที
"ลุกสิวะ ลุกขึ้นมา!" แบมแบมที่วิ่งเลี้ยงลูกบาสวนเข้ามาใกล้แล้วตะโกนบอกอีกครั้ง
"มะ ไม่ ฉันทำไม่ได้" ยองแจยังคงนั่งกุมท้องของตัวเองด้วยความเจ็บปวด ปากเอาแต่พึมพำว่าเขาทำไม่ได้
ฝ่ายตรงข้ามเห็นทีว่าได้จังหวะเหมาะจึงเตรียมตั้งท่าละเลงฝ่าเท้าใส่ยองแจเพื่อตัดกำลัง
"ไอ้บ้าเอ้ย ลุกขึ้นมาสิวะ อยากโดนกระทืบตายหรือไง!" แบมแบมรีบวิ่งไปช่วยกันฝ่าเท้าให้อีกฝ่ายแล้วรีบฉุดกระชากให้ยองแจลุกขึ้น
"เห้ย มึงทีมเดียวกับพวกกูนะเว้ย!" หนึ่งในสมาชิกทีมเดียวกับแบมแบมตะคอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด
"แล้วไงวะ ก็นี่มันเพื่อนกู!" แบมแบมตะคอกกลับเสียงดัง แล้วพุ่งหมัดใส่หน้าคนที่ว่าด้วยความโมโห
เกมกีฬาที่แสนชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นในทันทีที่ทั้งสองทีมไล่กระทืบกันมั่วไปหมด แบมแบมกลายเป็นแกะดำของทีมเพราะว่าแอบช่วยคนของฝ่ายตรงข้าม ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนทรยศไปแล้ว
"ผมขอสละสิทธิ์ ผมขอสละสิทธิ์ ได้ยินมั๊ย!" ยองแจตะโกนเสียงดังบอกกับคนที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นกรรมการ
"ไม่มีการสละสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ต้องแข่งจนกว่าเกมจะจบ!" กรรมการตะคอกตอบกลับมา
"ผมไม่แข่ง ผมจะออกได้ยินมั๊ย ผมขอสละสิทธิ์ไง!" ยองแจพูดอีกครั้ง
"ยองแจ แข่งต่อสิวะ อย่าป๊อด" แบมแบมบอกกับเพื่อน
"นายไม่เห็นหรอว่านายกำลังซวยเพราะฉันอยู่ ฉันไม่ควรลงมาแข่งไอ้เกมบ้าๆนี่เลยด้วยซ้ำ!" ยองแจะขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายแต่เสียงนั้นสั่นเครือราวกับเขากำลังเสียใจเป็นอย่างมาก
ปรี๊ด! "ทีมคี่B ถูกตัดสิทธิ์การแข่งขัน ทำให้ทีมคู่B เป็นฝ่ายชนะและรอแข่งในรอบต่อไป" คำประกาศชัดเจนของกรรมการดังขึ้น เพื่อหยุดความวุ่นวายทั้งหมด
"ไอ้เลวเอ้ย! เพราะมึงคนเดียวทีมเราถึงแพ้!" หนึ่งในสมาชิกทีมคี่B พุ่งตัวเข้ามาละเลงฝ่าเท้าใส่ยองแจแบบไม่บันยะบันยัง คนในทีมที่เหลือก็ไม่รอต่างกรูกันเข้ามาร่วมวงด้วย
แบมแบมเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยเพื่อนของตน แต่คนเพียงคนเดียวหรือจะสู้เจ้าพวกบ้านั้นได้ ความเจ็บมันแล่นปรี๊ดทันทีที่ทั้งหมัดและเท้าปะทะเข้าตามลำตัว
"หยุด!" เสียงห้ามของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดต่อเหตุการณ์เลวร้ายเหล่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงจริงๆเพียงแค่สิ้นเสียงของเขา บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบและสงบลงเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้า
"ใครที่ขอสละสิทธิ์ในการแข่งขัน!" ชายคนนั้นตะคอกถามเสียงดัง
ยองแจที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมค่อยๆฝืนยืนขึ้นแล้วตอบกลับไป
"ผะ ผม" ยองแจตอบด้วยเสียงแหบพร่าและสั่นเทาเพราะความกลัว
"เอาตัวมันไปขังไว้ในห้องใต้ดินที่สาม!" ชายคนนั้นออกคำสั่ง
ชั่วพริบตายองแจก็ถูกควบคุมตัวออกไปจากสนามแข่งขัน เขากำลังถูกพาไปที่ห้องขังมืดๆนั้น ห้องที่มีแต่การทำร้ายร่างกายและกักขังราวกับคุกแห่งคนบาป
แบมแบมมองตามอีกฝ่ายโดยไม่สามารถขัดขืนต่อคำสั่งของชายในชุดสีแดงเลือดนกคนนั้น ต้องทำอย่างไรเขาถึงจะช่วยยองแจออกมาได้ มันมีทางไหนบ้าง ใครก็ได้ช่วยตอบที
การแข่งขันอยู่ในช่วงพักห้านาที ลำดับต่อไปคือการแข่งขันระหว่างสองทีมที่ชนะกับสมาชิกที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิด สองทีมที่จะเข้าห้ำหั่นกันนี้ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ผู้ที่ยังยืนไหวเพียงหนึ่งคนของทั้งสองทีมจะได้เข้าร่วมแก๊งที่ทรงอิทธิพลและแน่นอนเงินทองและอำนาจในลำดับขั้นแรกก็จะตกมาอยู่ในมือของคนที่ได้รับชัยชนะ
"ทีมคู่B และทีมคี่A เตรียมลงสนามเพื่อทำการแข่งขัน เราต้องการผู้อยู่รอดเพียงหนึ่งเดียวของแต่ละทีม เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้ ใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีตอกหน้าฝ่ายตรงข้ามให้ยับ การแข่งขันในครั้งนี้ต้องการแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้น!" ชายในชุดสีแดงเลือดนกพูดทิ้งท้ายก่อนที่การแข่งขันอันดุเดือดจะเริ่มขึ้น
"พี่ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม!" เสียงของเด็กหนุ่มร่างเพรียวบางกำลังตะโกนถามอะไรบางอย่าง
"อะไร" ชายคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"คนที่ชนะ จะได้อะไรบ้าง" แบมแบมตั้งคำถาม
"ได้ทุกอย่างตามที่สมาชิกลำดับขั้นแรกควรจะได้" ชายคนนั้นตอบ แต่คำตอบก็ยังไม่กระจ่างอยู่ดี ทางเดียวคือแบมแบมต้องอยู่ให้ถึงตอนนั้น
ปรี๊ด! เสียงนกหวีดดังลั่นเพื่อบอกว่าการแข่งขันรอบสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทีมคู่B ที่มีสมาชิกเหลืออยู่ห้าคน และทีมคี่A ที่มีสมาชิกเหลืออยู่สามคนเท่านั้น ทั้งสองทีมกำลังเข้าจู่โจมแย่งชิงเจ้าลูกกลมๆจากฝ่ายตรงข้ามอย่างเอาเป็นเอาตาย หากแต่ว่ามีเพียงเด็กหนุ่มสองคนที่ไม่กล้าทำร้ายซึ่งกันและกัน สำหรับแบมแบมแล้ว ถ้าการที่เขาต้องเข้าไปกระทืบเด็กหนุ่มผมเหลืองคนนั้น มันก็ไม่ต่างจากการบังคับให้เขาต่อยหน้ายองแจ ถึงนิสัยของยูคยอมคนนี้กับยูคยอมนั้นจะต่างกันแค่ไหน แต่ภาพแห่งวันวานมันกำลังรั้งไม่ให้เขาทำร้ายอีกฝ่าย และดูเหมือนว่ายูคยอมเองก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากแบมแบมสักเท่าไร ถึงแม้ว่าหมอนี่จะปากเก่งและนิสัยยากที่จะซ่อมก็จริง แต่กลับมีอะไรบางอย่างที่บอกว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมามันเป็นเพียงแค่เกราะกำบังตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
การแข่งขันกินเวลาไปราวสิบนาทีแล้ว ตอนนี้ฝ่ายของแบมแบมเหลืออยู่เพียงสองคน และฝ่ายของยูคยอมที่ยังอยู่จำนวนเท่าเดิม
"ฉันจะไม่ยอมแพ้" แบมแบมขบฟันกรอดแล้วพุ่งหมัดเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเด็กหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าว เมื่ออีกฝ่ายเสียทีให้แก่เขา แบมแบมก็รีบฉกฉวยเอาลูกบาสเกตบอลมาครอบครองในทันที ตอนนี้แต้มของแต่ละทีมอยู่ห้าลูกเท่ากัน ทุกอย่างตัดสินที่เวลา หากเขาสามารถทำแต้มนำได้ก่อนเวลาจะหมดลง แน่นอนว่าเขาต้องได้รับชัยชนะเป็นแน่
"อั้ก!" หมัดที่หนักหน่วงและรุนแรงของคนที่ไม่คาดคิดพุ่งเข้าใส่หน้าท้องของแบมแบม เขารู้สึกจุกจนแทบพูดไม่ออก และที่ทำให้แทบพูดไม่ออกคือคนๆนั้นที่ทำร้ายเขา...แกนี่มันนอกจะทำร้ายจิตใจของฉันแล้วยังทำร้ายร่างกายของฉันอีก...แบมแบมคิด ความหน้ามืดจากความโกรธบวกกับความเจ็บปวดใจเมื่อครั้งอดีตนำพาให้สติของแบมแบมขาดผึงในทันที...มันจะมากเกินไปแล้วนะ
"ไอ้คนไม่มีหัวใจ ไอ้เลว คนอย่างแกมันสมควรหายไปจากชีวิตของฉันน่ะถูกแล้ว!" แบมแบมวิ่งเข้าไปรัวหมัดใส่อีกฝ่ายพร้อมกับปากที่พูดพร่ำถึงเรื่องที่ยังฝังใจ เวลานี้เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจที่จะทำคะแนนเลยด้วยซ้ำ
"นอกจากจะขอโทษไม่เป็นแล้ว แกมันยังปากสุนัข แล้วแกมันก็แค่คนที่ผิดสัญญา!" เด็กหนุ่มยกเท้าขึ้นถีบจนอีกฝ่ายล้มลงแล้วก็ละเลงหมัดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ หากมนุษย์ขาดคำว่าสติ
"โอ๊ย เจ็บนะเว้ย ไอ้บ้าเอ๊ย!" ยูคยอมอาศัยเรี่ยวแรงที่มีผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้น
"จะหนีไปไหน แน่จริงมาต่อยกันให้ตายไปข้างนึงเลยสิวะ คนอย่างแกมันคิดถึงแต่ตัวเอง ไอ้คนเห็นแก่ตัว" ประโยคจากปากที่กำลังพูดจาท้าทายฝ่ายตรงข้ามของแบมแบม หากลองนำมาร้อยเรียงประโยคดูแล้วก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่แบมแบมยังเจ็บและฝังใจอยู่คืออะไร และเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มผมเหลืองคนนั้นมากแค่ไหน
ซ่วบ! เสียงลูกบาสเกตบอลจากทีมคี่A ถูกโยนลงห่วงไปแล้ว ทำให้คะแนนนำอีกทีมไปหนึ่งคะแนน ตอนนี้ทีมคี่A มีสามชิกเหลือรอดเพียงสองคนคือยูคยอมและเพื่อนชายอีกคน ส่วนทีมคู่B ที่ดูอาการหนักสุดเพราะเหลือแค่แบมแบมคนเดียวเท่านั้น แม้ตอนแรกทีมของยูคยอมจะมีจำนวนคนน้อยกว่า แต่ความแข็งแกร่งและเทคนิคการเล่นที่ดีกว่าทีมตรงข้าม จึงทำให้พวกเขาสามรถตัดกำลังอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วและทำคะแนนขึ้นนำได้ในที่สุด
แบมแบมกลายเป็นผู้ถูกต้อนแล้วในตอนนี้ สองต่อหนึ่งมันก็ไม่ต่างจากพวกหมาหมู่สักเท่าไร แต่การแข่งกีฬาที่แสนวิปริตนี้กลับกลายเป็นสิ่งธรรมดาไปแล้วกับพวกกรรมการและกองเชียร์ไร้จิตใต้สำนึก
ฉันต้องหยุดไอ้หมอนั่นให้ได้ก่อน...เสียงหนึ่งในห้วงความคิดของแบมแบมกำลังบอกว่าเขาต้องรีบตัดกำลังอีกฝ่ายให้ได้ ซึ่งเป้าหมายก็คือเด็กหนุ่มอีกคนที่ดูเพรียวบางกว่ายูคยอม
"อั้ก อึ้ก!" อะไรเล่าจะมาโหดเท่าแม่ไม้มวยไทย แบมแบมจัดการอีกฝ่ายด้วยท่าจระเข้ฟาดหางในช่วงนาทีที่ได้จังหวังอันเหมาะสม ตอนนี้เจ้าลูกกลมๆตกมาอยู่ในมือของเขาแล้ว เหล่ากองเชียร์ต่างโห่ร้องด้วยความตื่นตาตื่นใจราวกับดูเมจิกโชว์ การแข่งในวันนี้มันช่างสนุกเร้าใจเหลือเกิน
ผลั้ก! ยูคยอมใช้ลำตัวกระแทกอีกฝ่ายแล้วพยายามยื้อแย่งลูกบาสมาให้ได้ แบมแบมเองก็ไม่ยอมง่ายๆเขาจับมันไว้แน่นแล้วทำทีหลอกล่อ เมื่อยูคยอมเผลอ เขาก็รีบวิ่งเลี้ยงเจ้าลูกกลมๆนั้นไปให้ถึงแป้นเพื่อจะได้ทำคะแนนตีเสมอให้ได้ การวิ่งเลี้ยงลูกบาสที่น่าจะปลอดภัยที่สุดคือต้องอยู่ให้ห่างจากกรงเหล็กที่มีกระแสไฟพวกนั้นเข้าไว้ หากพลาดท่าอาจจะโดนคู่ต่อสู้ผลักไปใส่เจ้าลวดไฟฟ้สนั่นได้ ซึ่งแน่นอนผลของมันก็จะทำให้ชาและเจ็บแปลบไปหลายนาที
ได้จังหวะแล้วแบมแบมรีบกระโดดให้สูงที่สุดแล้วก็เหวี่ยงเจ้าลูกกลมๆนั้นให้เข้าห่วง
ปึ๊ด! ฝ่ามือหนาของคนที่สูงกว่าเข้ามาช่วงชิงจังหวะเพียงเสี้ยววินาที แล้วปัดลูกบาสเกตบอลออกก่อนที่มันจะร่วงลงไปในห่วงตาข่าย
ปรี๊ด! "หมดเวลาการแข่งขัน ทีมคี่A เป็นฝ่ายชนะ ด้วยคะแนน 6-5 ส่วนทีมคู่B คุณคือคนที่แข็งแกร่งไม่แพ้อีกฝ่ายและยังยืนหยัดเป็นสองคนสุดท้ายที่เหลือ การคัดคนเข้าแก๊ง red monster และ dark soul ได้จบลงแล้ว"
สิ้นเสียงประกาศผล บรรดากองเชียร์ก็เฮลั่นด้วยความดีใจ เม็ดเงินจำนวนมากสะพัดหลายล้านวอนในวันเดียว ฝ่ายที่เชียร์ทีมของยูคยอมต่างชื่นชมและร้องเรียกชื่อของเขาจนดังลั่นไปทั่วทั้งพื้นที่ จากนี้ไปชื่อของ คิม ยูคยอม จะถูกจารึกเอาไว้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเรียนใหม่ทั้งหมด
"บ้าเอ๊ย!" แบมแบมสบถกับตัวเสียงดัง เขาหัวเสียเป็นอย่างมากที่พลาดจนกลายเป็นคนขี้แพ้ในที่สุด นั่นหมายความว่าเขายังไม่ได้ลำดับขั้นในตอนนี้ เพราะมันถูกฉกชิงไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ถ้าหากทำคะแนนได้เท่ากันก็ถือว่าเสมอและได้เลื่อนลำดับไปหนึ่งขั้น แต่ความจริงคือเขาได้พ่ายแพ้ไปแล้ว
"ใจเย็นๆสิ นายังมีโอกาสลงแข่งใหม่ได้อีกนะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างที่แบมแบมกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง
"พี่ยาม?" แบมแบมแปลกใจมากที่ได้เจอนายยามคนนี้ที่ชั้นแบทเทิล
"บอกแล้วไง ว่าอาจจะเจอผมได้ทุกที่ แล้วก็ไม่ต้องโมโหขนาดนั้นหรอก รอบหน้าก็มี แถมไม่ต้องลงแข่งใหม่ให้เสียเวลาด้วย" นายยามคนเดิมบอกกับแบมแบม จะว่าไปยามคนนี้ก็แสนรู้ไปซะทุกเรื่องจริงๆ
"เอาเป็นว่าผมไปหาที่แอบงีบก่อนนะ อย่าบอกใครล่ะ บาย" ยามที่อยู่ในชุดนอกเครื่องแบบชุดเดิมบอกกับแบมแบมก่อนที่จะรีบเดินกลับออกไปจากชั้นใต้ดิน
แบมแบมได้แต่แปลกใจที่พบกับยามคนเดิมอีกครั้ง แล้วก็ยังใส่เสื้อผ้าสีเทาเหมือนเดิมอีกด้วย จะว่าไปใบหน้าจริงๆของพี่ยามจะเป็นอย่างไรกันนะ
"นี่ นายคนนั้นน่ะ ลูกพี่ให้มาเรียก รีบตามมาเร็ว" เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบตามหาตัวแบมแบมจนเจอ กำลังบอกให้เขารีบตามไปที่ไหนสักที่
แอ๊ด! ประตูเหล็กหนาขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่หลังแนวกำแพงสูงของชั้นใต้ดินที่สี่ถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นบันไดขนาดใหญ่ที่ถูกปูทับด้วยพรมสีแดงสดดูอลังการ มันคือโถงบันไดที่ถูกประดับประดาไปด้วยเครื่องเงินและทองคำขาว เหนือศีรษะขึ้นไปคือโคมไฟระย้าที่มีก้อนเหลี่ยมสีใสห้อยเรียงกันอย่างสวยงาม มันเป็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะถูกซ่อนอยู่ที่นี่ แบมแบมค่อยๆลากสังขารสุดแสนจะบอบช้ำตามเด็กหนุ่มคนที่มาเรียกเขาขึ้นไป ยิ่งเดินขึ้นไปเรื่อยๆก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของสิ่งของตกแต่งราคาแพง ภาพวาดจากศิลปิลชื่อดัง รูปปั้นโรมันที่ผ่านการขึ้นรูปอยา่งละเอียดปราณีต ซึ่งพบเห็นได้ตลอดเส้นทางของบันได นี่สินะคือสิ่งที่ผู้หิวกระหายพวกนั้นต้องการ
เด็กหนุ่มคนนั้นนำพาแบมแบมมาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งซึ่งถูกปิดกั้นด้วยบานประตูไม้สักประดับกรอบทองคำแท้เหลืองอร่าม พื้นผิวของมันช่างเงาวับเมื่อยามต้องแสงไฟ
"เปิดเข้าไปสิ" เด็กหนุ่มคนนั้นบอกกับเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่แบมแบมได้สัมผัสกับสิ่งของราคาแพงแบบนี้ เขาเอื้อมมือช้าๆไปจับลูกบิดประตูทองคำ แล้วค่อยๆหมุนมันจนได้ยินเสียงปลดล็อค ทันทีที่เขาเปิดมันออกก็ต้องตกตะลึงกับความอลังการที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งห้องมันมีสีทองอร่ามตัดกับสีแดงของพรมและผ้าม่าน แสงไฟสีส้มดูอบอุ่นยิ่งพาให้ของตกแต่งภายในล้ำค่าขึ้นกว่าเดิม ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าจะมีที่แบบนี้ซ่อนอยู่ในโรงเรียนมัธยมการกีฬา
"นั่งก่อนสิ อยากจิบน้ำชาสักหน่อยมั๊ยล่ะ" เสียงของใครบางคนที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก กำลังพูดคุยอยู่กับแบมแบม
เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงพูดของใครคนนั้น บุคคลตรงหน้าทำให้แบมแบมตกใจอยู่ไม่น้อย เขาได้พบเจอกับชายที่อยู่ในชุดคลุมสีแดงเลือดนกอีกครั้ง และชายที่ว่าคือคนครอบครองข้าวของราคาแพงพวกนี้สินะ
"ฉันชื่อ แจ็คสัน แล้วนายล่ะชื่ออะไร" ชายคนนั้นเอ่ยถามแล้วก็รินน้ำชาที่ยังอุ่นๆส่งมาให้กับแบมแบม
"ผมชื่อแบมแบม" เด็กหนุ่มตอบด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำชาเล็กๆจากชายที่กำลังพูดคุยกับเขา
"ชอบที่นี่มั๊ย" ชายในชุดคลุมสีแดงเลือดนกถามอีกครั้ง
"ก็สวยดีครับ" แบมแบมตอบสั้นๆ
"นี่แค่ส่วนน้อยนะ มันยังมีอะไรที่มากมายกว่านี้อยู่ ถ้านายสนใจที่จะเข้ามาอยู่ด้วยกัน" ชายคนเดิมพูด
"อยู่ด้วยกัน คือยังไงครับ" แบมแบมยังข้องใจ
"red monster ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว สำหรับการแข่งวันนี้ ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะว่านายจะชนะการแข่งนั่นหรือเปล่า แค่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายได้ มันก็น่าสนใจมากพอแล้ว" แจ็คสันพูดแล้วก็ยกแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ
"ทำไม่คุณไม่ไปสนใจคนที่ชนะผมล่ะ" แบมแบมถามอีกครั้ง
"ก็เพราะว่านายคือคนที่ถูกเลือกไว้แล้วไงล่ะ และคนที่ชนะนายก็ถูกเลือกไว้แล้วเหมือนกัน" ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งบอก
"ผมไม่เข้าใจ" แบมแบมยังคงพูดคำเดิมๆอีกครั้ง
"นายอาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนี้หรอกนะ แต่ครั้งหน้านายต้องลงแข่งแล้วเอาชัยชนะมาให้ได้ นี่คือคำสั่ง และจากนี้ไปนายคือส่วนหนึ่งของ red monster ที่แห่งนี้คือสถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวของเรา แล้วมีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษหรือเปล่า" แจ็คสันเอ่ยถามแล้วยื่นสิงหนึ่งมาให้กับแบมแบม มันคือเสื้อคลุมสีแดงเลือดนกที่มีตราปีศาจอยู่ด้านหลัง
"ผมขอเบ๊รับใช้หนึ่งคน ต้องการเดี๋ยวนี้" แบมแบมรีบบอกในสิ่งที่ต้องการออกไป
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉลาดดีหนิ ยังไม่ทันไรก็อยากได้คนรับใช้ซะแล้ว โอเค ฉันจะจัดให้ตอนนี้เลย" หัวหน้าแก๊งตอบรับอย่างว่าง่าย แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อต่อสายหาลูกน้องของตัวเอง
"เดี๋ยวครับ เบ๊ที่ผมต้องการชื่อ ชเว ยองแจ คนที่ถูกขังอยู่ที่ชั้นใต้ดินที่สาม" แบมแบมบอก
"อืม ได้" ชายหัวหน้ากลุ่มตอบรับแล้วติดต่อหาลูกน้องในทันที เพื่อจัดเตรียมหาเบ๊คนที่แบมแบมต้องการ
สิ้นสุดการพูดคุยกับหัวหน้าแก๊งคนดังกล่าวแล้ว แบมแบมก็เดินออกจากห้องสุดอลังการไป เป้าหมายของเขาตอนนี้คือต้องลงแข่งกีฬาป่าเถื่อนนั่นอีกรอบเพื่อเลื่อนลำดับขั้นให้ได้ ตอนนี้เขากำลังอยู่บนหลังเสือแล้ว คำสั่งของแจ็คสันคือสิ่งที่เขาไม่อาจปฏิเสธ และคำถามที่ยังค้างคาใจของเขาอยู่ก็ยังไม่เจอคำตอบสักทีว่าทำไมคนพวกนั้นต้องแข่งขันแย่งชิงกัน แล้วคนที่ได้เลื่อนลำดับขั้นจะมีอะไรพิเศษมาไปกว่าคนอื่นๆ คงมีทางเดียวคือต้องชนะในรอบต่อไปให้ได้
-------------------------------
กว่าการแข่งขันจะจบลงก็เกือบค่ำ แบมแบมรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและเจ็บระบมไปหมดทั้งตัว กลิ่นคาวเลือดในปากยังคละคลุ้งไม่จางหายไป นับเป็นความโชคดีที่ฟันของเด็กหนุ่มยังอยู่ครบทั้งสามสิบสองซี่ แบมแบมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วก็พ่นควันสีเทาจางๆฟุ้งกระจายลอยไปตามสายลมที่พัดผ่านอยู่บนชั้นดาดฟ้าของหอพักนักเรียน
"ขอบคุณนะแบมแบมที่ช่วยฉัน" ยองแจที่นั่งปิดจมูกอยู่ข้างๆหันมาพูดกับแบมแบม
"ช่วยอะไร ฉันแค่อยากได้เบ๊รับใช้เฉยๆ" แบมแบมพูดแล้วก็จัดการบดขยี้ก้นบุหรี่ให้มอดดับไป เพราะเจ้าคนหน้ารำคาญข้างๆที่ชอบมานั่งเอามือปิดจมูกหรือไม่ก็จามอยู่ตลอดเวลา
"แต่นายก็เลือกฉันหนิ ถ้าฉันไปเป็นเบ๊ให้คนอื่น ไม่รู้ว่าป่านนี้ต้องโดนอะไรบ้าง" ยองแจพูดเสียงเศร้า
"นายรู้ตัวมั๊ยว่านายโคตรน่ารำคาญจริงๆเลยเว้ย แล้วก็รู้ตัวไว้ด้วยว่านายกำลังโดนหมายหัวจากเพื่อนเราด้วยเรื่องการแข่งบาสวันนี้ แค่ต่อยหน้าคนที่มันจะเข้ามาทำร้ายนาย ทำไมถึงทำไม่ได้วะ" แบมแบมพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อนึกถึงเรื่องการแข่งขันที่ผ่านมา
"ฉันทำไม่ได้จริงๆ ถ้าพ่อรู้ พ่อคงจะเสียใจมาก" ยองแจบอกกับอีกฝ่าย เขาดูเศร้าและหม่นหมองผิดจากคนที่เคยรู้จักในวันแรก
"เอะอะก็พ่อ ถามจริงๆเหอะ นายเป็นอะไรของนายกันแน่วะ" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความสงสัย หมอนี่นับวันยิ่งดูเหมือนมีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา และมักจะพูดถึงพ่ออยู่เสมอ
"ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร...แบมแบมแล้วตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมมั๊ย" ยองแจเอ่ยถามในสิ่งที่เขากำลังอึดอัดใจ เพราะแบมแบมไม่ได้เป็นแค่เด็กนักเรียนใหม่ทั่วไปแล้ว เมื่อเทียบสถานะกับยองแจแล้วมันช่างห่างชั้นกันเหลือเกิน
"นายมันก็เป็นเบ๊แค่ในนามเท่านั้นแหละ" แบมแบมบอก
"หมายความว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั๊ย" ยองแจถามแล้วยิ้มด้วยความดีใจ
"เออสิวะ ถามจริงทำไมนายถึงอยากมีเพื่อนอะไรขนาดนั้น ที่ผ่านมาเพื่อนไม่คบหรอ" แบมแบมเอ่ยถามแบบติดตลก แต่ดูเหมือนว่าคนถูกถามไม่ได้ตลกด้วยเลย
"อืม ฉันแค่กลัวการอยู่คนเดียว" ยองแจตอบเสียงเบาแล้วก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตา
"แปลกดีเนอะ นายกับฉันแ-่งโคตรต่างกันเลย" แบมแบมพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยให้กับชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
"แล้วนายล่ะ ทำไมถึงกลัวการมีเพื่อน ทำไมถึงไม่ค่อยเปิดใจเลย" ยองแจกำลังตั้งคำถามที่เขาอยากรู้ ว่าทำไมแบมแบมถึงไม่ค่อยเปิดใจเริ่มต้นมิตรภาพกับใคร
"ฉันไม่ได้กลัวการมีเพื่อนใหม่หรอกนะ แต่ฉันกลัวคนที่จะมาเป็นเพื่อนของฉันต่างหาก" แบมแบมตอบกลับไปแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ใช่เขากำลังกลัวว่าคนที่เข้ามาเป็นเพื่อนกับเขาจะสร้างความทรงจำซ้ำรอยเดิมให้อีกครั้ง
-------------------------------
ห้องพักนักเรียนยามนี้ยังเงียบสงบ แทบจะไม่มีใครขึ้นมาใช้งานเพราะต่างคนต่างพากันลงไปรับประทานอาหารเย็นที่ทางหอพักได้จัดเตรียมไว้ให้ ภายในห้องที่มืดมิดมีใครบางคนกำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องพักรวมที่คุ้นเคย เมื่อเปิดไฟจนสว่างแล้วเด็กหนุ่มผมสีเหลืองก็รีบเดินเข้ามาเก็บข้าวของต่างๆใส่กระเป๋าทันที เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแค่เด็กนักเรียนใหม่ทั่วไปแล้ว และเขาก็กำลังจะย้ายเข้าไปพักร่วมกับกลุ่มแก๊ง dark soul ซึ่งเปรียบเหมือนบ้านหลังใหม่ของเขานั่นเอง
"อะไรน่ะ" ในระหว่างที่เก็บของเข้าประเป๋าอยู่นั้น พลันสายตาของยูคยอมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ร่วงหล่นอยู่ใต้เตียง
เขาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือบัตรที่ทางหอพักได้ออกให้กับนักเรียน ข้อมูลในบัตรนั้นระบุชื่อ นามสกุล และประวัติคร่าวๆเอาไว้ พอที่จะบ่งบอกได้ว่าใครคือเจ้าของๆมัน
"กันต์พิมุก ภูว..." ยูคยอมรู้สึกตกใจมากที่พบชื่อและนามสกุลนั้น เขารีบพลิกบัตรอีกด้านเพื่อดูประวัติอย่างอื่นทันที
"กรุ๊ปเลือด B เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม..." ยูคยอมเริ่มใจเต้นแรงและถี่ขึ้นหลังจากที่อ่านเสร็จ ข้อมูลทุกอย่างมันใช่จริงๆด้วย คนที่เขาพยายามคิดว่าไม่น่าใช่แต่มันกลับใช่จริงๆ คนที่เคยแสนดี และอ่อนโยนในตอนนั้น คนที่เคยทำให้เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนละคนไปแล้ว
"ใช่จริงๆใช่มั๊ย ทำไม นายถึงมาอยู่ที่นี่ได้" ยูคยอมพูดด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกันที่ทำให้คนๆนึงเปลี่ยนไป อะไรกันที่พาให้เขาทั้งสองหวนกลับมาเจอ
"ป๊า!" อยู่ๆเด็กหนุ่มก็คิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อขึ้นมา จึงรีบกดเบอร์ติดต่อไปหาในทันที เขาต้องรู้คำตอบให้ได้ว่าทำไมแบมแบมถึงมาที่นี่ และมาด้วยเหตุผลอะไรกันแน่
การที่เด็กหนุ่มแต่ละคนได้มาพบเจอกัน มันอาจจะไม่ใช่แค่ความบังเอิญหรือโชคชะตา หากแต่ยังมีใครที่อยู่นอกเหนือจากเกมที่เล่นหรือเปล่า คนที่กำลังนำพาพวกเขาให้มาเจอกัน ความเกี่ยวข้อง สายสัมพันธ์ มิตรภาพของพวกเขามันไม่ใช่แค่สิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาเสียแล้ว แต่ทว่ามันคือการกระทำของใครสักคน
-------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ