[FicGOT7] WHO ARE WIN (YugBam x GOT7)

9.3

เขียนโดย ฟ้ามืด

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.27 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,074 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 19.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) ความผิดพลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

WHO ARE WIN

 

ตอนที่ 4 ความผิดพลาด

 

สายลมพัดผ่านแมกไม้อย่างแผ่วเบา ทำให้ใบที่แห้งเฉาของมันค่อยๆหลุดร่วงลงสู่พื้นดิน เหล่าแมลงกลางคืนที่กำลังวิ่งผ่านกองใบไม้แห้งเหี่ยวต่างก็ส่งเสียงร้องราวกับว่าพวกมันกำลังพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ยามค่ำมืดที่มีเพียงแสงของดวงจันทร์สาดส่องลงมาเช่นนี้ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แสงสลัวในค่ำคืนบวกกับบรรยากาศหลังหอพักที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดต่างเติบโตเบียดบังกันจนหนาทึบ ยิ่งได้เห็นต้นไม้ใหญ่น้อยที่รายล้อมตัวอาคารหลังเก่าในสภาพจะพังมิพังแหล่ ก็ยิ่งพาให้เกิดอาการขนลุกได้เลยทีเดียว หากใจไม่แข็งพอคงยากนักที่จะมีใครกล้าออกมาเดินเล่นอยู่แถวนี้ 

 

        "ใคร?" เป็นคำถามที่วนอยู่ในความคิดของแบมแบม มันเกิดขึ้นในเสี้ยวนาทีที่เขาหันกลับมาตามเสียงเรียกของใครบางคน

 

        "มองหาอะไรอยู่หรอ ถ้ายังหาไม่เจอเดี๋ยวผมช่วยหานะ" ใครคนนั้นบอกกับแบมแบม

 

ชายหนุ่มร่างสูงเพรียว หากให้คาดเดาช่วงอายุคงประมาณยี่สิบต้นๆ เขาสวมเสื้อคอเต่าแขนยาวที่มีชายเสื้อยาวจนเกือบถึงเข่าและสวมกางเกงขายาวเป็นสีเทาเหมือนกันทั้งคู่ แต่แปลกที่เสื้อผ้าของเขาดูหม่นหมอง และมีบางจุดที่เปื้อนคราบบางอย่างราวกับว่ามันได้ผ่านการใช้งานมามากมาย อีกทั้งชายหนุ่มที่ว่ายังสวมผ้าปิดจมูกสีขาวเผยให้เห็นเพียงช่วงใบหน้าส่วนบนเท่านั้น

 

        "ปะ เปล่า ผมแค่ได้ยินเสียงแปลกๆเลยเดินมาดูเฉยๆ" แบมแบมตอบกลับไปในท่าทีที่บ่งบอกได้ว่าเขาไม่ค่อยไว้วางใจชายผู้นี้

 

        "เด็กใหม่มักจะขี้สงสัยแบบนี้แหละ แต่ทางที่ดีคุณไม่ควรออกมาเดินเล่นแถวนี้นะ เพราะตึกเก่าๆหลังนี้มันผุพังมากแล้ว ไม่แน่มันอาจจะถล่มลงมาทับร่างกายของคุณจนแหลกเป็นชิ้นๆเลยก็ได้ อย่าให้เลือดสีแดงข้นของคุณมันต้องเลอะเทอะเลย" ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมกับดวงตาที่กำลังแสดงออกมาว่าเขาต้องยิ้มอยู่เป็นแน่

 

คำพูดที่เหมือนคำบอกเล่าแต่กลับทำให้คนฟังอดที่จะจินตนาการตามไม่ได้ หากมันพังลงมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าแบมแบมจะมีโอกาสกลับไปหาพี่ชายอีกหรือเปล่า

 

       "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมพูดเล่นน่ะ อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ" ชายคนนั้นพูดไป หัวเราะไป ราวกับว่าจินตนาการของแบมแบมเป็นเรื่องขบขัน

 

       "ครับ ว่าแต่คุณเป็นใคร แล้วมาทำอะไรแถวนี้" แบมแบมเอ่ยถามชายคนนั้น ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกตลกตามเลยสักนิด

 

        "ผมเป็นคนที่อยู่แถวนี้ อืม...จะให้เรียกว่าอะไรดี ยามดีมั้ยนะ" ชายคนนั้นตอบแบบทีเล่นทีจริง ตามบุคลิกภายนอกของเขาที่ดูเป็นคนอารมณ์ดีและขี้เล่น

 

        "ยามหรอ งั้นคุณก็ต้องเฝ้าที่นี่ทั้งคืนเลยสินะ" แบมแบมพูดแต่ในใจก็ยังมีความระแวงอยู่ลึกๆ ว่าชายคนนี้เป็นยามอย่างที่บอกจริงหรือ

 

        "ใช่ผมอยู่เฝ้าที่นี่ทั้งคืน อาจจะพบผมได้ในทุกๆที่ของโรงเรียน แต่ที่ประจำของผมคือที่นี่แหละ จุ๊ๆ...อย่าไปบอกใครหล่ะว่าผมแอบมาหลับอยู่ตรงนี้ อ่ะ...แล้วไม่ต้องแปลกใจที่ผมแต่งตัวไม่เหมือนยามแบบที่คุณเคยเห็น เพราะผมเป็นยามนอกเครื่องแบบไง ฮ่าๆ อ้อ อีกอย่างเรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ แบบว่าพี่ยามไรงี้ก็ได้ อย่าเรียกคุณเลย มันดูห่างเหินไปหน่อยนะ ว่ามะ" ชายที่บอกว่าตนเองคือยามเฝ้าโรงเรียนพูดอย่างอารมณ์ดี

 

        "โอเค ถ้าพี่เป็นยามจริงๆ พี่รู้หรือเปล่าว่าโรงเรียนนี้มันไม่ปกติ" แบมแบมกำลังบอกบางอย่างกับยามคนนั้น

 

        "แล้วนายไปเจออะไรมาล่ะ" ยามคนนั้นเอ่ยถามแล้วดูเหมือนว่าเขากำลังยิ้มเยาะกับคำพูดของแบมแบม

 

        "ผมไม่รู้ว่าพี่จะรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ คือที่ชั้นใต้ดินมันมีการเล่นกีฬาที่ไร้กฎเกณฑ์ ทุกคนพยายามเอาชนะเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น พวกนั้นทำร้ายฝ่ายตรงข้ามแบบเอาเป็นเอาตาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไรกัน แล้วทำไมทางโรงเรียนถึงปล่อยไว้แบบนี้" แบมแบมอธิบายด้วยความเคร่งเครียดปนสงสัยที่แสดงออกมาทางใบหน้า

 

        "ฮ่าๆ ผมรู้ดีเลยล่ะ" ยามคนนั้นตอบพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเช่นเดิม

 

        "พี่รู้? แต่ทำไมถึงปล่อยให้มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น มันออกจะผิดกฎหมายด้วยซ้ำ" แบมแบมถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง เขาตกใจมากที่รู้ว่ายามคนนี้ก็มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับความป่าเถื่อนพวกนั้น

 

        "เพราะผมมันเป็นแค่ยามตัวเล็กๆ จะให้ทำอะไรนอกเหนือไปจากหน้าที่ตรงนี้ก็กลัวว่าอาจจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เอาเป็นว่าความสงสัยทั้งหมดของนายมันจะกระจ่างแน่นอน...ถ้านายลงแข่งแล้วชนะในวันพรุ่งนี้" ยามคนนั้นบอก

 

แบมแบมนิ่งเงียบในทันทีที่ได้รับฟังสิ่งที่พี่ยามคนนั้นบอกกับเขา มันไม่มีทางไหนที่จะทำให้เข้าใจได้เลยนอกจากการลงแข่งขันกีฬาที่ไม่น่าจะเรียกว่ากีฬาแบบนั้น เขามาเรียนที่นี่เพียงเพื่อความฝันในอนาคต ไม่ได้ต้องการมาห้ำหั่นหรือต่อสู้กับใครเพื่อให้ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งไร้สาระอะไรนั่น แต่ถ้าเขาลงแข่งขันกีฬาแล้วชนะจริง เขาก็จะได้คำตอบของเรื่องทั้งหมดอย่างนั้นหรือ

 

        "โอเค งั้นผมไม่กวนพี่แล้วนะ ผมว่าจะกลับเข้าหอพักแล้ว" แบมแบมบอกกับยามคนนั้น เขาไม่ได้มีอารมณ์มายืนคุยแล้วหัวเราะชอบใจกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้ 

 

        "ครับ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ แวะมาคุยกับผมได้นะ อ้อ อีกอย่างการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีนะครับ เก็บปอดไว้สูดออกซิเจนดีกว่านะผมว่า เดินกลับดีๆนะครับ บ๊าย บาย" ชายคนนั้นพูดแล้วโบกมือไปมาให้กับเด็กหนุ่ม

 

แบมแบมเดินไกลออกมาจากอาคารหลังเก่าพอสมควรแล้ว เวลานี้ในหัวของเด็กหนุ่มยังคงคิดอะไรต่างๆนานาอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้แบมแบมรู้สึกว่าชายที่เป็นยามคนนั้นไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็ดูเป็นมิตรน่าคบหา แต่หากจะให้คบหาผูกมิตรด้วยก็คงเป็นไปยาก ความจริงทุกคนที่นี่แทบไว้ใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ความเชื่อใจและไว้ใจคนอื่นของแบมแบมมันหมดไปแล้ว หมดไปตั้งแต่วันที่คนๆหนึ่งได้หายไปจากชีวิต และเป็นเพียงคนเดียวที่เขาเคยเชื่อใจมากที่สุด เหตุนี้เองจึงทำให้เขาไม่อยากเข้าหาใคร แม้แต่การเริ่มต้นมิตรภาพใหม่ๆก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับแบมแบม

 

        "แอบมาทำอะไรค่ำๆมืดๆวะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างทางที่แบมแบมกำลังเดินกลับหอพัก

 

       "ไอ้ดอกดาวเรือง!" แบมแบมหยุดชะงักในทันทีที่ได้ยิน เมื่อหันมองไปตามต้นเสียงก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีเหลืองเป็นเอกลักษณ์ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ทางฝั่งซ้ายมือของเขา

 

        "นี่ เรียกฉันดีหน่อยสิ ฉันมีชื่อนะเว้ย" เด็กหนุ่มผมเหลืองบอก

 

         "แล้วไง แกจะชื่ออะไรก็เรื่องของแก ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะหัวแกมันสีเหลืองเหมือนดอกดาวเรืองนี่หว่า แต่ถ้าไม่ชอบฉันเปลี่ยนให้ก็ได้นะ เป็นก้อนอะไรเหลืองๆนั่นดีมั๊ย" แบมแบมหันไปต่อปากต่อคำกับเด็กหนุ่มร่างสูงคนเดิม

 

        "นี่แกหมายความว่าไง อย่ามาเรียกอะไรไร้สาระ ฉันไม่ชอบ" เด็กหนุ่มร่างสูงพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

        "แล้วไง ไม่ชอบก็เรื่องของแก แล้วแกล่ะมาทำอะไรค่ำๆมืด แอบมาเล่นว่าวหรอ" แบมแบมถามยอกย้อนอีกฝ่าย

 

        "จะบ้าหรือไง แค่จะบอกว่าให้รีบไปย้ายของออกจากเตียงฉันเดี๋ยวนี้" เด็กหนุ่มคนนั้นบอกเหตุผล

 

        "ของอะไรวะ ถ้าหมายถึงกระเป๋าเสื้อผ้ากับของใช้พวกนั้น ฉันก็ไม่ได้วางผิดที่หนิ" แบมแบมเริ่มหัวเสียใส่อีกฝ่าย

 

        "นี่โง่หรือว่าโง่วะ เตียงล่างมันของฉันเว้ย" เด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นเสียงใส่

 

        "ว่าไงนะ" แบมแบมตกใจเล็กน้อยที่รู้ตัวว่าจัดของไว้ผิดที่ อาจเป็นเพราะเขามัวแต่คิดอะไรมากมายไปหน่อยเลยไม่ทันได้ดูให้ดีเสียก่อน

 

        "ว่าไงนะบ้าบอไรล่ะ แหกตาดูบ้าง นี่ เตียง B5 คิม ยูคยอม มันชื่อของฉัน ส่วนแกจะไปนอนตรงไหนก็ไป หรือจะไปนอนกับแมวโฮมเลสที่ไหนก็ไป" เด็กหนุ่มคนนั้นพูดแล้วยื่นบัตรที่ทางหอพักออกให้เพื่อระบุห้องและตำแหน่งเตียงนอนของแต่ละคน ให้แบมแบมดู

 

        "ยะ ยูคยอม" แบมแบมแทบไม่เชื่อต่อสิ่งที่ได้ยินและได้เห็น เขาตกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่เขากำลังพูดคุยด้วยมีชื่อว่าอะไร และมันเป็นชื่อเดียวที่เขาไม่เคยลืม

 

        "เออ ชื่อยูคยอม แล้วต่อไปก็เลิกเรียกฉันว่าหัวดอกดาวเรืองซักที เซ็งชิบหาย"เด็กหนุ่มร่างสูงพูดด้วยความไม่สบอารมณ์อีกครั้ง

 

        "แกชื่อยูคยอมจริงๆหรอ" แบมแบมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

 

        "เออ ทำไม ชื่อนี้แล้วมันไปหนักขนคิ้วแกหรือไง รีบๆไปย้ายของออกเดี๋ยวนี้เลย รีบไปสิวะ" ยูคยอมพูดจากระแทกกระทั้นใส่อีกฝ่าย แล้วผลักแบมแบมให้รีบเดินเพื่อที่จะได้ไปขนย้ายข้าวของออกจากเตียงนอนของตัวเอง

 

แบมแบมเดินกลับหอพักอย่างเชื่องช้า ตอนนี้สมองของเขาเริ่มเบลอไปหมดแล้ว หลายอย่างที่ได้เจอในวันนี้ทำให้เขาคิดจนหัวแทบระเบิด และไอ้หมอนี่อีกคนที่เอาคำถามมายัดไว้ในหัวของเขาให้เพิ่มขึ้นอีก ชื่อที่เหมือนกันกับคนในอดีต รูปลักษณ์ภายนอกที่ยกเว้นผมสีเหลืองนั้นก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องของนิสัยต้องบอกเลยว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว ก็คนนั้นน่ะ ช่างแสนดี ดีมาก ดีจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนึงเขาคนนั้นจะหายไปจากชีวิตของแบมแบม

เด็กหนุ่มเคยเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาว่าทำไมคนๆนั้นถึงหายไป จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้คำตอบสักที

 

        "คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกน่ะ ลืมๆไปซักทีสิวะ" แบมแบมบ่นพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เขากำลังสับสนไปหมด

 

        "บ่นเห้ไร รีบเดินสิวะ ง่วงแล้วนะเว้ย" เด็กหนุ่มร่างสูงพูดด้วยความรำคาญใจแล้วก็ผลักตัวอีกฝ่ายให้รีบเดินไปข้างหน้าเช่นเดิม

 

แบมแบมรีบเดินเร็วขึ้นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ผลักเขาอยู่ตลอดเวลา ปากก็เอาแต่พูดต่อว่าที่แบมแบมมารุกรานที่นอนของตัวเอง นิสัยของหมอนี่โคตรเสียเลย ยิ่งเวลาพูดนะเหมือนกับยกฟาร์มสุนัขพันธุ์ล็อตไวเลอร์มาไว้ในปาก นอกจากจะชอบด่าคนอื่นว่าโง่แล้วยังไม่รู้จักคำว่าขอโทษอีก แค่คิดความรู้สึกโมโหแบบเมื่อเช้าก็พุ่งปรี๊ดเข้ามาในความรู้สึกของแบมแบม เหตุการณ์ที่นายผมเหลืองนี่ขับรถเหยียบน้ำข้างทางจนสาดกระจายเลอะตัวของเขายังไม่จางหายไปจากความทรงจำ พอนึกถึงเมื่อไรเป็นอันต้องหงุดหงิดทุกที

 

 -------------------------------

 

หอพักนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่1 โรงเรียนการกีฬา

 

แบมแบมขนของที่วางอยู่บนเตียงออกมากองไว้ข้างล่างก่อน เพื่อที่จะได้เก็บมันใส่กระเป๋าแล้วย้ายไปไว้เตียงที่เป็นของตัวเองจริงๆ แต่ปัญหาที่กำลังเกิดในตอนนี้คือ บัตรของทางหอพักที่ออกให้กับเขานั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

ยูคยอมเห็นว่าอีกฝ่ายขนของออกไปแล้วก็รีบขนสัมภาระของตัวเองออกมาจัดวางทันที ทั้งโคมไฟหัวเตียง และรูปถ่ายครอบครัวก็ถูกเอาออกมาวางไว้บนชั้นเล็กๆตรงหัวเตียงจนเสร็จสรรพ จากนั้นเด็กหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนเพื่อที่จะได้พักผ่อนอย่างที่ต้องการ

 

        "นายหาบัตรนั่นไม่เจอหรอ" ยองแจที่อยู่ในอาการงัวเงียลุกขึ้นมานั่งมองเพื่อนของตนแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

 

        "อือ ไม่รู้อยู่ที่ไหน แล้วไม่รู้อีกว่าฉันนอนห้องนี้จริงหรือเปล่า" แบมแบมตอบ ตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว

 

        "เอางี้ละกัน ขนของๆนายมาไว้ข้างเตียงฉันก่อน แล้วก็ไปดูแต่ละห้อง ถ้าเตียงไหนว่างนั่นแหละคือของนาย" ยองแจบอก

 

        "อือ เอางั้นก็ได้" แบมแบมตอบเสียงห้วน

 

        "นี่ โง่หรือว่าโง่อีกแล้ววะเนี่ย แ-กปลาบ้างนะไม่ใช่กินแต่หญ้า ถ้าอยากรู้ว่าเตียงไหนก็ลงไปถามที่เคาท์เตอร์ข้างล่างสิ" ยูคยอมที่กำลังนอนแต่แอบได้ยินสิ่งที่ยองแจกับแบมแบมคุยกันอยู่ที่เตียงข้างๆ ก็เลยช่วยแนะนำให้

 

คำแนะนำที่ดูหวังดีแต่กลับส่งผลให้คนฟังรู้สึกเหมือนโดนหลอกด่า ทำให้แบมแบมต้องขบฟันกรอดด้วยความความโมโห หมอนี่มันด่าฉันว่าโง่รอบที่เท่าไรแล้วนะ...เด็กหนุ่มคิดในใจ

 

        "เอ้า ยังไม่ไปอีก หรือโง่จนไม่รู้ว่าเคาท์เตอร์ติดต่ออยู่ตรงไหน" ยูคยอมเอ่ยถามและยังไม่วายตอกย้ำคำเดิมอีกครั้ง

 

แบมแบมถอนหายใจรัวและแรงราวกับคนกำลังหักห้ามความรู้สึกของตนเอง ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีกิจกรรมที่จะทำให้เหนื่อยเอามากๆ คืนนี้เขาคงจะเดินไปลากคอคนปากดีนั่นมาสั่งสอนซะหน่อย 


        "ใจเย็นๆนะ ฉันว่านายลงไปถามข้างล่างตามที่คนนั้นบอกดีกว่า แล้วจะให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย" ยองแจเอ่ยถามด้วยความหวังดี

 

        "ไม่ต้อง นายไม่สบายก็นอนไปเถอะ ถ้ารู้แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบมาขนของออกไป ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ มีหวังได้ต่อยปากคนแน่ๆ" แบมแบมพูดทั้งที่ยังขบฟันเบาๆ พร้อมกับหางตาแอบชำเลืองมองเด็กหนุ่มปากเสียที่กำลังนอนเล่นเกมบนมือถืออย่างสบายอารมณ์

 

-------------------------------

 

แสงไฟของบันไดหอพักเริ่มกระพริบถี่ๆเหมือนกับจะดับเสียให้ได้ ทั้งๆที่หอพักยังดูไม่เก่าเท่าไรแต่ทำไมแต่ละจุดถึงดูไม่น่าใช้งานเอาเสียเลย ขนาดทางเดินยังมีเพียงแสงไฟริบหรี่ช่วยนำทางเท่านั้น หากใครเป็นคนขี้กลัวคงไม่อาจลงมาเดินเล่นอยู่แถวนี้เป็นแน่

 

แบมแบมรีบเดินขึ้นไปยังห้องพักหลังจากที่เขาได้สอบถามมาเมื่อครู่ และคำตอบที่ได้มันก็สร้างความหงุดหงิดใจให้กับเด็กหนุ่มมากกว่าเดิม

 

        "ตุ๊บ!" เสียงกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดค่อนข้างใหญ่ถูกวางกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง จนทำให้คนที่กำลังนอนอยู่ต้องสะดุ้งโหยง

 

        "ทำบ้าอะไรวะ วางเบาๆจะตายหรือไง" เด็กหนุ่มร่างสูงผมสีเหลืองพูดจาต่อว่าคนที่วางกระเป๋าลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง

 

        "เออ จะตายมั้ง ฉันแค่จะปลุกให้เจ้าของเตียง B5 ช่วยมาขนกระบะต้นกระบองเพชรนี่ออกจากบันไดให้หน่อย" แบมแบมพูดกระแทกเสียงใส่

 

        "นี่โง่หรือเปล่าเนี่ย แค่ลากมันออกไปก็ได้แล้ว" อีกฝ่ายบอกด้วยความไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ยูคยอมก็เริ่มหงุดหงิดไม่แพ้อีกฝ่าย

 

        "พอดีเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งกับของของคนอื่น" แบมแบมพูด

 

ยูคยอมมองหน้าแบมแบมด้วยความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลุกออกจากเตียงมาขยับกระบะที่มีต้นกระบองเพชรอยู่นับสิบต้นให้พ้นจากทางขึ้นเตียงชั้นบน เขาค่อยๆลากกระบะออกเบาๆราวกับกลัวว่าเจ้าต้นไม้เล็กๆพวกนั้นจะบอบช้ำ ต้นกระบองเพชรถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยูคยอมชื่นชอบเอามากๆ ความสวยงามแต่มากไปด้วยหนามแหลมคอยทิ่มแทงมันช่างให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากชีวิตของเขาเลยสักนิด

 

        "นี่แกนอนชั้นบนหรอ" เด็กหนุ่มผมเหลืองเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้นอนเตียงสองชั้นร่วมกับแบมแบม

 

        "นี่โง่หรือว่าโง่เนี่ย ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังขึ้นไป แล้วก็ไม่ต้องตกใจหรอกนะ เพราะความจริงฉันก็ไม่อยากนอนตรงนี้เหมือนกัน ให้ออกไปนอนกับหมาขี้เรื้อนยังดีซะกว่า" แบมแบมตอบกลับพร้อมพูดคำเดียวกันเป็นเชิงยอกย้อนอีกฝ่าย แล้วรีบปีนขึ้นไปที่เตียงชั้นบน 

 

        "แก นี่มัน..." ยูคยอมพูดเบาๆแล้วกลับเข้าไปนอนที่เตียงของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บใจที่โดนแบมแบมพูดจายอกย้อนใส่เช่นนั้น

 

ปึ้ง! ยูคยอมยกเท้าขึ้นถีบเตียงของคนที่นอนอยู่ข้างบนจนสะเทือน แล้วรีบคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันคือเกราะกำบังอย่างดี ถ้าหากว่าอีกฝ่ายคิดที่จะขว้างปาข้าวของลงมาใส่ตน

 

แบมแบมได้แต่ขบฟันกรอดด้วยความโมโห แต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยอีกเพราะเวลานี้คนอื่นๆร่วมห้องก็เริ่มเข้านอนกันแล้ว...หมอนี่นอกจากจะนิสัยเสีย ปากสุนัข แล้วยังกวนบาทาอีกด้วย...เด็กหนุ่มคิดในใจ

 

เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มโดยประมาณไฟของหอพักก็ดับลงทันทีตามกฎที่ได้ตั้งเอาไว้ ยามราตรีอันเงียบงันและมืดมิดคือช่วงเวลาที่ทำให้ผู้คนได้เก็บกักเรี่ยวแรง เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาสู้ชีวิตกันต่อในเช้าของวันใหม่ แต่สำหรับเด็กนักเรียนของโรงเรียนนี้ มันคือการต่อสู้จริงๆ ต่อสู้ในสิ่งที่แบมแบมและยองแจไม่เคยเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร...เพียงให้ได้เลื่อนขั้น และได้เงินแค่นั้นใช่ไหม ถึงต้องยอมเอาชีวิตมาแลกแบบนี้

 

-------------------------------

 

หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...เสียงตอบกลับจากระบบอัตโนมัติบอกกับคนที่กำลังต่อสายไปยังปลายทางให้ได้รับรู้ว่าไม่สามารถติดต่อได้ แม้ว่าคนที่กำลังติดต่อไปจะพยายามโทรซ้ำสักกี่ครั้ง ก็ยังได้รับการตอบกลับเช่นเดิม

 

        "แบมแบม เป็นยังไงไบ้างนะ ทำไมติดต่อไม่ได้เลย" จินยองที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเพราะต้องอยู่เคลียร์เอกสารจนดึกดื่น กำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง วันนี้ทั้งวันเขามัวแต่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาติดต่อหาน้องชายเลย เมื่อเลิกงานแล้วเขาจึงรีบโทรหาแต่ทว่ากลับติดต่อไม่ได้ และต่อให้เขาพยายามแค่ไหนก็ยังเป็นเช่นเดิม

 

       "ความจริงสี่ทุ่ม นายยังไม่นอนนี่นา ทำไมนายไม่โทรมาบอกพี่บ้างว่าที่โรงเรียนเป็นยังไง แล้วตอนเย็นได้กินข้าวหรือยังนะ อากาศก็เย็นด้วยวันนี้ ผ้าห่มที่นั่นหนาพอหรือเปล่า แล้วนายมีเพื่อนบ้างหรือยัง นายควรเริ่มคบเพื่อนสนิทไว้ซักคนได้แล้วนะรู้มั้ย" จินยองยังคงพูดกับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง 

 

หากว่าจินยองสามารถติดต่อหาน้องชายได้ เขาก็จะถามเช่นนี้และอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ในความคิดของผู้เป็นพี่ต่อให้แบมแบมโตขึ้นมากสักแค่ไหน แต่ก็ยังดูเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาอยู่เสมอ จินยองกำลังรู้สึกเป็นห่วงน้องชายมาก และยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเขารู้ว่าน้องชายต้องเข้าไปอยู่ที่นั่น 

 

        "พระเจ้า ช่วยดูแลน้องชายของผมด้วย" จินยองกุมมือไว้ตรงหน้าอกแล้วพูดขอต่อสิ่งที่ตนนับถือ เขาหวังเพียงให้พระเจ้าช่วยดูแลและปกป้องน้องชายของตัวเอง

 

ครืดๆ...ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะรับฟังในสิ่งที่จินยองต้องการ เมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาสั่นเบาๆ บ่งบอกว่ามีใครบางคนกำลังโทรเข้ามา

 

        "แบมแบม!" จินยองพูดด้วยความดีใจทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูเลยว่าใครกันที่กำลังโทรหาเขา

 

แต่ผิดคาดเพราะหมายเลขที่ขึ้นโชว์อยู่นั้น มันคือหมายเลขติดต่อจากกลุ่มลับของจินยอง และคนที่โทรมาคือคนสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำภารกิจลับบางอย่าง

 

        "จินยอง พรุ่งนี้น้องชายของเธอต้องเข้าแข่งขันสตรีทบาสที่ชั้นใต้ดินที่สี่ ฉันหวังเพียงว่าเขาจะชนะในการแข่ง เพื่อเลื่อนขั้นขึ้นไปหนึ่งอันดับ ลำดับขั้นสูงสุดคือขั้นที่เจ็ด หากเขาไปถึงตรงนั้นได้ เธอก็น่าจะรู้ว่ามันจะส่งผลอย่างไร เพราะฉะนั้น หยุดการติดต่อหาเขา เธอควรปล่อยให้เด็กน้อยของเธอเผชิญในสิ่งที่เขาสงสัย ฉันเชื่อมั่นว่าน้องชายของเธอต้องทำมันออกมาได้อย่างที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้" เสียงพูดช้าๆราวกับคนที่แสนจะใจเย็นจากปลายสายกำลังบอกและตอกย้ำให้จินยองเข้าใจ

 

        "ครับ" จินยองตอบกลับไปสั้นๆแล้วกดวางสายหลังจากที่การสนทนาจบลง ในขณะเดียวกันก้อนเนื้อจากอกข้างซ้ายของเขาเริ่มเต้นแรงและรัวราวกับว่ามันจะหลุดออกมาเสียให้ได้ เขาอยากขอโทษในสิ่งที่เขาเรียกมันว่า ความผิดพลาด เขาผิดพลาดเองที่ยอมส่งน้องชายไปที่นั่น ทั้งๆที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันโหดร้ายแค่ไหน เขากำลังโทษตัวเองว่ามีส่วนร่วมในการหลอกใช้

 

        "เธอควรเชื่อมั่นในตัวของน้องชาย เธอน่าจะรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร ก็จริงที่เขาไม่ใช่คนแบบที่เธอคาดหวังไปเสียทั้งหมด แต่เธอเชื่อหรือไม่ว่าความดีที่เขามีอยู่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงบางสิ่งของตัวเขาด้วยเช่นกัน" คือเสียงของบุคคลที่ถูกเรียกว่าหัวหน้ากลุ่มลับบอกกับจินยองในวันที่เขาเข้าประชุม บางทีสิ่งที่จินยองเรียกมันว่าความผิดพลาด อาจจะเป็นสิ่งที่สมควรต้องทำสำหรับคนอื่นก็ได้

 

        "เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พี่จะเข้าไปช่วยนาย" ชายหนุ่มพูดด้วยความรู้สึกอัดอั้นใจ เขาสับสนมากกับการกระทำของตัวเอง สับสนในสิ่งที่เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกหรือผิด

 

จินยองเริ่มจิตตกกับสิ่งที่จะได้รับรู้ในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่น้องชายต้องเผชิญ มันอาจจะเจ็บปางตายหรือแค่บอบช้ำเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นเลย มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มกำลังกำแน่นราวกับต้องการระบายอารมณ์ทั้งหมดลงไปที่แรงบีบนั้น มันเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเกิดรอยช้ำแดงๆจากเล็บที่จิกลงบนฝ่ามือ และแล้วน้ำตาใสๆของเขาก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมา เขาสามารถเสียน้ำตาได้เมื่ออยู่คนเดียวตามลำพัง และเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่เขาอยากจะร้องไห้...เขากำลังจะร้องไห้ออกมาเพราะความรู้สึกสับสนภายในใจ

 

 

 

-------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา