[FicGOT7] WHO ARE WIN (YugBam x GOT7)
9.3
เขียนโดย ฟ้ามืด
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.27 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
7,952 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 19.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) ความสงสัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ WHO ARE WIN
ตอนที่ 2 ความสงสัย
สายฝนที่เคยโปรยปรายได้หยุดลงแล้ว เหลือไว้เพียงกลิ่นอายชื้นฉ่ำที่ทำให้พอรู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเคยกระหน่ำเทหยาดน้ำใสๆลงมามากมายเพียงใด แสงแดดอุ่นๆเริ่มทอแสงเบาบางลงมาสัมผัสกับผิวกายของผู้คนเบื้องล่าง บรรยากาศในยามนี้ถือว่าสดใสมากเลยทีเดียวสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังตั้งท่าง้างหมัดรออัดหน้ากันอยู่คงไม่ได้สนใจหรอกว่าตอนนี้บรรยากาศรอบข้างนั้นสดใสแค่ไหน
สายตาของเด็กหนุ่มทั้งคู่กำลังจ้องมองใบหน้าของกันและกันอย่างไม่ลดละ แต่ใครจะรู้ว่าในแววตาของทั้งคู่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความดุดัน แต่มันกลับแฝงไปด้วยคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ ความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกที่คืออะไร
"ไม่เอาน่ะแบมแบม อย่ามีเรื่องกันเลย พ่อของฉันบอกว่าอย่าใช้กำลังตัดสินปัญหานะ" ยองแจร้องบอกเพื่อนใหม่ในขณะที่พยายามดึงตัวของแบมแบมให้ออกห่างจากเด็กหนุ่มเจ้าของรถหรู
แบมแบมไม่ได้หันกลับมาต่อว่ายองแจเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน เขายังคงกำหมัดแน่นพร้อมตั้งท่าซัดหน้าอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึก เขาไม่กล้าทำร้ายคนตรงหน้า
"แน่จริง ก็ต่อยเลยสิ" เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวที่มีผมสีเหลืองสว่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวพูดจาท้าทาย
"..." ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของแบมแบม หมัดที่เคยกำแน่นเริ่มอ่อนแรงลง เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่คนตรงหน้ามันคล้ายมาก คล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเชื่อใจมากที่สุด แต่เป็นไปไม่ได้เพราะหมอนั่นมันได้หายไปจากชีวิตของเขานานมากแล้ว
"พอแล้วแบมแบม อย่ามีเรื่องเลยนะ รีบไปกันเถอะ เราต้องรีบไปจองห้องพักนะ" ยองแจยังพยายามพูดและยื้อตัวของเพื่อนใหม่อย่างไม่ลดละ เขาไม่ได้อยากดูมวยในวันเปิดเทอมวันแรกแบบนี้ แล้วอีกอย่างคำสอนของพ่อก็สำคัญมากในเรื่องการทะเลาะวิวาท
แบมแบมไม่ได้รับฟังเพื่อนใหม่อย่างยองแจเลยแม้แต่น้อย แต่ลึกๆในใจของแบมแบมกำลังบอกว่าควรไปให้พ้นหน้าไอ้หมอนี่สักที เมื่อรู้สึกเช่นนั้นแล้วแบมแบมก็รีบดึงมือของตัวเองที่เคยกำแน่นที่คอเสื้อของอีกฝ่ายออก แล้วลดหมัดลงแต่ก็ไม่ได้คลายมันออก เขายังกำหมัดแน่นไว้เช่นเดิมแล้วรีบเดินไปให้พ้นจากที่ตรงนั้นทันที ตอนนี้เขาอยากไปหาที่ไหนสักแห่ง ที่จะทำให้เขาผ่อนคลายความรู้สึกที่อยู่ภายในใจได้ ยองแจเห็นเพื่อนเดินออกไปแล้วก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งดุ๊กดิ๊กตามไปให้ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเร็วเหลือเกิน ปากก็ยังพร่ำบอกเพื่อนใหม่ว่าการทะเลาะวิวาทมันไม่ดี การใช้กำลังเป็นสิ่งที่ไม่ควร
---------------------------
หอพักนักเรียนมัธยมปลาย ชั้นปีที่ 1
ควันจางๆฟุ้งกระจายลอยไปตามแรงลมที่พัดผ่านอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารหอพักนักเรียน เด็กหนุ่มร่างเพรียวกำลังนั่งสูบสิ่งที่พี่ชายของเขาเคยพร่ำสอนว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่การได้สัมผัสมันในแต่ละครั้งกลับทำให้เขาผ่อนคลายความเครียดไปได้มากเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องใช้มันอยู่ แม้จะรู้ดีว่าข้อเสียของมันมีมากมายแค่ไหน
"ฮั๊ดเช้ย...นายไม่ควรสูบบุหรี่นะรู้มั๊ย มันไม่มีประโยชน์เลยนะ มันมีแต่โทษทั้งนั้น เมื่อก่อนพ่อของฉันก็เคยสูบแต่ทุกวันนี้เขาเลิกมันได้แล้ว แล้วสุขภาพของพ่อก็ดีขึ้นมากเลยล่ะ" ยองแจที่ตามขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนกำลังร่ายยาวถึงพิษภัยของบุหรี่ให้อีกฝ่ายฟัง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกลิ่นของมันแต่เขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนใหม่อย่างแบมแบมสูบบุหรี่แบบนี้
"แล้วไง ปอดก็ปอดฉัน นายจะมายุ่งทำไม" เด็กหนุ่มพ่นควันฟุ้งอีกรอบแล้วหันมาพูดกับยองแจที่กำลังนั่งเอามือปิดจมูกอยู่ข้างๆ
"ก็เราเป็นเพื่อนกันไง ฉันอยากเห็นเพื่อของฉันมีสุขภาพที่ดี" ยองแจหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
"เฮ้อ นายรู้ตัวมั๊ยว่านายโคตรน่ารำคาญ นี่ฉันต้องยอมเป็นเพื่อนกับนายจริงๆหรอ" แบมแบมหันมาตั้งคำถามกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็จัดการบดขยี้ก้นบุหรี่ให้มอดดับไปเพราะเห็นว่ายองแจจามจนจมูกแดงไปหมดแล้ว
"ฉันน่ารำคาญมากเลยหรอ ฉันก็แค่อยากมีเพื่อน ฉันเหงา ถึงพ่อจะสอนว่าอย่าคบคนพาลก็เถอะนะ" ยองแจก้มหน้ามองพื้นเหมือนคนกำลังน้อยใจแล้วก็พูดถึงคำสอนของผู้เป็นพ่อ
"นี่ว่าไงนะ นายว่าฉันเป็นคนพาลหรอ" แบมแบมรีบเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อเพื่อนใหม่ทันทีที่ได้ยิน หมอนี่กำลังแอบด่าเขาอยู่อย่างนั้นหรอ
"ปะ เปล่าซะหน่อย ฉันไม่ได้ว่านายนะ" ยองแจรีบพูดปฏิเสธอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะมอบหมัดมาให้เสียก่อน
"รู้ไว้นะ ว่าฉันไม่ใช่คนพาล แต่แค่อย่ามาหาเรื่องฉันก่อน แล้วที่ฉันจะต่อยไอ้หัวดอกดาวเรืองนั่นก็เพราะว่ามันขับรถไม่ดูห่-อะไรเลยไง เข้าใจมั๊ย" แบมแบมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยองแจแล้วพูดอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
"ขะ เข้าใจแล้ว ฉันก็ไม่ได้ว่านายเป็นคนพาลนี่" ยองแจขยับตัวออกห่างจากแบมแบมเล็กน้อยแล้วรีบพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
"อือ ก็ดี เออ...ดูนี่สิ ตารางเรียนของที่นี่มันแปลกๆ นายว่ามั๊ย ทำไมมีเรียนแค่ตอนเช้า พอตกบ่ายกลับเป็นชั่วโมงกิจกรรมตามอัธยาศัยถึงเย็นเลย" แบมแบมพูดแล้วยื่นตารางเรียนไปตรงหน้าของเพื่อนเพื่อให้ดูว่าแปลกแค่ไหน
"นั่นสินะ บางทีที่นี่อาจจะไม่ได้เน้นทฤษฎีมากมั้ง แต่เน้นปฏิบัติ ช่วงกิจกรรมอาจจะให้เราเล่นกีฬาตาอัธยาศัยก็ได้นะ" ยองแจพูด
"คงงั้นมั้ง วันนี้ตอนเช้าของเราก็แค่ย้ายเข้าหอพัก ส่วนตอนบ่ายมีเลือกกิจกรรมใช่มั๊ย เดี๋ยวค่อยดูอีกทีว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง ตอนนี้ฉันหิวแล้วว่ะ ไปหาไรกินเถอะ" แบมแบมหันมาพูดกับเพื่อนแล้วชวนกันลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำแล้วรีบลุกเดินตามแบมแบมไปในทันที
---------------------------
โรงอาหารรวม โรงเรียนมัธยมปลายการกีฬา
บรรยากาศของโรงอาหารในโรงเรียนค่อนข้างเงียบจนแปลกตา มีคนไม่ถึงสิบคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในเวลานี้ แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคงเป็นโต๊ะยาวที่คลุมด้วยผ้าสีดำตั้งอยู่ราวกับว่าตรงนั้นคือส่วนวีไอพีสำหรับแขกพิเศษ แล้วก็มีตราสัญลักษณ์แปลกๆติดอยู่บนผ้าคลุมผืนนั้นอีกด้วย
"แ-กโจ๊กหรอวะ โคตรเด็กน้อยเลย" แบมแบมแอบมองชามอาหารของยองแจแล้วก็พูดปนหัวเราะออกมา
"อย่าพูดคำหยาบสิ ไม่น่ารักเลยรู้มั๊ย ฉันแค่รู้สึกเจ็บคอนิดหน่อยน่ะเลยอยากกินอะไรอุ่นๆ" ยองแจเงยหน้าขึ้นมาพูดกับคนตรงหน้าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินโจ๊กเหมือนเดิม
"อย่าบอกนะว่าเพราะตากฝนเมื่อเช้า" แบมแบมตั้งคำถาม
"อือ ใช่ ฉันภูมิต้านทานไม่ค่อยดีเท่าไร" ยองแจตอบ
"แล้วเลือกมาเรียนกีฬาเนี่ยนะ แบบนี้จะไปแข่งโอลิมปิกได้หรอวะ" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ฉันแค่อยากแข็งแรงไง พ่อเลยให้ฉันเล่นกีฬา ฉันก็ฝึกเล่นกีฬามาเรื่อยๆ เล่นจนรู้สึกว่าเริ่มชอบ แล้วมันก็ช่วยให้สุขภาพฉันดีขึ้นมากเลยล่ะ" ยองแจอธิบายเหตุผลให้กับแบมแบมฟัง
"ดูท่าทางนายจะรักพ่อมากเลยนะ" แบมแบมเอ่ยถามเพราะแทบทุกครั้งเขาต้องได้ยินยองแจพูดถึงพ่ออยู่เสมอ
"ใช่ ฉันรักพ่อมากแล้วก็ติดพ่อมาก แต่พักหลังๆพ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ฉัน ฉันเลยต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ เหงามากเลยล่ะ ฉันเลยอยากมีเพื่อนซักคนจะได้ไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมา" ยองแจพูดแล้วก็ก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย มือของเด็กหนุ่มกำลังคนโจ๊กในชามไปมาด้วยความรู้สึกเศร้าในใจ
"ดราม่าชิบหาย รีบๆแ-กเหอะ เดี๋ยวโจ๊กก็เย็นหมดหรอก" แบมแบมเหลือบมองเพื่อนใหม่ครู่หนึ่งแล้วก็บอกให้อีกฝ่ายรีบๆกิน ความจริงแบมแบมเองก็ไม่ได้เหงาน้อยไปกว่ายองแจเลยสักนิด และมันโคตรจะเหงาเลยเมื่อนึกถึงใครคนนั้นที่ได้หายไปจากชีวิตของเขา
"เห้ย หลบไปสิวะ ไม่เห็นหรอว่าลูกพี่ของพวกฉันกำลังมา" อยู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายของใครก็ไม่รู้กำลังตะคอกด่าคนที่เดินไปมาอยู่หน้าโรงอาหารว่าให้หลบไป
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาบรรยากาศอึมครึมยิ่งกว่าเมฆฝนก็เข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งโรงอาหาร เมื่อมีกลุ่มแก๊งของใครสักคนได้ย่างกรายเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ชุดหนังสีดำด้านตัวโตที่ใช้คลุมทับแทนเสื้อสูทนักเรียนคือสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขานั้นแปลกแยกไปจากนักเรียนทั่วไป ตราสัญลักษณ์บางอย่างที่ถูกสกรีนติดไว้ที่ด้านหลังของเสื้อหนังสีดำมันคือสัญลักษณ์เดียวกันกับที่ติดอยู่บนผ้าปูโต๊ะนั้น และแล้วทุกสิ่งรอบข้างแทบหยุดเคลื่อนไหวในทันที บรรยากาศที่เคยอึมครึม บัดนี้มันช่างมืดมนยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาเป็นลำดับสุดท้าย ชายสวมเสื้อหนังสีดำด้านมีชายเสื้อยาวกว่าใครเพื่อนคนนั้นเป็นใคร แววตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองไปเบื้องหน้าโดยที่ไม่ได้สนใจหันมองสิ่งรอบข้างใดๆ กลุ่มคนที่อาจเรียกได้ว่าเป็นลูกสมุนกำลังจัดแจงปัดเช็ดเก้าอี้หัวโต๊ะตัวยาวจนสะอาดสะอ้านเพื่อรอการใช้งานของชายคนนั้น ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ไม่ว่าใครก็ต้องหลบสายตา
"นี่มันอะไรกัน" แบมแบมแอบกระซิบเบาๆกับเพื่อนที่ตอนนี้เอาแต่นั่งตัวงอไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนเพราะความรู้สึกเกรงกลัว
"ฉะ ฉันก็ มะ ไม่รู้ แบมแบมเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ" ยองแจบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แต่ก็ช้าไปที่อีกฝ่ายจะตอบตกลง เมื่อหนึ่งในลูกสมุนของกลุ่มคนสีดำทะมึนนั้นเดินตรงมาที่โต๊ะของแบมแบมและยองแจ ฝ่ามือหนาของชายลูกสมุนคนนั้นทุบลงที่โต๊ะของพวกเขาราวกับกำลังโมโหเป็นอย่างมาก สายตาดุดันเหมือนสัตว์ป่ากำลังจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา
"เป็นเด็กใหม่ กล้าดียังไงถึงมากินข้าวที่นี่ ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของพวกแก!" ชายคนนั้นขู่ตะคอกเสียงดังใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง
"หึ ตลกแล้วพี่ นี่มันโรงอาหารรวมปะ แล้วพวกเราก็เสียตังค์มาเรียนนะครับ จะแ-กตรงไหนมันก็เรื่องของพวกเรา" จากอารมณ์ที่เคยเย็นอารมณ์ของแบมแบมต้องพุ่งปรี๊ดอีกครั้งเพราะคำพูดขัดรูหูของใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็เดินมาต่อว่า ทำให้แบมแบมเริ่มอารมณ์เสียไม่แพ้กัน
"ชู่ว แบมแบม อย่าไปเถียง รีบไปกันเถอะนะ" ยองแจที่กำลังยืนตัวสั่นงันงกรีบส่งเสียงบอกให้เพื่อนสงบปากสงบคำไว้แล้วรีบออกไปจากตรงนี้
"แกกล้ามากที่มาเถียงฉัน นี่คงไม่รู้เลยสินะว่าพวกฉันเป็นใคร" รุ่นพี่หน้าโหดพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
"พวกพี่เป็นใคร มันสำคัญมากจนผมต้องรู้ด้วยหรอ แล้วอีกอย่างหน้าพี่ก็ไม่ได้เหมือนพ่อผมด้วย" แบมแบมเอ่ยปากท้าทายอีกฝ่ายโดยไม่มีทีท่าเกรงกลัวใดใด หากต้องมีมวยตอนนี้เขาก็พร้อมเหมือนกัน
"ปากเก่งดีนะ -ูจะรอดูว่าตอนบ่ายคาบกิจกรรมมึ-จะเก่งแบบนี้หรือเปล่า และตอนนั้นแหละมึ-จะได้รู้ว่าพวก-ูเป็นใคร" รุ่นพี่หน้าโหดคนเดิมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองตามคำสั่งของหัวหน้ากลุ่ม ที่ยังไม่ต้องการให้มีเรื่องในตอนนี้
---------------------------
บรรยากาศดำมืดจางหายไปแล้วเมื่อแบมแบมและยองแจเดินออกมาจากโรงอาหารรวมของโรงเรียน เขาทั้งคู่ไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร ความจริงแล้วโรงเรียนนี้คือโรงเรียนกีฬาจริงๆใช่ไหม แล้วคำพูดของรุ่นพี่คนนั้นหมายความว่าอย่างไร เขาทั้งคู่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลยแม้แต่น้อย
"แบมแบม เราลาออกกันดีมั๊ย แล้วเทอมหน้าค่อยหาที่สอบเข้าใหม่" ยองแจเอ่ยถามในขณะที่คนทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ริมคลองน้ำหลังอาคารหอพักรวม
"นายจะบ้าหรือไง ค่าเทอมก็เสียไปแล้ว ถ้าให้รอเทอมหน้าก็ไม่เอาด้วยหรอก" แบมแบมหันมาตอบเพื่อนใหม่อย่างไม่สบอารมณ์
"แต่นี่แค่วันแรก มันก็เริ่มมีอะไรแปลกๆแล้วนะ" ยองแจยังคงวิตกกังวลอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นอย่างไรกันแน่
"อย่าป๊อดได้ปะ กลัวมากก็ลาออกไปคนเดียวเลยไป" แบมแบมบอกกับยองแจแล้วก็คว้าก้อนหินขนาดเหมาะมือปาลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์
"ฉันกลัวจะหาเพื่อนไม่ได้" ยองแจพูดเบาๆแล้วก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้น
"ก็อยู่ที่นี่ต่อสิวะ จะกลัวทำไม ฉันก็อยู่ตรงนี้ทั้งคน" แบมแบมหันไปบอกกับเพื่อนที่ชอบทำตัวรำคาญ แต่เวลานี้หมอนี่กลับดูน่าสงสารมากกว่า
"แบมแบม เปิดขวดน้ำให้หน่อยสิ" ยองแจยื่นขวดน้ำเปล่าส่งให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของแบมแบม เขาหวังลึกๆว่าแบมแบมคงเปิดใจให้เขาบ้างแล้ว
"นี่อย่าบอกนะว่าไม่มีปัญญาเปิดขวดน้ำเอง นายนี่มัน..." แบมแบมเริ่มรับรู้ถึงความน่ารำคาญของยองแจอีกรอบ ตกลงว่าหมอนี่มันเป็นลูกคุณหนูหรือไง
ทั้งสองนั่งมองสายน้ำที่กระเพื่อมไปตามแรงลมที่พัดผ่านมาปะทะ เศษใบไม้เล็กๆลอยตามน้ำมาพอสร้างสีสันให้ดูงาม เวลานี้ทั้งสองรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากกว่าเดิม อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงคาบกิจกรรมช่วงบ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่พวกเขายังไม่รู้อีกหรือเปล่า
"นี่ ยองแจ ไปเดินสำรวจโรงเรียนกันมั๊ย" แบมแบมเอ่ยถามเพื่อนคนข้างๆที่ยังนั่งเหม่อมองสายน้ำ รอยยิ้มเล็กๆของยองแจปรากฎขึ้นมาเล็กน้อย จนทำให้แบมแบมอดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้
"ไปสิ ฉันก็อยากเห็นว่าลานกีฬาที่นี่กว้างขนาดไหน" ยองแจหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มราวกับเด็กน้อยที่รู้ว่าจะได้ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น
ทั้งสองลุกออกจากจุดนั่งพักริมคลองแล้วก็เริ่มออกเดินสำรวจบรรยากาศโดยรอบของโรงเรียน ทั้งๆที่โรงเรียนนี้ก็ไม่ต่างจากโรงเรียนชายล้วนทั่วไป แต่ทำไมมันกลับเงียบเหงาจนผิดหูผิดตา ความสดใสและรอยยิ้มของนักเรียนแทบจะไม่มีให้เห็น ทุกคนดูเคร่งเครียดและดูอ่อนล้าไปหมด มีบางกลุ่มคนนั่งบนโต๊ะและมีเพื่อนอีกสองสามคนคอยบีบนวดให้ บางจุดก็มีการทะเลาะทำร้ายร่างกายขู่เข็นรีดไถเอาเงินจากอีกฝ่าย แต่แน่นอนแบมแบมและยองแจจะไม่ยุ่ง ทั้งคู่เดินต่อไปเรื่อยๆยิ่งเดินสำรวจลึกเข้าไปเท่าไร ยิ่งมีคำถามมากมายอยู่ในหัวจนเต็มไปหมด ยิ่งเดินขึ้นไปบนอาคารเรียนยิ่งแล้วใหญ่ บรรยากาศมันช่างเงียบเหงาจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านเบาๆ เส้นแบ่งกั้นสีเหลืองถูกติดตรึงไว้เหมือนต้องการสื่อความหมายว่าแต่ละส่วนเป็นของใคร และมันก็พบเจอได้แทบจะทุกที่ทั่วทั้งโรงเรียนไม่เว้นแม้แต่หอพักของพวกเขา
ทั้งคู่เดินจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ จึงตกลงกันว่าจะเขาไปพักเหนื่อยที่ห้องอเนกประสงค์เล็กๆข้างหน้า
"แบมแบม ลิฟท์สีดำนี่มันอะไร" ยองแจหยุดนิ่งแล้วสะกิดบอกเพื่อนทันทีที่พบเห็นลิฟท์ที่ถูกทาด้วยสีดำดูแปลกตา มันเป็นห้องลิฟท์ที่ถูกสร้างไว้ในห้องอเนกประสงค์อีกที
"เออว่ะ ในห้องนี้มีลิฟท์ดำแล้วก็บันไดที่ทาสีดำซ่อนอยู่ด้วย แต่แปลกมากที่มันไม่มีให้กดขึ้นไป" แบมแบมพูดด้วยท่าทีประหลาดใจที่ได้พบเจอกับสิ่งนี้ สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับบางอย่างของโรงเรียนแห่งนี้
"แต่มันมีให้กดลงไปข้างล่าง หมายความว่ามีชั้นใต้ดินงั้นหรอ แล้วข้างล่างนั้นมันมีอะไรกัน" ยองแจหันมาถามแบมแบม ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
"อยากรู้ก็ต้องลองลงไปดู" ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็กดปุ่มลงทันที แล้วรีบกระชากมือของแจให้ตามไปด้วยกัน
"บะ แบมแบม ฉันว่าเราอย่าไปเลยนะ" ยองแจบอกกับเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือ
"อย่าป๊อดสิวะ แค่ลงไปดูเฉยๆ อาจจะเป็นแค่ห้องเก็บของก็ได้" แบมแบมบอกกับยองแจ
"แต่ฉันว่ามันไม่ใช่ นายเห็นสัญลักษณ์นี่มั๊ย" ยองแจพูดติดๆขัดๆ แล้วค่อยๆชี้ไปบนเพดานลิฟท์ที่ทาด้วยสีดำทั้งหลัง ด้านบนนั้นมีตราสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่างติดอยู่ชวนให้น่าสงสัยมากกว่าเดิม
"ฉันไม่เข้าใจ มันคืออะไรกันแน่" แบมแบมพูดเบาๆ ตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีความกลัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ความอยากรู้มันเอาชนะทุกอย่าง อย่างน้อยวันนี้เข้าต้องรู้ให้ได้ว่าโรงเรียนนี่มันคืออะไรกันแน่
ครืด! ลิฟท์ลงมาจอดที่ชั้นบนสุดของชั้นใต้ดิน ซึ่งชั้นใต้ดินของที่นี่มีทั้งหมดสี่ชั้น สำหรับชั้นนี้ดูเหมือนว่าจะเงียบสงัดจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แบมแบมและยองแจค่อยๆเดินอย่างช้าๆสำรวจดูรอบๆว่ามีอะไรที่พอช่วยคลายความสงสัยได้บ้าง แสงไฟตามทางเดินเปิดพอสลัวทำให้การมองค่อนข้างลำบากพอสมควร ทั้งสองเดินมาจนถึงประตูบานเลื่อนของห้องๆหนึ่งซึ่งมีป้ายติดอยู่หน้าห้องว่า ห้ามรบกวน ยิ่งสร้างความฉงนให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง ยองแจแอบลอบมองผ่านช่องกระจกเล็กๆเข้าไป ก็พบภายในห้องนั้นมีเตียงนอนสำหรับพักผ่อนอยู่หลายเตียง
"เหมือนเป็นห้องพักรวมเลย" ยองแจกระซิบข้างหูของแบมแบมเบาๆ
"ฉันก็ว่างั้น ชั้นนี้ดูเงียบๆ สงสัยจะเป็นแค่ห้องพักทั่วไป ลองลงไปดูชั้นที่อยู่ลึกกว่านี้ดีกว่า" แบมแบมหันมาพูดคุยกับอีกฝ่าย
"ลงบันไดเถอะ ลิฟท์มันเสียงดัง ฉันกลัวว่าจะมีใครรู้ว่าเราแอบใช้มัน" ยองแจเสนอความคิด และแบมแบมก็เห็นดีด้วยว่าควรเปลี่ยนไปใช้บันไดแทน
ทั้งสองกลับมาที่ลิฟท์สีดำอีกครั้ง แต่เปลี่ยนไปใช้บันไดหนีไฟที่อยู่ข้างๆลิฟท์แทน เพราะดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยมีใครใช้งาน อาจจะเป็นเส้นทางที่คาดว่าน่าจะปลอดภัยกว่า เพียงแค่เดินลงมาได้ครึ่งหนึ่งของชั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มราวกับชั้นที่กำลังจะเดินลงไปมีการจัดปาร์ตี้ก็ไม่ปาน เมื่อลงมาจนถึงชั้นที่ต้องการแล้วทั้งคู่ก็รีบหาที่หลบซ่อนตัวทันที มันจริงตามคาดชั้นนี้คือพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้จริงๆด้วย แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณประกอบกับเสียงเพลงที่ดังจนหนวกหู มีใครหลายคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนกำลังโยกย้ายไปตามเสียงเพลง สองมือกำลังถือขวดที่บรรจุสุราอยู่ภายใน พร้อมกับมีกลิ่นควันบุหรี่ลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ
"ฮะ ฮะ ฮั๊ด..." ยองแจมีทีท่าว่าจะจามอีกแล้วเพราะกลิ่นควันเหล่านั้น แต่แบมแบมรู้ทันจึงรีบเอามือมาอุดปากและจมูกของอีกฝ่ายไว้
"เกือบซวยแล้วไง รีบไปชั้นอื่นเถอะ" แบมแบมพูดแล้วรีบดึงมือของอีกฝ่ายให้ลงบันไดไปยังชั้นที่อยู่ลึกลงไปกว่าเดิม
โคร้ม โอ๊ย อั้ก ตุ้บ...เสียงเหล่านั้นมันคือเสียงที่ดังมาจากชั้นที่อยู่ลึกลงไปถัดจากชั้นที่ผ่านมา บรรยากาศของชั้นนี้มันไม่ต่างจากเรือนจำของนักโทษเลย และภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองคือการรุมทำร้ายร่างกายของคนเคราะห์ร้ายที่ไม่รู้ว่าชายคนนั้นทำผิดอะไรมากมายถึงต้องโดนลงโทษขนาดนั้น ห้องกรงขังหลายห้องที่รายล้อมไปด้วยโซ่เส้นโตยิ่งทำให้คนทั้งสองแทบหยุดหายใจ นี่เรียกว่าคุกได้หรือเปล่า มันคืออะไรกันแน่ แต่คนที่กำลังแย่ที่สุดในเวลานี้คือยองแจ เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับโลกที่แสนสดใส เขารับไม่ได้กับสิ่งที่พบเห็น
"เห้ย ไหวมั๊ย ทำใจดีๆไว้สิ" แบมแบมกระตุกแขนเพื่อนแล้วกระซิบถามให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว ตอนนี้ยองแจดูเหม่อลอยผิดแปลกไปเป็นคนละคน นี่มันคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เขาเคยพบเห็นมา
แบมแบมรีบลากแขนเพื่อนให้เดินตามขึ้นไปบนบันได หากจะสำรวจอีกชั้นที่อยู่ล่างสุดในตอนนี้คงไม่ได้แล้ว เพราะดูท่าทางเจ้าเพื่อนน่ารำคาญคนนี้คงจะไม่ไหว
ผลั่ก! ร่างของแบมแบมที่พยายามยื้อยุดยองแจให้เดินตามขึ้นไป ได้เผลอชนเข้ากับใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ตรงบันไดหนีไฟนี้เช่นกัน หรือเขาคนนั้นก็กำลังแอบมาสำรวจที่นี่เหมือนกันกับเขาทั้งสอง
"ขี้เสื-กเหมือนกันหนิ" เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นมาเบาๆ
"แก ไอ้หัวดอกดาวเรือง" แบมแบมรู้สึกปรี๊ดอีกรอบที่ได้พบเจอกับเจ้าของรถหรูเมื่อเช้า
"เรียกดีๆหน่อยสิ ฉันมีชื่อนะเว้ย" เด็กหนุ่มผมเหลืองกัดฟันกรอด
"แกเองมันก็ขี้เสื-กเหมือนกันล่ะวะ" แบมแบมพูดจากระแทกแดกดันใส่อีกฝ่าย
"แล้วไง เอาเป็นว่าความเสื-กของฉันมันทำให้รู้มากกว่าพวกแกก็แล้วกัน แล้วที่นี่ไม่ได้มีแค่ลิฟท์สีดำแต่มันยังมีลิฟท์สีแดงด้วยนะ หึ คงยังไม่รู้ล่ะสิ" เด็กหนุ่มร่างสูงบอก
แปะ แปะ แปะ! เสียงปรบมือของใครบางคนดังขึ้นมาขัดจังหวะเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังพูดคุยอวดภูมิกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"ถ้ารู้มากขนาดนี้ งั้นลองรู้อีกซักนิดสิว่าชั้นใต้ดินชั้นสุดท้ายมันมีอะไร เห้ย เอาตัวไอ้เด็กพวกนี้ลงไปชั้นแบทเทิล" เสียงออกคำสั่งของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มคนนั้น คนที่แบมแบมและยองแจเคยเจอที่โรงอาหาร
สิ้นสุดคำพูดของชายตรงหน้า เด็กหนุ่มทั้งสามก็ถูกรวบตัวทันที ชะตากรรมที่ทั้งสามกำลังจะได้เผชิญต่อไปคืออะไร มีอะไรอยู่ที่ชั้นล่างสุด ชั้นที่ชายผู้มีบรรยากาศดำมืดคนนั้นเรียกว่า ชั้นแบทเทิล
---------------------------
ตอนที่ 2 ความสงสัย
สายฝนที่เคยโปรยปรายได้หยุดลงแล้ว เหลือไว้เพียงกลิ่นอายชื้นฉ่ำที่ทำให้พอรู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเคยกระหน่ำเทหยาดน้ำใสๆลงมามากมายเพียงใด แสงแดดอุ่นๆเริ่มทอแสงเบาบางลงมาสัมผัสกับผิวกายของผู้คนเบื้องล่าง บรรยากาศในยามนี้ถือว่าสดใสมากเลยทีเดียวสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังตั้งท่าง้างหมัดรออัดหน้ากันอยู่คงไม่ได้สนใจหรอกว่าตอนนี้บรรยากาศรอบข้างนั้นสดใสแค่ไหน
สายตาของเด็กหนุ่มทั้งคู่กำลังจ้องมองใบหน้าของกันและกันอย่างไม่ลดละ แต่ใครจะรู้ว่าในแววตาของทั้งคู่นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความดุดัน แต่มันกลับแฝงไปด้วยคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ ความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกที่คืออะไร
"ไม่เอาน่ะแบมแบม อย่ามีเรื่องกันเลย พ่อของฉันบอกว่าอย่าใช้กำลังตัดสินปัญหานะ" ยองแจร้องบอกเพื่อนใหม่ในขณะที่พยายามดึงตัวของแบมแบมให้ออกห่างจากเด็กหนุ่มเจ้าของรถหรู
แบมแบมไม่ได้หันกลับมาต่อว่ายองแจเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน เขายังคงกำหมัดแน่นพร้อมตั้งท่าซัดหน้าอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึก เขาไม่กล้าทำร้ายคนตรงหน้า
"แน่จริง ก็ต่อยเลยสิ" เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวที่มีผมสีเหลืองสว่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวพูดจาท้าทาย
"..." ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของแบมแบม หมัดที่เคยกำแน่นเริ่มอ่อนแรงลง เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่คนตรงหน้ามันคล้ายมาก คล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเชื่อใจมากที่สุด แต่เป็นไปไม่ได้เพราะหมอนั่นมันได้หายไปจากชีวิตของเขานานมากแล้ว
"พอแล้วแบมแบม อย่ามีเรื่องเลยนะ รีบไปกันเถอะ เราต้องรีบไปจองห้องพักนะ" ยองแจยังพยายามพูดและยื้อตัวของเพื่อนใหม่อย่างไม่ลดละ เขาไม่ได้อยากดูมวยในวันเปิดเทอมวันแรกแบบนี้ แล้วอีกอย่างคำสอนของพ่อก็สำคัญมากในเรื่องการทะเลาะวิวาท
แบมแบมไม่ได้รับฟังเพื่อนใหม่อย่างยองแจเลยแม้แต่น้อย แต่ลึกๆในใจของแบมแบมกำลังบอกว่าควรไปให้พ้นหน้าไอ้หมอนี่สักที เมื่อรู้สึกเช่นนั้นแล้วแบมแบมก็รีบดึงมือของตัวเองที่เคยกำแน่นที่คอเสื้อของอีกฝ่ายออก แล้วลดหมัดลงแต่ก็ไม่ได้คลายมันออก เขายังกำหมัดแน่นไว้เช่นเดิมแล้วรีบเดินไปให้พ้นจากที่ตรงนั้นทันที ตอนนี้เขาอยากไปหาที่ไหนสักแห่ง ที่จะทำให้เขาผ่อนคลายความรู้สึกที่อยู่ภายในใจได้ ยองแจเห็นเพื่อนเดินออกไปแล้วก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งดุ๊กดิ๊กตามไปให้ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเร็วเหลือเกิน ปากก็ยังพร่ำบอกเพื่อนใหม่ว่าการทะเลาะวิวาทมันไม่ดี การใช้กำลังเป็นสิ่งที่ไม่ควร
---------------------------
หอพักนักเรียนมัธยมปลาย ชั้นปีที่ 1
ควันจางๆฟุ้งกระจายลอยไปตามแรงลมที่พัดผ่านอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารหอพักนักเรียน เด็กหนุ่มร่างเพรียวกำลังนั่งสูบสิ่งที่พี่ชายของเขาเคยพร่ำสอนว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่การได้สัมผัสมันในแต่ละครั้งกลับทำให้เขาผ่อนคลายความเครียดไปได้มากเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องใช้มันอยู่ แม้จะรู้ดีว่าข้อเสียของมันมีมากมายแค่ไหน
"ฮั๊ดเช้ย...นายไม่ควรสูบบุหรี่นะรู้มั๊ย มันไม่มีประโยชน์เลยนะ มันมีแต่โทษทั้งนั้น เมื่อก่อนพ่อของฉันก็เคยสูบแต่ทุกวันนี้เขาเลิกมันได้แล้ว แล้วสุขภาพของพ่อก็ดีขึ้นมากเลยล่ะ" ยองแจที่ตามขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนกำลังร่ายยาวถึงพิษภัยของบุหรี่ให้อีกฝ่ายฟัง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกลิ่นของมันแต่เขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนใหม่อย่างแบมแบมสูบบุหรี่แบบนี้
"แล้วไง ปอดก็ปอดฉัน นายจะมายุ่งทำไม" เด็กหนุ่มพ่นควันฟุ้งอีกรอบแล้วหันมาพูดกับยองแจที่กำลังนั่งเอามือปิดจมูกอยู่ข้างๆ
"ก็เราเป็นเพื่อนกันไง ฉันอยากเห็นเพื่อของฉันมีสุขภาพที่ดี" ยองแจหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
"เฮ้อ นายรู้ตัวมั๊ยว่านายโคตรน่ารำคาญ นี่ฉันต้องยอมเป็นเพื่อนกับนายจริงๆหรอ" แบมแบมหันมาตั้งคำถามกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็จัดการบดขยี้ก้นบุหรี่ให้มอดดับไปเพราะเห็นว่ายองแจจามจนจมูกแดงไปหมดแล้ว
"ฉันน่ารำคาญมากเลยหรอ ฉันก็แค่อยากมีเพื่อน ฉันเหงา ถึงพ่อจะสอนว่าอย่าคบคนพาลก็เถอะนะ" ยองแจก้มหน้ามองพื้นเหมือนคนกำลังน้อยใจแล้วก็พูดถึงคำสอนของผู้เป็นพ่อ
"นี่ว่าไงนะ นายว่าฉันเป็นคนพาลหรอ" แบมแบมรีบเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อเพื่อนใหม่ทันทีที่ได้ยิน หมอนี่กำลังแอบด่าเขาอยู่อย่างนั้นหรอ
"ปะ เปล่าซะหน่อย ฉันไม่ได้ว่านายนะ" ยองแจรีบพูดปฏิเสธอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะมอบหมัดมาให้เสียก่อน
"รู้ไว้นะ ว่าฉันไม่ใช่คนพาล แต่แค่อย่ามาหาเรื่องฉันก่อน แล้วที่ฉันจะต่อยไอ้หัวดอกดาวเรืองนั่นก็เพราะว่ามันขับรถไม่ดูห่-อะไรเลยไง เข้าใจมั๊ย" แบมแบมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยองแจแล้วพูดอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
"ขะ เข้าใจแล้ว ฉันก็ไม่ได้ว่านายเป็นคนพาลนี่" ยองแจขยับตัวออกห่างจากแบมแบมเล็กน้อยแล้วรีบพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
"อือ ก็ดี เออ...ดูนี่สิ ตารางเรียนของที่นี่มันแปลกๆ นายว่ามั๊ย ทำไมมีเรียนแค่ตอนเช้า พอตกบ่ายกลับเป็นชั่วโมงกิจกรรมตามอัธยาศัยถึงเย็นเลย" แบมแบมพูดแล้วยื่นตารางเรียนไปตรงหน้าของเพื่อนเพื่อให้ดูว่าแปลกแค่ไหน
"นั่นสินะ บางทีที่นี่อาจจะไม่ได้เน้นทฤษฎีมากมั้ง แต่เน้นปฏิบัติ ช่วงกิจกรรมอาจจะให้เราเล่นกีฬาตาอัธยาศัยก็ได้นะ" ยองแจพูด
"คงงั้นมั้ง วันนี้ตอนเช้าของเราก็แค่ย้ายเข้าหอพัก ส่วนตอนบ่ายมีเลือกกิจกรรมใช่มั๊ย เดี๋ยวค่อยดูอีกทีว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง ตอนนี้ฉันหิวแล้วว่ะ ไปหาไรกินเถอะ" แบมแบมหันมาพูดกับเพื่อนแล้วชวนกันลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำแล้วรีบลุกเดินตามแบมแบมไปในทันที
---------------------------
โรงอาหารรวม โรงเรียนมัธยมปลายการกีฬา
บรรยากาศของโรงอาหารในโรงเรียนค่อนข้างเงียบจนแปลกตา มีคนไม่ถึงสิบคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในเวลานี้ แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคงเป็นโต๊ะยาวที่คลุมด้วยผ้าสีดำตั้งอยู่ราวกับว่าตรงนั้นคือส่วนวีไอพีสำหรับแขกพิเศษ แล้วก็มีตราสัญลักษณ์แปลกๆติดอยู่บนผ้าคลุมผืนนั้นอีกด้วย
"แ-กโจ๊กหรอวะ โคตรเด็กน้อยเลย" แบมแบมแอบมองชามอาหารของยองแจแล้วก็พูดปนหัวเราะออกมา
"อย่าพูดคำหยาบสิ ไม่น่ารักเลยรู้มั๊ย ฉันแค่รู้สึกเจ็บคอนิดหน่อยน่ะเลยอยากกินอะไรอุ่นๆ" ยองแจเงยหน้าขึ้นมาพูดกับคนตรงหน้าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินโจ๊กเหมือนเดิม
"อย่าบอกนะว่าเพราะตากฝนเมื่อเช้า" แบมแบมตั้งคำถาม
"อือ ใช่ ฉันภูมิต้านทานไม่ค่อยดีเท่าไร" ยองแจตอบ
"แล้วเลือกมาเรียนกีฬาเนี่ยนะ แบบนี้จะไปแข่งโอลิมปิกได้หรอวะ" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ฉันแค่อยากแข็งแรงไง พ่อเลยให้ฉันเล่นกีฬา ฉันก็ฝึกเล่นกีฬามาเรื่อยๆ เล่นจนรู้สึกว่าเริ่มชอบ แล้วมันก็ช่วยให้สุขภาพฉันดีขึ้นมากเลยล่ะ" ยองแจอธิบายเหตุผลให้กับแบมแบมฟัง
"ดูท่าทางนายจะรักพ่อมากเลยนะ" แบมแบมเอ่ยถามเพราะแทบทุกครั้งเขาต้องได้ยินยองแจพูดถึงพ่ออยู่เสมอ
"ใช่ ฉันรักพ่อมากแล้วก็ติดพ่อมาก แต่พักหลังๆพ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ฉัน ฉันเลยต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ เหงามากเลยล่ะ ฉันเลยอยากมีเพื่อนซักคนจะได้ไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมา" ยองแจพูดแล้วก็ก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย มือของเด็กหนุ่มกำลังคนโจ๊กในชามไปมาด้วยความรู้สึกเศร้าในใจ
"ดราม่าชิบหาย รีบๆแ-กเหอะ เดี๋ยวโจ๊กก็เย็นหมดหรอก" แบมแบมเหลือบมองเพื่อนใหม่ครู่หนึ่งแล้วก็บอกให้อีกฝ่ายรีบๆกิน ความจริงแบมแบมเองก็ไม่ได้เหงาน้อยไปกว่ายองแจเลยสักนิด และมันโคตรจะเหงาเลยเมื่อนึกถึงใครคนนั้นที่ได้หายไปจากชีวิตของเขา
"เห้ย หลบไปสิวะ ไม่เห็นหรอว่าลูกพี่ของพวกฉันกำลังมา" อยู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายของใครก็ไม่รู้กำลังตะคอกด่าคนที่เดินไปมาอยู่หน้าโรงอาหารว่าให้หลบไป
เพียงไม่กี่นาทีต่อมาบรรยากาศอึมครึมยิ่งกว่าเมฆฝนก็เข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งโรงอาหาร เมื่อมีกลุ่มแก๊งของใครสักคนได้ย่างกรายเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ ชุดหนังสีดำด้านตัวโตที่ใช้คลุมทับแทนเสื้อสูทนักเรียนคือสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขานั้นแปลกแยกไปจากนักเรียนทั่วไป ตราสัญลักษณ์บางอย่างที่ถูกสกรีนติดไว้ที่ด้านหลังของเสื้อหนังสีดำมันคือสัญลักษณ์เดียวกันกับที่ติดอยู่บนผ้าปูโต๊ะนั้น และแล้วทุกสิ่งรอบข้างแทบหยุดเคลื่อนไหวในทันที บรรยากาศที่เคยอึมครึม บัดนี้มันช่างมืดมนยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาเป็นลำดับสุดท้าย ชายสวมเสื้อหนังสีดำด้านมีชายเสื้อยาวกว่าใครเพื่อนคนนั้นเป็นใคร แววตาคมกริบของเขากำลังจ้องมองไปเบื้องหน้าโดยที่ไม่ได้สนใจหันมองสิ่งรอบข้างใดๆ กลุ่มคนที่อาจเรียกได้ว่าเป็นลูกสมุนกำลังจัดแจงปัดเช็ดเก้าอี้หัวโต๊ะตัวยาวจนสะอาดสะอ้านเพื่อรอการใช้งานของชายคนนั้น ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ไม่ว่าใครก็ต้องหลบสายตา
"นี่มันอะไรกัน" แบมแบมแอบกระซิบเบาๆกับเพื่อนที่ตอนนี้เอาแต่นั่งตัวงอไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนเพราะความรู้สึกเกรงกลัว
"ฉะ ฉันก็ มะ ไม่รู้ แบมแบมเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ" ยองแจบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แต่ก็ช้าไปที่อีกฝ่ายจะตอบตกลง เมื่อหนึ่งในลูกสมุนของกลุ่มคนสีดำทะมึนนั้นเดินตรงมาที่โต๊ะของแบมแบมและยองแจ ฝ่ามือหนาของชายลูกสมุนคนนั้นทุบลงที่โต๊ะของพวกเขาราวกับกำลังโมโหเป็นอย่างมาก สายตาดุดันเหมือนสัตว์ป่ากำลังจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา
"เป็นเด็กใหม่ กล้าดียังไงถึงมากินข้าวที่นี่ ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของพวกแก!" ชายคนนั้นขู่ตะคอกเสียงดังใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง
"หึ ตลกแล้วพี่ นี่มันโรงอาหารรวมปะ แล้วพวกเราก็เสียตังค์มาเรียนนะครับ จะแ-กตรงไหนมันก็เรื่องของพวกเรา" จากอารมณ์ที่เคยเย็นอารมณ์ของแบมแบมต้องพุ่งปรี๊ดอีกครั้งเพราะคำพูดขัดรูหูของใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็เดินมาต่อว่า ทำให้แบมแบมเริ่มอารมณ์เสียไม่แพ้กัน
"ชู่ว แบมแบม อย่าไปเถียง รีบไปกันเถอะนะ" ยองแจที่กำลังยืนตัวสั่นงันงกรีบส่งเสียงบอกให้เพื่อนสงบปากสงบคำไว้แล้วรีบออกไปจากตรงนี้
"แกกล้ามากที่มาเถียงฉัน นี่คงไม่รู้เลยสินะว่าพวกฉันเป็นใคร" รุ่นพี่หน้าโหดพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
"พวกพี่เป็นใคร มันสำคัญมากจนผมต้องรู้ด้วยหรอ แล้วอีกอย่างหน้าพี่ก็ไม่ได้เหมือนพ่อผมด้วย" แบมแบมเอ่ยปากท้าทายอีกฝ่ายโดยไม่มีทีท่าเกรงกลัวใดใด หากต้องมีมวยตอนนี้เขาก็พร้อมเหมือนกัน
"ปากเก่งดีนะ -ูจะรอดูว่าตอนบ่ายคาบกิจกรรมมึ-จะเก่งแบบนี้หรือเปล่า และตอนนั้นแหละมึ-จะได้รู้ว่าพวก-ูเป็นใคร" รุ่นพี่หน้าโหดคนเดิมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองตามคำสั่งของหัวหน้ากลุ่ม ที่ยังไม่ต้องการให้มีเรื่องในตอนนี้
---------------------------
บรรยากาศดำมืดจางหายไปแล้วเมื่อแบมแบมและยองแจเดินออกมาจากโรงอาหารรวมของโรงเรียน เขาทั้งคู่ไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร ความจริงแล้วโรงเรียนนี้คือโรงเรียนกีฬาจริงๆใช่ไหม แล้วคำพูดของรุ่นพี่คนนั้นหมายความว่าอย่างไร เขาทั้งคู่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลยแม้แต่น้อย
"แบมแบม เราลาออกกันดีมั๊ย แล้วเทอมหน้าค่อยหาที่สอบเข้าใหม่" ยองแจเอ่ยถามในขณะที่คนทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ริมคลองน้ำหลังอาคารหอพักรวม
"นายจะบ้าหรือไง ค่าเทอมก็เสียไปแล้ว ถ้าให้รอเทอมหน้าก็ไม่เอาด้วยหรอก" แบมแบมหันมาตอบเพื่อนใหม่อย่างไม่สบอารมณ์
"แต่นี่แค่วันแรก มันก็เริ่มมีอะไรแปลกๆแล้วนะ" ยองแจยังคงวิตกกังวลอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นอย่างไรกันแน่
"อย่าป๊อดได้ปะ กลัวมากก็ลาออกไปคนเดียวเลยไป" แบมแบมบอกกับยองแจแล้วก็คว้าก้อนหินขนาดเหมาะมือปาลงน้ำเพื่อระบายอารมณ์
"ฉันกลัวจะหาเพื่อนไม่ได้" ยองแจพูดเบาๆแล้วก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้น
"ก็อยู่ที่นี่ต่อสิวะ จะกลัวทำไม ฉันก็อยู่ตรงนี้ทั้งคน" แบมแบมหันไปบอกกับเพื่อนที่ชอบทำตัวรำคาญ แต่เวลานี้หมอนี่กลับดูน่าสงสารมากกว่า
"แบมแบม เปิดขวดน้ำให้หน่อยสิ" ยองแจยื่นขวดน้ำเปล่าส่งให้อีกฝ่าย ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของแบมแบม เขาหวังลึกๆว่าแบมแบมคงเปิดใจให้เขาบ้างแล้ว
"นี่อย่าบอกนะว่าไม่มีปัญญาเปิดขวดน้ำเอง นายนี่มัน..." แบมแบมเริ่มรับรู้ถึงความน่ารำคาญของยองแจอีกรอบ ตกลงว่าหมอนี่มันเป็นลูกคุณหนูหรือไง
ทั้งสองนั่งมองสายน้ำที่กระเพื่อมไปตามแรงลมที่พัดผ่านมาปะทะ เศษใบไม้เล็กๆลอยตามน้ำมาพอสร้างสีสันให้ดูงาม เวลานี้ทั้งสองรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากกว่าเดิม อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงคาบกิจกรรมช่วงบ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่พวกเขายังไม่รู้อีกหรือเปล่า
"นี่ ยองแจ ไปเดินสำรวจโรงเรียนกันมั๊ย" แบมแบมเอ่ยถามเพื่อนคนข้างๆที่ยังนั่งเหม่อมองสายน้ำ รอยยิ้มเล็กๆของยองแจปรากฎขึ้นมาเล็กน้อย จนทำให้แบมแบมอดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้
"ไปสิ ฉันก็อยากเห็นว่าลานกีฬาที่นี่กว้างขนาดไหน" ยองแจหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มราวกับเด็กน้อยที่รู้ว่าจะได้ไปเล่นที่สนามเด็กเล่น
ทั้งสองลุกออกจากจุดนั่งพักริมคลองแล้วก็เริ่มออกเดินสำรวจบรรยากาศโดยรอบของโรงเรียน ทั้งๆที่โรงเรียนนี้ก็ไม่ต่างจากโรงเรียนชายล้วนทั่วไป แต่ทำไมมันกลับเงียบเหงาจนผิดหูผิดตา ความสดใสและรอยยิ้มของนักเรียนแทบจะไม่มีให้เห็น ทุกคนดูเคร่งเครียดและดูอ่อนล้าไปหมด มีบางกลุ่มคนนั่งบนโต๊ะและมีเพื่อนอีกสองสามคนคอยบีบนวดให้ บางจุดก็มีการทะเลาะทำร้ายร่างกายขู่เข็นรีดไถเอาเงินจากอีกฝ่าย แต่แน่นอนแบมแบมและยองแจจะไม่ยุ่ง ทั้งคู่เดินต่อไปเรื่อยๆยิ่งเดินสำรวจลึกเข้าไปเท่าไร ยิ่งมีคำถามมากมายอยู่ในหัวจนเต็มไปหมด ยิ่งเดินขึ้นไปบนอาคารเรียนยิ่งแล้วใหญ่ บรรยากาศมันช่างเงียบเหงาจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านเบาๆ เส้นแบ่งกั้นสีเหลืองถูกติดตรึงไว้เหมือนต้องการสื่อความหมายว่าแต่ละส่วนเป็นของใคร และมันก็พบเจอได้แทบจะทุกที่ทั่วทั้งโรงเรียนไม่เว้นแม้แต่หอพักของพวกเขา
ทั้งคู่เดินจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ จึงตกลงกันว่าจะเขาไปพักเหนื่อยที่ห้องอเนกประสงค์เล็กๆข้างหน้า
"แบมแบม ลิฟท์สีดำนี่มันอะไร" ยองแจหยุดนิ่งแล้วสะกิดบอกเพื่อนทันทีที่พบเห็นลิฟท์ที่ถูกทาด้วยสีดำดูแปลกตา มันเป็นห้องลิฟท์ที่ถูกสร้างไว้ในห้องอเนกประสงค์อีกที
"เออว่ะ ในห้องนี้มีลิฟท์ดำแล้วก็บันไดที่ทาสีดำซ่อนอยู่ด้วย แต่แปลกมากที่มันไม่มีให้กดขึ้นไป" แบมแบมพูดด้วยท่าทีประหลาดใจที่ได้พบเจอกับสิ่งนี้ สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับบางอย่างของโรงเรียนแห่งนี้
"แต่มันมีให้กดลงไปข้างล่าง หมายความว่ามีชั้นใต้ดินงั้นหรอ แล้วข้างล่างนั้นมันมีอะไรกัน" ยองแจหันมาถามแบมแบม ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
"อยากรู้ก็ต้องลองลงไปดู" ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็กดปุ่มลงทันที แล้วรีบกระชากมือของแจให้ตามไปด้วยกัน
"บะ แบมแบม ฉันว่าเราอย่าไปเลยนะ" ยองแจบอกกับเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือ
"อย่าป๊อดสิวะ แค่ลงไปดูเฉยๆ อาจจะเป็นแค่ห้องเก็บของก็ได้" แบมแบมบอกกับยองแจ
"แต่ฉันว่ามันไม่ใช่ นายเห็นสัญลักษณ์นี่มั๊ย" ยองแจพูดติดๆขัดๆ แล้วค่อยๆชี้ไปบนเพดานลิฟท์ที่ทาด้วยสีดำทั้งหลัง ด้านบนนั้นมีตราสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่างติดอยู่ชวนให้น่าสงสัยมากกว่าเดิม
"ฉันไม่เข้าใจ มันคืออะไรกันแน่" แบมแบมพูดเบาๆ ตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีความกลัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ความอยากรู้มันเอาชนะทุกอย่าง อย่างน้อยวันนี้เข้าต้องรู้ให้ได้ว่าโรงเรียนนี่มันคืออะไรกันแน่
ครืด! ลิฟท์ลงมาจอดที่ชั้นบนสุดของชั้นใต้ดิน ซึ่งชั้นใต้ดินของที่นี่มีทั้งหมดสี่ชั้น สำหรับชั้นนี้ดูเหมือนว่าจะเงียบสงัดจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แบมแบมและยองแจค่อยๆเดินอย่างช้าๆสำรวจดูรอบๆว่ามีอะไรที่พอช่วยคลายความสงสัยได้บ้าง แสงไฟตามทางเดินเปิดพอสลัวทำให้การมองค่อนข้างลำบากพอสมควร ทั้งสองเดินมาจนถึงประตูบานเลื่อนของห้องๆหนึ่งซึ่งมีป้ายติดอยู่หน้าห้องว่า ห้ามรบกวน ยิ่งสร้างความฉงนให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง ยองแจแอบลอบมองผ่านช่องกระจกเล็กๆเข้าไป ก็พบภายในห้องนั้นมีเตียงนอนสำหรับพักผ่อนอยู่หลายเตียง
"เหมือนเป็นห้องพักรวมเลย" ยองแจกระซิบข้างหูของแบมแบมเบาๆ
"ฉันก็ว่างั้น ชั้นนี้ดูเงียบๆ สงสัยจะเป็นแค่ห้องพักทั่วไป ลองลงไปดูชั้นที่อยู่ลึกกว่านี้ดีกว่า" แบมแบมหันมาพูดคุยกับอีกฝ่าย
"ลงบันไดเถอะ ลิฟท์มันเสียงดัง ฉันกลัวว่าจะมีใครรู้ว่าเราแอบใช้มัน" ยองแจเสนอความคิด และแบมแบมก็เห็นดีด้วยว่าควรเปลี่ยนไปใช้บันไดแทน
ทั้งสองกลับมาที่ลิฟท์สีดำอีกครั้ง แต่เปลี่ยนไปใช้บันไดหนีไฟที่อยู่ข้างๆลิฟท์แทน เพราะดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยมีใครใช้งาน อาจจะเป็นเส้นทางที่คาดว่าน่าจะปลอดภัยกว่า เพียงแค่เดินลงมาได้ครึ่งหนึ่งของชั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มราวกับชั้นที่กำลังจะเดินลงไปมีการจัดปาร์ตี้ก็ไม่ปาน เมื่อลงมาจนถึงชั้นที่ต้องการแล้วทั้งคู่ก็รีบหาที่หลบซ่อนตัวทันที มันจริงตามคาดชั้นนี้คือพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้จริงๆด้วย แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณประกอบกับเสียงเพลงที่ดังจนหนวกหู มีใครหลายคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนกำลังโยกย้ายไปตามเสียงเพลง สองมือกำลังถือขวดที่บรรจุสุราอยู่ภายใน พร้อมกับมีกลิ่นควันบุหรี่ลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ
"ฮะ ฮะ ฮั๊ด..." ยองแจมีทีท่าว่าจะจามอีกแล้วเพราะกลิ่นควันเหล่านั้น แต่แบมแบมรู้ทันจึงรีบเอามือมาอุดปากและจมูกของอีกฝ่ายไว้
"เกือบซวยแล้วไง รีบไปชั้นอื่นเถอะ" แบมแบมพูดแล้วรีบดึงมือของอีกฝ่ายให้ลงบันไดไปยังชั้นที่อยู่ลึกลงไปกว่าเดิม
โคร้ม โอ๊ย อั้ก ตุ้บ...เสียงเหล่านั้นมันคือเสียงที่ดังมาจากชั้นที่อยู่ลึกลงไปถัดจากชั้นที่ผ่านมา บรรยากาศของชั้นนี้มันไม่ต่างจากเรือนจำของนักโทษเลย และภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองคือการรุมทำร้ายร่างกายของคนเคราะห์ร้ายที่ไม่รู้ว่าชายคนนั้นทำผิดอะไรมากมายถึงต้องโดนลงโทษขนาดนั้น ห้องกรงขังหลายห้องที่รายล้อมไปด้วยโซ่เส้นโตยิ่งทำให้คนทั้งสองแทบหยุดหายใจ นี่เรียกว่าคุกได้หรือเปล่า มันคืออะไรกันแน่ แต่คนที่กำลังแย่ที่สุดในเวลานี้คือยองแจ เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับโลกที่แสนสดใส เขารับไม่ได้กับสิ่งที่พบเห็น
"เห้ย ไหวมั๊ย ทำใจดีๆไว้สิ" แบมแบมกระตุกแขนเพื่อนแล้วกระซิบถามให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว ตอนนี้ยองแจดูเหม่อลอยผิดแปลกไปเป็นคนละคน นี่มันคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เขาเคยพบเห็นมา
แบมแบมรีบลากแขนเพื่อนให้เดินตามขึ้นไปบนบันได หากจะสำรวจอีกชั้นที่อยู่ล่างสุดในตอนนี้คงไม่ได้แล้ว เพราะดูท่าทางเจ้าเพื่อนน่ารำคาญคนนี้คงจะไม่ไหว
ผลั่ก! ร่างของแบมแบมที่พยายามยื้อยุดยองแจให้เดินตามขึ้นไป ได้เผลอชนเข้ากับใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ตรงบันไดหนีไฟนี้เช่นกัน หรือเขาคนนั้นก็กำลังแอบมาสำรวจที่นี่เหมือนกันกับเขาทั้งสอง
"ขี้เสื-กเหมือนกันหนิ" เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นมาเบาๆ
"แก ไอ้หัวดอกดาวเรือง" แบมแบมรู้สึกปรี๊ดอีกรอบที่ได้พบเจอกับเจ้าของรถหรูเมื่อเช้า
"เรียกดีๆหน่อยสิ ฉันมีชื่อนะเว้ย" เด็กหนุ่มผมเหลืองกัดฟันกรอด
"แกเองมันก็ขี้เสื-กเหมือนกันล่ะวะ" แบมแบมพูดจากระแทกแดกดันใส่อีกฝ่าย
"แล้วไง เอาเป็นว่าความเสื-กของฉันมันทำให้รู้มากกว่าพวกแกก็แล้วกัน แล้วที่นี่ไม่ได้มีแค่ลิฟท์สีดำแต่มันยังมีลิฟท์สีแดงด้วยนะ หึ คงยังไม่รู้ล่ะสิ" เด็กหนุ่มร่างสูงบอก
แปะ แปะ แปะ! เสียงปรบมือของใครบางคนดังขึ้นมาขัดจังหวะเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังพูดคุยอวดภูมิกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"ถ้ารู้มากขนาดนี้ งั้นลองรู้อีกซักนิดสิว่าชั้นใต้ดินชั้นสุดท้ายมันมีอะไร เห้ย เอาตัวไอ้เด็กพวกนี้ลงไปชั้นแบทเทิล" เสียงออกคำสั่งของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มคนนั้น คนที่แบมแบมและยองแจเคยเจอที่โรงอาหาร
สิ้นสุดคำพูดของชายตรงหน้า เด็กหนุ่มทั้งสามก็ถูกรวบตัวทันที ชะตากรรมที่ทั้งสามกำลังจะได้เผชิญต่อไปคืออะไร มีอะไรอยู่ที่ชั้นล่างสุด ชั้นที่ชายผู้มีบรรยากาศดำมืดคนนั้นเรียกว่า ชั้นแบทเทิล
---------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ