[FicGOT7] WHO ARE WIN (YugBam x GOT7)
9.3
เขียนโดย ฟ้ามืด
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.27 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
7,968 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 19.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) วันฝนโปรย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความWHO ARE WIN
ตอนที่ 1 วันฝนโปรย
เช้านี้ที่มีบรรยากาศอึมครึมไปด้วยเมฆหนากำลังจับกลุ่มกันเป็นก้อนเพื่อรอเวลาที่มันจะโปรยหยาดน้ำใสๆลงมาชำระล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง เสียงร้องคำรามของหมู่เมฆสีเทามีมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ พร้อมกันนั้นก็มีแสงแปลบๆเป็นเส้นยาวสะท้อนวาบสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่ เพียงไม่นานเหล่าหยดน้ำใสสะอาดก็หล่นร่วงเปาะแปะกระทบกับสิ่งที่อยู่เบื้องล่างจนชื้นฉ่ำไปทั่วบริเวณ บรรดาต้นไม้ใหญ่น้อยเริ่มสั่นไหวไปตามแรงลมที่เข้ามาปะทะราวกับว่ามันกำลังเล่นสนุกกับความสดชื่นที่ได้สัมผัส เหล่าดอกไม้นานาพรรณต่างก็ชูช่อเบ่งบานรับหยาดละอองน้ำใสด้วยความยินดีปรีดา
"จะมาที่โบสถ์อีกเมื่อไรล่ะจินยอง" บาทหลวงผู้เคร่งครัดศาสนาเอ่ยถามเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มักจะมาสวดภาวนาที่นี่เป็นประจำ
"วันมะรืนครับ พรุ่งนี้ผมมีธุระที่ต้องไปทำ ถ้าท่านมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยนะครับ ผมยินดีครับ" จินยอง เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาดุจดอกไม้แรกแย้ม กล่าวตอบอย่างสุภาพ
"วันอาทิตย์หน้าที่โบสถ์จะจัดพิธีบัพติศมา หากสามารถพาน้องชายของเธอมาได้ ก็จะดีมากเลยนะ" บาทหลวงบอกแก่จินยอง
"ครับ ผมจะพาเขามาให้ได้เลยครับ วันนี้ผมต้องขอตัวก่อน พอดีว่าต้องไปรับน้องชายที่สนามบินน่ะครับ" จินยองกล่าวลาพร้อมโค้งตัวแสดงความเคารพต่อบาทหลวงอย่างสุภาพ
จินยองเดินมายังที่จอดรถของโบถส์คริสต์ที่เขามักจะมาที่นี่เป็นประจำเกือบทุกวัน หากไม่ติดภารกิจอะไรเขาก็จะมาสวดภาวนาและพูดคุยกับบาทหลวงอยู่ที่นี่เสมอ เพราะว่าที่แห่งนี้คือความสุขทางใจสำหรับเขา จินยองรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วเนื่องจากฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่ในตอนนี้เริ่มมีทีท่าว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือสีเงินที่ชอบใส่อยู่เป็นประจำ ก็พบว่าอีกครึ่งชั่วโมงน้องชายของเขาก็จะเดินทางมาถึงอินชอนแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นจินยองก็ไม่รีรอให้เสียเวลา เขารีบบึ่งรถฝ่าสายฝนไปในทันทีเพื่อไปรอรับน้องชายที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองเดือน
----------------------------
สนามบินนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้
จินยองใช้เวลาขับรถเพียงไม่นานก็มาถึงสนามบินแห่งนี้แล้ว เขามองดูเวลาอีกครั้งก็พบว่าเลยเวลาที่น้องชายของเขามาถึง ทำให้จินยองรู้สึกตกใจพอสมควร เนื่องด้วยอุปสรรคของสายฝนทำให้เขาไม่สามารถขับรถเร็วได้มากกว่าที่จะเป็น เขาพยายามมองหาน้องชายที่คาดว่าอาจจะเดินไปหาอะไรกินอยู่ที่ส่วนรับประทานอาหารใกล้ๆนี้ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโบกมือทักทายเขาอยู่ตรงจุดซื้อน้ำดื่ม
"ทางนี้พี่จินยอง" เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อคมปนน่ารักกำลังโบกมือเรียกพี่ชายที่กำลังหันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อตามหาตัวเขา
"มาถึงตอนไหนเนี่ย พี่บอกให้นายนั่งรอตรงจุดพักไม่ใช่หรอแบมแบม" จินยองเดินเข้ามาหาน้องชายที่กำลังยืนดื่มน้ำอย่างหิวกระหายแล้วเอ่ยถามในสิ่งที่เขาได้บอกไป
"ไม่ไหวอะ ผมหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย ถ้าให้รอพี่มีหวังกระเพาะผมทะลุก่อนพอดี" น้องชายตัวแสบบ่นอุบอิบเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด
"พี่ก็รีบมาแล้วนะ แต่ฝนที่โซลตกหนักมาก เอาน่าอย่างน้อยพี่ก็สายไปสิบนาทีเองนะ" จินยองบอกแล้วยกแขนขึ้นมาคล้องคอน้องชายที่น่ารักของตัวเอง วันนี้เขาอยากพาน้องชายไปนั่งกินปิ้งย่างด้วยกันเพราะได้ยินอีกฝ่ายบ่นหิวตั้งแต่ก่อนที่จะกลับไทยแล้ว
"อย่ามาแก้ตัวหน่อยเลยน่า พี่มัวแต่ไปสวดอะไรก็ไม่รู้อยู่ที่โบถส์จนลืมผมไปแล้ว" เด็กหนุ่มยังคงบ่นไม่เลิกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามแก้ตัวเพราะมารับเขาช้ากว่ากำหนด
"งั้น เอางี้พี่จะพานายไปเลี้ยงปิ้งย่างดีมั๊ย ถือเป็นการไถ่โทษ" จินยองบอกกับน้องชายที่เอาแต่บ่นอุบอิบอยู่ตลอดเวลา
"อืม ก็ได้ หิวจะตายแล้วเนี่ย ว่าแต่พี่ไม่กินเนื้อไม่ใช่หรอ วันนี้นึกไงจะพาผมไปเลี้ยง" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะทุกครั้งที่เขาชวนพี่ชายคนนี้ไปกินเนื้อ อีกฝ่ายมักจะปฏิเสธเสมอ
"ก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือน อีกอย่างพี่ก็ขัดใจนายมาตลอด รอบนี้เลยอยากตามใจบ้างไม่ได้หรือไง" จินยองบอกแล้วยิ้มให้น้องชายด้วยความเอ็นดู
"ไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาดีกว่า ว่าทำไมอยู่ๆถึงตามใจ พี่มีอะไรจะคุยกับผมใช่มั๊ย" แบมแบมเอ่ยถามอีกครั้ง
"อืม ไว้ไปถึงร้านแล้วพี่จะบอกแล้วกัน ไปกันเถอะ หิวแล้ว" จิยองพูดจบก็เดินกอดคอน้องชายของเขาไปยังรถส่วนตัวที่จอดรออยู่ที่ลานจอดรถของสนามบิน
ทั้งสองออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติอินชอนมาจนถึงโซล เวลานี้ฝนที่เคยตกหนักเมื่อครั้งก่อนหน้าได้หยุดลงแล้วเหลือไว้เพียงกลิ่นฝนจางๆและพื้นที่ชื้นฉ่ำให้พอได้สัมผัส จินยองเลือกร้านปิ้งย่างที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยซึ่งตั้งอยู่ในย่านเมียงดง ย่านดังที่หลากหลายไปด้วยสินค้าและสิ่งทันสมัย เมียงดงในยามนี้กำลังคึกคักและคับคั่งไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่กำลังเดินเที่ยวชมสิ่งต่างๆกันอย่างเพลิดเพลิน
"หอมสุดๆ เนื้อก็นุ่มด้วย ลองซักคำมั๊ยพี่" แบมแบมคีบเนื้อติดมันที่ผ่านการหมักและหั่นเป็นอย่างดีส่งให้คนตรงหน้า
"ไม่ดีกว่า พี่ตั้งใจจะกินมังสวิรัตไปตลอดชีวิต" จินยองเอ่ยปากปฏิเสธน้องชายของตน
"พี่นี่ใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยนะรู้ตัวมั๊ย เนื้อเนี่ยอร่อยกว่าผักต้มของพี่อีกนะ" น้องชายตัวแสบบอกกับพี่ชายของตนแล้วก็คีบเนื้อเข้าปากในทันที ความสุขเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเรียวลิ้นของเด็กหนุ่มได้สัมผัสกับความนุ่มละมุนและกลิ่นหอมของเนื้อติดมันนั้น แบมแบมกำลังยิ้มอย่างมีความสุขกับรสสัมผัสที่เขารอคอย
"เออนี่ เรื่องโรงเรียนของนายน่ะ พี่จัดการให้แล้วนะ" อยู่ๆจินยองก็พูดถึงเรื่องสำคัญที่เขาตั้งใจจะบอกกับคนตรงหน้า จินยองมีอาชีพหลักคือครูฝ่ายแนะแนวการศึกษาในโรงเรียนมัธยมต้น เพราะฉะนั้นการช่วยหาที่เรียนให้กับนักเรียนคือสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำ
"ผมได้โควต้าเรียนที่โรงเรียนกีฬาในโซลใช่มั๊ย แล้วเขาให้ย้ายเข้าไปเมื่อไรล่ะ" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น เพราะโรงเรียนนี้คือโรงเรียนดังและมีคุณภาพด้านการกีฬาเป็นอันดับต้นๆของประเทศ
"เอ่อ คือ พี่ต้องขอโทษนายจริงๆ เรื่องนี้แหละที่พี่อยากบอก เรื่องโควต้าโรงเรียนกีฬาที่ได้มันเป็นอีกที่นึง ไม่ได้อยู่ในโซล" จินยองบอกกับน้องชายอย่างรู้สึกผิด ทั้งๆที่เขาเองก็รับปากว่าจะช่วยให้น้องชายเรียนในที่ที่ต้องการ
"หมายความว่าไง ทำไมล่ะพี่ ก็พี่บอกว่าทางโรงเรียนกีฬาโซลเขาอนุมัติให้ผมเข้าเรียนได้ เพราะมาตรฐานของผมผ่านหมดไม่ใช่หรอ" แบมแบมเอ่ยถามด้วยท่าทีตกอกตกใจเมื่อได้รับรู้ว่าการเปิดเทอมที่จะมาถึงคือเขาต้องเดินทางไปเรียนอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่เป็นไปตามคาด
"พี่ขอโทษนายจริงๆนะ ที่มันไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้" จินยองบอกแล้วก้มหน้านิ่ง เขาลังเลที่จะบอกอะไรบางอย่างกับแบมแบม บางทีการที่ต้องส่งน้องชายไปที่นั่นมันอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ในตอนนี้
แบมแบมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความผิดหวังในครั้งนี้ หากคนตรงหน้าคือคนอื่นเขาคงไม่ใจเย็นพอที่จะรับฟัง แต่คนตรงหน้าคือพี่ชายที่ดูแลเขาเสมอมา เขาเชื่อเสมอว่าพี่ชายย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา
"ช่างเถอะ ถ้ามันคือสิ่งที่พี่เลือกให้ ผมว่ามันก็ต้องดีที่สุดอยู่แล้ว" แบมแบมบอกกับพี่ชาย เวลานี้เนื้อที่กำลังเคี้ยวมันค่อนข้างจืดชืดอย่างบอกไม่ถูก เหตุที่พี่ชายตามใจแล้วพามาเลี้ยงเนื้อแบบนี้คงเพราะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำให้เขาได้เรียนในที่ที่ต้องการ แต่ก็เอาเถอะ เรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ตัวผู้เรียนต่างหากคือสิ่งสำคัญ
"ขอโทษจริงๆนะ เดี๋ยววันเปิดเทอมพี่จะไปส่งนายที่โรงเรียนเอง แต่เราจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินนะ นายจะได้รู้ว่าต้องไปยังไง" จินยองบอก
ทั้งสองพี่น้องพูดคุยถึงโรงเรียนใหม่ของแบมแบม ซึ่งคุณภาพการเรียนการสอนของที่นั่นก็ไม่ได้แย่ เพียงแค่ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้ไกลจากโซลมากนัก หากนั่งรถไฟใต้ดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว ชื่อเสียงของโรงเรียนก็ค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดี เขาว่ากันว่าคนที่จบจากที่นั่นค่อนข้างแข็งแกร่งและมีทักษะการเล่นกีฬาดีพอสมควร
----------------------------
เสียงสวดภาวนาดังก้องไปทั่วทั้งโบถส์ เนื่องด้วยบรรดาคริสต์ศาสนิกชนทั้งหลายกำลังเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ทางโบสถ์ได้จัดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ จินยองที่มาพร้อมกับแบมแบมก็กำลังเข้าร่วมพิธีนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆจะทำหน้าเบื่อโลกอย่างเห็นได้ชัด พิธีกรรมดำเนินไปหลายชั่วโมงจนแบมแบมออกปากบ่นอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เวลานี้เขาอยากนั่งเล่นเกม หรือไม่ก็ออกไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆในหมู่บ้านแทบแย่
"ทำหน้าให้มันสดใสหน่อยสิ" จินยองพูดเบาๆพร้อมกับเอาข้อศอกมากระทุ้งสีข้างของน้องชายเบาๆเป็นการเตือนว่าควรทำตัวทำหน้าให้ดูสำรวมมากกว่านี้
"เบื่อ" แบมแบมตอบกลับมาเบาๆพร้อมทำปากยื่นใส่พี่ชายของตัวเอง เขาเป็นคนที่แทบจะตรงข้ามกับจินยองไปเกือบหมดทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่มีพื้นฐานทางด้านจิตใจดีไม่แพ้พี่ชายที่ได้เลี้ยงดูเขามา เพียงแต่การมองโลกของเขาไม่ได้ขาวสะอาดเหมือนแบบที่พี่ชายเป็น
เมื่อพิธีกรรมจบลงแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ จินยองพาแบมแบมไปพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งกับบาทหลวงที่เขาให้ความเคารพนับถือ เมื่อกล่าวลาแล้วทั้งสองก็เดินทางออกไปยังย่านการค้า เพราะต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าใหม่สำหรับการเปิดเทอมของแบมแบมในวันพรุ่งนี้ ทั้งสองเดินดูเสื้อและรองเท้าสำหรับใช้เล่นกีฬา ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีหลากหลายราคา และแน่นอนจินยองต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้องชายอยู่แล้วถึงแม้ว่ามันจะแพงก็ตาม
"กลับไปถึงบ้านก็รีบจัดของเลยนะ วันพรุ่งนี้จะได้ไม่เสียเวลา" จินยองบอกกับน้องชายในทันทีที่ทั้งสองเข้ามานั่งอยู่ในรถส่วนตัวเพื่อที่จะเดินทางกลับที่พัก
"รู้แล้วน่า กลับไปนี่เดี๋ยวจัดใส่กระเป๋าเลย" แบมแบมบอกกับพี่ชายด้วยท่าทีเบื่อหน่ายที่อีกฝ่ายชอบจ้ำจี้จ้ำไชกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้อยู่ตลอด
"ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรมาบอกพี่อีกทีละกัน" จินยองบอกกับแบมแบม แล้วก็ขับรถพาน้องชายมุ่งหน้าสู่บ้านพักของทั้งสอง
ใช้เวลาราวชั่วโมงทั้งคู่ก็กลับมาถึงบ้านแล้ว มื้อเย็นสำหรับวันนี้ก็คือไก่ทอด และฟาสท์ฟู๊ดที่แวะซื้อมาจากในห้าง แต่สำหรับจินยองมื้อค่ำก็คงหนีไม่พ้นสลัดผักน้ำใสที่เขากินอยู่เป็นประจำ
เมื่อแยกย้ายจากพี่ชายแล้ว แบมแบมก็เดินขึ้นห้องพักส่วนตัวทันที เสื้อผ้าและชุดกีฬาถูกจัดแจงเข้ากระเป๋าอย่างเรียบร้อยเพื่อรอเวลาที่เจ้าของจะนำพามันไปสู่ที่ใหม่ พรุ่งนี้เช้าแบมแบมก็จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนกีฬาตามที่หวังแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่โรงเรียนที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างไรโรงเรียนที่ว่านี้ก็ดูไม่แย่เกินไปสำหรับเขา เป้าหมายของการก้าวไปสู่นักกีฬาเหรียญทองระดับโลกคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เด็กหนุ่มกำลังนั่งคิดถึงอนาคตเพลินๆอยู่ตรงระเบียงห้อง ควันสีเทาหม่นที่พวยพุ่งออกจากปากของเด็กหนุ่มกำลังลอยฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ หากจินยองรู้ว่าเขาสูบมันคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่ทำอย่างไรได้ก็เขาดันติดมันจนยากที่จะเลิกเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้วแบมแบมก็จัดการหยิบซองสีแดงที่บรรจุบุหรี่นับสิบมวนซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้ตรงหน้าระเบียงห้องตามเดิม ก้นบุหรี่ที่ถูกบดบี้ลงบนกระถางทรายก็ถูกกลบด้วยทรายสีเหลืองนวลอีกชั้นเพื่อปกปิดสิ่งที่เขาไม่อยากให้พี่ชายมาพบเห็น
เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แบมแบมก้าวเท้าออกจากห้องน้ำที่เพิ่งเข้าไปชำระร่างกายเสร็จแล้วก็จัดแจงแต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวโปรดเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้เขาก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่หอพักของโรงเรียนใหม่แล้ว เด็กหนุ่มค่อยๆหลับตาลงช้าๆกักเก็บเรี่ยวแรงให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ตื่นขึ้นมาพบกับเช้าวันใหม่ที่สดใส
----------------------------
เสียงลมพัดผ่านเป็นจังหวะปะทะเข้ากับบานกระจกห้องนอนส่วนตัวของเด็กหนุ่มร่างเพรียว เรียกให้เขาคนนั้นตื่นขึ้นมาก่อนที่เสียงนาฬิกาจะปลุก แบมแบมชะเง้อมองผ่านบานหน้าต่างออกไปด้านอกก็พบว่ามีมวลหมู่เมฆสีเทากำลังเริ่มจับตัวกันเป็นก้อนอีกครั้ง วันนี้ฝนอาจจะตกลงมาอีกก็เป็นได้ สายลมบางส่วนเล็ดลอดผ่านช่องกระจกเข้ามาสัมผัสกับใบหน้าของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้มากเลยทีเดียว
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ นาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงส่งเสียงบอกกับแบมแบมว่าถึงเวลาที่เขาต้องทำภารกิจส่วนตัวแล้ว
"แบมแบมตื่นหรือยัง รีบๆหน่อยนะเดี๋ยวฝนจะตกซะก่อน" จินยองที่กำลังเตรียมอาหารเช้าให้น้องชายตะโกนบอกกับน้องชายให้รีบเตรียมตัว
"รู้แล้วน่าขอเวลาห้านาที" เด็กหนุ่มขานตอบพี่ชายแล้วรีบบดขยี้ก้นบุหรี่เข้ากับกระถางใส่ทรายใบเดิม หมากฝรั่งรสมิ้นต์ที่วางอยู่บนโต๊ะสำหรับทำการบ้านถูกหยิบขึ้นมาเคี้ยวเพื่อดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้จางหายไป แบมแบมรีบแต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบของโรงเรียนใหม่ ซึ่งเป็นสูทสีกรมท่าทับเสื้อเชิ๊ตสีขาวพร้อมผูกเน็คไทสีแดงเลือดนกอย่างรวดเร็วแล้วคว้าเอากระเป๋าใบโตที่มีเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นอยู่ในนั้นเพื่อจะได้เดินทางไปยังโรงเรียนให้ทันเวลา
สองพี่น้องรีบรับประทานอาหารเช้าที่จินยองเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็ว ผู้เป็นพี่รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อน้องชายต้องย้ายไปอยู่ที่หอพักของโรงเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วันเสาร์อาทิตย์ทั้งสองก็จะได้กลับมาเจอกันอีกอยู่ดี
"รีบไปกันเถอะ ฝนเริ่มตั้งเค้าใกล้เข้ามาแล้ว" จินยองบอกกับน้องชาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบร่มติดมือไปด้วย
ทั้งสองเดินทางมายังสถานีรถไฟใต้ดินด้วยรถแท็กซี่ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึง เมื่อผู้เป็นพี่ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางทันที เวลาราวชั่วโมงนับจากนี้จะนำพาแบมแบมก้าวเข้าสู่โรงเรียนกีฬาแล้ว ตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าสนามฟุตบอลที่นั่นจะกว้างแค่ไหน สนามบาสล่ะจะเป็นอย่างไร มีฟิตเนสสำหรับออกกำลังกายไหมนะ แค่คิดก็ตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว เวลานี้เขาอยากเล่นกีฬาแทบทุกอย่างเลย
"แบมแบม พี่คงไปส่งนายได้แค่ถึงสถานีรถไฟคย็องกีนะ จากนั้นนายคงต้องเดินไปโรงเรียนเองแล้วล่ะ พอดี ผอ. เรียกประชุมด่วน" จินยองที่เพิ่งวางสายจากการคุยโทรศัพท์หันมาบอกน้องชายของตนว่าติดธุระสำคัญ
"สบายอยู่แล้ว ความจริงพี่ไม่ต้องมาส่งยังได้เลย" แบมแบมตอบกลับไป
ผู้เป็นพี่พยักหน้าตอบรับ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่านิสัยของน้องชายนั้นเป็นอย่างไรและสิ่งที่น้องกำลังจะเผชิญนั้น มันอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้ก็ได้
----------------------------
คย็องกี เกาหลีใต้
สองพี่น้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการแล้ว แบมแบมกล่าวลาพี่ชายในทันทีที่มาถึงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอวยพรใดใด บางทีเขาก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องทำอะไรไปตามสิ่งที่พี่บอกและสอน พี่ชายยังทำเหมือนว่าเขาเป็นเด็กๆอยู่อย่างนั้นเสมอแม้ว่าเขาจะโตเป็นหนุ่มแล้วก็ตาม แบมแบมยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อพ้นชายคาของสถานีออกมาแล้วก็พบว่าบรรยากาศตอนนี้ไม่ต่างจากโซลเลยแม้แต่น้อย ท้องฟ้าเบื้องบนดูอึมครึมไม่สดใส วันนี้ฝนคงตกหนักเป็นแน่ ทางที่ดีเขาควรจะรีบสาวเท้าไปให้ถึงโรงเรียนโดยเร็วที่สุด ดูจากแผนที่ที่จินยองให้มา คาดว่าเดินอีกสักสิบกว่านาทีก็คงจะถึง
"เฮ้ นาย" ใครบางคนตะโกนเรียกตามหลังแบมแบมมา เสียงนั้นสดใสและดังจนคนได้ยินต้องสะดุ้งเบาๆ
"นี่นาย เพิ่งย้ายมาจากโซลเหมือนกันหรอ" ใครคนนั้นเอ่ยถามแบมแบมด้วยใบหน้าที่สดใสแล้วยิ้มกว้างให้กับเขาราวกับคนเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่น่าใช่คนๆนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ดูจากการแต่งตัวคาดว่าน่าจะเรียนที่เดียวกันกับแบมแบม
"นี่นายเป็นใคร" แบมแบมเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยเสียงห้วน แล้วรีบสาวเท้าไปให้พ้นจากเด็กหนุ่มแปลกหน้า
"จะรีบไปไหนล่ะ รอก่อนสิ ฉันไม่รู้ว่าโรงเรียนอยู่ตรงไหน แต่เห็นว่านายแต่งตัวเหมือนกัน..." อีกฝ่ายรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กตามแบมแบมมาติดๆ ปากก็พูดพร่ำถึงเหตุผลที่เข้ามาทักทาย
"ต้องการอะไร นายจะขอตามฉันไปงี้หรอ" แบมแบมหยุดเดินแล้วหันมาถามอีกฝ่ายที่กำลังเดินตามเขามาติดๆ
"ก็ใช่นะสิ ฉันเพิ่งย้ายมาที่นี่วันแรก ยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย" เด็กหนุ่มคนนั้นบอกกับแบมแบม
"ฉันก็เพิ่งมาวันแรก แต่ฉันคิดว่าฉันฉลาดกว่านายนะ" แบมแบมเอียงตัวไปใกล้ๆกับใครคนนั้นแล้วบอกพร้อมชี้นิ้วมาที่หัวของตัวเอง เพื่อบอกเป็นนัยว่าตนนั้นเก่งกว่า
"เออ แล้วไงล่ะ ก็ไม่รู้นี่หว่า ก็เห็นว่ามาจากโซลเหมือนกันเลยอยากหาเพื่อนไปด้วย" เด็กหนุ่มแปลกหน้าพูด
"แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันมาจากโซล" แบมแบมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ก็เห็นนายขึ้นรถไฟคันเดียวกับฉันมาตั้งแต่ที่โซลแล้ว แล้วก็มาลงที่เดียวกันนี่ไง" อีกฝ่ายตอบ
"อ้อ แต่ขอโทษทีนะ ฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าซักเท่าไร" แบมแบมตอบแล้วก็รีบเดินให้ห่างออกไป
"นี่เดี๋ยวสิ เราก็มาเป็นเพื่อนกันสิ ฉันยังหาเพื่อนไม่ได้เลยซักคน นายเองก็น่าจะไม่มีเพื่อนเหมือนกันใช่มั๊ย" เด็กหนุ่มคนเดิมยังเดินตามแบมแบมแล้วเอ่ยถามอีกรอบ
"ใช่ ยังไม่มี แต่โทษที ฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนหน้าเหมือนตัวนากแบบนาย" แบมแบมหันมาพ่นคำพูดใส่หน้าเด็กหนุ่มที่ยังเดินตามเขาไม่เลิก ความรู้สึกที่มีต่อหมอนี่มันช่างน่ารำคาญอย่างบอกไม่ถูก
"นี่ แต่เราก็มาจากต่างที่เหมือนกัน เป็นเพื่อนกันไว้ก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอ ฉันชื่อ ยองแจ นะ ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ" เด็กหนุ่มคนเดิมพยายามสาวเท้าให้ทันแบมแบมแล้วแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายรู้จัก แต่ดูเหมือนว่าคนที่พยายามคุยด้วยกำลังทำหน้าไม่รับแขกใส่เขา
"ฉันไม่ได้อยากรู้จักนาย" แบมแบมหยุดเดินแล้วหันมาพูดจากระแทกกระทั้นใส่คนน่ารำคาญที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
"ฉันก็แค่อยากมีเพื่อนนี่นา" ยองแจพูดเสียงเบาแล้วก็เอาแต่ก้มหน้างุดๆเหมือนคนกำลังน้อยใจที่โดนปฏิเสธความเป็นเพื่อน
"เฮ้อ เออๆ ฉันชื่อแบมแบม พอใจยัง เลิกพูดมากซักที รีบไปได้แล้วฝนจะตกอยู่แล้วเนี่ย" แบมแบมถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่คนตรงหน้า แล้วก็รีบเดินมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเพราะตอนนี้เมฆเริ่มก่อตัวหนาขึ้นทุกทีๆ
"ชื่อนายแปลกดีนะ นายเป็นคนเกาหลีหรือเปล่า" เด็กหนุ่มหน้าใสยังตั้งคำถามไม่เลิกเพราะชื่อของอีกฝ่ายแปลกหูอย่างบอกไม่ถูก
"เป็นคนไทย" แบมแบมตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย
"ไทเปหรอ อ้อ ฉันเคยไปเที่ยวกับพ่ออยู่ทีนึงที่นั่นนะมี..." ยองแจได้ยินเช่นนั้นก็รีบเล่าว่าตัวเองเคยไปเที่ยวกับครอบครัวแล้วสาธยายยาวเหยียดว่าเคยไปทำอะไรที่นั่นมาบ้าง
"หุบปากแล้วฟัง ฉันมาจากไทยแลนด์ โว้ย นายนี่มันกวนประสาทจริงๆเลยนะ" แบมแบมหันมาพูดกับคนข้างๆอย่างไม่สบอารมณ์
"อ่ะ อ่อ แทกุก หรอ" ยองแจตั้งคำถามอีกครั้ง
"เออ" ฝ่ายคนตอบก็ตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่ายอีกรอบ หมอนี่โคตรน่ารำคาญที่สุดเลยสำหรับเขา
"อ้อ ฉันเคยไปเที่ยวภูเก็ตกับพ่อมาแล้ว ที่นั่นทะเลสวยมากๆเลย แต่ติดตรงร้อนไปหน่อย เออนี่ ฉันว่าปูผัดผงกะหรี่อร่อยมากเลยนะ..." เจ้าคนน่ารำคาญสำหรับแบมแบมยังคงสาธยายไม่เลิกโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนฟังต้องถอนหายใจไปกี่รอบต่อกี่รอบ
"นี่ช่วยเงียบแล้วรีบเดินซักทีจะได้มั๊ย ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมเป็นเพื่อนกับนายแน่" แบมแบมหันมาพูดอีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยอมเงียบแล้วรีบเดินตามเขาไปได้สักที
ทั้งสองรีบเดินให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าฝนจะตกลงมาเสียก่อน แต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อเม็ดฝนบนฟ้าสาดกระหน่ำลงมาชนิดที่ไม่ทันให้ได้ตั้งตัว เสียงท้องฟ้าคำรามดังกึกก้องตามติดๆพร้อมกับแสงสว่างสาดส่องปะทะเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าวันนี้ฝนต้องตกหนักมากอย่างแน่นอน
พรึ่บ! ยองแจรีบคว้าเอาร่มหมีคุมะสีน้ำตาลอ่อนที่พกติดตัวออกมากางในทันที เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปียกปอนไปมากกว่านี้ และอีกอย่างเขาเป็นคนที่ภูมิต้านทานไม่ค่อยดีเท่าไร เพียงละอองฝนเล็กน้อยก็อาจจะทำให้ไม่สบายได้
"ป้ะ ไปกัน" ยองแจเดินเข้ามาใกล้เพื่อนใหม่แล้วขยับร่มให้ช่วยกำบังฝนให้อีกฝ่ายเช่นกัน ความสดใสและมองโลกในแง่ดีของยองแจนั้นทำให้แบมแบมค่อยๆลดความระแวงลงไปได้บ้าง
"ขอบใจ" แบมแบมที่ก่อนหน้าดูไม่ค่อยพอใจต่ออีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้น และยอมเดินเข้าร่มคันเดียวกันกับเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้ว่าไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไร แต่คนๆนี้ก็ดูไม่มีพิษภัยอะไรต่อเขาเลยสักนิด
ฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายเริ่มทำให้พื้นข้างทางเจิ่งนองไปด้วยน้ำสกปรก คนทั้งคู่พยายามเดินลัดเลาะแนวถนนเพื่อเลี่ยงน้ำที่ค่อยๆนองขึ้นมาทีละนิด เดินอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงโรงเรียนแล้ว แบมแบมพับแผนที่เข้ากระเป๋าหลังจากที่ดูเสร็จก็มาเป็นฝ่ายถือร่มแทนยองแจ ก็ไอ้เพื่อนคนข้างๆเอาแต่ใช้มืออุดหูอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง ยิ่งหมอนี่อุทานด้วยความตกใจทีไร หูซ้ายของแบมแบมแทบดับทันทีที่ได้ยิน นี่ขนาดไม่พูดยังน่ารำคาญเลย
ซ่า! รถสปอร์ตสีดำวับคันงามแล่นมาด้วยความเร็ว ทำให้ไม่ทันได้มองว่าข้างทางมีคนที่กำลังเดินอยู่ ทำให้น้ำที่เคยเจิ่งนองบนถนนสาดกระเซ็นใส่สองคนที่ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย
"เ-ี้ย! ขับรถประสาอะไรวะ มึ-ไม่เห็นหรอว่ามีคนเดินอยู่" สติของแบมแบมขาดผึงในทันทีพร้อมกับร่มในมือที่ถูกปาลงพื้นจนเหล็กที่ใช้กางหักหลายซี่ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังพ่นคำด่าใส่รถเจ้ากรรมนายเวรคันดังกล่าวว่าขับไม่รู้ประสีประสา
"เห้ย ร่มฉัน นายปามันทิ้งได้ไง" ยองแจหันมาต่อว่าแบมแบมแล้วรีบวิ่งไปคว้าเอาร่มหมีคุมะที่ผู้เป็นพ่อซื้อให้ ก่อนที่มันจะถูกแรงลมหอบไปไกลกว่าเดิม
รถคันดังกล่าวหยุดเพียงครู่แล้วลดกระจกลงเพื่อสำรวจดูว่าคนที่กำลังด่าไล่หลังนั่นคือใคร แต่สายฝนที่ตกแรงแบบนี้ทำให้มองไม่ค่อยชัดว่าคนที่กำลังพ่นคำด่าอยู่นั้นมีหน้าตาเป็นแบบไหน
"ซอรี่นะเพื่อน พอดีฉันรีบ" เด็กหนุ่มเจ้าของรถหรูบอกกับแบมแบมที่กำลังต่อว่าพร้อมท้าต่อยกับตน รอยยิ้มเหยียดเล็กๆปรากฎออกมาจากใบหน้านั้น แล้วกระจกก็ถูกเลื่อนขึ้นปิดเช่นเดิมพร้อมกับเครื่องยนต์ที่เร่งขับออกไปอย่างรวดเร็ว
"ไอ้ เ-ี้ย เอ้ย อย่าให้ รู้ว่าเป็นใคร พ่อจะกระทืบให้จมดินเลยมึ-" แบมแบมยังอารมณ์เสียไม่เลิก บวกกับเนื้อตัวที่เปียกปอนไปด้วยน้ำจากข้างทางและน้ำฝนที่ยังโปรยปราย ยิ่งทำให้เจ้าตัวโมโหมากขึ้นเป็นทวีคูณ
"ดูสิร่มหักเลย นายปามันทิ้งทำไม รู้มั๊ยว่าพ่อของฉันเป็นคนซื้อมาให้เลยนะ" ยองแจที่เดินเข้ามาใกล้พูดด้วยความรู้สึกเสียใจที่เห็นว่าร่มนั้นหักไปแล้ว มือของเด็กหนุ่มก็ยังพยายามที่จะกางมันเพียงเพื่อหวังว่ามันจะใช้งานได้อีกครั้ง
"หุบปากซักทีสิวะ เลิกพร่ำเพ้อถึงไอ้ร่มสับปะรังเคนี่แล้วรีบตามไปกระทืบไอ้เ-รนั่นไม่ดีกว่าหรอห๊ะ" แบมแบมหันมาตะคอกใส่คนข้างๆแล้วก็กระชากข้อมืออีกให้ฝ่ายให้รีบวิ่งตามไปเอาเรื่องไอ้เจ้าของรถคันดังกล่าว เวลานี้ไฟในใจของแบมแบมมันกำลังลุกโหมอย่างยากที่จะดับลงได้ ถ้าวันนี้ไม่ได้ซัดหน้าไอ้หมอนั่นก็อย่าหวังว่าเขาหายโมโห
"นี่นาย พ่อของฉันสอนว่าไม่ให้มีเรื่องกับใครนะ รู้มั๊ยว่ามันไม่ดี เราไม่ใช่อันธพาล" ยองแจพยายามร้องห้ามเพื่อนใหม่ ในขณะที่ขาก็รีบก้าวตามเพราะอีกฝ่ายกำลังกระชากข้อมือของเขาอยู่
"หุบปาก ถ้ายังไม่เลิกพูดมาก ก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกับฉัน!" แบมแบมหันมาตะคอกใส่อีกรอบแล้วรีบลากตัวอีกฝ่ายให้วิ่งตามรถคันนั้นไป
เม็ดฝนบนฟ้าซาลงแล้ว เวลานี้แบมแบมและยองแจมีสภาพไม่ต่างจากลูกแมวตกน้ำ ยองแจเริ่มมีน้ำมูกเล็กน้อยเพราะตากฝนเมื่อครู่ที่ผ่านมา แบมแบมมองตามรถเจ้าปัญหาที่ขับไปจอดอยู่ตรงจุดจอดรถสำหรับบุคคลทั่วไป เพียงแค่เห็นว่าเจ้าของรถเปิดประตูออกมา เด็กหนุ่มก็ไม่รอช้า เขารีบเดินดุ่มๆตรงไปเอาเรื่องทันที
"ไอ้หัวเหลือง มึ-จะรีบไปไหน!" แบมแบมพุ่งพรวดเข้าไปคว้าคอเสื้อเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูจากด้านหลัง พร้อมกับง้างหมัดเตรียมชัดหน้าไอ้เ-รนั่นเต็มที่
"ช่วยเอามือโสโครกนี่ออกจากคอสะ เสื้อ!?" อีกฝ่ายรีบคว้าข้อมือเรียวแล้วหันมาโต้ตอบอย่างรวดเร็วพร้อมง้างหมัดเตรียมซัดหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงัก เมื่อคนที่กำลังคว้าคอเสื้อของเขาอยู่มันทำให้ภาพบางอย่างปรากฎขึ้นมาราวกับเดจาวู
"แก...!?!" แบมแบมเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากคนตรงหน้า หมอนี่มันเป็นใคร ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
----------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ