{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story

-

เขียนโดย LadyTyrell

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) วันว่างอีกหนึ่งวันของฟูจิวาระ อายากะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          “จดหมายจากตระกูลโยชิดะถึงท่านหญิงครับ” ชายวัยกลางคนที่คอยจัดการดูแลเรื่องการค้าขายและเอกสารต่าง ๆ ของผู้นำตระกูลรีบเดินขึ้นมาเคาะห้องเรียกอายากะทันที
“เอากองไว้ที่ห้องทำงานนั่นแหละน่า ฉันยังไม่อยากตื่น!” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันพักผ่อนของเธอแท้ ๆ สมควรจะได้นอนพักสังขารยาว ๆ ก่อนที่จะต้องเจอกับภารกิจที่จะได้รับจากซึนาเดะ
“ไม่ได้นะครับท่านหญิง ตระกูลโยชิดะเป็นคู่ค้ากับตระกูลเรามาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว ท่านหญิงก็คงจะทราบดีแล้วนี่มันก็สายโด่มากแล้วนะครับ”
ผ่าง! ประตูห้องนอนของผู้นำตระกูลถูกเปิดออกด้วยแรงกระชากอันมหาศาลของเจ้าของห้องเอง “เออรู้แล้วล่ะน่า เดี๋ยวฉันแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบลงไป!”
“ให้ตายสิ รู้อย่างนี้ตัดสินใจทำงานกับหน่วยลับต่อก็คงจะดี ตำแหน่งผู้นำตระกูลบ้าบอนี่มีแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน” หญิงสาวพูดพลางควานหาเสื้อผ้าในลิ้นชักด้วยความเร่งรีบ
 
          ร่างสูงระหงของอายากะเดินลงบันไดมาด้วยความเร่งรีบ ถ้าไม่เห็นว่าโนบุเปรียบเสมือนผู้จัดการส่วนตัวหรืออะไรทำนองนั้นล่ะก็เธอจะขอซัดหมัดเข้าหน้าชายวัยกลางคนซักสิบหมัดให้หายหงุดหงิดโทษฐานที่เอาแต่จู้จี้เรื่องงานของตระกูล
“เท่าที่ผมอ่านคร่าว ๆ ท่านเรียวอิจิอยากจะขอพบท่านหญิงเป็นการส่วนตัวและคุยถึงเรื่องสินค้าที่ต้องการสั่งเพิ่มกับทางเรา” โนบุเอ่ยขึ้นทันทีขณะที่อายากะนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
“เรื่องนี้คงไม่ต้องถึงมือฉันหรอกน่า...นายก็ช่วยจัดการแทนก็แล้วกัน” หญิงสาวหยิบม้วนจดหมายนั้นขึ้นมาอ่านอย่างลวก ๆ
“นี่...มันหมายความว่ายังไง?!” แต่แล้วหญิงสาวผู้นำตระกูลก็ต้องตกใจกับคำกำกวมในจดหมายนั้น
“สัญญาอะไรกัน!” เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“เอ่อก็คือว่า...” โนบุกำลังคิดหาหนทางและคำพูดที่จะทำให้คนตรงหน้าเข้าใจง่ายที่สุดและก็หวังว่าถ้าหากเธอได้รับฟังแล้วคงจะไม่เกิดอาละวาดขึ้นมา
“คือว่าอะไรเล่า บอกฉันมาสิยะ” น้ำเสียงที่เริ่มจะไม่พอใจของอีกฝ่ายทำให้โนบุรีบหลับหูหลับตาบอกไปทันที
“ก็คือสัญญาที่ท่านเซอิจิทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่าจะให้ท่านหญิงแต่งงานกับท่านเรียวอิจิเพื่อสานสัมพันธ์ของสองตระกูลนี้ยังไงล่ะครับ!”
“ว่ายังไงนะ! แต่งงานงั้นเหรอ!” คิ้วสวยของอายากะขมวดจนเป็นปม ไม่เข้าใจท่านพ่อเลยจริง ๆ ให้ตายสิ ตอนนี้ความโมโหกำลังเดือดพุ่งพล่านในใจของหญิงสาวอย่างรุนแรง
โครม! โต๊ะทำงานพังลงมาแทบไม่เหลือชิ้นดี ทั้งเอกสารการค้าและม้วนจดหมายต่างพากันปลิวว่อนไปทั่วบริเวณห้อง
          โนบุยืนนิ่งอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านหญิงอายากะของเขาซัดหมัดลงที่โต๊ะทำงานด้วยความโมโหจากเรื่องสัญญาการแต่งงานอะไรนั่น เขาควรจะพูดอะไรออกไปดีนะหรือควรจะอยู่เฉย ๆ ดี
“อะ...เอ่อ ใจเย็น ๆ ก่อนสิครับท่านหญิง”
“ใจเย็น ๆ อย่างนั้นเหรอ! ใครจะไปใจเย็นลงได้กันเล่า ฉันจะบอกให้นะฉันไม่เอาด้วยหรอกฝันไปเถอะย่ะ สัญญาบ้าบอนั่น”
“ดะ...เดี๋ยวครับแล้วเอกสารทั้งหมดนี่?”
“ช่วยเก็บด้วยก็แล้วกัน หาซื้อโต๊ะใหม่มาด้วยล่ะ อ้อฝากตอบกลับเจ้าหมอนั่นด้วยว่าฉันจะพบเพื่อคุยเพียงแค่เรื่องการค้าก็เท่านั้น! และวันนี้ก็อย่าให้คนในตระกูลมากวนใจฉันด้วยล่ะ” สั่งโนบุเสร็จหญิงสาวก็รีบเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยความหัวเสียทันที อย่าหวังเลยว่าเธอจะใส่ใจเรื่องสัญญาพรรค์นั้น
“จะรีบออกไปไหนหรือคะท่านหญิง?” ฮากิที่กำลังนั่งจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่นั้นรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าผู้นำตระกูลดูมีท่าทางโมโหอย่างเห็นได้ชัด
“ออกไปข้างนอกหน่อยน่ะ แล้วก็อย่าให้คนในตระกูลไปตามฉันเด็ดขาดนะคะป้า”
 
          อายากะเดินไปตามถนนหนทางของหมู่บ้านโคโนฮะอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าวันนี้จะทำอะไรดี ยังไงซะก็ต้องหาที่ระบายอารมณ์โมโหนี้ให้ได้เลย ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็เธอกลัวเสียเหลือเกินว่าบ้านของตระกูลจะพังด้วยน้ำมือของเธอเอง
“สวัสดีครับคุณอายากะ” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้เธอหยุดเดินแทบจะทันที
“อ้าวสวัสดีค่ะ มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?” จากอารมณ์บูดเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสทันที ก็แหงล่ะใครจะอยากให้หนุ่ม ๆ เห็นเธอหน้าบูดเป็นตูดลิงอย่างเมื่อกี้กันเล่า
“อะ…เอ่อคือว่า คือว่า”
“คือว่า?” ถามทวนอีกครั้งด้วยความสงสัย
“คือว่าช่วยรับดอกไม้ช่อนี้ด้วยครับ!” ชายหนุ่มที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นจูนินยื่นช่อดอกกุหลาบให้เธอด้วยความเขินอาย
“ขอบคุณค่ะ” รีบรับมาทันทีพร้อมกับส่งยิ้มให้หนุ่มจูนินคนนั้น
“ยะ…อย่ายิ้มแบบนี้สิครับ!” หนุ่มคนนั้นตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง
“เอ๋? ทำไมยิ้มไม่ได้ล่ะคะ?”
“ก็คือว่า…ผมเขินยังไงเล่า!” พูดจบเขาก็รีบวิ่งออกไปทันที
“อะไรของหมอนี่กันนะ แหมเรานี่ก็เสน่ห์แรงไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย โฮ๊ะ ๆ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ให้กับตัวเองอีกครั้ง ตอนนี้อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง
“แหม ๆ อาเจ๊ เสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ เลยนะนี่” เสียงอันคุ้นหูของเจ้าเด็กผมเหลืองนามว่านารุโตะเอ่ยขัดขึ้นมาทำลายความสุขของอายากะแทบจะทันที
“แล้วมันทำไมล่ะยะ! อิจฉาฉันละเซ่เจ้าเด็กแก่แดด” เธอพูดพร้อมกับถือช่อดอกไม้ขึ้นมาดม
“ผมน่ะจะอิจฉาทำไมเล่า แค่มีซากุระจังอยู่ในทีมด้วยผมก็รู้สึกหล่อแล้วอะนะ ว่าแต่อาเจ๊เถอะชอบพี่ชายคนเมื่อกี้รึไงถึงได้เอาแต่ยิ้มและดมช่อดอกกุหลาบอยู่ได้” นารุโตะเกาหัวด้วยความสงสัย
“หลงตัวเองจริง ๆ เลยนายเนี่ย ไม่ได้ชอบหรอกแต่ก็แบบว่าของฟรีเขาให้มาฉันก็รับไว้น่ะสิและอีกอย่างนึงมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าฉันน่ะสวยและเสน่ห์แรง”
“เมื่อกี้อาเจ๊เพิ่งว่าให้ผมหลงตัวเองไม่ใช่รึไง คนแก่นี่เข้าใจยากจริง ๆ!” นารุโตะยังคงเถียงด้วยความไม่เข้าใจ
“หน็อยแน่ นายหาว่าฉันแก่งั้นเหรอยะเจ้านารุโตะ! เจอบาทากระทืบมารหน่อยเป็นไง!” นารุโตะยังไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไรตอนนี้ตัวเขาเองก็กลมกลืนไปกับพื้นถนนเรียบร้อยแล้ว
“แหมแกล้งเด็กอีกแล้วนะเพื่อนต่างวัย” เก็นมะและไรโดที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีรีบช่วยดึงตัวนารุโตะขึ้นมาจากพื้นถนน
“ก็เจ้าเด็กบ้านี่พูดจากวนประสาทฉันนี่นาช่วยไม่ได้!”
“เอาน่าอายากะ ไม่เจอกันนานเลยนี่เย็นนี้พวกเราพอจะมีเวลาว่าง ไปกินเนื้อย่างด้วยกันดีกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย” ไรโดเอ่ยขึ้น
“แหม ถ้าเป็นเรื่องกินแบบนี้ฉันค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย งั้นเจอกันตอนเย็นนะไปล่ะ”
“เฮ้ เดี๋ยวสิอาเจ๊กลับมารับผิดชอบผมเดี๋ยวนี้เลยนะ โธ่เว้ยอาซิ้มเอ้ย!”
“ว่า-ยัง-ไง-นะ!” น้ำเสียงอันเหี้ยมโหดของอายากะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงหมัดกระทบกับศีรษะของเด็กหนุ่มอย่างจัง จนคนถูกมะเหงกถึงกับน้ำตาเล็ดกันเลยทีเดียว
“ยายเจ๊โหดนี่ก็เป็นแบบนี้แหละน่าอย่าพูดอะไรขัดหูเชียวนะนารุโตะ” เก็นมะพูดขึ้นมาก่อนที่เขากับไรโดจะเดินออกไปจากตรงนั้นทิ้งให้นารุโตะยืนคลำศีรษะด้วยความเจ็บปวด
 
          ภายในร้านเนื้อย่างอันเป็นร้านประจำที่แก๊งค์ต่างวัยมักจะนัดมารวมตัวกันตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่เป็นโชคดีของกลุ่มที่เก็นมะได้มาจองไว้ก่อนจึงไม่มีปัญหาในการหาที่นั่ง
“คิดว่าจะไม่ได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาซะแล้วสิ” อายากะเป็นคนเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาขณะที่เพื่อนต่างวัยของเธอทั้งสามคนกำลังปิ้งเนื้อย่างด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ก็เธอน่ะไปทำภารกิจที่ชายแดนตั้งสองเดือนนี่ยะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีสัญลักษณ์เขี้ยวสีแดงตรงแก้มซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันได้ว่าหล่อนมาจากตระกูลอินุซึกะตอบอายากะแทบจะทันที
“ต้องโทษยายป้าซึนาเดะที่มอบภารกิจอะไรก็ไม่รู้ให้” อายากะคีบเนื้อย่างเข้าปากพร้อมกับเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยก่อนที่จะเอ่ยกับชาวแก๊งค์ต่างวัยต่อ “นี่ไรโดไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุยเยอะแยะยังไงล่ะยะ ไหงมาทำเป็นเงียบไม่พูดไม่จาแบบนี้!”
          ไรโดหันไปสบตากับอินุซึกะ ฮานะเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะตัดสินใจบอกอะไรบางอย่างกับน้องเล็กสุดในกลุ่มอย่างอายากะ
“หา…คบกันแล้วอย่างนั้นเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะยะ เหมือนกับไปอยู่หลังเขามาเป็นชาติ!” สาวเจ้าบ่นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เมื่อได้รู้ว่าไรโดกับฮานะที่แอบชอบกันมาตั้งนานนั้นตัดสินใจคบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ก็เธอไปทำภารกิจเป็นเดือน ๆ จะรู้ได้ยังไงกันเล่า!” เก็นมะแย้งขึ้นมา
“หน็อยสงบเสงี่ยมหน่อยนะยะ เรื่องของนายกับยูกิฉันจะไม่ยอมช่วยนะขอบอกไว้ก่อน” อายากะมองเพื่อนต่างวัยด้วยสายตาที่เหนือกว่า
“เออก็ได้ ๆ ฉันจะสงบปากสงบคำ” เก็นมะยอมเงียบแต่โดยดีเพราะถูกอายากะยกเอาเรื่องของยูกิเพื่อนที่เคยสังกัดทีมเดียวกับเธอเข้ามาขู่
“อะ…อ้าวฉันนึกว่าเจ้าเก็นมะรุกจีบยูกิแล้วซะอีก แหมช้าอย่างกับหอยทากระวังเถอะนะนายจะได้กินแห้ว” ฮานะยิ้มล้อเลียน
“ก็ใครมันจะไปไวไฟอย่างพวกนายกันล่ะ” ชายหนุ่มผู้คาบเข็มเอ่ยขึ้นมาด้วยความน้อยใจ ถ้าหากเขากล้าที่จะเข้าไปทักทายยูกิทุกวันล่ะก็คงจะ…คิดแล้วก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมาอย่างเสียมิได้
“โอ้โหหน้าแดงเชียวนะ อย่าบอกนะว่ากำลังคิดเรื่องลากมกจกเปรตอยู่น่ะ” อายากะคีบชิ้นเนื้อยัดเข้าปากเก็นมะแทบจะทันที
“อะ…อ่าวอ้ะ อั้นไอ่ไอ้อิ้ดอ้ะอ่อย” (ปะ…เปล่านะ ฉันไม่ได้คิดซะหน่อย)
“พอได้แล้วน่าทั้งสองคนเลย…ว่าแต่เธอเถอะอายากะ ไม่ได้แอบปิ๊งใครเลยรึไง?” ไรโดรีบถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“ก็ไม่ได้ปิ๊งใครนี่แต่ว่านะคนสวยหน้าตาดีอย่างฉันน่ะมีแต่คนจะมาปิ๊งซะมากกว่าน่ะสิ วันนี้ก็เพิ่งได้ดอกไม้จากจูนินหนุ่มไปเอง ฮิฮิ” หญิงสาวตอบด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมกับคีบเนื้อย่างเข้าปากอย่างสบายใจ
“งั้นเหรอแต่ฉันว่านะ เธออายุก็ปาไปยี่สิบเอ็ดแล้วนี่ควรจะหาแฟนได้ซักที ดูอย่างฉันกับไรโดสิกว่าจะลงเอยกันได้ก็นานอยู่นา อย่าไปเอาอย่างเจ้าเก็นมะล่ะ ดีไม่ดีคงจะได้โสดไปตลอดชีวิต” พูดจบฮานะก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความชอบใจที่สามารถแหย่คนโสดอย่างเพื่อนทั้งสองได้สำเร็จ เก็นมะหันหน้าไปอีกทางส่วนอายากะนั้นหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด
“เออไอ้เรื่องนั้นน่ะจะว่ามีมันก็มีอยู่หรอกแต่ฉันก็ไม่ยักจะสนใจ…เรื่องงี่เง่าน่ะ”
“เอ๋เรื่องงี่เง่างั้นเหรอ เล่ามาสิ” หญิงสาวจากตระกูลอินุซึกะยังคงอยากรู้เพราะสังเกตจากท่าทางของเพื่อนซี้ในวันนี้แล้วดูท่าทางจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
“ก็วันนี้มีจดหมายมาถึงฉัน เจ้าหมอนั่นน่ะ เอ่อเขาชื่อเรียวอิจิเขียนมาบอกว่าอยากคุยกับฉันเป็นการส่วนตัวเรื่องสินค้า” อายากะเว้นไว้เพียงแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดต่อเพราะอายที่จะต้องเล่าเรื่องแบบนี้
“แล้วยังไงต่อล่ะ เล่ามาให้หมดสิอาซิ้…” เก็นมะที่กำลังจะพูดว่าอาซิ้มต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของอายากะ ตอนนี้ท้องไส้เขาปั่นป่วนไปหมดเพียงแค่นึกถึงตอนที่เห็นนารุโตะโดนฤทธิ์บาทากระทืบมารเล่นงานเขาก็รีบหุบปากโดยอัตโนมัติ
“มันไม่ได้มีแค่นั้นน่ะสิ หมอนั่นต้องการคุยเรื่องสัญญาในอดีตที่ท่านพ่อทำไว้ให้เราสองคนแต่งงานกัน!”
“อ้อเป็นแบบนี้นี่เองมิน่าล่ะ วันนี้เธอถึงดูไม่ค่อยสบอารมณ์กับทุก ๆ เรื่อง” ไรโดพูด
“แต่ก็ยกเว้นเรื่องที่มีหนุ่ม ๆ หอบช่อดอกไม้มาให้ล่ะนะ” ฮานะ
“เออรู้ใจฉันซะจริง ๆ นะพวกนายเนี่ย”
“แล้วเธอจะยอมรับสัญญานั้นเหรอ?” ชายหนุ่มผู้คาบเข็มถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ฝันไปเถอะย่ะ! เรื่องอะไรฉันจะยอมกันล่ะยะ สัญญางี่เง่าพวกนี้น่ะฉันจะฉีกทิ้งให้หมดเลยคอยดู!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา