{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story
เขียนโดย LadyTyrell
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
24) You never know (second)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"แย่ล่ะสิพรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด...ไม่งั้นพวกนั้นไหวตัวทันแน่"
คาคาชิตัดใจหยุดอ่านนิยาย18+ สุดโปรดของตัวเองพร้อมกับวางลงไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอนก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟ
ตัวป่วนประจำทีมพาตัวเองมาอยู่ที่ระเบียงห้องพักของหัวหน้าทีมได้อย่างง่ายดายเพราะก่อนออกจากห้องเธอแปลงร่างเป็นนก ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคาคาชิจับได้โทษฐานที่แอบบุกรุก
"ทั้งมืดทั้งเงียบแบบนี้ตาแก่ลามกนั่นต้องหลับไปแล้วแน่ ๆ เลย" ยิ้มมุมปากด้วยความพอใจก่อนที่จะค่อย ๆ แปลงร่างเป็นมดเพื่อลอดเข้าไปในห้องทางช่องเล็ก ๆ ของประตู
ร่างของฟูจิวาระ อายากะปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอแอบเข้ามาคลายคาถาในห้องน้ำที่อยู่ห่างจากเตียงนอนพอสมควร หวังว่าคาคาชิจะหลับลึกจนไม่รู้ตัว
"เอาล่ะ! คราวนี้ก็เริ่มแผน!"
เท้าเรียวค่อย ๆ ลงน้ำหนักและก้าวเข้าไปหาคนที่นอนบนเตียงด้วยความเบา เมื่อชะโงกหน้าดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเขาหลับสนิทไปแล้ว คราวนี้แหละจะได้รู้กันซักทีว่าภายใต้ผ้าคาดปากนั่นจะเป็นยังไง!
มือเล็กพยายามเอื้อมไปให้ถึงเป้าหมายเตรียมพร้อมเพื่อที่จะเปิดออกแต่แผนก็ดันล่มไม่เป็นท่าเมื่อเธอถูกมือหนาของหัวหน้าทีมรวบเข้าที่ข้อมือพร้อมกับพลิกร่างเธอให้ติดอยู่กับเตียงแทน
"ว่าแล้วเชียว" น้ำเสียงอันเบื่อหน่ายกระซิบอยู่ข้างหูทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกจั๊กจี้อยู่ไม่น้อย
"หน็อย! ปล่อยฉันนะยะตาแก่ลามก!" เธอถลึงตาใส่เขาในความมืด
"เธอคิดจะมาทำอะไรในห้องฉันดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ยายเจ๊โหดลามก"
"ก็แค่จะมาถามว่าพรุ่งนี้ออกเดินทางกี่โมงยังไงล่ะ! เดี๋ยวนะ...ฉันไม่ได้ลามกเฟ้ย!" คิดแล้วก็อยากจะอัดเจ้าหมอนี่ให้ฟันร่วงนัก กล้าดียังไงมาหาว่าเธอลามก!
"งั้นเหรอ...ถ้างั้นทำไมไม่เคาะห้องดี ๆ ล่ะ?"
"ปั๊ดโธ่...ฉันกะจะลองวิชาใหม่ยังไงเล่า!" พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเพราะกลัวถูกจับพิรุธได้แต่มีหรือที่คาคาชิจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง
"นี่...ถ้าอยากเห็นน่ะ ฉันเปิดให้ดูก็ได้นะ"
"จริงเหรอ!?" อายากะตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา
“นั่นไง…เป็นไปตามที่คิดไว้ไม่มีผิดเฮ้อ…” เขาถอนหายใจก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ
ดวงตาอันคมกริบจ้องมองผู้บุกรุกที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงด้วยความคาดโทษ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดเลย ออกปฏิบัติภารกิจกับยายนี่ทีไรแล้วมีแต่เรื่องให้ปวดหัวถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ตาม
“นี่ ๆ นายบอกแล้วนะว่าจะเปิดให้ดู” คนที่สมควรจะรู้สึกผิดกลับยิ้มแป้นอย่างมีความสุขเมื่อไม่ต้องดิ้นรนทำตามแผนที่วางไว้
“อา…ได้สิแต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“หมายความว่ายังไงกันยะ!? ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปมทำให้เจ้าของห้องชั่วคราวอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ก็หมายความตามนั้นนั่นแหละน่า…ว่าไงล่ะ? เธออยากจะเห็นไม่ใช่หรือไง”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่านายจะยื่นข้อเสนออะไรให้ฉัน…ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่ไม่เข้าท่าล่ะก็ ฝันไปเถอะย่ะ!”
“แต่งงานกับฉันสิ!” ดวงตาอันคมกริบยังคงจ้องมองผู้บุกรุกราวกับจะแสกนทั่วทั้งร่าง
“จะบ้าเหรอยะ! หน็อยพูดอะไรออกมาน่ะหา!” อายากะชูกำปั้นขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปอัดคนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหน้าแต่หัวใจก็ต้องหยุดเต้นโครมครามเมื่อคาคาชิหัวเราะเบา ๆ
“ฉันล้อเล่นหรอกน่า…ข้อแลกเปลี่ยนก็คือหลังจบภารกิจไปกินข้าวเย็นกันมั้ย? แต่เธอจ่ายนะ”
“ตกลง! เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋วน่า ตอนนี้นายก็เปิดให้ฉันดูได้แล้ว” อายากะจ้องหน้าของคาคาชิจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า
ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ยายนี่สติดีอยู่รึเปล่า กะอีแค่อยากจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาถึงกับต้องยอมลงทุนตอบตกลงไปกินข้าวเย็นกับเขาขนาดนั้นเชียวเหรอ ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นยื่นข้อเสนอแบบนี้ก็คงจะตอบตกลงกับเขาไปทั่วสินะ คิดแล้วก็อดแปลกใจในความกล้าบ้าบิ่นของอายากะไม่ได้
“เอาล่ะ…ฉันจะเปิดละน้า” มือหนาเลื่อนไปจับผ้าคาดปากเตรียมพร้อมที่จะเปิดแต่ก็ต้องหยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้นเพราะเสียงเคาะประตูห้องดังรัวขึ้น
ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ “เฮ้…คาคาชิเปิดประตูที” เสียงของชิรานุอิ เก็นมะดังขึ้นอยู่หน้าห้องทำให้โจนินทั้งสองที่อยู่ในห้องต้องรีบหาที่หลบซ่อน
“เธอรีบกลับห้องไปก่อน ถ้าเจ้าเก็นมะเห็นล่ะก็…เรื่องได้ยาวไปถึงชาติหน้าแน่ ๆ”
“เออรู้แล้วน่าจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“เฮ้นี่มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะ ยังจะเปิดช้าอีก ฉันจะพังเข้าไปแล้วนะ!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเตรียมพร้อมที่จะถีบประตูห้องพักของคาคาชิเข้าไป
โจนินผมเงินไม่รู้จะทำยังไงดีถ้าเกิดว่าเก็นมะพังประตูเข้ามารับรองว่าเขาต้องทันได้เห็นอายากะอยู่ในห้องแน่ ๆ มือหนารีบดึงหล่อนให้ลุกจากเตียงพร้อมกับพาไปแอบอยู่หลังประตูห้อง ถ้าอย่างน้อยเก็นมะเปิดเข้ามาก็คงพอจะบังร่างบางไว้ได้และหลังจากนั้นค่อยหาทางออกไปโดยที่เก็นมะไม่สามารถจับสังเกต
“นี่…” ยังไม่ทันจะพูดอะไรอายากะก็ถูกฝ่ามือของหัวหน้าทีมอุดปากไว้เป็นเชิงว่าให้หยุดพูด
“จะเปิดเดี๋ยวนี้แหละน่า…” คาคาชิตะโกนกลับทั้งที่มือข้างซ้ายยังคงปิดปากอายากะไว้ส่วนข้างขวานั้นใช้ดันประตูห้อง
เขาค่อย ๆ ดึงมือที่ปิดปากอายากะออก เมื่อเจ้าหล่อนเป็นอิสระจึงหันหน้ามาเผชิญกับเขาเตรียมพร้อมที่จะเปิดฉากสงครามน้ำลายแต่ก็ต้องหยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้นเมื่อคาคาชิเอื้อมมือไปปลดล็อกให้เก็นมะเข้ามาข้างใน
“ให้มันได้งี้สิกว่าจะยอมเปิดประตูให้ฉัน…แอบซุกใครไว้ในห้องรึเปล่า” ชิรานุอิ เก็นมะผลักประตูเข้ามาข้างในด้วยความรวดเร็วและรุนแรง
แรงผลักของเก็นมะนั้นทำให้ร่างสูงของโจนินผมเงินที่ยืนแอบอยู่หลังประตูคะมำเข้าหาร่างบางของหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว
“อุ๊บ…!” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากของเขาและเธอสัมผัสกัน
‘ให้ตายสิ!’ คาคาชิก็ตกใจไม่แพ้กันเขาจึงรีบถอนริมฝีปากออกหลังจากพากันช็อกไปสามสิบวินาที
“มาอยู่ทำไมตรงนี้เนี่ย…” เก็นมะเปิดประตูออกอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรุ่นยืนอุ้มแมวน้อยสีเทาอยู่หลังประตู
“เจ้าแมวนี่มันแอบเข้ามาในห้องฉันน่ะ ตามจับอยู่นานเลยโทษที ๆ ว่าแต่มีอะไรเหรอ?”
“เราต้องรีบไปกันแล้ว…เจ้าพวกนั้นน่ะรู้แล้วว่าคาซึกิถูกลอบฆ่า ตอนนี้พวกมันกำลังตามจับคนลงมือ”
“กะว่าจะออกเดินทางเช้ามืด…คงไม่ได้แล้วสินะ งั้นนายรีบไปเก็บของเถอะ”
“แล้วนี่กะจะไม่บอกอาเจ๊หน้าหนาเลยรึไง?”
“เดี๋ยวเรื่องนั้นฉันจัดการให้เอง…ตอนนี้คงกำลังนอนหลับน้ำลายยืดอยู่มั้ง” ว่าจบแมวน้อยสีเทาที่อยู่ในอ้อมกอดก็กระโดดออกจากวงแขนของเขาพร้อมกับพยายามใช้กรงเล็บข่วนตรงข้อเท้าของคาคาชิ
“ใช่จริง ๆ ด้วย…เป็นฝีมือของพวกโคโนฮะ” หญิงสาวผมดำเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังหลับตาสื่อสารทางจิตกับสัตว์อัญเชิญของหล่อน
“ถึงแม้ว่าจะหมดหน้าที่คุ้มกันเจ้าคาซึกินั่นแล้วแต่ฉันรู้สึกคันไม้คันมืออยากจัดการเจ้าพวกโคโนฮะให้สิ้นซาก” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
“นายไม่คิดจะพักผ่อนเลยรึไงโรคุ?” ชายหนุ่มตัวเล็กอีกคนพูดขึ้นมา
“จะทำยังไงก็ตัดสินใจมาตอนนี้เลยเถอะน่าพวกนาย…จะบอกว่าหนึ่งในนั้นมีเจ้าคาคาชิ เนตรวงแหวนด้วยระวังตัวให้ดีล่ะ” ซาโตมิหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในทีมเอ่ยออกมาด้วยความกังวลแล้วไหนจะยายผมส้มคนตระกูลฟูจิวาระนั่นอีก
บรรยากาศการเดินทางเริ่มแปลกไปเมื่อทั้งสามออกมาจากเขตเมืองหลวงของมิซึโนะคุนิ อายากะรับรู้ได้ถึงเรื่องวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้เช่นเดียวกันกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนของเธอ
“ระวังตัวกันด้วยนะพวกนายฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย!” หล่อนตะโกนด้วยความดังขณะที่กำลังไล่ตามเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน
“เออ” เก็นมะหันมาตอบรับส่วนหัวหน้าทีมที่นำอยู่ข้างหน้าสุดเพียงแค่หันมาสบตากับเธอแต่เพียงเท่านั้นแล้วจึงหันกลับไปโฟกัสกับการเดินทางต่อ
การมุ่งหน้าไปทางใต้ของแคว้นมิซึโนะคุนิกำลังมาถึงกลางทางแล้วแต่ความรู้สึกของโจนินทั้งสามคนก็ยังมีความรู้สึกว่ายังคงจะมีเรื่องเกิดขึ้นอยู่ถึงแม้เวลาจะผ่านมาสองวันแล้วก็ตาม
“พวกนั้นหยุดพักกันแล้วจะลุยเลยมั้ย?” ซาโตมินินจาสาวของหมู่บ้านคุโมะงาคุเระเอ่ยขึ้นหลังจากหล่อนทำการสื่อสารกับสัตว์อัญเชิญที่ส่งให้ติดตามทีมของคาคาชิไป
“อีกสิบห้านาทีเตรียมตัวถล่มเจ้าพวกนั้นได้เลย” นินจาหนุ่มที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มอย่างโรคุเอ่ยขึ้นมาขณะที่กำลังลับใบดาบอันคมกริบของตัวเอง
“พวกมันมีอะไรให้เราปล้นได้บ้างน้า” ชายหนุ่มที่นอนพิงต้นไม้เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อจะได้เปิดฉากปะทะกับพวกโคโนฮะ บางทีพวกนั้นอาจจะมีอะไรให้เขาปล้นมาไว้เป็นของตัวเองก็เป็นได้
“นายก็เอาแต่คิดเรื่องปล้นตลอดเวลาเลยนะมิคิโอะ…ไม่เบื่อบ้างรึไงกัน” หญิงสาวผมสีดำขลับยกพัดเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาพัดเพื่อคลายร้อนก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมกลุ่มอีกครั้งเมื่อชายตัวใหญ่สุดของกลุ่มลุกขึ้นยืนราวกับเป็นสัญญาณว่าได้เวลาบุกแล้ว
เสียงของประกายไฟที่กำลังแผดเผากิ่งไม้ลั่นดังเปรี๊ยะเมื่อมันลุกโชนจนถึงขีดสุด บรรยายกาศยามดึกเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นเหตุทำให้โจนินทั้งสามพากันขยับเข้าใกล้กองไฟมากกว่าเดิม คิ้วสวยของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในทีมขมวดมุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรง เธอสบตากับเพื่อนร่วมทีมของเธอทั้งสองคนเป็นอันว่าเตรียมตั้งรับกับการจู่โจม
“คุกอสรพิษ!” เสียงของชายหนุ่มผู้มีนามว่ามิคิโอะเอ่ยขึ้นด้วยพลังอันหนักแน่นพร้อมกันนั้นลำแสงสีม่วงก็พวยพุ่งออกมารอบ ๆ สถานที่ที่โจนินทั้งสามเลือกไว้เป็นที่พัก
“เวรเอ้ย! พวกนี้เป็นใครกัน” อายากะสบถออกมาด้วยความหัวเสียเมื่อไม่มีเวลาจะให้หล่อนหนีออกไปได้
“พวกนินจาถอนตัวที่คุ้มกันคาซึกิ” ชิรานุอิ เก็นมะหันมาตอบเพื่อนสนิทรุ่นน้องด้วยความรวดเร็ว
“พวกเราออกจากที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ” คาคาชิเอ่ยขึ้น
“ฮ่า ๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่เจอวิชาคุกอสรพิษของฉันรับรองได้เลยว่าหนีไม่รอดทุกรายนั่นละ…ว่าแต่มีอะไรให้ฉันปล้นได้บ้างน้า” ชายหนุ่มเจ้าของวิชาคุกอสรพิษยืนอยู่บนกิ่งไม้มองนินจาจากโคโนฮะทั้งสามคนที่ถูกเขาขังไว้
“หุบปากไปน่า…แน่จริงก็ปล่อยฉันแล้วออกมาสู้กันตัวต่อตัวสิยะ!” โจนินสาวผมส้มตะโกนลั่น
“ฝันไปเถอะย่ะ หมอนี่น่ะไม่มีทางปล่อยหล่อนหรอกยายเด็กฟูจิวาระ!” เสียงศัตรูคนที่สองดังขึ้นมาพร้อมกับร่างบางที่ปรากฏต่อหน้าของคนทั้งสาม
“อยู่นิ่ง ๆ ให้พวกเราถล่มซะ!” โรคุปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังของซาโตมิแทบจะทันที
‘เราจะแปลงร่างเป็นอย่างอื่นออกไปไม่ได้นอกจากแปลงเป็นสัตว์ชนิดเดียวกับอสรพิษพวกนี้’ ฟูจิวาระ อายากะคิดในใจก่อนที่จะเตรียมตัวประสานอิน
บึ้ม! เสียงระเบิดพร้อมควันสีขาวพวยพุ่งออกมาคลุมโจนินทั้งสามคนหลังจากที่อายากะส่งซิกให้เก็นมะใช้ระเบิดควันเพื่ออำพรางตอนที่เธอใช้วิชา
งูสีขาวทั้งสามตัวเลื้อยออกจากคุกของมิคิโอะด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่ถูกอสรพิษพวกเดียวกันทำร้าย
“คิดว่าจะหนีออกไปได้งั้นเหรอ!” หนึ่งในสามนินจาถอนตัวตะโกนขึ้นเมื่อควันสีขาวจางลงแต่ก็กลับพบว่าเป้าหมายทั้งสามยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ บอกแล้วไงว่ายังไงพวกแกก็ออกไปจากคุกของฉันไม่ได้หรอก!”
“มันก็ไม่แน่…” ความเย็นเฉียบของคมมีดคุไนจ่อตรงคอหอยของมิคิโอะโดยฝีมือของฮาตาเกะ คาคาชิที่เพิ่งจะคืนร่างกลับมาเป็นตัวเองเมื่อหนึ่งนาทีที่ผ่านมา
“ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน!” เจ้าของวิชาคุกอสรพิษเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อวิชาที่เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถหนีออกไปได้นั้นกลับมีคนทำได้
“พวกแกลืมไปแล้วรึไงว่ามีฉันอยู่ที่นี่ทั้งคน!” ฟูจิวาระ อายากะ ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าของซาโตมิเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ
“ปากกล้าดีนะยะยายเด็กนี่!”
“ขอบคุณนะคะป้าที่ชมว่าฉันหน้าเด็ก!” โจนินสาวยิ้มเยาะก่อนที่จะถูกฝ่ายนั้นใช้พัดปล่อยเข็มพิษออกมาแต่ก็ถูกอายากะใช้คุไนปัดป้องออกไปได้
การต่อสู้ของอายากะและซาโตมิเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อฝ่ายซาโตมิซัดคาถาลมกรดใส่คู่ต่อสู้ด้วยความรวดเร็ว
“ยายบ้านี่ใช้คาถาลม…เราเข้าประชิดตัวไม่ได้เลยฮึ่ม!” อายากะพึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับหันไปมองเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนที่กำลงต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือด
“คาถาพัดพันเล่ม!” พัดนับพันเล่มพวยพุ่งออกจากพัดตัวจริงพร้อมกับลอยมุ่งหน้าตรงมายังโจนินสาวด้วยความรวดเร็ว พัดที่ถูกส่งออกมานั้นรวมกันแปลงรูปเป็นพัดที่ใหญ่กว่าเดิม
สายลมโหมกระพรือรอบตัวอายากะ ร่างของเธอกำลังลอยขึ้นด้วยฝีมือของคาถาพัดพันเล่มของซาโตมิ ร่างบางถูกพัดให้ลอยขึ้นไปเท่า ๆ กับกิ่งไม้
“เอาล่ะคราวนี้ก็จะถึงเวลาตายของแกซะที” เสียงอันเหี้ยมโหดถูกเปล่งออกมา เจ้าของคาถาเตรียมท่าประสานอินวิชาหอกลมด้วยความรวดเร็ว
หญิงสาวผู้ที่กำลังถูกตรึงด้วยคาถาพัดพันเล่มกำลังพยายามตั้งสติอย่างหนักหน่วง เมื่อไม่สามารถประสานอินได้ตามใจชอบก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พวกคาคาชิและเก็นมะก็กำลังต่อสู้อยู่กับเจ้าพวกนั้นอยู่ด้วยคงไม่มีใครมาช่วยเธอได้ ดังนั้นคงจะต้องใช้วิชาลับของตระกูล
หอกลมที่ถูกแปลงรูปร่างโดยพัดของซาโตมิพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและมันกำลังพุ่งตรงไปยังลูกทีมจอมป่วนของเขา คาคาชิสังเกตเห็นได้แทบจะทันที เขาจึงไม่รอช้ารีบหยุดการต่อสู้ของตัวเองพร้อมกับพุ่งเข้าไปทางรัศมีของหอกลมด้วยความรวดเร็ว
เท้าเรียวของอายากะค่อย ๆ สลายกลายเป็นผุยผงเมื่อหล่อนตั้งสมาธิและรีดเร้นจักระมาเพื่อใช้วิชาปลดพันธนาการที่แตกต่างจากวิชาพื้นฐานอย่างคลายพันธนาการเพราะวิชาปลดพันธนาการสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์อย่างเช่นการถูกล้อมโดยศัตรูหรือการถูกขังไว้ในคุกที่ศัตรูเป็นผู้สร้างขึ้นซึ่งต่างจากวิชาคลายพันธนาการที่สามารถใช้ได้เฉพาะคลายเชือกที่มัดติดกับตัวเท่านั้น
“เร็ว ๆ ซี่หอกนั่นกำลังจะถึงตัวฉันอยู่แล้วนะ!” เธอตะโกนออกมาด้วยความขัดใจเมื่อตอนนี้ร่างของเธอเริ่มสลายลามมาถึงแค่เอวบางเท่านั้น
ฉึก! เสียงหอกลมดังขึ้นพร้อมกับเลือดสีแดงเข้มที่สาดกระจายทั่วบริเวณ โจนินสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะคนที่รับเคราะห์แทนเธอไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นหัวหน้าทีมของเธอเอง อยากจะถลาเข้าไปรับร่างที่กำลังร่วงลงพื้นไว้แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากอีกเพียงแค่นิดเดียวร่างของเธอจะสลายและแวบไปอยู่ที่อื่นแทน ในใจพร่ำภาวนาขอให้ร่างที่กำลังร่วงลงไปนั้นเป็นเพียงแค่ร่างแยก
ตุ้บ! ร่างของฮาตาเกะ คาคาชิที่ถูกหอกลมของซาโตมิแทงร่วงลงถึงพื้นพอดีกับที่อายากะใช้วิชาปลดพันธนาการสำเร็จ ร่างของเธอแวบมาอยู่ข้าง ๆ เขาโดยอัตโนมัติและสิ่งที่เธอภาวนาไว้ก็ไม่เป็นผล…นี่ไม่ใช่ร่างแยกที่เขามักจะใช้บ่อย ๆ แต่มันคือร่างจริง!
“อะไรกันเนี่ยโธ่เว้ย! จะพุ่งมารับทำไมกัน ปลดพันธนาการของฉันจะสำเร็จแล้วแท้ ๆ!” เธอโพล่งออกมาด้วยความโมโห
“เจ้าเก็นมะทางนั้นเป็นยังไงบ้าง!” รีบตะโกนถามเพื่อนสนิทออกไปทันทีเผื่อว่าเก็นมะจัดการเสร็จอาจจะมาช่วยได้
“หนักเอาการเลยล่ะ…เธอรีบพาคาคาชิหนีไปก่อนเร็วแล้วเดี๋ยวฉันจะหาทางตามไป!”
ไม่นะ… เธอรู้สึกว่าไม่อยากได้ยินคำคำนี้อีกแล้ว ‘จะหาทางตามไป’ ใครพูดคำนี้กับเธอทีไรมีอันต้องตามมาไม่ถึงตลอดเวลา
“นี่ตาแก่ลามกอย่าตายนะ!...ลืมตาปรือ ๆ ของนายขึ้นมาซี่!” โจนินสาวเขย่าร่างของหัวหน้าทีมด้วยความบ้าคลั่ง หมอนี่ชอบหาว่าเธอทำตัวป่วน เขาก็เหมือนกันนั่นแหละ…
“ฉันยังไม่ได้อัดนายให้หายแค้นกับเรื่องที่เกิดในห้องเลยนะยะ ตื่นมารับหมัดของฉันเดี๋ยวนี้!”
“เออ…ฉันจะพยายาม…” เขาพยายามลืมตาอย่างหนักหน่วง อย่างน้อยลูกทีมจอมป่วนก็ปลอดภัยดี
“ไม่มีคำว่าพยายามแต่นายต้องทำเข้าใจมั้ย…แล้วคราวหน้าก็อย่ามารับเคราะห์แทนฉันอีกล่ะ!” ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ตอนนี้อย่างน้อยคนที่นอนอยู่กับพื้นก็สามารถสื่อสารกับเธอได้บ้าง
“เธอ…ไม่รู้อะไรหรอก” เขาพูดละไว้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะหลับตาไปอีกครั้ง
หญิงสาวกัดปากด้วยความชั่งใจเพราะคิดได้ว่าควรจะต้องใช้คาถาแปลงร่างเป็นนินจาแพทย์คนใดคนหนึ่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของคาคาชิให้ทุเลาลงได้ก่อนแต่ถึงอย่างนั้นจักระของเธอก็หมดไปกับการใช้คาถาปลดพันธนาการอยู่มากโข ยังไงก็ตามตอนนี้ไม่มีเวลามากพอที่จะให้วางแผน มือเรียวยกขึ้นมาเตรียมตัวประสานอินแทบจะทันทีแต่ก็สายไปเพราะถูกเส้นลวดจากซาโตมิส่งมาพันธนาการรอบตัวจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
“ซึ้งกันพอรึยัง?” เสียงแหลมเล็กของเจ้าหล่อนดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับเสียงร่างของชายอีกคนกระโดดลงมาจากกิ่งไม้
“ขอเวลาฉันปล้นเจ้าหมอนี่ก่อนนะ…น่าเสียดายที่เนตรวงแหวนนี้ปล้นไม่ได้!” มิคิโอะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดายก่อนที่จะปลดกระเป๋าอาวุธของคาคาชิออก
“หมอนั่นน่ะ…ตายไปแล้วพวกนายจะเอาอะไรกับคนตายกันอีกล่ะหา!” อายากะตะโกนด่าทั้งสองด้วยความโมโห ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงพื้นจะยังมีชีวิตอยู่แต่การโกหกครั้งนี้ก็อาจจะพอช่วยเขาได้บ้าง
“นี่มิคิโอะ…ฉันคิดออกแล้วล่ะว่าจะส่งศพเจ้าหมอนี่ให้พวกโคโนฮะยังไง” ซาโตมิผุดยิ้มด้วยรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม
ร่างอันไร้สติของคาคาชิถูกพันธนาการด้วยลวดเส้นบางเช่นเดียวกับอายากะ เขาถูกอุ้มขึ้นพาดบ่าโดยฝีมือของมิคิโอะ
“หน็อยพวกแก…อย่าให้ฉันหลุดออกไปได้นะ ฉันจะฆ่าแกคนแรกเลยยายป้าหน้าโหด!” ร่างบางพยายามดิ้นขลุกขลักแต่ก็ไม่เป็นผล
“หุบปากสวย ๆ ของแกซะยายเด็กเมื่อวานซืน…แกได้ตายตามเจ้าหมอนั่นแน่ ๆ เอ้ามิคิโอะโยนมันลงน้ำไปซะขี้เกียจที่จะมองศพหมอนั่นแล้วล่ะ”
ตู้ม! เสียงร่างของคาคาชิที่กระทบกับผิวน้ำดังขึ้นเมื่อมิคิโอะโยนเขาลงไปในน้ำ
อายากะรู้สึกได้ถึงความเสียใจที่กำลังแล่นเข้าสู่ก้นบึ้งในหัวใจของเธอเอง เธอไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้เลยอย่างนั้นเหรอ… ทั้ง ๆ ที่เวลาออกปฏิบัติภารกิจกลับเป็นเขาตลอดเวลาที่ช่วยชีวิตเธอไว้เวลาเจอเรื่องที่เสี่ยงอันตราย
“ไอ้พวกกระจอกเอ้ย! ฉันจะบอกไว้ก่อนนะถึงฉันจะโดนมัดแต่ฉันก็ไม่ได้สิ้นลายอย่างที่พวกแกคิด!” หล่อนตะโกนออกมาด้วยความโมโหอีกครั้ง
“มิคิโอะ…” ซาโตมิพูดแต่เพียงเท่านั้น ร่างบางของโจนินสาวแห่งโคโนฮะก็ถูกชายหนุ่มร่างเล็กแบกขึ้นพาดบ่าพร้อมกับถูกโยนลงน้ำไปอย่างไม่ใยดี
“อะไรกัน…อาเจ๊หน้าหนา!” เก็นมะหันไปมองด้วยความตกใจ นี่เพื่อนร่วมทีมของเขาถูกสอยร่วงถึงสองคนแล้วอย่างนั้นเหรอ? แต่ยังไงก็ยังเชื่อว่าฝีมือร้ายกาจระดับอดีตหน่วยลับคงจะไม่สิ้นลายเพราะเจ้าพวกนินจาถอนตัวพวกนี้หรอก
“อย่าหันหลังให้คู่ต่อสู้ซี่…” น้ำเสียงเยาะเย้ยของโรคุดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้หันไปมองภาพอันสะเทือนตาสะเทือนใจ
“แกคงจะต้องถอนคำพูดแล้วล่ะเจ้ายักษ์ซื่อบื้อ” พูดจบแค่เพียงครั้งเดียวเข็มจากปากของชิรานุอิ เก็นมะก็พุ่งเข้าสู่จุดตายทางด้านหลังของโรคุด้วยความรวดเร็วจนชายร่างใหญ่ไม่รู้ตัว
“แก…กล้าดียังไงล้มเจ้ายักษ์นี่ได้!” มิคิโอะพุ่งตัวขึ้นมาเพื่อที่จะจัดการกับเก็นมะ
เพิ่งจะจัดการกับนินจาตัวยักษ์ไปได้หมาด ๆ ชิรานุอิ เก็นมะก็ต้องมาเจอศึกหนักโดยการต้องปะทะกับมิคิโอะผู้มีวิชาเรียกพวกสัตว์อสรพิษมาร่วมต่อสู้ด้วย ชายหนุ่มหนักใจไม่เบาแต่ก็พยายามงัดวิชาเด็ด ๆ ออกมาสู้อย่างเต็มที่หวังว่าอาเจ๊หน้าหนากับคาคาชิจะยังมีชีวิตอยู่
ร่างสูงที่ถูกพันธนาการค่อย ๆ จมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดเพราะตอนนี้รู้สึกชาและหนาวสะท้านไปทั้งตัว…หรือนี่อาจจะเป็นจุดจบของชีวิตเขาแล้วก็ได้ คาคาชิพยายามที่จะหลับตาลงอีกครั้งเพื่อที่จะเดินทางเข้าสู่โลกแห่งความตายถึงแม้ว่าครั้งนี้ทุกอย่างจะไม่ได้สมหวังตามที่เขาอยากให้เป็นแต่อย่างน้อยลูกทีมก็อยู่รอดปลอดภัยดีแบบนี้ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วหวังว่าเก็นมะและเจ้าหล่อนจะพากันกลับโคโนฮะด้วยความปลอดภัย ส่วนตัวเขาเองนั้นก็คงจะหมดลมหายใจอย่างช้า ๆ คิดแล้วก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้พูดอะไรบางอย่างออกไป…
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ