{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story
เขียนโดย LadyTyrell
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) Ayaka’s first kiss
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ความสามารถทางสายเลือดของตระกูลเธอง่ายต่อการพาลูกชายไดเมียวหนีออกมา ฉันจะดึงความสนใจจากพวกนั้นและรอคุ้มกันเธออยู่ข้างนอก” ชายหนุ่มพูดสรุปถึงแผนภารกิจพร้อมกับทอดสายตามองออกไปทางหน้าต่าง
อายากะพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่โซซิโร่สรุป “แต่ที่แน่ ๆ เรายังไม่รู้ว่าพวกนั้นมันเอาลูกของไดเมียวไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“หน่วยลับของซึนะโดนพวกมันปั่นหัวโดยการปล่อยข่าวมั่ว ๆ ออกมา” เขาหันมาพูดกับเธอด้วยท่าทางจริงจังพร้อมกับถอนหายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“งั้นเราควรจะใช้เวลาวันแรกเมื่อไปถึงที่นั่นเพื่อสืบหาเบาะแส บางทีฉันควรจะล่วงหน้าไปก่อนด้วยซ้ำอาจจะได้ข้อมูลอะไรดี ๆ”
“ฮ้าวว ง่วงจริง…ไปพร้อมกันนั่นแหละน่า เธอน่ะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ง่ายซะที่ไหนกันแค่เจอกันครั้งแรกยังอารมณ์ร้อนซะขนาดนี้” ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนที่จะขอตัวกลับไปพักผ่อนหลังจากที่จะพอสรุปแผนคร่าว ๆ และทำความรู้จักกับอายากะได้มากพอสมควร
“หน็อย! ถ้าไม่เห็นว่าพรุ่งนี้จะเริ่มภารกิจแล้วล่ะก็…ฉันไม่ปล่อยให้นายออกไปครบสามสิบสองแน่!”
“ทำไมจะปล้ำฉันเหรอ?” เขาทิ้งคำถามไว้เพียงแค่นั้นปล่อยให้ฝ่ายคนที่ยืนอยู่ในห้องเจ็บใจเล่น ๆ
อากาศยามกลางคืนของซึนะเย็นมากพอสมควรจึงทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงต้องรีบกระชับผ้าห่มให้แน่นกว่าเดิม เธอพยายามข่มตาหลับแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหลับตาลงได้ สงสัยคงจะเป็นเพราะแปลกที่แปลกทางหรือเป็นเพราะตื่นเต้นกับภารกิจในวันพรุ่งนี้
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายยังมีความตื่นตัวหญิงสาวจึงตัดสินใจแต่งตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก หวังว่าคงจะมีร้านเหล้าให้ไปก๊งสักแก้วสองแก้ว “เกลียดความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ เลย” พูดพลางบิดขี้เกียจก่อนที่จะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูและเดินออกไปข้างนอก
“ไงโซซิโร่พรุ่งนี้ก็จะไปทำภารกิจแล้วนี่นาได้ข่าวว่านินจาสาวจากโคโนฮะก็ไม่เบาเหมือนกันนี่” เสียงนินจารุ่นน้องเอ่ยทักขึ้นเมื่อผู้ที่เป็นนินจารุ่นพี่ยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่ม
“เออเป็นสาวโคโนฮะคนแรกเลยก็ว่าได้ที่ดูป่าเถื่อน!” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะรินเหล้าใส่จอกแล้วยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ว่าแต่นายก็ไม่ได้ทำอะไรป่าเถื่อนกับเจ้าหล่อนใช่มั้ยล้า?”
“เปล่า” เขาตอบเพียงแค่นั้นแล้วก็วางจอกเหล้าลง เจ้ารุ่นน้องบ้านี่ชักจะลามปามเข้าไปใหญ่แล้วถึงแม้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องปกติของเขาก็ตาม
“แล้วจาปาย…ดื่มต่อที่ไหนอีกอ๊ะเปล่า…รุ่นเพ่?” นินจารุ่นน้องอีกคนทักขึ้นมา ท่าทางของเขาดูเมาจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิม โซซิโร่ถอนหายใจด้วยความเอือมระอาก่อนที่จะส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับวางเงินและเดินออกจากร้านเหล้าไป
วันนี้ช่างเป็นวันที่วุ่นวายจริง ๆ ไหนจะต้องสู้รบปรบมือกับแม่นั่น หล่อนทำเอาเขาหัวเสียไปหลายครั้งแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะบางมุมก็ทำให้เขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ โดยปกติแล้วหากมีเวลาว่างโซซิโร่มักจะชวนเพื่อนนินจาหรือรุ่นน้องออกมาดื่มและสังสรรค์ด้วยกันในยามค่ำคืนแบบนี้ จะพูดว่าเขาเป็นนักสังสรรค์ตัวยงเลยก็ว่าได้แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่อยากอยู่สังสรรค์ต่อ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้วก็เป็นได้ ชายหนุ่มผมสีชมพูเข้มบอกกับตัวเองอย่างนั้นก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านพักของตัวเอง
โจนินสาวในชุดแขนกุดสีชมพูยืนชมวิวของหมู่บ้านซึนะอยู่บนยอดตึกสูง หล่อนมองลงไปยังเบื้องล่างก็พบว่ายังคงมีร้านรวงเปิดอยู่โดยเฉพาะร้านเหล้า ผับบาร์และบ่อนการพนัน มองซึนะจากมุมนี้แล้วอยู่ ๆ ในใจก็รู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สงสัยคงจะเป็นเพราะวิวหมู่บ้านที่หล่อนกำลังมองอยู่ตอนนี้ไม่ใช่โคโนฮะงาคุเระแต่ที่ผ่านมาหล่อนก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ออกปฏิบัติภารกิจแรก ๆ
“มันเป็นความรู้สึกบ้าอะไรกัน” ยกแก้วเหล้าที่เพิ่งจะซื้อขึ้นมาจิบช้า ๆ พร้อมกับทอดสายตามองออกไป
“ยังไม่ง่วงเหรอมายืนตากลมอยู่บนนี้” เสียงห้าวทุ้มของใครบางคนที่เพิ่งจะมายืนอยู่ข้าง ๆ หล่อนเอ่ยทักขึ้นมา
อายากะไม่ได้หันไปมองหล่อนคิดว่าคงจะเป็นนินจาของซึนะจึงตอบกลับไปโดยที่ไม่ละสายตาจากวิวเบื้องล่าง
“ก็ประมาณนั้น ถ้าไม่งั้นก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” พูดจบก็รีบยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด
“เฮอะ…เธอนี่นะ ที่นี่ทรายเยอะจะตายไปยิ่งกลางคืนลมพัดเยอะแบบนี้ไม่รู้ว่าเธอกลืนทรายเข้าไปกี่คำแล้ว”
“ฉันจะไปรู้รึไงเล่า ไม่ได้เป็นคนของที่นี่” ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจโดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าคู่สนทนาของเธอก็คือชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีชมพูเข้มและหน้าตาที่ดูอ่อนวัยกว่าอายุ
“แล้วเธออยากจะมาเป็นคนของคนที่นี่มั้ยล่า?”
เมื่อได้ยินถ้อยคำอันชวนขนหัวลุกอายากะจึงรีบหันไปมองผู้ที่เธอเพิ่งจะสนทนาไปด้วยหยก ๆ
“ว่าไงนะ! นี่นายเองเหรอ! เจ้าคนหื่นปากเสีย”
“ไม่รู้หรอกเหรอว่าเป็นฉัน?” ใบหน้าอ่อนเยาว์ถามเธอด้วยความแปลกใจ
“ก็ใช่น่ะสิยะ” คิ้วสวยขมวดมุ่นแทบจะทันที คิดไว้ว่าเดี๋ยวสักพักเธอและคู่หูคนใหม่ต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้นแน่ ๆ
“แล้วเธอไม่รู้สึกหนาวเลยรึไง?” เขาถามเธอพร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนโยน ทำให้หัวใจของอายากะเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ก็บรรยากาศมันน่าให้ใจเต้นนี่ ทั้งสายลมที่พัดเข้ามาและใบหน้าอันอ่อนวัยที่แสนจะหล่อเหลาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า! หญิงสาวรีบสะบัดความคิดนี้ออกไปจากหัวแทบจะทันที เธอมาทำภารกิจ ภารกิจเท่านั้น!
“ก็ไม่เท่าไหร่นี่ ดื่มเหล้าไปแก้วนึงแล้วมันก็อุ่นขึ้นล่ะนะ” หล่อนตอบพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป ไม่เข้าใจว่าทำไมใจบ้านี่จะต้องเต้นด้วยนะ ทั้ง ๆ ที่พยายามใช้ภูมิต้านทานในเรื่องผู้ชายมานักต่อนักแล้วโดยเฉพาะภูมิต้านทานความหล่อ
“เดี๋ยวสิ…ใส่ไอ้นี่ไว้ดีกว่าระหว่างเดินกลับที่พักคงจะช่วยได้เยอะ” พูดจบชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีชมพูเข้มจึงถอดผ้าพันคอสีขาวของเขาออกพร้อมกับพันมันไว้ที่คอให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นะ…นี่นาย ทำไมต้อง…” พูดไม่ทันขาดคำ หญิงสาวผู้นำตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลฟูจิวาระก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะตอนนี้เรียวปากของชายหนุ่มที่เพิ่งจะพันผ้าพันคอให้กับเธอประกบเข้ากับริมฝีปากบางของเธอแทบจะทันที
หล่อนรู้สึกหายใจติดขัด ตัวแข็งทื่อ จะว่าไปแล้วถ้าไม่รวมเรื่องปากแตะปากตอนที่มาถึงที่นี่ล่ะก็ถือว่ามันคือจูบแรกในชีวิตของเธอชัด ๆ!
“ให้ตายสิฉันทำบ้าอะไรของฉันวะเนี่ย” ชายหนุ่มที่เพิ่งจะขโมยจูบเธอรีบผละออกด้วยความรวดเร็ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกิน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ อยู่ ๆ ถึงได้ดึงเธอเข้ามาจูบแบบนั้น
“ขอโทษนะสงสัยเพราะฉันดื่มมากไปหน่อย” เขาหันมาเอ่ยคำขอโทษกับเธออีกครั้งแต่ก็พบว่าแม่สาวน้อยผมสีส้มยังคงยืนตะลึงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับตัว
“นี่เธอ…” เขาพยายามโบกมือไปมาตรงหน้าของหญิงสาวเพื่อให้เธอได้สติ
“หน็อยแน่ไอ้คนหื่น ขโมยจูบฉันเหรอยะ เจอบาทากระทืบมารหน่อยเป็นไง!” อายากะแจกบาทากระทืบมารที่เธอชอบใช้จัดการกับเพื่อน ๆ ที่โคโนฮะให้กับโซซิโร่แทบจะทันทีที่เธอรู้สึกตัว
ตอนนี้ชายหนุ่มล้มลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็โดนสาวเจ้าซัดหมัดซ้ำให้อีกซึ่งกว่าจะสามารถแซะตัวออกมาจากพื้นก็พบว่าหญิงสาวหายตัวไปเรียบร้อยแล้ว
“ให้ตายสินี่เรา…เสียจูบแรกให้กับเจ้าหื่นนั่นอย่างนั้นเหรอ ถึงมันจะเกิดขึ้นเพราะความเมาก็เถอะ!” เมื่อมาถึงห้องอายากะจึงบ่นด้วยความโมโห ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ทั้ง ๆ ที่พยายามหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดจนเกินพอดีกับผู้ชายมานักต่อนักแล้วและถึงแม้ว่าตอนอยู่ที่โคโนฮะจะมีหนุ่มนินจามากหน้าหลายตาเข้ามาจีบเธอก็ตามแต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน หวังว่าพรุ่งนี้เธอและเขาคงจะไปปฏิบัติภารกิจด้วยกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างลืมเรื่องจูบที่เกิดขึ้นในคืนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวพบว่าตัวเองตื่นสายกว่าเวลาที่ตัวเองตั้งไว้ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปรอคู่หูของเธอที่จุดนั้นพบซึ่งนั่นก็คือหน้าหมู่บ้าน
เมื่อเดินมาถึงหน้าหมู่บ้านก็พบว่าเขายืนรออยู่ก่อนหน้านี้แล้วและก็เหมือนกับว่าเขาพยายามอ้าปากพะงาบ ๆ จะพูดอะไรบางอย่างกับเธอแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนกระทั่งเธอสังเกตว่าเขาถูกใครบางคนเอ่ยทัก นั่นแหละถึงเป็นการเปิดฉากในการพูดคุยของเช้าวันนี้
“วันนี้มาแปลกจังนะครับรุ่นพี่ ปกติเวลาออกไปทำภารกิจไม่ยักเห็นใส่ชุดแบบนี้”
“หาชุดโจนินไม่เจอ สงสัยคงจะลืมไว้ที่ห้องของสาวคนไหนสักคนล่ะนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะกับรุ่นน้องคนนั้นแทบจะทันที ทำให้หญิงสาวผู้ร่วมภารกิจงงเป็นไก่ตาแตกว่ามันน่าตลกตรงไหน
“นี่นายจะไปกันได้หรือยัง”
“ก็ไปซี่…จะมัวมายืนบื้อกันอยู่ทำไมเล่า?” เขาหันมาตอบเธออย่างไม่ใส่ใจ
“นายก็เป็นคนนำทางไปสิยะ ครั้งนี้นายเป็นผู้นำไม่ใช่รึไง?”
“รู้แล้วน่าแม่สาวน้อยอย่ามาทำเป็นบ่นไปหน่อยเลย…ขโมยจูบอีกซักทีดีมั้ยเนี่ย”
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่สาวน้อยนะยะ ฉันยี่สิบเอ็ดแล้วเฟ้ยและอีกอย่างอย่าได้คิดที่จะมาขโมยจูบฉันเป็นครั้งที่2 ไม่งั้นละก็…นายไม่ได้ตายดีแน่ไอ้คนหื่น!”
โจนินทั้งสองออกจากซึนะมาได้สองชั่วโมงก็เข้าสู่เขตที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าใหญ่ ชายหนุ่มผมสีชมพูเข้มยกมือให้สัญญาณเป็นอันว่าให้หยุดพัก
“พักที่นี่สักสิบห้านาทีแล้วค่อยเดินทางต่อ”
“แล้วทำไมไม่เดินทางต่อไปเลยล่ะ ชักช้าอยู่ได้”
“เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะงั้นแผนที่วางไว้มันจะรวนหมด” พูดจบเขาก็รีบหยิบม้วนแผนงานออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับคลี่ดูด้วยความเคร่งเครียด
อายากะสังเกตได้ว่าเวลาที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจคู่หูของเธอนั้นดูจริงจังกว่าตอนที่อยู่ซึนะซะอีก หวังว่าเขาจะเป็นแบบนี้ไปตลอดจนจบภารกิจเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนนี้อีก (หึหึเกิดแน่ ๆ //ไรท์)
โจนินสาวยกนิ้วโป้งตัวเองขึ้นมากัดเพื่อให้เลือดไหลออกมาพร้อมกับตั้งสมาธิรีดเร้นจักระหลังจากนั้นจึงประสานอินและเรียกสัตว์อัญเชิญออกมา “คาถาอัญเชิญ!” เมื่อฝ่ามือของเธอวางทาบลงกับพื้นดินปุปควันสีขาวก็โผล่ขึ้นมาแทบจะทันทีพร้อมกับสิ่งที่ทำให้อายากะแทบจะหงายหลัง
“ไงอายากะ เรียกฉันมาทำไมเหรอ?” หมาป่าตัวน้อยที่มีขนสีขาวปุกปุยเงยหน้าขึ้นมองโจนินสาวด้วยความสงสัย
“ฉันไม่ได้เรียกนายนะยะ ฉันเรียกท่านอากีล่าตังหากย่ะ!” เธอจ้องลูกหมาป่าด้วยความโมโห ทำไมเจ้าหมาป่าน้อยนี่ต้องออกมาตอนนี้ด้วยนะ เธอต้องการจะขอความช่วยเหลือจากหมาป่าหนุ่มอย่างอากีล่าตังหาก
“พี่ชายฉันไม่ว่างมาหรอก ใช้ฉันก็ได้นา”
“ฮึ่ย! ก็ได้ ตอนนี้ฉันอยู่ระหว่างทำภารกิจฉันต้องการให้นายล่วงหน้าพวกเราไปก่อนเพื่อดูลาดเลาแล้วก็กลับมารายงานเป็นระยะ ๆ” เธอสั่งการหมาป่าน้อยอย่างเซจิด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ไม่รู้ด้วยว่าเจ้าหมาป่าเด็กนี่จะช่วยอะไรได้เยอะแค่ไหนเพราะส่วนมากเวลาใช้คาถาอัญเชิญสัตว์อากีล่าจะออกมาซะส่วนใหญ่
“ไว้ใจฉันเถอะน่ารับรองว่าฉันทำได้ดีกว่าพี่แน่นอน ไปล่ะ!” พูดจบเซจิก็ออกวิ่งไปแทบจะทันที
“ขอบใจนะที่คิดได้ว่าควรจะไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าก่อนเพราะไม่รู้ว่าเราจะเจอกับอะไรบ้าง” ชายหนุ่มผมสีชมพูเข้มพูดออกมาโดยที่สายตาของเขายังคงจ้องมองม้วนแผนงานอยู่
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ นายมัวแต่จ้องแผนงานนั่น นี่ก็เกือบจะสิบห้านาทีแล้วนะเราควรรีบออกเดินทางกันได้แล้ว”
ระหว่างการเดินทาง นัยน์ตาสีเทาของโซซิโร่เอาแต่จ้องมองฝ่ายอายากะที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องความสามารถพิเศษทางสายเลือดของเธอ ตอนที่วางแผนด้วยกันเขาแค่ถามเรื่องความสามารถพิเศษนี้แค่พอประมาณไม่ได้ถามเจาะลึกอะไรมาก เขาคิดว่าอย่างน้อยไอ้ความสามารถพิเศษที่มีอยู่ในสายเลือดของตระกูลดังต่าง ๆ นั้นก็คงจะต้องมีขีดจำกัดบ้างและเขาก็ลืมถามเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“เธอช่วยอธิบายเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของคนในตระกูลเธออีกครั้งจะได้ไหม เอาให้ละเอียดยิบเลย” เขาทรุดนั่งลงข้าง ๆ เธอพร้อมกับยื่นปลาปิ้งที่เป็นอาหารเย็นของวันนี้ให้ซึ่งทั้งสองคนเลือกที่จะพักค้างคืนที่ริมแม่น้ำอันเนื่องมาจากคำแนะนำของสัตว์อัญเชิญอย่างเซจิที่บอกว่าริมแม่น้ำตรงนี้ปลอดภัยกว่าทุกที่ที่เขาไปสำรวจมา
“เฮอะขอบใจ…แสดงว่านายก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ตอนที่เราคุยกันเมื่อวาน” หญิงสาวรับปลาปิ้งมาไว้ก่อนที่จะรีบกัดกินด้วยความหิวโหย
“เธอแค่บอกคร่าว ๆ เองนี่ตอนนั้นน่ะ…ส่วนนี่ของนายนะเซจิ” โซซิโร่ยื่นปลาปิ้งตัวที่สามให้กับหมาป่าอัญเชิญ
“ก็ตามที่นายเข้าใจคนที่มีสายเลือดจากตระกูลฉันมีความสามารถพิเศษกันแบบนี้แทบจะทุกคน กล่าวคือสามารถใช้คาถาแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบแต่มันก็มีส่วนต่างจากคาถาแปลงร่างธรรมดาอยู่…นายคงจะรู้ดีว่าคาถาแปลงร่างทั่วไปหากนายแปลงเป็นฉันนายก็จะเหมือนฉันแค่รูปร่างแต่นายจะไม่สามารถใช้วิชาที่ฉันมีได้และก็ไม่สามารถแสดงท่าทางให้เป็นตัวฉันเอง” หญิงสาวเว้นละไว้พร้อมกับยกกระติกน้ำขึ้นมาดื่มก่อนที่จะอธิบายต่อ
“แต่ถ้าหากว่าฉันแปลงร่างเป็นนายล่ะก็ฉันก็จะเหมือนกับเป็นนายอีกคนไปโดยปริยาย ใช้คาถาทุกอย่างของนายได้การพูดและท่าทางทุกอย่างจะก็อปปี้เป็นนายแทบทั้งหมดแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…ไอ้ความสามารถพิเศษแบบนี้มันก็ต้องมีขีดจำกัดของมันอยู่”
“หมายความว่ายังไง?” เขาถามขึ้นมาด้วยความสนใจ
“การจะแปลงร่างเป็นใครก็ตามนั้นต้องใช้จักระมากเลยทีเดียวถ้าหากว่าเป้าหมายของฉันมีจักระและพลังมากจนเกินไปฉันก็อาจจะแปลงเป็นเขาไม่ได้หรือว่าถ้าหากได้หลังจากจบการต่อสู้ฉันก็อาจจะสลบไปหลายอาทิตย์หรือถึงขั้นตายเลยก็ว่าได้…การจะใช้วิชาแปลงร่างในแบบฉบับของฟูจิวาระต้องหัดบังคับจักระให้ได้ในระดับดีเยี่ยม”
“แล้วยังมีอย่างอื่นอีกไหมถ้าจำไม่ผิดเธอบอกว่าเธอใช้วิชาแปลงร่างให้คนกลายเป็นสิ่งของได้นี่?”
“เออ…วิชานี้น่ะใช้กันเฉพาะในแวดวงของผู้นำตระกูล พวกสมาชิกใช้วิชานี้ไม่ได้…แต่ก็นะกว่าจะใช้วิชานี้กับคู่ต่อสู้ได้ก็ต้องเข้าไปประชิดตัวคู่ต่อสู้ให้ได้ซะก่อนไม่งั้นก็ไม่ได้ผลหรอก ฉันต้องหลั่งเลือดทุกครั้งหากจะใช้วิชานี้ วิธีใช้ก็คล้าย ๆ กับคาถาอัญเชิญนั่นแหละนะแต่การประสานอินจะต่างกันแค่นั้นเองยกตัวอย่างเช่นหากฉันจงใจให้นายโจมตีจนตัวเองมีเลือดไหลออกมาแน่นอนอยู่แล้วว่ามีโอกาสที่เลือดของฉันจะติดตัวนายไป ดังนั้นนั่นแหละจะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ฉันจัดการกับนายได้อยู่หมัดกล่าวคือหากเลือดฉันติดอยู่ที่นายแล้วฉันก็แค่หาทางเข้าประชิดตัวนายแล้วตั้งสมาธินึกถึงสิ่งที่อยากจะให้นายเป็นเท่านั้นก็เป็นอันจบ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะกลับคืนสภาพเดิมได้ไหม?”
“ได้สิถ้าหากว่านายในสภาพปลาไม่โดนจับมาปิ้งกินซะก่อนนายก็มีสิทธิ์รอดแต่ก็ต้องแล้วแต่ว่าฉันตั้งสมาธิในตอนนั้นให้นายอยู่ในสภาพปลากี่ชั่วโมงหรือกี่วัน!”
โซซิโร่นั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่หลังจากที่เขายืนกรานที่จะเป็นคนเฝ้าเวรผลัดแรก เขาคิดถึงเรื่องความสามารถพิเศษของแต่ละตระกูลที่เคยได้ยินมา ส่วนตระกูลของเขานั้นเป็นเพียงแค่ตระกูลธรรมดาไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรถึงแม้ว่าย่าของเขาจะเก่งในด้านหุ่นเชิดก็ตาม สำหรับตัวเขาแล้วตั้งแต่จำความได้ก็ไม่ได้คิดจะเอาดีทางด้านหุ่นเชิดเหมือนกับน้องชายฝาแฝดอย่างซาโซริแต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องฝึกโดยเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถในการใช้หุ่นเชิดต่อสู้อยู่มากโขแต่ก็ไม่ถึงขั้นระดับปรมาจารย์
“นี่มันก็เลยเวลาผลัดแรกมาเยอะแล้วนาคุณโซซิโร่” เสียงของหมาป่าน้อยเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนกว่าวัยควรจะไปนอนพักในเต็นท์
“นั่นน่ะสิฝากทางนี้ด้วยนะสุดหล่อ…ฮ้าว” ชายหนุ่มเอามือป้องปากหาวด้วยความง่วงแต่เขาก็ต้องตกใจแทบจะทันทีที่อยู่ ๆ เซจิก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับเอาหัวที่มีขนสีขาวปุกปุยของมันคลอเคลียที่เท้าเขา
‘เจ้านี่ทำตัวอย่างกับแมวแหนะเสียชื่อสัตว์อัญเชิญหมด’
ภายในเต็นท์ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเพราะหญิงสาวที่กำลังนอนหลับใหลอยู่นั้นเลือกที่จะดับตะเกียงเพราะเธอรู้ดีว่าโซซิโร่และเซจิเฝ้ายามอยู่ด้านนอกและก็อีกนานกว่าที่จะถึงเวรของเธอ เธอยังคงหลับตาพริ้มและคงจะหลับลึกเสียจนไม่รู้สึกว่าโซซิโร่เข้ามานอนข้าง ๆ เธอเรียบร้อยแล้ว
‘สงสัยแม่นี่คงจะเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน…เราจะให้หยุดพักทีไรก็ไม่เอาท่าเดียว’ เขาคิดในใจพร้อมกับพินิจมองใบหน้าของเธอยามหลับ นึกในใจอยากจะเห็นใบหน้าของเธอเวลาที่ปราศจากเครื่องสำอางนั้น คงจะดูอ่อนวัยกว่าอายุจริงอยู่มากโข เธอคงจะไม่รู้ว่าเครื่องสำอางที่ชอบใช้แต่งหน้าเป็นประจำนั้นบวกกับนิสัยห้าวใจร้อนทำให้ดูมีอายุมากกว่าอายุจริงเสียอีก คนที่โคโนฮะคงจะเรียกเธอว่าเจ๊โหดอย่างที่เขาเคยเรียกอย่างแน่นอน
‘จะว่าไปแล้ว…ทำไม…ริมฝีปากบางนั่นมันช่างน่าดึงดูดอะไรแบบนี้นะ’ โซซิโร่พยายามรีบสะบัดความคิดนี้ออกไปแทบจะทันที ในหัวสมองกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรงว่าควรจะฉวยโอกาสตอนที่เจ้าหล่อนหลับหรือว่าควรจะรีบนอนพักผ่อน ‘ไม่เอาน่า…แค่นี้ก็โดนด่าหาว่าหื่นอยู่แล้วและอีกอย่างมันก็คงดูไม่งามถ้าฝ่ายนั้นไม่สมยอม’ ความคิดฝ่ายดีกำลังให้เหตุผล
‘แต่ก็นะช่วยไม่ได้โอกาสดี ๆ จะมีอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ปากเจ้าหล่อนก็ออกจะนุ่มนิ่มแบบนั้นใครอดใจไหวก็เป็นฤาษีซะเถอะ!’
‘แต่ถ้าเจ้าหล่อนรู้ตัวเข้าล่ะก็ มีหวังคงจะได้ตายคาที่แน่ ๆ และอีกอย่างนะเขาจะมองว่าหนุ่มซึนะน่ะเป็นพวกป่าเถื่อน’ ความคิดฝ่ายดีต่อต้านอย่างหนัก
‘หลับลึกขนาดนั้นจะไปรู้ตัวได้ยังไงกันเล่า…อย่าขี้ขลาดเซ่’
สิ้นเสียงของความคิดฝ่ายร้ายสติของโซซิโร่ก็ขาดผึงแทบจะทันทีเมื่อหญิงสาวที่นอนข้าง ๆ เผยอปากเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบขยับตัวเข้าไปใกล้เธอพร้อมกับประคองใบหน้าสวยและประทับริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วงให้สมกับที่เขาอยากจะทำหลังจากที่กลับไปสงบสติอารมณ์ตัวเองที่บ้านเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่เข้าใจอาการของตัวเองเลยสักนิดว่าต้องการอะไรกันแน่ ทั้ง ๆ ที่เคยทำแบบนี้กับสาวซึนะก็ออกจะบ่อยแต่พอเผลอตัวเผลอใจไปจูบสาวโคโนฮะคนนี้แค่ครั้งเดียวก็พบว่าในหัวสมองก็เอาแต่นึกถึงริมฝีปากบางอันนุ่มนิ่มของเธอตลอดเวลา!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้โจนินสาวกำลังถูกใครบางคนลุกล้ำริมฝีปากบางของเธอแต่ถึงอย่างนั้นอายากะก็เข้าใจว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันและวันนี้เธอก็เหนื่อยกับการเดินทางมามากพอสมควรเพราะเธอไม่ยอมที่จะหยุดพักเลย จึงปล่อยให้คนในฝันรุกล้ำริมฝีปากบางของเธอด้วยริมฝีปากของเขาต่อไป จะว่าไปแล้วก็รู้สึกดีเหมือนกันนะนี่ ก็ไม่เคยจูบกับใครแบบเป็นจริงเป็นจังนี่นะถึงแม้ว่าคืนที่ผ่านมาจะโดนขโมยจูบแบบไม่ทันตั้งตัวก็ตาม… ‘มันก็แค่ความฝัน’ โจนินสาวคิดเพียงแค่นั้นแล้วก็ดึงจิตตัวเองให้จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ