Infinite Stratos:"ฟันเฟืองสุดท้ายเพื่อโลกใหม่"
8.7
เขียนโดย Netales
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.40 น.
5 ตอน
2 วิจารณ์
8,103 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 21.23 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) บทที่1 "Mobile Suit"
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทำเนียบรัฐบาลไทย ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
"ขออนุญาติครับท่าน! โครงการพัฒนาโมบิลสูทของทางกองทัพตอนนี้เสร็จสิ้นแล้วครับ! สามารถดำเนินการในขั้นต่อไปได้ทุกเมื่อครับ!" บุรุษร่างสูงในชุดราชการทหารอากาศยศเรืออากาศโทกล่าวรายงานเสียงดังและยื่นเอกสารรายละเอียดโครงการไปให้กับชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าตน
"ขอบคุณมากผู้หมวดณเรศ...งั้นติดต่อไปยังทางญี่ปุ่นเรื่องขอให้โรงเรียนไอเอสที่นั้นเป็นสถานที่ทดสอบภาคสนามทีนะ บอกทางนั้นด้วยหละว่าสามารถส่งผู้ตรวจสอบมาตรวจเจ้าโมบิลสูทนี้ก่อนได้เลย" ชายที่นั่งอยู่รับเอกสารมาอ่านอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งผู้กองคนนั้นให้ดำเนินเรื่องในขั้นต่อไป
"รับทราบครับ! ทางผมขอตัวก่อนนะครับ!" เอ่ยจบ ผู้หมวดหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาทำวันทยหัตถ์ แล้วเดินออกไป
ใบหน้าที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นถอนหายใจออกมาเบาๆ โทรศัพท์มือถือถูกควักออกมาเพื่อติดต่อใครบางคน
"นี้ชั้นเองนะ ทางนี้จัดการเรื่องที่เธอขอร้องออกไปแล้ว เตรียมการขนย้ายโมบิลสูทที่เธอสร้างเอาไว้ได้เลย อา...ตามนั้นละ ทางฝ่ายนั้นอาจจะส่งคนมาดูนิดหน่อยก่อนเริ่มการทดสอบภาคสนามนะ จัดการดีๆหละ อืมๆ ชั้นฝากเธอด้วยนะ...ภารัน..."
1อาทิตย์ต่อมา
ช่วงเช้าของวัน
สนามบินสุวรรณภูมิ ช่องทางขาเข้าประเทศ
หญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศสีดำก้าวขาเดินออกมาอย่างรีบเร่ง เส้นผมสีดำขลับโบกสะบัดตามการเคลื่อนไหวของเธอ ดวงหน้าสวยคมที่ส่อแววเด็ดขาดเข้ากับบุคลิกของตัวเธอนั้นแสดงถึงความเคร่งเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"คุณโอริมูระ จิฟูยุใช่หรือเปล่าครับ" ชายร่างสูงในชุดราชการทหารเดินเข้ามาทักเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ใช่ แล้วคุณ?" เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ขออนุญาตแนะนำตัวครับ กระผมเรืออากาศโทณเรศ จันทระสุวรรณ์ เป็นผู้ประสานงานของโครงการนี้ครับ เพื่อความสะดวกจะเรียกว่าผู้หมวดก็ได้ครับ ขอเชิญคุณโอริมูระตามมาทางนี้ได้เลยครับ" กล่าวจบ ผู้หมวดหนุ่มก็สาวเท้าเดินนำหน้าหญิงสาว
ทั้งสองสาวเท้าด้วยความเร็วปานกลางไปยังตึกจอดรถที่อยู่ตึกข้างๆกัน ตัวของจิฟูยุเดินตามผู้หมวดคนนี้มาได้ซักพัก จึงตัดสินใจเอ่ยถามอะไรบางอย่างออกไป
"ทางชั้นขอถามเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองหน่อยได้ใช่ไหม?" จิฟูยุถามผู้หมวดหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ขณะที่ตนยังเดินตามหลังผู้หมวดคนนี้อยู่
"เชิญเลยครับคุณโอริมูระ" ณเรศขานรับเชิงประมาณว่าจะถามอะไรก็ถามเลย โดยไม่หันหน้ามามองหล่อนแม้เพียงสักนิด
"สิ่งที่ประเทศของคุณทำอยู่ในตอนนี้สามารถทำให้มีปัญหากับทางญี่ปุ่นและทั่วโลกได้เลยนะ การที่พวกคุณแอบวิจัยและพัฒนาไอเอสโดยไม่ขออนุญาตทางเรามาก่อนเนี่ย ทางประเทศคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่" จิฟูยุเอ่ยถามณเรศอย่างรำคาญใจ การที่ไทยแอบวิจัยไอเอสนี้อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างประเทศได้เลย แต่ทำไมตอนนี้ถึงเรียกเธอมาดูผลงานกัน ไทยต้องการอะไรกันแน่
"เฮ้อ...คุณเป็นคนที่สองแล้วนะครับที่ถามผมแบบนี้ ผมจำได้ว่าผมส่งข้อมูลของโครงการไปชัดเจนแล้วนะครับว่ามันไม่ใช่ไอเอสน่ะ"ณเรศถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย นี้เขาต้องมาอธิบายอะไรพวกนี้อีกแล้วหรอเนี่ย รอบที่สองแล้วนะตั้งแต่ขอความร่วมมือไป ทำไมคนญี่ปุ่นนี้เข้าใจอะไรยากเสียจริงเชียว
"ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มเนี่ยนะไม่ใช่ไอเอส พวกคุณกำลังเล่นตลกร้ายอะไรอยู่กันแน่"
"ในรายละเอียดโครงการผมระบุไปชัดเจนแล้วนะว่ามันคือการพัฒนาชุดสูทแบบมัลติฟอร์มแบบใหม่ ไม่ใช่การพัฒนาไอเอสอย่างที่คุณว่าสักนิดเลยนะครับ แถมทางเรายังไม่ได้ใช้คอร์ที่เป็นส่วนสำคัญของไอเอสด้วยครับ ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ไอเอสครับ" ณเรศเถียงโต้จิฟูยุอย่างเบื่อหน่าย เข้าใจอะไรยากจริงๆนั้นละน๊า
"ถ้าทางคุณยืนกรานเช่นนั้น ทำไมถึงไม่เชิญผู้เชี่ยวชาญอย่างดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะมายืนยันแทนที่จะเป็นชั้นกันหละ" จิฟูยุไม่เข้าใจจริงๆว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่แน่ในตอนนี้ ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มคือชื่อที่ใช้ในการอธิบายถึงตัวตนของไอเอสได้ดีที่สุด แล้วทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงได้ค้านหัวชนฝาถึงขนาดนี้กันนะ
ผู้หมวดณเรศไม่พูดตอบอะไรกลับมา แต่สาวเท้าพาเธอไปยังรถที่มารับอย่างรวดเร็ว
"เอาละ...หยุดการโต้เถียงของพวกเราทั้งคู่ไว้เพียงแค่นี้ก่อนละกันนะครับ ตอนนี้เชิญขึ้นรถเถอะครับ เราจะได้ไปยังสถานที่ทดสอบกัน ถึงที่นั้นผมจะให้ผู้พัฒนามันอธิบายให้เอง" กล่าวจบ ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้จิฟูยุด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่ายกับการโต้เถียงของหล่อนอย่างเต็มที่
ฝ่ายจิฟูยุเห็นเช่นนั้นจึงก้าวเข้าไปนั่งแล้วตวัดนัยน์ตาคมกริบไปจ้องกับผู้หมวดหนุ่มอย่างหงุดหงิด
"หวังว่าถึงสถานที่ทดสอบแล้วชั้นจะได้คำตอบที่ดีมานะ ไม่งั้นทางคุณก็เตรียมเจอกับข้อพิพาทระหว่างประเทศได้เลย" ณเรศได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยอะไร ก่อนลงมือสตาร์ทรถยนต์คันโปรด แล้วยกยิ้มอย่างถือดี สร้างความหงุดหงิดแก่จิฟูยุเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
3ชั่วโมงต่อมา
ฐานทัพอากาศดอนเมือง กรุงเทพมหานครฯ
รถยนต์ของณเรศลดความเร็วลงไปจอดที่หน้าโรงเก็บเครื่องบินแห่งหนึ่งในฐานทัพ ทั้งสองก้าวลงจากรถที่โดยสารมาจากสนามบิน ที่ด้านหน้าของโรงเก็บปรากฏเด็กหนุ่มอายุประมาณ15-16ปี สวมแว่นตาสีดำยืนรอทั้งสองอยู่ด้วยรอยยิ้ม
"มาช้านะครับผู้หมวด" เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายณเรศด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง
"แกก็รู้ว่าถนนเส้นวิภาวดี-รังสิตตอนเช้ารถมันติดแค่ไหน 3ชั่วโมงนี้ก็ถือว่าเร็วแล้วนะ" ผู้หมวดตอบคนตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย
"ฮ่ะๆ นั้นสินะครับ" เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ณเรศเห็นเช่นนั้นก็ยักไหล่ประมาณว่าช่างมันละกัน ก่อนจะผายมือไปทางจิฟูยุเพื่อจะแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
"เอ้อ นี้คุณโอริมูระ จิฟูยุ เป็นผู้ตรวจสอบอีกคนที่เราเชิญมาร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย" สิ้นคำพูด เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ยืนมือมาจับทักทายกับเธอ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณโอริมูระ จิฟูยุ" ทั้งคู่จับมือทักทายกันพอเป็นพิธี ก่อนที่ทั้งสามจะเดินเข้าไปยังโรงเก็บด้านหน้านี้
"แล้วเด็กคนนี้เป็นใคร อย่าบอกนะว่าเป็นนักบินของเครื่องทดสอบน่ะ" จิฟูยุถามณเรศอย่างสงสัย ขณะจ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่เดินนำเข้าไปในโรงเก็บ
"จะว่าอย่างงั้นก็คงได้ละมั้งครับ" ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มแหย
"แต่เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง?" จิฟูยุถามแล้วทำหน้าแปลกใจ
"กรุณาอย่าเอาบรรทัดฐานของไอเอสที่มีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ขับได้มาใช้สิครับ ถึงจะมีน้องชายคุณแปลกแยกมาคนนึงก็เถอะ...โอ๊ะ! นี้ผมไม่ได้ด่าน้องคุณนะครับ!" ณเรศพูดแล้วรีบยกมือยอมแพ้เมื่อสาวเจ้าตวัดสายตาจิกใส่
"ต่อนะครับ เจ้านี้น่ะ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศมาเกี่ยวข้องเลยครับ ถึงแม้ว่าสรีระของตัวเครื่องส่วนใหญ่ผู้ชายจะใช้งานได้ดีกว่าก็เถอะ" สิ้นคำพูด ชายหนุ่มก็ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"งั้นหรอ...แล้วผู้พัฒนาของโครงการนี้อยู่ที่ไหนหละ หลังจากที่ชั้นตรวจสอบไอชุดสูทแบบมัลติฟอร์มแบบใหม่อะไรนั้นตามที่คุณว่าเอาไว้ ชั้นมีเรื่องที่จะคุยกับเขาซักหน่อย"
"จริงๆคุณเจอเขาไปแล้วละครับ คุณแค่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง แต่เดี๋ยวรอเขาบอกคุณเองจะดีกว่าครับ" ณเรศหันไปยิ้มอย่างเป็นกันเอง โดยไม่เห็นเลยว่าที่หน้าผากของจิฟูยุจะมีเส้นเลือดขึ้นมาเพราะความกวนประสาทของผู้หมวดคนนี้ แต่ก่อนที่จิฟูยุจะได้ลงมือทำอะไรชายหนุ่มข้างๆตน เด็กหนุ่มด้านหน้าก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาทั้งสอง
"ถึงแล้วหละครับ" เสียงของเด็กหนุ่มข้างหน้าเรียกความสนใจของทั้งสองให้หันกลับไปมอง
สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่ครรลองสายตาของจิฟูยุก็คือคอนเทนเนอร์สีเงินขนาดใหญ่สามตู้ที่น่าจะบรรจุสิ่งที่ทำให้เธอถูกเรียกมาที่ประเทศนี้ตั้งอยู่
"นี้มันอะไรกันน่ะ..."จิฟูยุพึมพำแล้วเดินเข้าไปใกล้ บนฝาของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสามสลักตัวอักษรสีดำเอาไว้
"ทางฝั่งซ้ายด้านในเป็น'GNS-002 Nightmare' ตรงกลางจะเป็น'GNS-010 WhiteOwl' ส่วนทางขวาก็เป็น'GN-002Ov Dynames Orvane'น่ะครับ"
"ไนท์แมร์...ไวท์อาวล์แล้วก็ดิวนาเมสออเวนงั้นหรอ..." จิฟูยุมองตู้ทั้งสามอย่างสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้กองหนุ่มที่เดินตามมา
"แล้วจะเริ่มการทดสอบกันตอนไหนหละ"
"ใกล้แล้วหละครับ เพราะนักบินทดสอบอีกคนนึงกำลังเดินทางล่วงหน้าไปยังสนามทดสอบครับ"
"แล้วผู้พัฒนาหละ อยู่หนะ-"
"คุณโอริมูระครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกขัดเธอด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า แว่นตาของเขาสะท้อนกับแสงไฟทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาของอีกฝ่ายได้
จิฟูยุหันไปมองเด็กคนนั้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนักที่โดนขัด ณเรศที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวจึงถอนหายใจออกมา แล้วผายมือไปทางเด็กหนุ่ม
"คุณโอริมูระครับ...ผมขอแนะนำให้รู้จักกับเด็กคนนี้นะครับ...เขาชื่อนายภานุราช ปราการกันย์ เป็นนักบินทดสอบของไนท์แมร์...และเป็นผู้พัฒนาโมบิลสูทที่คุณเห็นอยู่นี้ด้วยครับ..."
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับคุณโอริมูระ จิฟูยุ เรียกผมว่าภารันก็ได้ครับ" เด็กหนุ่มตรงหน้าฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วโค้งตัวลงให้แก่หญิงสาวตรงหน้า
จิฟูยุรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้มากมายนักจนต้องแสดงกิริยาอันไม่สมควรออกไป ด้วยที่ว่าตนเองก็มีเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นอัจฉริยะอยู่แล้วคนนึง การที่จะมาเจอเด็กที่สามารถพัฒนาของพวกนี้ได้เองนั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมายของตนมากเกินไปนัก และในความคิดของจิฟูยุเอง ของตรงหน้าก็เปรียบเสมือนของเลียนแบบไอเอสเท่านั้น
"งั้นเธอลองบอกหน่อยสิว่าเจ้านี้มันแตกต่างจากไอเอสยังไง เพราะข้อมูลเท่าที่ทางไทยให้มานั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนตามดุลยพินิจของฉัน มันก็คือไอเอส ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นทางไทยก็ถือว่าละเมิดข้อตกลงตามสนธิสัญญาอลาสก้า ทางฉันก็ต้องขอยึดมันกลับไปนะ" จิฟูยุพูด แล้วจ้องไปยังภารันแบบคาดคั้น
"อา...ก็ได้ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มเปล่งเสียงพูดออกมา
"เจ้านี้คือ'Mobile Space Utility Instrument Tatical'หรืออีกชื่อที่เรียกสั้นๆก็คือ'Moblie Suit' โดยเจ้านี้จะไม่ได้ใช้คอร์ของไอเอส แต่ใช้ชิปหน่วยความจำรูปแบบเฉพาะที่ถูกพัฒนาขึ้นมาครับ" ภารันพูดพร้อมผายมือไปยังตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสาม
"ในข้อเท็จจริงประการแรกเลยคือเจ้านี้ไม่ใช่ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มครับ ข้อมูลที่ผู้หมวดให้คุณไปผิดพลาดตรงจุดนี้ เจ้านี้เป็นชุดเกราะติดอาวุธเต็มอัตราศึกสำหรับการรบโดยเฉพาะตามชื่อของมัน..." จิฟูยุพยักหน้า ในใจก็คิดว่ามันก็ไม่ค่อยจะต่างจากไอเอสซักทีเดียว แค่เปลี่ยนชื่อเรียกกับวิธีการใช้งานจากการกีฬาและการคุ้มกันมาเป็นอาวุธโดยเฉพาะเท่านั้น
"ในข้อเท็จจริงประการที่สอง วัสดุที่ใช้ในการสร้างครับ ไอเอสส่วนใหญ่จะใช้'Reinforced Carbon-Carbon'ในการสร้าง แต่กับเจ้าโมบิลสูทนี้ วัสดุที่ใช้จะเป็น'E-Carbon'ครับ โดยคุณสมบัติของมันคือทนทานต่อแรงกระแทกและแรงกดได้อย่างมหาศาล เอาง่ายๆว่าเอาปืนที่ใช้ลูกตะกั่วมายิงหรือโดนระเบิดอัดก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ไร้รอยแผลแน่นอน ส่วนอาวุธจำพวกบีมจะพอทนได้ในขณะนึงเท่านั้นเองครับ แต่ก็ทนกว่าของที่ใช้กับไอเอสแน่ๆหละครับ ฮ่ะๆ" ผู้พัฒนาหัวเราะแห้งๆขณะอธิบาย
มันก็แค่ใช้วัสดุอื่นในการสร้างไม่ใช่หรือ ตัวจิฟูยุคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังคงฟังต่อโดยไม่เอ่ยปากค้านอะไรออกไป
"ในข้อเท็จจริงประการที่สาม ลักษณะชุดของไอเอสนั้นจะเป็นพาร์ทที่เอามาสวมเอาไว้ตามแต่ละส่วนของร่างกาย จึงมีบางส่วนของร่างกายที่ไม่ถูกปกป้องโดยชิ้นส่วนของชุด แต่เจ้านี้เป็นชุดที่สวมมิดชิดเข้ากับทุกส่วนของร่างกายครับ จึงสามารถปกป้องร่างกายได้ทุกส่วน แล้วยังไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนสะสมด้วยครับ ระบบระบายความร้อนของเรามีประสิทธิภาพพอที่จะใช้งานได้ในภารกิจที่ต้องใช้เวลานานหลายวันได้อย่างไม่มีปัญหา" ในข้อนี้ ตัวจิฟูยุรู้สึกว่าเจ้าโมบิลสูทที่เด็กหนุ่มคนนี้อธิบายให้เธอฟังนั้น มันเหมือนกับไวท์ไนท์ของเธอเป็นอย่างมาก
"ในข้อเท็จจริงประการที่สี่ ในด้านการป้องกันการโจมตี การป้องกันของไอเอสจะเป็นบาเรียพลังงานรูปทรงกลม ที่เมื่อถูกโจมตี พลังงานจะลดลงเรื่อยๆ ส่วนโมบิลสูทนั้น เนื่องจากอาวุธปกติที่ไม่ใช่บีมทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เราจึงพัฒนาเกราะ'Anti-Beam Defensive Reflector'ขึ้นแล้วฉาบไว้ที่ด้านนอกของชุดครับ โดยเจ้าเกราะนี้จะทำหน้าที่หักเหบีมส่วนนึงที่เข้ามาประทะกับเกราะให้กระจายออกไป จึงหมดปัญหาเรื่องการป้องกันบีมที่อี-คาร์บอนไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะทำได้ มีอะไรสงสัยไหมครับคุณโอริมูระ?" อธิบายจบ ภารันก็หันมาถามจิฟูยุด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม
"ชั้นจะยังไม่ตัดสินอะไรตอนนี้ละกัน เพราะจากที่เธออธิบายมามันยังมีความคลุมเครืออยู่เยอะเกินไป ไว้เดี๋ยวชั้นค่อยดูตอนทดสอบแล้วสรุปผลเอา" ถึงตัวจิฟูยุจะยังคงเชื่ออยู่ว่าสิ่งที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ทั้งสามคือไอเอส แต่ตัวของเธอก็ไม่อยากจะไปตัดสินในขณะที่ยังไม่เห็นด้วยตัวของเธอเอง เธอจึงตั้งใจว่าหลังจากที่สามเครื่องนี้ทดสอบเสร็จ ตนจึงจะตัดสินใจอีกทีหนึ่ง
"อย่างงั้นหรือครับ เช่นนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังสนามทดสอบเลยเถอะครับ เพราะตอนนี้นักบินทดสอบอีกคนน่าจะเดินทางไปถึงสนามทดสอบแล้ว เชิญไปขึ้นฮ.ที่ด้านนอกกันเถอะครับ" ว่าจบทั้งสามก็เดินออกไปขึ้นฮ.ลำเลียงEC725 ขณะที่คอนเทนเนอร์ทั้งสามก็ถูกติดตั้งเข้ากับฮ.ลำเลียงอีกสามลำที่เหลือ และออกตัวจากฐานทัพไปตามกัน
ฮ.ลำเลียงทั้งสี่ลำบินมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็วคงที่ โดยจุดหมายคือสนามทดสอบที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
"ว่าแต่ ทำไมถึงเชิญชั้นตรวจสอบมาแทนที่จะเป็นดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะหละ ในเรื่องนี้แล้วเธอคนนั้นน่าจะเป็นคนที่มีภาษีในด้านนี้มากกว่าชั้นที่เป็นแค่อาจารย์ประจำโรงเรียนไอเอสนะ" จิฟูยุถามทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตนอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน ทั้งคู่ก็หันมามองกันแล้วถอนหายใจพร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"คุณโอริมูระครับ คุณเป็นนักบินของไวท์ไนท์...ไอเอสตัวแรกของโลกที่ดร.ชิโนโนโนะเป็นคนสร้างใช่ไหมครับ...และก็ยังเป็นคนขับเจ้าไอเอสตัวนั้นออกไปขัดขวางขีปนาวุธวิสัยไกลจากสิบสี่ประเทศที่ถูกแฮกกิ้งให้ยิงใส่ญี่ปุ่นด้วย..." ภารันถามแล้วมองมาที่หล่อนด้วยสายตาจริงจัง
"ใช่...แล้วมันทำไมกันละ..."เธอถามย้อนเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตาของหล่อนสบเข้ากับสายตาจริงจังที่ถูกส่งมา บรรยากาศมาคุเริ่มปกคลุมฮ.ลำเลียงลำนี้
"ผมรู้ว่าคุณก็คิดเหมือนกับผม...เหตุการณ์ในครั้งนั้นมันประจวบเหมาะกันเกินไป รวมถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนไอเอสด้วย ทุกอย่างมันดูเหมาะเจาะจนเหมือนกับว่าเป็นเรื่องบังเอิญจนหาจุดผิดสังเกตุไม่เจอ แต่นั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเกิดข้อสงสัย..." ว่าจบ เด็กหนุ่มก็กดเสียงพูดของตนให้ต่ำลง
"ใครกันที่สามารถแฮกกิ้งเข้าไปยังกองทัพของประเทศต่างๆแล้วไม่สามารถย้อนหาร่องรอยไอพีเครื่องที่แฮกกิ้งเข้ามาได้ ใครกันที่มีความสามารถมากพอที่จะส่งไอเอสไร้คนบังคับเข้าไปบุกยังโรงเรียนแห่งนั้นได้ ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้ ถ้าไม่ใช่ดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะแล้วจะเป็นใครไปได้หละครับ..." รอยยิ้มแบบอารมณ์เสียถูกกางขึ้นบนใบหน้าอ่อนวัยนั้น
"สำหรับอัจฉริยะอย่างหล่อนแล้วทุกสิ่งจะต้องเป็นไปตามที่เธอคิดอย่างมั่นใจโดยไม่มีกรณีเผื่อสำหรับความผิดพลาดและเพอร์เฟค แต่เพราะมันสมบูรณ์แบบมากเกินไปจึงเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดที่ทำให้ผมเจอจุดน่าสงสัยนี้ และประกอบกับลักษณะนิสัยใจคอของหล่อนที่ทำอะไรเพื่อความสนุกของตนเองจนไม่สนว่าใครจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นั้นจึงทำให้ผมตัดสินใจเลือกคุณแทนที่จะเป็นผู้หญิงคนนั้น" ดวงตาสีดำหลังกรอบแว่นหรี่ลงจ้องมองคนตรงหน้า
"คนแบบนั้นนะมีสิทธิที่จะทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นได้สูงมาก มันมากจนทำให้ผมหงุดหงิดในตัวของหล่อนเลยหละ และนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมจะไม่มีวันให้เธอคนนั้นได้ข้อมูลของโมบิลสูทที่ผมอุตส่าห์พัฒนาขึ้นไปได้อย่างเด็ดขาด" ภารันตอบคนตรงหน้าตนด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดและหนักแน่น
"นี้เธอรู้?" จิฟูยุถามเด็กหนุ่มอย่างจริงจัง
"ใช่ครับ...ผมรู้" ภารันตอบและพยักหน้ารับ
"ตั้งแต่เมื่อไหร่หละ"
"ผมสะกิดใจตั้งแต่เหตุการณ์ที่ไอเอสไร้คนบังคับบุกเข้าไปโจมตีโรงเรียนของคุณนั้นหละครับ"
สิ้นคำพูด บรรยากาศมาคุในฮ.ลำเลียงก็ทวีความอึดอัดมากขึ้น
ณเรศถอนหายใจเบาๆแล้วตบไหล่เด็กหนุ่มเพื่อเรียกคืนสติ ก่อนจะหันกลับไปเอ่ยกับหญิงสาวเพื่อทำลายบรรยากาศตรึงเครียดนี้ลง
"หยุดการโต้เถียงไว้แค่นี้เถอะครับ เดี๋ยวมันจะแย่ลงกว่านี้นะครับคุณโอริมูระ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็พยักหน้าตอบรับ แล้วหลับตาลงคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ภารันพูดกับเธอ
ฐานทัพเรือสัตหีบ ชลบุรี
ฮ.ลำเลียงทั้งสี่ลำลงจอดที่จุดที่ใช้เป็นสนามทดสอบเฉพาะกิจ ร่างทั้งสามก้าวลงจากฮ.ลำเลียงที่พวกตนโดยสารมาพุ่งตรงไปยังที่จุดเตรียมพร้อม ภายในเต๊นท์ทหารสีเขียวเข้มที่หันหน้าออกไปยังทะเลอันดามันวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทหารในชุดพลางหลายคนเดินสวนไปมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบอาวุธใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น
ทั้งสามก้าวยาวๆเข้าไปด้านในเต๊นท์หลังนั้น แล้วจ้องมองดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น สายตาของผู้หมวดหนุ่มกวาดไปทั่วเต๊นท์หลังใหญ่เพื่อมองหาร่างของใครบางคน แต่เมื่อลองมองหาหลายรอบแล้วยังไม่เจอนั้น จึงตัดสินใจเอ่ยเรียกเรืออากาศตรีคนหนึ่งที่กำลังสั่งงานกับพลทหารอยู่
"สวัสดีครับท่าน มีอะไรให้รับใช้ครับ" เรืออากาศตรีร่างสูงยกมือขึ้นทำท่าวันทยหัตถ์แก่ณเรศ ก่อนจะเอ่ยถามไถ่
"เห็นนักบินทดสอบอีกคนบ้างไหม?" ณเรศเอ่ยถามเรืออากาศตรีตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
เมื่อได้ยินคำถามของผู้ที่มียศสูงกว่าตน ชายหนุ่มก็ผายมือชี้ไปตรงใจกลางของความวุ่นวายขนาดย่อมนั้น
ตรงใจกลางความวุ่นวายนั้น มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเซ็ตค่าโปรแกรมการทดสอบอยู่ เส้นผมที่ถูกทำเป็นไฮไลต์สีดำขาวโบกสะบัดเบาๆตามการโยกหัวที่เกิดจากจังหวะของเพลงแจ๊สที่ตนฟังอยู่ ขัดกับเสียงรัวนิ้วใส่แป้นพิมพ์ที่บ้าคลั่งราวกับฉุดไม่อยู่นี้
เมื่อเห็นคนที่ตนหาแล้ว ณเรศก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่เรืออากาศตรีคนนั้นเป็นเชิงขอบใจ ก่อนที่ตนจะเดินนำหน้าเข้าไปหาเด็กคนนั้น
"นี้แกมาถึงนานรึยัง" ศีรษะของเด็กหนุ่มเงยขึ้นมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเป็นคนที่ตนรู้จัก รอยยิ้มยินดีก็ฉายชัดขึ้นบนใบหน้านั้น
"หวัดดีครับพี่ณเรศ ผมมาถึงนานพอสมควรแล้วหละครับ" มือของเด็กหนุ่มยกขึ้นมาสวัสดีคนตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังผู้หมวด
"ที่อยู่ข้างๆนายเป็นใครนะภารัน ผู้ตรวจสอบที่นายเชิญมาหรอ" ภารันพยักหน้ารับเชิงบอกว่าใช่ เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มยินดีบนใบหน้านั้นก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
"อา...สวัสดีครับ ผมนายไตรสิงห์ วิพาบุญราช เรียกว่าอาทิตย์ก็ได้ครับ เป็นนักบินทดสอบของไวท์อาวล์ครับ" อาทิตย์แนะนำตัวพร้อมยกมือไหว้จิฟูยุ
"ชั้นโอริมูระ จิฟูยุ เป็นผู้ตรวจสอบจากทางโรงเรียนไอเอส ยินดีที่ได้รู้จัก" จิฟูยุกล่าวแนะนำตัวกลับพร้อมยกมือรับไหว้จากอาทิตย์
"แล้วนักบินทดสอบของดิวนาเมส ออเวนละอยู่ไหน?" จิฟูยุถามอย่างสงสัย เนื่องจากหล่อนยังไม่เห็นนักบินทดสอบอีกคน
สิ้นคำถามเด็กหนุ่มทั้งสองก็ตวัดมือชี้ไปยังผู้หมวดหนุ่มที่ยืนยิ้มแห้งๆอยู่ด้านหน้าหล่อน
"นักบินทดสอบของเจ้านั้นคือผมเองละครับคุณโอริมูระ ฮ่ะๆ ขอโทษที่ลืมบอกนะครับ" ณเรศยกมือชี้ตัวเองแล้วหัวเราะแห้งๆ
จิฟูยุเลิกคิ้วมองผู้หมวดหนุ่ม แล้วถอนหายใจ สรุปแล้วคนๆนี้ชอบไม่พูดบอกอะไรจนกว่าจะถึงเวลาหรือถามสินะ
"ผู้หมวด อาทิตย์ ถึงเวลาแล้ว...ไปกันเถอะ" ภารันยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา แล้วเอ่ยเรียกทั้งสองคน
จิฟูยุพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินออกจากเต๊นท์ไป โดยให้เรืออากาศตรีคนนั้นเป็นคนดูแลเธอแทน
"ขออนุญาติครับท่าน! โครงการพัฒนาโมบิลสูทของทางกองทัพตอนนี้เสร็จสิ้นแล้วครับ! สามารถดำเนินการในขั้นต่อไปได้ทุกเมื่อครับ!" บุรุษร่างสูงในชุดราชการทหารอากาศยศเรืออากาศโทกล่าวรายงานเสียงดังและยื่นเอกสารรายละเอียดโครงการไปให้กับชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าตน
"ขอบคุณมากผู้หมวดณเรศ...งั้นติดต่อไปยังทางญี่ปุ่นเรื่องขอให้โรงเรียนไอเอสที่นั้นเป็นสถานที่ทดสอบภาคสนามทีนะ บอกทางนั้นด้วยหละว่าสามารถส่งผู้ตรวจสอบมาตรวจเจ้าโมบิลสูทนี้ก่อนได้เลย" ชายที่นั่งอยู่รับเอกสารมาอ่านอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งผู้กองคนนั้นให้ดำเนินเรื่องในขั้นต่อไป
"รับทราบครับ! ทางผมขอตัวก่อนนะครับ!" เอ่ยจบ ผู้หมวดหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาทำวันทยหัตถ์ แล้วเดินออกไป
ใบหน้าที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นถอนหายใจออกมาเบาๆ โทรศัพท์มือถือถูกควักออกมาเพื่อติดต่อใครบางคน
"นี้ชั้นเองนะ ทางนี้จัดการเรื่องที่เธอขอร้องออกไปแล้ว เตรียมการขนย้ายโมบิลสูทที่เธอสร้างเอาไว้ได้เลย อา...ตามนั้นละ ทางฝ่ายนั้นอาจจะส่งคนมาดูนิดหน่อยก่อนเริ่มการทดสอบภาคสนามนะ จัดการดีๆหละ อืมๆ ชั้นฝากเธอด้วยนะ...ภารัน..."
1อาทิตย์ต่อมา
ช่วงเช้าของวัน
สนามบินสุวรรณภูมิ ช่องทางขาเข้าประเทศ
หญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศสีดำก้าวขาเดินออกมาอย่างรีบเร่ง เส้นผมสีดำขลับโบกสะบัดตามการเคลื่อนไหวของเธอ ดวงหน้าสวยคมที่ส่อแววเด็ดขาดเข้ากับบุคลิกของตัวเธอนั้นแสดงถึงความเคร่งเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"คุณโอริมูระ จิฟูยุใช่หรือเปล่าครับ" ชายร่างสูงในชุดราชการทหารเดินเข้ามาทักเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ใช่ แล้วคุณ?" เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ขออนุญาตแนะนำตัวครับ กระผมเรืออากาศโทณเรศ จันทระสุวรรณ์ เป็นผู้ประสานงานของโครงการนี้ครับ เพื่อความสะดวกจะเรียกว่าผู้หมวดก็ได้ครับ ขอเชิญคุณโอริมูระตามมาทางนี้ได้เลยครับ" กล่าวจบ ผู้หมวดหนุ่มก็สาวเท้าเดินนำหน้าหญิงสาว
ทั้งสองสาวเท้าด้วยความเร็วปานกลางไปยังตึกจอดรถที่อยู่ตึกข้างๆกัน ตัวของจิฟูยุเดินตามผู้หมวดคนนี้มาได้ซักพัก จึงตัดสินใจเอ่ยถามอะไรบางอย่างออกไป
"ทางชั้นขอถามเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองหน่อยได้ใช่ไหม?" จิฟูยุถามผู้หมวดหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ขณะที่ตนยังเดินตามหลังผู้หมวดคนนี้อยู่
"เชิญเลยครับคุณโอริมูระ" ณเรศขานรับเชิงประมาณว่าจะถามอะไรก็ถามเลย โดยไม่หันหน้ามามองหล่อนแม้เพียงสักนิด
"สิ่งที่ประเทศของคุณทำอยู่ในตอนนี้สามารถทำให้มีปัญหากับทางญี่ปุ่นและทั่วโลกได้เลยนะ การที่พวกคุณแอบวิจัยและพัฒนาไอเอสโดยไม่ขออนุญาตทางเรามาก่อนเนี่ย ทางประเทศคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่" จิฟูยุเอ่ยถามณเรศอย่างรำคาญใจ การที่ไทยแอบวิจัยไอเอสนี้อาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างประเทศได้เลย แต่ทำไมตอนนี้ถึงเรียกเธอมาดูผลงานกัน ไทยต้องการอะไรกันแน่
"เฮ้อ...คุณเป็นคนที่สองแล้วนะครับที่ถามผมแบบนี้ ผมจำได้ว่าผมส่งข้อมูลของโครงการไปชัดเจนแล้วนะครับว่ามันไม่ใช่ไอเอสน่ะ"ณเรศถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย นี้เขาต้องมาอธิบายอะไรพวกนี้อีกแล้วหรอเนี่ย รอบที่สองแล้วนะตั้งแต่ขอความร่วมมือไป ทำไมคนญี่ปุ่นนี้เข้าใจอะไรยากเสียจริงเชียว
"ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มเนี่ยนะไม่ใช่ไอเอส พวกคุณกำลังเล่นตลกร้ายอะไรอยู่กันแน่"
"ในรายละเอียดโครงการผมระบุไปชัดเจนแล้วนะว่ามันคือการพัฒนาชุดสูทแบบมัลติฟอร์มแบบใหม่ ไม่ใช่การพัฒนาไอเอสอย่างที่คุณว่าสักนิดเลยนะครับ แถมทางเรายังไม่ได้ใช้คอร์ที่เป็นส่วนสำคัญของไอเอสด้วยครับ ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่ไอเอสครับ" ณเรศเถียงโต้จิฟูยุอย่างเบื่อหน่าย เข้าใจอะไรยากจริงๆนั้นละน๊า
"ถ้าทางคุณยืนกรานเช่นนั้น ทำไมถึงไม่เชิญผู้เชี่ยวชาญอย่างดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะมายืนยันแทนที่จะเป็นชั้นกันหละ" จิฟูยุไม่เข้าใจจริงๆว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่แน่ในตอนนี้ ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มคือชื่อที่ใช้ในการอธิบายถึงตัวตนของไอเอสได้ดีที่สุด แล้วทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงได้ค้านหัวชนฝาถึงขนาดนี้กันนะ
ผู้หมวดณเรศไม่พูดตอบอะไรกลับมา แต่สาวเท้าพาเธอไปยังรถที่มารับอย่างรวดเร็ว
"เอาละ...หยุดการโต้เถียงของพวกเราทั้งคู่ไว้เพียงแค่นี้ก่อนละกันนะครับ ตอนนี้เชิญขึ้นรถเถอะครับ เราจะได้ไปยังสถานที่ทดสอบกัน ถึงที่นั้นผมจะให้ผู้พัฒนามันอธิบายให้เอง" กล่าวจบ ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้จิฟูยุด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่ายกับการโต้เถียงของหล่อนอย่างเต็มที่
ฝ่ายจิฟูยุเห็นเช่นนั้นจึงก้าวเข้าไปนั่งแล้วตวัดนัยน์ตาคมกริบไปจ้องกับผู้หมวดหนุ่มอย่างหงุดหงิด
"หวังว่าถึงสถานที่ทดสอบแล้วชั้นจะได้คำตอบที่ดีมานะ ไม่งั้นทางคุณก็เตรียมเจอกับข้อพิพาทระหว่างประเทศได้เลย" ณเรศได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยอะไร ก่อนลงมือสตาร์ทรถยนต์คันโปรด แล้วยกยิ้มอย่างถือดี สร้างความหงุดหงิดแก่จิฟูยุเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
3ชั่วโมงต่อมา
ฐานทัพอากาศดอนเมือง กรุงเทพมหานครฯ
รถยนต์ของณเรศลดความเร็วลงไปจอดที่หน้าโรงเก็บเครื่องบินแห่งหนึ่งในฐานทัพ ทั้งสองก้าวลงจากรถที่โดยสารมาจากสนามบิน ที่ด้านหน้าของโรงเก็บปรากฏเด็กหนุ่มอายุประมาณ15-16ปี สวมแว่นตาสีดำยืนรอทั้งสองอยู่ด้วยรอยยิ้ม
"มาช้านะครับผู้หมวด" เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายณเรศด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง
"แกก็รู้ว่าถนนเส้นวิภาวดี-รังสิตตอนเช้ารถมันติดแค่ไหน 3ชั่วโมงนี้ก็ถือว่าเร็วแล้วนะ" ผู้หมวดตอบคนตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย
"ฮ่ะๆ นั้นสินะครับ" เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ณเรศเห็นเช่นนั้นก็ยักไหล่ประมาณว่าช่างมันละกัน ก่อนจะผายมือไปทางจิฟูยุเพื่อจะแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
"เอ้อ นี้คุณโอริมูระ จิฟูยุ เป็นผู้ตรวจสอบอีกคนที่เราเชิญมาร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย" สิ้นคำพูด เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ยืนมือมาจับทักทายกับเธอ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณโอริมูระ จิฟูยุ" ทั้งคู่จับมือทักทายกันพอเป็นพิธี ก่อนที่ทั้งสามจะเดินเข้าไปยังโรงเก็บด้านหน้านี้
"แล้วเด็กคนนี้เป็นใคร อย่าบอกนะว่าเป็นนักบินของเครื่องทดสอบน่ะ" จิฟูยุถามณเรศอย่างสงสัย ขณะจ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่เดินนำเข้าไปในโรงเก็บ
"จะว่าอย่างงั้นก็คงได้ละมั้งครับ" ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มแหย
"แต่เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง?" จิฟูยุถามแล้วทำหน้าแปลกใจ
"กรุณาอย่าเอาบรรทัดฐานของไอเอสที่มีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ขับได้มาใช้สิครับ ถึงจะมีน้องชายคุณแปลกแยกมาคนนึงก็เถอะ...โอ๊ะ! นี้ผมไม่ได้ด่าน้องคุณนะครับ!" ณเรศพูดแล้วรีบยกมือยอมแพ้เมื่อสาวเจ้าตวัดสายตาจิกใส่
"ต่อนะครับ เจ้านี้น่ะ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศมาเกี่ยวข้องเลยครับ ถึงแม้ว่าสรีระของตัวเครื่องส่วนใหญ่ผู้ชายจะใช้งานได้ดีกว่าก็เถอะ" สิ้นคำพูด ชายหนุ่มก็ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"งั้นหรอ...แล้วผู้พัฒนาของโครงการนี้อยู่ที่ไหนหละ หลังจากที่ชั้นตรวจสอบไอชุดสูทแบบมัลติฟอร์มแบบใหม่อะไรนั้นตามที่คุณว่าเอาไว้ ชั้นมีเรื่องที่จะคุยกับเขาซักหน่อย"
"จริงๆคุณเจอเขาไปแล้วละครับ คุณแค่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง แต่เดี๋ยวรอเขาบอกคุณเองจะดีกว่าครับ" ณเรศหันไปยิ้มอย่างเป็นกันเอง โดยไม่เห็นเลยว่าที่หน้าผากของจิฟูยุจะมีเส้นเลือดขึ้นมาเพราะความกวนประสาทของผู้หมวดคนนี้ แต่ก่อนที่จิฟูยุจะได้ลงมือทำอะไรชายหนุ่มข้างๆตน เด็กหนุ่มด้านหน้าก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาทั้งสอง
"ถึงแล้วหละครับ" เสียงของเด็กหนุ่มข้างหน้าเรียกความสนใจของทั้งสองให้หันกลับไปมอง
สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่ครรลองสายตาของจิฟูยุก็คือคอนเทนเนอร์สีเงินขนาดใหญ่สามตู้ที่น่าจะบรรจุสิ่งที่ทำให้เธอถูกเรียกมาที่ประเทศนี้ตั้งอยู่
"นี้มันอะไรกันน่ะ..."จิฟูยุพึมพำแล้วเดินเข้าไปใกล้ บนฝาของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสามสลักตัวอักษรสีดำเอาไว้
"ทางฝั่งซ้ายด้านในเป็น'GNS-002 Nightmare' ตรงกลางจะเป็น'GNS-010 WhiteOwl' ส่วนทางขวาก็เป็น'GN-002Ov Dynames Orvane'น่ะครับ"
"ไนท์แมร์...ไวท์อาวล์แล้วก็ดิวนาเมสออเวนงั้นหรอ..." จิฟูยุมองตู้ทั้งสามอย่างสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้กองหนุ่มที่เดินตามมา
"แล้วจะเริ่มการทดสอบกันตอนไหนหละ"
"ใกล้แล้วหละครับ เพราะนักบินทดสอบอีกคนนึงกำลังเดินทางล่วงหน้าไปยังสนามทดสอบครับ"
"แล้วผู้พัฒนาหละ อยู่หนะ-"
"คุณโอริมูระครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกขัดเธอด้วยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า แว่นตาของเขาสะท้อนกับแสงไฟทำให้ไม่อาจมองเห็นดวงตาของอีกฝ่ายได้
จิฟูยุหันไปมองเด็กคนนั้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนักที่โดนขัด ณเรศที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวจึงถอนหายใจออกมา แล้วผายมือไปทางเด็กหนุ่ม
"คุณโอริมูระครับ...ผมขอแนะนำให้รู้จักกับเด็กคนนี้นะครับ...เขาชื่อนายภานุราช ปราการกันย์ เป็นนักบินทดสอบของไนท์แมร์...และเป็นผู้พัฒนาโมบิลสูทที่คุณเห็นอยู่นี้ด้วยครับ..."
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับคุณโอริมูระ จิฟูยุ เรียกผมว่าภารันก็ได้ครับ" เด็กหนุ่มตรงหน้าฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วโค้งตัวลงให้แก่หญิงสาวตรงหน้า
จิฟูยุรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้มากมายนักจนต้องแสดงกิริยาอันไม่สมควรออกไป ด้วยที่ว่าตนเองก็มีเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นอัจฉริยะอยู่แล้วคนนึง การที่จะมาเจอเด็กที่สามารถพัฒนาของพวกนี้ได้เองนั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมายของตนมากเกินไปนัก และในความคิดของจิฟูยุเอง ของตรงหน้าก็เปรียบเสมือนของเลียนแบบไอเอสเท่านั้น
"งั้นเธอลองบอกหน่อยสิว่าเจ้านี้มันแตกต่างจากไอเอสยังไง เพราะข้อมูลเท่าที่ทางไทยให้มานั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนตามดุลยพินิจของฉัน มันก็คือไอเอส ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นทางไทยก็ถือว่าละเมิดข้อตกลงตามสนธิสัญญาอลาสก้า ทางฉันก็ต้องขอยึดมันกลับไปนะ" จิฟูยุพูด แล้วจ้องไปยังภารันแบบคาดคั้น
"อา...ก็ได้ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มเปล่งเสียงพูดออกมา
"เจ้านี้คือ'Mobile Space Utility Instrument Tatical'หรืออีกชื่อที่เรียกสั้นๆก็คือ'Moblie Suit' โดยเจ้านี้จะไม่ได้ใช้คอร์ของไอเอส แต่ใช้ชิปหน่วยความจำรูปแบบเฉพาะที่ถูกพัฒนาขึ้นมาครับ" ภารันพูดพร้อมผายมือไปยังตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสาม
"ในข้อเท็จจริงประการแรกเลยคือเจ้านี้ไม่ใช่ชุดสูทแบบมัลติฟอร์มครับ ข้อมูลที่ผู้หมวดให้คุณไปผิดพลาดตรงจุดนี้ เจ้านี้เป็นชุดเกราะติดอาวุธเต็มอัตราศึกสำหรับการรบโดยเฉพาะตามชื่อของมัน..." จิฟูยุพยักหน้า ในใจก็คิดว่ามันก็ไม่ค่อยจะต่างจากไอเอสซักทีเดียว แค่เปลี่ยนชื่อเรียกกับวิธีการใช้งานจากการกีฬาและการคุ้มกันมาเป็นอาวุธโดยเฉพาะเท่านั้น
"ในข้อเท็จจริงประการที่สอง วัสดุที่ใช้ในการสร้างครับ ไอเอสส่วนใหญ่จะใช้'Reinforced Carbon-Carbon'ในการสร้าง แต่กับเจ้าโมบิลสูทนี้ วัสดุที่ใช้จะเป็น'E-Carbon'ครับ โดยคุณสมบัติของมันคือทนทานต่อแรงกระแทกและแรงกดได้อย่างมหาศาล เอาง่ายๆว่าเอาปืนที่ใช้ลูกตะกั่วมายิงหรือโดนระเบิดอัดก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ไร้รอยแผลแน่นอน ส่วนอาวุธจำพวกบีมจะพอทนได้ในขณะนึงเท่านั้นเองครับ แต่ก็ทนกว่าของที่ใช้กับไอเอสแน่ๆหละครับ ฮ่ะๆ" ผู้พัฒนาหัวเราะแห้งๆขณะอธิบาย
มันก็แค่ใช้วัสดุอื่นในการสร้างไม่ใช่หรือ ตัวจิฟูยุคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังคงฟังต่อโดยไม่เอ่ยปากค้านอะไรออกไป
"ในข้อเท็จจริงประการที่สาม ลักษณะชุดของไอเอสนั้นจะเป็นพาร์ทที่เอามาสวมเอาไว้ตามแต่ละส่วนของร่างกาย จึงมีบางส่วนของร่างกายที่ไม่ถูกปกป้องโดยชิ้นส่วนของชุด แต่เจ้านี้เป็นชุดที่สวมมิดชิดเข้ากับทุกส่วนของร่างกายครับ จึงสามารถปกป้องร่างกายได้ทุกส่วน แล้วยังไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนสะสมด้วยครับ ระบบระบายความร้อนของเรามีประสิทธิภาพพอที่จะใช้งานได้ในภารกิจที่ต้องใช้เวลานานหลายวันได้อย่างไม่มีปัญหา" ในข้อนี้ ตัวจิฟูยุรู้สึกว่าเจ้าโมบิลสูทที่เด็กหนุ่มคนนี้อธิบายให้เธอฟังนั้น มันเหมือนกับไวท์ไนท์ของเธอเป็นอย่างมาก
"ในข้อเท็จจริงประการที่สี่ ในด้านการป้องกันการโจมตี การป้องกันของไอเอสจะเป็นบาเรียพลังงานรูปทรงกลม ที่เมื่อถูกโจมตี พลังงานจะลดลงเรื่อยๆ ส่วนโมบิลสูทนั้น เนื่องจากอาวุธปกติที่ไม่ใช่บีมทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เราจึงพัฒนาเกราะ'Anti-Beam Defensive Reflector'ขึ้นแล้วฉาบไว้ที่ด้านนอกของชุดครับ โดยเจ้าเกราะนี้จะทำหน้าที่หักเหบีมส่วนนึงที่เข้ามาประทะกับเกราะให้กระจายออกไป จึงหมดปัญหาเรื่องการป้องกันบีมที่อี-คาร์บอนไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะทำได้ มีอะไรสงสัยไหมครับคุณโอริมูระ?" อธิบายจบ ภารันก็หันมาถามจิฟูยุด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม
"ชั้นจะยังไม่ตัดสินอะไรตอนนี้ละกัน เพราะจากที่เธออธิบายมามันยังมีความคลุมเครืออยู่เยอะเกินไป ไว้เดี๋ยวชั้นค่อยดูตอนทดสอบแล้วสรุปผลเอา" ถึงตัวจิฟูยุจะยังคงเชื่ออยู่ว่าสิ่งที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ทั้งสามคือไอเอส แต่ตัวของเธอก็ไม่อยากจะไปตัดสินในขณะที่ยังไม่เห็นด้วยตัวของเธอเอง เธอจึงตั้งใจว่าหลังจากที่สามเครื่องนี้ทดสอบเสร็จ ตนจึงจะตัดสินใจอีกทีหนึ่ง
"อย่างงั้นหรือครับ เช่นนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังสนามทดสอบเลยเถอะครับ เพราะตอนนี้นักบินทดสอบอีกคนน่าจะเดินทางไปถึงสนามทดสอบแล้ว เชิญไปขึ้นฮ.ที่ด้านนอกกันเถอะครับ" ว่าจบทั้งสามก็เดินออกไปขึ้นฮ.ลำเลียงEC725 ขณะที่คอนเทนเนอร์ทั้งสามก็ถูกติดตั้งเข้ากับฮ.ลำเลียงอีกสามลำที่เหลือ และออกตัวจากฐานทัพไปตามกัน
ฮ.ลำเลียงทั้งสี่ลำบินมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็วคงที่ โดยจุดหมายคือสนามทดสอบที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
"ว่าแต่ ทำไมถึงเชิญชั้นตรวจสอบมาแทนที่จะเป็นดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะหละ ในเรื่องนี้แล้วเธอคนนั้นน่าจะเป็นคนที่มีภาษีในด้านนี้มากกว่าชั้นที่เป็นแค่อาจารย์ประจำโรงเรียนไอเอสนะ" จิฟูยุถามทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตนอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามของหล่อน ทั้งคู่ก็หันมามองกันแล้วถอนหายใจพร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"คุณโอริมูระครับ คุณเป็นนักบินของไวท์ไนท์...ไอเอสตัวแรกของโลกที่ดร.ชิโนโนโนะเป็นคนสร้างใช่ไหมครับ...และก็ยังเป็นคนขับเจ้าไอเอสตัวนั้นออกไปขัดขวางขีปนาวุธวิสัยไกลจากสิบสี่ประเทศที่ถูกแฮกกิ้งให้ยิงใส่ญี่ปุ่นด้วย..." ภารันถามแล้วมองมาที่หล่อนด้วยสายตาจริงจัง
"ใช่...แล้วมันทำไมกันละ..."เธอถามย้อนเด็กหนุ่มตรงหน้า ดวงตาของหล่อนสบเข้ากับสายตาจริงจังที่ถูกส่งมา บรรยากาศมาคุเริ่มปกคลุมฮ.ลำเลียงลำนี้
"ผมรู้ว่าคุณก็คิดเหมือนกับผม...เหตุการณ์ในครั้งนั้นมันประจวบเหมาะกันเกินไป รวมถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนไอเอสด้วย ทุกอย่างมันดูเหมาะเจาะจนเหมือนกับว่าเป็นเรื่องบังเอิญจนหาจุดผิดสังเกตุไม่เจอ แต่นั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเกิดข้อสงสัย..." ว่าจบ เด็กหนุ่มก็กดเสียงพูดของตนให้ต่ำลง
"ใครกันที่สามารถแฮกกิ้งเข้าไปยังกองทัพของประเทศต่างๆแล้วไม่สามารถย้อนหาร่องรอยไอพีเครื่องที่แฮกกิ้งเข้ามาได้ ใครกันที่มีความสามารถมากพอที่จะส่งไอเอสไร้คนบังคับเข้าไปบุกยังโรงเรียนแห่งนั้นได้ ทั้งหมดที่ผมกล่าวมานี้ ถ้าไม่ใช่ดร.ชิโนโนโนะ ทาบาเนะแล้วจะเป็นใครไปได้หละครับ..." รอยยิ้มแบบอารมณ์เสียถูกกางขึ้นบนใบหน้าอ่อนวัยนั้น
"สำหรับอัจฉริยะอย่างหล่อนแล้วทุกสิ่งจะต้องเป็นไปตามที่เธอคิดอย่างมั่นใจโดยไม่มีกรณีเผื่อสำหรับความผิดพลาดและเพอร์เฟค แต่เพราะมันสมบูรณ์แบบมากเกินไปจึงเป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดที่ทำให้ผมเจอจุดน่าสงสัยนี้ และประกอบกับลักษณะนิสัยใจคอของหล่อนที่ทำอะไรเพื่อความสนุกของตนเองจนไม่สนว่าใครจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นั้นจึงทำให้ผมตัดสินใจเลือกคุณแทนที่จะเป็นผู้หญิงคนนั้น" ดวงตาสีดำหลังกรอบแว่นหรี่ลงจ้องมองคนตรงหน้า
"คนแบบนั้นนะมีสิทธิที่จะทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นได้สูงมาก มันมากจนทำให้ผมหงุดหงิดในตัวของหล่อนเลยหละ และนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมจะไม่มีวันให้เธอคนนั้นได้ข้อมูลของโมบิลสูทที่ผมอุตส่าห์พัฒนาขึ้นไปได้อย่างเด็ดขาด" ภารันตอบคนตรงหน้าตนด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดและหนักแน่น
"นี้เธอรู้?" จิฟูยุถามเด็กหนุ่มอย่างจริงจัง
"ใช่ครับ...ผมรู้" ภารันตอบและพยักหน้ารับ
"ตั้งแต่เมื่อไหร่หละ"
"ผมสะกิดใจตั้งแต่เหตุการณ์ที่ไอเอสไร้คนบังคับบุกเข้าไปโจมตีโรงเรียนของคุณนั้นหละครับ"
สิ้นคำพูด บรรยากาศมาคุในฮ.ลำเลียงก็ทวีความอึดอัดมากขึ้น
ณเรศถอนหายใจเบาๆแล้วตบไหล่เด็กหนุ่มเพื่อเรียกคืนสติ ก่อนจะหันกลับไปเอ่ยกับหญิงสาวเพื่อทำลายบรรยากาศตรึงเครียดนี้ลง
"หยุดการโต้เถียงไว้แค่นี้เถอะครับ เดี๋ยวมันจะแย่ลงกว่านี้นะครับคุณโอริมูระ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็พยักหน้าตอบรับ แล้วหลับตาลงคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ภารันพูดกับเธอ
ฐานทัพเรือสัตหีบ ชลบุรี
ฮ.ลำเลียงทั้งสี่ลำลงจอดที่จุดที่ใช้เป็นสนามทดสอบเฉพาะกิจ ร่างทั้งสามก้าวลงจากฮ.ลำเลียงที่พวกตนโดยสารมาพุ่งตรงไปยังที่จุดเตรียมพร้อม ภายในเต๊นท์ทหารสีเขียวเข้มที่หันหน้าออกไปยังทะเลอันดามันวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทหารในชุดพลางหลายคนเดินสวนไปมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบอาวุธใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น
ทั้งสามก้าวยาวๆเข้าไปด้านในเต๊นท์หลังนั้น แล้วจ้องมองดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น สายตาของผู้หมวดหนุ่มกวาดไปทั่วเต๊นท์หลังใหญ่เพื่อมองหาร่างของใครบางคน แต่เมื่อลองมองหาหลายรอบแล้วยังไม่เจอนั้น จึงตัดสินใจเอ่ยเรียกเรืออากาศตรีคนหนึ่งที่กำลังสั่งงานกับพลทหารอยู่
"สวัสดีครับท่าน มีอะไรให้รับใช้ครับ" เรืออากาศตรีร่างสูงยกมือขึ้นทำท่าวันทยหัตถ์แก่ณเรศ ก่อนจะเอ่ยถามไถ่
"เห็นนักบินทดสอบอีกคนบ้างไหม?" ณเรศเอ่ยถามเรืออากาศตรีตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก
เมื่อได้ยินคำถามของผู้ที่มียศสูงกว่าตน ชายหนุ่มก็ผายมือชี้ไปตรงใจกลางของความวุ่นวายขนาดย่อมนั้น
ตรงใจกลางความวุ่นวายนั้น มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเซ็ตค่าโปรแกรมการทดสอบอยู่ เส้นผมที่ถูกทำเป็นไฮไลต์สีดำขาวโบกสะบัดเบาๆตามการโยกหัวที่เกิดจากจังหวะของเพลงแจ๊สที่ตนฟังอยู่ ขัดกับเสียงรัวนิ้วใส่แป้นพิมพ์ที่บ้าคลั่งราวกับฉุดไม่อยู่นี้
เมื่อเห็นคนที่ตนหาแล้ว ณเรศก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่เรืออากาศตรีคนนั้นเป็นเชิงขอบใจ ก่อนที่ตนจะเดินนำหน้าเข้าไปหาเด็กคนนั้น
"นี้แกมาถึงนานรึยัง" ศีรษะของเด็กหนุ่มเงยขึ้นมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเป็นคนที่ตนรู้จัก รอยยิ้มยินดีก็ฉายชัดขึ้นบนใบหน้านั้น
"หวัดดีครับพี่ณเรศ ผมมาถึงนานพอสมควรแล้วหละครับ" มือของเด็กหนุ่มยกขึ้นมาสวัสดีคนตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังผู้หมวด
"ที่อยู่ข้างๆนายเป็นใครนะภารัน ผู้ตรวจสอบที่นายเชิญมาหรอ" ภารันพยักหน้ารับเชิงบอกว่าใช่ เห็นเช่นนั้น รอยยิ้มยินดีบนใบหน้านั้นก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
"อา...สวัสดีครับ ผมนายไตรสิงห์ วิพาบุญราช เรียกว่าอาทิตย์ก็ได้ครับ เป็นนักบินทดสอบของไวท์อาวล์ครับ" อาทิตย์แนะนำตัวพร้อมยกมือไหว้จิฟูยุ
"ชั้นโอริมูระ จิฟูยุ เป็นผู้ตรวจสอบจากทางโรงเรียนไอเอส ยินดีที่ได้รู้จัก" จิฟูยุกล่าวแนะนำตัวกลับพร้อมยกมือรับไหว้จากอาทิตย์
"แล้วนักบินทดสอบของดิวนาเมส ออเวนละอยู่ไหน?" จิฟูยุถามอย่างสงสัย เนื่องจากหล่อนยังไม่เห็นนักบินทดสอบอีกคน
สิ้นคำถามเด็กหนุ่มทั้งสองก็ตวัดมือชี้ไปยังผู้หมวดหนุ่มที่ยืนยิ้มแห้งๆอยู่ด้านหน้าหล่อน
"นักบินทดสอบของเจ้านั้นคือผมเองละครับคุณโอริมูระ ฮ่ะๆ ขอโทษที่ลืมบอกนะครับ" ณเรศยกมือชี้ตัวเองแล้วหัวเราะแห้งๆ
จิฟูยุเลิกคิ้วมองผู้หมวดหนุ่ม แล้วถอนหายใจ สรุปแล้วคนๆนี้ชอบไม่พูดบอกอะไรจนกว่าจะถึงเวลาหรือถามสินะ
"ผู้หมวด อาทิตย์ ถึงเวลาแล้ว...ไปกันเถอะ" ภารันยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา แล้วเอ่ยเรียกทั้งสองคน
จิฟูยุพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินออกจากเต๊นท์ไป โดยให้เรืออากาศตรีคนนั้นเป็นคนดูแลเธอแทน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ