Kiss Devil (ความรักของผู้ชายขนมหวานกับซาตานเอ๋อๆ)
8.2
7) เค้กของผม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “แป้งเค้ก ¼ ถ้วย, ไข่ไก่ 3 ฟอง , เนยสด ½ ก้อน , ผงฟู 1 ช้อนชา , น้ำตาลไอซิ่ง ½ ถ้วย , น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย , ครีมออฟทาทาร์ ¼ ถ้วย , นมสด 1 ช้อนโต๊ะ , วานิลา 1 ช้อนชา และสุดท้ายแยมเสาวรส เตรียมของเสร็จซักที” วันนี้ผมจะลองทำเค้กสูตรที่ผมคิดเพื่อไอ้เด็กบ้าที่ไม่ยอมกินขนมหวานของผมเสียที นี้เขาจะรู้ไหมว่าผมตั้งใจทำให้เขาขนาดไหนทั้งที่ความเป็นจริงเขาจะกินหรือไม่ผมไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่...ผมแค่อยากให้เขารู้ว่าการรักษารูปร่างมันไม่ใช่การอดมันมีวิธีตั้งเยอะแยะแต่ดันมางดในเรื่องแค่นี้ ไหนๆก็ไหนๆละในเมื่อไม่กินจะให้ทำไงได้ แม้ว่าเค้กวันนี้ผมจะทำขึ้นมาได้เพราะเขาแต่เขาไม่กินผมก็ไม่อยากเสียเปล่าถ้าทำแล้ว ลองเอาขายก็ได้นี่ ของแปลกใหม่เปรี้ยวอมหวานของแยมเสาวรส ผมว่ามันจะเป็นการครีเอทอาหารใหม่ที่หน้าสนใจเลยทีเดียว เพราะเสาวรสกลิ่นเขามักจะหอมยั่วยวนอยู่แล้ว ว่าแต่ผ้ากันเปื้อนของผมไปไหนละ อ๋อจริงซิ...ผมเอาไปซัก เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็หมุนตัวเพื่อจะไปหยิบผ้ากันเปื้อนแต่
“อ้าว...มาตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็มาทันเห็นคนบ่นพึมพำอะไรคนเดียวก็ไม่รู้...แล้วนี้พี่จะไปไหน”
“ไปหยิบผ้ากันเปื้อน”
“ไม่ต้องรอนี่แหล่ะเดี๋ยวผมไปหยิบให้ว่าแต่อยู่ตรงไหน”
“ก็บนห้องแหล่ะหน้าจะอยู่ตรงโต๊ะ”
“อือ...รอแปบ”
ตั้งแต่กลับจากวังน้ำเขียวมาได้สองสามวันผมก็พึ่งจะหาเวลามาหาพี่นิวที่ร้าน ความจริงก็อยากมาตั้งแต่แรกแล้วแต่ด้วยความที่ว่าผมกลัวว่าพี่นิวเขาจะโกรธเรื่องที่ไปจูบเขา แต่มาเจอจริงๆพี่นิวกับทำตัวปกติเหมือนเดิมจะมีก็ผมนี้แหล่ะแปลกไปเอง วันนั้นที่วังน้ำเขียวหลังจากที่จูบพี่นิวไปผมก็นอนไม่หลับทั้งคืนจนเช้ากระทั่งกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่วายจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะให้หลบหน้าหรอ ผมคิดว่ามันไม่แฟร์กับพี่นิว เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ผมก็...จูบเขาผิดหรือเปล่าว่ะ ก็ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าพี่นิวหน้าจูบก็เลยจูบ เฮ้อ...พอเถอะว่าแต่ผ้ากันเปื้อนๆ อยู่ไหน โต๊ะทำงาน
“อยู่นี้นี่เอง...เอ๊ะ??...” นี้อะไรเยอะแยะเต็มไปหมด
“สูตรเค้กสำหรับเอิร์ทเด็กเอ๋อ...ฮาๆๆๆ ดูเขียนเข้าเด็กเอ๋ออะไรหล่อขนาดนี้” พอเห็นสมุดและกระดาษที่จดสูตรต่างๆเพื่อทำเค้กให้ผมตรงหน้า ทำไมผมถึงรู้สึกดีใจแบบนี้ละ มีเขียนคำนวนค่าของน้ำตาล แคลอรี่ ไขมันด้วย แล้วอันนี้อะไรสรรพคุณของเสาวรส ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งอดยิ้มไม่ได้ แค่คิดสูตรเค้กขึ้นมาต้องค้นคว้าหาข้อมูลผู้บริโภคขนาดนี้เลยหรือไง ผมวางกระดาษทั้งหมดลงก่อนจะเดินลงมาที่ห้องทำขนมข้างล่าง
“ช้าว่ะ...นี้ไปเอาผ้ากันเปื้อหรือไปวางระเบิดห้องฉันว่ะ”
“บ่นจัง...อ่ะผ้ากันเปื้อน”
“ผูกให้เลยเห็นไหมมือเปื้อนแป้งเปื้อไข่หมดแล้ว”
“ห่ะ?..”
“ห่ะอะไรเร็วดิจะได้รีบทำ”
ผมหันไปพยักหน้าให้คนยืนเอ๋องงใส่ผมก่อนจะยกแขนขึ้นให้อีกคนเอาผ้ากันเปื้อนมาใส่ให้ ไอ้เด็กบ้าค่อยๆเอาผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอให้ผมก่อนที่ผมจะหมุนตัวหันหลังให้ผูกด้านหลังให้ แม้จะพอเดาออกว่าที่ไอ้เด็กบ้ามาหาเพราะอะไร แต่จะให้ผมเริ่มก่อนก็ไม่ใช่ เอาจริงๆมันก็แอบเขินเหมือนกันนะที่อยู่ๆคนเคยจูบกันโดยที่ไม่รู้เพราะอะไรจะให้ปกติหรือเปลี่ยนไป มันก็คิดยาก แต่พอคิดถึงเรื่องดีๆที่ไอ้เด็กบ้านี้ทำให้ก็ไม่อยากจะเสียมิตรภาพดีๆไป เพราะฉะนั้นผมจะเลือกไม่ถือสาแล้วกัน ก็คนมันมานี้แหล่ะ อีกอย่างตอนที่โดนมันจูบผมเองก็...เผลอไปจูบตอบด้วยไม่ใช่หรือไง นี้ละนะเมาแล้วบ้าบอไปหมด
“ขอบใจ...ว่าแต่มาหามีไรป่ะ”
“เปล่า...พอดีมาต่อยมวยก็เลยแวะมาหา”
“ฟิตจังเลยนะ...แล้วกินไรมายัง”
“ยัง...ว่าจะมาหาคนทำอะไรให้กิน”
“เค้กป่ะละ”
“ไม่เอา...”
“เออ...งั้นรอไปก่อนเดี๋ยวผสมแป้งใส่เครื่องตีเสร็จจะทำสปาเก็ตตี้ให้กิน”
“อือ...”
“แต่...ไหนๆก็ไหนๆแล้วช่วยทำเค้กหน่อยดิ”
“ห่ะ!!!...พูดผิดป่ะเนี้ย”
“เออให้ช่วยทำเค้กหน่อยจะได้เสร็จเร็วๆพออบเค้กจะได้ทำอะไรให้กินไง”
“ครับ...ว่าแต่ให้ทำไรอ่ะ” เดี๋ยวช่วยหยิบพวกส่วนผสมนั้นให้ทีแล้วกันฉํนจะค่อยๆผลสมแป้งมันต้องใส่ทีละอย่างเดี๋ยวนายช่วยหยิบให้ที”
“โอเค...”
ฮาๆๆๆ....เสียงหัวเราะของคนที่ตอนแรกบอกให้ผมช่วยหยิบวัตถุดิบให้ทำไมอยู่ๆกลายมาเป็นคนตีแป้งเองละ ตอนแรกยังบอกจะเอาใส่เครื่องตี
“เหนื่อย...ไหนบอกจะเอาใส่เครื่องตี”
“ก็อยากให้ลองทำดูเป็นไง”
“เหนื่อยดิว่าแต่เมื่อไรแป้งจะได้ที่เนี้ย”
“เออนะตีไปก่อน”
“ไรว่ะ...แล้วเมื่อไรจะได้กินสปาเก็ตตี้”
“ก็นี้ไงนายตีแป้งไปเดี๋ยวฉันจะไปต้มเส้นสปาเก็ตตี้แล้วก็ทำซอสพอเสร็จนายจะได้กินส่วนแป้งก็น่าจะเข้าที่พอดีได้อบ”
“ยุ่งยากจังวะ...”
“ยุ่งยากอะไรตรงไหนนายนะใจร้อนเอง”
“เร็วๆนะหิวแล้ว”
“เออ...ตีไปอย่าบ่นมาก”
ผมเอามือตีแป้งไปเรื่อยๆตามที่ถูกสั่งให้ทำตอนแรกผมก็มองว่าการทำเค้กมันก็ไม่น่าจะยุ่งยากอะไรแต่พอต้องมาทนตีแป้งเองเหมือนกับว่าผมไม่เข้าใจทำไมคนเราต้องมานั่งทำอะไรให้มันช้ายุ่งยากขนาดนี้ของกินก็เยอะแยะแต่กลายเป็นมาค่อยๆทำทีละอย่างกว่าจะได้กินอีก เพื่ออะไรกัน
“พี่นิว”
“ว่า...”
“พี่ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรอเวลาทำเค้กพวกนี้”
“อือ...ก็มีบ้าง...แต่ผลลัพธ์จากการได้เห็นคนกินมันคุ้มกว่า”
“ยังไง...”
“ไม่บอกเดี๋ยวนายคอยดูเอาเองแล้วกัน”
“อะไรของพี่ชอบทำอะไรยุ่งยากจัง”
“นายเนี้ยนะ...”
หลังจากสปาเก็ตตี้ที่ทำเสร็จได้จัดลงบนจานสองจานก่อนผมจะเดินถือไปวางให้คนที่นั่งยวดแจนตัวเองบ่นว่าเหนื่อยจนต้องนิ่วหน้าใส่ผมที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เป็นไร...”
“ปวดแขนอะดิ”
“แค่นี้เอง...ไหนบอกว่าเข้าฟิตเนตบ่อยแค่นี้หมดแรงแล้วหรอ”
“มันเหมือนกันซะที่ไหนละ”
“ถ้าคิดว่ามันเหมือนมันก็เหมือนแต่ถ้าคิดว่ามันต่างมันก็ต่าง”
“พี่คิดได้เนอะ..”
“ก็เรื่องแค่นี้ป่ะว่ะ...อะกินเยอะๆ”
“ขอบคุณครับ...ไมเกรงใจแล้วนะ”
“เออ...”
ผมตักสปาเก็ตตี้ใส่ปากพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่ตักสปาเก็ตตี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย คงหิวมากซินะ
“อ่ะนี้กุ้งแบ่งให้”
“ขอบคุณครับ...อร่อยมากเลยพี่นิว”
“กินของคาวแล้วกินของหวานต่อไหมละ”
“โนว...อย่ามาหลอกให้ผมหลงกลเลยพี่”
“เฮ้อออ...”
หลังจากกินสปาเก็ตตี้เสร็จแล้วผมก็ให้ไอ้เด็กบ้าเอาจานไปล้างส่วนผมนะหรอแป้งเค้กอบเสร็จแล้วก็เอามาปาดให้เป็นรูปทรงดีๆก่อนจะไปหยิบเอาครีมสดที่เตรียมไว้กับแยมเสาวรสที่ผมทำไว้ออกมา ทำแป้งเป็นชั้นๆดีกว่าผมค่อยๆใช้มีดตัดแป้งออกเป็นสามชั้นเท่าๆกันก่อนจะทาแยมเสาวรสที่ทำไว้ตามชั้นของแปงที่แบ่ง จากนั้นก็ปาดครีมสดปิดเนื้อแป้งให้เรียบร้อยก่อนจะค่อยๆตกแต่งหน้าเค้ก
“เค้กอะไรอะ”
“เค้กเสาวรส”
“เสาวรส?”
เดี๋ยวนะเค้กเสาวรสงั้นหรอ นั้นก็หมายความว่าเค้กอันนี้คือเค้กที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อผมใช่ไหม แล้วผมบอกพี่นิวตอนไหนว่าผมจะยอมกินเค้กของเขาอีกอย่างปอนด์ใหญ่ขนาดนั้น ตายแน่ๆ ไม่มีทางผมไม่มีทางกินเค้กก้อนนี้แน่ๆ
“เสร็จแล้ว...น่ากินเป็นบ้าเลย เดี๋ยวต้องถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน”
เสียงพี่นิวพูดพร้อมกับหยิบมือถือตัวเองออกมาถ่ายเค้กที่พึ่งแต่งเสร็จสวยงามก่อนจะทำอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่นิวเขาทำอะไร
“เดี๋ยวๆพี่นิว...พี่จะเอาไปไหน”
“ขายดิ..”
“ขาย?...”
“เออ...”
“เฮ้ยได้ไงอ่ะ”
“อะไรของนาย...”
“ก็พี่จะเอาเค้กอันนี้ไปขายได้ไง”
“ก็ทำไมจะไม่ได้ว่ะ”
“ก็อันนี้มันเค้กที่พี่ตั้งใจคิดสูตรมาเพื่อผมไม่ใช่หรือไงพี่จะขายได้ไง”
ผมมองหน้าคนที่หลุดปากพูดบางอย่างออกมา นี้ไอ้บ้าเขารู้ได้ไงว่าเค้กเสาวรสอันนี้มันคือเค้กที่ผมตั้งใจคิดเพื่อเขา อย่าบอกนะว่าเขาเห็นกระดาษบนห้องของผม
“เอิร์ท”
“ห่ะ?”
“รู้ได้ไงว่าเค้กนี้เป็นเค้กที่ฉันคิดสูตรเพื่อนาย”
“เออ..คือ...”
“เห็นบนห้องฉันใช่ไหม”
“เออ...ก็ใช่”
“อือ...แล้วทำไมมีปัญหาอะไรหรือไงถ้าฉันจะเอาเค้กอันนี้ขาย”
“มันก็...”
“นายไม่กินมันเองนะในเมื่อทำมาแล้วไม่มีคนกินฉันก็ต้องขาย...ฉันไม่ให้ของเสียเปล่าหรอกนะ”
“แต่ว่าเค้กอันนี้พี่ทำให้ผม”
“แล้วนายจะกินหรือไงถ้าไม่กินก็หยุด”
“เออ...คือ...”
“ตกลงจะกินหรือไม่กิน”
“ผม...”
“ถ้าฝืนไม่ต้องกินเพราะอะไรถ้าไม่ชอบมันก็คือไม่ชอบ ฉันอาจจะผิดที่ตื้อนายให้กินนะแต่ บางทีฉันว่าหยุดดีกว่าเพราะยังไงนายก็ไม่ชอบมันอยู่แล้ว”
เอาไงดีว่ะ...ไม่เคยเห็นพี่นิวทำหน้าดุจริงจังขนาดนี้ด้วย แต่...แต่เค้กอันนี้ผมก็มีส่วนไม่ใช่หรือไง นอกจากจะเป็นเค้กที่พี่นิวทำเพื่อผมแล้ว เค้กอันนี้ผมกับพี่นิวช่วยกันทำด้วย
“สรุปว่าจะเอาไง”
“กินก็ได้...แต่”
“แต่?...แต่อะไรอีก”
“เออคือ...พี่ต้อง...ป้อนผมนะ”
“ห่ะ?...”
“ก็ผมยอมกินเค้กฝีมือพี่แล้วไง...แต่พี่ก็ต้องเป็นคนป้อนอ่ะโอเคไหม...”
“นายจะกินหมดนี้เลยใช่ไหม”
“อือ...แต่แบ่งนะเป็นสิบชิ้น ผมจะมากินวันละชิ้นจนกว่าจะหมดปอนด์นี้”
“ก็ได้...วันละชิ้นสิบชิ้นสิบวัน”
“ถ้าหมดสิบชิ้นแล้วพี่ต้องมีอะไรมาแลกกับผมนะ”
“อยากได้อะไร”
“ไม่บอกรอให้ครบสิบก่อนแล้วกัน”
“ยุ่งยากจังเลยนะ”
“ก็ขนาดเค้กของพี่ยังทำยุ่งยากเลย”
“ยอกย้อนนักละ...งั้นเริ่มวันนี้เลยนะชิ้นแรกเอาตรงไหน...เดี่ยวตัดให้”
“อันไหนก็ได้...ยังไงก็ต้องกินให้หมดไม่ใช่หรือไง”
“โอเคงั้นไปนั่งรอเลยเดี๋ยวเอาไปให้”
“มานี่ดิเอิร์ทเร็วหันมาถ่ายรูปหน่อยจะอัพไอจี”
“อัพอะไร”
“เค้กไงเร็ว...”
“ครับ”
ผมเปิดเลื่อนดูรูปที่ถ่ายคู่กับเอิร์ทที่ถือจานใส่เค้กก่อนจะป้อนให้อีกคนไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงได้รู้สึกดีใจแบบนี้ก็ไม่รู้อาจจะเพราะผมทำให้เขายอมกินเค้กแล้วก็ได้
“เป็นไง...อร่อยไหม”
“อืม...แยมอร่อย”
“เห็นไหมละฉันบอกแล้วของหวานไม่ได้แย่”
“ครับ...ที่ยอมกินก็เพราะเห็นที่พี่พยายามทำให้ผมตั้งหาก”
“ทำไมถ้าไม่เห็นก็คงไม่กินหรอ?”
“เปล่า...”
“แล้วอะไรละ”
“ก็อาจจะกินมั่ง ก็...เสาวรสมันเหมาะกับผมนี้พี่บอกเองไม่ใช่หรอ”
“แล้วตอนนี้รู้หรือยัง”
“รู้?...เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่นายพึ่งถามฉันไงว่าไม่เหนื่อยบ้างหรอที่ทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ แล้วตอนนี้ฉันตอบนายได้เลยว่ามันหายเหนื่อย มันคุ้มแล้วที่ทำมาเพราะคนกินมีความสุขไง”
“ครับ...ผมเข้าใจแล้ว”
ผมได้มองหน้าคนป้อนเค้กให้ก่อนจะอ้าปากกินเค้กที่ผมไม่เคยได้รู้จักรสชาดแบบนี้มานานแสนนาน รสชาติของความสุข ความสุขของคนที่ตั้งใจทำอะไรเพื่อเราซักอย่าง ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ของหวานมันมีดีตรงไหน มันมีดีตรงที่คนทำเขาตั้งใจทำเพื่อเรา และที่สำคัญคนป้อนตรงหน้านี้แหล่ะที่สำคัญกว่า
“อ้าว...มาตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็มาทันเห็นคนบ่นพึมพำอะไรคนเดียวก็ไม่รู้...แล้วนี้พี่จะไปไหน”
“ไปหยิบผ้ากันเปื้อน”
“ไม่ต้องรอนี่แหล่ะเดี๋ยวผมไปหยิบให้ว่าแต่อยู่ตรงไหน”
“ก็บนห้องแหล่ะหน้าจะอยู่ตรงโต๊ะ”
“อือ...รอแปบ”
ตั้งแต่กลับจากวังน้ำเขียวมาได้สองสามวันผมก็พึ่งจะหาเวลามาหาพี่นิวที่ร้าน ความจริงก็อยากมาตั้งแต่แรกแล้วแต่ด้วยความที่ว่าผมกลัวว่าพี่นิวเขาจะโกรธเรื่องที่ไปจูบเขา แต่มาเจอจริงๆพี่นิวกับทำตัวปกติเหมือนเดิมจะมีก็ผมนี้แหล่ะแปลกไปเอง วันนั้นที่วังน้ำเขียวหลังจากที่จูบพี่นิวไปผมก็นอนไม่หลับทั้งคืนจนเช้ากระทั่งกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่วายจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะให้หลบหน้าหรอ ผมคิดว่ามันไม่แฟร์กับพี่นิว เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ผมก็...จูบเขาผิดหรือเปล่าว่ะ ก็ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าพี่นิวหน้าจูบก็เลยจูบ เฮ้อ...พอเถอะว่าแต่ผ้ากันเปื้อนๆ อยู่ไหน โต๊ะทำงาน
“อยู่นี้นี่เอง...เอ๊ะ??...” นี้อะไรเยอะแยะเต็มไปหมด
“สูตรเค้กสำหรับเอิร์ทเด็กเอ๋อ...ฮาๆๆๆ ดูเขียนเข้าเด็กเอ๋ออะไรหล่อขนาดนี้” พอเห็นสมุดและกระดาษที่จดสูตรต่างๆเพื่อทำเค้กให้ผมตรงหน้า ทำไมผมถึงรู้สึกดีใจแบบนี้ละ มีเขียนคำนวนค่าของน้ำตาล แคลอรี่ ไขมันด้วย แล้วอันนี้อะไรสรรพคุณของเสาวรส ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งอดยิ้มไม่ได้ แค่คิดสูตรเค้กขึ้นมาต้องค้นคว้าหาข้อมูลผู้บริโภคขนาดนี้เลยหรือไง ผมวางกระดาษทั้งหมดลงก่อนจะเดินลงมาที่ห้องทำขนมข้างล่าง
“ช้าว่ะ...นี้ไปเอาผ้ากันเปื้อหรือไปวางระเบิดห้องฉันว่ะ”
“บ่นจัง...อ่ะผ้ากันเปื้อน”
“ผูกให้เลยเห็นไหมมือเปื้อนแป้งเปื้อไข่หมดแล้ว”
“ห่ะ?..”
“ห่ะอะไรเร็วดิจะได้รีบทำ”
ผมหันไปพยักหน้าให้คนยืนเอ๋องงใส่ผมก่อนจะยกแขนขึ้นให้อีกคนเอาผ้ากันเปื้อนมาใส่ให้ ไอ้เด็กบ้าค่อยๆเอาผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอให้ผมก่อนที่ผมจะหมุนตัวหันหลังให้ผูกด้านหลังให้ แม้จะพอเดาออกว่าที่ไอ้เด็กบ้ามาหาเพราะอะไร แต่จะให้ผมเริ่มก่อนก็ไม่ใช่ เอาจริงๆมันก็แอบเขินเหมือนกันนะที่อยู่ๆคนเคยจูบกันโดยที่ไม่รู้เพราะอะไรจะให้ปกติหรือเปลี่ยนไป มันก็คิดยาก แต่พอคิดถึงเรื่องดีๆที่ไอ้เด็กบ้านี้ทำให้ก็ไม่อยากจะเสียมิตรภาพดีๆไป เพราะฉะนั้นผมจะเลือกไม่ถือสาแล้วกัน ก็คนมันมานี้แหล่ะ อีกอย่างตอนที่โดนมันจูบผมเองก็...เผลอไปจูบตอบด้วยไม่ใช่หรือไง นี้ละนะเมาแล้วบ้าบอไปหมด
“ขอบใจ...ว่าแต่มาหามีไรป่ะ”
“เปล่า...พอดีมาต่อยมวยก็เลยแวะมาหา”
“ฟิตจังเลยนะ...แล้วกินไรมายัง”
“ยัง...ว่าจะมาหาคนทำอะไรให้กิน”
“เค้กป่ะละ”
“ไม่เอา...”
“เออ...งั้นรอไปก่อนเดี๋ยวผสมแป้งใส่เครื่องตีเสร็จจะทำสปาเก็ตตี้ให้กิน”
“อือ...”
“แต่...ไหนๆก็ไหนๆแล้วช่วยทำเค้กหน่อยดิ”
“ห่ะ!!!...พูดผิดป่ะเนี้ย”
“เออให้ช่วยทำเค้กหน่อยจะได้เสร็จเร็วๆพออบเค้กจะได้ทำอะไรให้กินไง”
“ครับ...ว่าแต่ให้ทำไรอ่ะ” เดี๋ยวช่วยหยิบพวกส่วนผสมนั้นให้ทีแล้วกันฉํนจะค่อยๆผลสมแป้งมันต้องใส่ทีละอย่างเดี๋ยวนายช่วยหยิบให้ที”
“โอเค...”
ฮาๆๆๆ....เสียงหัวเราะของคนที่ตอนแรกบอกให้ผมช่วยหยิบวัตถุดิบให้ทำไมอยู่ๆกลายมาเป็นคนตีแป้งเองละ ตอนแรกยังบอกจะเอาใส่เครื่องตี
“เหนื่อย...ไหนบอกจะเอาใส่เครื่องตี”
“ก็อยากให้ลองทำดูเป็นไง”
“เหนื่อยดิว่าแต่เมื่อไรแป้งจะได้ที่เนี้ย”
“เออนะตีไปก่อน”
“ไรว่ะ...แล้วเมื่อไรจะได้กินสปาเก็ตตี้”
“ก็นี้ไงนายตีแป้งไปเดี๋ยวฉันจะไปต้มเส้นสปาเก็ตตี้แล้วก็ทำซอสพอเสร็จนายจะได้กินส่วนแป้งก็น่าจะเข้าที่พอดีได้อบ”
“ยุ่งยากจังวะ...”
“ยุ่งยากอะไรตรงไหนนายนะใจร้อนเอง”
“เร็วๆนะหิวแล้ว”
“เออ...ตีไปอย่าบ่นมาก”
ผมเอามือตีแป้งไปเรื่อยๆตามที่ถูกสั่งให้ทำตอนแรกผมก็มองว่าการทำเค้กมันก็ไม่น่าจะยุ่งยากอะไรแต่พอต้องมาทนตีแป้งเองเหมือนกับว่าผมไม่เข้าใจทำไมคนเราต้องมานั่งทำอะไรให้มันช้ายุ่งยากขนาดนี้ของกินก็เยอะแยะแต่กลายเป็นมาค่อยๆทำทีละอย่างกว่าจะได้กินอีก เพื่ออะไรกัน
“พี่นิว”
“ว่า...”
“พี่ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรอเวลาทำเค้กพวกนี้”
“อือ...ก็มีบ้าง...แต่ผลลัพธ์จากการได้เห็นคนกินมันคุ้มกว่า”
“ยังไง...”
“ไม่บอกเดี๋ยวนายคอยดูเอาเองแล้วกัน”
“อะไรของพี่ชอบทำอะไรยุ่งยากจัง”
“นายเนี้ยนะ...”
หลังจากสปาเก็ตตี้ที่ทำเสร็จได้จัดลงบนจานสองจานก่อนผมจะเดินถือไปวางให้คนที่นั่งยวดแจนตัวเองบ่นว่าเหนื่อยจนต้องนิ่วหน้าใส่ผมที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เป็นไร...”
“ปวดแขนอะดิ”
“แค่นี้เอง...ไหนบอกว่าเข้าฟิตเนตบ่อยแค่นี้หมดแรงแล้วหรอ”
“มันเหมือนกันซะที่ไหนละ”
“ถ้าคิดว่ามันเหมือนมันก็เหมือนแต่ถ้าคิดว่ามันต่างมันก็ต่าง”
“พี่คิดได้เนอะ..”
“ก็เรื่องแค่นี้ป่ะว่ะ...อะกินเยอะๆ”
“ขอบคุณครับ...ไมเกรงใจแล้วนะ”
“เออ...”
ผมตักสปาเก็ตตี้ใส่ปากพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่ตักสปาเก็ตตี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย คงหิวมากซินะ
“อ่ะนี้กุ้งแบ่งให้”
“ขอบคุณครับ...อร่อยมากเลยพี่นิว”
“กินของคาวแล้วกินของหวานต่อไหมละ”
“โนว...อย่ามาหลอกให้ผมหลงกลเลยพี่”
“เฮ้อออ...”
หลังจากกินสปาเก็ตตี้เสร็จแล้วผมก็ให้ไอ้เด็กบ้าเอาจานไปล้างส่วนผมนะหรอแป้งเค้กอบเสร็จแล้วก็เอามาปาดให้เป็นรูปทรงดีๆก่อนจะไปหยิบเอาครีมสดที่เตรียมไว้กับแยมเสาวรสที่ผมทำไว้ออกมา ทำแป้งเป็นชั้นๆดีกว่าผมค่อยๆใช้มีดตัดแป้งออกเป็นสามชั้นเท่าๆกันก่อนจะทาแยมเสาวรสที่ทำไว้ตามชั้นของแปงที่แบ่ง จากนั้นก็ปาดครีมสดปิดเนื้อแป้งให้เรียบร้อยก่อนจะค่อยๆตกแต่งหน้าเค้ก
“เค้กอะไรอะ”
“เค้กเสาวรส”
“เสาวรส?”
เดี๋ยวนะเค้กเสาวรสงั้นหรอ นั้นก็หมายความว่าเค้กอันนี้คือเค้กที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อผมใช่ไหม แล้วผมบอกพี่นิวตอนไหนว่าผมจะยอมกินเค้กของเขาอีกอย่างปอนด์ใหญ่ขนาดนั้น ตายแน่ๆ ไม่มีทางผมไม่มีทางกินเค้กก้อนนี้แน่ๆ
“เสร็จแล้ว...น่ากินเป็นบ้าเลย เดี๋ยวต้องถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน”
เสียงพี่นิวพูดพร้อมกับหยิบมือถือตัวเองออกมาถ่ายเค้กที่พึ่งแต่งเสร็จสวยงามก่อนจะทำอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่นิวเขาทำอะไร
“เดี๋ยวๆพี่นิว...พี่จะเอาไปไหน”
“ขายดิ..”
“ขาย?...”
“เออ...”
“เฮ้ยได้ไงอ่ะ”
“อะไรของนาย...”
“ก็พี่จะเอาเค้กอันนี้ไปขายได้ไง”
“ก็ทำไมจะไม่ได้ว่ะ”
“ก็อันนี้มันเค้กที่พี่ตั้งใจคิดสูตรมาเพื่อผมไม่ใช่หรือไงพี่จะขายได้ไง”
ผมมองหน้าคนที่หลุดปากพูดบางอย่างออกมา นี้ไอ้บ้าเขารู้ได้ไงว่าเค้กเสาวรสอันนี้มันคือเค้กที่ผมตั้งใจคิดเพื่อเขา อย่าบอกนะว่าเขาเห็นกระดาษบนห้องของผม
“เอิร์ท”
“ห่ะ?”
“รู้ได้ไงว่าเค้กนี้เป็นเค้กที่ฉันคิดสูตรเพื่อนาย”
“เออ..คือ...”
“เห็นบนห้องฉันใช่ไหม”
“เออ...ก็ใช่”
“อือ...แล้วทำไมมีปัญหาอะไรหรือไงถ้าฉันจะเอาเค้กอันนี้ขาย”
“มันก็...”
“นายไม่กินมันเองนะในเมื่อทำมาแล้วไม่มีคนกินฉันก็ต้องขาย...ฉันไม่ให้ของเสียเปล่าหรอกนะ”
“แต่ว่าเค้กอันนี้พี่ทำให้ผม”
“แล้วนายจะกินหรือไงถ้าไม่กินก็หยุด”
“เออ...คือ...”
“ตกลงจะกินหรือไม่กิน”
“ผม...”
“ถ้าฝืนไม่ต้องกินเพราะอะไรถ้าไม่ชอบมันก็คือไม่ชอบ ฉันอาจจะผิดที่ตื้อนายให้กินนะแต่ บางทีฉันว่าหยุดดีกว่าเพราะยังไงนายก็ไม่ชอบมันอยู่แล้ว”
เอาไงดีว่ะ...ไม่เคยเห็นพี่นิวทำหน้าดุจริงจังขนาดนี้ด้วย แต่...แต่เค้กอันนี้ผมก็มีส่วนไม่ใช่หรือไง นอกจากจะเป็นเค้กที่พี่นิวทำเพื่อผมแล้ว เค้กอันนี้ผมกับพี่นิวช่วยกันทำด้วย
“สรุปว่าจะเอาไง”
“กินก็ได้...แต่”
“แต่?...แต่อะไรอีก”
“เออคือ...พี่ต้อง...ป้อนผมนะ”
“ห่ะ?...”
“ก็ผมยอมกินเค้กฝีมือพี่แล้วไง...แต่พี่ก็ต้องเป็นคนป้อนอ่ะโอเคไหม...”
“นายจะกินหมดนี้เลยใช่ไหม”
“อือ...แต่แบ่งนะเป็นสิบชิ้น ผมจะมากินวันละชิ้นจนกว่าจะหมดปอนด์นี้”
“ก็ได้...วันละชิ้นสิบชิ้นสิบวัน”
“ถ้าหมดสิบชิ้นแล้วพี่ต้องมีอะไรมาแลกกับผมนะ”
“อยากได้อะไร”
“ไม่บอกรอให้ครบสิบก่อนแล้วกัน”
“ยุ่งยากจังเลยนะ”
“ก็ขนาดเค้กของพี่ยังทำยุ่งยากเลย”
“ยอกย้อนนักละ...งั้นเริ่มวันนี้เลยนะชิ้นแรกเอาตรงไหน...เดี่ยวตัดให้”
“อันไหนก็ได้...ยังไงก็ต้องกินให้หมดไม่ใช่หรือไง”
“โอเคงั้นไปนั่งรอเลยเดี๋ยวเอาไปให้”
“มานี่ดิเอิร์ทเร็วหันมาถ่ายรูปหน่อยจะอัพไอจี”
“อัพอะไร”
“เค้กไงเร็ว...”
“ครับ”
ผมเปิดเลื่อนดูรูปที่ถ่ายคู่กับเอิร์ทที่ถือจานใส่เค้กก่อนจะป้อนให้อีกคนไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงได้รู้สึกดีใจแบบนี้ก็ไม่รู้อาจจะเพราะผมทำให้เขายอมกินเค้กแล้วก็ได้
“เป็นไง...อร่อยไหม”
“อืม...แยมอร่อย”
“เห็นไหมละฉันบอกแล้วของหวานไม่ได้แย่”
“ครับ...ที่ยอมกินก็เพราะเห็นที่พี่พยายามทำให้ผมตั้งหาก”
“ทำไมถ้าไม่เห็นก็คงไม่กินหรอ?”
“เปล่า...”
“แล้วอะไรละ”
“ก็อาจจะกินมั่ง ก็...เสาวรสมันเหมาะกับผมนี้พี่บอกเองไม่ใช่หรอ”
“แล้วตอนนี้รู้หรือยัง”
“รู้?...เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่นายพึ่งถามฉันไงว่าไม่เหนื่อยบ้างหรอที่ทำอะไรยุ่งยากขนาดนี้ แล้วตอนนี้ฉันตอบนายได้เลยว่ามันหายเหนื่อย มันคุ้มแล้วที่ทำมาเพราะคนกินมีความสุขไง”
“ครับ...ผมเข้าใจแล้ว”
ผมได้มองหน้าคนป้อนเค้กให้ก่อนจะอ้าปากกินเค้กที่ผมไม่เคยได้รู้จักรสชาดแบบนี้มานานแสนนาน รสชาติของความสุข ความสุขของคนที่ตั้งใจทำอะไรเพื่อเราซักอย่าง ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ของหวานมันมีดีตรงไหน มันมีดีตรงที่คนทำเขาตั้งใจทำเพื่อเรา และที่สำคัญคนป้อนตรงหน้านี้แหล่ะที่สำคัญกว่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ