YAOI LOVERS ระวัง! อ่านแล้วหัวใจจะY

-

เขียนโดย ดินลา

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.53 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  13.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) [SJ] Look Like Love 3.1: Maybe...Tomorrow

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
               ฮยอกแจนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง เขาแทบจะไม่ได้ขยับตัวเลยผิดกับทุกที จนแม่บ้านเริ่มเป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากเข้าไปรบกวนปล่อยให้ฮยอกแจนั่งอยู่คนเดียวไปตามเดิม
               วันนี้เขาไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัย แต่ไปที่สุสานกับรุ่นพี่ทงแฮ ที่สภาพตาบวมแดงก่ำคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไปพบกับรุ่นพี่ซีวอน...ที่นอนหลับไปแล้วตลอดกาล
               การจากไปอย่างกะทันหันของรุ่นพี่ซีวอนที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ เขารู้สึกเสียใจมาก ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นพี่ซีวอนที่ดูร่าเริงดีในสายตาเขาถึงเลือกจบชีวิตตัวเองอย่างนั้น เขาอยากจะเอ่ยถามรุ่นพี่ทงแฮ...แต่เห็นสภาพของรุ่นพี่เขาก็ไม่กล้าถาม
               ...ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่คุณฮีชอลก็เพิ่งจากไปเช่นกัน...
               เมื่อนึกถึงเรื่องของฮีชอล ฮยอกแจก็คิดถึงฮันคยองที่วันนี้ยังคงเก็บตัวอยู่บนห้องคนเดียว หลังรู้ข่าวการจากไปของฮีชอล ฮยอกแจรู้ว่าฮันคยองเสียใจมากแค่ไหน
               ‘พี่ฮันคยอง คงยังรักคุณฮีชอลมากถึงเสียใจขนาดนี้’ ฮยอกแจอดคิดอย่างเจ็บปวดไม่ได้
               ‘บ้าจริง! นายคิดอะไรของนายนะฮยอกแจ’ เขาสลัดความคิดที่ว่าให้หลุดไป มันไม่สมควรเลยที่เขาจะคิดถึงแต่ตัวเองทั้งที่ฮันคยองกำลังเศร้า ตอนนี้เขาเป็นคนรักของพี่ฮันคยอง เขาควรที่จะอยู่เคียงข้างพี่ฮันคยองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงจะถูก
               ฮยอกแจตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และพาตัวเองเดินขึ้นไปข้างบน...ไปยังห้องของฮันคยอง
               ฮันคยองรู้สึกถึงการเข้ามาของฮยอกแจ แต่เขาก็ยังคงนั่งหันหลังให้นิ่งๆ ไม่มีแก่ใจจะขยับไปไหนทั้งนั้น ฮยอกแจจึงเดินมานั่งลงข้างๆ ฮันคยอง กุมมือใหญ่นั้นไว้แผ่วเบา
               “วันหลังเราไปเยี่ยมพวกเขาด้วยกันนะครับ” ฮยอกแจพูดเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจน...ถ้าหากมีผมกุมมือพี่ฮันคยองไว้อย่างนี้ พี่อาจไม่เศร้ามาก ผมจะอยู่ข้างๆ พี่ฮันคยองเสมอ...
               ฮันคยองมองใบหน้าของคนพูดแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือเล็กๆ ที่เกาะกุมอยู่ ความหมายที่ฮยอกแจต้องการสื่อก็แผ่ซ่านเข้าสู่ตัวฮันคยองจนเจ้าตัวรับรู้ได้ ความรู้สึกนั้นค่อยๆ โอบอุ้มจิตใจที่เศร้าหมองของเขาให้มีกำลังใจขึ้น ฮันคยองยิ้มออกมาน้อยๆ เขารู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ ที่มีฮยอกแจอยู่เคียงข้าง
               ฮยอกแจดีใจที่ฮันคยองยิ้มออกมาได้ จากที่ไม่ได้ยิ้มมาหลายวัน แต่สายตาเหลือบไปเห็นรูปที่ฮันคยองกับฮีชอลถ่ายคู่กันวางบนโต๊ะข้างหน้า หัวใจฮยอกแจเจ็บวูบไปชั่วขณะก่อนจะพยายามหักใจไม่คิดมาก เข้าตั้งใจไว้แล้วนี่นา...อย่าไปคิด...
               ไม่มีทางเลยที่อาการนั้นจะรอดไปจากสายตาอันคมกริบของฮันคยอง แม้จะเล็กน้อยสักแค่ไหน เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าฮยอกแจกำลังคิดอะไร...มาอยู่ข้างๆ เขา ทั้งๆ ที่ก็มีเรื่องเจ็บปวดใจ...
                ‘นายเข็มแข็งจังนะ ฮยอกแจ’
               ร่างสูงเลื่อนมือออกมาเป็นฝ่ายเกาะกุมแทน มองตรงไปข้างหน้า แล้วพูดออกมา
               “นายรู้มั้ยว่าในชีวิตของฉันมีสิ่งสำคัญอยู่ไม่กี่อย่าง และฮีชอล...ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
               ฮยอกแจตัวชาวูบ เจ็บแปลบที่ในอก หลับตากลั้นน้ำตาเอาไว้ ‘อย่าร้องไห้สิ เราต้องตั้งใจฟังสิ่งที่พี่ฮันคยองพูด’
               “พี่ฮันคยอง...คง...คงรักคุณฮีชอลมาก” ใจว่าจะไม่ถาม แต่ปากก็เอ่ยออกไปแล้ว
               “...ใช่” ฮยอกแจเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง...ไม่น่าถามเลย
               “ฉันรักฮีชอลมาก...ฉันกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราอยู่ด้วยกันผูกพันกันมานาน เขาเป็นทั้งคนที่ฉันรัก เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย น้องชาย เป็นคนที่สำคัญมากสำหรับฉันจริงๆ และตอนนี้...เขาก็จากฉันไปแล้ว”
               “ครับ...ผมเข้าใจแล้ว” ฮยอกแจพูดเสียงสั่นเครือ จะขยับมือออก แต่ฮันคยองไม่ยอมปล่อย ฮยอกแจงุนงง หันมองหน้าฮันคยองที่มองมาทางเขาอยู่ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ สายตาที่มองมาทำให้ฮยอกแจยอมนิ่งฟัง
               “ตอนนี้สิ่งสำคัญของฉันจึงเหลืออยู่เพียงอย่างเดียว...คือนาย...ฮยอกแจ”
               ฮยอกแจนิ่งอึ้ง ทุกสายตาและคำพูดนั้นแผ่วเบานุ่มนวล ส่งผ่านมาจนหัวใจของฮยอกแจรับรู้ถึงความหนักแน่นจริงจังในคำพูด น้ำตามากมายก็เริ่มไหลริน...แต่ไม่ได้มาจากความเสียใจเลยสักนิด
               “ฮยอกแจ นาย...นายคนเดียวทำให้ฉันอ่อนแอและเข็มแข็งขึ้นในเวลาเดียวกัน” ฮันคยองเอื้อมมือประคองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของฮยอกแจไว้อย่างอ่อนโยน นิ้วมือเกลี่ยน้ำตาออกอย่างนุ่มนวล ยิ่งทำให้ฮยอกแจร้องไห้ออกมาอีกกับความอ่อนโยนที่ได้รับ
               “นายคือลมหายใจของฉัน คือชีวิตของฉัน...ถ้าไม่มีนาย ฉันก็ตาย”
               ฮยอกแจเก็บกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ โผเข้ากอดร่างตรงหน้าแล้วร้องไห้โฮออกมา ความรู้สึกของฮันคยองที่พูดออกมาทำให้หัวใจของเขาเต็มล้นด้วยความตื้นตันใจ รู้สึกสุขใจจนบอกไม่ถูก...เพราะฮันคยองก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเขาเช่นกัน...
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
  
 
               ลีทงแฮกลับมายืนอยู่หน้าป้ายหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์บนผืนหญ้าสีเขียวอีกครั้ง มองป้ายที่สลักชื่อเพื่อนของเขาเอาไว้อยู่นาน ไม่เข้าใจว่าตัวเองกลับมาที่นี่อีกทำไม พอๆ กับที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของเขาต้องทำแบบนี้ อยากจะถามเหลือเกิน...แต่มันคงจะไม่มีคำตอบอีกต่อไป
               “นายมาทำอะไรที่นี่...ทำไมไม่ไปเข้าเรียน” เสียงดังขึ้นข้างหลัง เขาหันกลับไปดูก็พบกับ คิมคิบอม...ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่
               “ทีนายล่ะ นายก็ไม่ไปสอนเลย ตั้งแต่...” ตั้งแต่พี่ชายนายตาย...ทงแฮอยากจะพูดให้จบแต่ก็พูดไม่ออก คิบอมเงียบไม่พูดอะไรแต่เดินไปข้างหน้าก้มลงวางช่อดอกไม้หน้าหลุมศพพี่ชาย
               “กลับเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
               ทงแฮอยากปฏิเสธ แต่ขากลับก้าวตามคิบอมไป ทั้งคู่อยู่บนรถด้วยความเงียบ ไม่มีเสียงพูดคุยกันเลย จนกระทั่งถึงบ้านของทงแฮ ทงแฮกำลังจะลงจากรถแต่ชะงักไปเมื่อคิบอมพูดขึ้น
               “ฉันกำลังจะกลับอเมริกา” ทงแฮนิ่งเงียบไปนาน ตั้งตัวไม่ติด
               “เมื่อไหร่...” ทงแฮถามเสียงแผ่ว
               “พรุ่งนี้”
               “อะไรนะ!” ทงแฮขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ามันจะกะทันหันขนาดนี้ “แล้ว....แล้วนายจะไปนานมั้ย...จะกลับ...เมื่อไหร่” ทงแฮถามต่ออย่างร้อนใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกเจ็บปวดที่ใจและอยากร้องไห้แบบนี้
               “ฉัน...ไม่รู้”
               “นายหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่รู้” ทงแฮถามอย่างร้อนรน น่าตลกที่เขาตอบตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดใจที่คิบอมจะจากไป...และมันยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้นไปอีก
               “ก็อาจจะไม่ได้กลับมาอีก” ทงแฮแทบหยุดหายใจ...ไม่ได้กลับมา...เราจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้านี่อีกงั้นหรือ...
               “นายตั้งใจจะบอกฉันหรือเปล่า” ทงแฮมองหน้าคิบอม สายตาเจ็บร้าวคล้ายจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
               “ที่จริงแล้ว ฉันตั้งใจจะไปโดยไม่บอกนาย แต่...” คิบอมพูดไม่ทันจบ ทงแฮก็ชกเขาเข้าเต็มแรง ก่อนลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
               คิบอมแตะเบาๆ ที่มุมปาก รู้สึกเจ็บนิดๆ เขามองร่างที่หายเข้าไปในบ้านอยู่ครู่ แล้วก็ตัดสินใจขับรถออกไปทั้งที่อยากจะเข้าไปอธิบาย แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ทงแฮไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบเดียวกับที่เขารู้สึกกับทงแฮ และตอนนี้เขาก็โดนทงแฮโกรธ...ไม่สิ คงจะเกลียดเขาแล้ว...
 
               นั่งมองนาฬิกาที่ค่อยๆ หมุนไปช้าๆ ดึกมากแล้ว แต่คิบอมก็ยังไม่ง่วง เขามองดูรอบๆ ห้อง ห้องที่พึ่งมาอยู่ได้ไม่นาน ข้าวของที่ยังจัดไม่เสร็จก็ต้องเก็บเอาไว้อย่างเดิม ทั้งที่มาอยู่ไม่นานคงไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่คราวนี้ไม่ใช่ เขาสูญเสียอะไรไปมากทีเดียว...พี่ชายที่เขารัก...กับหัวใจของเขาเอง
               เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้คิบอมรู้สึกตัว เสียงเคาะดังขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะพังประตูเข้ามา คิบอมรีบเดินไปเปิด แปลกใจว่าใครกันที่มา
               “เจ้าบ้า! ทำไมมาเปิดช้า” เสียงโวยวายดังใส่หน้าเขาทันทีที่ประตูถูกเปิด คิบอมอ้าปากน้อยๆ อย่างตกใจ ไม่คาดคิดว่าคนที่มาจะเป็นทงแฮ ร่างเล็กเบียดตัวเข้ามาในบ้านทันที คิบอมยังค้างอยู่ในท่าเปิดประตู สักพักก็เรียกสติกลับมามองทงแฮเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง
               “นาย...นายมาทำอะ...นั่นอะไร” เขากะจะถามว่ามาทำอะไรที่นี่ แต่ก็เปลี่ยนใจ เมื่อเห็นกระเป๋าเป้ที่ทงแฮแบกมาถูกวางลงบนพื้นห้อง
               “อะไร...ดูไม่ออกหรอ ก็มาค้างที่นี่ไง”
               “อะ...อะไรนะ”
               “ห้องนอนอยู่ไหนเนี่ย ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว นายไม่ง่วงหรือไง ไปนอนได้แล้ว” ทงแฮพูดไปพลางเดินสำรวจไปตามห้อง
               “นี่...นี่เดี๋ยวก่อน” คิบอมเดินไปจับตัวทงแฮให้หันมาเผชิญหน้า “นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
               “หูตึงหรือไง ก็บอกว่าจะค้างที่นี่ไงเล่า” ทงแฮตอบแต่ไม่ยอมมองหน้า
               “ทำไม” คิบอมถาม ท่าทางจริงจัง ทงแฮหันมามองหน้าเขา สายตาเหมือนกับที่มองเขาในรถ
               “ก็..เพราะว่า...” ทงแฮพูดทั้งน้ำตา มือก็ไล่ชกคิบอมที่ได้แต่ปัดป้องอย่างไม่เข้าใจ           “เพราะว่านายพูดว่า ไม่คิดจะบอกฉันไงเล่า เจ้าบ้า!” ทงแฮตะโกนทั้งน้ำตา คิบอมปล่อยให้ทงแฮชกเขาไปโดยไม่พูดอะไร จนทงแฮทรุดลงนั่งร้องไห้หมดแรง เขาจึงเข้าไปกอดไว้แน่น ทงแฮอยากจะขัดขืนแต่ก็ไม่มีแรง อยากจะชกคนตรงหน้าให้เจ็บ เหมือนกับที่เขาเจ็บจนแทบขาดใจ
               “นายเห็นฉันเป็นอะไร...ไม่เห็นฉัน...อยู่ในสายตาเลยหรือไง ทั้งนาย...ทั้งซีวอน อยู่ๆ พวกนายก็จะจากฉันไป...โดยที่...โดยที่ไม่มีใครคิดจะบอกอะไรให้ฉันรู้เลย จะปล่อยให้ฉันต้องทรมาน เพราะความไม่รู้งั้นหรอ ทำไม...ทำไม...”
               ทงแฮพูดปนสะอื้น ทุกความรู้สึกที่ถูกเก็บถูกปล่อยออกมา มันจริงที่เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ซีวอนต้องจากไป โดยที่ไม่มีวี่แวว ไม่เคยบอกอะไรให้เขารู้เลย ทิ้งเขาไว้กับความสงสัยที่ไม่มีคำตอบ แล้วคิบอมอีก คิดจะไปโดยไม่บอกลาเขาสักนิดอีกคน...ทำไม...เพราะอะไร
               “ทงแฮ ฉันขอโทษ”
               คิบอมกอดร่างทงแฮที่ร้องไห้จนตัวสั่นไว้แน่น เขามันเป็นเจ้าบ้าจริงๆ ที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของทงแฮเลยว่าจะทุกข์ใจแค่ไหนเรื่องการตายของซีวอน แล้วยังเรื่องที่เขาจะกลับอเมริกา...ไม่คิดเลยว่าทงแฮจะเจ็บปวดมากขนาดนี้
               “ทงแฮ ฉันขอโทษที่ไม่คิดจะบอกนาย แต่นั่นก็เพราะว่าตัวฉันเองก็คงไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่า จากนี้ไปฉันอาจไม่ได้เจอหน้านายอีก ฉันคงทนไม่ได้” คิบอมตอบ ทงแฮผละออกจากอ้อมแขนนั่น มองหน้าคิบอมทั้งน้ำตา
               “แล้วนายคิดว่าฉันทนได้หรือไง...เจ้าบ้า” ทงแฮตอบอย่างน้อยใจ แล้วโผเข้ากอดคิบอมอีกครั้ง กลัวกับความจริงที่ว่าจะไม่ได้กอดร่างนี้อีกแล้ว
               “แต่ฉันคิดว่า ฉันรู้ว่าทำไมซีวอนถึงทำแบบนั้น”
               “จริงเหรอ” ทงแฮทั้งงงทั้งแปลกใจ คิบอมรู้หรือ?
               คิบอมพยักหน้า ก่อนจะดึงมือให้ทงแฮลุกขึ้น พาเข้าไปในห้องนอนของเขาเอง เขาปล่อยให้ทงแฮนั่งที่เตียง ส่วนเขาเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบสมุดเก่าๆ แต่สภาพยังดีออกมาเล่มหนึ่ง เขาเปิดมันไปเกือบครึ่งหน้า แล้วยื่นให้ทงแฮ ที่รับไปอย่างไม่เข้าใจ
               “อ่านสิ” คิบอมบอก ทงแฮจึงเริ่มอ่านไปโดยมีคิบอมนั่งเงียบอยู่ข้างๆ เมื่อเปิดอ่านไปแต่ละหน้า เรื่องราวความทรงจำของพี่ชายคิบอมในทุกๆ หน้าได้บอกเล่าทุกเหตุการณ์ให้ได้รับรู้ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น จนถึงหน้าสุดท้าย...
               ในสมุดไม่ได้เขียนชื่อซีวอนลงไป แต่ทงแฮคิดว่าเขาแน่ใจ
               “พี่นายกับซีวอน...เคยรักกัน งั้นหรือ” คิบอมพยักหน้าแทนคำตอบ
               “พี่ชายฉันรักเขามาตลอด รักจนตัวเองต้องเจ็บเพราะเขาไม่ได้รักพี่ชายของฉัน...ฉันเจอสมุดนี้โดยบังเอิญหลังจากที่พี่ตาย ฉันโกรธแทบคลั่งอยากหาไอ้คนที่ทำให้พี่ทิ้งการผ่าตัดมาตามหามัน หาไอ้คนที่ทำให้พี่เสียใจมาหลายปี และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่ามันเป็นใคร...แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
               “แต่ฉันเชื่อ...เชื่อว่าซีวอนเองก็รักพี่นายเหมือนกัน” คิบอมมองหน้าทงแฮแล้วยิ้มออกมานิดๆ
               “ใช่...ฉันก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน” ทงแฮแปลกใจว่าคิบอมคิดอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า
               “นายเชื่อจริงๆ เหรอ ฉันคิดว่านายคงจะเกลียดเขามากซะอีก”
               “ก็คงใช่...แต่ฉันก็เชื่อด้วยว่าเขารักพี่ชายฉัน” ทงแฮยังคงไม่เข้าใจ
               “วันที่ซีวอนตาย บาทหลวงที่โบสถ์โทรหาฉัน เพราะเขาตายอยู่หน้าหลุมศพพี่ชายฉัน เมื่อฉันไปถึงที่นั่นฉันถึงได้คำตอบ”
               “ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
               คิบอมชึ้ให้ทงแฮดูประโยคสุดท้ายของสมุด ประโยคภาษาอังกฤษที่ทงแฮอ่านไม่เข้าใจ
               “นี่เป็นประโยคเดียวกับที่สลักไว้บนป้ายหลุมศพของพี่ชายฉัน”
               “จริงๆ ด้วย” ทงแฮเองก็พอจำได้
               “ฉันพบคำตอบของคำถามที่พี่เขียนไว้ในนี้...ฉันเลยแน่ใจว่าเขารักพี่” คิบอมยิ้มน้อยๆ แต่ก็แฝงความเศร้าไว้ด้วย “ฉันจึงขอร้องบาทหลวงให้เขาได้นอนอยู่ข้างๆ พี่ และให้สลักคำตอบที่ซีวอนได้เขียนขึ้นก่อนตายนั้นไว้ที่ป้ายของเขาเองด้วย”
               มิน่าที่ป้ายหินของซีวอนถึงมีประโยคภาษาอังกฤษสลักเอาไว้ เพราะอย่างนี้นี่เอง...ทงแฮเข้ากอดคิบอมไว้แน่น
               “ขอบคุณนะ ที่นายบอกให้ฉันรู้”
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
  
 
               เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงคืนตรง วันใหม่มาถึงแล้วแม้จะยังมืด ร่างของคนสองคนที่ยังคงเอนกายกอดกันไว้อยู่นาน เริ่มพูดขึ้น
               “นี่...คิบอม”
               “อะไร...”
               “นายจะไม่กลับมาที่เกาหลีอีกจริงเหรอ” คิบอมถอนหายใจเบาๆ
               “ก็ไม่เชิงหรอก พ่อกับแม่อยากให้ฉันกลับไปอาจเพราะพวกท่านคงทำใจไม่ได้เรื่องพี่ เลยอยากให้ฉันไปอยู่ด้วย”
               “ถ้างั้น...ถ้าฉันจะไปกับนายด้วย...จะได้มั้ย” ทงแฮถามเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ
               “รู้มั้ยฉันดีใจแค่ไหนที่นายพูดแบบนี้” คิบอมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น บรรจงจูบที่หน้าผากทงแฮเบาๆ “แต่นายยังต้องเรียนให้จบก่อน...นายยังไปไม่ได้”
                “แต่ว่า...” ทงแฮอยากจะแย้งว่าเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต่อให้ต้องทิ้งทุกอย่างเขาก็จะทำ ขอแค่ได้อยู่กับคิบอม
               “นายไม่ต้องลำบากมาหาฉันหรอก...เพราะฉันจะกลับมาหานายเอง”
               “นายพูดจริงๆ นะ...จริงๆ ใช่มั้ย” ทงแฮถามย้ำ เริ่มรู้สึกมีความหวัง
               “ฉันจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่สักพัก พวกท่านเป็นคนเข็มแข็งสักวันก็จะเข้าใจและทำใจได้ แล้วฉันก็จะกลับมาหานายทันที”
               คิบอมพูดยืนยัน สายตามั่นคงมองตรงมาที่ทงแฮ คำสัญญาที่ให้ไว้ทำให้ทงแฮมั่นใจกับความหวังที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
                “ทงแฮ...ฉันรักนาย” ทงแฮพูดไม่ออก แต่ในใจอิ่มเอิบด้วยความสุขใจ
               “ฉันไม่อยากห่างจากนายเลยทงแฮ ฉันคิดถึงเสียงของนาย คิดถึงอ้อมแขนของนาย คิดถึงริมฝีกปากอุ่นๆ ของนาย” คิบอมไล้ปลายนิ้วที่ริมฝีปากทงแฮอย่างแผ่วเบา แววตาโหยหาคิดถึง หัวใจทงแฮเต้นเร็วขึ้น
               “ฉันอยากกอดนาย”
               ใบหน้าของทงแฮแดงซ่านขึ้น สีหน้าของคิบอมที่แสดงทุกความรู้สึกต่อเขาอย่างเปิดเผย มีเสน่ห์เย้ายวนอย่างมาก
               “แต่ฉันจะไม่ฝืนบังคับใจนาย...หากนายไม่ต้องการ” คิบอมยิ้มเล็กๆ แล้วเปลี่ยนไปไล้นิ้วตามเรือนผมแทนอย่างเอ็นดู
               ทงแฮจับมือนั้นให้หยุด แล้วพามาให้สัมผัสที่ข้างแก้มเขา สายตาจ้องประสานกับคิบอมไม่ลดละ
               “ฉันก็รักนาย” ทงแฮพูดเบา แต่คิบอมได้ยินชัด
               ทงแฮค่อยๆ เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จรดริมฝีปากกับอีกฝ่ายแนบแน่น
               “ตัวฉัน หัวใจของฉัน ทุกอย่างเป็นของนาย นายจะทำอะไรก็ได้”
               “ฉันก็เป็นของนายเหมือนกัน นายคือเจ้าของหัวใจของฉัน”
               ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองตระกองกอดกันแนบแน่นราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งคู่มอบจุมพิตให้กันดูดดื่มหวานซึ้ง หวังให้จูบนี้อยู่นิรันดร์ พันผูกทั้งสองให้เป็นของกันและกัน
               ทุกสัมผัส ทุกการประสานลมหายใจ ทั้งคู่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ด้วยความรัก ความสุขและความหวัง เป็นคืนอันสวยงามเปี่ยมรักที่จะไม่มีทางเลือนหายไปจากใจของพวกเขา จะเก็บไว้ให้ได้หวนคิดถึงทุกครั้งที่ห่างไกลกัน
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
  
 
               ทงแฮตื่นมาก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว ร่างบางรีบมองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่มีร่างคนที่นอนอยู่ข้างกายเมื่อคืนให้เห็น ทงแฮรีบลุกมายืนแม้จะเจ็บแปลบช่วงล่างอยู่บ้าง ข้าวของในบ้านหายไปหมดแล้ว ทงแฮใจหายวูบ เดินกลับเข้าไปในห้องนอน เพิ่งสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่โต๊ะข้างเตียง เขาหยิบขึ้นมาดู มันคือจดหมายที่คิบอมเขียนให้เขา
 
               ทงแฮ ฉันขอโทษที่ไปโดยไม่บอก ฉันไม่อยากพูดคำว่า ลาก่อน กับนาย เพราะเราจากกันครั้งนี้ไม่ใช่เพื่ออำลา แต่เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปต่างหาก
               ฉันกลัวที่จะมองหน้านายก่อนไป กลัวว่าจะทนทิ้งนายไปไม่ไหว เพราะฉันรักนายเหลือเกินทงแฮ
               นายจะต้องเข็มแข็งนะ อย่าร้องไห้ ฉันอยากเห็นรอยยิ้มของนาย...รอฉันนะทงแฮ ที่รักของฉัน
                                                                         แค่ 1 ปีเท่านั้น...ฉันสัญญา
 
               ทงแฮน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ อยากให้เรื่องที่คิบอมไปแล้วเป็นเพียงความฝัน เพราะเมื่อเวลามาถึงจริงๆ มันเจ็บปวดมากกว่าที่คาดไว้มาก เวลาที่เหลือเขาคนเดียว มันช่างทรมานจริงๆ
               ‘แต่ฉันจะทนเพื่อนายคิบอม ฉันก็รักนายมาก ฉันจะรอนาย’
               แค่ 1 ปีเท่านั้น...ฉันสัญญา
               ทงแฮมองประโยคสุดท้ายของจดหมาย 1 ปีตัวเลขนิดเดียว อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของใครหลายคน แต่มันมากเกินพอสำหรับความทรมานของการรอคอย
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
 
  
               นาฬิกาเวลาแห่งความทรมานเริ่มหมุน จากวันล่วงเป็นสัปดาห์ผ่านเป็นเดือน
               ทงแฮและคิบอมติดต่อกันผ่านทางอีเมล์ตลอด แม้ใครคนหนึ่งจะยุ่งแต่ก็จะหาเวลาเขียนถึงกันจนได้ แม้เวลาจะต่างกัน ก็ไม่มีสักครั้งที่จะไม่รอ
               การติดต่อกันเป็นประจำนี้ช่วยให้พวกเขาคลายความทรมานไปได้มาก แม้มีหลายชั่วขณะที่กลับยิ่งเจ็บปวดกว่าเดิมเพราะรู้สึกคิดถึงโหยหากันเหลือเกิน
               ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ทงแฮยิ่งรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างว่างเปล่าไร้จุดหมาย เหมือนจิตใจได้ตายหายไป หลายครั้งที่เขาร้องไห้คิดถึงคิบอม แต่เขาก็จะรีบเช็ดน้ำตา แล้วกลับมายิ้มแทน เขาจะทำตามที่คิบอมบอกในจดหมาย
               ทงแฮใช้ชีวิตตามเดิม พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เขาสนิทกับฮยอกแจมากขึ้น มีฮยอกแจคอยอยู่เป็นเพื่อน พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เขาจะต้องไม่เศร้า เขาจะหัวเราะจะยิ้มมีความสุขกับทุกวัน
               แต่ทว่า...
               “พี่ทงแฮ ช่วงนี้คิบอมเป็นยังไงบ้าง เขาไม่ตอบอีเมล์ผมเลย” ฮยอกแจถามขึ้นในวันหนึ่ง
                “ไม่รู้สิ เขาก็ไม่ได้ตอบอีเมล์พี่เหมือนกัน...เขาคงงานยุ่งมาก” ทงแฮยิ้มตอบแต่น้ำเสียงไม่สดใส
               คิบอมไม่ได้ตอบอีเมล์เขามาหลายสัปดาห์แล้ว ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้ ทงแฮหน้าซีดเซียวลงจนฮยอกแจเป็นห่วง
               “พี่ทงแฮไม่ต้องกังวลหรอกครับ เดี๋ยวเขาต้องตอบกลับมาอย่างทุกทีแน่ๆ” ฮยอกแจปลอบ เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ “ผมว่าเราลองไปกินขนมร้านนั้นดูมั้ย ท่าทางน่าอร่อย” ฮยอกแจพยายามหาทางให้ทงแฮสบายใจขึ้น
               “ขอบใจนะฮยอกแจ” ทงแฮยิ้มออกมานิดๆ เขาเข้าใจดีว่าฮยอกแจพยายามปลอบเขา “แต่พี่ว่านายรีบกลับดีกว่านะ เดี๋ยวคุณฮันคยองเขาจะเป็นห่วง พี่ก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน” ทงแฮเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของฮยอกแจกับฮันคยองดีเหมือนกัน
               “แต่ว่าพี่...” ฮยอกแจจะชวนต่อ
               “วันนี้พี่อยากกลับบ้านเร็วๆ ขอบใจนายมากนะ รีบกลับล่ะ” ว่าแล้วก็รีบลุกไปทันที โบกมือลาแล้วยิ้มกว้างออกมาให้ฮยอกแจสบายใจ
               ฮยอกแจมองร่างที่เดินหันหลังให้อย่างกังวลใจ...รอยยิ้มแบบเดียวกันเลย...ฮยอกแจจำได้ว่าตอนที่พวกเขาวางแผนจะไปเยี่ยมคิบอม ทุกอย่างพร้อมหมด พี่ทงแฮดูดีใจมาก แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่วางแผนเพราะพี่ทงแฮเป็นไข้หวัดจนต้องนอนโรงพยาบาล แม้เจ้าตัวจะอาละวาดจะไปให้ได้ สุดท้ายก็มีแต่เขากับฮันคยองที่ไป
               ฮยอกแจจำได้นาทีแรกที่เห็นคิบอม คิบอมยิ้มให้เขาแต่สายตาคอยแอบมองหาใครบางคนอยู่ตลอด คนที่คิดว่าจะมาด้วย จนต้องบอกไปว่าทงแฮมาไม่ได้เพราะป่วย สุดท้ายคิบอมฝากให้เขาดูแลทงแฮแทนเขาที่ยังไปไม่ได้ แล้วก็ยิ้ม...ยิ้มแบบเดียวกับพี่ทงแฮ...ฝืนยิ้ม
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
 
  
               เมื่อหันหลังเดินไปแล้ว รอยยิ้มก็เลือนหายไปจากใบหน้าทงแฮอย่างรวดเร็ว ระหว่างเดินเขาก็หยิบเอามือถือออกมาเช็ค เผื่อว่าจะมีอีเมล์ตอบกลับมา...แต่ก็ไม่มี
               ‘มันนานผิดปกติไปแล้ว คิบอมนายทำอะไรอยู่นะ ไม่คิดถึงฉันบ้างเลยเหรอ...หรือว่าลืมฉันไปแล้ว หรือว่าทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องโกหก ที่นายให้ฉันรอ ที่นายสัญญา...แม้แต่ที่นายบอกว่ารักฉัน’
               ทงแฮคิดแล้วก็ร้องไห้ออกมาและครั้งนี้เขาไม่สามารถฝืนยิ้มออกมาได้อีก ทงแฮกลับมาถึงบ้าน บ้านที่คิบอมเคยอยู่ คิบอมไม่ได้ขายบ้านหลังนี้ แต่ยกให้เขาอยู่ที่นี่ รอวันที่เขาจะกลับมา
               ทงแฮทรุดตัวลงนอนบนเตียงทั้งน้ำตา เตียงนี้ที่ยังมีกลิ่นกายของอีกคนติดอยู่ คนที่เคยกอดเขาไว้แน่นในคืนนั้น...นี้ก็เป็นเรื่องโกหกเหรอ
               แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าคิบอมจะเปลี่ยนไปจากเขา ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานเลย เพิ่งพบกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ อาจไม่ใช่ความรักสำหรับคิบอม คงมีแต่เขาที่คิดไปเองคนเดียว เขาอยากจะโกรธจะเกลียดคิบอม แต่ก็ทำไม่ได้ ใจของเขาไม่สามารถโกรธเกลียดคิบอมได้พอๆ กับที่ถ้าจะให้เลิกรักก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
                น้ำตาที่รินไหลลงมา ทงแฮหวังให้มันชะล้างเรื่องเลวร้ายนี้ออกไป หวังให้เป็นแค่ความฝัน ทงแฮหลับตาลงทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล...หวังว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาก็จะมีคิบอมอยู่เคียงข้าง
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
  
 
               ทงแฮรู้ตัวว่าเช้าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลืมตา เขายังหวังว่าจะมีใครคนหนึ่งอยู่ข้างๆ กอดปลุกเขา ทงแฮค่อยๆ ลืมตาขึ้นพบกับความว่างเปล่าข้างกาย...ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องร้ายๆ เมื่อวานจะไม่หายไป
               ‘คิบอมฉันคิดถึงนาย...นายยังคิดถึงฉันอยู่บ้างมั้ย’
                ทงแฮลุกจากเตียง ไปอาบน้ำแต่งตัว เขาอยากจะไปที่สุสาน เผื่อจะรู้สึกสงบใจขึ้นมาบ้าง
               ทงแฮเปิดประตูจะเดินออกไป แต่กลับมีกระดาษสีขาวพับไว้วางอยู่หน้าประตู ‘ทำไมเอามาวางไว้นี่นะ ตู้จดหมายก็มี’ ทงแฮคิดอย่างแปลกใจ แต่ก็ก้มลงเก็บขึ้นมา พลิกดูอีกด้าน ทงแฮนิ่งอึ้ง...แม้จะเห็นไม่กี่ครั้งแต่เขาก็จำมันได้ดี...ลายมือคิบอม
               ถึง ทงแฮ...
               ด้านหน้าเขียนไว้แค่นั้น ทงแฮรีบเปิดดูทันที...ทันทีที่เห็นเขาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก น้ำตาไหลออกมามากมาย แต่ภายใต้น้ำตานั้น ทงแฮกลับมีรอยยิ้ม...ยิ้มที่มีความสุขจริงๆ เขาทั้งยิ้มทั้งหัวเราะเบาๆ ทงแฮกอดกระดาษแผ่นนั้นไว้แนบหัวใจ หลับตาลงอีกครั้ง แล้วหวังอีกครั้ง...เป็นความหวังที่แจ่มชัดที่สุดที่เขาเคยมี...หวังให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ
               กระดาษสีขาวในอ้อมกอดนั้น ทั้งหน้ามีข้อความเพียงคำเดียวเท่านั้น
 
 
 
               ...TOMORROW...
                    (พรุ่งนี้)
 
 
 
               ‘ฉันแปลออกน่า เจ้าบ้า...’
。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。
                                                                                         
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา