ใจเผลอ
เขียนโดย กลางสายฝน
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.23 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560 01.08 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
" ห้าวววววว อื้ออออ " มันคงเป็นความฝันประจำสัปดาห์ของหญิงสาวหน้าหวานที่ได้นอนหลับเต็มอิ่มจนเกือบเที่ยงง เธอค่อยๆเปิดตาขค้นช้าๆก่อนจะพลิกบิดตัวไปมาอยู่บนเตียงนุ่ม เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงหลอกหลอนเธอไม่หาย ภาพขอบอาชาวกวนกลับเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้นะ เธอได้แต่คิดวนเวียนอยู่ในใจ แล้วความคิดของเธอกลับถูกสกัดโดยเสียงเรียกของฟาง
" แก้ววววว ตื่นได้แล้ว ลงมากินข้าว " เพื่อนสาวคนสนิทตะโกนเสียงดังเข้ามาในห้อง เธอใช้มือเรียวลูบหน้าตัวเองก่อนจะปัดปอยผมให้พ้นหน้า แล้วสะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออกไปให้พ้นตัวอย่างง่ายๆ พร้อมกับลุกลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้อง
" มีไรกินบ้างอะ " เธอบ่นๆด้วยความหอวก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ทันทีโดยไม่ได้สักเกตอะไร
" รอซุปเนื้อแปปนะ ไอโมะมันกำลังทำอยู่ " ฟางว่า พร้อมกับกำลังจัดโต๊ะอาหาร
เธออึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าฟางบอกว่าโทโมะเป็นคนทำอาหาร จนเธอต้องหันหน้ามองเข้าไปในครัวด้วยความสงสัย
' หมอนั่นทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ... ' เธอคิดในใจอย่างเหลือเชื่อ มันผิดกันมากกับคนอย่างเธอที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง หญิงสาวยังแครงใจจนยอมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อไปดูพ่อครัวที่กำลังปรุงซุปเนื้ออยู่
" ทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ " เธอเกริ่นถาม พลางชะเง้อหน้ามองลงไปในหม้อต้มซุป
" ... " ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากผู้เป็นพ่อครัว เขาหันมาหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆอย่างถนัดมือจนหมดข้อสงสัยเลยว่าเขาทำอาหารเก่งอย่างที่ฟางชม
" จะกินได้หรือเปล่าน๊าาา " เธอเริ่มแซะอีกคนที่ทำท่าทีเมืนเฉยใส่เธอ
" จริงๆฉันก็ไม่ได้ทำให้เธอกินอยู่แล้วนะ " เขาเสียงเรียบเฉยจนน่าหมั่นไส้ อีกคนทำท่าทางล้อเลียน แล้วเดินกลับออกไปนั่งที่เดิม
ไม่นานนัก อาหารทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะดึงจานข้าวจากฟางมาแล้วยื่นมือไปทำท่าจะตักซุป
' จริงๆ ฉันก็ไม่ได้ทำให้เธอกินอยู่แล้วหนิ ' แต่เธอกลับชะงักลง เมื่อนึกถึงคำพูดของอีกคน หญิงสาวแบนปากแล้ววางช้อนลงก่อนจะหันไปตักกับข้าวอย่างอื่นมากินแทน
" หือออ ผัดผักอร่อยจัง ฝีมือแกพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะฟาง " เธอว่า แล้วเคี้ยวอาหารอย่างอร่อย
" ฉันไม่ได้ทำ ไอโมะมันทำเองทั้งหมด " ฟางอธิบาย แก้วถึงกลับชะงักแล้วเหลือบมองหน้าโทโมะ อีกคนแบนปากล้อเลียนแล้วตักอาหารกินต่อ
" จริงๆรสชาติก็งั้นๆแหละ ฉันชมตามมารยาท " เธอว่า
" หึ " ชายหนุ่มขำในลำคอ ให้กับความเย้อหยิ่งของหญิงสาว เธอจ้องมองหน้าอีกคนที่วางท่าเหมือนเย้ยหยันใส่เธอ จนเธอเริ่มไม่พอใจ
เปล็ง ! เสียงช้อนกระแทกจานดังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่คนเจ้าอารมณ์จะดีดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
" แก้วววว เป็นอะไรเนี่ยย มากินข้าววว " ฟางทำหน้าดุใส่โทโมะ แล้วเดินไปตามแก้ว
" ไม่ !!! ฉันไม่ชอบอาหารรสชาติกากๆ " เธอตะโกนเสียงลั่น แล้วเสียบปั๊กต้มน้ำร้อน ก่อนจะเดินย่ำๆมานั่งหน้าทีวี
" แกไปหาเรื่องมันทำไม " ฟางเดินกลับมากินต่อ แล้วบ่นใส่โทโมะ
" เด็กมันเอิด ต้องสั่งสอนหน่อย " เขาพูดแล้วขำในคอก่อนจะหันไปมองแก้ว ที่นั่งหวุดหงิดด้วยความหิวอยู่หน้าทีวี
10 นาทีแห่งการรอคอย แก้วรีบข้ำเท้ากลับเข้าไปในครัว เมื่อเห็นว่าน้ำในกาเดือดแล้ว เธอรีบคว้าถ้วยแล้วแกะซองมาม่า เทใส่ถ้วยกดน้ำร้อนใส่ทันที ก่อนจะยกถ้วยเดินมานั่งที่หน้าทีวี
" มีปัญญาแค่เนี๊ย " โทโมะบ่นกับฟาง
ฟางยิ้มขำให้กับความบ้าของแก้วก่อนจะเล่า " แก้วมันไม่ชอบทำอาหาร แต่ชอบกิน ถ้ามื้อไหนขี้เกียจไปซื้อมันก็คว้ามาม่ามากืนแบบนี้แหละ " ฟางเล่า แล้วมองโทโมะก่อนจะอมยิ้มน้อยๆ
" ฝากล้างด้วยแล้วกัน ฉันต้องไปทำงานแล้ว เดี๋ยวสาย " เพื่อนชายพูดขึ้น ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แล้วมุ่งไปทางที่แก้วนั่ง
สองมือแกร่งถ้าวลงบนผนังพิงเก้าอี้พร้อมกับใบหน้าหล่อที่ยื่นเข้าไปจนใหล้กับหน้าของเธอ " มาม่าเธอน่าจะรสชาติกากๆไม่ต่างจากอาหารที่ฉันทำแน่เลยเนอะ " พูดจบก็เดินหนีออกจากบ้านไปเลย แก้วมองตามด้วยความหงุดหงิด
แต่เธอยังอารมณ์ค้างอยู่ !
" เพื่อนแกนี่มันนิสียแย่จริงๆ ปากหมา ! " เธอบ่นใส่ฟาง แล้วหันไปมองทางประตูบ้าน
" นี่ ! อย่าไปอะไรกับมันเลย ชีวิตมันน่าสงสารนะ " ฟางว่า
" มันน่าสงสารตรงไหน กวนตีน น่ารำคาญ " แก้วว่า
" หือออ ว่าแต่คนอื่น แกก็กวนตีน " ฟางบ่นอย่างเหนื่อยใจก่อนจะยกจานเข้าไปล้างในครัว
แล้ววันหยุดที่แสนสบายของเหล่าบรรดาพนักงานของบริษัทแสนสืบ ก็หมดไป และการเปิดวันทำงานในวันแรกของสัปดนี้ก็มาพร้อมกับภาระหน้าที่อะนใหญ่หลวง
" เราจะสืบหาคนร้ายที่มาฆ่าพ่อของอาชา " ชานนท์หัวหน้างานเปรยขึ้น จนบรรดาลูกน้องที่มีอยู่แค่ 4 คนห้นมองหน้ากันไปมา
" มันยากกว่างานอื่นก็ตรงที่มันไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้เราเลย " ป๊อปพูดด้วยความหนักใจ
" ใช่ แต่เราต้องหาหลักฐานพวกนั้นมาให้ได้ " ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
" หืออออ เริ่มจากตรงไหนก่อนดีห่ะ พี่นนท์ " อัคราพูดขึ้น
" เดี๋ยวแก้วไปเอาข้อมูลจากพี่อาชาเอง " เธอเสนอ
" ไม่ต้อง !!!! " 3 หนุ่มทักขึ้นพร้อมกัน เมื่อได้ฟังคำเสนอจากน้องสาวคนเล็ก
" แหมมมม ล้อเล่นเถอะน๊าา ก็แล้วจะแบ่งทีมกันยังไงอีกหละครั้งนี้ " แก้วถาม
" ไอป๊อป ไออัคร ช่วยกัน ส่วนแก้วแยกมาทำกับพี่ " ชานนท์สั่ง
" พี่นนท์ คนร้ายบุกมาฆ่าพ่อพี่อาชากลางงานแต่งแบบนั้น เพราะอะไรพี่ " อัคราถามขึ้น
" ขัดผลประโยชน์ ... พี่กลัวว่าอาชามันจะมีจุดจบเหมือนพ่อของมัน เราถึงต้องช่วยกันสืบเรื่องคนร้ายไง " ชานนท์ว่า ทุกคนนิ่งไปเหมือนกำลังกังวลกับอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
งานศพพ่ออาชา
อาชาอยู่ในชุดดำ มีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง กำลังเดินฝ่าผู้คนที่มาร่วมงาน มาเจอกับชานนท์ที่ด้านหลัง
" ไอ้อาชา ระวังตัวไว้ด้วย ที่นี่มันโจ่งแจ้งมาก มันอาจจะทำอะไรแกได้ง่ายๆ " ชานนท์เตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
อาชาพยักหน้าเบาๆ" อื้ม ฉันระวังตัวอยู่ ฉันจะไม่ยอมตายจนกว่าจะล้างแค้นให้พ่อฉันได้ " ดวงตาคมแดงกล่ำด้วยความแค้นใจ
" เอ่อ พี่อาชาคะ " แก้วพูดเสียงสั่น เมื่อเห็นอาชาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เธอยื่นตุ๊กตาหมีตัวน้อยๆที่เธอเพิ่งทำเสร็จให้กับอาชา
" ไปซื้อมาจากไหน น่ารักจัง " อาชายิ้มน้อยๆแล้วชูตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขึ้นมาดู
" แก้วทำเองพี่ แก้วเป็นกำลังใจให้พี่นะ " เธอพูดขึ้นแล้วยิ้มให้กับอาชา อาชายิ้มรับ " ขอบคุณนะคะ " แล้วพูดขอบคุณแก้ว รอยยิ้มของอาชามันทำให้เธอดีใจ อย่างน้อยๆ ผู้ชายโชคร้ายตรงหน้าเธอก็มีร้อยยิ้มปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว
" แอะแห้ม ! เอ่ออ ฉันว่า ฉันกับแก้วกลับก่อนดีกว่า " ชานนท์เอื้อมมือมาโอบบ่าแก้วราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ อาชายิ้มขำ เข้าใจว่าชานนท์หวงแก้ว
" เออ ๆ ไปเถอะ ขับรถกลับดีๆหละ " อาชาโบกมือลา แก้วยกมือไหว้อาชา แต่กลับถูกชานนท์โอบตัวพาเดินกลับ
" พี่นนท์ ทำไมรีบกลับจัง " แก้วเอ็ด
" ไหนบอกว่าจะถักตุ๊กตาให้พวกพี่แค่ 3 คนไง แล้วตัวนี้มาจากไหน " ชานนท์บ่นด้วยความน้อยใจ แก้วเคยให้สัญญากับเขา ในวันที่บริษัทแสนสืบครบรอบ 3 ปี โดยเธอถักตุ๊กตาหมีมาเป็นของขวัญให้กับชานนท์ ป๊อป และอัครา และสัญญากับทั้งสาม ว่าตุ๊กตาที่เธอถักจะมีแค่ 3 ตัวเท่านั้น เว้นแต่เธอจะทักให้คนสำคัญมันถึงจะมีเพิ่มขึ้นมาได้
" แหมมม พี่นนท์ ก็มีอาชาเค้าทุกข์อยู่ แก้วก็อยากให้เค้าสบายใจ " เธอพูดไปตามที่คิด
" แสดงว่ามันสำคัญกับแก " ชานนท์ทักขึ้น
" ก็เปล่าาา แต่แก้วสงสาร เห็นใจเค้า แก้วสงสารความโชคร้ายของเค้า " เธอพูดเสียงเศร้า ชานนท์โอบปลอบ
" เออๆ พี่ก็แค่แกล้ง ไม่เห็นต้องคิดจริงจัง "
" ก็แก้วกลัวพี่นนท์จะว่าแก้วผิดคำพูด "
" ก็แค่สงสัย เพราะแกเคยบอกว่าจะทำให้เฉพาะคนที่สำคัญ " ชานนท์ถามอย่างจริงจัง และเหมือนว่าเค้าจะรอฟังคำตอบอยู่
" อันนี้ขอเป็นกรณีพิเศษให้กับพี่อาชาผุ้โชคร้ายแล้วกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ