รหัสรัก ROMEO and JULIET
6.4
เขียนโดย zeeto
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.
20 ตอน
2 วิจารณ์
30.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) ไข้ขึ้น...หรอ???
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ผมไม่รู้ว่าที่อาจารย์สอนในวันนี้มันผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาออกไปกี่รอบเพราะในหัวของผมตอนนี้มีแต่ภาพเมื่อเช้าตอนตื่นมาที่....ผมไปกอดกับไอ้กันแถมซุกตัวขดนอนกอดมันไว้ซ่ะแน่นขนานั้น ภาพแรกที่ตอนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเจอปลายคางของใครคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากใบหน้าผมไม่ถึงคืบพอมองเลื่อนขึ้นไปเป็นใบหน้าขาวๆมีไฝที่แก้มขวาอีก2เม็ดเล็กๆ ไม่ซิแล้วผมทำไมต้องไปจำรายละเอียดอะไรขนาดนี้ว่ะ แขนที่กอดผมไว้แน่นมือเรียวที่โอบผมไว้กับตัวมัน ทำไมภาพมันติดตาจังว่ะ “ไอ้ฟลุ๊ค ไอ้ฟลุ๊ค ...ไอ้ฟลุ๊ค!!” “ห่ะ!!...อะไรว่ะ” “กูถามมึงว่าเลิกเรียนแล้วจะไปกินข้าวที่โรงอาหารหรือจะซื้อมากินที่คณะ” “อ๋อ...ไปโรงอาหารก็ได้” “เออ...แล้วนี้เหม่อเชี้ยไรอยู่ว่ะเรียกตั้งนานไม่ตอบ” “เปล่าๆ...ไปเหอะกูหิวข้าว” “เออๆเวลาหิวนี้มันดูแปลกๆนะ” “เออ” ผมรีบเดินตามไอ้ปริ้นท์ไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าวแต่สิ่งที่ผมยังไม่อยากเห็นตอนนี้กับกำลังเดินมาตรงหน้าผม ไอ้กันกับผู้หญิงอีกคนที่น่ารักขาวสวยที่ยืนข้างๆ “อ้าวไอ้กัน” เสียงไอ้ปริ้นท์ที่ทักไอ้กันผมมองหน้าไอ้กันที่ยิ้มให้ไอ้ปริ้นท์ “มากินข้าวหรอว่ะนั่งด้วยกันดิโต๊ะเต็มหมดแล้ว” ไอ้กันชวนผมกับไอ้ปริ้นท์ให้ไปนั่งด้วย “เอาดิว่าแต่มึงนั่งตรงไหนว่ะ” “มาตามมา” ผมกับไอ้ปริ้นท์เดินตามไอ้กันกับผู้หญิงอีกคนไปที่โต๊ะ “เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวพวกมึงเอาไรไหมเดี๋ยวกูซื้อมาให้” “เฮ้ยไม่ต้องเดี๋ยวกูไปซื้อเองถ้าจะซื้อก็ซื้อให้ไอ้ฟลุ๊คเถอะมันไม่สบายอยู่นี้” “เออ...ว่าแต่เป็นไงบ้าง” ไม่พูดเปล่าไอ้กันเอื้อเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากผมต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นกับไอ้ปริ้นท์ที่ได้แต่มองตาม “เฮ้ย...กูไม่เป็นไร” “เอองั้นรอแปบนะเดี๋ยวซื้อข้าวมาให้” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะหันหน้าออกไปทางอื่นแทนก็ใครจะไปคิดว่าไอ้บ้านี้จะทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น
“นั้นชายธีไม่ใช่หรอว่ะไอ้กัน” เสียงสแน็คที่ยืนซื้อข้าวอยู่ข้างๆผมถามผมขึ้น “เออ” “เขาไม่สายหรอว่ะ” “อือ...เออเดี๋ยวกูไปซื้อน้ำก่อนนะมึงเอาอะไรไหม” “น้ำเปล่า” “งั้นกูฝากเอาข้าวไปให้ฟลุ๊คด้วยแล้วกันเดี๋ยวไปซื้อน้ำให้” “เออ” ผมฝากให้สแน็ค ถือจานข้าวไปให้ชายธีก่อนจะเดินไปซื้อน้ำและกาแฟให้อีกคนซึ่งความจริงผมไม่ควรให้เขากินของเย็นแต่...กาแฟร้อนก็ได้นี่หว่า “พี่ครับอเมริกาโนร้อน1แก้ว น้ำเปล่าสองขวดแล้วก็นมสดคาราเมลปั่น” ไม่นานมากผมก็ได้ของที่สั่งครบก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นนางเพื่อนตัวดีนั่งสนิทชิดเชื้อกับชายธี ก็ใช่ซิสแน็คมันปลื้มชายธีจะแปลกอะไรถ้ามันจะทำแบบนั้น “อ่ะน้ำเปล่าของมึงไอ้ปริ้นท์กับสแน็คส่วนนี้อเมริกาโนร้อนของมึงไอ้ฟลุ๊ค” “ขอบใจ...” “ฟลุ๊คชอบกินอเมริกาโนหรอ”เสียงสแน็คที่หันไปถามคนที่นั่งข้างๆที่ยิ้มให้ก่อนพยักหน้ารับ “แล้วได้เอายามาหรือเปล่า” ผมถามคนที่กำลังตักข้าวเข้าปากที่เงยหน้ามามองผมก่อนจะส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะนะ “อ่ะนี้ยา...กินข้าวกินยาด้วย” “โห่...ไอ้กันมึงพกยาด้วยหรอว่ะ” เสียงไอ้ปริ้นท์ที่นั่งข้างๆผมพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากก็จะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้ไงขนาดตัวผมเองยังแปลกใจกับตัวเองเลยว่าผมจะพกมาให้ชายธีมันทำไม “ทีกับกูไม่เคยเห็นดูแลแบบนี้เลยนะไอ้กัน” เสียงสแน็คที่นั่งฝั่งตรงข้ามทักมาอีกคนแต่ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่มองหน้าสแน็คคนที่นั่งข้างๆอย่างชายธีก็ไม่ต่าง “ฟลุ๊ครู้ไหมไอ้กันเนี้ยนะนอกจากGD วงBigbang มันไม่เคยสนใจอะไรใครหรอก” “พูดมากนะสแน็คกินๆไปเลย” “มิหน้าล่ะ...” คราวนี้เป็นชายธีที่พูดขึ้นก่อนกระตุกมุมปากยิ้มใส่ผม คำว่ามิหน้าของคนคนนี้มันหมายความว่าไงว่ะ มิหน้า?...หมายความว่าไงของมัน
“ไอ้ปริ้นท์เดี๋ยวกูตามไปที่ห้องซ้อมขอเข้าห้องน้ำก่อน” ผมหันไปบอกไอ้ปริ้นท์กับไอ้กันที่เดินตามมาหลังจากที่แยกกับสแน็คที่ขอกลับก่อน “กูไปด้วย...เจอกันที่ห้องนะไอ้ปริ้นท์” “เออๆ...ไปกันหมดเลย” ยิ่งไม่อยากเจอหน้าตอนนี้ดันตามมาอีกผมได้แต่รีบเดินไปห้องน้ำก่อนจะจัดการทำธุระ “เป็นไงบ้างไข้ลดยัง” “ก็ดีแล้ว” “แล้วมึงเป็นอะไรเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับกู” “ก็เปล่าไม่มีอะไร...หันไปนู้นเลยไม่ต้องมามองของกู” “ใครจะไปอยากมองว่ะ” “ก็มึงไง...หันไปเลยไป เดี๋ยวมาเคลิ้มกับกูจะยุ่ง” “เพ้อเจ้อ...ไข้ขึ้นหรอมึง” “เออ...” ผมรีบรูดซิบแล้วเดินไปล้างมือที่อ่าง ก่อนที่อีกคนจะเดินตามมาล้างอ่างเดียวกับผมไอ้นี่มันกวนประสาทจริงๆ “มึงจะมาล้างอ่างเดียวกับกูทำไมเนี้ย” “ประหยัดน้ำไงล้างด้วยกันแบบนี้ไง” ไม่รู้อยู่ๆทำไมเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านมือมาแบบบอกไม่ถูกทันทีที่ไอ้กันเอามือมันจับมือผมแล้วล้างมือด้วยกันในอ่าง ผมหันไปมองหน้าที่ยิ้มของมันพร้อมกับมือที่ถูมือผมไปมาอีก “ อ่ะสะอาดแล้วไปกันเถอะ” ใหน้าที่หันมายิ้มให้ผมก่อนหยิบทิชชูมาเช็ดมือให้อีกตอนนี้ผมว่าไข้ผมขึ้นแน่ๆอยู่ๆก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมายังไงยังงั้น “เป็นไรว่ะหน้าแดงๆ” “เปล่า...” “ไข้ขึ้น?...หรือเขินกูว่ะ” “กูจะเขินมึงทำไมว่ะไร้สาระ” “แน่ใจนะ...” พูดจบไอ้กันค่อยๆเอาแขนเท้ากับขอบอ่างล้างมือกันตัวผมไว้พร้อมกับค่อยๆโน้นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะใช้หน้าผากชนกับหน้าผากผม “เฮ้ย!!...มึงทำอะไรเนี้ย” “อือ...ไข้หน้าจะยังไม่ลดตัวยังร้อนหน่อยๆวันนี้ก็พักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูไปซ้อมคนเดียวก็ได้ละครอ่ะ” พูดจบไอ้กันก็เอาใบหน้าออกห่างจากผมแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมแทบจะยืนเกาะขอบอ่างไม่ไหว...ใจบ้านี้ก็เต้นแรงอยู่ได้มันแค่วัดไข้เฉยๆคิดอะไรว่ะไอ้ฟลุ๊ค ว่าแต่คนปกติเขาวัดไข้แบบนี้หรือไงว่ะ ไอ้กันสมายยยยยยยย...มึงทำกูจะให้เป็นบ้าใช่ไหมบ้าเอ้ย...
น่ารักดีเหมือนกันแหะหลังจากที่ผมชิงเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนชายธีที่ตอนนี้หน้าจะยืนเอ๋อกินในห้องน้ำเพราะตกใจกับสิ่งที่ผมทำเมื่อกี้แน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบมือถือมาเปิดไอจีก่อนจะเข้าไปในไอจี#ชนภัทร ที่เป็นของแฟนคลับที่ทำจิ้นสำหรับผมกับชายธี ความจริงแล้วคิดหรอว่าผมจะทำอะไรแบบนั้นได้ผมก็จำมาจาก “แฟนฟิค” ที่ถูกแต่งขึ้นมาแค่นั้นเอง ไม่รู้ว่าแฟนคลับที่เขียนฟิคนี้เขาคิดได้ยังไงแต่พอเอามาทำตามจริงๆมันก็ดีเหมือนกัน ฮาๆๆๆๆ ชายธีงานนี้กูต้องชนะ “อ้าวไอ้กันทำไมกลับมาคนเดียวไอ้ฟลุ๊คละ” “ไปพักมั่งกูบอกให้ไปพักอ่ะไข้มันยังไม่ดี” “อ๋อ...เออๆไปมึงเตรียมซ้อมต่อ อ้าวทุกคนพร้อมนะ” ผมเริ่มชินกับการแสดงละครเวทีไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้อาจจะด้วยเพื่อนๆนักแสดงคนอื่นๆส่งบทมาได้ดีบวกกับการเรียนมาจากชายธีด้วยเลยทำให้ผมแทบจะไม่ผิดพลาด เพราะทุกครั้งที่ผมยืนบนเวทีผมจะนึกถึงคำพูดที่ชายธีบอกผมเสมอว่า “ผมคือ ROMEO” ความรู้สึกอารมณ์ต่างๆที่ต้องถ่ายทอดมามันไม่ได้เกิดจากผมแต่มันต้องเกิดจากบทที่ผมได้รับ
ผมยืนแอบมองเพื่อนๆและไอกันที่ซ้อมละครอยู่ต้องห้องเก็บของข้างๆเวทีโดยไม่ให้ใครเห็น ไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผมคอยบอกคอยสอนไอ้กันไปสามารถเปลี่ยนจากผู้ชายเอ๋อๆงงๆคนหนึ่งให้เป็น ROMEOได้ ความพยายามที่มันอยากจะลองแสดงดูและมันก็ทำได้อย่างที่มันต้องการ “ค่อยหายเหนื่อยหน่อยเห็นแบบนี้” ก่อนจะเดินหลบออกไปจากห้องทันที ความจริงถึงตอนนี้ไม่มีผมสอนมันเล่นละคร ผมก็คิดว่ามันก็ทำได้แล้วนะความจริง แต่เพราะสัญญากับมันไปแล้วไงว่าจะช่วยจนกว่าละครเวทีจะแสดงในอีกไม่กี่วันนี้คงต้องอยู่ช่วยไปก่อน หลังจากจบงานละครเวทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วทนๆไปละกัน ว่าแต่ทำไมรู้สึกแปลกๆว่ะช่างเหอะ คิดมากไมว่ะไอ้ฟลุ๊ค “พี่ชายธีใช่ไหมคะ” ใครว่ะผมหันไปมองตามเสียงที่ทักก่อนจะเจอเด็กรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทัก “ครับ...น้องเรียกพี่หรอ” “ใช่คะ...คือหนูเป็นแฟนคลับพี่ขอถ่ายรูปได้ไหม” “อ๋อได้...ว่าแต่แฟนคลับ?” “ใช่คะหนูตามพี่ตั้งแต่งานละครเวทีคราวที่แล้วละ” “ครับขอบคุณครับ” “แล้วละครเวทีปีนี้พี่ชายธีเล่นด้วยไหมคะ” “เปล่าครับปีนี้พี่เป็นผู้กำกับเฉยๆ” “ว่าแต่ปีนี้เรื่องอะไรคะ” “ROMEO and JULIETครับ” “คะ...เสียดายนึกว่าจะได้เห็นพี่ชายธีเป็นROMEOซ่ะอีก” “ฮาๆ...งั้นพี่เป็นJULIETแทนได้ไหมเพราะROMEOมีคนเล่นแล้ว” “ฮาๆๆๆๆ...พี่ตลกอ่ะงั้นไว้หนูจะไปดูนะคะ” “ครับขอบคุณครับ” แฟนคลับหรอนี้ผมมีแฟนคลับด้วยหรอเนี้ยผมส่ายหัวให้ตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหน้าคณะรอคนที่ซ้อมละครออกมาเพราะผมคิดว่าคงไม่นานหรอกเดี๋ยวก็คงมา
ผมออกจากห้องซ้อมมาได้ซักพักแล้วละเพียงแต่มาเห็นใครบางคนกำลังยืนเซลฟี่กับสาวอยู่เลยยืนมองแค่นั้นเอง ผมไม่รู้ว่านั้นแฟนคลับชายธีหรือใครก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆดูคนสองคนคุยกันอารมณ์ดีเชียวเห็นแล้วหมั่นไส้จริงๆ คอยดูเถอะนะหลังจากละครเวทีจบลงเรตติ้งของผมต้องกลับมาเพราะผมคือกันสมาย ผู้ชายที่ใครๆต่างก็หลงใหล ยิ่งบทบาทROMEOด้วยแล้วแน่นอนพระเอกต้องเกิดซิงานนี้ “กลับยัง” ผมเดินไปถามคนที่นั่งอ่านหนังสือที่เงยหน้ามามองผม “อือ...ซ้อมเสร็จนานแล้วหรอ” “ก็นานพอจะเดินลงมาเห็นคนบางคนถ่ายรูปกับสาวนั้นแหล่ะ” “แล้วไม่รีบเข้ามาทักว่ะ” “อ้าวก็เห็นอยู่กับสาวใครเขาจะมาขัดละครับJULIET”“เออ...เรื่องของมึงเลย ไปเหอะอยากกลับแล้ว” “อือว่าแต่เป็นไงหายปวดหัวยัง” “ก็ดีแล้ว” ผมกับชายธีขึ้นรถก่อนขับออกจากตึกคณะตรงกลับคอนโดเหมือนทุกๆวัน บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าผมจะยื้อชายธีทำไมในเมื่อความจริงตอนนี้ผมกับชายธีก็ไม่ได้ซ้อมบทกันด้วยซ้ำกลับถึงห้องก็พักผ่อนแล้วก็นอนหลับเหมือนเดิมๆ แต่ไม่ได้ซิก็เขาบอกเองว่าจะอยู่ช่วยผมจนกว่าละครเวทีจะเสร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องทำหน้าที่คนสอนให้กับผมไป “ถึงซ่ะทีวันนี้รถโคตรติดเลยขึ้นห้องเหอะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปหาคนที่นั่งเบาะข้างๆ “อ้าวหลับซ่ะงั้น” ตอนหลับนี้โคตรน่ารักเลยว่ะ พอมองแล้วอดคิดถึงเมื่อเช้าไม่ได้ ก็ความจริงเมื่อเช้าผมตื่นมาแล้วละแต่เห็นอีกคนกอดซบผมหลับซ่ะแน่นจะให้ปลุกก็ไม่ใช่ ผมเลยแกล้งค่อยๆดึงเขามากอดไว้พออีกคนตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองกอดผมก็รีบดีดตัวออกจนกลิ้งตกเตียงมีหรอผมจะไม่รู้ “มองๆแล้วก็คล้ายแมวเหมือนกันนะเนี้ย” ผมค่อยๆเอื้อมมือไปลูบผมที่ยาวปิดหน้าปิดตาของชายธีเบาๆ ผมเขานุ่มเหมือนแรมโบ้เลย “อื้อ...ถึงแล้วหรอ” “ห่ะ!!...เออๆถึงแล้ว” ดึงมือกลับแทบไม่ทันแนะใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆจะตื่นขึ้นมาว่าแต่แล้วผมจะไปเคลิ้มกับผมนุ่มๆของชายธีทำไมว่ะ ไอ้กันเอ่ย...บ้าไปแล้วแน่ๆอยู่ๆไปเคลิ้มอะไรกับชายธีว่ะ เพราะหิวแน่ๆขึ้นไปทำข้าวไข่เจียวกินดีกว่าจะได้เลิกฟุ้งซ่าน
ผมนั่งมองไอ้กันที่เดินทำนู้นนี้นั้นในครัวไปมา ไม่นานมากนักพอข้าวสุกไอ้กันก็จัดการทำไข่เจียวที่ตอนนี้กลิ่นหอมชวนให้หิวขึ้นมาอีก พยาธิในกระเพาะอาหารของผมเหมือนจะเริ่มทำงานแล้วละ ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบดูตอนที่มันทำอาหาร ครั้งที่แล้วตอนที่เห็นมันใส่ผ้ากันเปื้อนกับถือจานข้าวผัดมามันก็ดูเข้ากันกับชุดแบบนั้น ใครได้เป็นแฟนต้องโชคดีแน่ๆเลย ใช่ซิจะเป็นใครไปได้ก็สแน็คไงเห็นดูสนิทกันขนาดนั้นคงเป็นแฟนไอ้กันอยู่แล้ว อิจฉาเป็นบ้าคงได้กินฝีมือไอ้กันบ่อยแน่ๆ “มาแล้วอาหารเย็น” “หน้ากินอ่ะ” “กูหรือข้าวว่ะ” “ห่ะ!!...” “กูล้อเล่นเอานี้ข้าวไข่เจียวของมึง” ผมรับจานข้าวจากไอ้กันมาก่อนจะจัดการตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ต่อให้เอาฟิซซ่ามาว่าตอนนี้ก็ไม่ยอมแลกหรอกครับ ตอนหิวๆเนี้ยข้าวไข่เจียววิเศษที่สุดแล้ว “ค่อยๆกินมึงกูไม่แย้งหรอก” ผมไม่สนใจคำพูดคนตรงหน้าก็คนกำลังหิวใครจะสนละ “เออเดี๋ยวกูไปหยิบยามาให้แล้วกัน” ผมเงยหน้าจากจานข้าวก่อนหันไปมองตามอีกคนที่ลุกเดินไปหยิบยาในถุงมาให้ผม แทนที่มันจะกินข้าวให้อิ่มก่อนค่อยจัดแจงอะไรให้ผมแท้ๆดันไปหยิบยากับน้ำมาให้ผมซ่ะอย่างนั้น เพราะมึงทำแบบนี้ละนะกูถึงรู้สึกแปลกๆ “อ่ะยาแล้วก็น้ำกินข้าวเสร็จแล้วกินด้วยเข้าใจไหม” “เออ...มึงก็รีบๆกินเหอะไหนบ่นหิวว่ะ” “อือ...เออกูยังไม่ได้ปล่อยแรมโบ้เลย” ไอ้กันเตรียมจะลุกจากเก้าอี้อีกคนผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือมันไว้ก่อนทันที “ห่ะ!!...มีอะไรว่ะ” “นั่งลงกินข้าวเดี๋ยวค่อยไปปล่อยข้าวมึงจะเย็นหมดล่ะ” “แต่ว่าแรมโบ้...” “กิน...ถ้ามึงไม่กินข้าวกูไม่กินยานะ” “มึงไม่กินกูจับกรอก” “มึงคิดว่าจะกรอกกูได้อีกครั้งก็ลองดู...แต่คราวนี้อย่าหาว่ากูไม่เตือนแล้วกัน” ผมมองหน้าโดยไม่หลบสายตามีหรอคนอย่างไอ้ฟลุ๊คจะยอมพลาดท่าเสียทีไอ้กันหลายๆครั้ง ในเมื่อมันชอบขู่ผมก็ขู่กลับบ้างซิ “เออกินก็ได้”
จะให้บอกว่าไงละก็ที่ไม่กล้านั่งกินข้าวอยู่เฉยๆความจริงมันแค่กลัวว่ามือตัวเองจะอดไม่ได้ไปลูบ ไปสัมผัสคนตรงหน้าก็แค่นั้น ยิ่งผมนุ่มๆสั้นๆแล้วด้วย สเปกสุดๆมันน่ารัก แก้มกลมๆตอนเคี้ยวข้าว อะไรก็ดูดีไปหมดไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะทำอะไร ทำไมมันชวนให้หลงใหลไปได้ว่ะ ไม่ซิไอ้กันนั้นผู้ชายนะเว้ยแม้จะหน้าตาทรงผมทุกอย่างจะสเปกก็ตามเถอะ ผมค่อยๆตักข้าวเข้าปากโดยไม่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีก “อิ่มแล้วหรอ” “เออ” “เอาวางไว้นี้แหละเดี๋ยวกูไปล้างเองมึงกินยาแล้วไปนั่งเล่นกับแรมโบ้เถอะ” “เออ...ขอบใจฝากด้วยแล้วกัน” พอชายธีเดินไปหาแรมโบ้ผมก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาไม่คิดเลยว่าจะมารู้สึกแปลกๆเพราะผู้ชายคนนี้ไปได้
“นั้นชายธีไม่ใช่หรอว่ะไอ้กัน” เสียงสแน็คที่ยืนซื้อข้าวอยู่ข้างๆผมถามผมขึ้น “เออ” “เขาไม่สายหรอว่ะ” “อือ...เออเดี๋ยวกูไปซื้อน้ำก่อนนะมึงเอาอะไรไหม” “น้ำเปล่า” “งั้นกูฝากเอาข้าวไปให้ฟลุ๊คด้วยแล้วกันเดี๋ยวไปซื้อน้ำให้” “เออ” ผมฝากให้สแน็ค ถือจานข้าวไปให้ชายธีก่อนจะเดินไปซื้อน้ำและกาแฟให้อีกคนซึ่งความจริงผมไม่ควรให้เขากินของเย็นแต่...กาแฟร้อนก็ได้นี่หว่า “พี่ครับอเมริกาโนร้อน1แก้ว น้ำเปล่าสองขวดแล้วก็นมสดคาราเมลปั่น” ไม่นานมากผมก็ได้ของที่สั่งครบก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นนางเพื่อนตัวดีนั่งสนิทชิดเชื้อกับชายธี ก็ใช่ซิสแน็คมันปลื้มชายธีจะแปลกอะไรถ้ามันจะทำแบบนั้น “อ่ะน้ำเปล่าของมึงไอ้ปริ้นท์กับสแน็คส่วนนี้อเมริกาโนร้อนของมึงไอ้ฟลุ๊ค” “ขอบใจ...” “ฟลุ๊คชอบกินอเมริกาโนหรอ”เสียงสแน็คที่หันไปถามคนที่นั่งข้างๆที่ยิ้มให้ก่อนพยักหน้ารับ “แล้วได้เอายามาหรือเปล่า” ผมถามคนที่กำลังตักข้าวเข้าปากที่เงยหน้ามามองผมก่อนจะส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะนะ “อ่ะนี้ยา...กินข้าวกินยาด้วย” “โห่...ไอ้กันมึงพกยาด้วยหรอว่ะ” เสียงไอ้ปริ้นท์ที่นั่งข้างๆผมพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากก็จะไม่ให้คนอื่นแปลกใจได้ไงขนาดตัวผมเองยังแปลกใจกับตัวเองเลยว่าผมจะพกมาให้ชายธีมันทำไม “ทีกับกูไม่เคยเห็นดูแลแบบนี้เลยนะไอ้กัน” เสียงสแน็คที่นั่งฝั่งตรงข้ามทักมาอีกคนแต่ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่มองหน้าสแน็คคนที่นั่งข้างๆอย่างชายธีก็ไม่ต่าง “ฟลุ๊ครู้ไหมไอ้กันเนี้ยนะนอกจากGD วงBigbang มันไม่เคยสนใจอะไรใครหรอก” “พูดมากนะสแน็คกินๆไปเลย” “มิหน้าล่ะ...” คราวนี้เป็นชายธีที่พูดขึ้นก่อนกระตุกมุมปากยิ้มใส่ผม คำว่ามิหน้าของคนคนนี้มันหมายความว่าไงว่ะ มิหน้า?...หมายความว่าไงของมัน
“ไอ้ปริ้นท์เดี๋ยวกูตามไปที่ห้องซ้อมขอเข้าห้องน้ำก่อน” ผมหันไปบอกไอ้ปริ้นท์กับไอ้กันที่เดินตามมาหลังจากที่แยกกับสแน็คที่ขอกลับก่อน “กูไปด้วย...เจอกันที่ห้องนะไอ้ปริ้นท์” “เออๆ...ไปกันหมดเลย” ยิ่งไม่อยากเจอหน้าตอนนี้ดันตามมาอีกผมได้แต่รีบเดินไปห้องน้ำก่อนจะจัดการทำธุระ “เป็นไงบ้างไข้ลดยัง” “ก็ดีแล้ว” “แล้วมึงเป็นอะไรเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับกู” “ก็เปล่าไม่มีอะไร...หันไปนู้นเลยไม่ต้องมามองของกู” “ใครจะไปอยากมองว่ะ” “ก็มึงไง...หันไปเลยไป เดี๋ยวมาเคลิ้มกับกูจะยุ่ง” “เพ้อเจ้อ...ไข้ขึ้นหรอมึง” “เออ...” ผมรีบรูดซิบแล้วเดินไปล้างมือที่อ่าง ก่อนที่อีกคนจะเดินตามมาล้างอ่างเดียวกับผมไอ้นี่มันกวนประสาทจริงๆ “มึงจะมาล้างอ่างเดียวกับกูทำไมเนี้ย” “ประหยัดน้ำไงล้างด้วยกันแบบนี้ไง” ไม่รู้อยู่ๆทำไมเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านมือมาแบบบอกไม่ถูกทันทีที่ไอ้กันเอามือมันจับมือผมแล้วล้างมือด้วยกันในอ่าง ผมหันไปมองหน้าที่ยิ้มของมันพร้อมกับมือที่ถูมือผมไปมาอีก “ อ่ะสะอาดแล้วไปกันเถอะ” ใหน้าที่หันมายิ้มให้ผมก่อนหยิบทิชชูมาเช็ดมือให้อีกตอนนี้ผมว่าไข้ผมขึ้นแน่ๆอยู่ๆก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมายังไงยังงั้น “เป็นไรว่ะหน้าแดงๆ” “เปล่า...” “ไข้ขึ้น?...หรือเขินกูว่ะ” “กูจะเขินมึงทำไมว่ะไร้สาระ” “แน่ใจนะ...” พูดจบไอ้กันค่อยๆเอาแขนเท้ากับขอบอ่างล้างมือกันตัวผมไว้พร้อมกับค่อยๆโน้นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะใช้หน้าผากชนกับหน้าผากผม “เฮ้ย!!...มึงทำอะไรเนี้ย” “อือ...ไข้หน้าจะยังไม่ลดตัวยังร้อนหน่อยๆวันนี้ก็พักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูไปซ้อมคนเดียวก็ได้ละครอ่ะ” พูดจบไอ้กันก็เอาใบหน้าออกห่างจากผมแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมแทบจะยืนเกาะขอบอ่างไม่ไหว...ใจบ้านี้ก็เต้นแรงอยู่ได้มันแค่วัดไข้เฉยๆคิดอะไรว่ะไอ้ฟลุ๊ค ว่าแต่คนปกติเขาวัดไข้แบบนี้หรือไงว่ะ ไอ้กันสมายยยยยยยย...มึงทำกูจะให้เป็นบ้าใช่ไหมบ้าเอ้ย...
น่ารักดีเหมือนกันแหะหลังจากที่ผมชิงเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนชายธีที่ตอนนี้หน้าจะยืนเอ๋อกินในห้องน้ำเพราะตกใจกับสิ่งที่ผมทำเมื่อกี้แน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบมือถือมาเปิดไอจีก่อนจะเข้าไปในไอจี#ชนภัทร ที่เป็นของแฟนคลับที่ทำจิ้นสำหรับผมกับชายธี ความจริงแล้วคิดหรอว่าผมจะทำอะไรแบบนั้นได้ผมก็จำมาจาก “แฟนฟิค” ที่ถูกแต่งขึ้นมาแค่นั้นเอง ไม่รู้ว่าแฟนคลับที่เขียนฟิคนี้เขาคิดได้ยังไงแต่พอเอามาทำตามจริงๆมันก็ดีเหมือนกัน ฮาๆๆๆๆ ชายธีงานนี้กูต้องชนะ “อ้าวไอ้กันทำไมกลับมาคนเดียวไอ้ฟลุ๊คละ” “ไปพักมั่งกูบอกให้ไปพักอ่ะไข้มันยังไม่ดี” “อ๋อ...เออๆไปมึงเตรียมซ้อมต่อ อ้าวทุกคนพร้อมนะ” ผมเริ่มชินกับการแสดงละครเวทีไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้อาจจะด้วยเพื่อนๆนักแสดงคนอื่นๆส่งบทมาได้ดีบวกกับการเรียนมาจากชายธีด้วยเลยทำให้ผมแทบจะไม่ผิดพลาด เพราะทุกครั้งที่ผมยืนบนเวทีผมจะนึกถึงคำพูดที่ชายธีบอกผมเสมอว่า “ผมคือ ROMEO” ความรู้สึกอารมณ์ต่างๆที่ต้องถ่ายทอดมามันไม่ได้เกิดจากผมแต่มันต้องเกิดจากบทที่ผมได้รับ
ผมยืนแอบมองเพื่อนๆและไอกันที่ซ้อมละครอยู่ต้องห้องเก็บของข้างๆเวทีโดยไม่ให้ใครเห็น ไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผมคอยบอกคอยสอนไอ้กันไปสามารถเปลี่ยนจากผู้ชายเอ๋อๆงงๆคนหนึ่งให้เป็น ROMEOได้ ความพยายามที่มันอยากจะลองแสดงดูและมันก็ทำได้อย่างที่มันต้องการ “ค่อยหายเหนื่อยหน่อยเห็นแบบนี้” ก่อนจะเดินหลบออกไปจากห้องทันที ความจริงถึงตอนนี้ไม่มีผมสอนมันเล่นละคร ผมก็คิดว่ามันก็ทำได้แล้วนะความจริง แต่เพราะสัญญากับมันไปแล้วไงว่าจะช่วยจนกว่าละครเวทีจะแสดงในอีกไม่กี่วันนี้คงต้องอยู่ช่วยไปก่อน หลังจากจบงานละครเวทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วทนๆไปละกัน ว่าแต่ทำไมรู้สึกแปลกๆว่ะช่างเหอะ คิดมากไมว่ะไอ้ฟลุ๊ค “พี่ชายธีใช่ไหมคะ” ใครว่ะผมหันไปมองตามเสียงที่ทักก่อนจะเจอเด็กรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทัก “ครับ...น้องเรียกพี่หรอ” “ใช่คะ...คือหนูเป็นแฟนคลับพี่ขอถ่ายรูปได้ไหม” “อ๋อได้...ว่าแต่แฟนคลับ?” “ใช่คะหนูตามพี่ตั้งแต่งานละครเวทีคราวที่แล้วละ” “ครับขอบคุณครับ” “แล้วละครเวทีปีนี้พี่ชายธีเล่นด้วยไหมคะ” “เปล่าครับปีนี้พี่เป็นผู้กำกับเฉยๆ” “ว่าแต่ปีนี้เรื่องอะไรคะ” “ROMEO and JULIETครับ” “คะ...เสียดายนึกว่าจะได้เห็นพี่ชายธีเป็นROMEOซ่ะอีก” “ฮาๆ...งั้นพี่เป็นJULIETแทนได้ไหมเพราะROMEOมีคนเล่นแล้ว” “ฮาๆๆๆๆ...พี่ตลกอ่ะงั้นไว้หนูจะไปดูนะคะ” “ครับขอบคุณครับ” แฟนคลับหรอนี้ผมมีแฟนคลับด้วยหรอเนี้ยผมส่ายหัวให้ตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหน้าคณะรอคนที่ซ้อมละครออกมาเพราะผมคิดว่าคงไม่นานหรอกเดี๋ยวก็คงมา
ผมออกจากห้องซ้อมมาได้ซักพักแล้วละเพียงแต่มาเห็นใครบางคนกำลังยืนเซลฟี่กับสาวอยู่เลยยืนมองแค่นั้นเอง ผมไม่รู้ว่านั้นแฟนคลับชายธีหรือใครก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆดูคนสองคนคุยกันอารมณ์ดีเชียวเห็นแล้วหมั่นไส้จริงๆ คอยดูเถอะนะหลังจากละครเวทีจบลงเรตติ้งของผมต้องกลับมาเพราะผมคือกันสมาย ผู้ชายที่ใครๆต่างก็หลงใหล ยิ่งบทบาทROMEOด้วยแล้วแน่นอนพระเอกต้องเกิดซิงานนี้ “กลับยัง” ผมเดินไปถามคนที่นั่งอ่านหนังสือที่เงยหน้ามามองผม “อือ...ซ้อมเสร็จนานแล้วหรอ” “ก็นานพอจะเดินลงมาเห็นคนบางคนถ่ายรูปกับสาวนั้นแหล่ะ” “แล้วไม่รีบเข้ามาทักว่ะ” “อ้าวก็เห็นอยู่กับสาวใครเขาจะมาขัดละครับJULIET”“เออ...เรื่องของมึงเลย ไปเหอะอยากกลับแล้ว” “อือว่าแต่เป็นไงหายปวดหัวยัง” “ก็ดีแล้ว” ผมกับชายธีขึ้นรถก่อนขับออกจากตึกคณะตรงกลับคอนโดเหมือนทุกๆวัน บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าผมจะยื้อชายธีทำไมในเมื่อความจริงตอนนี้ผมกับชายธีก็ไม่ได้ซ้อมบทกันด้วยซ้ำกลับถึงห้องก็พักผ่อนแล้วก็นอนหลับเหมือนเดิมๆ แต่ไม่ได้ซิก็เขาบอกเองว่าจะอยู่ช่วยผมจนกว่าละครเวทีจะเสร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องทำหน้าที่คนสอนให้กับผมไป “ถึงซ่ะทีวันนี้รถโคตรติดเลยขึ้นห้องเหอะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปหาคนที่นั่งเบาะข้างๆ “อ้าวหลับซ่ะงั้น” ตอนหลับนี้โคตรน่ารักเลยว่ะ พอมองแล้วอดคิดถึงเมื่อเช้าไม่ได้ ก็ความจริงเมื่อเช้าผมตื่นมาแล้วละแต่เห็นอีกคนกอดซบผมหลับซ่ะแน่นจะให้ปลุกก็ไม่ใช่ ผมเลยแกล้งค่อยๆดึงเขามากอดไว้พออีกคนตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองกอดผมก็รีบดีดตัวออกจนกลิ้งตกเตียงมีหรอผมจะไม่รู้ “มองๆแล้วก็คล้ายแมวเหมือนกันนะเนี้ย” ผมค่อยๆเอื้อมมือไปลูบผมที่ยาวปิดหน้าปิดตาของชายธีเบาๆ ผมเขานุ่มเหมือนแรมโบ้เลย “อื้อ...ถึงแล้วหรอ” “ห่ะ!!...เออๆถึงแล้ว” ดึงมือกลับแทบไม่ทันแนะใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆจะตื่นขึ้นมาว่าแต่แล้วผมจะไปเคลิ้มกับผมนุ่มๆของชายธีทำไมว่ะ ไอ้กันเอ่ย...บ้าไปแล้วแน่ๆอยู่ๆไปเคลิ้มอะไรกับชายธีว่ะ เพราะหิวแน่ๆขึ้นไปทำข้าวไข่เจียวกินดีกว่าจะได้เลิกฟุ้งซ่าน
ผมนั่งมองไอ้กันที่เดินทำนู้นนี้นั้นในครัวไปมา ไม่นานมากนักพอข้าวสุกไอ้กันก็จัดการทำไข่เจียวที่ตอนนี้กลิ่นหอมชวนให้หิวขึ้นมาอีก พยาธิในกระเพาะอาหารของผมเหมือนจะเริ่มทำงานแล้วละ ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบดูตอนที่มันทำอาหาร ครั้งที่แล้วตอนที่เห็นมันใส่ผ้ากันเปื้อนกับถือจานข้าวผัดมามันก็ดูเข้ากันกับชุดแบบนั้น ใครได้เป็นแฟนต้องโชคดีแน่ๆเลย ใช่ซิจะเป็นใครไปได้ก็สแน็คไงเห็นดูสนิทกันขนาดนั้นคงเป็นแฟนไอ้กันอยู่แล้ว อิจฉาเป็นบ้าคงได้กินฝีมือไอ้กันบ่อยแน่ๆ “มาแล้วอาหารเย็น” “หน้ากินอ่ะ” “กูหรือข้าวว่ะ” “ห่ะ!!...” “กูล้อเล่นเอานี้ข้าวไข่เจียวของมึง” ผมรับจานข้าวจากไอ้กันมาก่อนจะจัดการตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ต่อให้เอาฟิซซ่ามาว่าตอนนี้ก็ไม่ยอมแลกหรอกครับ ตอนหิวๆเนี้ยข้าวไข่เจียววิเศษที่สุดแล้ว “ค่อยๆกินมึงกูไม่แย้งหรอก” ผมไม่สนใจคำพูดคนตรงหน้าก็คนกำลังหิวใครจะสนละ “เออเดี๋ยวกูไปหยิบยามาให้แล้วกัน” ผมเงยหน้าจากจานข้าวก่อนหันไปมองตามอีกคนที่ลุกเดินไปหยิบยาในถุงมาให้ผม แทนที่มันจะกินข้าวให้อิ่มก่อนค่อยจัดแจงอะไรให้ผมแท้ๆดันไปหยิบยากับน้ำมาให้ผมซ่ะอย่างนั้น เพราะมึงทำแบบนี้ละนะกูถึงรู้สึกแปลกๆ “อ่ะยาแล้วก็น้ำกินข้าวเสร็จแล้วกินด้วยเข้าใจไหม” “เออ...มึงก็รีบๆกินเหอะไหนบ่นหิวว่ะ” “อือ...เออกูยังไม่ได้ปล่อยแรมโบ้เลย” ไอ้กันเตรียมจะลุกจากเก้าอี้อีกคนผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือมันไว้ก่อนทันที “ห่ะ!!...มีอะไรว่ะ” “นั่งลงกินข้าวเดี๋ยวค่อยไปปล่อยข้าวมึงจะเย็นหมดล่ะ” “แต่ว่าแรมโบ้...” “กิน...ถ้ามึงไม่กินข้าวกูไม่กินยานะ” “มึงไม่กินกูจับกรอก” “มึงคิดว่าจะกรอกกูได้อีกครั้งก็ลองดู...แต่คราวนี้อย่าหาว่ากูไม่เตือนแล้วกัน” ผมมองหน้าโดยไม่หลบสายตามีหรอคนอย่างไอ้ฟลุ๊คจะยอมพลาดท่าเสียทีไอ้กันหลายๆครั้ง ในเมื่อมันชอบขู่ผมก็ขู่กลับบ้างซิ “เออกินก็ได้”
จะให้บอกว่าไงละก็ที่ไม่กล้านั่งกินข้าวอยู่เฉยๆความจริงมันแค่กลัวว่ามือตัวเองจะอดไม่ได้ไปลูบ ไปสัมผัสคนตรงหน้าก็แค่นั้น ยิ่งผมนุ่มๆสั้นๆแล้วด้วย สเปกสุดๆมันน่ารัก แก้มกลมๆตอนเคี้ยวข้าว อะไรก็ดูดีไปหมดไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะทำอะไร ทำไมมันชวนให้หลงใหลไปได้ว่ะ ไม่ซิไอ้กันนั้นผู้ชายนะเว้ยแม้จะหน้าตาทรงผมทุกอย่างจะสเปกก็ตามเถอะ ผมค่อยๆตักข้าวเข้าปากโดยไม่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีก “อิ่มแล้วหรอ” “เออ” “เอาวางไว้นี้แหละเดี๋ยวกูไปล้างเองมึงกินยาแล้วไปนั่งเล่นกับแรมโบ้เถอะ” “เออ...ขอบใจฝากด้วยแล้วกัน” พอชายธีเดินไปหาแรมโบ้ผมก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาไม่คิดเลยว่าจะมารู้สึกแปลกๆเพราะผู้ชายคนนี้ไปได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ