รหัสรัก ROMEO and JULIET
6.4
เขียนโดย zeeto
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.
20 ตอน
2 วิจารณ์
30.90K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
12) เปลี่ยนจากสูบมาจูบแทน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ผมนั่งเลื่อนอ่านฟิคในไอจี#ชนภัทรที่แฟนคลับจิ้นระหว่างไอ้ฟลุ๊คกับไอ้กันไม่รู้พวกแฟนคลับไปเก็บโมเม้นมาจากไหนได้ขนาดผมกับไอ้ฟลุ๊คเป็นเพื่อนกันแท้ๆยังไม่รู้สึกว่ามันจิ้นกันได้เลย หรือว่าไงผมพลาดอะไรไปหรือเปล่าพอเลื่อนดูรูปในไอจีก็ยิ่งแปลกใจ ก็บางรูปดูยังไงมันก็ไม่ได้ตัดต่อแต่ไอ้สองคนนี้มันไปเที่ยวไปไหนมาไหนด้วยกันตอนไหนทำไมผมไม่รู้ละ... ตกลงมันยังไงแน่คู่จิ้นจากละครเวที หรือคู่จริงผมก็แยกไม่ออก “ดูอะไรว่ะไอ้ปริ้นท์” “อ้าวไอ้ฟลุ๊ค...” “เออว่าแต่ดูอะไรทำหน้าจริงจังเชียวมึง” “ก็ดูไอจีคู่จิ้นมึงกับไอ้กันไง” “ทำไมว่ะ...เขาจิ้นอะไรอีกละคราวนี้” “กูก็ไม่รู้ว่าเขาจิ้นได้ไง...ว่าแต่มึงกับไอ้กันเถอะปิดเทอมไปไหนกันมาทำไมมีรูปออกมาเยอะขนาดนี้วว่ะ” “รูปบ้าอะไรกูไม่ได้อัพอะไรเลยจะมีรูปมาจากไหน” “อันนั้นกูรู้แต่เนี้ย...พวกมึงสองคนไปเที่ยวไหนกันมาละแฟนคลับแอบถ่ายมาเต็มตกลงพวกมึงสองคนจะเอาดีทางคู่จิ้นหรอว่ะ” “พูดดีๆไอ้ปริ้นท์มึงเป็นเพื่อนกูมากี่ปีทำไมพูดเหมือนไม่รู้จักกูเลยว่ะ” “เออกูขอโทษแล้วกัน...กูก็แค่ไม่อยากให้มึงอินไปกับเรื่องที่แฟนคลับเขียนให้” “มึงก็รู้ว่ากูไม่ใช่พวกเซอร์วิทแฟน...” “อันนั้นกูรู้แล้วไอ้กันละ...มึงไม่กลัวว่ามันจะเกาะกระแสคู่จิ้นอะไรนี้ดังหรอ” “ไม่หรอกกูเชื่อไอ้กันไม่ใช่แบบนั้น” “มึงอย่าไว้ใจมันมากคราวที่แล้วที่มาเล่นละครเวทีก็เพราะมันอยากเรียกเรตติ้งไม่ใช่หรือไง” “ไม่หรอก...ไอ้กันไม่ทำแบบนั้นหรอก”
แม้ผมจะพูดแบบนั้นออกไปกับไอ้ปริ้นท์แต่เอาจริงๆผมก็แอบหวั่นใจไม่น้อยว่าไอ้กันคงไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหม เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆในตอนนี้ผมคงเสียใจมากที่สุดก็เพราะว่า...ผมชอบมันไปแล้ว... หลังจากเลิกเรียนผมก็เก็บหนังสืออะไรต่างๆลงกระเป๋าก่อนจะขอแยกกลับออกมาก่อนเพราะวันนี้ผมนัดกับไอ้กันจะไปดูหนัง แต่พอลงมาถึงหน้าตึกคณะภาพที่เห็นกับเป็นกลุ่มรุ่นน้องผู้หญิงพากันรุมขอถ่ายรูปไอ้กันเต็มไปหมด “แกพี่ฟลุ๊คมานู้นแล้ว...” เสียงของรุ่นน้องที่หันมาเห็นแล้วเดินมาหาผมที่เดินเข้าไปทักไอ้กัน “มานานแล้วหรอ” “เออ...พึ่งเรียนเสร็จหรอว่ะ” “อือ...” “พี่ฟลุ๊คพี่กันขอรูปคู่ได้ไหมคะ” เสียงรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดกับผมและไอ้กันที่ยืนคุยกันอยู่ “ขอโทษนะครับพอดีพี่มีธุระไม่สะดวกยังไงขอตัวก่อนนะ” พูดจบผมก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรออีกคนที่โบกมือลากลุ่มรุ่นน้องแฟนคลับแล้วขึ้นมาประจำตำแหน่งคนขับเหมือนเดิม “ลืมคาดเข็มขัดอีกแล้วนะมึง” ไอ้กันกำลังจะเอื้อมมือมาแต่ผมรีบดึงเข็มขัดมาคาดเองก่อนพอเห็นแบบนี้ไอ้กันก็ถอยไปนั่งแล้วคาดเข็มขัดของตัวเองก่อนขับรถออกไปทันที “เป็นไรหรือเปล่าว่ะ...ดูมึงเครียดๆนะ” ไอ้กันพูดขึ้นระหว่างที่ขับรถออกมา “เปล่าหรอกไม่มีอะไร...เออกูว่ากูไม่อยากดูหนังแล้วอ่ะ” “หรอ...แล้วอยากไปไหน” “ไม่รู้ดิ...แค่อยากหาที่สงบๆให้สมองมันโล่ง” “ไปทะเลกันป่ะเดี่ยวกูพาไป” “ตอนนี้เนี้ยนะ” “เออ...ไปไหมเดี๋ยวกลับไปเอาเสื้อผ้าแล้วก็แรมโบ้” “ก็ได้ว่ะ...ก็ทะเลใกล้สุดนิหว่า” “พูดเหมือนไม่อยากไปทะเล” “เปล่า...แค่ที่ที่อยากไปมันไกลเกินงั้นไปกันแค่ทะเลนี้แหล่ะ” “ไว้คราวหน้านะค่อยไปที่ที่มึงอยากไป...แต่วันนี้ไปพักสมองบ้างกูไม่ชอบเวลาเห็นมึงเครียดๆ” “อือ” ผมหันไปยิ้มให้ไอ้กันก่อนหันกลับมานั่งมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
หลังจากไปรับเจ้าแรมโบ้และเก็บเสื้อผ้าสำหรับพักผ่อนในวันหยุดเสาว์อาทิตย์แล้วผมก็ขับรถตรงไปหัวหินทันที อย่างน้อยๆคิดซ่ะว่ามาเปิดหูเปิดตาแล้วกันปิดเทอมก็อยู่แต่ที่คอนโดไม่ได้พามันออกไปไหนอย่างน้อยๆนี้อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ผมมีต่อชายธีชัดเจนขึ้นก็ได้ “พักที่ไหนดีว่ะไม่ได้จองล่วงหน้าแบบนี้” “เอาที่ไหนก็ได้หมดแหล่ะไม่ต้องดีมากก็ได้ไอ้กันเปลืองเงิน” “งั้นหรอกูก็นึกว่ามึงอยากได้แบบสวีทรูม” “ตลกล่ะ...หาที่เอาสัตว์เลี้ยงพักได้ด้วยนะ” “จริงด้วยป๊ะป๊าเกือบลืมหนูเลยนะครับแรมโบ้” มืออีกข้างที่ยื่นไปลูบหัวเจ้าแรมโบ้บนตักของชายธีก่อนจะกลับมาจับพวงมาลัยรถเหมือนเดิม “เฮ้ย!!...ไอ้กันโรงแรมนั้นติดป้ายให้สัตว์พักได้ว่ะ” “งั้นเอาโรงแรมนี้แล้วกัน” เมื่อถึงทางเข้าผมก็รีบวนรถไปจอดก่อนจะพากันลงไปถามที่พนักงานต้อนรับทันทีและเมื่อได้ห้องพักแล้วจะรออะไรละใกล้ทะเลแถมยังให้เจ้าหนูแรมโบ้นอนได้ด้วย “เมื่อยตัวเป็นบ้าเลย” ผมเดินบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างระเบียงมองออกไปข้างนอก “ฟลุ๊คมาดูนี้ดิเห็นทะเลด้วยแต่เสียดายฟ้ามืดแล้ว” “ก็ดูสงบดีนะ...” “มึงมีอะไรบอกกูได้นะ” ผมยืนเอาหลังพิงกับขอบระเบียงแล้วหันหน้ามามองคนที่ยืนข้างๆที่ดูท้องทะเลในความมืดหน้าตาที่นิ่งเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไรแบบนี้มันเดาใจยากกว่าที่คิดเสียอีก
“มึงมีอะไรบอกกูได้นะ” คำพูดสั้นๆจากคนข้างๆผมหันไปมองไอ้กันก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆแล้วกดใบหน้าซบลงที่อกของไอ้กันเบาๆ มือที่ค่อยๆยกขึ้นมาลูบหัวผมโดยไม่พูดอะไรมันทำให้สบายใจได้บ้างแค่นี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมผมต้องไปแคร์คำพูดคนอื่นด้วยละ ไอ้กันชอบผมและผมก็ชอบไอ้กัน เรื่องของความรู้สึกแค่นี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอว่ะทำไมผมจะต้องมาคิดมากด้วย “หิวไหมไปหาอะไรกินกันเถอะ” คำพูดที่ไม่ได้ถามหาเหตุและผลแต่ฟังแล้วมันอบอุ่นแบบนี้ แค่นี้ก็ดีแล้วนะไอ้ฟลุ๊คผมพยักหน้ากับอกเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนมือมาจับหัวผมให้คอนเบาๆ “ไปกินข้าวกันเวลามึงหิวแล้วงอแงจังเลย” “กูไม่ได้งอแงซ่ะหน่อย” “ก็เนี้ยทำหน้าเป็นแรมโบ้อยู่ยังจะเถียงนะ...” “อะไรแรมโบ้ไม่ทำแบบนี้หรอกถ้าเป็นแรมโบ้ต้องทำแบบนี้ตั้งหาก” พูดจบผมก็ซุกใบหน้าไปที่คอไอ้กันก่อนใช่คางถูๆไถๆไปมา “เฮ้ย!!..ไอ้ฟลุ๊คทำอะไรเนี้ยฮาๆๆ...” “ก็ทำตัวเป็นแรมโบ้ไงเนี้ยๆๆ” “ฮาๆๆๆ...พอๆจั๊กจี้” “อะไรว่ะทีแรมโบ้ยังทำได้เลย” ผมดึงตัวเองออกก่อนจะก้าวเข้าห้องแต่ไม่ทันจะเดินไปถึงประตูคนที่อยู่ข้างหลังก็คว้าข้อมือแล้วดึงผมให้หันกลับมาพร้อมใช้มืออีกข้างรั้งท้ายทอยเข้ามาประกบจูบทันที “อื้อ...” นี้ไอ้กันจูบผมหรอ...มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกนี้หว่าตอนแสดงละครเวทีผมก็จูบกับมันไปแล้วแต่ทำไมครั้งนี้มันรู้สึกไม่เหมือนกันละ มือไม้ทำไมอยู่ๆเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงผมค่อยๆยกมือขึ้นจับไหล่ไอ้กันเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เสียงหายใจที่หอบกับสายตาที่มองมาที่ผม มันคือ... “มองแบบนั้นอยากโดนจูบอีกหรอ” “ห่ะ!!...บ้าแล้วมึงจูบกูทำไม” “ก็มึงไม่ใช่แรมโบ้ไงกูเลยจูบ” “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนว่ะ...” “ก็ถ้ากับแรมโบ้อ่ะมันจะได้แค่คลอเคลียแต่...กับมึงอะอยากได้มาเป็นเมียเข้าใจป่ะล่ะ” “ไอ้กัน...ไม่คุยกับมึงแล้วไปกินข้าว” >///< คลอเคลียมอเมียอะไรกันเล่าโอ้ย....
หวังว่านี้อาจจะทำให้ชายธีมันสบายใจขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยนะและที่สำคัญมันทำให้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดและรู้จักกับชายธีให้มากขึ้นด้วย ผมนั่งมองคนตรงหน้าที่ยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กระดกเข้าปากอย่างกับกลืนกินน้ำเปล่าเข้าไป แต่จะห้ามหรอคงไม่หรอกครับบางที การที่คนเราได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาบ้างแม้ไม่ใช่คำพูดแต่อย่างน้อยๆการกระทำต่างๆก็สามารถช่วยได้เช่นกัน หลังจากที่กินข้าวมื้อเย็นพร้อมกับนั่งกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนได้ที่ผมกับชายธีก็พากันเดินกลับโรงแรม ร่างที่เดินนิ่งนำหน้าไม่แสดงอาการใดๆว่ามึนเมาว่าแต่...ผมพึ่งรู้นะเนี้ยว่าชายธีคอแข็งขนาดนี้กินไปตั้งเยอะยังเดินปกติได้อีกหรอ “ไอ้กันมึงอาบน้ำก่อนเลยก็ได้เดี๋ยวกูขอนั่งสูดอากาศหน้าระเบียงก่อน” เมื่อเข้ามาในห้องชายธีก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำผมก็ได้แต่พยักหน้ามองคนที่อุ้มเจ้าแรมโบ้เดินออกไปนอกระเบียง สายน้ำเย็นๆจากฝักบัวที่ไหลลงสู่ผิวกายทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างไม่นานมากนักผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วหันไปมองคนที่ระเบียงอ้าวเฮ้ย...นั้นมันหยิบเบียร์ไปปิดกินอีกแล้วหรอว่ะ ผมรีบหยิบเสื้อมาใส่ก่อนเปิดประตูระเบียงออกไป “กินอีกแล้วหรอว่ะ” “อือ...ก็อยากกิน” “แล้วนี้มึงสูบบุหรี่ด้วย??” “อือก็สูบแค่ตอนมีอะไรให้คิดแค่นั้นแหล่ะ” “เลิกสูบได้แล้ว” พูดจบผมก็ดึงบุหรี่ที่ชายธีคาบอยู่ออกก่อนจะหันไปขยี้ในถาดข้างๆ “มึงเอาบุหรี่กูไปทำไมเนี้ย” “ก็กูไม่อยากให้มึงสูบ...มึงรู้ไหมบุหรี่มันไม่ดีต่อร่างกาย” “แล้วกูจะสูบอะไรว่ะเวลากูเครียดๆกูก็สูบของกูแบบนี้” “งั้นเอางี้วันไหนที่มึงเครียดอยากสูบบุหรี่ให้มึงเปลี่ยนมาจูบกูแทนเอาป่ะ” “โห่...ข้อต่อลองของมึงนี้โคตรได้กำไรเลย” “แล้วตกลงจะจูบไม่จูบ” “เออจูบก็ได้...” “ว่าแต่ตอนนี้เครียดอยากสูบใช่ป่ะ” “ก็เออดิพึ่งจุดเองเหลือตั้งเยอะนะ” “งั้นมานี้...” พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากจูบคนตรงหน้าทันทีก็เขาเครียดไม่ใช่หรอ อยากเลิกคิดมากใช่ไหมนี้ไงถ้าทำแบบนี้เขาก็จะได้คิดแค่เรื่องผมเรื่องเดียว“เอาละกินหมดนี้แล้วไปอาบน้ำนอนนะ” “เออก็ได้...ร้องเพลงกล่อมกูด้วยแล้วกัน” “เอาเพลงไรละนกกาเหว่าไหมเดี๋ยวตบตูดให้นอนพร้อมเลย” “เชี้ย...ไปแล้ว” ชายธีหันมายิ้มก่อนยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกก่อนวางกระป๋องทิ้งไว้แล้วเดินเข้าห้องไปทันที
แม้ผมจะพูดแบบนั้นออกไปกับไอ้ปริ้นท์แต่เอาจริงๆผมก็แอบหวั่นใจไม่น้อยว่าไอ้กันคงไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหม เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆในตอนนี้ผมคงเสียใจมากที่สุดก็เพราะว่า...ผมชอบมันไปแล้ว... หลังจากเลิกเรียนผมก็เก็บหนังสืออะไรต่างๆลงกระเป๋าก่อนจะขอแยกกลับออกมาก่อนเพราะวันนี้ผมนัดกับไอ้กันจะไปดูหนัง แต่พอลงมาถึงหน้าตึกคณะภาพที่เห็นกับเป็นกลุ่มรุ่นน้องผู้หญิงพากันรุมขอถ่ายรูปไอ้กันเต็มไปหมด “แกพี่ฟลุ๊คมานู้นแล้ว...” เสียงของรุ่นน้องที่หันมาเห็นแล้วเดินมาหาผมที่เดินเข้าไปทักไอ้กัน “มานานแล้วหรอ” “เออ...พึ่งเรียนเสร็จหรอว่ะ” “อือ...” “พี่ฟลุ๊คพี่กันขอรูปคู่ได้ไหมคะ” เสียงรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดกับผมและไอ้กันที่ยืนคุยกันอยู่ “ขอโทษนะครับพอดีพี่มีธุระไม่สะดวกยังไงขอตัวก่อนนะ” พูดจบผมก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งรออีกคนที่โบกมือลากลุ่มรุ่นน้องแฟนคลับแล้วขึ้นมาประจำตำแหน่งคนขับเหมือนเดิม “ลืมคาดเข็มขัดอีกแล้วนะมึง” ไอ้กันกำลังจะเอื้อมมือมาแต่ผมรีบดึงเข็มขัดมาคาดเองก่อนพอเห็นแบบนี้ไอ้กันก็ถอยไปนั่งแล้วคาดเข็มขัดของตัวเองก่อนขับรถออกไปทันที “เป็นไรหรือเปล่าว่ะ...ดูมึงเครียดๆนะ” ไอ้กันพูดขึ้นระหว่างที่ขับรถออกมา “เปล่าหรอกไม่มีอะไร...เออกูว่ากูไม่อยากดูหนังแล้วอ่ะ” “หรอ...แล้วอยากไปไหน” “ไม่รู้ดิ...แค่อยากหาที่สงบๆให้สมองมันโล่ง” “ไปทะเลกันป่ะเดี่ยวกูพาไป” “ตอนนี้เนี้ยนะ” “เออ...ไปไหมเดี๋ยวกลับไปเอาเสื้อผ้าแล้วก็แรมโบ้” “ก็ได้ว่ะ...ก็ทะเลใกล้สุดนิหว่า” “พูดเหมือนไม่อยากไปทะเล” “เปล่า...แค่ที่ที่อยากไปมันไกลเกินงั้นไปกันแค่ทะเลนี้แหล่ะ” “ไว้คราวหน้านะค่อยไปที่ที่มึงอยากไป...แต่วันนี้ไปพักสมองบ้างกูไม่ชอบเวลาเห็นมึงเครียดๆ” “อือ” ผมหันไปยิ้มให้ไอ้กันก่อนหันกลับมานั่งมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
หลังจากไปรับเจ้าแรมโบ้และเก็บเสื้อผ้าสำหรับพักผ่อนในวันหยุดเสาว์อาทิตย์แล้วผมก็ขับรถตรงไปหัวหินทันที อย่างน้อยๆคิดซ่ะว่ามาเปิดหูเปิดตาแล้วกันปิดเทอมก็อยู่แต่ที่คอนโดไม่ได้พามันออกไปไหนอย่างน้อยๆนี้อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ผมมีต่อชายธีชัดเจนขึ้นก็ได้ “พักที่ไหนดีว่ะไม่ได้จองล่วงหน้าแบบนี้” “เอาที่ไหนก็ได้หมดแหล่ะไม่ต้องดีมากก็ได้ไอ้กันเปลืองเงิน” “งั้นหรอกูก็นึกว่ามึงอยากได้แบบสวีทรูม” “ตลกล่ะ...หาที่เอาสัตว์เลี้ยงพักได้ด้วยนะ” “จริงด้วยป๊ะป๊าเกือบลืมหนูเลยนะครับแรมโบ้” มืออีกข้างที่ยื่นไปลูบหัวเจ้าแรมโบ้บนตักของชายธีก่อนจะกลับมาจับพวงมาลัยรถเหมือนเดิม “เฮ้ย!!...ไอ้กันโรงแรมนั้นติดป้ายให้สัตว์พักได้ว่ะ” “งั้นเอาโรงแรมนี้แล้วกัน” เมื่อถึงทางเข้าผมก็รีบวนรถไปจอดก่อนจะพากันลงไปถามที่พนักงานต้อนรับทันทีและเมื่อได้ห้องพักแล้วจะรออะไรละใกล้ทะเลแถมยังให้เจ้าหนูแรมโบ้นอนได้ด้วย “เมื่อยตัวเป็นบ้าเลย” ผมเดินบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างระเบียงมองออกไปข้างนอก “ฟลุ๊คมาดูนี้ดิเห็นทะเลด้วยแต่เสียดายฟ้ามืดแล้ว” “ก็ดูสงบดีนะ...” “มึงมีอะไรบอกกูได้นะ” ผมยืนเอาหลังพิงกับขอบระเบียงแล้วหันหน้ามามองคนที่ยืนข้างๆที่ดูท้องทะเลในความมืดหน้าตาที่นิ่งเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไรแบบนี้มันเดาใจยากกว่าที่คิดเสียอีก
“มึงมีอะไรบอกกูได้นะ” คำพูดสั้นๆจากคนข้างๆผมหันไปมองไอ้กันก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆแล้วกดใบหน้าซบลงที่อกของไอ้กันเบาๆ มือที่ค่อยๆยกขึ้นมาลูบหัวผมโดยไม่พูดอะไรมันทำให้สบายใจได้บ้างแค่นี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมผมต้องไปแคร์คำพูดคนอื่นด้วยละ ไอ้กันชอบผมและผมก็ชอบไอ้กัน เรื่องของความรู้สึกแค่นี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอว่ะทำไมผมจะต้องมาคิดมากด้วย “หิวไหมไปหาอะไรกินกันเถอะ” คำพูดที่ไม่ได้ถามหาเหตุและผลแต่ฟังแล้วมันอบอุ่นแบบนี้ แค่นี้ก็ดีแล้วนะไอ้ฟลุ๊คผมพยักหน้ากับอกเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนมือมาจับหัวผมให้คอนเบาๆ “ไปกินข้าวกันเวลามึงหิวแล้วงอแงจังเลย” “กูไม่ได้งอแงซ่ะหน่อย” “ก็เนี้ยทำหน้าเป็นแรมโบ้อยู่ยังจะเถียงนะ...” “อะไรแรมโบ้ไม่ทำแบบนี้หรอกถ้าเป็นแรมโบ้ต้องทำแบบนี้ตั้งหาก” พูดจบผมก็ซุกใบหน้าไปที่คอไอ้กันก่อนใช่คางถูๆไถๆไปมา “เฮ้ย!!..ไอ้ฟลุ๊คทำอะไรเนี้ยฮาๆๆ...” “ก็ทำตัวเป็นแรมโบ้ไงเนี้ยๆๆ” “ฮาๆๆๆ...พอๆจั๊กจี้” “อะไรว่ะทีแรมโบ้ยังทำได้เลย” ผมดึงตัวเองออกก่อนจะก้าวเข้าห้องแต่ไม่ทันจะเดินไปถึงประตูคนที่อยู่ข้างหลังก็คว้าข้อมือแล้วดึงผมให้หันกลับมาพร้อมใช้มืออีกข้างรั้งท้ายทอยเข้ามาประกบจูบทันที “อื้อ...” นี้ไอ้กันจูบผมหรอ...มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกนี้หว่าตอนแสดงละครเวทีผมก็จูบกับมันไปแล้วแต่ทำไมครั้งนี้มันรู้สึกไม่เหมือนกันละ มือไม้ทำไมอยู่ๆเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงผมค่อยๆยกมือขึ้นจับไหล่ไอ้กันเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เสียงหายใจที่หอบกับสายตาที่มองมาที่ผม มันคือ... “มองแบบนั้นอยากโดนจูบอีกหรอ” “ห่ะ!!...บ้าแล้วมึงจูบกูทำไม” “ก็มึงไม่ใช่แรมโบ้ไงกูเลยจูบ” “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนว่ะ...” “ก็ถ้ากับแรมโบ้อ่ะมันจะได้แค่คลอเคลียแต่...กับมึงอะอยากได้มาเป็นเมียเข้าใจป่ะล่ะ” “ไอ้กัน...ไม่คุยกับมึงแล้วไปกินข้าว” >///< คลอเคลียมอเมียอะไรกันเล่าโอ้ย....
หวังว่านี้อาจจะทำให้ชายธีมันสบายใจขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยนะและที่สำคัญมันทำให้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดและรู้จักกับชายธีให้มากขึ้นด้วย ผมนั่งมองคนตรงหน้าที่ยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กระดกเข้าปากอย่างกับกลืนกินน้ำเปล่าเข้าไป แต่จะห้ามหรอคงไม่หรอกครับบางที การที่คนเราได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาบ้างแม้ไม่ใช่คำพูดแต่อย่างน้อยๆการกระทำต่างๆก็สามารถช่วยได้เช่นกัน หลังจากที่กินข้าวมื้อเย็นพร้อมกับนั่งกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนได้ที่ผมกับชายธีก็พากันเดินกลับโรงแรม ร่างที่เดินนิ่งนำหน้าไม่แสดงอาการใดๆว่ามึนเมาว่าแต่...ผมพึ่งรู้นะเนี้ยว่าชายธีคอแข็งขนาดนี้กินไปตั้งเยอะยังเดินปกติได้อีกหรอ “ไอ้กันมึงอาบน้ำก่อนเลยก็ได้เดี๋ยวกูขอนั่งสูดอากาศหน้าระเบียงก่อน” เมื่อเข้ามาในห้องชายธีก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำผมก็ได้แต่พยักหน้ามองคนที่อุ้มเจ้าแรมโบ้เดินออกไปนอกระเบียง สายน้ำเย็นๆจากฝักบัวที่ไหลลงสู่ผิวกายทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างไม่นานมากนักผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วหันไปมองคนที่ระเบียงอ้าวเฮ้ย...นั้นมันหยิบเบียร์ไปปิดกินอีกแล้วหรอว่ะ ผมรีบหยิบเสื้อมาใส่ก่อนเปิดประตูระเบียงออกไป “กินอีกแล้วหรอว่ะ” “อือ...ก็อยากกิน” “แล้วนี้มึงสูบบุหรี่ด้วย??” “อือก็สูบแค่ตอนมีอะไรให้คิดแค่นั้นแหล่ะ” “เลิกสูบได้แล้ว” พูดจบผมก็ดึงบุหรี่ที่ชายธีคาบอยู่ออกก่อนจะหันไปขยี้ในถาดข้างๆ “มึงเอาบุหรี่กูไปทำไมเนี้ย” “ก็กูไม่อยากให้มึงสูบ...มึงรู้ไหมบุหรี่มันไม่ดีต่อร่างกาย” “แล้วกูจะสูบอะไรว่ะเวลากูเครียดๆกูก็สูบของกูแบบนี้” “งั้นเอางี้วันไหนที่มึงเครียดอยากสูบบุหรี่ให้มึงเปลี่ยนมาจูบกูแทนเอาป่ะ” “โห่...ข้อต่อลองของมึงนี้โคตรได้กำไรเลย” “แล้วตกลงจะจูบไม่จูบ” “เออจูบก็ได้...” “ว่าแต่ตอนนี้เครียดอยากสูบใช่ป่ะ” “ก็เออดิพึ่งจุดเองเหลือตั้งเยอะนะ” “งั้นมานี้...” พูดจบผมก็ประกบริมฝีปากจูบคนตรงหน้าทันทีก็เขาเครียดไม่ใช่หรอ อยากเลิกคิดมากใช่ไหมนี้ไงถ้าทำแบบนี้เขาก็จะได้คิดแค่เรื่องผมเรื่องเดียว“เอาละกินหมดนี้แล้วไปอาบน้ำนอนนะ” “เออก็ได้...ร้องเพลงกล่อมกูด้วยแล้วกัน” “เอาเพลงไรละนกกาเหว่าไหมเดี๋ยวตบตูดให้นอนพร้อมเลย” “เชี้ย...ไปแล้ว” ชายธีหันมายิ้มก่อนยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกก่อนวางกระป๋องทิ้งไว้แล้วเดินเข้าห้องไปทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ