สายใยแห่งรัก
-
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตึง ตึง ตึง เสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าขบวนเสด็จของเจ้าชายธนาและเหล่าแม่ทัพตามด้วยทหารอีกนับร้อยชีวิต กำลังจะเคลื่อนขบวนอกจากพระนคร เจ้าชายธนาทรงประทับอยู่เสลี่ยงทองคำอย่างองอาจ มีแม่ทัพทั้งสองเมืองขี่ม้านำหน้าขบวน
"นี่ถ้าไม่ติดว่ามีพิธีรีตองอะไรเช่นนี้นะ ข้าว่าป่านนี้พวกเราคงไปถึงชายแดนอติราชนครแล้วล่ะ" แม่ทัพอาทรกล่าวกับแม่ทัพเพชรทาย
"ข้าก็คิดเช่นนั้นแหละท่าน ตัวข้านะเอือมระอาเต็มทนนี่ถ้าข้าไม่ติดว่ามีลูกเมียที่ต้องดูแลนะ ข้าจะลาออกจากการเป็นแม่ทัพนี่แล้วไปทำไร่นาดีกว่า" แม่ทัพเพชรทายบ่นกับผู้ที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ชั่วข้ามวัน
"ขนาดนั้นเชียวรึท่าน" แม่ทัพอาทรแปลกใจนิดๆ
"เฮ้อ ข้าจะบอกอะไรให้ท่านฟัง(พูดเบาๆคล้ายจะกระซิบ)
อย่าหาว่าข้านินทานายเลย ที่เห็นว่ามีทองคำในท้องพระคลังมากมายอย่างนั้นนะ ก็เพราะไปทำเหมืองแร่ บางทีก็ไปไล่ที่ชาวบ้านเพราะตรงนั้นน่าจะมีทองมาก ชาวบ้านพากันเดือดร้อนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้"
"ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ได้ข่าวว่าการทำเหมืองแร่นะทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมใช่ไหมท่าน" แม่ทัพอาทรถาม
"จริงที่สุด นั่นท่านดูแม่น้ำนั่น(ชี้ให้ดูลำธารขนาดเล็ก) สมัยข้ายังเป็นเด็กยังได้โดดลงเล่นได้กินได้ใช้ แต่พอทำเหมืองทองคำขึ้นมา สภาพน้ำก็น้อยลงแถมจะกินจะใช้ก็ไม่ได้"
"อืม แบบนี้ราษฎรก็พากันเดือดร้อนซิท่าน"
"เดือดร้อนก็ได้แค่เดือดร้อนแหละท่าน เหล่าพระราชาพระราชินี เจ้าชาย ทหารในวังร่ำรวยกินดีอยู่ดี ที่แย่ก็ชาวบ้านนี่ล่ะ"
แม่ทัพเพชรทายกล่าว แม่ทัพอาทรรับฟังในใจครุ่นคิด ไม่อยากให้เมืองดาหลาต้องมาเกี่ยวดองกับเมืองของตนเลย
"ท่านจิราอยู่ที่ไหน" เจ้าหญิงราณีทรงตรัสถาม นทีซึ่งกำลังหลับอยู่
"เจ้าหญิง" นทีสะดุ้งตื่นเมื่อเห็นเจ้าหญิงและนารีมายืนตรงหน้า
"เอ่อ ท่านจิรากำลังอ่านหนังสืออยู่พะย่ะค่ะ"
"มีอะไรรึเจ้าหญิง"จิราเดินออกมาจากห้องถามขึ้น
"เราได้ยินนางสองคนที่เป็นแม่ครัวบอกว่าใกล้นี่มีน้ำตกก็เลยอยากไปดูเสียหน่อย"
"ออ น้ำตกอยู่จากนี่ไม่ไกลนักเดินสิบเก้าก็ถึงแล้ว" จิราตอบยิ้มๆ
"งั้นจะช้าอยู่ใย รีบนำไปสิ"เจ้าหญิงกล่าวอย่างใจร้อน
"ได้สิพะย่ะค่ะ เอะนั่นตะกร้าอะไร"จิราชี้ไปที่ตะกร้าในมือของนารี
"ของใช้ส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงนะเจ้าค่ะ" นารีตอบ
"ออ นี่ทรงอยากไปมากขนาดนั้นเชียวหรือ" จิราหันมาทางเจ้าหญิงพลางหัวเราะ
"ตกลงจะไปได้รึยัง" เจ้าหญิงถามย้ำอีกครั้ง
"ปะเดี่ยวรอหม่อมฉันกับนทีสักครู่"จิรากล่าว ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมและดาบประจำกาย
"ตามหม่อมฉันมา"
ภายในป่าที่มีผืนดินสูงชันมาก จิรากับนทีเดินได้อย่างปกติแต่เจ้าหญิงกับนารีกับเดินอย่างยากลำบาก
"ทำไมทางมันชันแบบนี้ล่ะจิรา นที ไหนบอกว่าเดินสิบเก้าก็ถึงไง" เจ้าหญิงปราดเหงื่อก่อนจะหันไปตรัสกับจิรา จิราถึงกับหัวเราะ
"มันเป็นสำนวนเปรียบเทียบ ถ้าคิดว่าไกลก็ไกล คิดว่าใกล้มันก็ใกล้" จิราตอบ ก่อนจะมองเจ้าหญิงที่พยามยามเกาะต้นไม้ขึ้นมาอย่างยากลำบาก
"ว้าย "เจ้าหญิงอุทานก่อนจะลื่นนตกลงไปกอหญ้าด้านข้าง
จิรารีบวิ่งไปคว้าเจ้าหญิงไว้จนร่างทั้งสองกอดกันอยู่
ทั้งสองพระองค์สบพระเนตรกันเนิ่นนาน พระหทัยเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ทรงเป็นอย่างไรบ้าง"จิราถามเสียงอ่อนโยน
"เจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้างเพค่ะ" นารีกับนทีวิ่งมา ทั้งสองพนะองค์รีบผละออกจากกัน
"เราไม่ไปแล้ว ถ้าทางไปมันลำบากขนาดนี้" เจ้าหญิงหันหลังให้ทั้งสามคน เพื่อซ่อนความเขินอายภายใต้พระพักตร์ที่แดงกล่ำ"
"อย่าทรงคิดแแบบนั้นสิ ยังไงหม่อมฉันก็พามาแล้ว ก็พาไปให้ถึงที่ ถ้าไม่ทรงรังเกียจขึ้นขี่หลังหม่อมฉันไปก็ได้" จิรากล่าวพร้อมกับนั่งยองๆลง เจ้าหญิงหันไปทางนารี
"ขี่เลยเพค่ะเจ้าหญิงไม่น่าเกลียดหรอกเพค่ะ" นารีเชียร์สุดใจ
เจ้าหญิงจึงค่อยๆขึ้นขี่หลังจิรา
"ไปได้แล้ว" เจ้าหญิงรับสั่งน้ำเสียงแผ่วเบา
จิรายิ้มก่อนจะค่อยๆเดินไป
"นี่ตั้งแต่ข้าติดตามท่านจิรามานะ เห็นให้สตรีขี่หลังก็วันนี้แหละ งานนี้มีลุ้น" นทีหันไปคุยกับนารี ที้งสองหัวเราะสนุกสนาน
"ถึงแล้วพะย่ะค่ะ" จิราก้มตัวลง เจ้าหญิงทอดพระเนตรน้ำตกตรงหน้า ก่อนจะทรงวิ่งไปวัดน้ำเล่นอย่างมีความสุข
"ว้าวสวยจัง" นารีอุทานกาอนจะวิ่งไปหาเจ้าหญิง
"ลงไปกันเถอะนารี" เจ้าหญิงจูงมือนางกำนัลคู่ใจลงไปนั่งบนโขดหินมองดูฝูงปลาวิ่งสลับกันไปมา
"เห็นน้ำตกแล้วนึกถึงตอนเด็กที่เสด็จพ่อเสด็จแม่พาเราไปเที่ยวป่า พอโตขึ้นเราก็ไม่ได้ไปไหนเลย" เจ้าหญิงเล่าถึงความหลัง
"งั้นวันนี้เราเล่นน้ำกันให้สนุกดีกว่าเพค่ะ"
จิราว่ายน้ำมาหาทั้งสองก่อนจะจูงพระหัตถ์เจ้าหญิงลงเล่นน้ำที่ไม่ลึกมาก ทั้งเจ้าหญิงและนารีก็พากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
ตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้วเจ้าชายธนา แม่ทัพและเหล่าทหารที่นั่งบนหลังม้าและที่เดินเท้าก็พากันออกมาจากเมืองได้ไกลพอสมควร
"หยุดก่อน" เจ้าชายธนายกมือสั่งทหารทั้งขบวนพากันหยุดชะงัก
"มีอะไรรึพะย่ะค่ะ" แม่ทัพเพชรทายควบม้าย้อนกลับไปหาเจ้าชายที่ประทับอยู่บนเสลี่ยง
"นี่เราก็เดินทางมาพอสมควรแล้ว ตัวเราเองก็เริ่มเหนื่อยและหิว ถ้าจะพักแรมแถวนี้ท่านจะว่าอย่างไร"เจ้าชายตรัสถามแม่ทัพ
"เอาแบบที่พระองค์ทรงสำราญพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ"
แม่ทัพเพชรทายก้มหัวน้อมรับ ก่อนจะสั่งให้ทหารเตรียมพลับพลาที่ประทับ และขนเสบียงลงจากรถม้า
"นี่ถ้าไม่ติดว่ามีพิธีรีตองอะไรเช่นนี้นะ ข้าว่าป่านนี้พวกเราคงไปถึงชายแดนอติราชนครแล้วล่ะ" แม่ทัพอาทรกล่าวกับแม่ทัพเพชรทาย
"ข้าก็คิดเช่นนั้นแหละท่าน ตัวข้านะเอือมระอาเต็มทนนี่ถ้าข้าไม่ติดว่ามีลูกเมียที่ต้องดูแลนะ ข้าจะลาออกจากการเป็นแม่ทัพนี่แล้วไปทำไร่นาดีกว่า" แม่ทัพเพชรทายบ่นกับผู้ที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ชั่วข้ามวัน
"ขนาดนั้นเชียวรึท่าน" แม่ทัพอาทรแปลกใจนิดๆ
"เฮ้อ ข้าจะบอกอะไรให้ท่านฟัง(พูดเบาๆคล้ายจะกระซิบ)
อย่าหาว่าข้านินทานายเลย ที่เห็นว่ามีทองคำในท้องพระคลังมากมายอย่างนั้นนะ ก็เพราะไปทำเหมืองแร่ บางทีก็ไปไล่ที่ชาวบ้านเพราะตรงนั้นน่าจะมีทองมาก ชาวบ้านพากันเดือดร้อนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้"
"ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ได้ข่าวว่าการทำเหมืองแร่นะทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมใช่ไหมท่าน" แม่ทัพอาทรถาม
"จริงที่สุด นั่นท่านดูแม่น้ำนั่น(ชี้ให้ดูลำธารขนาดเล็ก) สมัยข้ายังเป็นเด็กยังได้โดดลงเล่นได้กินได้ใช้ แต่พอทำเหมืองทองคำขึ้นมา สภาพน้ำก็น้อยลงแถมจะกินจะใช้ก็ไม่ได้"
"อืม แบบนี้ราษฎรก็พากันเดือดร้อนซิท่าน"
"เดือดร้อนก็ได้แค่เดือดร้อนแหละท่าน เหล่าพระราชาพระราชินี เจ้าชาย ทหารในวังร่ำรวยกินดีอยู่ดี ที่แย่ก็ชาวบ้านนี่ล่ะ"
แม่ทัพเพชรทายกล่าว แม่ทัพอาทรรับฟังในใจครุ่นคิด ไม่อยากให้เมืองดาหลาต้องมาเกี่ยวดองกับเมืองของตนเลย
"ท่านจิราอยู่ที่ไหน" เจ้าหญิงราณีทรงตรัสถาม นทีซึ่งกำลังหลับอยู่
"เจ้าหญิง" นทีสะดุ้งตื่นเมื่อเห็นเจ้าหญิงและนารีมายืนตรงหน้า
"เอ่อ ท่านจิรากำลังอ่านหนังสืออยู่พะย่ะค่ะ"
"มีอะไรรึเจ้าหญิง"จิราเดินออกมาจากห้องถามขึ้น
"เราได้ยินนางสองคนที่เป็นแม่ครัวบอกว่าใกล้นี่มีน้ำตกก็เลยอยากไปดูเสียหน่อย"
"ออ น้ำตกอยู่จากนี่ไม่ไกลนักเดินสิบเก้าก็ถึงแล้ว" จิราตอบยิ้มๆ
"งั้นจะช้าอยู่ใย รีบนำไปสิ"เจ้าหญิงกล่าวอย่างใจร้อน
"ได้สิพะย่ะค่ะ เอะนั่นตะกร้าอะไร"จิราชี้ไปที่ตะกร้าในมือของนารี
"ของใช้ส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงนะเจ้าค่ะ" นารีตอบ
"ออ นี่ทรงอยากไปมากขนาดนั้นเชียวหรือ" จิราหันมาทางเจ้าหญิงพลางหัวเราะ
"ตกลงจะไปได้รึยัง" เจ้าหญิงถามย้ำอีกครั้ง
"ปะเดี่ยวรอหม่อมฉันกับนทีสักครู่"จิรากล่าว ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมและดาบประจำกาย
"ตามหม่อมฉันมา"
ภายในป่าที่มีผืนดินสูงชันมาก จิรากับนทีเดินได้อย่างปกติแต่เจ้าหญิงกับนารีกับเดินอย่างยากลำบาก
"ทำไมทางมันชันแบบนี้ล่ะจิรา นที ไหนบอกว่าเดินสิบเก้าก็ถึงไง" เจ้าหญิงปราดเหงื่อก่อนจะหันไปตรัสกับจิรา จิราถึงกับหัวเราะ
"มันเป็นสำนวนเปรียบเทียบ ถ้าคิดว่าไกลก็ไกล คิดว่าใกล้มันก็ใกล้" จิราตอบ ก่อนจะมองเจ้าหญิงที่พยามยามเกาะต้นไม้ขึ้นมาอย่างยากลำบาก
"ว้าย "เจ้าหญิงอุทานก่อนจะลื่นนตกลงไปกอหญ้าด้านข้าง
จิรารีบวิ่งไปคว้าเจ้าหญิงไว้จนร่างทั้งสองกอดกันอยู่
ทั้งสองพระองค์สบพระเนตรกันเนิ่นนาน พระหทัยเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ทรงเป็นอย่างไรบ้าง"จิราถามเสียงอ่อนโยน
"เจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้างเพค่ะ" นารีกับนทีวิ่งมา ทั้งสองพนะองค์รีบผละออกจากกัน
"เราไม่ไปแล้ว ถ้าทางไปมันลำบากขนาดนี้" เจ้าหญิงหันหลังให้ทั้งสามคน เพื่อซ่อนความเขินอายภายใต้พระพักตร์ที่แดงกล่ำ"
"อย่าทรงคิดแแบบนั้นสิ ยังไงหม่อมฉันก็พามาแล้ว ก็พาไปให้ถึงที่ ถ้าไม่ทรงรังเกียจขึ้นขี่หลังหม่อมฉันไปก็ได้" จิรากล่าวพร้อมกับนั่งยองๆลง เจ้าหญิงหันไปทางนารี
"ขี่เลยเพค่ะเจ้าหญิงไม่น่าเกลียดหรอกเพค่ะ" นารีเชียร์สุดใจ
เจ้าหญิงจึงค่อยๆขึ้นขี่หลังจิรา
"ไปได้แล้ว" เจ้าหญิงรับสั่งน้ำเสียงแผ่วเบา
จิรายิ้มก่อนจะค่อยๆเดินไป
"นี่ตั้งแต่ข้าติดตามท่านจิรามานะ เห็นให้สตรีขี่หลังก็วันนี้แหละ งานนี้มีลุ้น" นทีหันไปคุยกับนารี ที้งสองหัวเราะสนุกสนาน
"ถึงแล้วพะย่ะค่ะ" จิราก้มตัวลง เจ้าหญิงทอดพระเนตรน้ำตกตรงหน้า ก่อนจะทรงวิ่งไปวัดน้ำเล่นอย่างมีความสุข
"ว้าวสวยจัง" นารีอุทานกาอนจะวิ่งไปหาเจ้าหญิง
"ลงไปกันเถอะนารี" เจ้าหญิงจูงมือนางกำนัลคู่ใจลงไปนั่งบนโขดหินมองดูฝูงปลาวิ่งสลับกันไปมา
"เห็นน้ำตกแล้วนึกถึงตอนเด็กที่เสด็จพ่อเสด็จแม่พาเราไปเที่ยวป่า พอโตขึ้นเราก็ไม่ได้ไปไหนเลย" เจ้าหญิงเล่าถึงความหลัง
"งั้นวันนี้เราเล่นน้ำกันให้สนุกดีกว่าเพค่ะ"
จิราว่ายน้ำมาหาทั้งสองก่อนจะจูงพระหัตถ์เจ้าหญิงลงเล่นน้ำที่ไม่ลึกมาก ทั้งเจ้าหญิงและนารีก็พากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
ตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้วเจ้าชายธนา แม่ทัพและเหล่าทหารที่นั่งบนหลังม้าและที่เดินเท้าก็พากันออกมาจากเมืองได้ไกลพอสมควร
"หยุดก่อน" เจ้าชายธนายกมือสั่งทหารทั้งขบวนพากันหยุดชะงัก
"มีอะไรรึพะย่ะค่ะ" แม่ทัพเพชรทายควบม้าย้อนกลับไปหาเจ้าชายที่ประทับอยู่บนเสลี่ยง
"นี่เราก็เดินทางมาพอสมควรแล้ว ตัวเราเองก็เริ่มเหนื่อยและหิว ถ้าจะพักแรมแถวนี้ท่านจะว่าอย่างไร"เจ้าชายตรัสถามแม่ทัพ
"เอาแบบที่พระองค์ทรงสำราญพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ"
แม่ทัพเพชรทายก้มหัวน้อมรับ ก่อนจะสั่งให้ทหารเตรียมพลับพลาที่ประทับ และขนเสบียงลงจากรถม้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ