สายใยแห่งรัก
-
11)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง นารีก็ได้ยินเคาะประตูดังขึ้นรื่อยๆ จึงต้องลุกไปเปิดด้วยความงัวเงีย
"นารี เจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้าง" จิรากล่าวถาม ตอนนี้เขาแต่งตัวเต็มยศ พร้อมจะออกเดินทางแล้ว
"เมื่อคืนข้าเฝ้าดูทั้งคืน เพิ่งจะนอนไม่กี่ชั่วยามนี่เอง ตอนนี้ไข้ลดลงแล้วล่ะท่าน"นารีตอบ
"งั้นเราก็หายห่วง ถ้าเจ้าหญิงตื่นบรรทแล้วบอกด้วยว่าเราไปไหน ตอนนี้เราจัดคนเฝ้าแน่นหนากว่าเดิมอย่าได้ห่วง"
"เจ้าค่ะ" นารีรับคำ
"ท่านจิรา แม่นางศรีเมืองมาถึงแล้ว"
จิรากับนทีเดินออกไปข้างนอก พบกับหญิงสาวมากับชายซึ่งเป็นลูกน้องอีกนับสิบคน หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามแต่กลับเชี่ยวชาญด้านการรบมากกว่าบุรุษเสียอีก เพราะถูกบิดาซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ
"เจ้าฟ้าชาย" ศรีเมืองโค้งตัวคำนับ
"อยู่ที่นี่ให้เรียกเราว่าจิรา แล้วก็โกหกพวกเจ้าหญิงว่า เจ้าเป็นน้องสาวของนที"
"ได้เพค่ะ" ศรีเมืองรับคำแม้จะไม่เห็นด้วยนัก
"เราจะออกเดินทางแล้ว"
"เพค่ะ หม่อมฉันเอ่อข้าเตรียมม้าให้ท่านแล้วจิรา"
ศรีเมืองกล่าว จิรา นทีและทหารอีกสามสี่คนก็ควบม้าออกไปทันที
"ทำไมพระองค์ให้ข้าเรียกว่าจิรา"ศรีเมืองถามหญิงคนใช้สองคน หญิงนั้นก้มก้มตาเพราะกลัวความปากร้ายของศรีเมือง
"ทรงปลอมพระองค์เป็นโจรเจ้าค่ะ"
"ไร้สาระที่สุด" ศรีเมืองพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
"อย่าเพิ่งเข้าไปเจ้าค่ะ"
"ว้ายใครเนี่ย" นารีตกใจเมื่ออยู่ดีๆก็เห็นหญิงสาวโผล่เข้ามา
"ใบหน้าข้าออกจะงาม เจ้าจะตกใจหาพระแสงอะไร"ศรีเมืองต่อว่านารี
"ก็นี่มันห้องประทับของเจ้าหญิง แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร"
"ข้าชื่อ ศรีเมืองเป็นน้องพี่นที ท่านจิราให้ข้ามาดูแลพวกเจ้า
แล้วใครนอนอยู่ตรงนั้น" ศรีเมืองชะเง้อมอง
"นั่นล่ะเจ้าหญิง"
"เออๆงั้นข้าไม่กวนล่ะ"ศรีเมืองเดินออกไป สร้างความงุนงงให้กับนารีเป็นอย่างมาก
ภายในราชวังของอติราชนคร แม้จะไม่กว้างขวางนัก แต่มองไปทางในก็ดูเจริญหูเจริญตา หญิงสาวชาววังนิยมแต่งกายด้วยผ้าไหมที่ทอขึ้นเอง และที่ในวังก็มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และสอนชาวบ้านที่สนใจทอผ้า ด้วยเจ้าหญิงจันทราวดีผู้เป็นพระพี่นางของเจ้าฟ้าชายจิรายุ ทรงเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก
"พี่หญิง นึกแล้วว่าต้องประทับอยู่ที่นี่"
"จิรายุ นี่เพิ่งมาถึงเหรอ" เจ้าหญิงจันทราวดีออกมาหาพระอาุชา เจ้าฟ้าชายทอดพระเนตรมองพระพี่นาง พระพักตร์งดงามราวพระจันทร์ทรงกลดหมดมลทิน
"พอพี่หญิงส่งจดหมายมาหม่อมฉันก็รีบมาในวังเลย"
"แล้วเจ้าหญิงราณีทรงเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้ทรงประชวรไข้หวัด แต่พระอาการดีขึ้นแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้วล่ะ" เจ้าหญิงไม่อยากซักถามมาก จึงพาพระอนุชาไปเสวยข้าวเพราะตอนนี้เที่ยงแล้ว
"ถ้าเราเดินทางแบบนี้อีกกี่วันจะถึงอติราชนครนครล่ะ"
แม่ทัพเพชรทายถามแม่ทัพอาทรขณะที่เดินทางอยู่
"พรุ่งนี้ตอนสายๆหน่อยก็คงถึงแล้วท่าน"
แม่ทัพอาทรกล่าว
"พวกท่านสองคนมัวแต่คุยกันอยู่นั่น มิน่าเดินทางไปไม่ถึงซักที" เจ้าชายธนาโวยวาย แม่ทัพสองคนได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินทางต่อไป
"นี่เจ้าชายธนารู้แล้วรึ ว่าพระคู่หมั้นโดนลักพาตัวไป"
เจ้าหญิงตรัสถามพระอนุชา
"ใช่แล้วพี่หญิง"
"เฮ้อถ้ารู้ว่าเราลักพาตัวมาก็จะเกิดสงคราม ถ้าปล่อยให้อภิเษกก็จะเกิดสงครามอีก" เจ้าหญิงถอนหายใจ
"นั่นเพราะพวกดาหลามักมาก เห็นเมืองเรามีน้ำดีมีที่อุดมสมบูรณ์ คงอยากได้เราเป็นเมืองขึ้นเพื่อจะกอบโกยเอาผลประโยชน์ ฮึหม่อมฉันไม่มีทางยอม"
"จริงพะย่ะค่ะ อยากได้แต่ไม่กล้ามารบเองเพราะกลัวจะสู้พวกเราไม่ได้เลยคิดจะให้กสิรานครมาช่วยรบ"นทีกล่าวเสริม
"เป็นเช่นนี้เองรึ เราอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วข้าล่ะกลัวสงครามจริงๆ"เจ้าหญิงกล่าว เจ้าฟ้าชายนึกขัน
"พี่หญิงกลัวพวกเราจะแพ้ แล้วจะได้ไปเป็นชายาของเจ้าเมืองดาหลานะนที"
"อย่าพูดแบบนี้สิพี่ไม่เอาด้วยหรอก" เจ้าหญิงตรัสก่อนจะเสด็จออกไปด้านนอก
"นารี เจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้าง" จิรากล่าวถาม ตอนนี้เขาแต่งตัวเต็มยศ พร้อมจะออกเดินทางแล้ว
"เมื่อคืนข้าเฝ้าดูทั้งคืน เพิ่งจะนอนไม่กี่ชั่วยามนี่เอง ตอนนี้ไข้ลดลงแล้วล่ะท่าน"นารีตอบ
"งั้นเราก็หายห่วง ถ้าเจ้าหญิงตื่นบรรทแล้วบอกด้วยว่าเราไปไหน ตอนนี้เราจัดคนเฝ้าแน่นหนากว่าเดิมอย่าได้ห่วง"
"เจ้าค่ะ" นารีรับคำ
"ท่านจิรา แม่นางศรีเมืองมาถึงแล้ว"
จิรากับนทีเดินออกไปข้างนอก พบกับหญิงสาวมากับชายซึ่งเป็นลูกน้องอีกนับสิบคน หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามแต่กลับเชี่ยวชาญด้านการรบมากกว่าบุรุษเสียอีก เพราะถูกบิดาซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ
"เจ้าฟ้าชาย" ศรีเมืองโค้งตัวคำนับ
"อยู่ที่นี่ให้เรียกเราว่าจิรา แล้วก็โกหกพวกเจ้าหญิงว่า เจ้าเป็นน้องสาวของนที"
"ได้เพค่ะ" ศรีเมืองรับคำแม้จะไม่เห็นด้วยนัก
"เราจะออกเดินทางแล้ว"
"เพค่ะ หม่อมฉันเอ่อข้าเตรียมม้าให้ท่านแล้วจิรา"
ศรีเมืองกล่าว จิรา นทีและทหารอีกสามสี่คนก็ควบม้าออกไปทันที
"ทำไมพระองค์ให้ข้าเรียกว่าจิรา"ศรีเมืองถามหญิงคนใช้สองคน หญิงนั้นก้มก้มตาเพราะกลัวความปากร้ายของศรีเมือง
"ทรงปลอมพระองค์เป็นโจรเจ้าค่ะ"
"ไร้สาระที่สุด" ศรีเมืองพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
"อย่าเพิ่งเข้าไปเจ้าค่ะ"
"ว้ายใครเนี่ย" นารีตกใจเมื่ออยู่ดีๆก็เห็นหญิงสาวโผล่เข้ามา
"ใบหน้าข้าออกจะงาม เจ้าจะตกใจหาพระแสงอะไร"ศรีเมืองต่อว่านารี
"ก็นี่มันห้องประทับของเจ้าหญิง แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร"
"ข้าชื่อ ศรีเมืองเป็นน้องพี่นที ท่านจิราให้ข้ามาดูแลพวกเจ้า
แล้วใครนอนอยู่ตรงนั้น" ศรีเมืองชะเง้อมอง
"นั่นล่ะเจ้าหญิง"
"เออๆงั้นข้าไม่กวนล่ะ"ศรีเมืองเดินออกไป สร้างความงุนงงให้กับนารีเป็นอย่างมาก
ภายในราชวังของอติราชนคร แม้จะไม่กว้างขวางนัก แต่มองไปทางในก็ดูเจริญหูเจริญตา หญิงสาวชาววังนิยมแต่งกายด้วยผ้าไหมที่ทอขึ้นเอง และที่ในวังก็มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และสอนชาวบ้านที่สนใจทอผ้า ด้วยเจ้าหญิงจันทราวดีผู้เป็นพระพี่นางของเจ้าฟ้าชายจิรายุ ทรงเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก
"พี่หญิง นึกแล้วว่าต้องประทับอยู่ที่นี่"
"จิรายุ นี่เพิ่งมาถึงเหรอ" เจ้าหญิงจันทราวดีออกมาหาพระอาุชา เจ้าฟ้าชายทอดพระเนตรมองพระพี่นาง พระพักตร์งดงามราวพระจันทร์ทรงกลดหมดมลทิน
"พอพี่หญิงส่งจดหมายมาหม่อมฉันก็รีบมาในวังเลย"
"แล้วเจ้าหญิงราณีทรงเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้ทรงประชวรไข้หวัด แต่พระอาการดีขึ้นแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้วล่ะ" เจ้าหญิงไม่อยากซักถามมาก จึงพาพระอนุชาไปเสวยข้าวเพราะตอนนี้เที่ยงแล้ว
"ถ้าเราเดินทางแบบนี้อีกกี่วันจะถึงอติราชนครนครล่ะ"
แม่ทัพเพชรทายถามแม่ทัพอาทรขณะที่เดินทางอยู่
"พรุ่งนี้ตอนสายๆหน่อยก็คงถึงแล้วท่าน"
แม่ทัพอาทรกล่าว
"พวกท่านสองคนมัวแต่คุยกันอยู่นั่น มิน่าเดินทางไปไม่ถึงซักที" เจ้าชายธนาโวยวาย แม่ทัพสองคนได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินทางต่อไป
"นี่เจ้าชายธนารู้แล้วรึ ว่าพระคู่หมั้นโดนลักพาตัวไป"
เจ้าหญิงตรัสถามพระอนุชา
"ใช่แล้วพี่หญิง"
"เฮ้อถ้ารู้ว่าเราลักพาตัวมาก็จะเกิดสงคราม ถ้าปล่อยให้อภิเษกก็จะเกิดสงครามอีก" เจ้าหญิงถอนหายใจ
"นั่นเพราะพวกดาหลามักมาก เห็นเมืองเรามีน้ำดีมีที่อุดมสมบูรณ์ คงอยากได้เราเป็นเมืองขึ้นเพื่อจะกอบโกยเอาผลประโยชน์ ฮึหม่อมฉันไม่มีทางยอม"
"จริงพะย่ะค่ะ อยากได้แต่ไม่กล้ามารบเองเพราะกลัวจะสู้พวกเราไม่ได้เลยคิดจะให้กสิรานครมาช่วยรบ"นทีกล่าวเสริม
"เป็นเช่นนี้เองรึ เราอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วข้าล่ะกลัวสงครามจริงๆ"เจ้าหญิงกล่าว เจ้าฟ้าชายนึกขัน
"พี่หญิงกลัวพวกเราจะแพ้ แล้วจะได้ไปเป็นชายาของเจ้าเมืองดาหลานะนที"
"อย่าพูดแบบนี้สิพี่ไม่เอาด้วยหรอก" เจ้าหญิงตรัสก่อนจะเสด็จออกไปด้านนอก
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ