The trap of the heart กับดักของหัวใจ

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

  9 chapter
  416 วิจารณ์
  15.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 11.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) TORTURE

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

CHAPTER 04

 

 

 

          โทโมะเลี้ยวรถเข้าสู่ลานจอดรถของคอนโด TK ฉันเงยหน้ามองคอนโดที่ตั้งสูงสง่าสมกับเป็นคอนโดชั้นนำอีกแห่ง ซึ่งต่างจากคอนโดฉันเป็นอย่างมาก เป็นเพราะแก้มบุ๋มทำงานเป็นพริตตี้ตามงานไฮโซด้วยแหละ เธอเลยมีเงินที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ พ่อแม่ฉันชอบเปรียบเทียบฉันกับน้องอยู่บ่อยๆ เรื่องการหาเงินเข้าครอบครัว ฉันเจาะจงเรื่องเรียนมากกว่าเลยไม่ค่อยสนใจการงานเท่าไร ถ้าเรียนจบเมื่อไรค่อยหางานที่เหมาะกับคณะที่ฉันเรียนมาไม่ดีกว่าเหรอ

 

 

 

          ทันทีที่โทโมะปลดล็อกประตูก่อนที่เขาจะออกจากรถไป ฉันจึงเปิดมันออกและออกไปยืนดูคอนโดให้ชัดๆเต็มตาอีกครั้ง ฉันมาที่นี่ไม่บ่อย ทำให้ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาสักเท่าไร

 

 

 

          “น้องเธออยู่ชั้นไหน” โทโมะ เดินมายืนข้างๆ ฉัน ก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือฉันหน้าตาเฉย ฉันหันไปมองเขาแบบไม่พึงพอใจและพยายามแกะมือเขาออก แต่ไม่เป็นผลยิ่งฉันต้านเขามากเท่าไร มือของเขาก็ยิ่งจับแน่นเท่านั้น

 

 

 

          “สามสิบห้า” ฉันตอบเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ โทโมะดึงฉันไปตามทางที่เขาเดิน จนทำให้รองเท้าฉันเกิดหลุดกลางทาง ฉันหันไปมองรองเท้าตัวเองหวังจะกลับไปเอา แต่โทโมะยังคงลากฉันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกเจ็บหัวนิ้วโป้งขึ้นมาทันที เลือดออกจนได้

 

 

 

          โทโมะ พามาที่หน้าลิฟท์ก่อนจะกดให้มันไปที่ชั้นสามสิบห้าตามที่ฉันบอก นี่เขาไม่คิดจะบอกเคาน์เตอร์คอนโดก่อนเหรอ ถ้าแก้มบุ๋มมันไม่อยู่ที่ห้องเราก็มาฟรีน่ะสิ ทันทีที่ลิฟท์เปิดเขาก็ผลักฉันเข้าไป ฉันแอบร้องออกมาเมื่อนิ้วโป้งเท้าข้างขวาขูดเข้ากับพื้น

 

 

 

          อีกครั้ง ฉันก้มลงเพื่อดูว่ามันเป็นแผลมากแค่ไหน นิ้วเท้าเป็นแผลเปิดแถมเล็บยังฉีกอีก บ้าเอ้ย

 

 

 

          “สำออย” โทโมะ เอ่ยออกมาสั้นๆ เขาไม่พูดเปล่ายังนั่งลงมาดูนิ้วเท้าฉันก่อนจะล้วงพลาสเตอร์ยาในกระเป๋า กางเกงออกมาส่งให้ ฉันมองหน้าเขาแบบงงๆ กับสิ่งที่เขาให้มาเล็กน้อย สรุปจะด่าหรือจะใจดี เอาให้แน่สิ

 

 

 

          “แปะซะ เชื้อโรคทั้งนั้น”

 

 

 

          ฉันรับสิ่งที่เขายื่นมาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจกับเขาเท่าไร ฉันจัดการแปะพลาสเตอร์ยาลงบนนิ้วโป้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าลิฟท์ เคลื่อนตัวมาถึงชั้นของแก้มบุ๋มแล้ว

 

 

 

          ในชั้นนี้มีอยู่ประมาณสี่ห้องติดกัน แต่ละห้องแบ่งโซนส่วนตัวอย่างชัดเจน ฉันพาโทโมะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง A1 ซึ่ง เป็นห้องของแก้มบุ๋มนั่นล่ะ โทโมะทำท่าจะกดกริ๊งฉันจึงเอามือไปกั้นเอาไว้เพราะมีคำถามที่อยากถามเขาอยู่พอดี คนถูกขวางหันมามองแบบไม่พอใจ ก่อนจะกอดอกยืนพิงที่ประตูเหมือนรอความต้องการ

 

 

 

          “นายจะมาหาแก้มบุ๋มทำไม” ฉันถามออกไป ระหว่างทางก็ลืมถามเรื่องนี้ไปเลย

 

 

 

          “มาถามความสมัครใจ ว่ายัยนั่นอยากจะแต่งงานกับฉันไหมถ้าไม่ จะได้จบๆ กับเรื่องนี้สักที” โทโมะ ดึงมือฉันออกก่อนจะทำการกดกริ๊งเรียกคนในห้องให้ออกมา เขากดย้ำอยู่ประมาณสี่ครั้ง จนพอได้ยินเสียงปลดล็อกประตูทางด้านใน เขาจึงหยุดการกระทำดังกล่าว

 

 

 

          แก้มบุ๋ม เปิดประตูออกมา สภาพของเธออยู่ในชุดนอนซึ่งเป็นเชิ๊ตขาวตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นแบบสบาย แก้มบุ๋มมองหน้าฉันชั่วครู่ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังผู้ชายที่ยืนข้างๆ  เมื่อเห็นแบบนั้นแก้มบุ๋มจึงคว้าประตูห้องตัวเองเพื่อจะปิดใส่หน้าพวกเรา แต่ด้วยความไวของโทโมะ เขาจึงดันประตูดังกล่าวไว้ได้ทัน

 

 

 

          “มาทำไม” แก้มบุ๋ม พูดกับโทโมะด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พึงพอใจ โทโมะรีบเบียดตัวเองเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ แก้มบุ๋มหันมามองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันจึงได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าไปคุยกันดีๆ

 

 

 

          ฉันเดินตามแก้มบุ๋มเข้ามาในห้องที่มีโทโมะนั่งรออยู่ตรงโซฟาอยู่แล้ว เราสามคนเงียบอยู่ภายในห้องรับแขกสักพัก ก่อนที่คนมีเรื่องจะคุยก็เอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมา

 

 

 

          “จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร” โทโมะมองไปที่แก้มบุ๋มที่ยืนกอดอกมองอย่างไม่เข้าใจ ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนมองเขาสองคนคุยกันอยู่เงียบๆ ไม่เข้าไปแทรกบทสนทนาอะไรทั้งนั้น

 

 

 

          “ทำอะไรได้บ้างล่ะ มีข้อเสนอไหม” แก้มบุ๋มตอบเสียงห้วน

 

 

 

          สถานการณ์ดูท่าว่ามันจะไม่ค่อยลงเอยกันดีสักเท่าไร

 

 

 

          “พี่เธอบอกให้ฉันแต่งงานกับเธอ” โทโมะรีบโยงฉันเข้าไปเอี่ยวด้วยทันที แก้มบุ๋มตวัดสายตามองมาที่ฉันเป็นเชิงถามว่าจริงหรือเปล่า ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับความจริงไป

 

 

 

          “ก็ดีนะ รอฉันเรียนจบเรามาแต่งกันไหมล่ะ” แก้มบุ๋มไม่ค้านข้อเสนอที่ฉันบังคับโทโมะแม้แต่น้อย

 

 

 

          “ไม่แต่ง” โทโมะรีบเถียง เขาหันมองแก้มบุ๋มด้วยสายตานิ่งราวกับแม่น้ำไม่ไหวติง แก้มบุ๋มหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนกลั้นขำกับคำพูดของเขา

 

 

 

          “แต่งกับเธอก็เหมือนตกนรกนั่นล่ะ”

 

 

 

          “ยังไง ร้อนแรงน่ะเหรอ” แก้มบุ๋ม ต่อล้อต่อเถียงตามแบบฉบับที่ยัยนี่เป็น ฉันที่เห็นท่าว่ามันคงไม่จบง่ายๆ ฉันจึงเลือกที่จะหันหลังเพื่อจะออกไปนอกห้องแต่แล้ว เสียงรั้งของโทโมะก็ทำให้ฉันหยุดก้าวเท้า

 

 

 

          “เธออยู่ในห้องนี่แหละ ฉันกับน้องเธอจะออกไปคุยกันข้างนอก”

 

 

 

          “ไม่ต้องหรอก ฉันออกไปเอง”

 

 

 

           “เธอจะได้หนีฉันน่ะสิ อยู่ในนี้นี่แหละ”

 

 

 

          โทโมะ ลุกขึ้นเขาไม่ฟังคำขอของฉันแต่กลับจับมือแก้มบุ๋มออกไปนอกห้องโดยไม่สนใจว่าฉันจะพูดอะไรต่อ ฉันมองตามหลังคนทั้งสองไปด้วยความหวั่นใจ คำพูดของพวกเขาดูเหมือนจะเกลียดชังกัน ไม่เหมือนว่าโทโมะจะต้องการอะไรในตัวแก้มบุ๋มสักนิด

 

 

 

          หวังว่าโทโมะจะเป็นผู้ชายมากพอที่จะพูดคุยกับแก้มบุ๋มด้วยความเข้าใจนะ…

 

 

 

 - TOMO SAY-

 

 

 

          ผมลากร่างเล็กที่ชื่อว่าแก้มบุ๋มซึ่งเป็นน้องสาวที่แก้วปกป้องนักปกป้องหนา นี่เหรอผู้หญิงที่เป็นน้องสาวยัยนั่น ความต่างมันช่างสุดขั้วราวนรกกับสวรรค์สิ้นดี ผมปิดประตูขังแก้วเอาไว้ข้างในห้องก่อนจะพาแก้มบุ๋มมาที่หน้าห้องเพื่อคุยกัน เป็นการส่วนตัว ผมผลักเธอชิดกับประตูด้วยความมีน้ำโหเป็นทุนเดิม ทำไมชีวิตผมต้องมาล่มจมอะไรกับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ

 

 

 

          “ต้องการอะไร” ผมถามคำถามเดิมๆ จากคนตรงหน้า ร่างเล็กยิ้มเยาะเหมือนสมเพชผมเต็มทน ผมพยายามสูดลมหายใจให้ลึกที่สุดก่อนจะปล่อยมันออกปากเพื่อลดความโมโหที่มี อยู่ในร่างกาย

 

 

 

          “สนุกไหมทำลายชีวิตคนอื่น”

 

 

 

          “ใช่ฉันเหรอ คิดดูดีๆ โทโมะ ”แก้มบุ๋มยังคงต่อล้อต่อเถียงไม่เลิกรา เธอไม่ได้มีความเกรงใจที่จะเรียกผมว่าพี่หรือเคารพอะไรผมเลยสักนิด

 

 

 

          “ทำไมไม่มาคุยด้วยตัวเอง ส่งพี่สาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาทำไม”

 

 

 

          “สนุกออก ไม่ชอบเหรอ ฉันส่งของดีของพรีเมี่ยมไปให้เล่นถึงที่เลยนะ” มือของแก้มบุ๋มเริ่มก้าวก่ายหน้าอกผมจนรู้สึกมันน่ารำคาญไปหมด ผมปัดมือเธออกไปอย่างรังเกียจ

 

 

 

          “เป็นไง สดพอไหมเมื่อคืน”

 

 

 

          แก้มบุ๋มเขย่งปลายเท้ากระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงยั่วยวนสุดๆ เอาจริงๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงชอบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ยิ่งเป็นยัยนี่ยิ่งไม่ใช่ไปยกใหญ่

 

 

 

          “นั่นมันพี่สาวเธอนะ!” ผมจับคางเธอเชยขึ้นเพราะความโมโห คนตรงหน้าไม่รู้สึกเกรงกลัวยังคงแสยะยิ้มร้ายตรงมาที่ผม

 

 

 

          “ถ้าไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงฉันคงซัดเธอหน้าแหกไปแล้ว แก้มบุ๋ม!”

 

 

 

          “ตกหลุมรักมันแล้วเหรอ ทีงี้ละใจง่ายจัง” แก้มบุ๋มสะบัดหน้าหลุดจากมือผม เธอยกมือปาดปากตัวเอง สายตามองมาที่ผมอย่างมีเล่ห์ร้าย นี่มันตัวร้ายในละครดีๆ นี่เอง

 

 

 

          “ทีกับฉันต้องให้ใช้ไม้แข็งมาช่วย ถึงจะถ่อสังขารมาหาฉันสินะ!”

 

 

 

          “เธอกำลังเล่นกับคนผิดรู้หรือเปล่าแก้มบุ๋ม” ผมพูดพลางกัดฟันแน่น อารมณ์ของผมเริ่มคุมเครือไปหมด

 

 

 

          ทุกอย่างที่มันเกิด ผมไม่ได้ทำ และผมไม่สามารถบอกใครได้เลย

 

 

 

          “รับผิดชอบ เปิดตัวเป็นแฟนฉันผ่านสื่อ ฉันจะหยุดทุกอย่าง” แก้มบุ๋มเริ่มต่อรองกับผมอีกครั้ง

 

 

 

          “อ๋อ ยกเว้นเรื่องผู้ชาย ฉันขอไม่หยุดเรื่องนี้ไปแล้วกัน เพราะนายมันห่วย”

 

 

 

          “ถ้าเธอยังไม่หยุดหุบปาก เธอไม่ตายดีแน่”

 

 

 

          ผมกำมือแน่น ในใจอยากจะซัดหน้าคนตรงหน้าเต็มทนแต่ก็ทำไม่ได้

 

 

 

          “ทำสิ แค่ฉันบอกให้พี่แก้วเรียกตำรวจมาลากคอนาย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น นอกจากจะเป็นข่าวใหญ่โตยิ่งกว่าเดิมแล้ว นายยังได้ที่อยู่ใหม่เป็นคุกด้วยนะ โชคดีจัง”

 

 

 

          “เอาสิ เธอลากตำรวจ เดี๋ยวฉันจะได้ลากอีกคนมาเป็นพยานเรื่องนี้ด้วย สนุกจัง”

 

 

 

          ผมเริ่มใช้ไม้ตายอ้างบุคคลที่สามขึ้นมาทันที สีหน้าเลอะละของร่างบางตรงหน้าทำเอาผมยกยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชกับเธอเล็กน้อย เธอคงมองข้ามเรื่องโง่ๆ แบบนี้ไปสินะ

 

 

 

          “โอเค…นายจะดื้อไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ใช่ไหมโทโมะ”

 

 

 

          “แน่นอน”

 

 

 

กริ๊ก…

 

 

 

 

พรึ๊บ!

 

 

 

 

          ทันที ทีเสียงปลดล็อกประตูห้องของแก้มบุ๋มดังขึ้น อยู่ๆ คนตรงหน้าผมก็คว้าคอผมกดลงมา ทำให้ผมกับแก้มบุ๋มริมฝีปากชนกันเหมือนตั้งใจ คนตรงหน้าบรรเลงการเคลื่อนไหวบนริมฝีปากช้าๆ ด้วยสัญชาตญาณผมจึงพยายามเบี่ยงหลบแต่ก็ทำไม่ได้ คนตรงหน้าใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมล็อกเอาไว้เป็นเชิงไม่ให้หนีไปไหน เพราะความเจ็บทำให้ผมไม่สามารถดิ้นรนหลุดพ้นมันได้เลย บุคคลที่ปลดล็อกห้องเมื่อครู่เปิดประตูออกมาเจอเราสองคนกำลังเสพสมกันอย่างเมามันส์ สายตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าแก้วชะงักไปเล็กน้อย แก้มบุ๋มปล่อยปากผมให้เป็นอิสระก่อนที่เธอจะใช้จมูกของเธอไซร้ซอกคอผมเบาๆ จนมาถึงกกหู

 

 

 

          “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เสียงกระซิบของแก้มบุ๋มทำให้ผมหน้าชาไปชั่วครู่ คนตรงหน้าผลักตัวผมออก ทำให้ผมเซถอยหลังไปเล็กน้อย แก้มบุ๋มมองหน้าแก้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรีบปิดประตูทิ้งผมกับแก้วเอาไว้ที่หน้าห้องเพียงสองคน

 

 

 

          “คือน้องเธอ…”

 

 

 

          “พาฉันกลับคอนโดที” แก้วไม่ฟังผมอธิบายเธอกลับพูดขอร้องผมแทน

 

 

 

          “ไม่” ผมปฏิเสธคำขอของเธอไปแบบไม่ต้องคิดให้ยืดเยื้อเสียเวลา

 

 

 

          “ฉันปล่อยเธอไป เธอก็แจ้งตำรวจมาจับฉันน่ะสิ”

 

 

 

          “ชอบเหรอ” อยู่ๆ แก้วก็ถามคำถามแปลกๆ กับผม ผมเลิกคิ้วสงสัยให้คนตรงหน้าแบบงงๆ

 

 

 

          “…”

 

 

 

          “ทรมานความรู้สึกคนเนี่ย ชอบเหรอ”

 

 

 

          ผมถอนหายใจกับคำพูดของคนตรงหน้า ประโยคเมื่อกี้แอบทำผมหงุดหงิดเบาๆ ผมไม่ได้ชอบทรมานความรู้สึกของใครสักหน่อย แค่ผมไม่ชอบการบังคับโดยใช้ข้ออ้างงี่เง่านั่นมาขู่ผม คงไม่มีใครโง่อยากไปนอนเล่นในตารางฟรีทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธ์ได้เอ่ยปากเถียงหรอกจริงไหม

 

 

 

          “กลับ” ผมสั่งขั้นเด็ดขาดก่อนจะคว้ามือเธอลากลงไปข้างล่าง แต่ดันหวืดเพราะเธอเบี่ยงแขนหลบอย่างทันท่วงที ทำให้ผมแอบเหวอออกมาเล็กน้อย

 

 

 

          “งั้นฉันจะอยู่กับแก้มบุ๋มที่นี่ ขอกุญแจรถคืนด้วย ไว้ฉันจะกลับไปเอาแล้วกัน” แก้วแบมือมาที่ผม แต่ผมเลือกที่เมินเฉยกับคำพูดเธอ พูดไปเหอะ พูดไปผมก็ไม่ทำให้หรอก

 

 

 

          “ดื้อด้าน”

 

 

 

          “ว่าตัวเองเหรอโทโมะ” เธอย้อนผมทันทีทันใด นี่ก็อีกคนที่คอยยั่วโมโหผมได้ตลอดเวลา ถ้าไม่ติดว่าสวยผมคงถีบเธอตกบันไดหนีไฟให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้วเนี่ย

 

 

 

          “เอามา”

 

 

 

          แก้ว ยังคงคะยั้นคะยอที่จะเอากุญแจรถจากผมให้ได้ ผมจึงใช้ทีเผลอในตอนนี้สวมกอดและผลิกตัวเธอเพื่อล็อกตัวจากด้านหลังที่ผมมักถนัดทำกับเธอบ่อยๆ ปลายผมนุ่มๆ ผ่านหน้าผมไปทำให้รับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่กระจายออกจากคนในอ้อมกอด แก้วพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองออกจากอ้อมแขนผม และแน่นอนว่าเธอสู้ผมไม่ได้หรอก มันคนละแรงกัน

 

 

 

          “อย่าดื้อนะครับที่รัก”

 

 

 

          ผมกระซิบข้างหูเธอก่อนจะกดริมฝีปากไปที่กกหูเบาๆ คนในอ้อมกอดสะดุ้งตัวด้วยความจักจี้ กวนประสาทยัยนี่สนุกจะตาย เวลาเธอทำหน้าเหวอๆ มันดูตลกชะมัด ผมแอบกลั้นขำเมื่อเห็นว่าเธอขย้ำชายเสื้อยืดผมเหมือนคนกำลังโดนขืนใจ จริงๆ ไม่ได้อยากทำนะ เธอชอบยั่วอารมณ์ฉันเองนะ

 

 

 

          “จะข่มขู่ฉันไปถึงไหน” แก้วถามน้ำเสียงเรียบ ดูเหมือนว่าจะจริงจังกว่าทุกครั้ง

 

 

 

          “จนกว่าเธอจะกลายเป็นของฉัน เมื่อนั้นแหละฉันจะปล่อยเธอ”

 

 

 

          “อย่าทำแบบนี้เลยนะโทโมะ” น้ำเสียงอ้อนวอนของแก้ว ทำให้ผมเกิดอาการแปลกๆ ขึ้น หัวใจของผมกลับเต้นแรงกว่าเดิม เหมือนผมตกอยู่ในห้วงบ้าบออะไรสักอย่างหงุดหงิดว่ะ ไม่ชอบ

 

 

 

          “นายมีแก้มบุ๋ม ฉันมีแฟนแล้ว อย่าทำให้แก้มบุ๋มมองฉันไม่ดี พอเถอะ”

 

 

 

          “น้องเธอมันมองเธอไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วแก้ว เลิกโง่สักที” ผมกดเสียง่ำเพื่อให้คนในอ้อมกอดฟังผมสักครั้ง หัวดื้อชะมัดผู้หญิงบ้าอะไรวะ

 

 

 

          “นายจะพูดอะไรก็พูดไปเหอะ แต่ปล่อยฉัน เราต่างคนต่างอยู่ แค่นายรับผิดชอบทุกอย่างและทำให้มันถูกต้อง เรื่องทั้งหมดจะได้จบๆ”

 

 

 

          “ฉันไม่จบ” ผมพูดขัดเธอทันที

 

 

 

          “เรื่องมันยังไม่จบ เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าน้องเธอจะจนมุมกับเรื่องนี้”

 

 

 

          “เรื่องอะไร นายก็อธิบายสิว่าทำไมนายถึงรับผิดชอบน้องฉันไม่ได้!”

 

 

 

          “มันจำเป็น เธอยังไม่ต้องรับรู้มันหรอก” ผมคลายอ้อมกอดลงก่อนจะเปลี่ยนมาจับข้อมือเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้แก้วกลับยอมให้ผมจับอย่างง่ายดาย

 

 

 

          “ไว้เมื่อไรที่ทุกอย่างควรเปิดเผย ฉันจะบอกเหตุผลทุกอย่างเอง”

 

 

 

          “แล้วนายจะปล่อยให้เด็กที่ยังไม่พ้นวุฒิภาวะ รับเรื่องขายหน้าไว้คนเดียวงั้นเหรอ”

 

 

 

          “เรื่องคลิปเดี๋ยวมันก็เงียบ”

 

 

 

          “เหอะ! พูดง่าย”

 

 

 

          “เธอจะไม่หยุดเรื่องพวกนี้ใช่ไหม” ผมข่มอารมณ์ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดสุดๆ เธอยักคิ้วให้ผมเป็นการตอบคำถาม และการกระทำนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องจำใจดึงเสื้อเธอเพื่อลากกลับไปที่รถทันที

 

 

 

แคว๊ก!

 

 

 

          เสื้อเชิ้ตสีขาวในมือผมเกิดขาดขึ้นมากลางทางเพราะแรงกระชากของผม เจ้าของเสื้อก้มมองตัวเองก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนสายตามองมาที่ผมด้วยสีหน้านิ่ง บราสีขาวที่ปกคลุมหน้าอกคัพซีของเธอ ทำให้ผมต้องหยุดสายตามองโดยอัตโนมัติ เนินอกขาวเนียนไร้ซึ่งรอยเล็กน้อยๆ ของเธอสะกดผมให้อยู่ในห่วงไปชั่วขณะ ผมสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติตัวเองให้กลับมามองหน้าเธออีกครั้ง แก้วไม่ทำอะไร เธอยังคงมองมือผมที่กำเศษเสื้อแน่น สิ่งที่ผมตัดสินใจต่อไปนี้คงไม่ทำให้เธอเดือดจนจะฆ่าผมหรอกนะ…

 

 

 

          ผมรีบถอดเสื้อยืดสีขาวที่ใส่มา ก่อนจะรีบสวมใส่ให้คนตรงหน้าแบบเร่งด่วน ไม่งั้นคนที่ผ่านไปมาคงมองไม่ดีแน่ แก้วไม่เถียงอะไรกับการกระทำผม เธอให้ผมจัดการทุกอย่างจนเสร็จ ในตอนนี้ผมก็เหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวเดียวแล้วล่ะ ไอ้มือบ้าเอ้ยเพราะความไวของแกแท้ๆ

 

 

 

          “พอใจแล้วหรือยัง” เธอถามผมก่อนจะยื่นมือที่ผม

 

 

 

          “ลากฉันไปสิ ทำอะไรก็ทำ”

 

 

 

          ผมเคลื่อนสายตามองที่ข้อมือเธอ รอยช้ำจากการกระทำของผมคนเดียวทำให้เธอต้องเจ็บ อยากจะทุบหัวตัวเองฉิบหาย

 

 

 

          “แน่นอน พอใจมากด้วย”

 

 

 

          ผมไม่ปฏิเสธคำประชดประชันของเธอก่อนจะจัดการดึงมือเธอเพื่อพากลับคอนโดผมทันที

 

 

 

          ทำไมแม่งเจ็บแบบนี้วะ

 

 

 

          ไม่ใช่คนโดนกระทำ แต่เจ็บที่ใจฉิบหายเลยว่ะ!

 

 

อัพแล้วน๊าา เม้นโหวตกันด้วยงับบบ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา