Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) เปิดตัวศัตรูให้เธอรู้ตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter 3 เปิดตัวศัตรูให้เธอรู้ตัว
แกร๊บๆ~
ตอนนี้ฉันเดินเลาะตามทางเดินในสวนสุขภาพของมหาวิทยาลัยมาเรื่อยๆ หวังจะไปหาอะไรกินที่ร้านค็อฟฟี่ช็อปหน้ามอเพื่อรอยัยฟางกับพี่ขนมเข่ง เพราะหลังสองคนนั้นเลิกเรียน (วันนี้ฉันกับยัยฟางเรียนคนละเซคกันน่ะ) เย็นนี้เราสามคนมีนัดไปเจอยัยพิมน่ะสิ พูดเหมือนนัดเขาไว้ล่วงหน้าเปล่าหรอก เข้าไปหาแบบดิบๆ นี่แหละ
แกร๊ก!
ซ่า!!!
“เฮ้ย!!!” ขณะที่เดินอยู่ จู่ๆ สปริงเกอร์สำหรับรดน้ำต้นไม้ใบหญ้าในสวนก็ถูกเปิดขึ้นได้ยังไงไม่รู้ และมันก็ฉีดมาโดนที่ฉันเต็มๆ
ปกติอากาศร้อนๆ ตอนบ่ายๆ แบบนี้เขาไม่เคยเปิดสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้ไม่ใช่เหรอ?
ฉันเคยเห็นแต่ตอนเช้าๆ กับตอนเย็นๆ เท่านั้น…
ฉันกระโดดหลบออกมาอย่างหัวเสีย แล้วก็พบว่าน้ำที่ถูกฉีดออกมาเมื่อกี้ค่อยๆ เบาลงแล้วหายไปในที่สุด…เหมือนมีคนจงใจแกล้งฉันเลยแฮะ
“ซวยชะมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นมาปัดปอยผมเปียกน้ำที่ตกลงมาปรกหน้าไปทัดไว้ที่ข้างหู ผมฟูๆ ยุ่งๆ ตามสไตล์คนไม่ค่อยห่วงสวยอย่างฉัน ตอนนี้มันราบเรียบไปแล้วล่ะ…เปียกปอน
ให้ตายเหอะ! ทำไมฉันถึง…
เอ๊ะ! หรือว่า…จะเป็นเพราะฉันดวงตก O_O!
ยอม รับเลยว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นเชื่อเรื่องนี้ไปสนิทใจแล้วล่ะ ฉันจะต้องทำให้โทโมะมาเป็นแฟนฉันให้ได้ ต่อให้หมอนั่นจะร้ายจะดียังไงฉันก็ไม่หวั่น ฮึบ! -.,-
“ท่าจะบ้า…”
ฉันหันไปตามเสียงซุบซิบนินทาที่ดูเหมือนว่ามันจะดังจนเกินจะกระซิบกระซาบกัน ของผู้หญิงสองคนที่เดินผ่านไปด้วยอาการงุนงงก่อนที่จะหันกลับมามองตัวเอง แล้วรีบเอามือที่ชูกำปั้นแล้วยกขึ้นมาตรงหน้าตัวเองลงทันที….ให้เดานะ สีหน้าฉันตอนนี้ต้องตลกมากแน่ๆ เลย T^T
“คิกๆ” เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงที่กำลังจะเดินผ่านฉันไปดังขึ้น ทำให้ฉันต้องหันไปมองอีกครั้ง จะหัวเราะอะไรกันนักหนานะไอ้คนพวกนี้ =*=
“O_O” เมื่อหันไปแล้วฉันถึงกับต้องเบิกตาทันทีเพราะข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นมีคนๆ นึงที่ฉันเพิ่งจะนึกถึงอยู่เมื่อกี้นี้…โทโมะ!
“แก้ว ใจ” เป็นสองพยางค์ที่หลุดออกมาจากปากของเขา สีหน้าของเขาเองก็ดูจะตกใจไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ และการที่เขาเรียกชื่อฉันนั้นก็ทำให้ผู้หญิงหน้าตุ๊กตาผมยาวผิวขาวผ่องคน นั้นชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดินต่อทันทีพลางมองฉันกับโทโมะสลับกัน ถ้าฉันเดาไม่ผิด…ยัยคนนี้ต้องเป็นแฟนหมอนี่ชัวร์เลย! เพราะฉันเห็นยัยนั่นเอื้อมมือไปจับมือกับโทโมะตอนที่หล่อนมองฉันด้วย!
“ใคร เหรอคะโมะ รู้จักกันเหรอ” หน้าสวยๆ หันไปถามผู้ชายที่เป็นแฟนของเธอ ถึงน้ำเสียงและสีหน้าดูจะไม่แสดงอาการหึงหวงออกมา แต่ประโยคคำถามนั้นมันก็สื่อแทนเป็นนัยๆ ล่ะนะ เข้าใจนะว่าแฟนหล่อก็ต้องหวงเป็นธรรมดา แต่ไม่นานเขาต้องเป็นแฟนฉันแทนเธอแล้วล่ะ หึหึ =__=+
“อืม…น้องพี่หนมเข่งน่ะ”
“อ๋อ…สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่หัวเราะออกไปเมื่อกี้…ฉันชื่อพิมค่ะ ^_^” พิมถึงบางอ้อทันที ก่อนที่เธอจะหันมาพูดกับฉันอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ พิมคนที่เป็นแฟนโทโมะน่ะเหรอคะ ^_^” ฉันรีบเดินเข้าไปใกล้สองคนนั้นทันที แล้วยิ้มหวาน พลางมองหน้าพิมให้ชัดๆ เธอสวยกว่าฉันมาก น่ารักกว่าฉันมาก ดูดีกว่าฉันมาก…แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้ล่ะเนี่ย
“…”โทโมะหรี่ตามองฉันเล็กน้อยแล้วอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“ใช่ค่ะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ” เจ้าตัวตอบพร้อมกับพยักหน้าลงสองสามครั้ง ก่อนที่จะตั้งคำถาม
“ฉันชื่อ แก้วใจ น่ะ”
“ชื่อน่ารักจังเลยนะคะ…เพิ่งรู้ว่าพี่ขนมเข่งมีน้องสาวด้วย”
“ขอบคุณค่ะ หวังว่าต่อไปเราคงเจอกันบ่อยขึ้น…และจะได้รู้จักกันมากกว่านี้นะคะ >_<” ฉันพูดออกไปโดยแฝงความนัยอันชั่วร้ายบางอย่าง หึหึ
“…”
ติ๊ดดด~ ติ๊ดดด~ ติ๊ดดด~
พิมมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันทีเธอจะได้ตอบอะไรฉัน เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นซะก่อน เจ้าตัวล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านชื่อคนรับก่อน ที่จะรีบตัดสายทิ้ง
“เอ่อ…เพื่อน พิมโทรตามแล้ว ส่งพิมแค่นี้ก็พอ ยังไงเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะคะโมะ” เจ้าตัวรีบพูดด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูรีบร้อนเหมือนกลัวจะไปไม่ทันนัดพร้อมกับโบกมือลาแฟนของตัวเอง
“ครับ เย็นนี้เจอกัน ^_^” แหวะ! ทำเป็นพูดเสียงหวาน ฉันล่ะอยากจะอ้วก (< อิจฉาเขาก็บอก)
“แล้วเจอกันนะคะแก้วใจ” หลังจากที่โทโมะรับคำแล้วยัยพิมหน้าตุ๊กตาก็หันมาโบกไม้โบกมือให้ฉันบ้าง
“อ๊ะ เอ่อ…ค่ะ” ขณะ ที่ฉันกำลังเก็บอาการที่เลี่ยนอยู่เต็มทนอยู่นั้นก็ต้องรีบปรับสีหน้าเป็น ยิ้มหวานตอบรับคนตรงหน้าทันที ก่อนที่เจ้าตัวเขาจะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดูท่าทางจะรักกันมากนะเนี่ย…แล้วท่าทางก็ใกล้จะเลิกกันเร็วๆ นี้” ฉันพูดขึ้นลอยๆ
“อย่ามายุ่งกับเราสองคน…เมื่อคืนฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง ^^” เขาพูดแล้วยิ้มหวาน
“ถ้านายทำอะไรฉัน ฉันจะฟ้องพี่เข่ง >_<”
“เธอไม่เหมาะที่จะเป็นน้องพี่หนมเข่งเลยสักนิดนะแก้วใจ…ฉันว่าอย่าดึงเขามาเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีๆ ของเธอเลยจะเหมาะกว่า”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” ฉันถามเสียงแข็งทันที พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่
“พี่ชายเธอเป็นคนดี แต่ฉันว่าเธอตรงข้ามไง หึ!”
“นี่…”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ เขาก็รีบหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิมทันที เหอะ! ฉันล่ะเกลียดสายตาที่มองฉันอย่างตำหนิตลอดเวลาของหมอนั่นเหลือเกิน คอยดูเถอะ ความรักของนายจะไม่ราบรื่นอีกต่อไปโทโมะ…ฉันเอาหัวพี่เข่งเป็นประกัน! =.,=
“อ้าวน้องสาว…นี่ร้อนเว่อร์จนต้องเอาน้ำราดตัวเองเลยเหรอเด็กน้อย” ทันทีที่ฉันเปิดประตูร้านค็อฟฟี่ช็อปเข้ามาก็เจอกับพี่ชายของตัวเองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กับประตู ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งกับเขาทันทีด้วยอาการที่ยังหงุดหงิดไม่หาย
“ราดบ้าราดบออะไรล่ะพี่เข่ง ไม่รู้ใครมันเปิดสปริงเกอร์เล่น บังเอิญฉันกำลังเดินผ่านตรงนั้นพอดี”
“ฮ่าๆ >O<”
“แล้วนี่โดดเรียนมาเหรอ ไหนว่าวันนี้เลิกบ่ายสาม” ฉันถามพี่ชายตัวดีที่กำลังหัวเราะร่วน
“อาจารย์งดคลาสน่ะ”
“นี่…รู้มั๊ยว่าเมื่อกี้ฉันเจออะไรมา” ฉันเอาตั้งศอกกับโต๊ะแล้วใช้เท้าค้างตังเองทันทีพร้อมกับจ้องหน้าพี่ขนมเข่ง
“เจอใครไม่รู้เปิดสปริงเกอร์เล่นจนน้ำฉีดมาโดนแก เลยทำให้ตัวเปียกเหมือนเล่นสงกรานต์มา =.=” พี่ขนมเข่งเล่าเป็นฉากๆ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ฉันหมายถึงหลังจากนั้นน่ะ (_ _|||)”
“ไม่รู้ดิ แกยังไม่ได้เล่าเลย…จ๊วบบบ~” พี่ขนมเข่งตอบก่อนที่จะก้มลงดูดน้ำส้มปั่นในแก้วตรงหน้าตัวเอง เขามันเป็นกวนประสาทชะมัดเลย เดี๋ยวแม่ต่อยแว่นแตกซะหรอก =*=
“คืองี้นะ…เมื่อกี้ฉันเจอโทโมะกับแฟนหมอนั่นด้วยล่ะ”
“เฮ้ยจริง!?” พี่ขนมเข่งเบิกตาโพลงทันที
“เออดิ”
“แล้วเป็นไงมั่งอะ พิมสวยกว่าแกมากใช่มั๊ยล่ะ”
“มั้ง…คน อะไรหน้าอย่างกับตุ๊กตา แต่ดูท่าทางก็น่าจะนิสัยดีเรียบร้อยอยู่นะ” ฉันพูดพลางนึกถึงลักษณะท่าทางของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของโทโมะที่ เพิ่งเจอมาเมื่อกี้ แล้วไอ้ท่าทางนิสัยดีน่ารักแบบนั้นมันทำให้ฉันลังเลที่จะแย่งโทโมะมาไม่ลง ซะด้วยสิ ในเมื่อเขาเองก็รักกันดีแล้วคนซวยมันก็คือฉันเอง ทำแบบนี้มันเห็นแก่ตัวชัดๆ เลย เฮ้อ!
“ไอ้โมะมันชอบผู้หญิงแบบนั้นแหละ...ฉันเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับแฟนมันนักหรอกเลยไม่รู้ว่าดีจริงหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้จักก็ดีนะ” เอ๊ะ ตกลงพี่ชายฉันรู้จักหรือไม่รู้จักพิมกันแน่เนี่ย
“งั้นประเด็นที่โทโมะตกอยู่ใต้อำนาจของความชั่วนี่มันอะไรเหรอ…จริงสิ! เมื่อวานพี่พูดถึงคนที่ชื่อ ฌอน ใช่มั๊ยที่ว่าเป็นคู่แข่งโทโมะ เขาเป็นใครเหรอ”
“ไอ้ฌอนน่ะเหรอ คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา”
“อย่าลีลาได้ป้ะ เล่ามาซะดีๆ =*=” พี่ชายฉันนี่ชอบทำตัวเป็นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงตลอด เนื้อหาสาระไม่ค่อยจะมี
“มันก็เป็นผู้ชายคนนึงนะ หน้าตาดีจนบางทีฉันยังแอบหวั่นไหว แต่ทว่า!...นิสัยไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะจ๊ะเบ่เบ้ มันเป็นตัวอิจฉาของเรื่องนี้น่ะ” พี่ขนมเข่งเล่าแล้วพยักหน้ากับตัวเองสองสามครั้ง
“แค่นี้เหรอ?”
“เอาจริงๆ ป้ะ มันเป็นคู่แข่งไอ้โมะน่ะ ตอนแรกไอ้โมะมันก็ไม่ได้แข่งอะไรด้วยหรอก มีแต่ไอ้ฌอนที่อยากจะเอาชนะเองทั้งเรื่องเรียน หน้าตา และที่สำคัญคือแข่งรถน่ะแต่หมอนั่นก็แพ้ไอ้โมะมาตลอด”
“แล้วทำไมนายชอนไชอะไรนั่นถึงมาตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับโทโมะล่ะ”
“ก็ตอนเด็กๆ ไอ้โมะแม่งชอบไปแกล้งเขาน่ะสิ คือมันสองคนบ้านอยู่ใกล้กันน่ะเลยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนที่เดียวกันมาตลอด นี่ไอ้โมะเป็นตัวปลุกระดมเพื่อนให้มารวมหัวกันแกล้งเลยนะ เห็นว่าตอนเด็กไอ้ฌอนเป็นเด็กผู้ชายที่หน่อมแน้มมาก แม่งเลยชอบเรียกไอ้ตุ๊ดๆ ใครจะไปรู้ว่าไอ้ตุ๊ดนั่นจะโตมาเป็นแบดบอยตรงข้ามกับแต่ก่อนสุดๆ แถมผมสีบานเย็นของมันยังสะท้อนแสงมาแยงตาฉันทุกครั้งที่เจอมันตอนกลางวันด้วย =0=”
เด็กๆ? นี้เรื่องมันต่อเนื่องมากจากสมัยเด็กๆ เลยเหรอเนี่ย โคตรแค้นฝังหุ่นเลยอะ แต่โทโมะตอนเด็กก็ใช่ย่อยนะ หัวโจกนี่หว่า แล้วเมื่อกี้พี่ชายฉันเขาว่ายังไงนะ นายชอนไชนั่นทำผมสีบานเย็นเหรอ ใครแม่งแนะนำให้ไปทำวะคะ -_-^
“ระ…เหรอ…” ฉันถึงกับเหลือบตาจากหน้าพี่ขนมเข่งขึ้นไปมองที่หัวเขาทันที…ไอ้ผมสีแดงเพลิงของเขานั่นมันไม่สะท้อนแสงแยงตาคนอื่นเลยเนอะ “แล้วผมพี่เข่ง...”
“ผมฉันดูดแสงเว้ย -3-”
“อ๋อเหรอ…สรุปว่าฌอนเป็นคนไม่ดีสินะ แต่โทโมะดูจะร้ายกาจกว่ามั๊ยอะ”
“ไม่หรอก ตอนนี้ไอ้โมะน่ะดูเป็นเทพบุตรไปเลยถ้าเทียบกับไอ้ฌอน จริงสิ! แก จำเรื่องที่ว่าฉันไปช่วยไอ้โมะไว้ตอนโดนรุมได้มั๊ย ไอ้โมะเคยบอกด้วยนะว่าน่าจะเป็นฝีมือของไอ้ฌอนที่จ้างพวกนั้นมาเพราะ เหมือนมันจะพูดข่มเปรยๆ ว่าให้ไอ้โมะระวังตัวไว้ดีๆ อะไรทำนองนั้น”
“โห ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ”
“เออดิ นี่เดี๋ยวเย็นนี้เราไปริกกี้ก็น่าจะเจอมันแหละ แต่ก่อนไปฉันขอไปรับที่รักของฉันก่อนนะ เมื่อกลางวันเจ้าของร้านโทรมาบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
และหลังจากที่ฉันนั่งคุยกับพี่ขนมเข่งจนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็นยัยฟางก็เลิก เรียนพอดีเราสามคนเลยไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นยัยฟางก็บอกว่าคงไปริกกี้เวย์ด้วยไม่ได้แล้วเพราะที่บ้านโทรมาบอกว่า เย็นนี้จะมีแขกผู้ใหญ่ที่กลับมาจากต่างประเทศมาที่บ้าน คุณเธอเลยต้องจรลีกลับไปในที่สุด ฉันกับพี่เข่งเลยใช้เวลาหลังจากนั้นไปที่อู่ซ่อมรถของคนที่พี่ชายฉันรู้จัก และไว้ใจเพื่อรับที่รักของพี่แก หรือรถที่พี่ชายฉันใช้แข่ง เดินทางไปโน่นมานี่ บลาๆ สารพัดประโยชน์ดีๆ นี่แหละ และกว่าเราสองคนจะมาถึงริกกี้เวย์ก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว (พี่ชายฉันนั่งจ้ออยู่ที่อู่รถไปเกือบชั่วโมงแน่ะ พี่ใครก็ไม่รู้พูดมากชะมัด -*-)
“Hey!”
“อ้าว ว่าไงพี่”
พี่ขนมเข่งเดินควงกุญแกรถนำหน้าฉันมา ก่อนที่จะทักทายผู้ชายที่กำลังจะเดินสวนกับพวกเราแล้วชูมือขึ้นเป็นการทักทาย ถ้าฉันจำไม่ผิด ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นน้องรหัสพี่ชายฉันนะ ซึ่งเป็นพี่ชายฉันเองที่ชักจูงเข้ามาสู่สนามแข่งรถเนี่ย =*=
“แกมานานหรือยังวะ” พี่ขนมเข่งถามผู้ชายคนนั้น
“ก็สักพักอะครับ”
“เห็นพวกไอ้โมะบ้างมั๊ย” ยังไงพี่ชายของฉันก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญของน้องสาวสินะ รักจังพี่ชาย >O<
“เห็นเดินอยู่แถวๆ โน้นน่ะ” เขาตอบพลางเอี้ยวตัวแล้วชี้ไปทางด้านหลังของตัวเองให้พี่ชายฉันมองตามไป ฉันเองก็มองตามนิ้วนั้นไปเหมือนกัน
“ฉันว่าฉันเห็นแว๊บๆ แล้วล่ะ ขอบใจแกมาก…เอ้อ เลี้ยงสายอีกทีหลังสอบไฟนอลเลยนะ เตรียมเมา >_<” พี่เข่งพยักหน้ารับก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการกินเลี้ยงของสายรหัส เขาเป็นน้องรหัสของพี่ชายฉันจริงๆ ด้วยสินะ
“ครับพี่ ยังไงผมขอตัวก่อนนะ” เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินสวนเราสองคนไปก่อนที่ฉันเดินขึ้นมายืนอยู่ข้างพี่ขนมเข่งแล้วชะเง้อมองไปทางที่ผู้ชายคนเมื่อกี้ชี้ไปอีกครั้ง
“ยัยพิมจะอยู่ด้วยมั๊ยเนี่ย”
“ฉันไม่แน่ใจว่าพิมจะมาหรือเปล่านะ”
“ฉันว่ามาเพราะเมื่อตอนบ่ายที่ฉันเจอ สองคนนั้นบอกว่าตอนเย็นค่อยเจอกันด้วย”
“แต่นี่มันค่ำแล้วนะ =_=”
“โว๊ะ”
“ครับๆ พี่ไม่เถียงกับน้องแล้วครับ U_U” พี่ขนมเข่งทำท่าทางนอบน้อมฉัน โดยการก้มหัวแล้วเอามือกุมไว้ที่เป้า
ระหว่างที่เดินไปพี่ชายฉันก็ชี้ไปที่เพื่อนของโทโมะแต่ละคนพร้อมกับแจกแจงชื่อให้ฉันรู้จัก แล้วฉันก็รู้ว่าผู้ชายหน้าทะเล้นคนเดียวกับเมื่อวานนั้นชื่อ เขื่อน ส่วนคนที่ผมสีม่วงๆ ชื่อว่า ป๊อปปี้ สองคนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของโทโมะล่ะ
“…แกไม่ยอมรับใช่มั๊ย!” เสียงของผู้ชายหัวสีบานเย็นซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับฌอนไม่ผิดตัว แน่กำลังโวยวายใส่โทโมะ โดยข้างหลังโทโมะมีเพื่อนสนิทเขาทั้งสองคนกับพิมยืนอยู่ ฉันกับพี่ขนมเข่งรีบสาวเท้าเดินเข้าไปตรงกลุ่มนั้นทันที
“บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไงวะ” โทโมะตอบกลับไป
“โกหก!”
“โถ่ไอ้ฌอน! มันจะอะไรนักหนาว้า~ กับ อีแค่ไอ้โมะบังเอิญเดินผ่านมา แล้วบังเอิญเดินแรงไปหน่อยก้อนหินก็เลยบังเอิญกระเด็นไปโดนแกเนี่ย แค่เนี้ยโวยวายเหรอเฮ้ย?” เขื่อนเดินออกไปยืนข้างโทโมะแล้วพยายามอธิบาย ฉันกับพี่ขนมเข่งที่เดินมาถึงพอดีก็เลยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไอ้โมะบังเอิญจริงเหรอวะไอ้ป๊อป” พี่ขนมเข่งกระซิบถามป๊อปปี้ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อน ที่จะหันมาหาเราสองคนรวมทั้งพิมเองก็หันมาด้วย เธอมีสีหน้าแปลกใจแต่ก็แค่แปบเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นปกติแล้วส่ง ยิ้มมาให้ฉันให้พี่ชาย
“เชื่อมันสองคนเหรอพี่เข่ง กับไอ้โมะไม่มีความบังเอิญหรอก มีแต่ตั้งใจ” คนถูกถามเอ่ยตอบก่อนที่จะเหลือบตามามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ว่าแล้ว…” พี่ชายฉันพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นจึงเข้าไปยืนคั่นกลางระหว่างโทโมะและฌอนเพื่อต้องการไกล่เกลี่ย
“น้องชายทั้งหลาย พี่ว่าอย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลยนะจ๊ะ :)”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่ อย่ามายุ่ง!” ฌอนตอบอย่างหัวเสีย
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกครับ บังเอิญไอ้โมะมันเป็นศิษย์น้องของฉัน” พี่ขนมเข่งยังคงพูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนเดิม เป็นฉันเจอเด็กปีนเกลียวอย่างนี้นะ ฉันเหวี่ยงไปแล้ว ฮึ่ม!
“รู้สึกพวกแกจะเรื่องบังเอิญเยอะจังนะ หึ!” ฌอนพูดแล้วแค่นหัวเราะออกมา
“ฉันว่าแกเอาเวลาที่มาพาลคนอื่นไปดูแลรถตัวเองดีกว่ามั๊ย เพื่อจะชนะบ้าง” โทโมะพูดเสียงนิ่ง หมอนี่มันร้ายชะมัดเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองตั้งใจแกล้งเขาก่อนแท้ๆ ยังไปว่าเขาพาลอีก =*=
ผลัวะ!
“ปากดีนัก! มี แต่คนโง่เท่านั้นแหละที่กล้าพูดจาเหยียดฉันแบบนี้” ชั่วพริบตาเดียวหมัดหนักๆ ของฌอนก็พุ่งตรงผ่านหน้าพี่ขนมเข่งมากระแทกเข้าที่มุมปากของโทโมะเต็มๆ จนเลือดไหลออกมาทันทีที่เจ้าของหมัดชักหมัดตัวเองกลับไป
“กรี๊ด! โมะ!!!” พิมกรีดร้องเหมือนโดนต่อยซะเองก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนโทโมะเพื่อดูอาการของเขาทันที
“พิมหลบไปก่อน!” เขาสะบัดแขนอย่างแรงจนพิมเซถลามาทางฉัน ด้วยความเป็นคนดีโดยพื้นฐานส่วนตัวฉันจึงรีบยื่นมือไปพยุงเธอไม่ให้ล้มทันที พร้อมกับป๊อปปี้ที่เข้ามาช่วยด้วยเหมือนกัน
ผลัวะ!
โทโมะปล่อยหมัดผ่านหน้าพี่ขนมเข่งกลับไปหาคนที่ทำร้ายเขาเมื่อกี้ทันที หมัดแลกหมัดสินะ! แล้วคนตรงกลาง…
“โถ่พี่เข่ง! เขาจะต่อยกัน ออกมาก่อน” ฉันรีบเดินไปหาพี่ชายตัวเองที่กำลังยืนมึนๆ อยู่เหมือนยังปรับตัวไม่ทันเพื่อที่จะดึงเขาออกมาจากรัศมีของหมัดแต่ตัวฉัน เองก็หารู้ไม่ว่า…
ผลัวะ!
…หมัดที่สองของฌอนต่อยพลาดเข้ามาเต็มๆ ที่มุมปากของฉันแทนโทโมะ!!!
เจ็บมาก เจ็บจนชาไปทั้งหน้า…เป็นความรู้สึกเดียวตอนนี้ที่ฉันรับรู้ได้ เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา แถมยังมีเลือดไหลเข้าปากอีกด้วย!
“โถเว้ยไอ้บ้า!!! ต่อยมาไม่ดูคนเลย”
ปึก!!!
ฉันหันใบหน้าชาๆ ของตัวเองตอนนี้กลับไปหาคนที่กล้าต่อยพลาดมาที่ฉันก่อนที่จะกระทืบเท้าของเขาเต็มแรง
“โอ๊ย! ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก!” ฌอนร้องโอ๊ยทันที พร้อมกับชี้หน้าพวกเราทุกคนก่อนที่จะเดินหนีไปในที่สุด
“ทีโดนไอ้โมะต่อยไม่ร้องสักแอะ โดนผู้หญิงกระทืบนิดนึงทำเป็นร้อง เจ็บกว่าก้อนหินกระเด็นใส่ตีนมั๊ยล่ะมึง โด่ว! -3-” เขื่อนบ่นขึ้นมาทันที
“กูว่าจะช่วยน้องสาวตัวเองสักหน่อย สงสัยไม่ต้องแล้ว” เสียงพี่เข่งพูดขึ้นกับตัวเองลอยๆ จนฉันหันขวับกลับไปมองค้อนเขาทันที
“เพราะใครล่ะ! ไม่ยอมหลบตั้งแต่แรกน่ะ”
“เพราะเธอเดินเข้ามาไม่ดูเหตุการณ์เองไม่ใช่เหรอ พี่เข่งยืนอยู่ตั้งนานไม่เห็นเจ็บตัว เธอมันโง่” โทโมะพูดพลางจ้องฉันนิ่ง นี่ฉันโดนผู้ชายต่อยนะ ไม่คิดจะเห็นใจกันหน่อยเหรอ!
“นาย!”
“ใจเย็นๆ ทั้งคู่อะ เห็นหัวฉันหน่อย =^=”
“ผมขอโทษครับพี่หนมเข่งที่ต้องพูดแบบนี้กับ…น้องสาวของพี่” โทโมะหันไปพูดกับพี่ขนมเข่งก่อนที่จะหันกลับมาเน้นคำว่า น้องสาวของพี่ ใส่หน้าฉัน
“ทำไม…กับอีแค่ฉันบังคับให้นายมาเป็นแฟนฉันเนี่ย มันทำให้นายต้องแสดงท่าทางแข็งกระด้างกับฉันขนาดนี้เลยเหรอห๊ะ! โอ๊ย!” ด้วยความที่ฉันพูดเสียงดังไปหน่อยความเจ็บที่มุมปากเลยทวีหนักกว่าเก่า
“ว่าไงนะ!” เสียงพิมดังขึ้นทันทีก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายืนข้างโทโมะพร้อมกับจ้องหน้าฉันเขม็ง
“เอาแล้ว” เป็นเสียงที่ออกมาจากปากของเขื่อน
“ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก” ป๊อปปี้มายืนข้างเขื่อนก่อนที่จะพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ
“เธอได้ยินไม่ผิดหรอก ไอ้หมอนี่!...ต้องมาเป็นแฟนฉัน…แฟนเธอต้องมาเป็นแฟนฉันน่ะเข้าใจมั๊ย!?” ฉันพูดพลางมองหน้าพิมพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าโทโมะซึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่ ก่อนที่จะหันไปมองสีหน้าของเขา…ถึง เขาจะไม่พูดอะไร แต่ฉันก็รู้ว่าตอนนี้เขาคงอยากบีบคอฉันมากๆ และคงทำไปแล้วถ้าไม่ติดว่าพี่ชายฉันยืนอยู่ตรงนี้และเป็นคนที่มีบุญคุณกับเขา
“ไอ้แก้วใจ๊~” พี่ขนมเข่งยกมือขึ้นมาตีหน้าผากตัวเองทันที แต่ขอโทษ! ฉันชื่อแก้วใจ พูดไม่รู้จักจำเลยฮึ่ย!
“กลับบ้าน” ฉันหันไปหาพี่ชายตัวเองก่อนที่จะเอ่ยปากพูดสั้นๆ ห้วนๆ เป็นเชิงสั่ง ก่อนที่จะเดินนำออกมาจากตรงนั้นทันที
“ไอ้โมะคงยอมง่ายๆ หรอกไปพูดแบบนั้น รู้จักมันน้อยไปซะแล้ว” พี่ขนมเข่งพูดทันที่เราสองคนเข้ามานั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว
“ก็หมอนั่นมันปากดี ปากดีอย่างที่ไอ้บ้าฌอนว่านั่นแหละ…โดนต่อยก็สมแล้ว” ฉันพูดพลางนึกถึงสีหน้าหยิ่งจองหองของโทโมะ
“บอกตัวเองเหรอ…ก็สมควรนะ เดินเข้ามาไม่ดูเลย”
“พี่เข่ง! ฉันจะเข้าไปเอาตัวพี่ออกมาไม่ให้โดนลูกหลงนะ” เฮอะ! ไม่น่าหวังดีเลย ถึงยังไงพี่ชายฉันก็สู้กับฌอนได้สบายๆ อยู่แล้ว =^=
“เออๆ ขอบใจ ฉันไม่ว่าแกก็ได้ แต่ฉันว่า…แกประกาศตัวเป็นศัตรูกับไอ้โมะมากกว่าจะไปทำให้มันยอมเป็นแฟนแกนะ” พี่ขนมเข่งพูดพลางเอียงหน้ามองฉัน
“จะประกาศอะไรก็ช่าง หมอนั่นต้องมาเป็นแฟนฉันคนเดียวเท่านั้น” ฉันพูดด้วยความมุ่งมั่น คอยดูเถอะ! ต่อไปโทโมะจะต้องยอมสิโรราบแก่ฉัน อุวะฮ่าๆ >O<
“ฉันว่าแกอยากเอาชนะมันมากกว่าที่มันจะทำให้แกหายดวงตกนะ”
“พี่ก็มากกว่าๆ อยู่นั่นแหละ ออกรถได้แล้วฉันเจ็บปาก ไม่ต้องมาชวนฉันคุยแล้วนะ =*=”
“พูดแทงใจดำอะดิ ชิ!” พี่ขนมเข่งพูดแล้วเบ้ปากใส่ฉันก่อนที่จะยอมออกรถในที่สุด เสียงเครื่องยนต์ของรถยังดังไม่เท่าเสียงของโทโมะที่ดังวนเวียนอยู่ในหัว ของฉันตอนนี้เลย! ว่าฉันโง่อย่างนั้นเหรอ ฉันจะทำให้ดูว่านายน่ะโง่กว่าฉัน…ยอมรับก็ได้ว่าตอนนี้ฉันสนใจอยากเอาชนะหมอนั่นมากกว่าสนใจเรื่องดวงตกเรื่องซวยอะไรนั่นซะแล้วล่ะ…ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
คนอย่างแก้วใจไม่มีคำว่าพลาดแน่!
------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------------------------------
ตอนที่สามมาแล้วววววว มาช้าด้วยยยยยยยยยยยยยย
คอมเม้นท์ คือกำลังใจให้ไรเตอร์ได้ปั่นงานต่อได้อย่างฟินๆ >__<
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ