รัก...รสมะระ(หวาน)
เขียนโดย chadaapp
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.19 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.26 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) หัวใจ(รัก)ของเก่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“มีไรว่ะไอ้หมอ...หน้าเครียดเชียว” ผมเอ่ยทักมันเมื่อสังเกตเห็นคิ้วสองข้างที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะติด...
“เครียดว่ะ...เวลาที่ทำคลอด...สิ่งหนึ่งที่เสี่ยงและทำให้หมอทุกคนต้องทำใจยอมรับ คือ...การสูญเสียสิ่งมีชีวิตที่เราเป็นคนกำหนด...เหมือนวันนี้...ที่ความคาดหวังจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งต้องถูกกลบด้วยความไร้เคียงสา...กับอีกชีวิตหนึ่งที่ย่อยสลายไปกับดินที่...เราเป็นคนกลบมันเอง...เราทำตัวไม่ถูกว่ะ” ผมเป็นหมอที่มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปี...ทุกครั้งที่ผมทำคลอดผมมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า...ความตายเพื่อรักษาสิ่งที่เรารักมากที่สุด...มันคือคำตอบของการจากไปของทุกชีวิต...แต่สำหรับเด็กน้อย...ผมรู้สึกแย่มาก...มันเหมือนกับผมเป็นคนทำให้มารดาของเด็กน้อยตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย...ผมรุ้สึกแย่จริง ๆ
“ใจเย็นดิ..มีไรเล่าให้พวกเราฟังได้...จะได้ช่วยกันแก้ไข...ให้มันดี...ให้มันถูกต้อง...และแกเองจะได้สบายใจนะ...ไอ้หมอ..” สายตา ความกังวล ความเศร้าหมองของเพื่อนผมตรงหน้ามันทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมสัมผัสและรู้สึกจากเด็กน้อยเป็นเรื่องมหัศจรรรย์....ยิ่งคำตอบของหมอที่พรั่งพรูออกมาจากความปาก...มันเหมือนตอกย้ำว่าผมต้องยอมรับในความมหัศจรรย์เหล่านั้น...
“เด็กน้อยนั้น...กำพร้ำแม่...ครอบครัวมีปัญหา...ถ้ามีหนทางไหนสามารถช่วยให้เค้าพบเจอสิ่งที่ดี...สิ่งที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเค้ามีความสุขเหมือนเด็กทั่วไป....เรายินดี...และเอาใจช่วยเสมอ...แต่...ตอนนี้มองไม่เห็นแม้กระทั่ง...ลมหายใจของวันข้างหน้าเลยว่ะ...
“แล้ว....ถ้าเจษกับเก่ง....จะเป็นคนมอบสิ่งดีๆ....มอบความสุขเหล่านั้นให้เด็กน้อย...หมอจะว่าไงครับ...” ผมตัดสินใจถามความเห็นจากพี่หมอ...เพราะตอนนี้ผมมั่นใจเหลือเกินว่าเด็กน้อยที่พี่หมอพุดถึง คือคนเดียวกับที่ผมเจอเมื่อเช้า....
“ไอ้หมอ...ถ้าเด็กน้อยคนที่แกพูดถึงคือเด็กคนที่ไม่มีชื่อมารดา ไม่มีชื่อตัวเอง ติดอยู่ที่...เปลนอน...คือเด็กที่แกเพิ่งทำคลอดวันนี้....เราสองคนยินดีที่จะรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมทันที ถ้าแกเห็นด้วย...มันอาจจะเป็นเรื่องเหลื่อเชื่อเรื่องที่ฉันกับเจษ รุ้สึกและสัมผัสได้ถึงความต้องการของทุกสิ่งอย่างที่ทำให้เราได้มาพบเจอเด็กน้อย..ฉันกับเจษสัญญาว่าจะดูแลเด็กน้อยคนนี้ให้ดีที่สุด...เท่าที่จะทำได้...”
“การเลี้ยงเด็ก...ไม่ใช่เรื่องง่ายและเรื่องสนุกนะ...มันต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลเค้า...ต้องยอมเสียสละความสุขเพื่อเค้า...แกจะทำได้เหรอ...เก่ง”
“แก....จะไม่มีวันผิดหวัง...แก....จะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของ....แกแน่นอน....ฉันกับเจษจะทำให้แกเห็นว่าเด็กน้อยคนนี้ไปได้ไกลแค่ไหน....ฉันสัญญา...และขอเอาหัวใจของฉันเป็นประกัน....” ความจิงจังและความหนักแน่นในแววตาของเก่งที่มองมายังผม....เหมือนแสงสว่างเส้นสุดท้ายที่ฉุดให้ผมหลุดออกจากปากเหว...ตลอดเวลาที่เราคบกัน ไม่เคยมีสักครั้งที่เก่ง...ทำให้ผมผิดหวังในตัวเค้า...ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ยาวนานมาสิบกว่าปีของเรา...ทำให้ผมยอมเชื่อไจเพื่อนคนเสมอ....
“เจษ....ยืนยันได้นะว่าเก่งจะดุแลเด็กน้อยได้ดี...เจษเองก็ขอเอาความรักทั้งหมดที่เจษมีเป็นคำสัญญาได้ไหม....ได้ไหมหมอ....” หมอเงียบและนิ่งเกินไปที่ผมจะทนรอคำตอบแล้ว...ผมร้อนใจเหลือเกินว่าหมอจะตอบตกลงยังไง…มันอาจจะเป็นการเห็นแกตัว...แต่ถ้าการเห็นแก่ตัวของผมทำให้ผมมีครอบครัวในแบบที่ผมหวัง...ผมยินดี....
“ถ้าแกกับเจษ....คิดว่าสามารถดูแลและให้ความรักกับเด็กที่ไม่ใช่สายเลือดของแกได้...ฉันยินดี...แต่ถ้าวันหนึ่งแก่ผิดสัญญา...ฉันจะเป็นคนรับเด็กกลับมาเลี้ยงด้วยตัวของฉันเอง...และเมื่อนั้นความสัมพันธ์ของเราจะจบลงเช่นกัน....” น้ำตาที่อ่อล้นของเจษตอนนี้เป็นคำตอบได้ดีว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว...ที่มอบชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งให้แก่ครอบครัวเจษ....
“ขอบใจแกมากนะหมอ...ขอบใจที่แกยอมเชื่อใจฉัน....”
หลังจากนั้นครอบครัวของเราก็สมบรูณ์มากขึ้น…มันอาจไม่เต็มร้อย...แต่มันเต็มที่ทำสุดแล้ว....ผมกับเก่งมีความสุขทุกครั้งที่ได้มอบความรักให้เด็กน้อย....แต่ทุกอย่างมันมาสุดทางของมันแค่นั้น....ก่อนที่จะ.....
(กลางดึกคืนแห่งการพลัดพราก.....จากความรักชั่วนิจนิรันดร์)
“เดี๋ยว...เก่งรอเจษตรงนี้นะ...เจษลงไปซื้อขอหน่อย...รอป๊านะครับกัป....” วันนี้ผมตั้งใจจะเชอไพสเจษชะหน่อย...ไม่ใช่วันครบรอบ ไม่ใช่วันเกิด ไม่ใช่วันพิเศษอะไรทั้งนั้...แต่ผมอยากมอบให้เพราะเจษเหนื่อยจากงานมาหลายวันแล้ว.....ดอกกุหลาบสีม่วงเจษชอบความหมายของมันที่สุด...เพราะมันหมายถึงความรักที่ยืนยาว ยั่งยืนและเป็นนิจนิรันดร์
“ขอดอกกุหลาบช่อหนึ่งครับ...อ่อ..ขอดอกหุบไม่ต้องบานมากนะครับ...”
“ได้ค่ะ....รอสักครู่นะค่ะ”
ผมมองผ่านกระจกใสเห็นเจษกำลังหยอกล้อกับกัปตัน...เด็กน้อยของเราอย่างมีความสุข.....กัปตัน...เป็นชื่อที่เจษมอบให้เพราะอยากให้ชีวิตของเด็กน้อยสดใส ล่องลอยอยู่ในสายลมตลอดเวลา...เด็กน้อยสดใส น่ารัก แถมซนมากๆๆ ผมยืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้า....
“ดอกไม้จะเสร็จแล้วค่ะ...อ่อ...เขียนการ์ดไหมค่ะ....” ผมนั่งลงเขียนการ์ด ....แด่รัก.... ที่ยืนยง ยั่งยืนและนิจนิรันดร์ของเรา....ข้อความบนการ์ดสีขาวแทนความรู้สึกในใจของผมได้ดี....แต่...
“โอ๊ย!!!....อึก...” ผมทรงตัวไม่อยู่เผลอปัดช่อดอกกุหลาบหล่น....หัวใจของผมมันเต้นเร็วเหลือเกิน....ผมเจ็บปวดไปหมด....มันบีบรัดจนผมแทบหายใจไม่ออก....ภาพสุดท้าย....รอยยิ้ม.....สุดท้ายของกัปตันและเก่งคือสิ่งที่ผมเห็นก่อนที่มันจะค่อย ๆ จางหายไป.......
ช่อดอกกุหลาบสีม่วงหล่นกระจายทั้ง ๆ ที่ยังจัดไม่เสร็จ....พร้อมกับร่างของเจษที่ล้มลง....ผมรีบอุ้มกัปตันเข้าไปในร้าน....ร่างที่นอนนิ่งของเจษ...เหมือนแก้วที่บาดลึกลงในใจผมให้แตกออกจนมันยับเยิน....ภาพของกัปตันที่จับมือเจษขึ้นมาจับแน่น...ข้อความและดอกไม้ที่หล่นกระจายรอบตัวเจษ...ทุกอย่างมันกระตุ้นให้นำตาผมไหลรินอย่างไม่ขาดสาย........
“เจษ...นะนายต้องไม่ตายนะ...นะนายต้องอยู่ดูแลเด็กน้อย ดูแลเราไง...เจษ.....”
“รอข้างนอกนะเก่ง...เจษต้องปลอดภัย...ไว้ใจฉันสิ...” หมอเดินมาปลอบและตบบ่าให้กำลังใจผม....”
“พ่อเจษ...ป๊านอนแล้วเหรอ...ป๊ายังไม่เล่านิทานให้กัปฟังเลย...” เสียงกัปตันเอ่ยถามผมเมื่อเห็นร่างของเจษเข้าไปในห้องฉุดเฉิน...
“ให้ป๊าพัก...กะ..ก่อนนะครับกัป...เดี๋ยวพรุ่งนี้...พ่อค่อยให้ป๊าเล่านิทานให้ฟังนะครับ”
“ครับ...กัปจะรอป๊า”
กัปตันรอเจษจนหลับในอ้อมกอดผม....ผมกระชับกอดเพื่อขอกำลังใจจากดวงใจของผม...
“ว่าไงหมอ!...เจษเป็นไงบ้าง....”
“อ่อ...แกเข้ามาคุยในห้องพักฉันดีกว่านะ...เดี๋ยวให้กัปค้างที่ห้องฉันเลยละกัน”
ความกระวนกระวายในน้ำเสียงบวกกับความเครียดในสายตาคู่นั้นของเก่ง....มันหดหู่เหลือเกิน....
“เก่งรู้ไหม...เจษเป็นโรงหัวใจ...เป็นมานานแล้ว...ฉันกับเจษต้องขอโทษที่ปิดบังแก...เพราะไม่อยากให้แกไม่สบายใจ...”
“เจษ...ปะเป็นโรคหัวใจ...งะงั้นเหรอ...ฉันไม่เคยรู้เลย...”
“เจษ....คงไม่อยากให้แกคิดมาก”
“ละแล้ว...มีทางรักษาไหมหมอ...”
“มี...แต่คงไม่ทัน”
“ไม่ทัน...มะหมายความว่าไงว่ะ”
“ถ้าแกอยากให้เจษรอด...แกต้องหาหัวใจดวงใจให้เจษ...แกหามาได้ไหม...ภายในชั่วโมงนี้…”
“หัวใจดวงใหม่....”
“ใช่หัวใจ...ที่ต้องมาจากผุ้มีจิตศรัทธาบริจาค...”
“งะงั้นเอาของฉัน...เอาของฉันให้เจษนะหมอ...”
“หะเห้ยย!!!..มะไม่ได้!!’
“ได้สิ...แกเป็นหมอแกต้องทำได้!!!”
“ตะแต่...แกจะ...”
“เพื่อเจษ...เพื่อเด็กน้อยของฉัน...ฉันยอม…ขอร้องนะ...แกต้องช่วยฉัน....แกต้องดูแลเจษและกัปตันแทนฉัน!” เก่งคุกเข่าขอร้องวิงวอนให้ผมผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้เจษ....ผมลำบากใจเหลือเกิน....แต่ต้องทำเพื่อรักษาอีกหนึ่งชีวิตที่รอคอยความรัก....
“ตกลง!!!”
“ขะขอบใจ...แกมากนะ...อึกๆ ...กะกัปตัน....พ่อทำเพื่อรักษาความรักของป๊านะลูก....เป็นเด็กดีนะครับ....พ่อรักลูกเสมอ....”เก่งก้มลงจุ๊บเหม่งเด็กน้อยเพื่ออำลา...ด้วยความอาลัยครั้งสุดท้าย....เด็กน้อยที่หลับใหลอยู่จะรู้ไหมว่ามีคนทำเพื่อรักษาชีวิตและความรักเพื่อเค้า....มากมายแค่ไหน....
หลังจากเก่งจากโลกใบนี้ไป....เพียงแค่สองอาทิตย์ ...ผมฟื้นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจดวงใหม่....วินาทีที่กัปตันเห็นผม...กัปกระโจนกอดด้วยความคิดถึง....หมอเป็นคนเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง.....ผมเสียใจกับการตัดสินใจของเก่งแต่ผมก็เข้าใจ...และยอมรับมันเสมอ....ในเมื่อเจษตัดสินใจยกหัวใจดวงนี้ให้ผมแล้ว....ผมต้องดูแลและรักษามัน....ให้ดีที่สุด.....ให้คุ้มค่าที่สุด....ในระยะเวลาแห่งความสุขของครอบครัวผม...มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน...เก่งทำหน้าที่พ่อ...หน้าที่ของคนรัก....ได้ดี....ความรักความเอาใจใส่ของเก่งที่มีต่อเด็กน้อย...มีต่อผม.....มันคงคงถูกกำหนดมาแค่ 5 ปีเท่านั้น 5 ปีที่เก่งทำให้ผมได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว....ความรักทั้งหมดของเก่งอยู่ในร่างกายผม....หัวใจที่ผมหายใจอยู่เก่งเป็นคนมอบให้...และผมจะไม่มีวันมอบหัวใจดวงนี้ให้ใครอีก....ไม่มีวัน....
“ป๊า!!!!....กัปกลับมาแล้วฮ่ะ....คิดถึงจัง....”
เสียงกัปตันเอ่ยเรียกผมทันทีที่เข้ามาถึง....อ้อมกอดนี้...ความรักนี้...กว่าผมจะได้มันมา...มันยากเย็นเหลือเกิน....เจษรักเก่งเสมอนะ...ขอบคุณที่มอบหัวใจและความรักของเก่งให้เจษ...ขอบคุณที่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด...ขอบคุณ....
.........จบตอนแล้วสำหรับคู่ต้นเรื่องของเรา ...หลังจากนี้เตรียมตัวพบกับความฟิน ๆ ของคู่หลักนะค่ะ รับรองค่ะ แช่บ....^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ