(ฟิคโอคิคางุ)After marriage
9.6
เขียนโดย naoza
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.
10 ตอน
7 วิจารณ์
25.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) ทำงานต่างจังหวัด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เอ๋? ลื้อต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดเหรอน่อ?”
คางุระถามด้วยความแปลกใจเมื่อโซโกะยื่นเสื้อตัวนอกให้เธอไปถือแทนหลังจากเพิ่งกลับจากที่ทำงาน
“อือ”
โซโกะรับคำในลำคอแล้วเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนโดยมีคางุระมานั่งลงข้างๆกัน
“ทำไมเหรอน่อ?”
“ฉันกับคุณฮิจิคาตะได้เบาะแสของซาวาดะก็เลยต้องไปสืบหาหลักฐานเพิ่มเติม”
“ต้องไปด้วยตัวเองเลยเหรอน่อ?”
คางุระถามแล้วตีหน้าเศร้าแต่โซโกะกลับเห็นว่ามุมปากของสาวเจ้ายิ้มเล็กน้อยจึงถามดักคอขึ้น
“หล่อนคงจะดีใจล่ะสิที่ไม่มีใครคอยบ่นเรื่องมักง่ายของหล่อน”
“ไม่น่อ” คางุระปฏิเสธเสียงสูง “ดูหน้าอั๊วสิเศร้าจะตายน่อ แล้วนี่ลื้อจะไปเมื่อไหร่น่อ?”
“พรุ่งนี้”
“กะทันหันจังน่อ ไม่เป็นไรๆ อั๊วจะรีบไปจัดกระเป๋าให้ลื้อเดี๋ยวนี้ล่ะน่อ”
โซโกะมองคางุระที่รีบลุกขึ้นกระตือรือร้นไปจัดกระเป๋าเดินทางให้เขาแล้วถอนหายใจ เธอช่างไม่รู้เลยว่าเขาเป็นห่วงเธอแค่ไหนหากเขาไม่อยู่ เพราะถึงแม้ตอนนี้คางุระจะพยายามระวังตัวและดูแลตัวเองมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ยังไงยัยหมวยบ้าก็ยังเป็นยัยหมวยบ้าความซุ่มซ่ามเผลอเรอไม่มีทางหาย
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาภรรยาที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เขาอย่างอารมณ์ดีแล้วนั่งลงโผกอดจากทางด้านหลังอย่างทะนุถนอม มือของโซโกะลูบท้องที่เริ่มโตจนเห็นได้ชัดของคางุระด้วยความอ่อนโยน จนถึงทุกวันนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งดาวซาดิสม์อย่างเขานั้นจะสามารถนุ่มนวลและยอมอ่อนข้อให้กับหญิงสาวจอมกวนประสาทคนที่เขากอดอยู่ได้ถึงเพียงนี้
“ใจคอจะไม่ถามเลยเหรอว่าฉันจะกลับเมื่อไหร่?”
“ลื้อไปทำงานนี่น่อ อั๊วไม่อยากให้ลื้อต้องมากังวลใจหากลื้อกลับมาช้ากว่าวันที่ลื้อบอก” คางุระพูดพลางเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย “ไม่ต้องห่วงอั๊วหรอกน่ออั๊วเอาตัวรอดได้ กินจังกับชินปาจิเองก็คอยอยู่ดูแลอั๊วอยู่แล้วน่อ”
“หมายความว่าจะไปอยู่กับลูกพี่งั้นเรอะ?”
โซโกะจับหน้าสวยๆของคางุระให้มาพูดกับเขา ทั้งๆที่พยายามทำความเข้าใจและไม่หึงเวลาที่คางุระพูดถึงกินโทกิก็ตามแต่เขาก็ลืมตัวทุกทีเพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่เคยเป็นที่หนึ่งในใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาและกำลังตั้งท้องลูกของเขา
“แล้วลื้อจะให้อั๊วอยู่คนเดียวเหรอน่อ? ถ้าเกิดจู่ๆวันไหนอั๊วเป็นลมสลบไปกว่าลื้อจะมาพบอั๊ว อั๊วก็กลายเป็นศพขึ้นอืดไปแล้วน่อ”
เมื่อได้ยินคางุระพูดเช่นนั้นโซโกะก็พูดไม่ออกเพราะความจริงแล้วเขาก็กลัวเธอเป็นอะไรไปเช่นกัน
เมื่อเห็นสามีนิ่งไปคางุระจึงหมุนตัวมาหาเขาแล้วยกมือเรียวนิ่มของตนสัมผัสกับใบหน้าของโซโกะ เมื่อโซโกะสบตาคางุระก็ยิ้มให้เขาอย่างสดใส
“ใครจะไปเชื่อน่อว่าคนอย่างลื้อก็มีมุมเล็กๆแบบนี้เหมือนคนธรรมดาทั่วไปกับเขา ลื้อรู้ตัวไหมโซโกะว่าลื้อน่ะขี้อ้อน แม้บางทีอั๊วก็อยากจะอ้วกแต่อั๊วก็พอจะชอบเหมือนกันน่อ”
“ถ้าหล่อนจะพูดแบบนี้ฉันว่าหล่อนหุบปากไปก็น่าจะดีนะ”
โซโกะบอกเธอที่เหมือนจะพูดดีแต่ลงท้ายก็เหมือนกับว่าเขาทางอ้อม ซึ่งคางุระยังคงยิ้มให้แต่เปลี่ยนมือจากสัมผัสหน้ากลายเป็นหยิกแก้มเขาแทน
“โอ๊ย!! ทำบ้าอะไรเนี่ย?”
“ก็ลื้ออยากมาปากดีกับอั๊วทำไมน่อ”
“ฉันว่าอะไรหล่อนที่ไหน ยัยหมวยสมองเพี๊ยน”
“นี่ไงลื้อว่าอั๊วอยู่เห็นๆ”
คางุระหยิกแก้มสามีหนักกว่าเดิมจนโซโกะขอยอมแพ้ แม้พวกเขาสองคนจะไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่แสนหวานแต่นี่ก็คือความสุขที่โซโกะเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
“ยังไงก็ฝากลูกพี่ดูแลคางุระด้วยนะครับ”
โซโกะบอกกับกินโทกิที่กำลังสะลึมสะลืออยู่หน้าประตูเนื่องจากนอนไม่เต็มตื่นเพราะโดนโซโกะมาปลุกแต่เช้า
“ลื้อไปดื่มมาอีกล่ะสิน่อ แก่จนปูนนี้แล้วน่าจะคิดได้แล้วน่อว่าน้ำเมามันไม่ดีต่อสุขภาพนี่ถ้าไม่มีอั๊วสักคนลื้อต้องโตเป็นเป็นลุงแก่ที่ไม่ได้เรื่องแน่เลยน่อ”
คางุระบ่นกินโทกิแล้วรับกระเป๋าเสื้อผ้าของตนที่จัดเตรียมมาอยู่ด้วยกันกับกินโทกิจากมือของโซโกะ
“อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ยังมีหน้ามาบ่นโล้งเล้งอีกเรอะยัยนี่”
กินโทกิว่าคางุระแล้วเกาศีรษะอย่างรำคาญ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจอะไร
“เอาเถอะครับรุ่นพี่ เดี๋ยวกลับมาเมื่อไหร่ผมจะพาไปเลี้ยงพาเฟ่ต์”
โซโกะบอกกับลูกพี่ผมเงินซึ่งนั่นก็ทำให้กินโทกิไม่บ่นอะไรต่อ
“แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะโอคิตะคุง”
“ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ 5 วันครับ” โซโกะตอบแล้วเดินลงบันไดไปกินโทกิชะเง้อมองตามก็เห็นชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าแบกห่อผ้าอันใหญ่กลับขึ้นมา
“อะไรกันล่ะนั่น?”
กินโทกิถามอย่างงุนงง แต่ก็ช่วยโซโกะเอาห่อผ้าใหญ่ที่หนักอึ้งเข้ามายังในร้านของเขา
“ผมเอาข้าวสารอาหารแห้งรวมถึงนมจืดต่างๆที่ยัยหมวยต้องกินบำรุงระหว่าง 5 วันที่ผมไม่อยู่น่ะครับ”
โซโกะตอบกินโทกิที่แกะห่อผ้าอย่างถือวิสาสะ ส่วนหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของนั้นกลับนอนต่อบนโซฟาอย่างไม่สนใจว่าสามีกับผู้ดูแลเธอจะทำอะไรกันอยู่
“เดี๋ยวๆๆๆ ล้อเล่นใช่ไหมโอคิตะคุง ฉันรู้ว่ายัยนี่กินจุแต่นี่มันไม่ใช่คนกินในเวลา 5 วันแล้วนะ ท้องของยัยคางุระตกลงมันมีเด็กหรือมีหลุมดำอยู่ข้างในกันแน่ฟะ?”
กินโทกิเหงื่อตกเมื่อรู้ว่าคางุระในช่วงนี้กินเก่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว แล้วตบไหล่โซโกะที่ขยันทำงานผิดนิสัยตัวเองอย่างเห็นใจ
“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ อ้อ!!” โซโกะอุทานแล้วเดินไปค้นกระเป๋าของคางุระหยิบผ้าพันท้องสีแดงออกมา “ถึงแม้จะเดือนพฤษภาคมแล้วแต่ตอนกลางคืนก็ยังหนาวอยู่บ้าง ลูกพี่อย่าลืมเตือนให้ยัยหมวยพันท้องด้วยนะครับ”
“นี่ฉันตาฝาดรึเปล่าฟะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอย่างนายน่ะจะเป็นห่วงใครเป็นนอกจากพี่สาวของนาย”
โซโกะหันไปมองคางุระที่นอนกรนเบาๆด้วยความอ่อนโยนจนกินโทกิอดขนลุกไม่ได้
“ก็ตอนนี้ยัยนี่คือผู้หญิงคนเดียวในชีวิตผมนี่ครับ”
“เฮ้อ.....ไม่รู้หรอกนะว่ายังไง ทั้งๆที่มีผู้หญิงดีๆหรือผู้หญิงที่พร้อมจะเล่น SM กับนายอยู่เยอะแท้ๆ แต่กลับต้องมาเป็นทาสยัยไม่ได้เรื่องนี่”
“ว่าแต่ผมลูกพี่เองก็ตามใจใช่เล่นนะครับ” โซโกะย้อนแล้วมองเวลา “ยังไงผมก็คงต้องไปก่อน รบกวนลูกพี่ด้วยนะครับ”
“เออ ไปเถอะเดี๋ยวฉันจะดูแลพาเฟ่ต์ เอ๊ย ยัยนี่เอง”
กินโทกิพูดจุดประสงค์กับหน้าที่ได้รับมอบหมายของตัวเองสลับกัน แล้วมองตามหลังโซโกะที่ออกจากร้านไป จากนั้นไม่นานชินปาจิก็เข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณกิน เมื่อกี้ผมเจอคุณโอคิตะด้วยล่ะครับ อ้าว? แล้วไอ้ที่กองพะเนินอยู่นี่คืออะไรครับนั่น?”
หนุ่มแว่นเดินเข้าไปสำรวจข้าวของในห่อผ้าที่กินโทกิแกะออกไว้แล้ว กินโทกิจึงเล่าให้ฟังทำให้ชินปาจิหน้าเหวอ
“ตกลงนี่กินหรืออะไรครับเนี่ย?”
“ช่างเถอะหน่า ยังไงนายก็ทำอาหารเช้าด้วยแล้วกัน คุณกินปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
กินโทกิตัดบทแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองต่อ ปล่อยให้ชินปาจิจัดการกับข้าวของคนเดียว
ช่วงบ่ายแก่ๆของวันนั้นฮิจิคาตะได้นำทีมพาเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสืบสวนคดีพิเศษมาถึงกุนมะได้อย่างราบรื่น จากนั้นชายหนุ่มตาดุอย่างเขาก็ได้วางแผนให้เจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเข้าไปเป็นสายของกลุ่มค้ายาที่มีซาวาดะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากหลักฐานที่ค้นพบที่ท่าเรือเมื่อคราวก่อนรวมกับการให้ปากคำของริคุโอะนั้นกลับไม่เพียงพอเพราะซาวาดะมีอำนาจมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้
“ฉันกับโซโกะจะไปแอบดูที่แถวโกดังใหญ่เอง พวกแกที่เข้าไปในนั้นได้ก็คอยหาเวลาออกมารายงานแล้วกัน”
“ครับ”
ทุกคนรับคำตามคำสั่งของฮิจิคาตะ แม้ตัวของเขากับโซโกะเองอยากจะลงมือด้วยตัวเองมากกว่านี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากซาวาดะนั้นเคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อนในฐานะของชินเซ็นกุมิ
“มาโยรินครับ”
โซโกะยกมือเรียกร้องความสนใจให้ฮิจิคาตะหรือมาโยรินหันมาทางเขา
“ว่าไงรึ เจ้าบ้าไคเซอร์”
“ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมของน่ะครับ”
“ถอดใจซะเถอะ ถือว่าแกสะเพร่าเองมาถึงที่นี่แล้วก็จงทำภารกิจให้สำเร็จ และฉันหวังว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างกลับไปหาเมียแกหรอกนะ”
ฮิจิคาตะพูดแล้วจุดบุหรี่ยี่ห้อ MAYOBORO ที่ตนสูบประจำขึ้น
“งั้นเหรอครับ สรุปว่ามายองเนสของมาโยรินที่เตรียมไว้สำหรับมาที่นี่เป็นอันว่าปล่อยไปนะครับ”
โซโกะบอกถึงสิ่งของที่ลืมด้วยสีหน้าที่เมินเฉย แต่ฮิจิคาตะตกใจจนสำลักควันบุหรี่ของตน
“แก๊!!! ของสำคัญแบบนี้ลืมได้ไงฟะ???”
“ถอดใจซะเถอะครับ”
โซโกะย้อนคำพูดของคนที่โวยวายเพราะกลัวขาดสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์จากมายองเนส แล้วหลบดาบของฮิจิคาตะที่โมโหได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งก็เป็นภาพที่ชินตาของเจ้าหน้าที่ทุกคน
จากนั้นทุกคนก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง เพราะครั้งนี้จะพลาดไม่ได้
ภายในร้านรับจ้างสารพัด
กินโทกิมองหญิงสาวที่กินไม่ยั้งแล้วถอนหายใจ พอๆกับชินปาจิที่รู้สึกห่วงอนาคตทางการเงินของโซโกะขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“สงสัยว่าโซนี่เจมส์ฟ็อกซ์ของอั๊วจะเริ่มโตมากขึ้นแล้วล่ะน่อ เอิ๊กกกก”
คางุระบอกกับสองหนุ่มพร้อมเรอเป็นเครื่องยืนยันว่าตอนนี้เธออิ่มกับอาหารหลากหลายที่เพิ่งลงกระเพาะเมื่อครู่นี้
“รสนิยมการตั้งชื่อนี่ห่วยไม่เปลี่ยนไม่เปลี่ยนเลยนะครับ แล้วคางุระมั่นใจเหรอว่าเป็นเด็กผู้ชายน่ะครับ?”
ชินปาจิถามคนที่ตั้งชื่อลูกได้ไม่ดูสัญชาติด้วยความละอา ซึ่งดูเหมือนคางุระมั่นใจมากว่าต้องเป็นผู้ชายแน่นอน
“แน่นอนน่อ วัตสัน เพราะยาโตะน่ะน่อมักจะมีลูกชายเป็นคนแรก”
“มันจะจริงเร้อ” กินโทกิขัดขึ้น “ตอนแต่งงานใหม่ๆก็บอกว่ายาโตะกับมนุษย์โลกมีลูกด้วยกันยาก แต่เอาจริงๆแต่งไปเดือนเดียวก็ป่องเป็นปลาทองในตู้ซะงั้น”
“ลูกสาวก็ดีนะครับ เด็กผู้หญิงน่ารัก”
ชินปาจินึกถึงฮิเมโกะหลานสาวของตนแล้วอมยิ้ม
“โอ่ยๆๆ ชินปาจิกลายเป็นตาลุงโลลิค่อนไปซะแล้วคางุระ ระวังลูกหล่อนไว้ให้ดีล่ะ”
“ดีนะที่ลูกอั๊วเป็นผู้ชาย ไม่งั้นอันตรายแน่น่อ”
“เลิกพูดอย่างนั้นซะทีเถอะครับ พวกคุณสองคนนี่ชอบปั่นหัวผมเล่นจริงๆ”
ชินปาจิโวยวายสองคนที่กล่าวหาเขาลอยๆจนแว่นเกือบหลุด
“ยังไงก็เถอะน่อ ลื้อเก็บความหื่นของตัวเองให้มิดชิดแล้วกันน่อจะได้ไม่ลำบากคนอื่นเขา” คางุระตัดบทแล้วลุกขึ้นยืน “อั๊วกลับบ้านก่อนล่ะน่อ ป่านนี้เจ้าซาดิสม์นั่นคงใกล้กลับแล้วน่อ”
“นี่หล่อนเมาข้าวรึเปล่า? หมอนั่นไปทำงานต่างจังหวัดไม่ใช่รึไง?”
กินโทกิทักถึงทำให้คางุระรู้ตัวว่าตอนนี้เธอมาอยู่กับกินโทกิเพราะโซโกะไม่อยู่
“จริงสิน่อ อาตี๋นั่นไปทำงานนี่หน่า ดีๆอั๊วจะได้สบายหูบ้างหมอนั่นน่ะขี้บ่นกว่าที่คิดเลยน่อ ชินปาจิยังสู้ไม่ได้เลย”
“ผมก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงต้องบ่น”
ชินปาจิพึมพำเมื่อเห็นคางุระเล่นแรงๆกับซาดาฮารุ กินโทกิมองแต่ก็ไม่พูดอะไรได้แต่ปล่อยให้คนกับหมาฟัดกันอย่างนั้น
ในช่วง 2-3 วันแรก คางุระรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับชีวิตที่เหมือนจะโสดของตัวเอง อยากไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ไม่มีคนขี้บ่นมาคอยห้าม ถึงแม้ท้องของเธอจะเริ่มเห็นชัดแต่คางุระก็เปลี่ยนมาใส่ชุดกิโมโนอย่างคนญี่ปุ่นจึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น
“คางุระจังความจริงก็เหมาะกับชุดญี่ปุ่นนะ น่าจะใส่มาตั้งนานแล้ว”
ยูกะเพื่อนร่วมวัยของคางุระบอกกับเธอจากใจจริง
“ใช่ๆ ดูสวยและดูมีน้ำมีนวลขึ้นด้วยนะ”
มิสะเพื่อนอีกคนเห็นด้วย คางุระได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะทั้งสองคนไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว
“ว่าแต่ว่าคางุระจัง ไม่เจอชายในฝันบ้างเหรอ? พวกเราอายุก็ขนาดนี้แล้วนะน่าจะมีแฟนสักคนไว้แก้เหงาบ้าง”
“ทำไมมาถามอั๊วล่ะน่อ พวกลื้อล่ะมีคนถูกใจบ้างรึยังน่อ?”
คางุระเบนความสนใจไปยังคนอื่นแทน เพราะสถานะของเธอไม่สามารถบอกได้เนื่องจาก โอคิตะ โซโกะ นั้นได้ตายจากไปจากเอโดะแล้ว เหลือเพียงแต่ไคเซอร์ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าภายใต้หน้ากากซาดาฮารุนั่น
“จะว่ามีก็มีนะ”
มิสะเอ่ยขึ้น
“ใครเหรอน่อ?”
“อืม......อาจจะดูแปลกๆหน่อยนะ” มิสะพูดอย่างขวยเขิน “ฉันยังไม่เคยได้เห็นหน้าของเขาหรอก แต่ก็หลงใหลในท่าทางกับน้ำเสียงของเขามากเลยล่ะ”
“เอ๊ะ ไม่เคยเห็นหน้างั้นเหรอ?”
ยูกะถามอย่างสงสัย ซึ่งมิสะก็พยักหน้า
“ก็....คุณไคเซอร์ไง คราวก่อนคุณไคเซอร์ได้มาช่วยหาหลักฐานให้พ่อของฉันพ้นผิดจากการโดนใส่ความน่ะ แม้น้ำเสียงจะดูเย็นชา แต่ท่าทางก็สง่ามากเลยนะ”
“ไคเซอร์หน้ากากซาดาฮารุที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสืบสวนพิเศษน่ะเหรอ?”
ยูกะถามอย่างตกใจ แต่คนที่ตกใจกว่าคือคางุระที่ได้มารับรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังตกหลุมรักสามีของเธอ
“โอ้ยยย ภายใต้หน้ากากนั่นอาจจะหน้าตาขี้เหร่ ฟันเหยินๆ ตาตี่ๆก็ได้น่อ”
“ฉันไมได้รักใครที่หน้าตาหรอกนะคางุระจัง ขอแค่เขาเป็นคนดีก็พอ”
มิสะบอกกับคางุระยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่มากกว่าเดิมที่ไคเซอร์ของเธอกลับกลายมาโปรยเสน่ห์อย่างไม่รู้ตัวอย่างนี้ ซึ่งคางุระก็ได้แต่ยิ้มเท่านั้นเพราะพูดอะไรไม่ออก
หลายวันถัดมาเกินเวลา 5 วันที่โซโกะบอกกับกินโทกิไว้ ทำให้คางุระร้อนใจมากกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสามี
“หรือจะไปหลงสาวแถวนั้นหว่า เขาว่าสาวต่างจังหวัดสวยกันเยอะด้วย”
กินโทกิที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่เปรยขึ้น เมื่อเห็นคางุระเดินไปเดินมาวนเวียนในร้านตลอดตั้งแต่เช้า
โป้ก!!!
จู่ๆจานขนมก็ลอยมาปะทะกับศีรษะของกินโทกิพอดี ทำให้ผมสีเงินเริ่มฉ่ำไปด้วยเลือดที่ไหลอาบใบหน้า แต่เจ้าตัวก็อ่านการ์ตูนต่อราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“อ่านหนังสือเงียบๆก็ดีแล้วแท้ๆ” ชินปาจิพึมพำ แล้วหันไปหาคางุระ “งานคงจะยุ่งน่ะครับ อย่ากังวลไปเลยนะคางุระจัง เดี๋ยวโซนี่เจมส์ฟ็อกซ์คุงไม่สบายเอานะ”
“ก็อั๊วโทรหาไม่ติด มีแต่ผู้หญิงบอกว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขนี้ได้ในขณะนี้ นังนั่นมันเป็นใครมารับสายแทนอาตี๋ของอั๊วได้ยังไง?”
คางุระโมโหหึงจนหน้ามืด เพราะกลัวว่าใครจะมาตกหลุมรักโซโกะอย่างมิสะอีก
ชินปาจิขี้เกียจพูดอะไร ปล่อยให้คางุระหงุดหงิดไปอย่างนั้น
หญิงสาวน้ำตาคลอรู้สึกเหงาและคิดถึงสามีจับใจเหลือเกิน
คางุระถามด้วยความแปลกใจเมื่อโซโกะยื่นเสื้อตัวนอกให้เธอไปถือแทนหลังจากเพิ่งกลับจากที่ทำงาน
“อือ”
โซโกะรับคำในลำคอแล้วเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนโดยมีคางุระมานั่งลงข้างๆกัน
“ทำไมเหรอน่อ?”
“ฉันกับคุณฮิจิคาตะได้เบาะแสของซาวาดะก็เลยต้องไปสืบหาหลักฐานเพิ่มเติม”
“ต้องไปด้วยตัวเองเลยเหรอน่อ?”
คางุระถามแล้วตีหน้าเศร้าแต่โซโกะกลับเห็นว่ามุมปากของสาวเจ้ายิ้มเล็กน้อยจึงถามดักคอขึ้น
“หล่อนคงจะดีใจล่ะสิที่ไม่มีใครคอยบ่นเรื่องมักง่ายของหล่อน”
“ไม่น่อ” คางุระปฏิเสธเสียงสูง “ดูหน้าอั๊วสิเศร้าจะตายน่อ แล้วนี่ลื้อจะไปเมื่อไหร่น่อ?”
“พรุ่งนี้”
“กะทันหันจังน่อ ไม่เป็นไรๆ อั๊วจะรีบไปจัดกระเป๋าให้ลื้อเดี๋ยวนี้ล่ะน่อ”
โซโกะมองคางุระที่รีบลุกขึ้นกระตือรือร้นไปจัดกระเป๋าเดินทางให้เขาแล้วถอนหายใจ เธอช่างไม่รู้เลยว่าเขาเป็นห่วงเธอแค่ไหนหากเขาไม่อยู่ เพราะถึงแม้ตอนนี้คางุระจะพยายามระวังตัวและดูแลตัวเองมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ยังไงยัยหมวยบ้าก็ยังเป็นยัยหมวยบ้าความซุ่มซ่ามเผลอเรอไม่มีทางหาย
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาภรรยาที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เขาอย่างอารมณ์ดีแล้วนั่งลงโผกอดจากทางด้านหลังอย่างทะนุถนอม มือของโซโกะลูบท้องที่เริ่มโตจนเห็นได้ชัดของคางุระด้วยความอ่อนโยน จนถึงทุกวันนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งดาวซาดิสม์อย่างเขานั้นจะสามารถนุ่มนวลและยอมอ่อนข้อให้กับหญิงสาวจอมกวนประสาทคนที่เขากอดอยู่ได้ถึงเพียงนี้
“ใจคอจะไม่ถามเลยเหรอว่าฉันจะกลับเมื่อไหร่?”
“ลื้อไปทำงานนี่น่อ อั๊วไม่อยากให้ลื้อต้องมากังวลใจหากลื้อกลับมาช้ากว่าวันที่ลื้อบอก” คางุระพูดพลางเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย “ไม่ต้องห่วงอั๊วหรอกน่ออั๊วเอาตัวรอดได้ กินจังกับชินปาจิเองก็คอยอยู่ดูแลอั๊วอยู่แล้วน่อ”
“หมายความว่าจะไปอยู่กับลูกพี่งั้นเรอะ?”
โซโกะจับหน้าสวยๆของคางุระให้มาพูดกับเขา ทั้งๆที่พยายามทำความเข้าใจและไม่หึงเวลาที่คางุระพูดถึงกินโทกิก็ตามแต่เขาก็ลืมตัวทุกทีเพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่เคยเป็นที่หนึ่งในใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาและกำลังตั้งท้องลูกของเขา
“แล้วลื้อจะให้อั๊วอยู่คนเดียวเหรอน่อ? ถ้าเกิดจู่ๆวันไหนอั๊วเป็นลมสลบไปกว่าลื้อจะมาพบอั๊ว อั๊วก็กลายเป็นศพขึ้นอืดไปแล้วน่อ”
เมื่อได้ยินคางุระพูดเช่นนั้นโซโกะก็พูดไม่ออกเพราะความจริงแล้วเขาก็กลัวเธอเป็นอะไรไปเช่นกัน
เมื่อเห็นสามีนิ่งไปคางุระจึงหมุนตัวมาหาเขาแล้วยกมือเรียวนิ่มของตนสัมผัสกับใบหน้าของโซโกะ เมื่อโซโกะสบตาคางุระก็ยิ้มให้เขาอย่างสดใส
“ใครจะไปเชื่อน่อว่าคนอย่างลื้อก็มีมุมเล็กๆแบบนี้เหมือนคนธรรมดาทั่วไปกับเขา ลื้อรู้ตัวไหมโซโกะว่าลื้อน่ะขี้อ้อน แม้บางทีอั๊วก็อยากจะอ้วกแต่อั๊วก็พอจะชอบเหมือนกันน่อ”
“ถ้าหล่อนจะพูดแบบนี้ฉันว่าหล่อนหุบปากไปก็น่าจะดีนะ”
โซโกะบอกเธอที่เหมือนจะพูดดีแต่ลงท้ายก็เหมือนกับว่าเขาทางอ้อม ซึ่งคางุระยังคงยิ้มให้แต่เปลี่ยนมือจากสัมผัสหน้ากลายเป็นหยิกแก้มเขาแทน
“โอ๊ย!! ทำบ้าอะไรเนี่ย?”
“ก็ลื้ออยากมาปากดีกับอั๊วทำไมน่อ”
“ฉันว่าอะไรหล่อนที่ไหน ยัยหมวยสมองเพี๊ยน”
“นี่ไงลื้อว่าอั๊วอยู่เห็นๆ”
คางุระหยิกแก้มสามีหนักกว่าเดิมจนโซโกะขอยอมแพ้ แม้พวกเขาสองคนจะไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่แสนหวานแต่นี่ก็คือความสุขที่โซโกะเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
“ยังไงก็ฝากลูกพี่ดูแลคางุระด้วยนะครับ”
โซโกะบอกกับกินโทกิที่กำลังสะลึมสะลืออยู่หน้าประตูเนื่องจากนอนไม่เต็มตื่นเพราะโดนโซโกะมาปลุกแต่เช้า
“ลื้อไปดื่มมาอีกล่ะสิน่อ แก่จนปูนนี้แล้วน่าจะคิดได้แล้วน่อว่าน้ำเมามันไม่ดีต่อสุขภาพนี่ถ้าไม่มีอั๊วสักคนลื้อต้องโตเป็นเป็นลุงแก่ที่ไม่ได้เรื่องแน่เลยน่อ”
คางุระบ่นกินโทกิแล้วรับกระเป๋าเสื้อผ้าของตนที่จัดเตรียมมาอยู่ด้วยกันกับกินโทกิจากมือของโซโกะ
“อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ยังมีหน้ามาบ่นโล้งเล้งอีกเรอะยัยนี่”
กินโทกิว่าคางุระแล้วเกาศีรษะอย่างรำคาญ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจอะไร
“เอาเถอะครับรุ่นพี่ เดี๋ยวกลับมาเมื่อไหร่ผมจะพาไปเลี้ยงพาเฟ่ต์”
โซโกะบอกกับลูกพี่ผมเงินซึ่งนั่นก็ทำให้กินโทกิไม่บ่นอะไรต่อ
“แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะโอคิตะคุง”
“ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ 5 วันครับ” โซโกะตอบแล้วเดินลงบันไดไปกินโทกิชะเง้อมองตามก็เห็นชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าแบกห่อผ้าอันใหญ่กลับขึ้นมา
“อะไรกันล่ะนั่น?”
กินโทกิถามอย่างงุนงง แต่ก็ช่วยโซโกะเอาห่อผ้าใหญ่ที่หนักอึ้งเข้ามายังในร้านของเขา
“ผมเอาข้าวสารอาหารแห้งรวมถึงนมจืดต่างๆที่ยัยหมวยต้องกินบำรุงระหว่าง 5 วันที่ผมไม่อยู่น่ะครับ”
โซโกะตอบกินโทกิที่แกะห่อผ้าอย่างถือวิสาสะ ส่วนหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของนั้นกลับนอนต่อบนโซฟาอย่างไม่สนใจว่าสามีกับผู้ดูแลเธอจะทำอะไรกันอยู่
“เดี๋ยวๆๆๆ ล้อเล่นใช่ไหมโอคิตะคุง ฉันรู้ว่ายัยนี่กินจุแต่นี่มันไม่ใช่คนกินในเวลา 5 วันแล้วนะ ท้องของยัยคางุระตกลงมันมีเด็กหรือมีหลุมดำอยู่ข้างในกันแน่ฟะ?”
กินโทกิเหงื่อตกเมื่อรู้ว่าคางุระในช่วงนี้กินเก่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว แล้วตบไหล่โซโกะที่ขยันทำงานผิดนิสัยตัวเองอย่างเห็นใจ
“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ อ้อ!!” โซโกะอุทานแล้วเดินไปค้นกระเป๋าของคางุระหยิบผ้าพันท้องสีแดงออกมา “ถึงแม้จะเดือนพฤษภาคมแล้วแต่ตอนกลางคืนก็ยังหนาวอยู่บ้าง ลูกพี่อย่าลืมเตือนให้ยัยหมวยพันท้องด้วยนะครับ”
“นี่ฉันตาฝาดรึเปล่าฟะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอย่างนายน่ะจะเป็นห่วงใครเป็นนอกจากพี่สาวของนาย”
โซโกะหันไปมองคางุระที่นอนกรนเบาๆด้วยความอ่อนโยนจนกินโทกิอดขนลุกไม่ได้
“ก็ตอนนี้ยัยนี่คือผู้หญิงคนเดียวในชีวิตผมนี่ครับ”
“เฮ้อ.....ไม่รู้หรอกนะว่ายังไง ทั้งๆที่มีผู้หญิงดีๆหรือผู้หญิงที่พร้อมจะเล่น SM กับนายอยู่เยอะแท้ๆ แต่กลับต้องมาเป็นทาสยัยไม่ได้เรื่องนี่”
“ว่าแต่ผมลูกพี่เองก็ตามใจใช่เล่นนะครับ” โซโกะย้อนแล้วมองเวลา “ยังไงผมก็คงต้องไปก่อน รบกวนลูกพี่ด้วยนะครับ”
“เออ ไปเถอะเดี๋ยวฉันจะดูแลพาเฟ่ต์ เอ๊ย ยัยนี่เอง”
กินโทกิพูดจุดประสงค์กับหน้าที่ได้รับมอบหมายของตัวเองสลับกัน แล้วมองตามหลังโซโกะที่ออกจากร้านไป จากนั้นไม่นานชินปาจิก็เข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณกิน เมื่อกี้ผมเจอคุณโอคิตะด้วยล่ะครับ อ้าว? แล้วไอ้ที่กองพะเนินอยู่นี่คืออะไรครับนั่น?”
หนุ่มแว่นเดินเข้าไปสำรวจข้าวของในห่อผ้าที่กินโทกิแกะออกไว้แล้ว กินโทกิจึงเล่าให้ฟังทำให้ชินปาจิหน้าเหวอ
“ตกลงนี่กินหรืออะไรครับเนี่ย?”
“ช่างเถอะหน่า ยังไงนายก็ทำอาหารเช้าด้วยแล้วกัน คุณกินปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
กินโทกิตัดบทแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองต่อ ปล่อยให้ชินปาจิจัดการกับข้าวของคนเดียว
ช่วงบ่ายแก่ๆของวันนั้นฮิจิคาตะได้นำทีมพาเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสืบสวนคดีพิเศษมาถึงกุนมะได้อย่างราบรื่น จากนั้นชายหนุ่มตาดุอย่างเขาก็ได้วางแผนให้เจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเข้าไปเป็นสายของกลุ่มค้ายาที่มีซาวาดะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากหลักฐานที่ค้นพบที่ท่าเรือเมื่อคราวก่อนรวมกับการให้ปากคำของริคุโอะนั้นกลับไม่เพียงพอเพราะซาวาดะมีอำนาจมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้
“ฉันกับโซโกะจะไปแอบดูที่แถวโกดังใหญ่เอง พวกแกที่เข้าไปในนั้นได้ก็คอยหาเวลาออกมารายงานแล้วกัน”
“ครับ”
ทุกคนรับคำตามคำสั่งของฮิจิคาตะ แม้ตัวของเขากับโซโกะเองอยากจะลงมือด้วยตัวเองมากกว่านี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากซาวาดะนั้นเคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อนในฐานะของชินเซ็นกุมิ
“มาโยรินครับ”
โซโกะยกมือเรียกร้องความสนใจให้ฮิจิคาตะหรือมาโยรินหันมาทางเขา
“ว่าไงรึ เจ้าบ้าไคเซอร์”
“ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมของน่ะครับ”
“ถอดใจซะเถอะ ถือว่าแกสะเพร่าเองมาถึงที่นี่แล้วก็จงทำภารกิจให้สำเร็จ และฉันหวังว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างกลับไปหาเมียแกหรอกนะ”
ฮิจิคาตะพูดแล้วจุดบุหรี่ยี่ห้อ MAYOBORO ที่ตนสูบประจำขึ้น
“งั้นเหรอครับ สรุปว่ามายองเนสของมาโยรินที่เตรียมไว้สำหรับมาที่นี่เป็นอันว่าปล่อยไปนะครับ”
โซโกะบอกถึงสิ่งของที่ลืมด้วยสีหน้าที่เมินเฉย แต่ฮิจิคาตะตกใจจนสำลักควันบุหรี่ของตน
“แก๊!!! ของสำคัญแบบนี้ลืมได้ไงฟะ???”
“ถอดใจซะเถอะครับ”
โซโกะย้อนคำพูดของคนที่โวยวายเพราะกลัวขาดสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์จากมายองเนส แล้วหลบดาบของฮิจิคาตะที่โมโหได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งก็เป็นภาพที่ชินตาของเจ้าหน้าที่ทุกคน
จากนั้นทุกคนก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง เพราะครั้งนี้จะพลาดไม่ได้
ภายในร้านรับจ้างสารพัด
กินโทกิมองหญิงสาวที่กินไม่ยั้งแล้วถอนหายใจ พอๆกับชินปาจิที่รู้สึกห่วงอนาคตทางการเงินของโซโกะขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“สงสัยว่าโซนี่เจมส์ฟ็อกซ์ของอั๊วจะเริ่มโตมากขึ้นแล้วล่ะน่อ เอิ๊กกกก”
คางุระบอกกับสองหนุ่มพร้อมเรอเป็นเครื่องยืนยันว่าตอนนี้เธออิ่มกับอาหารหลากหลายที่เพิ่งลงกระเพาะเมื่อครู่นี้
“รสนิยมการตั้งชื่อนี่ห่วยไม่เปลี่ยนไม่เปลี่ยนเลยนะครับ แล้วคางุระมั่นใจเหรอว่าเป็นเด็กผู้ชายน่ะครับ?”
ชินปาจิถามคนที่ตั้งชื่อลูกได้ไม่ดูสัญชาติด้วยความละอา ซึ่งดูเหมือนคางุระมั่นใจมากว่าต้องเป็นผู้ชายแน่นอน
“แน่นอนน่อ วัตสัน เพราะยาโตะน่ะน่อมักจะมีลูกชายเป็นคนแรก”
“มันจะจริงเร้อ” กินโทกิขัดขึ้น “ตอนแต่งงานใหม่ๆก็บอกว่ายาโตะกับมนุษย์โลกมีลูกด้วยกันยาก แต่เอาจริงๆแต่งไปเดือนเดียวก็ป่องเป็นปลาทองในตู้ซะงั้น”
“ลูกสาวก็ดีนะครับ เด็กผู้หญิงน่ารัก”
ชินปาจินึกถึงฮิเมโกะหลานสาวของตนแล้วอมยิ้ม
“โอ่ยๆๆ ชินปาจิกลายเป็นตาลุงโลลิค่อนไปซะแล้วคางุระ ระวังลูกหล่อนไว้ให้ดีล่ะ”
“ดีนะที่ลูกอั๊วเป็นผู้ชาย ไม่งั้นอันตรายแน่น่อ”
“เลิกพูดอย่างนั้นซะทีเถอะครับ พวกคุณสองคนนี่ชอบปั่นหัวผมเล่นจริงๆ”
ชินปาจิโวยวายสองคนที่กล่าวหาเขาลอยๆจนแว่นเกือบหลุด
“ยังไงก็เถอะน่อ ลื้อเก็บความหื่นของตัวเองให้มิดชิดแล้วกันน่อจะได้ไม่ลำบากคนอื่นเขา” คางุระตัดบทแล้วลุกขึ้นยืน “อั๊วกลับบ้านก่อนล่ะน่อ ป่านนี้เจ้าซาดิสม์นั่นคงใกล้กลับแล้วน่อ”
“นี่หล่อนเมาข้าวรึเปล่า? หมอนั่นไปทำงานต่างจังหวัดไม่ใช่รึไง?”
กินโทกิทักถึงทำให้คางุระรู้ตัวว่าตอนนี้เธอมาอยู่กับกินโทกิเพราะโซโกะไม่อยู่
“จริงสิน่อ อาตี๋นั่นไปทำงานนี่หน่า ดีๆอั๊วจะได้สบายหูบ้างหมอนั่นน่ะขี้บ่นกว่าที่คิดเลยน่อ ชินปาจิยังสู้ไม่ได้เลย”
“ผมก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงต้องบ่น”
ชินปาจิพึมพำเมื่อเห็นคางุระเล่นแรงๆกับซาดาฮารุ กินโทกิมองแต่ก็ไม่พูดอะไรได้แต่ปล่อยให้คนกับหมาฟัดกันอย่างนั้น
ในช่วง 2-3 วันแรก คางุระรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับชีวิตที่เหมือนจะโสดของตัวเอง อยากไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ไม่มีคนขี้บ่นมาคอยห้าม ถึงแม้ท้องของเธอจะเริ่มเห็นชัดแต่คางุระก็เปลี่ยนมาใส่ชุดกิโมโนอย่างคนญี่ปุ่นจึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น
“คางุระจังความจริงก็เหมาะกับชุดญี่ปุ่นนะ น่าจะใส่มาตั้งนานแล้ว”
ยูกะเพื่อนร่วมวัยของคางุระบอกกับเธอจากใจจริง
“ใช่ๆ ดูสวยและดูมีน้ำมีนวลขึ้นด้วยนะ”
มิสะเพื่อนอีกคนเห็นด้วย คางุระได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะทั้งสองคนไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว
“ว่าแต่ว่าคางุระจัง ไม่เจอชายในฝันบ้างเหรอ? พวกเราอายุก็ขนาดนี้แล้วนะน่าจะมีแฟนสักคนไว้แก้เหงาบ้าง”
“ทำไมมาถามอั๊วล่ะน่อ พวกลื้อล่ะมีคนถูกใจบ้างรึยังน่อ?”
คางุระเบนความสนใจไปยังคนอื่นแทน เพราะสถานะของเธอไม่สามารถบอกได้เนื่องจาก โอคิตะ โซโกะ นั้นได้ตายจากไปจากเอโดะแล้ว เหลือเพียงแต่ไคเซอร์ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าภายใต้หน้ากากซาดาฮารุนั่น
“จะว่ามีก็มีนะ”
มิสะเอ่ยขึ้น
“ใครเหรอน่อ?”
“อืม......อาจจะดูแปลกๆหน่อยนะ” มิสะพูดอย่างขวยเขิน “ฉันยังไม่เคยได้เห็นหน้าของเขาหรอก แต่ก็หลงใหลในท่าทางกับน้ำเสียงของเขามากเลยล่ะ”
“เอ๊ะ ไม่เคยเห็นหน้างั้นเหรอ?”
ยูกะถามอย่างสงสัย ซึ่งมิสะก็พยักหน้า
“ก็....คุณไคเซอร์ไง คราวก่อนคุณไคเซอร์ได้มาช่วยหาหลักฐานให้พ่อของฉันพ้นผิดจากการโดนใส่ความน่ะ แม้น้ำเสียงจะดูเย็นชา แต่ท่าทางก็สง่ามากเลยนะ”
“ไคเซอร์หน้ากากซาดาฮารุที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสืบสวนพิเศษน่ะเหรอ?”
ยูกะถามอย่างตกใจ แต่คนที่ตกใจกว่าคือคางุระที่ได้มารับรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังตกหลุมรักสามีของเธอ
“โอ้ยยย ภายใต้หน้ากากนั่นอาจจะหน้าตาขี้เหร่ ฟันเหยินๆ ตาตี่ๆก็ได้น่อ”
“ฉันไมได้รักใครที่หน้าตาหรอกนะคางุระจัง ขอแค่เขาเป็นคนดีก็พอ”
มิสะบอกกับคางุระยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่มากกว่าเดิมที่ไคเซอร์ของเธอกลับกลายมาโปรยเสน่ห์อย่างไม่รู้ตัวอย่างนี้ ซึ่งคางุระก็ได้แต่ยิ้มเท่านั้นเพราะพูดอะไรไม่ออก
หลายวันถัดมาเกินเวลา 5 วันที่โซโกะบอกกับกินโทกิไว้ ทำให้คางุระร้อนใจมากกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสามี
“หรือจะไปหลงสาวแถวนั้นหว่า เขาว่าสาวต่างจังหวัดสวยกันเยอะด้วย”
กินโทกิที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่เปรยขึ้น เมื่อเห็นคางุระเดินไปเดินมาวนเวียนในร้านตลอดตั้งแต่เช้า
โป้ก!!!
จู่ๆจานขนมก็ลอยมาปะทะกับศีรษะของกินโทกิพอดี ทำให้ผมสีเงินเริ่มฉ่ำไปด้วยเลือดที่ไหลอาบใบหน้า แต่เจ้าตัวก็อ่านการ์ตูนต่อราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“อ่านหนังสือเงียบๆก็ดีแล้วแท้ๆ” ชินปาจิพึมพำ แล้วหันไปหาคางุระ “งานคงจะยุ่งน่ะครับ อย่ากังวลไปเลยนะคางุระจัง เดี๋ยวโซนี่เจมส์ฟ็อกซ์คุงไม่สบายเอานะ”
“ก็อั๊วโทรหาไม่ติด มีแต่ผู้หญิงบอกว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขนี้ได้ในขณะนี้ นังนั่นมันเป็นใครมารับสายแทนอาตี๋ของอั๊วได้ยังไง?”
คางุระโมโหหึงจนหน้ามืด เพราะกลัวว่าใครจะมาตกหลุมรักโซโกะอย่างมิสะอีก
ชินปาจิขี้เกียจพูดอะไร ปล่อยให้คางุระหงุดหงิดไปอย่างนั้น
หญิงสาวน้ำตาคลอรู้สึกเหงาและคิดถึงสามีจับใจเหลือเกิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ