เรื่องสั้นตอนเดียวจบ เรื่อง MY HONEY.
10.0
เขียนโดย ออมอนี่cake
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.43 น.
1 ตอน
4 วิจารณ์
4,543 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558 14.47 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) เรื่องสั้นตอนเดียวจบ เรื่อง MY HONEY.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องที่แต่ง นี้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่สมมติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ตัวละครไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น กรุณาอ่านแบบไม่คิดมากนะคะ ^__^~
เรื่องสั้น : MY HONEY.
ผู้เขียน : ออมอนี่_cake
Rate : PG -15 [ไม่เน้นคำบรรยาย ขอประทานอภัย]
PS# อย่าได้หาสาระจากเรื่องนี้ เพราะมันไม่มี .... สวัสดีชาวโลก
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
__tomo___ ig update
*รูป
#tb when honey had her ear surgery. #honeysworstday
ออกกำลังกายในฟิสเนตเสร็จ เขาก็รีบบึ่งรถไปรับลูกสาวของตัวเองที่เนิซ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของร้านที่คุ้นเคยว่าฮันนี่พักฟื้นเรียบร้อย หลังการผ่าตัดจากโรงพยาบาลสัตว์ในเครือเดียวกัน ด้วยเพราะเขาไว้ใจและลูกสาวตัวดื้อนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงฆ่าเวลาด้วยการไปออกกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงตรงกับบ้านเพื่อเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางในคืนนี้ ก่อนจะทิ้งให้ฮันนี่เฝ้าห้องเพื่อไปจัดการธุระสำคัญต่อ
“....ว่า”นิ้วเรียวสวยสไลด์หน้าจอเพื่อกดรับสายคนที่คุยกันทุกวัน กรอกเสียงใสลงไปเหมือนเช่นปกติ
(คุณ นาย...เสร็จยังคะ) คำเรียกจากปลายสายทำให้คนฟังขมวดคิ้วด้วยความขัดใจเล็กน้อย แน่ล่ะ ใครจะอยากได้ตำแหน่งนั้นทั้งที่ยังมีคำนำหน้าว่านางสาวกัน
“ยัง ค่ะ เหลือเช็คจออีกนิดนึงอ่ะ เซฮุนอปป้า” ด้วยเป็นคนที่ทันกันไปเสียทุกเรื่อง เสียงใสของนางเอกเบอร์ต้น ๆ ของค่าย จึงสวนไปแทบจะทันทีด้วยคำเรียกที่คงทำให้อีกฝ่ายขัดใจไม่น้อยเช่นกัน
(เห งกนิ่ รอที่เดิมค่ะ เร็วๆนะคะคุณ) นั่นปะไร พูดผิดที่ไหนกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้เธอเรียกด้วยชื่อไอดอลหนุ่มแดนกิมจิ ถึงแม้ใบหน้าหล่อจะมีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง แต่ด้วยอายุที่ต่างกันจึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจ คงหนีไม่พ้นอาการหวงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นแหล่ะ แน่ล่ะ การเอาตัวเองลงไปสู้กับเด็กหนุ่ม ๆ มันก็กังวลเรื่องผลลัพธ์เหมือนกันนะ แม้ว่าทั้งที่ก็รู้ว่าตัวเธอไม่ได้คิดจริงจังกับคำเรียกเหล่านั้นเลยก็ตาม
“หิว อ่อ หาไรกินก่อนดิ่คะ” แก้วตากลมหันไปดูพี่ ๆ ทีมงานที่กำลังสั่งการเหล่าสต๊าฟ และผู้จัดการส่วนตัวของบรรดานักแสดง เธอเองก็คิดว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดี จึงเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเพื่อกลับบ้าน
(หิวคุณอ่ะค่ะ รีบมานะคะอยากกิน~~)
“ฮิ – รา – ซู – กะ!!!” ใบหน้าสวยขึ้นสีเลือดแทบจะทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงติดจะอ้อนจากปลายสาย ไม่ต้องเดาว่านอกจากแก้มแล้วคงลามขึ้นไปถึงใบหูของเธอเป็นแน่ กวนประสาทได้เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
#ความทะลึ่งก็เช่นกัน
(ครับที่รัก~~~~~ ฮ่า ๆๆๆ)
หลักจากแยกย้ายจากทีมงานก็แอบลงจากรถที่นั่งมาตั้งแต่แรกแล้วมาขึ้นรถอีกคัน ที่จอดอยู่ ข้างทาง เป็นแบบนี้บ่อยเสียจนผู้จัดการเคยชิน แต่พี่เขาไม่คิดว่าการเปิดตัวเรื่องความสัมพันธ์จะมีผลดีกับใคร ทั้งต่อหน้าที่การงานและฐานแฟนคลับ แม้ในกลุ่มแฟนคลับเองอาจจะไม่ต่อต้านอะไรมาก แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่ เธอและเขาจึงเลือกให้มันค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จะดีกว่า
“ซีรี่ส์ จะออนแอร์แล้วนิ่ เมื่อไหร่นะคุณ” เอ่ยถามขณะนั่งทานก๋วยเตี๋ยวริมฟุตบาธด้วยกัน ในเวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่มแบบนี้ ร้านรวงที่ขายโต้รุ่งก็มีไม่น้อย แต่คนมาทานมีไม่มาก อาจเพราะเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนและในวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันจันทร์ที่หลาย ๆ คนแสนจะเบื่อ เขาและเธอจึงเลือกมานั่งทานได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร หากมีบรรดาแฟนคลับมาเจอเข้าจริง ๆ ก็คงรู้สึกถึงความน่ารักของคู่เพื่อนสนิทมานั่งกินลมชมวิวหลังเลิกงานเท่า นั้นเอง
“สิงหาครับ ...พรุ่งนี้คุณมีงานหรือเปล่า”
“ไอ้ อี อ่ะ”
“กลืน ก่อนไหมคะคุณ มีใครแย่งพูดค่ะ.... อ่ะ น้ำ” พูดพลางยื่นแก้วน้ำให้คนตัวบางตรงหน้า ก่อนจะสำลักลูกชิ้นตายเสียก่อน แก้ไม่เคยหายสักทีกับไอ้อาการเหมือนเด็ก ๆ เคี้ยวข้าวไปคุยไปเล่นไปประมาณนั้น
“แค ก ๆๆ....เฮ่อ ติดคอเกือบตาย พรุ่งนี้อ่อ ? ไม่มีอ่ะ ...มีไร” หลังจากตั้งตัวได้ คนตรงหน้าก็หันมาสนใจเขามากกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามได้เสียที จะได้พูดธุระของวันนี้ให้จบก่อนที่เขาเองจะขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่ชั่วโมง ข้างหน้า แน่นอนว่าต้องมีคนตัวขาวปากแดงคนนี้อยู่ในโปรแกรมด้วยเช่นกัน
..... ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอะนะ
“อยาก ไปเที่ยวค่ะ” เอ่ยแบบไม่มองตากลมคู่สวย เอื้อมไปจับใบผักชีชิ้นเล็กที่ติดอยู่ตรงมุมปากออกให้ ขณะเจ้าตัวพึ่งซดน้ำก๋วยเตี๋ยวเสร็จ
“ที่?”
“ญี่ปุ่น....”
“เดี๋ยว นะ คิดว่านั่งบีทีเอส 25 นาทีแล้วถึงหรือไงคะคุณ? .....นี่กวนใช่มะ” ลุกขึ้นเดินตามคนตัวโตกว่าที่ไปจ่ายเงิน แล้วพากันเดินขึ้นรถคนละฝั่ง ก่อนจะเผชิญหน้ากันแล้วถามด้วยน้ำเสียงสูงย้ำอีกครั้งว่าแค่ล้อเล่นกัน เหมือนทุก ๆ วันใช่ไหม
“เปล่า ชวนจริง ๆ พรุ่งนี้วันเกิดแม่...” คนตัวโตเอื้อมตัวมาคาดเบลท์ให้พร้อมกับสบตากันเบา ๆ แต่หนักแน่น ย้ำชัดให้มั่นใจว่าเขาจริงจัง ไม่ได้พูดเล่น ๆ แหย่คนตัวเล็กกว่าให้หงุดหงิดเหมือนทุกวัน
“อ่อ ง่า...แต่มะรืนนี้มีงานนะ”
“งานมี 2 ทุ่มนิ่ ขึ้นเครื่องเที่ยงก็ทันนะคะ”
“แหม่ เช็คแล้วนิ่คะ จะถามเพื่อ ?”
“ก็ อยากให้เต็มใจ เผื่ออยากพัก .....จะได้ชวนคนอื่นไปงี้ โอ๊ย! เจ็บนะคะคุณ ฮะ ๆๆ” หยุดรถติดไฟแดงก่อนจะพูดขึ้นมาโดยไม่มองหน้าคู่กรณี แต่แอบเหลือบหันมามองหน้านวลที่บัดนี้แก้มป่องเริ่มยกขึ้นด้วยความโกรธนิด ๆ ก่อนจะพูดประโยดสุดท้าย
“กำปั้นมะ?...แค่แก้วใจ ท่องไว้สิคะ หนูฮันนี่” ชูกำปั้นใส่คนข้าง ๆ พร้อมกับชกลงใบที่กล้ามต้นแขนแน่น ๆ นั่นไปสักที 2 ที เพื่อคลายความโมโห ไหนจะปากหยักที่ยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ เหมือนไม่รู้ตัวว่าผิดนั่นอีก อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วเรียวหยิกไปตรงข้างแก้มอีกสักที หมั่นไส้...
“เดินทางตี 3 นะคะ เที่ยงคืนครึ่ง โอป้าจะมารับค่ะ”
“เบิ๊ดคำสิเว่า!!!!!”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“แก้วทำหน้าบูดทำไมนิ่ อ่าว เดินไม่ฟังกันเลย.... โทโมะ ทะเลาะอะไรกันลูก”
“แม่สวัสดีครับ”
“จ้ะ ว่าไงมีอะไรกันเรา”
“เปล่าครับ คงหงุดหงิดที่ถูกมัดมือชกเรื่องจะบินน่ะครับ”
ลงจากรถมาได้ คนตัวบางก็เดินตัวปลิวเข้าบ้านโดยไม่รอดูคนที่ตามมาทางด้านหลังว่าจะฮัมเพลง แสนมีความสุขขนาดไหน ขัดกับอารมณ์อีกคนอย่างรุนแรง ปล่อยให้เค้าทักทายคุณแม่(ยาย) อยู่ตามลำพัง ตัวดื้อก็แบบนี้ ถึงแม้จะยอมรับอยู่เต็มอกแล้วก็เถอะ ว่าอย่างไรก็ต้องไป เพราะอยากไปและไม่ต้องการให้คนอื่นมาไปแทนตน แต่ขอให้ได้งอแงไว้ก่อน เดี๋ยวจะเสียเชิงเค้าว่าอย่างนั้น
“อ้อ ก็เราขอแม่แล้วนิ่ ว่าจะไปคืนนี้ กลับมะรืนใช่ไหม”
“ครับ ผมขอพ่อกับแม่แล้ว แต่พึ่งบอกเจ้าตัวเมื่อกี๊เองครับ”
“ถึงว่า วัยรุ่นก็แบบนี้แหล่ะ .... วัยรุ่นระยะสุดท้าย อิ ๆๆ”
“แล้ว เราจะกลับคอนโดก่อนไหมล่ะ หรือรอ...” คุณพ่อฝ่ายเจ้าสาว (ทด ๆๆ #มือมันลั่น) เอ่ยออกมาเมื่อนั่งลงข้างคุณแม่คนสวยที่ดูเหมือนตอนนี้จะเข้าข้างเขาแบบไม่ ต้องเดาทางกันเลยทีเดียว ทั้งหล่อ ทั้งดี ทั้งมีมารยาทก็แบบนี้แหล่ะครับ ไม่อยากจะโม้ ...
“เดี๋ยวผมกลับมารับก็ได้ครับ ปล่อยให้เค้าเก็บของไปก่อน”
“โอ๊ย เดี๋ยวแม่ไปเก็บช่วย ครึ่งชั่วโมงเสร็จลูก รอเลย ๆ จะได้ไม่ต้องขับรถวนไปมาหลายรอบ ....นี่เด็ก ๆ ใครอยู่หลังบ้าน ขอน้ำกับผลไม้ให้คุณโทโมะหน่อยจ้า”
ถูกคุณแม่ของอีกคนเชิญให้มานั่งรอที่ห้องโถงใหญ่ ก่อนคุณพ่อจะตามเข้ามาสมทบเพื่อสอบถามกำหนดการในคืนนี้ จากนั้นคุณแม่ก็ขอปลีกตัวไปช่วยตัวดื้อข้างบนแล้วปล่อยหนุ่ม ๆ เค้าได้คุยกัน
เขาเริ่มเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเป็นนักร้องใหม่ ๆ จากที่ไม่กล้าก็กลายเป็นความคุ้นชิน ทั้งแม่ และพี่สาวของแก้วใจเป็นประเภทมนุษย์สัมพันธ์ดี เขาจึงไม่รู้สึกว่าตกเป็นเบี้ยล่างเท่าไหร่นัก ผิดกับหัวหน้าครอบครัวที่ดูจะหวงลูกสาวคนเล็กอยู่ไม่น้อยเลย กว่าเขาจะยอมพูดดีด้วยก็ผ่านมาเป็นปี ๆ ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวจริงจังกับทางบ้านตัวเองและบ้านแก้วว่าต้องการจะรุด หน้าด้านความสัมพันธ์ ไม่อยากจะเป็นแค่เพื่อนแล้ว จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด
....นี่ก็ปาไปปีที่ 3
.
.
.
“จะ เอาไรไปบ้างคะ คุณนาย” จากที่กำลังรื้อตู้สีครีมหลังใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่าง เพื่อหาเสื้อกับกางเกงขาสั้นตัวเก่งกลับต้องหยุดชะงักชั่วคราว เพราะคำเรียกที่แสนจะยียวนนั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณแม่ก็ถือหางไอ้เจ้าลูกครึ่งบ้านั่นแบบไบแอสมาก ๆ ด้วย คุณพ่อก็อีกคนเก๊กขรึมใส่เขามาได้ตั้งนานเกือบปี ดันมาตกม้าตาย เพราะคุณพ่อของอีกคนลงทุนบินลัดฟ้ามาพาไปทัวร์โตเกียวแค่ 2 สัปดาห์ (เอง) !
“แม่คะ....ทำไมต้องทำเหมือนรู้กันอยู่เรื่อย!”
“ดุแม่ทำไมเนี่ย ก็ตาโมะเข้ามาขอหนู....อ้อ ขอพาหนูไปเที่ยวกับพ่อกับแม่ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว”
“ฮึ่ย!! แล้วทำไมไม่บอกลูกอ่ะ นี่ลูกนะ เข้าข้างแต่คนอื่น...” เมื่อหยิบชุดตัวโปรดที่จะใส่ขึ้นเครื่องได้ ก็เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำทันทีเพราะทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เดี๋ยวค่อยมาเก็บของใช้ที่จำเป็นอีกสักสองสามอย่างก็พอ ของ ๆ เธออยู่ที่นู่นพอมีบ้าง ทิ้งไว้เมื่อคราวไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์ปีสุดท้ายของการเรียนเมื่อต้นปี .... คงเพราะตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว มีหน้าที่การงานกันแล้วทั้งคู่ แถมยังคุยกันแบบที่ผู้ใหญ่รับรู้มาก็เกือบ ๆ 3 ปี คุณแม่ถึงได้เห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้เข้าจนได้ ชิ!
“คนอื่นที่ไหน นั่นก็ลูกเขย... โอ๊ะ!!! ว่าที่ ๆ ยังไม่ได้เป็นลูกเขย .... อย่างเป็นทางการนิ่ เนาะ” คำพูดของผู้เป็นแม่ที่ดู ๆ ก็ไม่เหมือนเรื่องสลักสำคัญ คล้ายกับการพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปนั้น ทำให้ใบหน้าสวยจากที่ขุ่นข้องเพราะความโกรธในคราแรกถูกแทนที่ด้วยริ้วแดง ๆ พาดผ่านทับกันไปมาไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นแม่ของเธอจริงใช่ไหม หรือเธอเป็นแค่ลูกของคนข้างบ้านกัน ??
“แม่คะ!!! หนูจะไปอาบน้ำแล้ว จะเข้ามาเก็บกระเป๋าให้ใช่ไหม เชิญเก็บเลย หนูร้อน หนูเหนียวตัว งึ่ย!!!”
“แหม่....เขินก็ไม่บวก~~”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“สั้นไปไหมวะคุณ ได้ยินว่าโตเกียวค่อนข้างหนาวนะคะช่วงนี้”
ท้วงขึ้นแทบจะทันทีที่คนตัวเล็กลากกระเป๋าลงมาจากชั้นสอง หนังตากระตุกถี่ ๆ อย่างมีสาเหตุ คงไม่พ้นคนตรงหน้าที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ได้ในเวลาแค่ไม่ถึง 3 วินาที เสื้อยืดสีขาวตัวเก่ง กางเกงยีนส์ขาสั้นตัวโปรด ที่ขาดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ถ้าหากลองเอากรรไกรมาตัดช่วงที่เว้าแหว่งออกไปให้หมดคงเหลือสภาพแค่อันเด อแวร์สียีนส์เท่านั้นเอง ไม่ได้เวอร์ครับพูดจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะประหยัดผ้า หรือช่วยงดการซักเพื่อลดโลกร้อน หรือมันก็เป็นแค่แฟชั่นที่เขามักจะไม่ค่อยทันหรืออย่างไร แต่ถ้ามีลูกสาวเมื่อไหร่ รับรองว่าเขาจะเลี้ยงแบบหัวโบราณสุดโต่งเลยจริง ๆ
หากจะให้พูดถึงเรื่องการแต่งตัวของคนตรงหน้า แก้วไม่ใช่คนเซ็กซี่ ไม่ได้มีรูปร่างสำหรับการแต่งตัวยั่วยวน เชิญชวนอะไรทำนองนั้น แค่กางเกงยีนส์เสื้อยืดก็ทำให้คนตัวบางมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก มันเป็นสเน่ห์แบบเท่ห์ ๆ ผสมกับน่ารัก ๆ พักหลังมานี้ที่แก้วเริ่มเป็นนักแสดงเต็มตัว มีโอกาสได้เห็นว่าใส่ชุดออกงานบ้าง ยอมรับครับเธอสวยจริง ๆ ให้อารมณ์ของผู้หญิงมากกว่าเด็กหญิง สง่างาม ยิ่งยืนยิ้มให้นักข่าวรุมถ่ายรูปด้วยแล้ว ณ จุดนั้น เธอดูดีจนเป็นเขาเองที่ละสายตาไม่ได้เลย
ถึงเขาจะไม่ยอมรับในความเซ็กซี่ของแก้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ชอบใจให้แต่งตัววับ ๆ แวม ๆ ต้นขานั่นของเขา เรียวขายาว ๆ นั่นก็ใช่ ข้อเท้านั่นก็ด้วย ของ ๆ เขา ก็ควรมีแค่เขาที่ได้เห็นใช่ไหม?
ชัดเจนกันแล้วนะครับ....
“แต่ตอนนี้เมืองไทยร้อนค่ะ จะไปไหมคะ ถ้าไม่อิฉันจะนอนนะ เหนื่อย เมื่อยมากค่ะวันนี้!”
“.....”
“แก้วไปนะคะ พ่อขาแม่ขา เดี๋ยวซื้อหนมมาฝาก~~~~”
เมื่อพูดกับคนร่างหมี ที่ทำหน้าบูด ๆ เหมือนหมี ที่ดูท่ายังไงวันนี้ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แยกเขี้ยวใส่สักทีเมื่อแอบเห็นอาการที่เหลือบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนเดินลงมาจากบนบ้าน รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ อยากจะดุ อยากจะบ่นเธอจะแย่สินะ แต่มันร้อนจะให้ทำอย่างไร แล้วนี่ก็ชุดเก่งด้วย นาน ๆ ถึงจะมีโอกาสได้ใส่ พักนี้งานเยอะมาก ไม่ได้ปลีกตัวไปถ่ายรูปเล่น ๆ ลงไอจีเลย ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องจับมาใส่
ไม่ได้ตั้งใจให้ถูกดุเลยนะเนี่ย~~~~
รีบเดินตัวปลิวปล่อยให้คนข้างหลังถือกระเป๋ามาให้ ชอบดุ ชอบบ่นดีนัก ส่วนตัวเธอเองเข้าไปรอในรถ คิดหาคำพูดดี ๆ มาง้อนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คงหาย โทโมะน่ะแพ้ลูกอ้อนจะตาย ยิ่งห่างกันจะครบอาทิตย์ด้วยแล้ว ทำตาปริบ ๆ บีบน้ำตาให้ซึมออกมาดูสมจริง คร้านจะรีบเข้ามาโอ๋
หุหุหุ
“ผมลาล่ะครับ ผมจะดูแลแก้วเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงนะครับคุณพ่อ คุณแม่”
“จ้ะ ลูกไปเถอะ เดี๋ยวแมวป่าจะน้ำลายฟูมปากไปก่อน //ไปเถอะ ขี้เกียจพาคนบ้าไปหาหมอ”
.
.
.
แม้จะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยกับคนตัวบางที่นั่งข้าง ๆ กัน แต่แก้วเลือกใส่มันเฉพาะตอนที่มีเขาอยู่ด้วย อารมณ์จะโกรธก็แบบไม่สุด จะงอนให้นานก็ได้ไม่ถึงนาที พอเธอคุยด้วยก็ต้องรีบตอบกลับไป ให้มันได้อย่างนี้สิ(วะ) อนาคตเกลียมัวรำไรเลยไอโมะเอ้ย..
“โมะ แก้วอยากกินบิงซูอ่ะ”
“ที่เกาหลี?”
“ร้านเกาหลีที่ยุ่นก็ได้ค่ะ แหม่.... กวนตีน”
เมื่อออกรถได้สักพัก เป็นคนตัวเล็กกว่าที่ชวนคนนั่งข้าง ๆ เข้าสู่โหมดของการพูดคุย ดูเชิงก่อนว่าโกรธหรืองอนในระดับไหน จะได้ง้อให้ถูกเลเวล พูดลอย ๆ เกี่ยวกับของกินที่เธอโปรดปราน อีกคนก็ตอบมาแทบจะทันที ไม่รู้หายนอยด์ไปแล้ว หรือจริง ๆ ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ หากต้องไปต่างบ้านต่างเมือง ผู้ชายคนนี้จะดูแลเธออย่างดี คอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ให้เกิดความรู้สึกเคว้งคว้างเลยสักครั้ง เธอจึงมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน โทโมะจะไม่ปล่อยมือ จะดูแล จะปกป้องแม้ตัวเธอเองไม่ได้ร้องขอก็ตาม
ดูเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่มีนายทหารสุดหล่อตามจงรักภักดีเลยไหมคะ
#ร้องไห้แพรบ
“เอา กางเกงยีนส์ขายาวมาหรือเปล่า” ออกตัวหลังจากสัญญาณไฟเขียนปรากฏ ก็ถามในสิ่งที่ค้างคาใจตั้งแต่ออกจากบ้านอีกคน ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเคลียร์ และมันจะไม่มีอะไรมาทำให้เขาหายโกรธได้นอกจากการเปลี่ยนกางเกงก่อนขึ้น เครื่องในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่จะมาถึง กดเสียงให้ต่ำพร้อม ๆ กับที่ไม่ยอมมองหน้าอ้อน ๆ ของลูกแมวที่พร้อมจะหลอกล่อให้เขาตายใจ จนเธอเองสมความปรารถนา ความหวงนั่นเป็นเหตุผลอันดับหนึ่งแต่อากาศในช่วงนี้ของที่นู่นไม่ค่อยจะสู้ ดี ทั้งฝนทั้งพายุ คุณนายป่วยง่ายยังกับอะไร แบบนั้นเขาจึงต้องกันไว้ก่อน
“ทำไมต้องทำเสียงดุเนี่ย....คะ”
“......”
“ง่า โมะ~~~~~ เอามาค่ะ หนูฮันนี่ ยิ้มหน่อยยยยย เดี๋ยวถึงยุ่นจะรีบเปลี่ยนเลยน้า” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมเล่นด้วยเหมือนในตอนแรก ก็ต้องปรับตัวเองให้เข้าสู่โหมดอ้อนเลเวลหนึ่งทันที เธอไม่ชอบให้เราสองคนมีบรรยากาศมาคุใส่กัน ยิ่งเป็นเพราะเธอเองที่เป็นสาเหตุด้วยแล้ว ปกติมักจะเป็นอีกคนเสมอที่พยายามผ่อนคลายบรรยากาศ แต่คราวนี้เธอผิด ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้แป๊บนึงล่ะนะ ยังไม่อยากอึมครึมใส่กันจนไปถึงญี่ปุ่นนะ ไม่อย่างนั้นจะเที่ยวสนุกได้ไง มีโอกาสทั้งที....
“.......”
“ง่ะ โมะ~~~~~ อ๊ะ ฮัลโหลแก้วค่ะ ...... อ้อ อืมมค่ะ” ตัดสินใจยื่นมือเรียวเข้าไปแตะเบา ๆ ที่ข้อศอกของคนตัวสูง เลเวล 2 ต้องมา เมื่ออีกคนเอาแต่เงียบ ก่อนจะได้พูดอะไรออกไป สัญญาณเตือนว่ามีสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน จำยอมต้องล่าถอยค่อยอ้อนต่อในภายหลังก็คงทัน
....มั้ง
“แก้ว ไม่ว่างทั้งอาทิตย์เลยค่ะ อ่อ พรุ่งนี้เหรอคะ แก้วมีธุระค่ะพี่วิน อืม... ฮ่า ๆๆ ธุระสำคัญสิครับ... แค่นี้นะพี่ สวัสดีคร้าบบบ”
“.........”
หลังจากวางสายพี่ชาย (ที่นักข่าวสำนักต่าง ๆ และบรรดาเพื่อนนักแสดงก็ลงความเห็นว่าเป็นคนสนิท) ของเธอ เธอก็ไม่สามารถงัดลูกอ้อนมาใช้ต่อได้ เหลือบไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ตอนนี้นิ่งยิ่งกว่าหินจากเทือกเขาหิมาลัยเสียอีก
... ต้องยอมรับแล้วว่างานนี้นอกจากเรื่องกางเกง เธอได้ถูกโกรธเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะมีผู้ชายที่คนข้างกายไม่สนิท (เรียกว่าไม่อยากสนิทจะใช่กว่า) โทรเข้ามาหาในเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ มันใช่เรื่องไหมเนี่ย ที่ต้องโทรคุยกะ (แฟน) ชาวบ้านในยามวิกาลขนาดนี้.... นี่เธอคิดภาพออกเลยว่าในสมองของโทโมะมีอะไรบ้างตอนนี้
ต้องง้อกันถึงเช้า (ที่ญี่ปุ่น) เลยไหม ถามใจตัวเองดู
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ฮันนี่ โอ๊ะ ๆๆ อย่าเลียหม่ามี้ งื้ออออออออออออ โมะอ่า ช่วยแก้วก่อน ฮันนี่หนักง่า แก้วขยับขาไม่ได้เบยยยย”
หลังจากบรรยากาศมาคุบนรถ เธอก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยอะไรอีก นอกจากรีบเดินตามอีกคนเข้าคอนโดไป ตอนนี้ในหัวมีแค่เรื่องของคนตัวโตที่แตะคีย์การ์ดอยู่หน้าประตู โกรธเรื่องไหนมากกว่ากันอันนั้นคงไม่จำเป็นต้องรู้ ใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดก่อนจะเครื่องขึ้นรีบง้อให้ได้ก่อนจะดีกว่า รอบนี้ 2 กระทงถ้วน แถมเป็นเรื่องที่อีกคนไม่ค่อยปลื้มเอามาก ๆ เสียด้วย ทั้งเรื่องเสื้อผ้า และเรื่องผู้ ......
ถ้าใครมีแฟนที่ไม่ค่อยอะไร ง่าย ๆ ไม่มีปากเสียง ไม่ชอบเถียงกันเรื่องไร้สาระ คงเข้าใจดีว่า 2 ข้อนี้เป็นข้อยกเว้นด้วยประการทั้งปวง อาเมน...
เข้าห้องมาได้ ก็รีบไปทักทายลูกสาว ที่เลือกด้วยกันตอนที่เจ้าตัวยังเล็ก ๆ ตอนนี้เธอคงต้องหาพวกก่อน ฮันนี่รักเธอมาก (หือ??) ลูกสาวต้องเข้าข้างขุ่นแม่แน่นอน อุ้มเจ้าตัวโตที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลอยู่รอบหัวมากอดไว้แนบอก แกล้งทำเสียงคุยงุ้งงิ้งเดาสถานการณ์แบบนาทีต่อนาที
“......... ฮัลโหล ครับแม่ อีกชั่วโมงนึงเช็คอินครับ”
เปิดประตูเข้ามาระบบอัตโนมัติในห้องก็ทำงาน เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาตบทางหาไฟในช่วงที่เหนื่อยล้าเช่นนี้ ว่าจะเข้าไปเล่นกับลูกสาวที่นอนป่วยอยู่ก็คงจะยังไม่ถึงเวลา เพราะคนตัวบางที่คงรู้ตัวแล้วว่าถูกงอนชิงตัดหน้าเข้าชาร์จเสียก่อน ถ้าไม่คิดถึงกันจริง ๆ ก็คงจะหาพวกนั่นแหล่ะ เอาเหอะ ถ้าเป็นแก้วใจ ทำอะไรก็น่ามองไปทุกอย่างอยู่แล้วนี่ ยังคิดอยู่เลยว่าเขาจะทนไม่แคร์ ไม่สนใจแก้วได้อีกกี่นาที ตั้งแต่ทำเสียงออดอ้อนบนรถนั่นละ ก็เกือบจะยอมอยู่แล้วเหมือนกันถ้าไม่มีอิพี่บ้าที่ไหนโทรฯ หาคนของเขาในยามวิกาลขนาดนี้....แม่ง อารมณ์เสีย
ปลีกตัวออกมารับโทรศัพท์จากมารดาอันเป็นที่รักที่โทรฯ ทางไกลเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปของเขาและแก้วก่อนจะเจอกันในวันพรุ่งนี้เช้า คงไม่ได้ห่วงเกี่ยวกับตัวเขาเสียเท่าไหร่ น่าจะเป็นเรื่องของคนตัวบางที่อยู่ด้วยกันในห้องตอนนี้น่าจะถูกกว่า คงกลัวว่าเขาจะหนีบแก้วใจไปได้ไหม เพราะตอนนี้อีกคนมีงานเยอะมาก คนคุณแม่คิดว่าเธออาจจะไม่มีเวลาได้พักหายใจเลยก็เป็นได้
(รับหนูแก้วมาหรือยังจ๊ะ) นั่นไงผิดคำเสียที่ไหน
“ครับ”
(ดูแล หนูแก้วดี ๆ ด้วยล่ะ อย่าแกล้งลูกสาวแม่เข้าใจไหม) เรื่องนี้ถึงคุณแม่ไม่ย้ำ เขาก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีอยู่แล้ว ผิดแค่ตอนนี้ที่อีกฝ่ายต้องดูแลหัวใจเขาก่อน เพราะมันต๊อแต๊แล้วครัช...
//
“ปะ ป๊า ช่วยหม่ามี้ด้วย งื้ออออออออออออออออออ ฮันนี่~~~~~~” แอบหันไปมองคนตัวโตที่ตอนนี้กำลังปลดอุปกรณ์ภายนอกบนร่างกายออกทีละชิ้น พร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย แนบฮันนี่ที่รักไว้บนอก พร้อมกับคุยด้วยภาษาต่างดาว จนหมาตัวไม่น้อยเข้าใจ (?) จึงช่วยเธอปฏิบัติภารกิจพิชิตความเย็นชาของแฟนหนุ่มด้วยการละเลงใบหน้าหวาน ด้วยลิ้นยาว ๆ และขยับแข้งขยับขาไปมาที่บริเวณช่วงอกและช่องท้องจนเธอทั้งจั๊กจี๋และรู้สึก หนักมากไปพร้อม ๆ กัน
“....ผม ดูแลอยู่แล้วครับ แม่มีอะไรไหมผมว่าจะอาบน้ำสักหน่อย” ชะงักไปเล็กน้อยกับคำเรียกที่น้อยครั้งแก้วใจจะใช้กับเขา ก็มันคงน่าเขินอยู่ไม่น้อยที่จะใช้คำนั้น นาน ๆ ที ตอนจะอ้อนกันจริง ๆ อีกคนถึงจะใช้มัน แสดงว่าต้องการง้อกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วสินะคุณหม่ามี้
ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน
(แม่ได้ยินเสียงหนูแก้ว ขอแม่คุยด้วยหน่อยสิคะ)
“...หม่า ม้าจะคุยด้วย ” ยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้คนที่นอนหอบน้อย ๆ พร้อมกับใบหน้าขึ้นสีเพราะหายใจไม่ทัน บวกกับริมฝีปากเจ่อที่เผยอเพื่อกอบเอาอากาศเข้าปอดนั่นอีก ..... ถ้ายังไม่ติดว่าเคืองกันอยู่คงเป็นเขาเองที่อดไม่ได้ จะบดเบียดริมฝีปากร้อนลงไปทาบทับ ใช้เกลียวลิ้นรุกรานให้อีกคนร่นถอย ไม่กล้าที่จะยั่วยวนเขาด้วยใบหน้าแบบนี้อีก....
....นี่คิดมาไกลถึงขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย ไอโมะ! อดทนไว้สิครับมึง อดทนไว้
“หม่า ม้า สวัสดีค่ะ แก้วใจครับผม” หลุดออกจากฮันนี่มาได้ก็รีบกรอกเสียงใสลงไปทักทายคุณแม่อีกคนที่อยู่ไกลถึง แดนปลาดิบ ก่อนจะทั้งคุยทั้งฟ้องและทั้งอ้อน จนตัวเองสบายใจ...มีแรงที่จะลุกขึ้นมาง้อต่อ!!!
(ไงลูก ทำงานเหนื่อยแน่ ๆ ขึ้นเครื่องมาก็พักผ่อนนะจ๊ะ ห้ามให้ตาโมะชวนคุยล่ะ)
“โมะเค้าไม่ชวนแก้วคุยหรอกค่ะ รายนั้นโกรธหนูอยู่อ่ะค่ะหม่าม้า”
(มีสิทธิ์อะไรมางอนหม่ามี้ของฮันนี่นิ่ คราวนี้เรื่องอะไรคะ)
“หนูจะใส่กางเกงขาสั้นขึ้นเครื่อง....”
(เออ ช่างสิ ที่ไทยร้อนจะตาย อย่าไปสนใจ พวกขี้งอน งอนเองเดี๋ยวก็หายเองอ่ะ แค่นี้แหล่ะลูก เจอกันพรุ่งนี้นะคะ)
“ค่ะ สวัสดีค่ะ คิดถึงนะคะหม่าม้า” หลังจากวางสายก็เห็นอีกคนลับตาเข้าไปในห้องนอนห้องใหญ่ เดาว่าคงจะไปอาบน้ำอาบท่าเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ไหนจะเหนื่อยปากและหน้าเก๊ก ๆ นั่นอีก คงทรมานน่าดูเลย เจอลูกอ้อนชุดใหญ่ขนาดนี้เข้าไป
.... เอาล่ะวันนี้จะยอมให้วันนึงนะ จะตามใจให้ทุกอย่างวันนึงเอ้า!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ปะ ป๊า จะพาฮันนี่ไปด้วยไหมคะ?” ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินออกมาจากห้องนอนด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ และมีผ้าผืนเล็ก ๆ เดินซับผมออกมา เดินมาหยิบโทรศัพท์ที่เธอวางไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวีจอยักษ์ นี่ไม่คิดจะมองกันเลยใช่ไหม.... เรียกก็แล้ว อ้อนก็แล้วนะ
“.......”
“ป่ะป๊า..... งื้อออ ฮันนี่หิวววววววว เนาะ !”
“ฮัล โหลครับมึง กูจะฝากฮันนี่สัก 3 วัน ถ้ามึงจะไปธุระไหนก็พาเค้าไปฝากที่เนิซได้ เออ ที่เดิม เค้าสนิทกับเจ้าของร้านอยู่ อืมครับ แต๊งกิ้วครับคุณมึง” พยายามหลบสายตาของลูกแมวอ้อน และปิดหูไม่ยอมฟังสรพนามเรียกน่ารัก ๆ จากคนตัวบาง ละออกมาโทรฯ หาเพื่อนสนิทอีกคนก่อนจะฝากฝังลูกรักไว้สักวันสองวัน พยายามไม่มองไม่สนใจอีกคนแล้วอ้าแขนให้ลูกสาวตัวโตวิ่งเข้าหาเพื่อพาไป จัดการก่อนพาไปฝากกับพี่เลี้ยงจำเป็น
ด้วยความสัตย์จริง เสื้อยืดขาวคอย้วยที่ไหล่ตกไปข้างเพราะฟัดเล่นกะเด็กป่วยแต่มีพลัง ต้นขาขาวจัดขึ้นรอยแดงเพราะเล็บยาวของฮันนี่ ริมฝีปากสีพีชบวมเจ่อ สายตาอ้อน ๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่ดูจะเอาอกเอาใจเขาเหลือล้นขนาดนั้น .... อยากจับฟัดแม่งทั้งวันทั้งคืน พูดตรง ๆ
“โทรฯ หาเพื่อนเขื่อนเหรอโมะ เอ้อ พอดีเลย เมื่อวานไปถ่ายที่ปราจีน ได้ขนมมาฝากมันด้วย! ว้า แต่แก้วเก็บไว้ที่บ้านนี่นา....”
“ฮันนี่มาแปรงฟันมา เดี๋ยวต้องไปอยู่กับลุงเขื่อน 2-3 วันนะครับ”
“โฮ่ง ๆ ”
“..........”
จัดการธุระส่วนตัวให้ลูกรักเสร็จก็ไล่ออกไปนอกห้องน้ำ เพราะเขาจะจัดการกับตัวเองอีกนิดหน่อย ต้องปรับสีหน้าและอาการประหม่าตอนเจอคนตัวขาวข้างนอก ที่ไม่รู้ตอนนี้จะล้มเลิกความตั้งใจง้อเขา หรือกำลังคิดแผนใหม่อยู่กันแน่ ยังไงซะของ้ออีกสัก 20 นาทีเหอะ อยากเห็นไม้เด็ดของอีกคน ที่ไม่รู้จะมีหรือเปล่า......
เห็นลูกรักเดินออกมานอนรอป๊ะป๋าที่ฟูกนอนของตัวเอง ก็เดาได้ว่าอีกคนคงกำลังอยู่ในห้องน้ำ เพราะเดินเข้ามาในห้องนอนก็ไม่เห็น ตัดสินใจถอนหายใจให้เต็มปอดเป็นครั้งสุดท้าย พลางใช้ความคิดอย่างสับสน วนไปมาในใจจนวุ่นวายไปหมด
‘โอ๊ย ยยยย ถ้าจะงอนแบบแข็งข้อกันขนาดนี้นะ ฮึ่ยยยยย จะง้ออีกแค่ครัง้เดียวนะ ถ้าไม่หายก็ไม่ไปด้วยแล้ว คนบ้า! …….. ลงทุนมากไปป่าววะเนี่ยยายแก้วเอ๊ย! เล่นใหญ่ไปนะ แบบนี้พี่พจน์เห็นยังต้องอยากได้ไปเล่นหอแต๋วแตกแทนอิพี่เขื่อนเลยบ่องตง’
ดันประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มไว้ ก่อนจะเห็นอีกคนก้มหน้าก้มตาในอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่หน้ากระจก ตัดสินใจค่อย ๆ ซบหน้าใสลงบนหลังกว้างเบา ๆ เมื่อคนตัวโตยืดตัวตรงเต็มความสูง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพราะขลาดอายเกินจะทนฟัง หรือทนมองสิ่งที่ตนเองจะทำต่อไปนี้ ‘เอาวะ มาถึงขนาดนี้ ทำก็ทำ!!!’ พูดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงใช้มือเรียวสอดเข้าที่เอวหนาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดน่าอายออกไป
“ปะป๊า .... โกรธนานจัง หม่ามี้ง้อไม่ถูกแล้ว”
“......” ยิ่งเห็นอีกคนยืนนิ่ง ก็ยิ่งใจเสีย แต่มาถึงขนาดนี้ เธอจะไม่ถอยแน่ๆ
“งื้อ อออออ ปะป๊า... ฮึก” ถูศีรษะอ้อนเข้าที่ท้ายทอยแรง ๆ พร้อมกับกระทืบเท้าถี่ ๆ ให้รู้ว่าอีกคนกำลังขัดใจตนเองอย่างแรง อีกจุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อบอกให้รู้ว่าให้รีบหายงอนได้แล้ว ก่อนที่แม่แมวขี้อ้อนจะทนไม่ไหว... จะร้องไห้แล้วนะ (โว้ย)
คนตัวสูงหันขวับอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นจากคนตัวบางทางด้านหลัง ไอ้ที่คิดจะแกล้งงอนให้นานกว่านี้ เพื่อดัดนิสัยคนรักเป็นอันต้องรีบพับเก็บไปก่อนที่ดวงตากลมคู่สวยคุณหม่ามี้ จะบวมช้ำ จนเป็นเขาเองที่นอกจากจะโดนบ่นจนหูชาหลังหายงอน แล้วอาจถูกงดทำการบ้านไปอีกหลายสัปดาห์เนื่องจากทำให้แม่คุณเสียใจ
“ร้องทำไม...”
“.....อึก ... ” *บีบน้ำตาทำหน้าเศร้า
“ร้องทำไม... ร้องทำไมครับหม่ามี้”
“ฮืออออออออออออออออ ปะป๊า~~~~~~~”
“จมูกก็ไม่แดง น้ำตาก็ไม่มี ร้องไห้ยังไงกันนะคะเนี่ย..” บีบจมูกโด่งรั้น ๆ นั่นสักที เสียท่าแม่แมวป่าตลอดเลยให้ตายเหอะ
นอกจากรักแก้วใจแล้ว เขามันก็ไม่เก่งอะไรเลยจริง ๆ
“งื้อ อออ ก็ปะป๊าไม่สนใจหม่ามี้อ่า...... ” เบะปาก พร้อมกับตวัดสายตาให้หนีจากแววตาคู่คมตรงหน้า เธอลืมตัวไปว่าเอวของตนเองถูกโอบเอาไว้หลังจากที่คนตัวโตกว่าหันกลับมา แถมแรงรัดจากทางด้านหลังยังเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าเธอก็แค่แสดงละครสั้น ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น ...
ให้ทาย ..... ‘ตายไหม คืนนี้’
“โอเคค่ะ ปะป๊าสนใจแล้ว .... ไหน ง้อใหม่สิคะ ทำผิดอยู่นิ่”
“ก็อากาศมันร้อน...”
“.....ค่ะ”
“งื้อ แต่ที่ญี่ปุ่นมันหนาว งั้นเดี๋ยวแก้วใจเปลี่ยนกางเกงเนาะ”
“....ค่ะ” พยักหน้าตาม พร้อมกับยิ้มรับน้อย ๆ ให้คนตัวบางในอ้อมกอด ที่ตอนนี้น้ำตาเหือดหายไปเสียเกลี้ยง ใบหน้านวลขึ้นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก ยิ้มกว้างเอาใจเขาแบบสุด ๆ อย่างนี้เขาจะไปหลง ไปรักใครได้อีกล่ะครับ .... ไหนจะช้อนตาคู่กลมขึ้นมองเขาพร้อมกับเสียงออดอ้อนเอาใจเลเวล 10 นั่นอีกล่ะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ปะป๋าช่วยเปลี่ยนหน่อยสิครับ....”
“..... หึ ยั่วกันหรือคะ”
หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ เมื่อเอ่ยคำสุดท้ายออกไป คนตัวโตกว่าที่สอดมือหนาเข้าที่เอวบอบบางในตอนแรก แข็งเกร็งขึ้นเพื่อจะยกตัวเธอให้ลอยเหนือพื้น ก่อนจะเป็นเธอเองที่เกี่ยวเรียวขายาวเข้ากับเอวสอบนั่นอย่างทันท่วงทีเมื่อ กลัวว่าจะตกลงไปที่พื้นแทนที่จะเป็นเตียงนุ่มสีน้ำทะเลขนาดคิงไซส์ในห้อง นอนกว้าง
คนตัวโตกว่าโยนเธอลงบนเตียงนิ่มนั้นเบา ๆ พร้อมกับทาบทับลำตัวลงมาแทบจะทันทีที่แผ่นหลังเล็กแตะบนผืนผ้าห่มสีเดียวกับ ผ้าคลุมเตียง ริมฝีปากหนาบดจูบอย่างรุนแรง เพื่อบอกให้คนตัวเล็กกว่ารู้ว่าไม่ควรยั่วยุเขาในเวลาแบบนี้ ในเวลาที่เขากำลังโกรธหรืองอนระดับสูงสุด มือข้างที่ว่างจากการจับกุมข้อมือเล็ก แทรกเข้าไปที่ท้ายทอยสวยเพื่อปรับองศาจูบร้อนให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ ริมฝีปากอิ่มที่บัดนี้บวมเจ่อขึ้นสีแดงเผยอขึ้นเพื่อกวาดเอาอากาศเข้าปอด ทันทีที่เขาผละจูบออกมา ลากจมูกโด่งของตนเองตั้งแต่หน้าผากเนียน ข้างแก้ม ปลายจมูกรั้น ผ่านเรียวปากอิ่มอีกรอบ จัดการครอบครองมันอีกครั้งพร้อมใช้ลิ้นหนารัดรึงเรียวลิ้นที่เล็กกว่าให้ จำนน
คนตัวเล็กครางอื้ออึงเมื่อขาดอากาศหายใจ ส่วนตัวเขาเองก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง กดจูบแรง ๆ สักทีแล้วละจากริมฝีปากสวยมาที่ลำคอระหงส์แทน จูบย้ำ ๆ ที่ลำคอขาวผ่องให้ขึ้นรอยไปทั่ว ก่อนจะแลบลิ้นร้อนออกมาเลียเบา ๆ ที่จุดสีดำเด่นบนคอสวย กดจูบอีกสองสามครั้ง ก่อนจะสูดหายใจจนเต็มปอดฟอดใหญ่ที่แก้มนวลทั้งสองข้าง ริ้วแดงที่พาดผ่านแก้มกลมแสนนุ่มนิ่มที่มีในคราแรกนั้น บัดนี้ได้ลามไปทุกพื้นที่บนใบหน้าสวย และอาจไปถึงใบหูเล็กด้วยเช่นกัน จ้องมองนัยน์ตากลมสวยอีกครั้งเพื่อตรึงคนตัวเล็กไม่ให้หลีกหนีสายตาของเขา อีกเป็นครั้งที่สอง สัมผัสได้ถึงความโอนอ่อนผ่านดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้า ร่างทั้งร่างที่แนบชิดกันไปแทบจะทุกสัดส่วนกำลังร้อน ใช่ มันร้อน และเป็นเขาเองที่ต้องการจะปลดปล่อยความร้อนนี้
แนบริมฝีปากร้อนลงไปประกบริมฝีปากอิ่มที่ยังบวมนิด ๆ อีกครั้งเพราะในหัวไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า เขาต้องรีบจัดการแม่แมวขี้อ้อนตรงหน้านี้ให้มาอ้อนยั่วเขาได้อีกเป็นครั้ง ที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ปรับองศาการจูบให้เป็นไปตามที่กลไกของร่างกายจะจัดการ ผละออกเป็นระยะให้คนตัวเล็กกว่าได้พักหายใจ แล้วกลับก้มลงไปเพื่อชิมหาน้ำหวานอย่างกับแมลงที่ตะกละตะกราม เรียวแขนเล็กยกขึ้นมาคล้องที่ลำคอคนด้านบนด้วยความเคยชิน ทั้งจิกทั้งทึ้ง ทั้งนวดคลึงกลุ่มผมสีดำสนิทเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ จบ
“อื้อ ... อ่ะ”
“อืม ... ”
“ม .. โมะ เดี๋ยวตกเครื่อง ... งื้อ”
“.....ไม่ถอดเสื้อก็ได้ครับ”
หลังจากที่รู้ตัวเองแล้วว่าไม่สามารถดับอารมณ์สวาทของตนเองได้ แถมคนตัวเล็กกว่ายังเรียกสติด้วยการพูดถึงไฟลท์บินที่จะต้องรีบไปเช็คอิน ก่อนเวลานั่นอีก ก็ไม่อยากให้เสียเวลาไปกับการจัดการเสื้อผ้าทั้งบนตัวเขาและคนใต้ร่าง ในเมื่อแก้วใจต้องการให้เขาช่วยเปลี่ยนแค่กางเกง ก็ต้องถอดแค่กางเกงที่เขาแสนเกลียดนั่นออกไปจากเรียวขาสวยก็เพียงพอ เขาก็ไม่ควรยุ่งกับชิ้นอื่น ๆ ถูกไหม ....
ทำไมถึงได้เป็นคนดีขนาดนี้ก็ไม่รู้สินะ....
.
.
.
.
.
“เพื่อนเขื่อนลงมารับฮันนี่หน่อย เดี๋ยวกูตกเครื่องครับ”
(ไอห่า มึงโทรหากูตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ทำไมเพิ่งถึง?)
“เออ กูติดธุระ นี่กูก็รีบสุดแล้วเนี่ยครับเพื่อน กูฝากไว้ที่ล้อบบี้นะ ใจมากเพื่อนรัก”
(เออ กำลังลงไปปปปป)
หลังจากพายุแห่งห้วงอารมณ์พัดผ่านไป คนตัวเล็กที่ขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนกางเกง ก็สวมยีนส์สีสว่างขายาวจนถึงตาตุ่ม ไร้รอยแหวกใด ๆ ให้ขัดใจเขาอีกต่อไป อุ้มคนรักที่แทบจะหลับไปในทันทีเมื่อการปลดปล่อยครั้งสุดท้ายมาถึง ต้องขอบคุณคอนด้อมบนหัวเตียงที่เหลืออยู่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้เขาและคนดีต้องตกเครื่อง แถมถ้าแม่แมวขี้อ้อนรู้สึกตัวขึ้นมาในตอนเช้าอาจจะนับเป็นคดีกระทำอนาจารที่ รุนแรงเกินสมควรก็เป็นได้ การลงโทษที่ออกจะไม่สมเหตุสมผลกับความผิดเสียเท่าไหร่
“แก้ว ครับ ถึงสนามบินแล้วคนดี แก้ว...แก้วใจ *จุ๊บ” กดจูบที่เรียวปากอิ่มสีพีชนั่นแรง ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว จนเกิดเสียงดังไปทั่วรถ คนตัวบางปรือตาขึ้นมาเพราะถูกขัดใจ มือเล็กขยี้ตาน้อย ๆ ก่อนจะหาวออกมาเบา ๆ ดูท่าคงจะเพลียจริง ๆ ทั้งจากงานที่ทำ ไหนจะต้องคิดแผนง้อเขา และที่เตียงนั่นอีก แต่จะให้อุ้มขึ้นเครื่องก็ดูจะเกินไปอยู่สักหน่อย จึงยอมปลุกให้ด่าตอนนี้แล้วค่อยไปหลับยาว ๆ บนเครื่องจะดีกว่า
“งือ ... แก้วปวดตัว”
“เดินไหวไหมคะคุณ”
“ไม่ไหว งื้อ โมะแหล่ะ!!! ให้แก้วขี่หลังนะ นะ นะ แก้วปวดตัว แก้วง่วง แก้วเพลียยยยยย”
“โอเคครับ ขี่ก็ขี่ แต่ตอนนี้เราต้องลากกระเป๋าไปด้วย เดินไปหน่อยได้ไหมคะคนดี”
“ก็ได้ แต่โหลดกระเป๋าแล้ว ปะป๊าต้องไม่ให้หม่ามี้เดินเองเลยนะ”
“ค่ะคุณนาย ตามสั่งค่ะ”
พอขึ้นเครื่องมาได้ เขาที่จองวีไอพีคลาสเอาไว้ก็ประคองคนตัวบางที่เข้าสู่ห้วงนิทราตั้งแต่ครึ่ง ชั่วโมงก่อนมานั่งที่เบาะข้างกัน คนตัวเล็กซุกเข้าหาไออุ่นจากแผงอกแกร่งทันทีที่เขาเก็บสัมภาระส่วนตัวเสร็จ และนั่งลง คาดเข็มขัดนิรภัยและใช้ไหล่ของตนหนุนแทนหมอน ขยับปรับศีรษะให้คนรักรู้สึกสบาย และไม่ปวดคอปวดหลังเพิ่มในตอนเช้า จุ๊บเบา ๆ ที่ปากอิ่มอีก 2-3 ครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปเช่นกัน
“ใคร โทรมาเมื่อตอนเที่ยงคืน เรื่องนี้ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะคะ สงสัยพรุ่งนี้ต้องงอนอีกสักรอบ อยากลองคอนด้อมใหม่ที่ญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันค่ะ ฝันดีนะจอมแสบ *จุ๊บ ๆๆ”
คนเราหากเมื่อได้รัก หรือให้หัวใจไปกับใครแล้ว ไม่ว่าจะโกรธหรืองอนอีกฝ่ายแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่า ร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมตามใจ ยอมให้ง้อ ยอมให้อ้อนอยู่ดี ความรักเป็นสิ่งดีและสวยงามเสมอ ....
จอบอ จบ. ห้ะ!
เอาน่าจบเหอะ ^^~~~
ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาเข้ามาอ่านเด้อค่า~~~~
เรื่องสั้น : MY HONEY.
ผู้เขียน : ออมอนี่_cake
Rate : PG -15 [ไม่เน้นคำบรรยาย ขอประทานอภัย]
PS# อย่าได้หาสาระจากเรื่องนี้ เพราะมันไม่มี .... สวัสดีชาวโลก
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
__tomo___ ig update
*รูป
#tb when honey had her ear surgery. #honeysworstday
ออกกำลังกายในฟิสเนตเสร็จ เขาก็รีบบึ่งรถไปรับลูกสาวของตัวเองที่เนิซ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของร้านที่คุ้นเคยว่าฮันนี่พักฟื้นเรียบร้อย หลังการผ่าตัดจากโรงพยาบาลสัตว์ในเครือเดียวกัน ด้วยเพราะเขาไว้ใจและลูกสาวตัวดื้อนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงฆ่าเวลาด้วยการไปออกกำลังเล็ก ๆ น้อย ๆ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงตรงกับบ้านเพื่อเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางในคืนนี้ ก่อนจะทิ้งให้ฮันนี่เฝ้าห้องเพื่อไปจัดการธุระสำคัญต่อ
“....ว่า”นิ้วเรียวสวยสไลด์หน้าจอเพื่อกดรับสายคนที่คุยกันทุกวัน กรอกเสียงใสลงไปเหมือนเช่นปกติ
(คุณ นาย...เสร็จยังคะ) คำเรียกจากปลายสายทำให้คนฟังขมวดคิ้วด้วยความขัดใจเล็กน้อย แน่ล่ะ ใครจะอยากได้ตำแหน่งนั้นทั้งที่ยังมีคำนำหน้าว่านางสาวกัน
“ยัง ค่ะ เหลือเช็คจออีกนิดนึงอ่ะ เซฮุนอปป้า” ด้วยเป็นคนที่ทันกันไปเสียทุกเรื่อง เสียงใสของนางเอกเบอร์ต้น ๆ ของค่าย จึงสวนไปแทบจะทันทีด้วยคำเรียกที่คงทำให้อีกฝ่ายขัดใจไม่น้อยเช่นกัน
(เห งกนิ่ รอที่เดิมค่ะ เร็วๆนะคะคุณ) นั่นปะไร พูดผิดที่ไหนกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้เธอเรียกด้วยชื่อไอดอลหนุ่มแดนกิมจิ ถึงแม้ใบหน้าหล่อจะมีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง แต่ด้วยอายุที่ต่างกันจึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจ คงหนีไม่พ้นอาการหวงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นแหล่ะ แน่ล่ะ การเอาตัวเองลงไปสู้กับเด็กหนุ่ม ๆ มันก็กังวลเรื่องผลลัพธ์เหมือนกันนะ แม้ว่าทั้งที่ก็รู้ว่าตัวเธอไม่ได้คิดจริงจังกับคำเรียกเหล่านั้นเลยก็ตาม
“หิว อ่อ หาไรกินก่อนดิ่คะ” แก้วตากลมหันไปดูพี่ ๆ ทีมงานที่กำลังสั่งการเหล่าสต๊าฟ และผู้จัดการส่วนตัวของบรรดานักแสดง เธอเองก็คิดว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยดี จึงเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเพื่อกลับบ้าน
(หิวคุณอ่ะค่ะ รีบมานะคะอยากกิน~~)
“ฮิ – รา – ซู – กะ!!!” ใบหน้าสวยขึ้นสีเลือดแทบจะทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงติดจะอ้อนจากปลายสาย ไม่ต้องเดาว่านอกจากแก้มแล้วคงลามขึ้นไปถึงใบหูของเธอเป็นแน่ กวนประสาทได้เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
#ความทะลึ่งก็เช่นกัน
(ครับที่รัก~~~~~ ฮ่า ๆๆๆ)
หลักจากแยกย้ายจากทีมงานก็แอบลงจากรถที่นั่งมาตั้งแต่แรกแล้วมาขึ้นรถอีกคัน ที่จอดอยู่ ข้างทาง เป็นแบบนี้บ่อยเสียจนผู้จัดการเคยชิน แต่พี่เขาไม่คิดว่าการเปิดตัวเรื่องความสัมพันธ์จะมีผลดีกับใคร ทั้งต่อหน้าที่การงานและฐานแฟนคลับ แม้ในกลุ่มแฟนคลับเองอาจจะไม่ต่อต้านอะไรมาก แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่ เธอและเขาจึงเลือกให้มันค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จะดีกว่า
“ซีรี่ส์ จะออนแอร์แล้วนิ่ เมื่อไหร่นะคุณ” เอ่ยถามขณะนั่งทานก๋วยเตี๋ยวริมฟุตบาธด้วยกัน ในเวลาเกือบ ๆ 5 ทุ่มแบบนี้ ร้านรวงที่ขายโต้รุ่งก็มีไม่น้อย แต่คนมาทานมีไม่มาก อาจเพราะเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนและในวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันจันทร์ที่หลาย ๆ คนแสนจะเบื่อ เขาและเธอจึงเลือกมานั่งทานได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร หากมีบรรดาแฟนคลับมาเจอเข้าจริง ๆ ก็คงรู้สึกถึงความน่ารักของคู่เพื่อนสนิทมานั่งกินลมชมวิวหลังเลิกงานเท่า นั้นเอง
“สิงหาครับ ...พรุ่งนี้คุณมีงานหรือเปล่า”
“ไอ้ อี อ่ะ”
“กลืน ก่อนไหมคะคุณ มีใครแย่งพูดค่ะ.... อ่ะ น้ำ” พูดพลางยื่นแก้วน้ำให้คนตัวบางตรงหน้า ก่อนจะสำลักลูกชิ้นตายเสียก่อน แก้ไม่เคยหายสักทีกับไอ้อาการเหมือนเด็ก ๆ เคี้ยวข้าวไปคุยไปเล่นไปประมาณนั้น
“แค ก ๆๆ....เฮ่อ ติดคอเกือบตาย พรุ่งนี้อ่อ ? ไม่มีอ่ะ ...มีไร” หลังจากตั้งตัวได้ คนตรงหน้าก็หันมาสนใจเขามากกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามได้เสียที จะได้พูดธุระของวันนี้ให้จบก่อนที่เขาเองจะขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่ชั่วโมง ข้างหน้า แน่นอนว่าต้องมีคนตัวขาวปากแดงคนนี้อยู่ในโปรแกรมด้วยเช่นกัน
..... ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอะนะ
“อยาก ไปเที่ยวค่ะ” เอ่ยแบบไม่มองตากลมคู่สวย เอื้อมไปจับใบผักชีชิ้นเล็กที่ติดอยู่ตรงมุมปากออกให้ ขณะเจ้าตัวพึ่งซดน้ำก๋วยเตี๋ยวเสร็จ
“ที่?”
“ญี่ปุ่น....”
“เดี๋ยว นะ คิดว่านั่งบีทีเอส 25 นาทีแล้วถึงหรือไงคะคุณ? .....นี่กวนใช่มะ” ลุกขึ้นเดินตามคนตัวโตกว่าที่ไปจ่ายเงิน แล้วพากันเดินขึ้นรถคนละฝั่ง ก่อนจะเผชิญหน้ากันแล้วถามด้วยน้ำเสียงสูงย้ำอีกครั้งว่าแค่ล้อเล่นกัน เหมือนทุก ๆ วันใช่ไหม
“เปล่า ชวนจริง ๆ พรุ่งนี้วันเกิดแม่...” คนตัวโตเอื้อมตัวมาคาดเบลท์ให้พร้อมกับสบตากันเบา ๆ แต่หนักแน่น ย้ำชัดให้มั่นใจว่าเขาจริงจัง ไม่ได้พูดเล่น ๆ แหย่คนตัวเล็กกว่าให้หงุดหงิดเหมือนทุกวัน
“อ่อ ง่า...แต่มะรืนนี้มีงานนะ”
“งานมี 2 ทุ่มนิ่ ขึ้นเครื่องเที่ยงก็ทันนะคะ”
“แหม่ เช็คแล้วนิ่คะ จะถามเพื่อ ?”
“ก็ อยากให้เต็มใจ เผื่ออยากพัก .....จะได้ชวนคนอื่นไปงี้ โอ๊ย! เจ็บนะคะคุณ ฮะ ๆๆ” หยุดรถติดไฟแดงก่อนจะพูดขึ้นมาโดยไม่มองหน้าคู่กรณี แต่แอบเหลือบหันมามองหน้านวลที่บัดนี้แก้มป่องเริ่มยกขึ้นด้วยความโกรธนิด ๆ ก่อนจะพูดประโยดสุดท้าย
“กำปั้นมะ?...แค่แก้วใจ ท่องไว้สิคะ หนูฮันนี่” ชูกำปั้นใส่คนข้าง ๆ พร้อมกับชกลงใบที่กล้ามต้นแขนแน่น ๆ นั่นไปสักที 2 ที เพื่อคลายความโมโห ไหนจะปากหยักที่ยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ เหมือนไม่รู้ตัวว่าผิดนั่นอีก อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วเรียวหยิกไปตรงข้างแก้มอีกสักที หมั่นไส้...
“เดินทางตี 3 นะคะ เที่ยงคืนครึ่ง โอป้าจะมารับค่ะ”
“เบิ๊ดคำสิเว่า!!!!!”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“แก้วทำหน้าบูดทำไมนิ่ อ่าว เดินไม่ฟังกันเลย.... โทโมะ ทะเลาะอะไรกันลูก”
“แม่สวัสดีครับ”
“จ้ะ ว่าไงมีอะไรกันเรา”
“เปล่าครับ คงหงุดหงิดที่ถูกมัดมือชกเรื่องจะบินน่ะครับ”
ลงจากรถมาได้ คนตัวบางก็เดินตัวปลิวเข้าบ้านโดยไม่รอดูคนที่ตามมาทางด้านหลังว่าจะฮัมเพลง แสนมีความสุขขนาดไหน ขัดกับอารมณ์อีกคนอย่างรุนแรง ปล่อยให้เค้าทักทายคุณแม่(ยาย) อยู่ตามลำพัง ตัวดื้อก็แบบนี้ ถึงแม้จะยอมรับอยู่เต็มอกแล้วก็เถอะ ว่าอย่างไรก็ต้องไป เพราะอยากไปและไม่ต้องการให้คนอื่นมาไปแทนตน แต่ขอให้ได้งอแงไว้ก่อน เดี๋ยวจะเสียเชิงเค้าว่าอย่างนั้น
“อ้อ ก็เราขอแม่แล้วนิ่ ว่าจะไปคืนนี้ กลับมะรืนใช่ไหม”
“ครับ ผมขอพ่อกับแม่แล้ว แต่พึ่งบอกเจ้าตัวเมื่อกี๊เองครับ”
“ถึงว่า วัยรุ่นก็แบบนี้แหล่ะ .... วัยรุ่นระยะสุดท้าย อิ ๆๆ”
“แล้ว เราจะกลับคอนโดก่อนไหมล่ะ หรือรอ...” คุณพ่อฝ่ายเจ้าสาว (ทด ๆๆ #มือมันลั่น) เอ่ยออกมาเมื่อนั่งลงข้างคุณแม่คนสวยที่ดูเหมือนตอนนี้จะเข้าข้างเขาแบบไม่ ต้องเดาทางกันเลยทีเดียว ทั้งหล่อ ทั้งดี ทั้งมีมารยาทก็แบบนี้แหล่ะครับ ไม่อยากจะโม้ ...
“เดี๋ยวผมกลับมารับก็ได้ครับ ปล่อยให้เค้าเก็บของไปก่อน”
“โอ๊ย เดี๋ยวแม่ไปเก็บช่วย ครึ่งชั่วโมงเสร็จลูก รอเลย ๆ จะได้ไม่ต้องขับรถวนไปมาหลายรอบ ....นี่เด็ก ๆ ใครอยู่หลังบ้าน ขอน้ำกับผลไม้ให้คุณโทโมะหน่อยจ้า”
ถูกคุณแม่ของอีกคนเชิญให้มานั่งรอที่ห้องโถงใหญ่ ก่อนคุณพ่อจะตามเข้ามาสมทบเพื่อสอบถามกำหนดการในคืนนี้ จากนั้นคุณแม่ก็ขอปลีกตัวไปช่วยตัวดื้อข้างบนแล้วปล่อยหนุ่ม ๆ เค้าได้คุยกัน
เขาเริ่มเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเป็นนักร้องใหม่ ๆ จากที่ไม่กล้าก็กลายเป็นความคุ้นชิน ทั้งแม่ และพี่สาวของแก้วใจเป็นประเภทมนุษย์สัมพันธ์ดี เขาจึงไม่รู้สึกว่าตกเป็นเบี้ยล่างเท่าไหร่นัก ผิดกับหัวหน้าครอบครัวที่ดูจะหวงลูกสาวคนเล็กอยู่ไม่น้อยเลย กว่าเขาจะยอมพูดดีด้วยก็ผ่านมาเป็นปี ๆ ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวจริงจังกับทางบ้านตัวเองและบ้านแก้วว่าต้องการจะรุด หน้าด้านความสัมพันธ์ ไม่อยากจะเป็นแค่เพื่อนแล้ว จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด
....นี่ก็ปาไปปีที่ 3
.
.
.
“จะ เอาไรไปบ้างคะ คุณนาย” จากที่กำลังรื้อตู้สีครีมหลังใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่าง เพื่อหาเสื้อกับกางเกงขาสั้นตัวเก่งกลับต้องหยุดชะงักชั่วคราว เพราะคำเรียกที่แสนจะยียวนนั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณแม่ก็ถือหางไอ้เจ้าลูกครึ่งบ้านั่นแบบไบแอสมาก ๆ ด้วย คุณพ่อก็อีกคนเก๊กขรึมใส่เขามาได้ตั้งนานเกือบปี ดันมาตกม้าตาย เพราะคุณพ่อของอีกคนลงทุนบินลัดฟ้ามาพาไปทัวร์โตเกียวแค่ 2 สัปดาห์ (เอง) !
“แม่คะ....ทำไมต้องทำเหมือนรู้กันอยู่เรื่อย!”
“ดุแม่ทำไมเนี่ย ก็ตาโมะเข้ามาขอหนู....อ้อ ขอพาหนูไปเที่ยวกับพ่อกับแม่ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว”
“ฮึ่ย!! แล้วทำไมไม่บอกลูกอ่ะ นี่ลูกนะ เข้าข้างแต่คนอื่น...” เมื่อหยิบชุดตัวโปรดที่จะใส่ขึ้นเครื่องได้ ก็เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำทันทีเพราะทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เดี๋ยวค่อยมาเก็บของใช้ที่จำเป็นอีกสักสองสามอย่างก็พอ ของ ๆ เธออยู่ที่นู่นพอมีบ้าง ทิ้งไว้เมื่อคราวไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์ปีสุดท้ายของการเรียนเมื่อต้นปี .... คงเพราะตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว มีหน้าที่การงานกันแล้วทั้งคู่ แถมยังคุยกันแบบที่ผู้ใหญ่รับรู้มาก็เกือบ ๆ 3 ปี คุณแม่ถึงได้เห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้เข้าจนได้ ชิ!
“คนอื่นที่ไหน นั่นก็ลูกเขย... โอ๊ะ!!! ว่าที่ ๆ ยังไม่ได้เป็นลูกเขย .... อย่างเป็นทางการนิ่ เนาะ” คำพูดของผู้เป็นแม่ที่ดู ๆ ก็ไม่เหมือนเรื่องสลักสำคัญ คล้ายกับการพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปนั้น ทำให้ใบหน้าสวยจากที่ขุ่นข้องเพราะความโกรธในคราแรกถูกแทนที่ด้วยริ้วแดง ๆ พาดผ่านทับกันไปมาไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นแม่ของเธอจริงใช่ไหม หรือเธอเป็นแค่ลูกของคนข้างบ้านกัน ??
“แม่คะ!!! หนูจะไปอาบน้ำแล้ว จะเข้ามาเก็บกระเป๋าให้ใช่ไหม เชิญเก็บเลย หนูร้อน หนูเหนียวตัว งึ่ย!!!”
“แหม่....เขินก็ไม่บวก~~”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“สั้นไปไหมวะคุณ ได้ยินว่าโตเกียวค่อนข้างหนาวนะคะช่วงนี้”
ท้วงขึ้นแทบจะทันทีที่คนตัวเล็กลากกระเป๋าลงมาจากชั้นสอง หนังตากระตุกถี่ ๆ อย่างมีสาเหตุ คงไม่พ้นคนตรงหน้าที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ได้ในเวลาแค่ไม่ถึง 3 วินาที เสื้อยืดสีขาวตัวเก่ง กางเกงยีนส์ขาสั้นตัวโปรด ที่ขาดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ถ้าหากลองเอากรรไกรมาตัดช่วงที่เว้าแหว่งออกไปให้หมดคงเหลือสภาพแค่อันเด อแวร์สียีนส์เท่านั้นเอง ไม่ได้เวอร์ครับพูดจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะประหยัดผ้า หรือช่วยงดการซักเพื่อลดโลกร้อน หรือมันก็เป็นแค่แฟชั่นที่เขามักจะไม่ค่อยทันหรืออย่างไร แต่ถ้ามีลูกสาวเมื่อไหร่ รับรองว่าเขาจะเลี้ยงแบบหัวโบราณสุดโต่งเลยจริง ๆ
หากจะให้พูดถึงเรื่องการแต่งตัวของคนตรงหน้า แก้วไม่ใช่คนเซ็กซี่ ไม่ได้มีรูปร่างสำหรับการแต่งตัวยั่วยวน เชิญชวนอะไรทำนองนั้น แค่กางเกงยีนส์เสื้อยืดก็ทำให้คนตัวบางมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก มันเป็นสเน่ห์แบบเท่ห์ ๆ ผสมกับน่ารัก ๆ พักหลังมานี้ที่แก้วเริ่มเป็นนักแสดงเต็มตัว มีโอกาสได้เห็นว่าใส่ชุดออกงานบ้าง ยอมรับครับเธอสวยจริง ๆ ให้อารมณ์ของผู้หญิงมากกว่าเด็กหญิง สง่างาม ยิ่งยืนยิ้มให้นักข่าวรุมถ่ายรูปด้วยแล้ว ณ จุดนั้น เธอดูดีจนเป็นเขาเองที่ละสายตาไม่ได้เลย
ถึงเขาจะไม่ยอมรับในความเซ็กซี่ของแก้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ชอบใจให้แต่งตัววับ ๆ แวม ๆ ต้นขานั่นของเขา เรียวขายาว ๆ นั่นก็ใช่ ข้อเท้านั่นก็ด้วย ของ ๆ เขา ก็ควรมีแค่เขาที่ได้เห็นใช่ไหม?
ชัดเจนกันแล้วนะครับ....
“แต่ตอนนี้เมืองไทยร้อนค่ะ จะไปไหมคะ ถ้าไม่อิฉันจะนอนนะ เหนื่อย เมื่อยมากค่ะวันนี้!”
“.....”
“แก้วไปนะคะ พ่อขาแม่ขา เดี๋ยวซื้อหนมมาฝาก~~~~”
เมื่อพูดกับคนร่างหมี ที่ทำหน้าบูด ๆ เหมือนหมี ที่ดูท่ายังไงวันนี้ก็คงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แยกเขี้ยวใส่สักทีเมื่อแอบเห็นอาการที่เหลือบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนเดินลงมาจากบนบ้าน รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ อยากจะดุ อยากจะบ่นเธอจะแย่สินะ แต่มันร้อนจะให้ทำอย่างไร แล้วนี่ก็ชุดเก่งด้วย นาน ๆ ถึงจะมีโอกาสได้ใส่ พักนี้งานเยอะมาก ไม่ได้ปลีกตัวไปถ่ายรูปเล่น ๆ ลงไอจีเลย ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องจับมาใส่
ไม่ได้ตั้งใจให้ถูกดุเลยนะเนี่ย~~~~
รีบเดินตัวปลิวปล่อยให้คนข้างหลังถือกระเป๋ามาให้ ชอบดุ ชอบบ่นดีนัก ส่วนตัวเธอเองเข้าไปรอในรถ คิดหาคำพูดดี ๆ มาง้อนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คงหาย โทโมะน่ะแพ้ลูกอ้อนจะตาย ยิ่งห่างกันจะครบอาทิตย์ด้วยแล้ว ทำตาปริบ ๆ บีบน้ำตาให้ซึมออกมาดูสมจริง คร้านจะรีบเข้ามาโอ๋
หุหุหุ
“ผมลาล่ะครับ ผมจะดูแลแก้วเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงนะครับคุณพ่อ คุณแม่”
“จ้ะ ลูกไปเถอะ เดี๋ยวแมวป่าจะน้ำลายฟูมปากไปก่อน //ไปเถอะ ขี้เกียจพาคนบ้าไปหาหมอ”
.
.
.
แม้จะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยกับคนตัวบางที่นั่งข้าง ๆ กัน แต่แก้วเลือกใส่มันเฉพาะตอนที่มีเขาอยู่ด้วย อารมณ์จะโกรธก็แบบไม่สุด จะงอนให้นานก็ได้ไม่ถึงนาที พอเธอคุยด้วยก็ต้องรีบตอบกลับไป ให้มันได้อย่างนี้สิ(วะ) อนาคตเกลียมัวรำไรเลยไอโมะเอ้ย..
“โมะ แก้วอยากกินบิงซูอ่ะ”
“ที่เกาหลี?”
“ร้านเกาหลีที่ยุ่นก็ได้ค่ะ แหม่.... กวนตีน”
เมื่อออกรถได้สักพัก เป็นคนตัวเล็กกว่าที่ชวนคนนั่งข้าง ๆ เข้าสู่โหมดของการพูดคุย ดูเชิงก่อนว่าโกรธหรืองอนในระดับไหน จะได้ง้อให้ถูกเลเวล พูดลอย ๆ เกี่ยวกับของกินที่เธอโปรดปราน อีกคนก็ตอบมาแทบจะทันที ไม่รู้หายนอยด์ไปแล้ว หรือจริง ๆ ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ หากต้องไปต่างบ้านต่างเมือง ผู้ชายคนนี้จะดูแลเธออย่างดี คอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ให้เกิดความรู้สึกเคว้งคว้างเลยสักครั้ง เธอจึงมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน โทโมะจะไม่ปล่อยมือ จะดูแล จะปกป้องแม้ตัวเธอเองไม่ได้ร้องขอก็ตาม
ดูเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่มีนายทหารสุดหล่อตามจงรักภักดีเลยไหมคะ
#ร้องไห้แพรบ
“เอา กางเกงยีนส์ขายาวมาหรือเปล่า” ออกตัวหลังจากสัญญาณไฟเขียนปรากฏ ก็ถามในสิ่งที่ค้างคาใจตั้งแต่ออกจากบ้านอีกคน ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเคลียร์ และมันจะไม่มีอะไรมาทำให้เขาหายโกรธได้นอกจากการเปลี่ยนกางเกงก่อนขึ้น เครื่องในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่จะมาถึง กดเสียงให้ต่ำพร้อม ๆ กับที่ไม่ยอมมองหน้าอ้อน ๆ ของลูกแมวที่พร้อมจะหลอกล่อให้เขาตายใจ จนเธอเองสมความปรารถนา ความหวงนั่นเป็นเหตุผลอันดับหนึ่งแต่อากาศในช่วงนี้ของที่นู่นไม่ค่อยจะสู้ ดี ทั้งฝนทั้งพายุ คุณนายป่วยง่ายยังกับอะไร แบบนั้นเขาจึงต้องกันไว้ก่อน
“ทำไมต้องทำเสียงดุเนี่ย....คะ”
“......”
“ง่า โมะ~~~~~ เอามาค่ะ หนูฮันนี่ ยิ้มหน่อยยยยย เดี๋ยวถึงยุ่นจะรีบเปลี่ยนเลยน้า” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมเล่นด้วยเหมือนในตอนแรก ก็ต้องปรับตัวเองให้เข้าสู่โหมดอ้อนเลเวลหนึ่งทันที เธอไม่ชอบให้เราสองคนมีบรรยากาศมาคุใส่กัน ยิ่งเป็นเพราะเธอเองที่เป็นสาเหตุด้วยแล้ว ปกติมักจะเป็นอีกคนเสมอที่พยายามผ่อนคลายบรรยากาศ แต่คราวนี้เธอผิด ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้แป๊บนึงล่ะนะ ยังไม่อยากอึมครึมใส่กันจนไปถึงญี่ปุ่นนะ ไม่อย่างนั้นจะเที่ยวสนุกได้ไง มีโอกาสทั้งที....
“.......”
“ง่ะ โมะ~~~~~ อ๊ะ ฮัลโหลแก้วค่ะ ...... อ้อ อืมมค่ะ” ตัดสินใจยื่นมือเรียวเข้าไปแตะเบา ๆ ที่ข้อศอกของคนตัวสูง เลเวล 2 ต้องมา เมื่ออีกคนเอาแต่เงียบ ก่อนจะได้พูดอะไรออกไป สัญญาณเตือนว่ามีสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน จำยอมต้องล่าถอยค่อยอ้อนต่อในภายหลังก็คงทัน
....มั้ง
“แก้ว ไม่ว่างทั้งอาทิตย์เลยค่ะ อ่อ พรุ่งนี้เหรอคะ แก้วมีธุระค่ะพี่วิน อืม... ฮ่า ๆๆ ธุระสำคัญสิครับ... แค่นี้นะพี่ สวัสดีคร้าบบบ”
“.........”
หลังจากวางสายพี่ชาย (ที่นักข่าวสำนักต่าง ๆ และบรรดาเพื่อนนักแสดงก็ลงความเห็นว่าเป็นคนสนิท) ของเธอ เธอก็ไม่สามารถงัดลูกอ้อนมาใช้ต่อได้ เหลือบไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ตอนนี้นิ่งยิ่งกว่าหินจากเทือกเขาหิมาลัยเสียอีก
... ต้องยอมรับแล้วว่างานนี้นอกจากเรื่องกางเกง เธอได้ถูกโกรธเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะมีผู้ชายที่คนข้างกายไม่สนิท (เรียกว่าไม่อยากสนิทจะใช่กว่า) โทรเข้ามาหาในเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ มันใช่เรื่องไหมเนี่ย ที่ต้องโทรคุยกะ (แฟน) ชาวบ้านในยามวิกาลขนาดนี้.... นี่เธอคิดภาพออกเลยว่าในสมองของโทโมะมีอะไรบ้างตอนนี้
ต้องง้อกันถึงเช้า (ที่ญี่ปุ่น) เลยไหม ถามใจตัวเองดู
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ฮันนี่ โอ๊ะ ๆๆ อย่าเลียหม่ามี้ งื้ออออออออออออ โมะอ่า ช่วยแก้วก่อน ฮันนี่หนักง่า แก้วขยับขาไม่ได้เบยยยย”
หลังจากบรรยากาศมาคุบนรถ เธอก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยอะไรอีก นอกจากรีบเดินตามอีกคนเข้าคอนโดไป ตอนนี้ในหัวมีแค่เรื่องของคนตัวโตที่แตะคีย์การ์ดอยู่หน้าประตู โกรธเรื่องไหนมากกว่ากันอันนั้นคงไม่จำเป็นต้องรู้ ใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดก่อนจะเครื่องขึ้นรีบง้อให้ได้ก่อนจะดีกว่า รอบนี้ 2 กระทงถ้วน แถมเป็นเรื่องที่อีกคนไม่ค่อยปลื้มเอามาก ๆ เสียด้วย ทั้งเรื่องเสื้อผ้า และเรื่องผู้ ......
ถ้าใครมีแฟนที่ไม่ค่อยอะไร ง่าย ๆ ไม่มีปากเสียง ไม่ชอบเถียงกันเรื่องไร้สาระ คงเข้าใจดีว่า 2 ข้อนี้เป็นข้อยกเว้นด้วยประการทั้งปวง อาเมน...
เข้าห้องมาได้ ก็รีบไปทักทายลูกสาว ที่เลือกด้วยกันตอนที่เจ้าตัวยังเล็ก ๆ ตอนนี้เธอคงต้องหาพวกก่อน ฮันนี่รักเธอมาก (หือ??) ลูกสาวต้องเข้าข้างขุ่นแม่แน่นอน อุ้มเจ้าตัวโตที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลอยู่รอบหัวมากอดไว้แนบอก แกล้งทำเสียงคุยงุ้งงิ้งเดาสถานการณ์แบบนาทีต่อนาที
“......... ฮัลโหล ครับแม่ อีกชั่วโมงนึงเช็คอินครับ”
เปิดประตูเข้ามาระบบอัตโนมัติในห้องก็ทำงาน เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาตบทางหาไฟในช่วงที่เหนื่อยล้าเช่นนี้ ว่าจะเข้าไปเล่นกับลูกสาวที่นอนป่วยอยู่ก็คงจะยังไม่ถึงเวลา เพราะคนตัวบางที่คงรู้ตัวแล้วว่าถูกงอนชิงตัดหน้าเข้าชาร์จเสียก่อน ถ้าไม่คิดถึงกันจริง ๆ ก็คงจะหาพวกนั่นแหล่ะ เอาเหอะ ถ้าเป็นแก้วใจ ทำอะไรก็น่ามองไปทุกอย่างอยู่แล้วนี่ ยังคิดอยู่เลยว่าเขาจะทนไม่แคร์ ไม่สนใจแก้วได้อีกกี่นาที ตั้งแต่ทำเสียงออดอ้อนบนรถนั่นละ ก็เกือบจะยอมอยู่แล้วเหมือนกันถ้าไม่มีอิพี่บ้าที่ไหนโทรฯ หาคนของเขาในยามวิกาลขนาดนี้....แม่ง อารมณ์เสีย
ปลีกตัวออกมารับโทรศัพท์จากมารดาอันเป็นที่รักที่โทรฯ ทางไกลเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปของเขาและแก้วก่อนจะเจอกันในวันพรุ่งนี้เช้า คงไม่ได้ห่วงเกี่ยวกับตัวเขาเสียเท่าไหร่ น่าจะเป็นเรื่องของคนตัวบางที่อยู่ด้วยกันในห้องตอนนี้น่าจะถูกกว่า คงกลัวว่าเขาจะหนีบแก้วใจไปได้ไหม เพราะตอนนี้อีกคนมีงานเยอะมาก คนคุณแม่คิดว่าเธออาจจะไม่มีเวลาได้พักหายใจเลยก็เป็นได้
(รับหนูแก้วมาหรือยังจ๊ะ) นั่นไงผิดคำเสียที่ไหน
“ครับ”
(ดูแล หนูแก้วดี ๆ ด้วยล่ะ อย่าแกล้งลูกสาวแม่เข้าใจไหม) เรื่องนี้ถึงคุณแม่ไม่ย้ำ เขาก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีอยู่แล้ว ผิดแค่ตอนนี้ที่อีกฝ่ายต้องดูแลหัวใจเขาก่อน เพราะมันต๊อแต๊แล้วครัช...
//
“ปะ ป๊า ช่วยหม่ามี้ด้วย งื้ออออออออออออออออออ ฮันนี่~~~~~~” แอบหันไปมองคนตัวโตที่ตอนนี้กำลังปลดอุปกรณ์ภายนอกบนร่างกายออกทีละชิ้น พร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย แนบฮันนี่ที่รักไว้บนอก พร้อมกับคุยด้วยภาษาต่างดาว จนหมาตัวไม่น้อยเข้าใจ (?) จึงช่วยเธอปฏิบัติภารกิจพิชิตความเย็นชาของแฟนหนุ่มด้วยการละเลงใบหน้าหวาน ด้วยลิ้นยาว ๆ และขยับแข้งขยับขาไปมาที่บริเวณช่วงอกและช่องท้องจนเธอทั้งจั๊กจี๋และรู้สึก หนักมากไปพร้อม ๆ กัน
“....ผม ดูแลอยู่แล้วครับ แม่มีอะไรไหมผมว่าจะอาบน้ำสักหน่อย” ชะงักไปเล็กน้อยกับคำเรียกที่น้อยครั้งแก้วใจจะใช้กับเขา ก็มันคงน่าเขินอยู่ไม่น้อยที่จะใช้คำนั้น นาน ๆ ที ตอนจะอ้อนกันจริง ๆ อีกคนถึงจะใช้มัน แสดงว่าต้องการง้อกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วสินะคุณหม่ามี้
ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน
(แม่ได้ยินเสียงหนูแก้ว ขอแม่คุยด้วยหน่อยสิคะ)
“...หม่า ม้าจะคุยด้วย ” ยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองให้คนที่นอนหอบน้อย ๆ พร้อมกับใบหน้าขึ้นสีเพราะหายใจไม่ทัน บวกกับริมฝีปากเจ่อที่เผยอเพื่อกอบเอาอากาศเข้าปอดนั่นอีก ..... ถ้ายังไม่ติดว่าเคืองกันอยู่คงเป็นเขาเองที่อดไม่ได้ จะบดเบียดริมฝีปากร้อนลงไปทาบทับ ใช้เกลียวลิ้นรุกรานให้อีกคนร่นถอย ไม่กล้าที่จะยั่วยวนเขาด้วยใบหน้าแบบนี้อีก....
....นี่คิดมาไกลถึงขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย ไอโมะ! อดทนไว้สิครับมึง อดทนไว้
“หม่า ม้า สวัสดีค่ะ แก้วใจครับผม” หลุดออกจากฮันนี่มาได้ก็รีบกรอกเสียงใสลงไปทักทายคุณแม่อีกคนที่อยู่ไกลถึง แดนปลาดิบ ก่อนจะทั้งคุยทั้งฟ้องและทั้งอ้อน จนตัวเองสบายใจ...มีแรงที่จะลุกขึ้นมาง้อต่อ!!!
(ไงลูก ทำงานเหนื่อยแน่ ๆ ขึ้นเครื่องมาก็พักผ่อนนะจ๊ะ ห้ามให้ตาโมะชวนคุยล่ะ)
“โมะเค้าไม่ชวนแก้วคุยหรอกค่ะ รายนั้นโกรธหนูอยู่อ่ะค่ะหม่าม้า”
(มีสิทธิ์อะไรมางอนหม่ามี้ของฮันนี่นิ่ คราวนี้เรื่องอะไรคะ)
“หนูจะใส่กางเกงขาสั้นขึ้นเครื่อง....”
(เออ ช่างสิ ที่ไทยร้อนจะตาย อย่าไปสนใจ พวกขี้งอน งอนเองเดี๋ยวก็หายเองอ่ะ แค่นี้แหล่ะลูก เจอกันพรุ่งนี้นะคะ)
“ค่ะ สวัสดีค่ะ คิดถึงนะคะหม่าม้า” หลังจากวางสายก็เห็นอีกคนลับตาเข้าไปในห้องนอนห้องใหญ่ เดาว่าคงจะไปอาบน้ำอาบท่าเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ไหนจะเหนื่อยปากและหน้าเก๊ก ๆ นั่นอีก คงทรมานน่าดูเลย เจอลูกอ้อนชุดใหญ่ขนาดนี้เข้าไป
.... เอาล่ะวันนี้จะยอมให้วันนึงนะ จะตามใจให้ทุกอย่างวันนึงเอ้า!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ปะ ป๊า จะพาฮันนี่ไปด้วยไหมคะ?” ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินออกมาจากห้องนอนด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ และมีผ้าผืนเล็ก ๆ เดินซับผมออกมา เดินมาหยิบโทรศัพท์ที่เธอวางไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวีจอยักษ์ นี่ไม่คิดจะมองกันเลยใช่ไหม.... เรียกก็แล้ว อ้อนก็แล้วนะ
“.......”
“ป่ะป๊า..... งื้อออ ฮันนี่หิวววววววว เนาะ !”
“ฮัล โหลครับมึง กูจะฝากฮันนี่สัก 3 วัน ถ้ามึงจะไปธุระไหนก็พาเค้าไปฝากที่เนิซได้ เออ ที่เดิม เค้าสนิทกับเจ้าของร้านอยู่ อืมครับ แต๊งกิ้วครับคุณมึง” พยายามหลบสายตาของลูกแมวอ้อน และปิดหูไม่ยอมฟังสรพนามเรียกน่ารัก ๆ จากคนตัวบาง ละออกมาโทรฯ หาเพื่อนสนิทอีกคนก่อนจะฝากฝังลูกรักไว้สักวันสองวัน พยายามไม่มองไม่สนใจอีกคนแล้วอ้าแขนให้ลูกสาวตัวโตวิ่งเข้าหาเพื่อพาไป จัดการก่อนพาไปฝากกับพี่เลี้ยงจำเป็น
ด้วยความสัตย์จริง เสื้อยืดขาวคอย้วยที่ไหล่ตกไปข้างเพราะฟัดเล่นกะเด็กป่วยแต่มีพลัง ต้นขาขาวจัดขึ้นรอยแดงเพราะเล็บยาวของฮันนี่ ริมฝีปากสีพีชบวมเจ่อ สายตาอ้อน ๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่ดูจะเอาอกเอาใจเขาเหลือล้นขนาดนั้น .... อยากจับฟัดแม่งทั้งวันทั้งคืน พูดตรง ๆ
“โทรฯ หาเพื่อนเขื่อนเหรอโมะ เอ้อ พอดีเลย เมื่อวานไปถ่ายที่ปราจีน ได้ขนมมาฝากมันด้วย! ว้า แต่แก้วเก็บไว้ที่บ้านนี่นา....”
“ฮันนี่มาแปรงฟันมา เดี๋ยวต้องไปอยู่กับลุงเขื่อน 2-3 วันนะครับ”
“โฮ่ง ๆ ”
“..........”
จัดการธุระส่วนตัวให้ลูกรักเสร็จก็ไล่ออกไปนอกห้องน้ำ เพราะเขาจะจัดการกับตัวเองอีกนิดหน่อย ต้องปรับสีหน้าและอาการประหม่าตอนเจอคนตัวขาวข้างนอก ที่ไม่รู้ตอนนี้จะล้มเลิกความตั้งใจง้อเขา หรือกำลังคิดแผนใหม่อยู่กันแน่ ยังไงซะของ้ออีกสัก 20 นาทีเหอะ อยากเห็นไม้เด็ดของอีกคน ที่ไม่รู้จะมีหรือเปล่า......
เห็นลูกรักเดินออกมานอนรอป๊ะป๋าที่ฟูกนอนของตัวเอง ก็เดาได้ว่าอีกคนคงกำลังอยู่ในห้องน้ำ เพราะเดินเข้ามาในห้องนอนก็ไม่เห็น ตัดสินใจถอนหายใจให้เต็มปอดเป็นครั้งสุดท้าย พลางใช้ความคิดอย่างสับสน วนไปมาในใจจนวุ่นวายไปหมด
‘โอ๊ย ยยยย ถ้าจะงอนแบบแข็งข้อกันขนาดนี้นะ ฮึ่ยยยยย จะง้ออีกแค่ครัง้เดียวนะ ถ้าไม่หายก็ไม่ไปด้วยแล้ว คนบ้า! …….. ลงทุนมากไปป่าววะเนี่ยยายแก้วเอ๊ย! เล่นใหญ่ไปนะ แบบนี้พี่พจน์เห็นยังต้องอยากได้ไปเล่นหอแต๋วแตกแทนอิพี่เขื่อนเลยบ่องตง’
ดันประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มไว้ ก่อนจะเห็นอีกคนก้มหน้าก้มตาในอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่หน้ากระจก ตัดสินใจค่อย ๆ ซบหน้าใสลงบนหลังกว้างเบา ๆ เมื่อคนตัวโตยืดตัวตรงเต็มความสูง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพราะขลาดอายเกินจะทนฟัง หรือทนมองสิ่งที่ตนเองจะทำต่อไปนี้ ‘เอาวะ มาถึงขนาดนี้ ทำก็ทำ!!!’ พูดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงใช้มือเรียวสอดเข้าที่เอวหนาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดน่าอายออกไป
“ปะป๊า .... โกรธนานจัง หม่ามี้ง้อไม่ถูกแล้ว”
“......” ยิ่งเห็นอีกคนยืนนิ่ง ก็ยิ่งใจเสีย แต่มาถึงขนาดนี้ เธอจะไม่ถอยแน่ๆ
“งื้อ อออออ ปะป๊า... ฮึก” ถูศีรษะอ้อนเข้าที่ท้ายทอยแรง ๆ พร้อมกับกระทืบเท้าถี่ ๆ ให้รู้ว่าอีกคนกำลังขัดใจตนเองอย่างแรง อีกจุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อบอกให้รู้ว่าให้รีบหายงอนได้แล้ว ก่อนที่แม่แมวขี้อ้อนจะทนไม่ไหว... จะร้องไห้แล้วนะ (โว้ย)
คนตัวสูงหันขวับอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นจากคนตัวบางทางด้านหลัง ไอ้ที่คิดจะแกล้งงอนให้นานกว่านี้ เพื่อดัดนิสัยคนรักเป็นอันต้องรีบพับเก็บไปก่อนที่ดวงตากลมคู่สวยคุณหม่ามี้ จะบวมช้ำ จนเป็นเขาเองที่นอกจากจะโดนบ่นจนหูชาหลังหายงอน แล้วอาจถูกงดทำการบ้านไปอีกหลายสัปดาห์เนื่องจากทำให้แม่คุณเสียใจ
“ร้องทำไม...”
“.....อึก ... ” *บีบน้ำตาทำหน้าเศร้า
“ร้องทำไม... ร้องทำไมครับหม่ามี้”
“ฮืออออออออออออออออ ปะป๊า~~~~~~~”
“จมูกก็ไม่แดง น้ำตาก็ไม่มี ร้องไห้ยังไงกันนะคะเนี่ย..” บีบจมูกโด่งรั้น ๆ นั่นสักที เสียท่าแม่แมวป่าตลอดเลยให้ตายเหอะ
นอกจากรักแก้วใจแล้ว เขามันก็ไม่เก่งอะไรเลยจริง ๆ
“งื้อ อออ ก็ปะป๊าไม่สนใจหม่ามี้อ่า...... ” เบะปาก พร้อมกับตวัดสายตาให้หนีจากแววตาคู่คมตรงหน้า เธอลืมตัวไปว่าเอวของตนเองถูกโอบเอาไว้หลังจากที่คนตัวโตกว่าหันกลับมา แถมแรงรัดจากทางด้านหลังยังเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าเธอก็แค่แสดงละครสั้น ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น ...
ให้ทาย ..... ‘ตายไหม คืนนี้’
“โอเคค่ะ ปะป๊าสนใจแล้ว .... ไหน ง้อใหม่สิคะ ทำผิดอยู่นิ่”
“ก็อากาศมันร้อน...”
“.....ค่ะ”
“งื้อ แต่ที่ญี่ปุ่นมันหนาว งั้นเดี๋ยวแก้วใจเปลี่ยนกางเกงเนาะ”
“....ค่ะ” พยักหน้าตาม พร้อมกับยิ้มรับน้อย ๆ ให้คนตัวบางในอ้อมกอด ที่ตอนนี้น้ำตาเหือดหายไปเสียเกลี้ยง ใบหน้านวลขึ้นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก ยิ้มกว้างเอาใจเขาแบบสุด ๆ อย่างนี้เขาจะไปหลง ไปรักใครได้อีกล่ะครับ .... ไหนจะช้อนตาคู่กลมขึ้นมองเขาพร้อมกับเสียงออดอ้อนเอาใจเลเวล 10 นั่นอีกล่ะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ปะป๋าช่วยเปลี่ยนหน่อยสิครับ....”
“..... หึ ยั่วกันหรือคะ”
หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ เมื่อเอ่ยคำสุดท้ายออกไป คนตัวโตกว่าที่สอดมือหนาเข้าที่เอวบอบบางในตอนแรก แข็งเกร็งขึ้นเพื่อจะยกตัวเธอให้ลอยเหนือพื้น ก่อนจะเป็นเธอเองที่เกี่ยวเรียวขายาวเข้ากับเอวสอบนั่นอย่างทันท่วงทีเมื่อ กลัวว่าจะตกลงไปที่พื้นแทนที่จะเป็นเตียงนุ่มสีน้ำทะเลขนาดคิงไซส์ในห้อง นอนกว้าง
คนตัวโตกว่าโยนเธอลงบนเตียงนิ่มนั้นเบา ๆ พร้อมกับทาบทับลำตัวลงมาแทบจะทันทีที่แผ่นหลังเล็กแตะบนผืนผ้าห่มสีเดียวกับ ผ้าคลุมเตียง ริมฝีปากหนาบดจูบอย่างรุนแรง เพื่อบอกให้คนตัวเล็กกว่ารู้ว่าไม่ควรยั่วยุเขาในเวลาแบบนี้ ในเวลาที่เขากำลังโกรธหรืองอนระดับสูงสุด มือข้างที่ว่างจากการจับกุมข้อมือเล็ก แทรกเข้าไปที่ท้ายทอยสวยเพื่อปรับองศาจูบร้อนให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ ริมฝีปากอิ่มที่บัดนี้บวมเจ่อขึ้นสีแดงเผยอขึ้นเพื่อกวาดเอาอากาศเข้าปอด ทันทีที่เขาผละจูบออกมา ลากจมูกโด่งของตนเองตั้งแต่หน้าผากเนียน ข้างแก้ม ปลายจมูกรั้น ผ่านเรียวปากอิ่มอีกรอบ จัดการครอบครองมันอีกครั้งพร้อมใช้ลิ้นหนารัดรึงเรียวลิ้นที่เล็กกว่าให้ จำนน
คนตัวเล็กครางอื้ออึงเมื่อขาดอากาศหายใจ ส่วนตัวเขาเองก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง กดจูบแรง ๆ สักทีแล้วละจากริมฝีปากสวยมาที่ลำคอระหงส์แทน จูบย้ำ ๆ ที่ลำคอขาวผ่องให้ขึ้นรอยไปทั่ว ก่อนจะแลบลิ้นร้อนออกมาเลียเบา ๆ ที่จุดสีดำเด่นบนคอสวย กดจูบอีกสองสามครั้ง ก่อนจะสูดหายใจจนเต็มปอดฟอดใหญ่ที่แก้มนวลทั้งสองข้าง ริ้วแดงที่พาดผ่านแก้มกลมแสนนุ่มนิ่มที่มีในคราแรกนั้น บัดนี้ได้ลามไปทุกพื้นที่บนใบหน้าสวย และอาจไปถึงใบหูเล็กด้วยเช่นกัน จ้องมองนัยน์ตากลมสวยอีกครั้งเพื่อตรึงคนตัวเล็กไม่ให้หลีกหนีสายตาของเขา อีกเป็นครั้งที่สอง สัมผัสได้ถึงความโอนอ่อนผ่านดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้า ร่างทั้งร่างที่แนบชิดกันไปแทบจะทุกสัดส่วนกำลังร้อน ใช่ มันร้อน และเป็นเขาเองที่ต้องการจะปลดปล่อยความร้อนนี้
แนบริมฝีปากร้อนลงไปประกบริมฝีปากอิ่มที่ยังบวมนิด ๆ อีกครั้งเพราะในหัวไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า เขาต้องรีบจัดการแม่แมวขี้อ้อนตรงหน้านี้ให้มาอ้อนยั่วเขาได้อีกเป็นครั้ง ที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ปรับองศาการจูบให้เป็นไปตามที่กลไกของร่างกายจะจัดการ ผละออกเป็นระยะให้คนตัวเล็กกว่าได้พักหายใจ แล้วกลับก้มลงไปเพื่อชิมหาน้ำหวานอย่างกับแมลงที่ตะกละตะกราม เรียวแขนเล็กยกขึ้นมาคล้องที่ลำคอคนด้านบนด้วยความเคยชิน ทั้งจิกทั้งทึ้ง ทั้งนวดคลึงกลุ่มผมสีดำสนิทเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ จบ
“อื้อ ... อ่ะ”
“อืม ... ”
“ม .. โมะ เดี๋ยวตกเครื่อง ... งื้อ”
“.....ไม่ถอดเสื้อก็ได้ครับ”
หลังจากที่รู้ตัวเองแล้วว่าไม่สามารถดับอารมณ์สวาทของตนเองได้ แถมคนตัวเล็กกว่ายังเรียกสติด้วยการพูดถึงไฟลท์บินที่จะต้องรีบไปเช็คอิน ก่อนเวลานั่นอีก ก็ไม่อยากให้เสียเวลาไปกับการจัดการเสื้อผ้าทั้งบนตัวเขาและคนใต้ร่าง ในเมื่อแก้วใจต้องการให้เขาช่วยเปลี่ยนแค่กางเกง ก็ต้องถอดแค่กางเกงที่เขาแสนเกลียดนั่นออกไปจากเรียวขาสวยก็เพียงพอ เขาก็ไม่ควรยุ่งกับชิ้นอื่น ๆ ถูกไหม ....
ทำไมถึงได้เป็นคนดีขนาดนี้ก็ไม่รู้สินะ....
.
.
.
.
.
“เพื่อนเขื่อนลงมารับฮันนี่หน่อย เดี๋ยวกูตกเครื่องครับ”
(ไอห่า มึงโทรหากูตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ทำไมเพิ่งถึง?)
“เออ กูติดธุระ นี่กูก็รีบสุดแล้วเนี่ยครับเพื่อน กูฝากไว้ที่ล้อบบี้นะ ใจมากเพื่อนรัก”
(เออ กำลังลงไปปปปป)
หลังจากพายุแห่งห้วงอารมณ์พัดผ่านไป คนตัวเล็กที่ขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนกางเกง ก็สวมยีนส์สีสว่างขายาวจนถึงตาตุ่ม ไร้รอยแหวกใด ๆ ให้ขัดใจเขาอีกต่อไป อุ้มคนรักที่แทบจะหลับไปในทันทีเมื่อการปลดปล่อยครั้งสุดท้ายมาถึง ต้องขอบคุณคอนด้อมบนหัวเตียงที่เหลืออยู่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น ถ้ามากกว่านี้เขาและคนดีต้องตกเครื่อง แถมถ้าแม่แมวขี้อ้อนรู้สึกตัวขึ้นมาในตอนเช้าอาจจะนับเป็นคดีกระทำอนาจารที่ รุนแรงเกินสมควรก็เป็นได้ การลงโทษที่ออกจะไม่สมเหตุสมผลกับความผิดเสียเท่าไหร่
“แก้ว ครับ ถึงสนามบินแล้วคนดี แก้ว...แก้วใจ *จุ๊บ” กดจูบที่เรียวปากอิ่มสีพีชนั่นแรง ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว จนเกิดเสียงดังไปทั่วรถ คนตัวบางปรือตาขึ้นมาเพราะถูกขัดใจ มือเล็กขยี้ตาน้อย ๆ ก่อนจะหาวออกมาเบา ๆ ดูท่าคงจะเพลียจริง ๆ ทั้งจากงานที่ทำ ไหนจะต้องคิดแผนง้อเขา และที่เตียงนั่นอีก แต่จะให้อุ้มขึ้นเครื่องก็ดูจะเกินไปอยู่สักหน่อย จึงยอมปลุกให้ด่าตอนนี้แล้วค่อยไปหลับยาว ๆ บนเครื่องจะดีกว่า
“งือ ... แก้วปวดตัว”
“เดินไหวไหมคะคุณ”
“ไม่ไหว งื้อ โมะแหล่ะ!!! ให้แก้วขี่หลังนะ นะ นะ แก้วปวดตัว แก้วง่วง แก้วเพลียยยยยย”
“โอเคครับ ขี่ก็ขี่ แต่ตอนนี้เราต้องลากกระเป๋าไปด้วย เดินไปหน่อยได้ไหมคะคนดี”
“ก็ได้ แต่โหลดกระเป๋าแล้ว ปะป๊าต้องไม่ให้หม่ามี้เดินเองเลยนะ”
“ค่ะคุณนาย ตามสั่งค่ะ”
พอขึ้นเครื่องมาได้ เขาที่จองวีไอพีคลาสเอาไว้ก็ประคองคนตัวบางที่เข้าสู่ห้วงนิทราตั้งแต่ครึ่ง ชั่วโมงก่อนมานั่งที่เบาะข้างกัน คนตัวเล็กซุกเข้าหาไออุ่นจากแผงอกแกร่งทันทีที่เขาเก็บสัมภาระส่วนตัวเสร็จ และนั่งลง คาดเข็มขัดนิรภัยและใช้ไหล่ของตนหนุนแทนหมอน ขยับปรับศีรษะให้คนรักรู้สึกสบาย และไม่ปวดคอปวดหลังเพิ่มในตอนเช้า จุ๊บเบา ๆ ที่ปากอิ่มอีก 2-3 ครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปเช่นกัน
“ใคร โทรมาเมื่อตอนเที่ยงคืน เรื่องนี้ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะคะ สงสัยพรุ่งนี้ต้องงอนอีกสักรอบ อยากลองคอนด้อมใหม่ที่ญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันค่ะ ฝันดีนะจอมแสบ *จุ๊บ ๆๆ”
คนเราหากเมื่อได้รัก หรือให้หัวใจไปกับใครแล้ว ไม่ว่าจะโกรธหรืองอนอีกฝ่ายแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่า ร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมตามใจ ยอมให้ง้อ ยอมให้อ้อนอยู่ดี ความรักเป็นสิ่งดีและสวยงามเสมอ ....
จอบอ จบ. ห้ะ!
เอาน่าจบเหอะ ^^~~~
ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาเข้ามาอ่านเด้อค่า~~~~
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ