[Haikyuu]Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

-

เขียนโดย Dark_Shinigami

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.34 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) Ch.2 (3/4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Chapter 2 - Part 3-
Title: Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
Story: Sharkbaitsekki (SS)
Translator: KITDS
 
อาทิตย์ที่ 2 – วันพฤหัสบดี
โออิคาวะตื่นตั้งแต่ก่อนที่โชโยจะร้องดังชนาดที่จะทำให้สมองอันเหนื่อยล้าของเขาสะเทือนได้ ณ จุดจุดนี้ มันเป็นเหตุการณ์ปกติที่เขาจะตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะลูกชายเขาร้องไห้ แต่ความเป็นพ่อหวงลูกข้างในเขาก็ทำให้เขาตาสว่างแตกต่างจากแสงริบหรี่นอกบ้าน
แต่ก็ให้ตายสิ นี่มันตีสองครึ่งเองนะ
“พ่อกำลังไปแล้ว”โออิคาวะพูดทั้งเสียงสะลืมสะลือ เดินออกจากห้องเขาเพื่อไปที่ห้องของฮินาตะ ลูกของเขายังคงอยู่บนเตียง ดิ้นไปมาใต้ผ้าห่ม ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเดินเข้าไปหาพร้อมหาวและบิดขี้เกียจ “โชโย? เป็นอะไรไปลูก?”
แต่เด็กน้อยผมสีส้มสว่างไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง กลับกันเขาส่งเสียงครางออกมาและโออิคาวะก็รีบเปิดไฟหัวเตียงเพื่อจะได้ดูอาการลูกของเขาชัดๆ
มีบางอย่างผิดปกติไปแน่นอน
“โชโย? ลูกรัก ตื่นเถอะ”ทุกประสาทสัมผัสตื่นตัว โออิคาวะเอาที่กั้นข้างเปลเด็กลงและนั่งบนฝูกที่นอน แตะตัวลูกชายเขาอย่างอ่อนโยน “โชโย มันก็แค่ฝันร้าย ตื่นเถอะ” แต่ลูกชายเขาฝันอะไรกัน ที่ทำให้เขาทำตัวแบบนี้?
ฮินาตะร้องครางอีกครั้ง และท้ายที่สุดตอนที่โออิคาวะปาดน้ำตาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคู่นั้นก็เปิดขึ้น
“โชโย?”โออิคาวะขมวดคิ้ว มองลูกชายเขาค่อยๆ จ้องมองโฟกัสมาที่เขา แต่ทันใดนั้นเด็กชายก็ค่อยๆ หอบ เมื่อเขาหายใจถี่และตื้นขึ้นกว่าก่อนหน้า “โชโย ลูกรัก นี่พ่อเองนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ลูกต้องใจเย็นลงก่อนนะ”
“อืออ...”เป็นเพียงเสียงที่หลุดจากปากของเด็กน้อยวัยสองขวบขณะที่เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกบังคับให้ตั้งใจกับการจับจังหวะหายใจแทน เมื่อเขาพยายามพลิกตัวออกจากผ้าห่ม โออิคาวะจับเขาไว้ก่อนจะอุ้มให้เขานั่งตักแล้วห่มผ้าให้ แค่กอดเขาอยู่อย่างนั้น
เขาอ้อมมือจับหัวอีกฝั่งของโชโยเบาๆ แล้วกระชับเขขาเข้าหาตัวจนหูแนบกับอกของเขา
เขาไม่ใช่คุณแม่ และเขาก็ไม่สามารถแทนที่แม่ของโชโยได้ เขาไม่สามารถจะปลอบลูกเขาเหมือนที่แม่ของเขาทำได้ แต่ยังไงซะ เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันให้ได้มากที่สุด และถ้าการกอดโชโยแนบอกเขา แล้วปล่อยให้ลูกน้อยฟังเสียงหัวใจเขาเต้นมันจะช่วยแล้วล่ะก็ เขาก็จะยอมทำมันทุกวัน
และนั่นก็ทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริงช้าๆ ร่างเล็กในอ้อมแขนเขาหยุดสั่นและสะอื้น อาการหอบของเขาเองก็สงบลง โออิคาวะกอดเขาไว้อย่างนั้นอีกสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ลูกผมผ่านไรผมนุ่มเบาๆ
เกือบจะนุ่มเท่าผมของแม่ของเขาเลย...
“พ่อฮะ...?”สุดท้ายเด็กชายก็เอ่ยปากพูดออกมา เรียกความสนใจของโออิคาวะให้กลับมาที่เขาอีกครั้ง และเมื่อเขาก้มมอง ฮินาตะก็เงยหน้าขึ้นมา และโออิคาวะก็พยายามที่จะยิ้มเพื่อให้ดูแข็งแกร่ง พึ่งพาได้ เพื่อสมบัติล้ำค่าในอ้อมแขนเขา
“ไง ลูกรัก ฝันร้ายหรอ?”เขาถาม  พลางสางผมลูกชายเขาแล้วกระชับผ้าห่มที่ห่อคลุมร่างเล็กๆ อยู่
“อือ”ฮินาตะพยักหน้า พลางเบนสายตาไปมองทางอื่น ดวงตาของเขาแดงและบวมจากการร้องไห้
“อยากจะเล่าให้พ่อฟังมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ตกใจเล็กน้อยก็ฮินาตะส่ายหัว
“หึ”
“พ่อไม่โกรธหรอกนะ ไม่ว่าลูกจะฝันว่าอะไรก็ตาม ถึงลูกจะบอกพ่อว่ามันเป็นฝันร้ายเกี่ยวกับพ่อขโมยและแย่งขนมลูกกินก็ตาม”โออิคาวะรับปาก พยายามจะเข้าใกล้ลูกของเขา พยายามที่จะเป็นประโยชน์ให้กับเด็กน้อยๆ คนนี้ พยายามที่จะเป็นพ่อที่ดีในเมื่อมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำได้
“ไม่”ฮินาตะยืนกรานและส่ายหัวอีกครั้ง พลางซบหน้าลงกับอกของโออิคาวะอีกครั้ง
“งั้นอยากให้พ่อกอดลูกอยู่แบบนี้อีกสักพักมั้ย?”โออิคาวะถามความเห็น โล่งอกที่เห็นฮินาตะลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า แขนกอดก้อนเล็กๆ บนตักของเขาแน่นขึ้น  และถึงโออิคาวะจะไม่รู้ว่าการทำแบบนี้จะตามใจลูกเกินไปรึเปล่า แต่เขาก็ไม่ยอมแลกช่วงเวลาอันแสนสงบนี้กับอะไรแน่นอน
เขาหลับตาลง ฮัมเพลงปลอบประโลมเบาๆ ออกตามโดยสัญชาตญาณมากกว่าตั้งใจ เขาค่อยๆ โยกตัวไปมา ส่วนมากจากการตอบสนอง และเมื่อโออิคาวะรู้สึกว่าเขากำลังไหวตัวถึงจะหลับตาอยู่ เขาก็อมยิ้ม เพราะถึงเขาจะกำลังขัดแย้งในตัวเองอยู่ว่าทำแบบนี้ดีรึเปล่า เขาก็พยายามจะปลอบลูกชายเขาเท่าที่ทำได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
“พ่อฮะ”ฮินาตะเอ่ยเบาๆ เหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง “แม่อยู่ไหนหรอฮะ...?”
โอ้ ทั้งหมดนี่ก็คือเรื่องนี้เองสินะ แต่ถ้านึกย้อนไปแล้ว มันก็ไม่แปลกเลย มันผ่านมาสักพักแล้วที่ฮินาตะไม่พูดถึงแม่ของเขาเลย และมันก็สามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ออกมาในฝันร้ายที่หนักขนาดนี้? โออิคาวะไม่เคยเห็นฮินาตะตอบสนองเลวร้ายขนาดนี้เมื่อคิดถึงแม่ของเขามาก่อน
“แม่...”เขาเริ่ม ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ตั้งแต่ที่เธอจากไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรยังไงดี “แม่จากไปแล้ว โชโย จำที่พ่อบอกก่อนหน้านี้ได้มั้ย? แม่ไปแล้ว และแม่ก็จะไม่กลับมาแล้ว”
“ทำไมหรอฮะ?”ฮินาตะเหนื่อยเกินกว่าจะร้องไห้ แต่โออิคาวะก็เห็นดวงตากลมโตนั้นรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เขาเองอยากจะร้องไห้ด้วยเช่นกัน “แม่ไปหยุดพักร้อนหรอฮะ?”
“ไม่ใช่ ลูก แม่ไม่ได้ไปพักร้อน”โออิคาวะพูดเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าจะพูดประเด็นนี้ต่อไปยังไง ฮินาตะดูเหมือนจะเชื่อทุกคำที่เขาพูดออกไป และเขาไม่อยากจะทำมันพัง แม้แต่ครั้งเดียว “แม่ไปอยู่ที่อื่น ลูกก็เลยต้องอยู่กับพ่อของลูกไง”
จากใบหน้าขมวดคิ้วของฮินาตะแล้ว โออิคาวะคิดไว้เสี้ยวหนึ่งว่าเขาจะพูดอะไรประมาณว่า “แต่ผมไม่อยากอยู่กับพ่อ!” แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่อยากจะมองลูกเขาว่าเป็นคนแบบนั้น
“แม่ไม่รักพ่อแล้วหรอฮะ?”เขาถามในที่สุด น้ำเสียงนั้นฟังดูเศร้ากว่าที่เคยและโออิคาวะรู้สึกใจสลาย
“มัน..อธิบายนะลูก”เขาถอนหายใจ “แม่กับพ่อตัดสินใจว่าไม่อยากจะเป็นเพื่อนกันแล้ว”
“แต่...”ฮินาตะโอดครวญ ขยับตัวเพื่อจะได้มองใบหน้าหมองของพ่อเขาได้ถนัด “ถ้างั้น... แม่ไม่รักผมเลยหรอฮะ?”
และโออิคาวะก็อยากจะตอบว่า‘ไม่’ เขาอยากจะปฏิเสธมัน และอยากจะรับปากลูกชายสุดที่รักของเขาว่าแม่ของเขารักเขามาก มาก มากจนไม่รู้จะมากยังไงไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทั่วไปทำกัน
แต่แม่ของโชโยไม่ใช่แม่ทั่วๆ ไป และโออิคาวะก็มองเธอผิดไปจากหลายปีที่พวกเขาคบกันมา เขาควรจะระวังมากกว่านี้ ถ้าเชาเพียงแค่เลือกที่จะทำอย่างอื่นแทนล่ะก็...
มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมดที่โชโยต้องมาร้องไห้และรู้สึกไม่เป็นที่รักจนฝันร้าย มันเป็นความผิดเขาทั้งหมด เขาเป็นพ่อที่แย่ที่สุดบนโลกใบนี้
“โช จำไว้นะลูก ว่ามันสำคัญกว่าที่จะนับว่าเพื่อนมีลูกกี่คน  มากกว่านับว่ากี่คนที่ไม่ใช่เพื่อนของลูก”เขากระซิบออกไป รู้สึกจุกในลำคอด้วยน้ำตาที่อดกลั้นไว้ ถ้าจะยังไง เขาจะต้องพึ่งพาได้เพื่อลูกชายของเขา เด็กที่เข้มแข็งกว่าสิ่งที่ควรคาดหวังจากเด็กอายุ 2 ขวบ “เพื่อนๆ ที่สถานรับเลี้ยงรักลูก พวกคุณครูก็รักลูก เด็กที่สนามเด็กเล่นคนนั้นก็ชอบลูก และที่สำคัญที่สุด พ่อรักลูกนะ รักมาก มากที่สุด”
แต่นั่นเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้ฮินาตะสบายใจจนสุด แต่เด็กชายก็พยักหน้ารับคำและเอนหัวพิงโออิคาวะ
“แม่ไม่อยากมีผมแล้วหรอ?”
“นั่นคือฝันร้ายที่ลูกฝันถึงหรอ?”โออิคาวะแหย่เบาๆ รู้สึกแห้งเหี่ยวยิ่งขึ้นที่บทสนทนานี้ดำเนินต่อไป เขาลูบแขนลูกชายวนเป็นวงกลมเบาๆ ผ่านผ้าห่มและเขาหวังว่าอย่างน้อยๆ เขาจะทำให้ลูกสบายใจขึ้น
“อือ...”ฮินาตะพยักหน้าลงเงียบๆ “ผมฝันว่าแม่ตะโกนใส่ผมแล้วเดินออกไปเพราะแม่ไม่ต้องการผมแล้ว มันน่ากลัวมากเลย”
“พ่ออยู่ที่นั่นด้วยรึเปล่า?”โออิคาวะถามเสียงเบา กลัวกับคำตอบที่จะได้รับ
“อือ”ฮินาตะพนักหน้า ก่อนจะหยุดคิดเหมือนไม่แน่ใจ
“ลูกบอกพ่อได้ทุกอย่างนะ โชโย พ่อสัญญาว่าพ่อจะไม่โกรธ”โออิคาวะจูบกระหม่อมปลอบ หวังว่าลูกชายเขาจะไม่รู้สึกถึงใจที่เต้นแรงเพราะความกลัวของเขา
“เอ่อ... พ่ออยู่ที่นั่นกับพวกเรา...”เด็กชายเริ่ม เอามือเข้าปากด้วยความประหม่า โออิคาวะดึงมันออกมาก่อนที่มือจะชุ่มน้ำลายและกุมมือชื้นๆ นั้นไว้ด้วยมือของเขา “แล้ว...พ่อก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ทำอะไร ปล่อยให้แม่ไป”
“โชโย...”โออิคาวะรู้สึกเหมือนคำพูดจุกคอ แต่เขาก็ต้องพูดอะไรสักอย่าง อะไรก็ได้ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระบนเด็กชายร่างเล็กบอบบางวัย 2 ขวบคนนี้ อะไรก็ได้ที่จะเอาความเจ็บปวดมาจากลูกชายสุดที่รักของเขา “โช...ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่ทำแบบนั้นแน่”
แต่เขาทำ เขาทำมันลงไปและเขาก็รู้สึกผิด เขาผิดที่ทำให้ลูกของเขาก็ทรมานแบบนี้และถามในสิ่งที่เด็กคนไหนไม่ควรถาม และรู้สึกในสิ่งที่เด็ก ไม่สิ มนุษย์คนไหนควรจะรู้สึก มันเป็นความผิดของเขาที่แม่ของโชโยจากไป ถ้าเขาแค่เงียบปากไว้ ถ้าเขาแค่ทนมันไป ความสุขของเขามันไร้ค่าถ้าเทียบกับความสุขของลูกชายเขา ถ้าเขาจะต้องร้องไห้ทุกวันในชีวิตที่น่าสมเพชของเขาเพื่อรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของโชโยไว้แล้วล่ะก็ เขาจะทำมันทุกวินาที
แต่เขาไม่ทำ เขาผิดพลาดในฐานะพ่อ ในฐานะผู้ปกครองที่เหลืออยู่ของเด็กที่บริสุทธิ์และบอบช้ำคนนี้ และเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อลบล้างความผิดพลาดที่เขาทำลงไป
แต่แล้วก็มีมือเอื้อมมาแตะใบหน้าของเขา และโออิคาวะก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อนิ้วป้อมๆ จับตาของเขา
“พ่อฮะ ทำไมพ่อถึงร้องไห้หรอครับ?”ฮินาตะถามด้วยความใสซื่อ เขาดูเป็นกังวล แต่สีหน้านั้นไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไรหรอก ลูก พ่อแค่เหนื่อยน่ะ”เขาหัวเราะกลบเกลื่อน
“พ่อคิดถึงแม่หรอฮะ?”โชโยตื้อถาม เอนตัวกลับไปพิงแขนเขาอีกครั้ง
“...แล้วลูกล่ะ?”เขาถามกลับ กลัวเกินกว่าจะตอบความจริงออกไป เขาเคยบอกมันออกไปครั้งหนึ่ง และนั่นทำให้ครอบครัวของเขาแตกหักเกินเยียวยา เขาไม่อยากจะทำผิดแบบเดิมๆ อีกครั้ง
“...ฮะ”เด็กชายหลุดพึมพำออกมาพลางทำคอตก “พ่อคิดว่าแม่จะมาเยี่ยมเราเร็วๆ นี้มั้ยฮะ?”
“เราจะรอดูกันนะ”โออิคาวะตอบคลุมเครือเหมือนก่อนหน้า “เอาล่ะ ตอนนั้นดึกมากแล้ว และลูกก็ต้องนอนเยอะๆ จะได้โตและแข็งแรง ถึงลูกจะแข็งแรงอยู่แล้วก็เถอะ” แข็งแรงมาก มากจนเกินจำเป็น แบกรับภาระที่ตัวเขาอ่อนแอเกินกว่าจะแบกรับไหว
ฮินาตะพยักหน้า ยิมให้ตัวเองถูกพากลับไปนอนบนเตียงโดยไม่ขัดขืน ดูเหมือนจะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวไหว โออิคาวะห่มผ้าให้เขาและจูบหน้าผากอีกฝ่าย เอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียงปล่อยไว้แค่แสงยามค่ำคืนที่ทำให้เขาเห็นเส้นเงาของใบหน้าลูกชายเขาในความมืด
“เอาล่ะ ฝันดีนะ”เขาบอก เดินห้าวถอยหลังเตรียมจะออกจากห้องไป
“พ่อฮะ?”ฮินาตะถามเสียงเบาก่อนที่เขาจะได้ออกนอกประตูไป “ผมถามอะไรพ่อได้มั้ยฮะ?”
“แน่นอน ได้สิลูกรัก”
“พ่อจะ...พ่อจะไปจากผมด้วยอีกคนมั้ยฮะ?”เขากระซิบถาม และโดยที่ไม่ต้องเห็นหน้า โออิคาวะก็เห็นภาพดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความกลัวกับความคิดนั้นในหัวของเขา
แต่ถ้ามีสิ่งที่เขาทำได้อย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ มันก็คือการทำให้คำสัญญาของเขาดูน่าเชื่อถือ
“พวกตัวร้ายทุกตัวบนโลกคงต้องมาสู้กับพ่อก่อนที่พ่อจะคิดที่จะจากลูกไป ลูกรัก พ่อจะไม่ไปไหน พ่อมาที่นี่เพื่ออยู่กับลูก”ดวงตาของโออิคาวะคลอด้วยน้ำตาเมื่อจิตใจของเขาเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกมากมายอีกครั้ง “มันมีแค่พ่อกับลูก แต่พวกเราจะไม่เป็นไร พ่อสัญญา”
“โอเคฮะ ฝันดีฮะ”
“ฝันดีนะ โชโย”
และเขาก็เกือบจะออกจากห้องไปแล้วเมื่อลูกของเขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนแรงและดูไม่มั่นใจ แต่มันถูกพูดออกมาแน่ โออิคาวะไม่ได้คิดไปเอง และด้วยอะไรบางอย่างที่พยุงไม่ให้โออิคาวะร้องไห้ตรงนั้น
“ผมรักพ่อนะฮะ...”
“พ่อก็รักลูกเหมือน แสงอาทิตย์ของพ่อ ตลอดกาลและตลอดไป”
ระหว่างทางกลับไปที่ห้องเขาของ โออิคาวะเริ่มร้องไห้เบาๆ การร้องไห้ที่ทำให้ในอกของเขาแน่นไปหมดและเหมือนบีบอากาศในปอดของเขาออกมาหมด ขณะที่นั่งลงข้างเตียง เขาซบหน้าตัวเองลงกับมือ และปล่อยให้น้ำตาไหลอาบผ่านมือจนเขาเหนื่อยเกินกว่าจะลุกขึ้นไหว
ตอนที่เขาแต่งงาน เขาสาบานที่จะปกป้องครอบครัวเขาไม่ว่าจะอะไรก็ตาม และตอนที่อดีตภรรยาของเขาท้อง เขาก็สัญญาว่าจะปกป้องลูกของพวกเขาเช่นเดียวกัน ตอนที่อดีตภรรยาเขาจากไปด้วยความโมโหและด่าอย่างเจ็บแสบในแบบที่ฮินาตะคงจะไม่เข้าใจจนกว่าจะถึงวัยรุ่น เขาก็สัญญาว่าจะปกป้องลูกชายของเขา
แต่เขาก็อยู่ตรงนี้ นอนอยู่บนเตียง น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด พยายามที่จะไม่ให้ความรู้สึกผิดที่ทำลายความสุขของลูกชายสุดที่รักของเขาครอบงำ แต่ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิด ลูกชายของต้องการเขาและไม่โทษเขา และเขายังมีโอกาสที่จะใช้คืนความผิดบาปที่เขาทำลงไป
ไม่มีวันที่เขาจะไถ่บาปได้หมด เขาไม่มีทางที่จะลบความเจ็บปวดที่โชโยรู้สึกได้ แต่ยังไงก็ตาม เขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นต่อจากนี้ไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถชดใช้สำหรับการทำให้แสงสว่างของเขารู้สึกไม่เป็นที่รักถูกทอดทิ้งไม่ได้ก็ตาม
แต่เขาแล้วก็ผล็อยหลับไป เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่กล้าที่จะมีความสุขบนความทุกข์ของลูกชาย และเกลียดตัวเองที่ทำให้ลูกชายของเขาเจ็บปวดเหลือคณา
เขาทำผิดต่อโชโยไปมากจริงๆ...
แต่หลังจากที่เขาหลับไปไม่นาน ก็ก็ตื่นขึ้นมาเมื่อมือคู่หนึ่งมาเขย่าแขนเขาเบาๆ
ความรู้สึกผิดยังคงอยู่เต็มหัว เขาเบนสายตาไปก็พบกับร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับผ้าห่ามในมือหนึ่งและอีกข้างในปากของเจ้าของ
“โชโย...?”เขาถามสะลึมสะลือ รู้สึกอยากจะร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง โชโยคงจะฝันร้ายอีกครั้งหนึ่ง อีกฝันที่บอกเขาว่าพ่อของเขาผิดพลาดไปมากแค่...
“ผมคิดว่าผมฉี่รดที่นอน”เด็กชายประกาศ เสียงอู้อี้จากมือที่อยู่ในปาก “ผมรู้สึกแฉะๆ”
แต่โอ้ ทุกอย่างยังไม่ย้ำแย่ขนาดนั้น และโออิคาวะก็ยังไม่ได้ทำพลาดทุกอย่าง
โชโยเป็นแสงสว่างในชีวิตของโออิคาวะเกือบจะอย่างแท้จริง เมื่อทุกอย่างดูมืดไปหมด เขาจะก้าวเข้ามาเพื่อเตือนชายหนุ่มว่าทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายเสมอไปในโลกใบนี้เสมอ
“นั่นเยี่ยมมาก”โออิคาวะหายใจออก ลุกขึ้นนั่งทันที ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างและภูมิใจ “โอ้ นั่นมัน...มันเยี่ยมมากจริงๆ”
“ที่ผมฉี่รดที่นอนน่ะหรอ?”ฮินาตะถาม ใบหน้าฉายชักถึงความสงสัยว่าทำไมพ่อของเขาถึงดูดีใจเหลือเกิน
“ไม่ ไม่”โออิคาวะหัวเราะเบาๆ  กวาดเท้าลงจากเตียงและยีผมยุ่งๆ ของฮินาตะ “เพราะลูกบอกพ่อว่าลูกจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้ว นั่นมันเยี่ยมมาก! ลูกจะต้องรีบบอกพ่อทุกครั้งที่ลูกฉี่นะ โอเคมั้ย? และถ้าลูกรู้สึกว่าปวดฉี่ บอกพ่อก่อนจะฉี่ เราจะได้ฝึกเข้าห้องน้ำกัน! และในไม่ช้า ลูกก็จะใช้ห้องน้ำเป็นเหมือนเด็กโต!”
“พ่อฮะ พ่อพูดเร็วเกินไปแล้ว”ฮินาตะบ่นพร้อมกับหาวเสียงดัง มือข้างที่เปียกยกขึ้นขยี้ตา
“พ่อดีใจไง”โออิคาวะยิ้มสดใส เดินไปที่โต๊ะของเขาแล้วหยิบผ้าอ้อมผืนใหม่ออกมา “ลูกทำให้พ่อดีใจมากๆ เลย” และไม่ต้องพูดถึงว่าเขาโล่งใจ  ฮินาตะแสดงท่าทีที่บอกว่าเขาพร้อมที่จะฝึกเข้าห้องน้ำแล้ว และนั่นเป็นอะไรที่โออิคาวะกังวลมาตลอด ถ้าไม่รวมถึงปัญญาการถูกทิ้งที่ฮินาตะเผชิญอยู่ แต่เขาไม่เคยประเมิณความหนักหนาของมันจนถึงฝันร้ายเมื่อครู่
พวกเขากำลังค่อยๆ ก้าวผ่านปัญหาของพวกเขาไปทีละก้าว ทีละก้าว
“โอเค เรามาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกกันเถอะ” โออิคาวะยื่นมือข้างที่ว่างของเขาให้ฮินาตะที่เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มแล้วจับมือพ่อของเขา
เด็กชายผมส้มเดินเตาะแตะเคียงข้างร่างที่ดูมั่นใจของพ่อของเขา เมื่อทั้งสองคนเดินไปยังห้องน้ำ พวกเขาดูพร้อมที่จะก้าวข้ามทุกปัญหาที่จะเข้ามาหาพวกเขาในตอนนี้
และไม่ต้องไปสนใจว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสี่
โดยไม่จำเป็นต้องพูด ฮินาตะนอนกลางวันอย่างมีความสุขที่สถานรับเลี้ยงเด็กในวันรุ่งขึ้น ส่วนสำหรับโออิคาวะนั้น เขาก็แค่ดีใจที่ห้องทำงานของเขามีกลอนประตูและพรมที่นุ่มแสนนุ่ม่
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา