C H A N G E .

8.2

เขียนโดย Omoji

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.13 น.

  25 ตอน
  138 วิจารณ์
  37.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2558 21.31 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) เช้งค์เจ็ด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

CHANGE

 

             ป๊อปปี้เร่งฝีเท้ารีบเดินหน้าเพื่อไปหากวิน ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม..ทำไมกวินถึงยอมเอาเรื่องเขาแล้วยังกลับมาช่วยเหลือวงเขาอยู่เหมือนเดิม ทั้งๆที่มีเรื่องกันวันนั้นและดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเสียด้วย แต่นี่อะไรผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์กวินก็ยอมกลับมา..

 

 

 

 

 

            มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

 

 

 

 

 

พี่กวิน!” หากแต่ระหว่างทางป๊อปปี้กลับเจอร่างสูงที่กำลังเดินอยู่แถวนี้พอดี

 

หึ

 

ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ เรื่องที่พี่…” พูดไม่ทันจบ กวินก็พูดตัดบทขึ้น

 

เรื่องที่ฉันกลับไปช่วยวงนายหนะหรอ หึ แค่ฉันอยากกลับไปช่วยเหมือนเดิม..มันน่าแปลกตรงไหน ร่างสูงพูดแล้วหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาเตรียมท่าจะสูบส่งผลให้คนตรงหน้าส่ายหน้าเอือมๆ

 

พี่ยังไม่เลิกสูบอีกหรอ บุหรี่นี่น่ะ..” ป๊อปปี้พูดขึ้น กวินหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าป๊อปปี้อีกครั้ง

 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายงั้นหรอ

 

ก็ไม่เกี่ยวหรอกครับ ช่างเถอะ ยังไงผมก็คงต้องขอบคุณพี่ที่กลับมาช่วยวงของเรา ป๊อปปี้พูดขึ้น แล้วยื่นมือเตรียมจะจับมือขอบคุณ

 

ไม่ต้อง แต่อีกฝ่ายกลับปัดมือเขาอย่างไม่แยแส

 

ถึงผมจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วพี่ต้องการอะไรจากวงของผม..ถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้..แต่ผมอยากบอกอะไรกับพี่ไว้ก่อนเลย..” ป๊อปปี้ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะหยิบบุหรี่จากมือกวินมาแล้วปามันลงพื้นหนำซ้ำยังเหยียบมันอย่างไม่ใยดีต่อหน้าต่อตา

 

“ป๊อปปี้!..”

 

พี่คิดจะทำอะไรก็เชิญ..แต่ผมไม่มีวันกลัว..”

 

นาย..!!!” กวินกระชากคอเสื้อของป๊อปปี้ จนร่างสูงเซเล็กน้อย ป๊อปมองหน้าศัตรูอย่างท้าทาย เขาไม่กลัวกวิน ไม่เคยกลัวและจะไม่มีวันที่จะกลัวแน่..

 

 

 

 

 

 

            ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

           

 

 

 

 

 

แค่ก แค่ก ปิดจมูกแล้วยังคงทำความสะอาดต่อ ตอนนี้ห้องซ้อมก็เริ่มดูดีขึ้นมากกว่าเดิม ฟางพยายามที่จะทำมันให้กลายเป็นห้องที่สบายแล้วไม่สกปรก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองนั้นแพ้ฝุ่นถ้าหากยังฝืนทำต่อไปคงไม่ใช่เรื่องดี

 

            เมื่อเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีร่างเล็กเลยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อโทรหาแก้ว คนตัวเล็กล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงแล้วค่อยๆเลื่อนดูรายชื่อล่าสุด ก่อนจะกดโทรออก

 

ฮัลโหลแก้ว แค่กๆ

[พี่ฟาง!เป็นอะไรไปอ่ะ!]

พี่รู้สึกแค่ก ไม่ค่อยดีน่ะ แก้วมาหาพี่หน่อยได้ไหม

[ตอนนี้แก้ว..เอ่อ] ปลายสายพูดตะกุกตะกักจะให้เธอไปหาได้ไง ก็ตอนนี้เธอกำลังเรียนว่ายน้ำแล้วก็ไม่มีเสื้อใส่ยืดใส่จะให้วิ่งออกไปแบบนี้คงไม่ดีแน่

ไม่ว่างหรอแก้ว แค่กๆ ขะ..ขอโทษนะ ฟางเสียงแหบลงอย่างเห็นได้ชัด

[พี่ฟาง..เดี๋ยวแก้วไปหานะ!รอก่อนนะ…]

 

ตู้ดๆๆๆ

 

ฟางเหมือนสำลักฝุ่นตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถ้าทนเห็นห้องซ้อมของป๊อปปี้สกปรกแบบนี้เธอก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ฟางทุบหน้าอกตัวเองให้ทนต่อไปเมื่อรู้สึกถึงอาการแน่นหน้าอกหลังจากที่ทำความสะอาดไปได้เกือบครึ่ง ก่อนที่ร่างเล็กจะถลาลงไปกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ฟางไอออกมาสองสามครั้งก่อนที่สติจะค่อยหายไปทีละนิด

 

“ฟาง... เมื่อเปลือกตากำลังจะปิดลงภาพเบื้องหน้าที่กำลังจะเลือนรางหายไป เธอกลับเห็นใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง เพียงแค่นั้นสติของฟางก็หมดไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิท

 

 

 

 

            ในขณะเดียวกันที่แก้วแทบจะเก็บสำภาระขอตัวเองได้ลำบากเหลือเกินกว่าจะเสร็จร่างเล็กคิดว่าต้องไม่ทันเป็นแน่..

 

            ร่างเล็กรวบๆของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนที่อาจารย์จะเรียกรวมเป็นครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยแยกกันไป..

 

“แก้ว! จะไปไหน” เพื่อนสนิทอย่างเฟย์เอ่ยเรียกขึ้น

 

“ฉันมีธุระว่ะ วันนี้แกไปกินข้าวคนเดียวก่อนนะเฟย์!” แก้วตะโกนกลับมา

 

“อโอเค!”               

  

            ก็คงต้องตอบไปแบบนั้นแหละแม้ความจริงเฟย์ไม่ชอบการต้องทานข้าวคนเดียวเพราะเธอมักจะโดนเพื่อนแกล้งเสมอ แต่วันนี้แก้วไม่ว่างจริงๆมันก็ช่วยไม่ได้..

 

 

            แก้วแทบอยากจะกระโดดตึกตายก็ตอนนี้แหละ! ก็ในตอนนี้แก้วเหมือนคิดว่าตัวเองกำลังเป็นเต่า ทำไมก็ไม่รู้…ไหนจะสัมภระที่รุงรังไปหมดยิ่งลำบากต่อการวิ่งของเธอ

 

“โอ้ย!/โอ๊ย!” วิ่งชนอีกต่างหากTT

 

“นี่! ไม่มีตารึไงวะ” ฝ่ายนึงพูดขึ้น

 

“นี่! นายต่างหาก! ตัวโตซะเปล่าไม่เห็นรึไงว่าฉันรีบ!” แก้วเถียงกลับ

 

            คนตัวเล็กปัดฝุ่นที่กำลังเลอะกระโปรง เธอในตอนนี้แล้วนึกหงุดหงิดใจ ทำไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้!

 

            แต่เพียงแค่แก้วเงยหน้าขึ้นมาก็ทำให้เธอแทบอยากจะกรีดร้องซะตอนนี้ด้วยซ้ำ

 

ไอญี่ปุ่น!!/ยัยทอม!” ทั้งคู่ต่างอึ้งเมื่อได้เจอหน้ากัน

 

“นายนี่เอง..ฉันว่าแล้วไม่มีผิด! ปากหมาไม่แดกแบบนี้น่ะ!

 

“โหยยย นี่เธอคิดว่าเธอพูดเพราะมากรึไง? พูดทีนึงฉันก็นึกว่าเลี้ยงนกเอี้ยงไว้ในปาก” โทโมะพูดหน้าตาย ปล่อยให้แก้วนึกแค้นในใจ

 

“ อไอ้!...โอ้ยยยย ฉันไม่มีเวลามากวนประสาทกับนายหรอกนะ!

 

“สำหรับฉันเวลามันมีค่ากว่าการมาเถียงกับเธอเหมือนกันแหละน่า!

 

 

“ไอเชื้อราในร่มผ้า!

 

“ไอทอมไม่เจียม”

 

“ไอไขมันกบ”

 

“ไอหมาขาสั้น!

 

“ไอบ้าเอ้ยยยย! คุยกับคนอย่างนายก็เหมือนคุยกับควาย! พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง” แก้วพูดอย่างหมดความอดทนถึงที่สุด

 

“ขึ้นเลยนะเนี่ย! ขึ้นเลย! ว่าแต่เธอเถอะ มีสมองไว้กั้นหูอย่างเดียวรึไงฮะ หัดคิดบ้างสิว่าฉันชอบมากรึไงกับการต้องมาทะเลาะกับเธอเนี่ย! ” โทโมะเองก็เช่นกัน

 

 

“เออ! ฉันก็โคตรไม่ชอบเลยเว้ย! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป!”  แก้วว่าจบก็เดินกระแทกไหล่โทโมะออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยทอม”  โทโมะมองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งลับหายไปเสียแล้ว

 

            การที่ต้องมาทะเลาะกับลูกพี่ลูกน้องของป๊อปปี้เนี่ยมันเป็นเหมือนตัวปัญหาและอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างนึงสำหรับโทโมะเลยก็ว่าได้ไม่ใช่ว่าแก้วไม่น่ารักแต่ดันปากจัดซะได้ แบบนี้เขาก็ไม่ไหวจะเคลียร์

 

            เจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องกันทุกทีมันเป็นอะไรที่ไม่สุกขั้วที่สุดสำหรับโทโมะ ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่แก้วนี่แหละที่กล้าด่าเขามากมายขนาดนี้

                                                      

 

 

 

            แสงแดดส่องเข้ามาด้านในห้องพัก ก่อนจะพบหญิงสาวที่เหยียดตัวนอนบนฟูกเตียงนุ่ม ข้างๆเป็นอาจารย์หมอที่คอยตรวจอาการอย่างใกล้ชิด

 

เธอไม่เป็นไรมากหรอก นายไม่ต้องเป็นห่วงนะป๊อป อาจารย์หมอเอ่ยแล้วตบบ่าของร่างสูงสองทีให้คลายความกังวล

 

ผมไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อยเจ้าของชื่อเอ่ยด้วยเสียงเรียบ แต่สายตาดันมองแต่ร่างเล็กที่อยู่บนเตียง เรียกเสียงหัวเราะให้อาจารย์หมออย่างมาก

 

ฮ่าฮ่า อย่างนั้นหรอ เธอแค่แพ้ฝุ่นก็เลยสลบไปเดี๋ยวสักพักก็ฟื้นแล้วล่ะ

 

แพ้ฝุ่น? เกิดคำถามขึ้นในหัวของป๊อปปี้ ความจริงเขาก็สงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ..ตอนที่แก้วโทรมา

 

ย้อนกลับไป..

            ป๊อปปี้และกวินที่มองหน้ากันอย่างไม่ยอมใครในขณะนั้นกลับมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ป๊อปปี้ละจากใบหน้าคมของอีกคน แล้วล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นก่อนจะกดรับ หากแต่เขาไม่ทันได้เอ่ยประโยคอะไร ปลายสายก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

[ป๊อป!นายไปช่วยพี่ฟางที่ห้องซ้อมหน่อยสิ!] คำพูดของแก้วเรียกสติ ก่อนจะมีคำถามมากมายเขามาในหัว ..ฟางมาได้ยังไง

 

“ฟาง..ยัยนั่นมาได้...

 

[ไม่ต้องถามมากจะได้ไหม!นายรีบไปช่วยพี่ฟางที่ห้องซ้อมเดี๋ยวนี้เลยนะ!ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงแล้วเนี่ย!] เมื่อพูดจบ ป๊อปปี้ก็ไม่รีรออะไร ขายาวๆเร็วเท่าความคิดร่างสูงวิ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างเร่งรีบ

 

          คำที่พูดว่า เป็นตายร้ายดี กำลังมาก่อกวนใจของเขาเป็นอย่างมาก  แต่ถ้าขืนมัวแต่คิดอะไรให้ปวดสมองคงจะช่วยอะไรไม่ได้ ป๊อปปี้แค่รู้สึกใจกระตุกอย่างบอกไม่ถูก

 

 

          เมื่อถึงหน้าห้องซ้อมร่างสูงก็ไม่รีรออะไร คว้าลูกบิดแล้วหมุนมันก่อนจะเปิดเข้าไปในห้อง สิ่งที่เห็นสร้างความแปลกใจไม่น้อยเมื่อห้องดนตรีดูใหม่และสะอาดกว่าเดิมขึ้นเยอะ ก่อนที่ป๊อปจะละสายตาจากโดยรอบแล้วมองไปยังบนพื้นที่มีร่างเล็กนอนตะแคงข้างอยู่ อีกทั้งในมือยังถือโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น

 

ฟาง!” ป๊อปปี้เข้าไปหาร่างเล็กแล้วย่อตัวลงก่อนจะวาดแขนใต้ขาทั้งสองข้างของอีกคนแล้วอุ้มฟางไว้แนบอก ไม่รอช้าร่างสูงก็รีบพาร่างเล็กออกมอย่างรวดเร็ว

 

          เขาก็คงไม่รู้ว่าภาพตรงหน้าภาพความเป็นห่วงเป็นใย แววตาและน้ำเสียงที่ดูก็รู้ว่าป๊อปปี้แคร์ผู้หญิงร่างเล็กคนนั้นมากแค่ไหน มันถูกจับจ้องโดยผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่มีเรื่องกับป๊อปปี้เมื่อครู่..กวินมองทั้งสองแล้วยกยิ้มขึ้น

 

 

          บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะทำให้ป๊อปปี้เจ็บปวดอีกทางก็ได้เด็กผู้หญิงคนนั้น ถ้าเขาจำชื่อไม่ผิด ‘ฟาง’

 

 

 

ปัง!

 

            ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออกพร้อมกับร่างแก้วที่เข้ามาหอบอยู่ภายในห้องพยาบาล ก่อนที่ร่างเล็กจะรีบเข้าไปใกล้ฟางแล้วเข้ากอบกุมมือเล็กนั่นไว้

 

พี่ฟางแก้วขอโทษนะ แก้วเอ่ยขึ้นพร้อมร่างที่รีบวิ่งไปใกล้ฟางอย่างเร็ว

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแก้ว ครูจะอยู่เฝ้าเอง พวกเธอสองคนกลับไปเรียนเถอะ เดี๋ยวถ้าฟางฟื้นครูจะพาไปส่งที่บ้านนายเองป๊อปปี้” อาจารย์หมอว่าจบก็เดินไปที่โต๊ะทำงานต่อ

 

 

            ทิ้งไว้เพียงแก้วและป๊อปปี้ที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเป็นร่างสูงเอ่ยขึ้นในความเงียบ

 

“เรามีเรื่องต้องคุยกันแก้ว”

 

            ไม่นานนักกว่าที่ป๊อปปี้และแก้วจะเดินออกมาจากห้องพยาบาลจากนั้นทั้งคู่ก็หามุมสงบนั่งคุยกันเคลียร์เรื่องที่ป๊อปปี้อยากรู้..

 

“ยัยนั่นมาที่นี่ได้ยังไง” ป๊อปปี้เริ่มบทสนทนาขึ้น

 

“เอ่อคือ

 

“นี่ยัยนั่นคิดบ้าอะไรอยู่ห้ะ ถึงลากสังขารมาที่นี่ได้ โง่ว่ะ” ร่างสูงพูดอย่างหัวเสีย ให้ตาย!

 

“นี่! ป๊อปปี้! ถ้านายไม่รู้นายอย่ามาพูดดีกว่า! พี่ฟางเธอหวังดีกับนายมากแค่ไหนไม่คิดจะเห็นค่าบ้างรึไง!” แก้วก็เหนื่อยเต็มที่ เหมือนหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ

 

“แล้วยัยนั่นจะพยายามไปเพื่ออะ!…

 

“ก็เพื่อนายไงป๊อปปี้! พี่ฟางยอมทำความสะอาดห้องซ้อมของนาย!เพื่อที่นายจะได้ซ้อมได้เล่นดนตรีอย่างที่นายชอบ พี่ฟางยังฝืนทำทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองแพ้ฝุ่น แต่ที่เธอทำทุกอย่างก็เพราะนาย!ป๊อปปี้!” คนฟังเงียบไปชั่วขณะ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้คำถึงคิดคำพูดที่จะพูดต่อไม่ออกเสียอย่างนั้น

 

“…”

 

 

ฉันขอตัวล่ะ..เพราะฉันพอจะรู้ว่าถึงจะบอกนายยังไงนายก็คงไม่เก็บไปคิดหรอกใช่มั้ยล่ะ..” แก้วพูด ก็เดินกระแทกไหล่อีกฝ่ายไป ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนอยู่กับที่แล้วความคิดมากมายก็ผสมกันจนมั่วไปหมด..

 


 

โกรธกันแล้วใช่ม้ายยยยยยย

อย่าเพิ่งดิๆ คือสมองไรต์ตอนนี้มันตื้อไปหมดแล้ววว

อยากได้กำลังใจเยอะง่าาาา ไรต์จะได้มาแต่งต่อได้

**อยากได้ตอนไหนบ้าง เม้นบอกกันได้ ถือว่าช่วยคิดพล๊อตไรต์ได้เลยยยย** 

  [อันนี้จริงจังเว้ยย ช่วยเสนอไรต์มาได้เลยนะ จะคอยอ่านและตอบเม้นด้วย]

**ไม่แน่พล๊อตของคุณอาจจะถูกนำมาแต่งในฟิคเรื่องนี้นะ** 

เม้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน

โหวตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต

ถ้าชอบก็กดติดตามมมมมมมมมมมม

สนุกต้องบอกต่อกดแนะนำกันได้นะงิ 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา