Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา

9.6

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.

  43 chapter
  860 วิจารณ์
  68.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

43) - Lover Forever - ( ...ความรักที่ไม่มีจุดจบ... )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- Lover Forever -

( ...ความรักที่ไม่มีจุดจบ... )

 

 

คุณรู้มั้ยว่าความรักคืออะไร?        

 

มันยังมีอะไรหลายอย่างที่คำว่า ความรักเป็นได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่คนสองคน   

 

แต่คุณรู้มั้ยว่าการที่เราจะรักใครสักคนน่ะ เคยคิดมั้ยว่าทำไมเราจะต้องรักคนๆนั้นโดยไม่มี

 

เหตุผล?     

 

อืมมมม...ถ้าให้เดาหลายๆคนก็คงคิดว่ามันเป็นโชคชะตาสินะ งั้นตอบให้เลยก็คือ...ไม่มีใครรู้หรอก

 

ว่ามันเกิด ขึ้นได้ยังไงแล้วทำไมเราจะต้องมาเจอคนๆนั้นทั้งๆที่โลกนี้มีคนหลายพันล้านกว่าคน   

   

ฉะนั้น...ถ้าคิดว่าโชคชะตามันกำหนดให้เรามาเจอกับคนๆนี้ จงอย่างปล่อยเขาไปแต่ก็ขอให้ไขว่คว้า

 

เอาไว้

 

เหมือนกับที่โทโมะไม่ยอมปล่อยแก้วไป เพราะว่าแก้วเองก็ไม่ได้จะไปจากโทโมะสักหน่อย >_O”

 

 

จุดเริ่มต้นของความรักต่างมุมมองที่ลงเอยด้วยสิ่งสวยงาม

 

 ( TOMO & KAEW )

 

 

 

2 เดือนต่อมา...

 

 

ก๊อกๆๆๆ

 

 

แก้วเอ้ย ตื่นได้แล้วลูกเช้าวันนี้เรามีนัดไปทะเลพัทยากันน้า ^O^//”

 

 

“ค่าาาา แก้วตื่นแล้ว @_@”กำลังหลับฝันดีเสียงของพ่อก็ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝันนั้นแล้วตอบท่านเสียงงัวเงียเพราะว่าเพิ่งจะลืมตาตื่น “อื้ออออฮ้าววววว >O<//”

 

 

       ร่างของฉันนั้นได้บิดตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนในยามรุ่งเช้าของวันหยุด ที่สดใสอย่างวันเสาร์ ซึ่งมันเช้ามาก แล้วที่พ่อปลุกเพราะอะไรรู้มั้ย?

 

 

        เพราะ ว่าวันนี้ครอบครัวฉันกับครอบครัวโทโมะจะพากันไปเที่ยวพัทยาเสาร์อาทิตย์ ค้างหนึ่งคืนที่รีสอร์ทติดทะเลที่พัทยา และฉันยังชวนฟางให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนกันด้วย ^^   แต่วันนี้ฟางคงมาที่บ้านตอนประมาณ 7 โมงแหละเพราะว่าเมื่อคืนก็คุยไลน์กันจนดึกเลย ฟางก็ตื่นเต้นใหญ่เพราะว่าได้ออกเที่ยวนอกบ้านแบบค้างคืนบ้างน่ะ ส่วนฉันก็ดีใจเหมือนกันที่จะได้เห็นทะเลสวยๆ เพราะว่าไม่ได้เห็นมานานมากแล้วล่ะ

 

 

       เฮ้ออออ คิดแล้วก็สดชื่น จริงๆ><//

 

 

“อาบน้ำดีกว่าาา ฮ้าววว”ฉัน ลุกขึ้นมานั่งตบปากหาวแล้วบิดตัวไปมาหลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วจัดการพับผ้าห่มอะไรจนเรียบร้อย  แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านตรงระเบียงเพื่อแอบมอง‘คุณแฟน’ ที่ตอนนี้ไฟห้องนอนยังคงปิดอยู่เลย แต่ลุงอากิโอะกับน้ามาซากิก็คงจะตื่นกันแล้วเพราะว่าไฟในบ้านเปิด ยกเว้นห้องนอนโทโมะห้องเดียว = =;;;

 

 

 

        แหม๋ๆๆๆ ที่นั่นส่งรูปมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้ฉันตื่นเร็วๆ อย่าตื่นสายนะ แล้วดูเขาสิ =[]=;;;;

 

 

 

“จริงๆเลยน้า”ฉัน พูดแล้วส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะเดินไปเข้าห้องนอนในตัวห้องนอนเพื่อจะรีบอาบน้ำ แล้วไปปลุกโทโมะ เพราะคาดเดาได้เลยว่าเมื่อฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็คงยังไม่ตื่นแหง๋ๆ ><!

 

 

 

         อ้อ! มา อัพเดทกันหน่อยดีกว่าตอนนี้ใครเป็นยังไงกันบ้างหลังจาก 2 เดือนมานี้ คู่ฉันกับโทโมะนี่ไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะชีวิตของเราโอเคมากๆมีเพื่อนที่ดี ครอบครัวที่ดี และอีกหลายๆอย่าง แต่จนถึงตอนนี้ฉันนี่ก็ยังคงมึนๆอยู่เลยนะเรื่องที่ว่าตอนนั้นมีคนจับตัวฉัน ไปพอตื่นมาอีกทีก็อยู่บ้านตัวเองเสียแล้ว แล้วตอนนั้นฟางมานอนค้างที่บ้านฉันด้วย พอฟางเล่าให้ฟังนี่แบบขำเลยอ่ะว่าพวกเคโอติคพากันไปช่วยฉัน ซึ่งฉันก็ต้องขอบคุณมากๆเลยจริงๆ

 

 

        แล้วชีวิตคนอื่นๆล่ะเป็นยังไงน่ะเหรอ?

 

 

 

กลุ่ม เคโอติคก็ยังเหมือนเดิมแสบๆ เกรียนๆ และบลาๆๆๆ แต่จะมีก็แค่ฟางนั่นแหละที่ตอนนี้มีเด็กรุ่นน้องมาตามจีบเมื่อช่วงคัดตัวลง กีฬาสีไม่กี่วันที่แล้ว และน้องคนนั้นที่มาจีบฟางก็คือคนๆเดียวกับคนที่เคยฝากดอกกุหลาบมาให้ฟางใน วันวาเลนไทน์นั่นแหละ

 

 

 

             น้องคนนั้นที่ชื่อว่าอะไรนะ? แบม...อ้อ!  ‘แบมแบม’ น่ะ โหยยยย อยากจะบอกว่าน้องเขาน่ารักมากอ่ะ สดใสดี แต่ฟางเนี่ยสิ บอกว่าไม่ชอบเด็ก เลยไม่รู้จะยังไงต่อเลยทีเดียว =[]=;;;

 

 

 

       แต่ที่น่าแปลกก็คือช่วงนี้ป๊อปปี้น่ะะจะชอบเข้ามายุ่งกับฟางบ่อยๆยังไงก็ ไม่รู้สินะ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันเริ่มต้นก็ตอนที่น้องคนนั้นเข้ามาจีบฟางเรื่อยๆแล้วล่ะมั้ง? ฉันก็เลยไม่รู้ว่าฟางกับป๊อปปี้นี่ยังไงกันแน่น่ะ =[]=;;;

 

 

       และส่วนคู่ของคลอรีนกับจองเบนี่... สองคนนี้ฉันไม่เห็นโมเม้นของพวกเขาเลยจริงๆเพราะว่าเลิกกันไปแล้ว

 

 

 

แต่จองเบเนี่ยสิยังห่วงคลอรีนอยู่เลย แต่คลอรีนก็ทำหน้าที่การเป็นประธานชั้น ม.5 ต่อไปอย่างดีเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่องอะไรแต่อย่างใดเลย และคลอรีนเธอก็จะแวะมาคุยกับฉันฟางแล้วก็ปังปอนด์เป็นประจำเมื่อว่าง( อ้อ! ปัง ปอนด์ตอนนี้น่ะสนิทกับฉันแล้วก็ฟางมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ แต่เธอก็ยังไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่เรื่อยๆเพราะว่างานของหัวหน้าห้องอย่างเธอ มันเยอะพอสมควร เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อนในห้องมากนักน่ะ )

 

 

 

       อ้อๆๆๆ คนๆนี้นี่ไม่อัพเดทไม่ได้เลยก็คือ!!! มิณท์หนุ่มแว่นใสนั่นเอ๊งงงงงง ^^//

 

 

 

        ที่ต้องอัพเดทก็เพราะว่าปัจจุบันนี้น่ะหนุ่มแว่นใสสุดน่ารักอย่างมิณท์คนนี้น่ะมีเจ้าของแล้ววววว อ่าห้ะ! คุณฟังไม่ผิดหรอก ^^

 

 

 

        พวกเขาสองคนเพิ่งคบกันเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง โดยมิณท์บอกว่าแฟนของเขานั้นเป็นรุ่นน้อง ม.4 เขาเอารูปให้ดูน้องคนนั้นก็น่ารักดีนะ ถึงจะอวบๆหน่อย แต่ก็ถือว่าน่ารัก ^^

 

 

 

         พวกฉันก็เลยถามว่าไปคบกันได้ไงมิณท์ก็เล่าว่าน้องเขามาสารภาพรักว่าแอบชอบ มิณท์มาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.ต้นแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่ามิณท์ไม่ชอบคนอวบ แต่พอไปๆมาๆมิณท์บอกว่าน้องเขานั้นเข้ามาจีบมิณท์ก่อนเลยด้วย แต่ไม่ได้จีบจนดูหน้าเกลียดอะไรจนเกินไปเพียงแต่ชอบทำอาหารกลางวันมาให้มิณท์กินแค่นั้นเอง ( โง้ยยยยย น่ารักอ่ะ ><///// )

 

 

 

            จนสุดท้ายก็จีบผู้ชายแว่นใสคนนี้ติดสะด้วยสิ โห๊ะๆ ฉันล่ะดีใจแทนจริงๆที่หนุ่มน่ารัก ใจดี อย่างมิณท์ลคนนี้มีสาวมาดูแลหัวใจสักที

 

 

             แล้วมิณท์ก็ชอบน้องเขาด้วยเพราะว่าน้องเขาอยู่ด้วยแล้วมิณท์รู้สึกดี แถมมิณท์ยังพาไปเที่ยวนู่นนี่ถ่ายรูปลง Facebook ซะน่ารักเชียว ^^

 

 

       เฮ้อ...เห็น อะไรหลายๆอย่างมันดีขึ้นฉันก็มีความสุขมากแล้วล่ะ เพราะว่าพวกเราก็ผ่านอะไรกันมาตั้งมากมายเหลือเกินกว่าจะมาถึงตรงนี้ ซึ่งมันก็ดีมากๆเลยจริงๆ ^_^//

 

 

 

สักพักต่อมา

 

 

 

บ้านโทโมะ

 

 

“อ้าวหนูแก้ว แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก โทโมะยังไม่ตื่นเลยช่วยไปปลุกให้แม่หน่อยสิ ^^” น้ามาซากิพูดเมื่อเปิดประตูมาเห็นว่าฉันกำลังยืนอยู่หน้าบ้านนั่นเอง

 

 

และตอนนี้น้ามาซากิแทนตัวเองว่า‘แม่’ กับฉันแล้ว แล้วฉันก็เรียกน้ามาซากิว่าแม่ด้วยเช่นกัน ^^

 

 

 

        ก็พอได้ยินน้ามาซากิพูดบอกแบบนั้นแล้วอยากจะขย้ำหน้าโทโมะจริงๆเลย ตื่นสาย! จะบอกให้นะว่าฟางโทรมาหาฉันบอกว่ากำลังจะมาที่บ้านฉันแล้ว แต่ดูโทโมะสิ! ตลอดอ่ะ แบบนี้มันต้องโดนลงโทษ >^<!

 

 

 

“เดี๋ยวแก้วขึ้นไปปลุกเองค่ะแม่ ^^”ฉันบอกกับน้ามาซากิยิ้มๆแล้วเดินเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มให้กับลุงอากิโอะที่กำลังยกกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาวางไว้หน้าบ้าน

 

 

       ฉันก็รีบเดินจ้ำอ้าวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของโทโมะเลยเพราะว่าตอนนี้คน อื่นเขาเสร็จกันเกือบหมดแล้ว ก็เหลือแต่โทโมะเนี่ยแหละที่ยังไม่ตื่นเลย ฮึ่ย! บอกหน่อยสิคะว่าฉันจะจัดการกับนายจอมตื่นสายแบบเขายังไงดี! ><!

 

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

 

       เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องฉันก็จัดการเคาะประตูทันที

 

 

 

“โทโมะ..ตื่นรึยัง คนอื่นเขาเสร็จกันหมดแล้วนะ...โทโมะ”ฉันเรียกแล้วเอาหูแนบกับประตูห้องนอนโทโมะแต่ก็ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

 

        งั้น...ลองเคาะเรียกอีกทีดีกว่าก็แล้วกันเน๊อะ ^^

 

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

 

 “โทโมะ โทโมะ ๆๆๆๆ”

 

 

 

       ...

 

 

 

       ...

 

 

 

       ...เงียบ!

 

 

 

       รอสักพักก็ยังคงเงียบ!

 

 

 

กรึก

 

 

“อ้าว ไม่ล็อคประตูอีกและ”ฉัน พูดขึ้นมาเมื่อลองบิดลูกบิดดูก็ปรากฏว่าประตูมันไม่ได้ล็อคเหมือนครั้งนั้น ที่ฉันขึ้นมาบนห้องเขาแล้วเห็นเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำน่ะ โอ๊ยยยยย นึกถึงวันนั้นแล้วแบบ...เฮือก! อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยเชียวไม่เอาแล้วนะ =;;=

 

 

 

        ที่ไม่อยากเห็นแบบนั้นอีก เพราะคุณเชื่อมั้ย?ว่า ถึงแม้ฉันจะคบกับโทโมะ แล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกหัวใจเต้นแรงทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้ๆเขาเสมอเลย บางครั้งกลับเต้นแรงกว่าตอนแรกๆด้วยซ้ำ ให้ตายสิ ><!

 

 

 

แอ๊ด

 

 

 

“ทะ...”

 

 

 

“ครอกกก ZzZzzz...”

 

 

 

“นอนแบบนี้ทิ้งไว้นี่เลยดีมั้ยจะได้มาต้องไป - -!”      

 

 

 

       เมื่อเปิดประตูมาก็เจอเข้ากับนายวิศวะ ไทยานนท์ ที่ยังคงนอนห่มผ้าห่มถึงคอหลับปุ๋ยอย่างสบายใจโดยยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเล้ยยยย ดู๊ดู ดูสิ แบบนี้มันต้องปลุก! เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วฉันก็เม้มปากเข้าหากันอย่างหมั่นเขี้ยวโทโมะ แล้วเดินไปตรงเตียงนอนของเขาทันทีแล้วยืนมองสักพัก

 

 

 

“ZzZzzzz”

 

 

 

         ยัง ยังคงนอนไม่รู้อะไร เดี๊ยะ!

 

 

 

“โทโมะ ตื่นได้แล้ววววววววว”ฉันจับเอาผมสีน้ำตาลไปทัดหูของตัวเองแล้วก้มลงไปบอกโทโมะ ที่กำลังนอนอยู่ ให้ตายสิ ห่มผ้าห่มก็ห่มถึงคอเชียวนะ จะหนาวอะไรขนาดนั้น = =;;;

 

 

 

“ZzzzZz”

 

 

“โทโมะ นี่ตกลงนายจะตื่นไม่ตื่น? ตื่นเร็วๆเลยคนอื่นเขาเสร็จกันหมดแล้วนะ ><!”ฉันบอกแล้วสะกิดโทโมะ ไปด้วย แต่โทโมะ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยสักนิด

 

 

 

       เอ...หรือว่าเขาจะป่วย? ป่วยรึปล่าว O_O?

 

 

 

        ฉัน คิดแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ในใจก็เป็นห่วงโทโมะ ว่าเขาอาจจะไม่สบายเป็นไข้อะไรรึปล่าวเพราะว่าเรียกแล้วไม่ ตื่น อีกอย่างโทโมะ น่ะเป็นคนที่หูดีมากเลยนะ ตามจริงเขาต้องได้ยินฉันตั้งแต่ตอนที่เรียกเขาที่หน้าประตูแล้วสิ แต่ว่านี่ไม่อ่ะ อาจจะเป็นไปได้นะที่เขาจะไม่สบายน่ะ

 

 

 

       เมื่อค่อนข้างที่จะมั่นใจฉันก็เลยก้มลงไปหาโทโมะ อีกนิด แล้วก็ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเขาเพื่อจะหวัดไข้ว่าโทโมะ นั้นมีอาการตัวร้อน อะไรมั้ย แต่ทว่า...

 

 

 

หมับ!

 

 

 

เฮือก!

 

 

 

OoO!!!

 

 

 

“เหว๋อ!”

 

 

 

ปึก!

 

 

 

        ตอนนั้นฉันตกใจมากที่แขนที่ใช้วัดไข้ตรงหน้าผากโทโมะ นั้นดันโดนกระชากจากฝ่ามือ หนาๆของคนที่กำลังนอนอยู่จนเป็นผลทำให้ร่างของฉันล้มลงตามแรงกระชากไปนอนทับ อยู่บนร่างของโทโมะ เต็มๆ และริมฝีปากของฉันก็ดันเผลอไปโดนแก้มขาวๆของโทโมะ ด้วย อ๊ากกกกก นี่มันอะไรกันเนี่ย!?

 

 

 

            เขาละเมอทำรึปล่าวเนี่ย? เขาได้ยินที่ฉันปลุกใช่มั้ย?

 

 

 

       เดี๋ยวนะ...อย่าบอกนะว่าโทโมะ ไม่ได้นอนหลับจริงๆเพราะว่าเขาจะแกล้งฉันน่ะ = =!

 

 

 

“จะหวัดไข้กันเหรอ?”เสียง ของโทโมะ เอ่ยถามกระซิบอยู่ที่หูของฉันจนฉันต้องรีบดันตัวเองลุกขึ้นแต่ว่าโทโมะ ก็ รั้งร่างของฉันเอาไว้ด้วยท่อนแขนที่แข็งแกร่งทั้งสองข้างที่เขากำลังใช้กอด ฉันที่กำลังนอนอยู่บนร่างของเขา

 

 

       บ้าจริงเชียว! นายโทโมะ จอมมาร! เจ้าเล่ห์! >O<///

 

 

 

“นายแกล้งนอนหลับใช่มั้ย? แกล้งหรือว่าเพิ่งตื่นพอดี บอกมา! ><!”ฉัน ถามเสียงหงุดหงิดขณะที่โทโมะ ก็กำลังมองฉันอยู่ด้วยสายตาแพรวพราวเพราะว่าตอนนี้ หน้าของเราใกล้กันมากเลยแล้วแถมยังอยู่ในท่าที่มันล่อแหลมแบบนี้อี๊กกกกก โอ๊ยยยยย ประสาทจะกินนนนน

 

 

 

       ตอนนี้หลายอารมณ์มากคือ ทั้งโมโห ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้ง...โอ๊ยย  ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี >O<!!!!

 

 

 

“จะบอกให้นะว่าฉันน่ะ...ตื่นก่อนเธอนานแล้ว ^^”เขาบอกแล้วยักคิ้วแถมยังกระชับท่อนแขนให้แน่นขึ้นอีกจนปลายจมูกของฉันกับเขามันแตะกันจนได้ แถมรับสัมผัสร้อนๆอีกในยามเช้าแบบนี้ =//////=

 

 

 

       แต่ว่าเดี๋ยวนะ!

 

 

 

       โทโมะ บอกว่าเขาตื่นก่อนฉันนานแล้วงั้นเหรอ? อ้าว! ตื่นตอนไหนเนี่ย ก็...ตอนนั้นที่เห็นไฟในห้องนอนเขามันยังปิดอยู่เลยนี่นา =[]=?

 

 

 

“ตื่นก่อน? ตอนไหน?”ฉันถามแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองโทโมะ ที่ยังคงยิ้มหน้าบานอย่างสบายอารมณ์

 

 

 

       ฮึ๋ยยยย หมั่นไส้ๆๆๆๆ >O<!

 

 

 

“ก็นานพอที่จะเห็นว่าเธอแอบเปิดผ้าม่านมองดูห้องนอนฉันน่ะ”

 

 

 

“น่ะ นี่อย่าบอกนะว่านายแกล้งเราเพราะรู้ว่าเราจะต้องมาปลุกนายใช่มั้ย ><?”

 

 

 

“ใช่” แหม่ ตอบอย่างไม่ต้องคิด = =;;;

 

 

 

“><!”

 

 

“ก็อยากให้แฟนมาปลุก ไม่ได้เหรอ?”เขา ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และนั่นแหละทำให้ฉันนั้นกัดฟันจนดังกรอดเพราะว่าหมั่นเขี้ยวโทโมะ อยากจะตีเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าโดนกอดอยู่

 

 

“แล้วก็ขอบอกเลยว่าฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งนานแล้วด้วย แต่ทำเป็นแกล้งนอนต่อเพราะอยากดูว่าท่าทีของเธอจะเป็นยังไง ^^”

 

 

 

“โทโมะ นายนี่มัน...ร้ายกาจ ><!”ฉันกัดฟันพูด

 

 

 

“จะถือว่าชมแล้วกันนะครับ คุณแฟนนนนน”

 

 

 

“ไม่ต้องมาคุณฟงคุณแฟนเลย ปล่อยเราได้แล้ว สภาพล่อแหลมแบบนี้ถ้าใครมาเห็นจะทำไง”

 

 

 

“ก็ไม่ทำไง ^^”

 

 

 

“โทโมะ! ><!”

 

 

 

“ทำไมโหดจังอ่ะ คิดว่าจะยิ้มนะเนี่ยอุตส่าห์ทำให้เขิน ปัดโธ่ Y^Y”เขาพูดแล้วก็ทำหน้ามุ่ยใส่ฉันแบบน้อยใจๆ แต่ให้ตายสิ อย่ามามุ้งมิ้งนะ ขอร้อง! ></////

 

 

 

“มันก็เขิน แต่ปล่อยเราได้แล้ว เรา...”

 

 

 

“โอ๊ะ! OoO!!!!”

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

ผ่าง!!!!

 

 

 

        อ๊ากกกกกกก

 

 

 

        ฉันเบิกตากว้างทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าน้ามาซากิกำลังยื่นอยู่ตรงหน้าประตูห้อง นอนโทโมะ ที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้แล้วกำลังมองมาที่เราสองคนตาโตปากหว๋อ อ๊ากกกก ลืมไปว่าฉันไม่ได้ปิดประตูเอาไว้ YOY!!!!

 

 

 

        โอยยยย อายอ่ะ ทำไงเด้!!!!

 

 

 

“มะ...แม่คะ คือแก้วกับโทโมะ ไม่ได้...”

 

 

 

“มะ...ไม่ ไม่ๆๆเป็นไรลูก เอ่อคือ...แม่ก็ว่าทำไมขึ้นมานาน งั้นก็...ตะ...ตามสบายนะจ๊ะ ^^;;;”

 

 

 

“มะ...แม่คะ! เดี๋ยวก่อนค่า แม่ YOY”ฉันพยายามจะอธิบายว่ามันไม่มีอะไรเลยน้ามาซากิก็เดินออกไปเสียแล้ว

 

 

 

       แต่ตอนนี้เนี่ยสิ ฉันได้ยินเสียงของโทโมะ กำลังหัวเราะอยู่ในลำคอข้างๆหูด้วยนะ!

 

 

 

       มันน่าขำตรงไหนเนี่ย?

 

 

 

ขวับ!

 

 

 

“หัวเราะทำไม? น่าขำเหรอ ><!”ฉันหันไปถลึงตาใส่โทโมะ แต่โทโมะ เนี่ยสิเอาแต่มองฉันทำหน้าตายด้านแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างสบายอารมณ์สุดๆ โหย นี่เขาไม่อายแม่เขาเลยรึไงนะ!

 

 

 

“ฮ่าๆๆ ^=^”มีการยิ้มฉีกฟันออกมาด้วยนะ

 

 

 

“ปล่อยเรา เดี๋ยวนี้เลย! ปล่อยๆๆๆ”ตอน นั้นฉันดิ้นเลยไม่ทนแล้ว อยู่ท่าแบบนี้ใจระเบิดตายพอดีกัน โทโมะ นี่ก็ชอบแกล้งอะไรแบบนี้จริงๆเลย ยิ่งเขาเห็นว่าฉันอาย ฉันเขิน เขาก็ยิ่งชอบแกล้งกัน

 

 

 

         คอยดูนะ! ฉันจะเอาคืนเขาบ้างเดี๋ยวรอโอกาสก่อนเถอะ ชิ! >^<!

 

 

 

“งั้นจุ๊บก่อนดิ เดี๋ยวปล่อย”ไม่พูดปล่าว แต่ว่าโทโมะ เขายังทำปากจู๋หน่อยๆด้วย

 

 

 

               ฮึ่ย! ไม่จ๊งไม่จุ๊บหรอก! จุ๊บเจิ๊บอะไรของเขา ><////

 

 

“ไม่! เราไม่จุ๊บนายหรอก นายชอบแกล้งเรา”ฉันบอกพลางเบ้ปากใส่ แต่โทโมะ ทำอะไรต่อรู้มั้ย?

 

 

 

เขา อมยิ้มแล้วกลอกตาขึ้นลงแบบกลุ้มกลิ่มก่อนจะกระดกหัวของตัวเองจากหมอนขึ้นมา จุ๊บปากฉันด้วยตัวเองเลย และในตอนนั้นนั่นเองที่ริมฝีปากเราแตะกันเบาๆ แต่ด้วยความที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงไปแล้วแน่ๆ เพราะร่างกายถึงกับชะงักไปสักพัก

 

 

 

              แล้วเมื่อโทโมะ เห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มแล้วยอมปล่อยท่อนแขนออกแล้วจับให้ฉันลุก ขึ้นนั่งทั้งๆที่ฉันก็ยังคงนิ่งค้างอยู่แบบนั้น โทโมะ ก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงซึ่งฉันก็เห็นแล้วว่าเขา แต่งตัวด้วยชุดไปเที่ยวแบบเรียบๆนั่นเองเสื้อคอปกลายสก็อตสีฟ้าสลับกับขาวแล้วก็กางเกงขาสั้นเสมอหัวเข่าสีดำ

 

 

 

             ตอนนั้นฉันก็เอาแต่มองโทโมะ นิ่งๆ เพราะว่าเขินน่ะสิคะ =//////=

 

 

 

       โดนจุ๊บแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วถึงกับนิ่งเลย โธ่...

 

 

 

“เป็นไร”โทโมะ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเตียงของเขา แล้วเงยหน้ามองเขานิ่งก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดบอก

 

 

 

“ปล่าว มะ...ไม่มีอะไร ” ตอบออกไปแบบนั้นทั้งๆที่หน้าแดง

 

 

 

            ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าฉันกับโทโมะ เราไม่ค่อยได้ ‘จุ๊บ’ กันบ่อยนักหรอก แล้วพอโดนมันก็เลย...นิ่งๆไปเพราะเขินน่ะบอกตรงๆว่ามันไม่เคยมีความชินเลย เพราะทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้หัวใจของฉันมันจะเต้นแรงดังตึกตักๆเสมอ

 

 

 

“แน่ใจอ่ะ”โทโมะ ถามแล้วโน้มตัวลงมาใช้มือสองข้างจับที่แก้มทั้งสองข้างของฉันให้ฉันมองสบตา กับเขาตรงๆ ฉันก็มองแล้วก็อึกอักเพราะว่าโทโมะ น่ะชอบทำให้ฉันไปต่อไม่ถูกเพราะว่าเขาเป็นคน ที่เดาทางได้ยากจริงๆ

 

 

 

        ก็แหง๋สิ เพราะว่าเขาเป็นคนที่  ‘ ไม่ธรรมดา’ ที่สุดในกลุ่มเคโอติคนี่นา

 

 

       เพราะว่าฟางเคยบอกฉันเอง และฉันก็ยังคงจดจำมันได้สนิทใจเลยทีเดียว  แล้วก็ไม่คิดที่จะลืมด้วย ^^

 

 

 

“เรา...”ไม่รู้เพราะว่าสาเหตุอันใดที่ทำให้ฉันเผลอเม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน อืมมม อาจจะเป็นเพราะความประหม่าที่ได้มองสบตากับโทโมะ ล่ะมั้ง “คือว่าเรา...”

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์นะครับ”อยู่ๆ โทโมะก็เอ่ยบอกขัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่เขากับฉันไม่ค่อยได้สัมผัสกัน บ่อยนัก แต่ทุกๆครั้งที่เขาทำ ใจของฉันมันจะเต้นแรงเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

 

 

 

       ในตอนนั้นที่โทโมะโน้มหน้าลงมาจูบฉันเบาๆมือทั้งสองข้างของฉันก็เอาไปจับ ไว้ตรงมือของโทโมะที่จับที่แก้มของฉันทั้งสองข้างแบบไม่รู้ตัว ตอนนั้นฉันก็หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นตอบรับสิ่งที่เขาส่งมอบให้ในยามเช้าแบบ นี้ มันเหมือนความฝันเลย...ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าจะมีวันนี้        วันที่โทโมะกับฉันคบกัน...

 

 

       เพราะถ้าเป็นในวันแรกๆที่ฉันเริ่มชอบเขา เขาน่ะเย็นช๊าเย็นชา จนหน้าหมั่นไส้ ตอนแรกๆมันก็สงสัยตัวเองนะว่าชอบคนเย็นชาอย่างเขาไปได้ยังไงกัน แต่พอมาถึงตอนนี้ฉันถึงได้รู้แล้วไงว่าความจริงโทโมะน่ะไม่ได้เป็นผู้ชายเย็นชา เลย เพราะว่าเขามี‘อะไร’ ให้น่าค้นหาเสมอ

 

 

 

      ก็ลองดูตอนนี้สิ...เขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เพราะว่าเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น ไม่ขี้เก๊กเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าฉันเนี่ยสิไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลยจริงๆ อึนก็ยังอึนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง 5555+

 

 

 

       แต่ให้ตายสิ...ทำไมฉันถึงได้ลืมตัวเนี่ย ประตูห้องก็ไม่ได้ปิดเดี๋ยวแม่โทโมะก็มาเห็นอีกหรอก โทโมะนะโทโมะ วิธีทำให้คนอื่นเคลิ้มตามนี่เก่งจริงๆนะ ><!    

 

 

 

รีสอร์ทริมทะเล ณ พัทยา

 

 

ตอนเย็น

 

 

 

            ตอนนี้พวกฉันอยู่กันที่ทะเลพัทยาซึ่งก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ก็ได้แวะไปซื้อ ของมาเพื่อจะทำกินกันตอนเย็น ตอนที่มาที่นี่ ฉันนั่งรถมากับโทโมะ ฟาง แล้วพิชชี่ ส่วนพ่อฉันก็ไปนั่งกับลุงอากิโอะ แล้วก็น้ามาซากิเผื่อพวกท่านจะคุยกันในเรื่องสมัยก่อนยังไงล่ะ และระหว่างขับมาฟางกับพิชชี่ก็หยอกล้อเล่นกันบนรถอย่างสนุกสนานเลยทีเดียวโทโมะก็ขับรถไปเรื่อยๆคุยกันไปเพลินๆ จนกระทั่งมาถึงที่นี่

 

 

             เราได้จองห้องพักที่เป็นรีสอร์ทติดริมทะเลไว้สองหลังซึ่งสองหลังนั้นก็อยู่ กันไปประมาณ 3 คนก็คือ ฉันอยู่กับฟางแล้วก็แม่โทโมะ ส่วนโทโมะอยู่กับพ่อเขาแล้วก็พ่อฉัน แล้วพิชชี่ยังร้องตามไปอยู่กับโทโมะด้วยบอกว่า ‘ผมอยากนอนกับพี่เขยฮะ’ ดูมันนะ พูดซะ แค่ 8 ขวบ

 

 

 

นี่ฉลาดเกินไปมั้ย?

 

 

 

“ฉันไม่ได้มาทะเลนานมากๆแล้วนะเนี่ยแก้ว”ฟางที่กำลังยืนมองน้ะทะเลที่อยู่ไกลจนสุดลูกหูลูกตาเอ่ยขึ้น

 

 

 

“ฉันก็เหมือนกัน อากาศที่นี่ดีมากเลยนะ แกว่ามั้ยฟาง”ฉันพูดแล้วหลับตารับลมที่กระทบเข้าหน้า

 

 

 

“ดีสิ ดีมากด้วย แถมได้ใส่ชุดที่แทบจะไม่เคยใส่อีก ฮ่าๆๆ”ฟางบอก

 

 

 

      จริงสินะ!

 

 

 

        จะ บอกให้ว่าน้ามาซากิน่ะจับให้ฉันกับฟางใส่ชุดแบบเดียวกัน ซึ่งมันเป็ชุดเสื้อผ้ายิปซีนั่นเอง ฉันใส่สีขาว ฟางใส่สีม่วงอ่อน ส่วนน้ามาซากิใส่สีน้ำตาล ซึ่งมันจะเป็นชุดที่เอาไว้ใส่เที่ยวทะเลน่ะแล้วชุดมันก็ยาวคลุมขาเลยด้วย แถมยังมีเครื่องประดับที่เข้ากันก็คือ ให้ใส่กำไลสีน้ำตาลที่ข้อเท้าข้างซ้ายด้วยเพราะว่ามันคือการแต่งตัวที่หลายๆ คนเชื่อว่าเป็นการนับถือเจ้าแม่แห่งท้องทะเล

 

 

 

             น้ามาซากิกับฟางจึงช่วยกันถักเปียปัดข้างให้ฉันด้วย ก็สงสัยนะว่าทำไมถึง...ช่วยกันแต่งตัวให้ฉันกันจังเลย น้ามาซากิก็บอกว่าเขาน่ะอยากมีลูกสาว แต่ดันมีลูกชายซะงั้น ก็เลยอดแต่งตัวสวยๆให้ลูกเลยเพราะว่าไม่ได้ มันคนล่ะเพศกัน 5555+       

 

    

 

“อ้าวเด็กๆ มากินกันเร็ววววว อาหารเสร็จแล้วจ้า ^O^//”

 

 

 

“ค่า / ค่า ”

 

 

 

“คร้าบ / คร้าบ”

 

 

       ฉัน ฟาง โทโมะ พิชชี่เอ่ยขานตอบรับเมื่อพ่อแม่ของพวกเราเรียกให้พวกเราไปกินอาหารที่เพิ่งทำเสร็จ พวกเขาจัดตั้งทำเป็นโต๊ะบาร์บีคิวกันด้วยแหละเพราะว่าหน้าบ้านรีสอร์ทนี้มัน จะมีสนามหญ้าเล็กๆที่มีโต๊ะนั่งให้ชมวิวทะลกันด้วย ^^

 

 

 

“อ้าว อาหารอร่อยๆมาแล้ว กินกันทุกคนๆนะจ๊ะ”

 

 

 

“เดี๋ยวๆๆครับพ่อ พี่โทโมะตั้งกล้องเอาไว้ด้วย ^O^//”พิชชี่รีบดึงชายเสื้อพ่อฉันแล้วเรียกให้ทุกคนหันมาสนใจ พอหันไปมองดูก็พบว่าโทโมะเขากำลังตั้งกล้องถ่ายรู้เอาไว้เตรียมจะถ่ายมาทางมุมนี้

 

 

 

“เดี๋ยวถ่ายรูปกันหน่อยนะครับ ผมอยากเก็บภาพนี้เอาไว้”โทโมะพูดบอกขณะกำลังจัดตัวกล้องให้ดีๆก่อนจะวิ่งมาทางนี้อย่างเร็ว

 

 

 

“เอ้าเด็กๆถ่ายรูปๆ นับพร้อมกันนะ ^O^//”ลุง อากิโอะพูดขณะที่กอดคอกับน้ามาซากิแล้วก็พ่อฉัน โทโมะที่มายืนอยู่ข้างๆฉันก็ยืนกอดคอฉันเช่นกัน ฉันก็กอดฟางต่อไปส่วนพิชชี่ก็ยืนทำมือรูปหัวใจหัวใจอยู่ข้างหน้าเลย ^^

 

 

 

“เอ้า หนึ่งงงง”

 

 

 

“สอง / สอง”พวกเราเริ่มนับพร้อมกัน

 

 

 

“สาม / สาม! เย่! ^O^//”

 

 

 

แชะ!!

 

 

 

       กล้องนั้นได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้แล้ว ซึ่งฉันคาดเดาได้เลยว่าภายในภาพนั้นทุกๆคนจะต้องกำลังยิ้มกันอยู่อย่างมี ความสุขแน่ๆ และมันก็จะเป็นภาพแห่งความทรงจำเลยล่ะ

 

 

 

ประมาณ 1 ทุ่ม

 

 

 

เครมมมมม

 

 

 

เครมมมมม

 

 

 

ฟิ้วววว  

 

 

 

 

       นี่ก็เป็นเวลาเย็นแล้วล่ะทุกคน แต่ว่า...ฉันอยากออกมานั่งอยู่ตรงเนินหินแล้วมองทะเลตรงหน้าที่มืดแล้ว แต่แค่ได้ฟังเสียงลมพัด ได้ฟังเสียงของน้ำทะเลแล้วมันก็...รู้สึกดีมิใช่น้อยเลย ส่วนฟางกับแม่แล้วพิชชี่ก็อยู่ในบ้านพักกัน ฉันเลยขอออกมานั่งเล่นตรงนี้ก่อนมันไม่ได้ไกลมากเพราะว่าน้ำทะเลมันอยู่หน้ารีสอร์ทเลย

 

 

 

       เฮ้อ...เมื่อได้มาเห็นทะเลตอนกลางคืนกับดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้อง ฟ้าแล้วฉันรู้สึกดีจริงๆนะ

 

 

 

       ฉันไม่เคยเห็นทะเลตอนกลางคืนแบบนี้มานานมากๆแล้วเพราะครั้งสุดท้ายที่ เห็นก็คือตอนที่แม่กับพ่อยังไม่เลิกกันนั่นแหละ และหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ออกไปไหนส่วนใหญ่จะอยู่บ้านดูน้อง พ่อก็ไปทำงาน

 

 

 

       ถ้าถามว่าตอนนี้คิดถึงแม่มั้ย? บอก ตรงๆเลยว่าคิดถึงมาก...อยากเจอท่านอีกครั้งแต่ว่าคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ฉันไม่เคยติดต่ออะไรกลับมาอีกตั้งแต่เลิกกับพ่อแล้วก็ทิ้งพิชชี่ เอาไว้ให้พ่อเลี้ยงคนเดียว  ฉันก็เคยถามพ่อนะว่า...ทำไมพ่อถึงเลิกกับแม่ล่ะ

 

 

       พ่อก็ตอบว่า ‘อย่าถามถึงในสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ’ หลัง จากนั้นฉันก็เลยไม่ถามอะไรอีก แต่เพียงแค่พ่อเคยบอกว่าฉันหน้าเหมือนแม่สมัยสาวๆมาก พ่อจึงคิดว่าถึงแม้ไม่มีแม่แล้วก็ยังมีฉันกับพิชชี่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ เขาจึงใช้ชีวิตดูแลเราอย่างมีความสุข สดใส ยังไงล่ะ พ่อปล่อยวางจากอดีตมากและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับฉันแล้วก็พิชชี่

 

 

 

       พ่อของฉันน่ะ  ท่านทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่ได้ขาดอะไรไปเลยด้วยซ้ำ และฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ ^^

 

 

 

“มานั่งคิดอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวน่ะ”

 

 

 

“หือ?”ใน ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเสียงของโทโมะก็ดังขึ้นมา ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองโทโมะที่เดินมานั่งลงข้างๆกันบนเนินหินนี่เขาก็มองหน้า ฉันก่อนจะพูดว่า...

 

 

 

“ทำไมมานั่งคนเดียวอ่ะ มาคนเดียวแบบนี้ห่วงนะรู้ป่าว”โทโมะมองหน้าตรงๆแล้วบอกอย่างเป็นห่วง

 

 

 

“งั้นขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้บอกน่ะเราก็แค่อยากมานั่งรับลมทะเลเฉยๆ”

 

 

 

“แล้ว...เป็นไงบ้าง โอเคมั้ย ที่นี่น่ะ”โทโมะ ถามแล้วใช้มือของเขามาจับเส้นผมของฉันตอนนี้ที่มันปลิวมาโดนหน้ามาทัดเอาไว้ ที่หู นี่ดีนะเนี่ยที่ถักเปียปัดข้างมาด้วย ไม่งั้นโดนลมทะเลพัดทีผมคงปิดหน้าฉันไปทั้งหน้าแน่ๆอ่ะ

 

 

 

“โอเคสิ มาเที่ยวกับครอบครัว มีความสุขดี ^^”

 

 

 

“เมื่อกี๊ถ่ายรูปส่งไปให้ไอ้พวกนั้น ( เคโอติค ) ดูแล้วมันบอกว่าให้ซื้อของมาฝากด้วย ฮ่าๆๆ ”

 

 

 

“ขากลับก็แวะซื้อสิ เราก็ว่าจะซื้อของไปให้ปังปอนด์กับคลอรีนแล้วก็มิณท์ด้วยเหมือนกัน”ฉันบอกแล้วโทโมะก็เงียบก่อนที่เขาจะหันไปมองน้ำทะเลนิ่งๆ

 

 

 

“เฮ้อ พูดถึงคลอรีนแล้วก็สงสารไอ้จองเบมันนะ โดนบอกเลิกไร้เหตุผลแบบนั้นน่ะ” ก็จริงอย่างที่โทโมะพูดจริงๆนั่นแหละ “ถ้าเกิดเป็นฉันนะอึดอัดตาย ที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร ทำไมต้องบอกเลิก”

 

 

“อย่าคิดแบบนั้นเลย เพราะว่าเราจะไม่มีวันพูดคำนั้นกับนายเด็ดขาด”ฉันเอามือไปแตะไว้ที่หัวไหล่ของโทโมะเบาๆจากนั้นโทโมะก็หันมามองฉันก่อนจะเอามือของเขามาจับมือที่ฉันกำลังจับหัวไหล่ของเขาอยู่เช่นกัน

 

 

 

“แก้ว”

 

 

 

“ว่าไง...”ฉันขานรับเมื่อโทโมะจ้องมองเข้ามาในดวงตาของฉันเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง 

 

 

 

 

“เมื่อกี้ก่อนที่ฉันจะเดินมาตรงนี้ ฉันก็คิดนะว่า...เราสองมาเจอกันจนกระทั่งตอนนี้ ฉันอยู่ตรงนี้...ข้างๆเธอ และเธอก็อยู่ข้างๆฉันฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก”

 

 

 

“นายกำลังจะบอกว่ามันเป็น...”

 

 

 

“ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเรียกกันยังไง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ...”โทโมะ เขยิบกายเข้ามาใกล้ฉันจนเราสองคนได้รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆตรงปลายจมูก และในตอนนั้นนั่นเองที่เขาจับมือของฉันข้างที่ฉันกำลังเอาจับหัวไหล่เขาแล้ว เอามันทาบไว้ตรงอกของเขาเอง

 

 

 

ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตักๆๆๆ

 

 

 

        เมื่อฉันได้สัมผัสตรงอกของเขาฉันก็รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มัน เริ่มเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ

 

 

 

“คือ?”ตอนนั้นฉันมองหน้าโทโมะเพราะอยากฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้ และคำตอบที่ได้...

 

 

“สิ่งที่สำคัญที่สุดของฉันตอนนี้ จากนี้...คือฉันคิดเพียงแค่ว่า เธอจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันจะดูแลไปตลอดชีวิต”

 

 

         ผู้หญิงเพียงคนเดียว...

 

 

“...”

 

 

 

“แก้ว ฉันอาจไม่ใช่คนที่ดีมาก  บางครั้งทำเธอเสียใจ แต่ก็อยากให้เธอรู้ไว้ว่าสิ่งที่ฉันมั่นใจมากที่สุดคือฉันไม่เคยคิดที่จะ เลิกรักเธอเลย...เพราะก่อนที่เราจะมาเจอกันฉันนี่วันๆนึงฉันแทบจะนับคำพูด ของตัวเองได้เลยว่าพูดอะไรบ้าง แต่พอมาเจอเธอ มันน่าขำอ่ะ ฮ่าๆ ที่ว่า...ฉันกลับกลายเป็นคนที่พูดมากได้ขนาดนี้ ^^”เขาฉีกยิ้มบางๆจนทำเอาฉันยิ้มตาม

 

 

 

“แล้วยังไงต่อเหรอ?”

 

 

 

“ก็...สิ่งที่ฉันอยากจะพูดคือต้องขอขอบคุณ‘ปลวก’ ที่ขึ้นบ้านเธอนะ ^^”

 

 

 

         ฮะ????? ปลวกเนี่ยนะ??

 

 

“ทำไมอ่ะ =[]=?”

 

 

 

“ก็ถ้าปลวกไม่ขึ้นบ้านเธอแล้วเราจะได้มาเจอกันมั้ยเล่า ><”

 

 

 

“แล้วนายรู้เรื่องปลวกขึ้นบ้านเราได้ไง”ฉันถามแต่ในใจก็ขำจะตายอยู่แล้ว เอิ่มมม นี่โทโมะกำลังจะสื่อว่า ความรักของเราในวันนี้มันมีต้นตอมาจากการที่‘ปลวกขึ้นบ้าน’ ฉันแล้วทำให้เรามาเจอกันน่ะนะ? โอเค เยี่ยม! ><!

 

 

 

“ถามพ่อเธอไง = =;;;”

 

 

 

“ก็โอเคงั้นก็แล้วแต่เลยละกัน ถ้านายจะขอบคุณปลวก” 555555 แอบขำในใจ

 

 

 

“อีกอย่างฉันก็เคยคิดนะว่าฉันมารักยัยซื่อบื้อจอมอึนอย่างเธอได้ไงวะอยากรู้ ทำไมเธอถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากขึ้นทุกวันฮะถามหน่อย = =?”

 

 

“นั่นสิเราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรามารักนายโทโมะจอมเย็นชาแห่งเคโอติคได้ยังไง เย็นชาจนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือยังยอมแพ้เลย = =;;;”เมื่อฉันตอกกลับไปโทโมะก็ทำหน้าไปต่อไม่ถูกแต่เขาก็ยิ้มออกมา

 

 

 

“แต่นั่นก็แค่ตอนนั้นน่ะนะ”เขาหยักไหล่แล้วกำมือของฉันที่กำลังทาบอยู่ตรงอกของเขาแน่นขึ้น...แน่นขึ้น“เพราะ ว่าตอนนี้รักไปแล้ว ให้เลิกรักก็คงไม่มีทางแล้วล่ะ...คำพูดแบบนี้มันอาจจะดูเลี่ยนในสายตาของ หลายๆคนนะ บอกตรงๆว่าเมื่อก่อนน่ะฉันเองก็เคยเลี่ยนกับมันเหมือนกัน”

 

 

 

“แล้วตอนนี้ล่ะ...นายเลี่ยนมั้ยที่พูดแบบนี้น่ะ”ฉันถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆ

 

 

 

“ถึง มันเลี่ยน แต่ความรู้สึกฉันที่มันอยากจะพูดกับเธอ มันก็อยากจะพูดบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไงอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจ ว่าไอ้คำพูดเลี่ยนๆแบบนี้น่ะ มันไม่ต้องมานั่งเรียบเรียงประโยคก่อนแล้วค่อยพูดหรอก”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แต่สิ่งที่มันพูดออกมา มันมาจากข้างในนี้”โทโมะจับมือให้มือของฉันกดลงตรงหน้าอกของเขาแน่นๆอีกครั้งจนมันให้ฉันได้รับรู้ถึง...

 

 

 

ตึกตักๆๆๆๆๆ

 

 

 

       หัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว

 

 

 

“หัวใจนายเต้นแรงจัง”

 

 

 

“...มันเต้นแรงแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันอยู่ใกล้เธอ...”โทโมะ พูดบอกแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันอีกก่อนที่เขาจะเอาหน้าผากของตัวเองมาแตะ เข้ากับที่หน้าผากของฉัน นั่นจึงเป็นเหตุให้จมูกของเราสองคนแตะกันมากขึ้น “และ...มันจะยังคงเต้นแรงแบบนี้ ตลอดไป...”

 

 

 

“โทโมะ นาย...”ตอนนั้นฉันพูดไม่ออกเลยเพราะว่าเขาทำให้ฉันตื้นตันอีกแล้ว แต่ว่ามันกลับมีความสุขมาก มากที่สุด...

 

 

 

            ตลอดเวลาตั้งแต่แรกเจอโทโมะฉันยังจำคำพูดที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปของโทโมะได้เลยไม่ ว่าจะเป็น...

 

 

 

            ครั้งแรกที่เขาพูดกับฉัน...

 

 

 

 

                ‘ เป็นใบ้เหรอ

 

 

 

 

      จนเรื่อยๆมา

 

 

 

 

          ‘ ฉันรู้หมดแล้วด้วยว่าฉันเป็น รักแรก ของเธอ และที่สำคัญฉันก็ดีใจ...ที่ได้ครอบครองในสิ่งที่ไม่มีใครเคยได้...นั่นก็คือ...ริมฝีปากของเธอ...

 

 

 

 

      ‘ คุณพร้อมจะเดินไปกับผมมั้ย...ถ้าคุณไม่ขัดข้อง

 

 

 

  และตอนนี้...  

 

 

 

         ‘ เธอจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันจะดูแลไปตลอดชีวิต  

 

 

       มันเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ จากความเฉยชาที่เขามีให้กันมาจนถึงตอนนี้ที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าโทโมะจะพูดคำว่า ‘รัก’ กับฉัน ทั้งๆที่ตอนแรก ฉันนี่แทบอยากจะตัดใจจากเขาแล้วเพราะคิดว่าเขา ‘ไม่มีหัวใจที่จะบอกรักใคร’ แต่พอมาตอนนี้ ฉันรู้ซึ้งเลยว่าโทโมะนั้นเป็นผู้ชายที่‘มีหัวใจที่งดงามมาก’ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยได้แสดงออกให้ใครเห็นก็ตามที...

 

 

 

“นี่...ฉันมีของจะให้เธอด้วยนะ”หลัง จากที่หน้าผากของเราแตะกันอยู่สักพักโทโมะก็ละมือออกแล้วเขาก็เอามือข้างหนึ่ง ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวนั่นแล้วหยิบบางอย่างออกมา ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ฉันเองก็แปลกใจเพราะว่ามันเหมือนกับของๆฉันเลย

 

 

 

        เพราะว่า...เขาไม่เคยบอก

 

 

 

“นะ..นั่นมัน”ฉันถึงกับพูดอึกอัก แต่โทโมะก็อมยิ้มใหญ๋แล้วก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาแพรวพราว

 

 

 

“จำได้มั้ย? ของ‘มหัศจรรย์’ ชิ้นแรกของเรา”โทโมะบอกแล้วมอง...

 

 

            เจ้าตุ๊กตานั่น...

 

 

 

            ตุ๊กตาสีน้ำตาลที่คุณยายคนนั้นเคยให้ฉัน แต่ของฉันมันเป็นสีขาว แต่ของโทโมะมันเป็นสีน้ำตาล

 

 

 

 

    ‘ ถ้าหนูชอบยายก็ยกให้เลย เพราะว่ามันอยู่มานานเป็นปีๆแล้ว ยายก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนสนใจเจ้าตุ๊กตาตัวนี้

 

 

 

 

    ‘ ทำไมถึงไม่มีใครซื้อมันล่ะคะ มันก็น่ารักดีนี่นา

 

 

 

 

         ‘ ตุ๊กตา ตัวนี้เป็นตุ๊กตาแห่งความเชื่อถ้ามีเก็บไว้ก็โชคดี แต่คนมองว่ามันงมงายก็เลยไม่มีใครซื้อ ตามจริงมี 2 ตัว อีกตัวสีน้ำตาล แต่เมื่อปีที่แล้วยายจำได้ว่ามีเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งซื้อไปจ้ะ ^^’

 

 

 

 

           เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นที่คุณยายพูดถึงก็คือ‘โทโมะ ’...  

 

 

 

 

“ตุ๊กตาตัวนี้...”

 

 

“ฉันเป็นคนซื้อไปเอง แล้วก็ไม่คิดว่าเธอเองก็จะได้มาเหมือนกัน ตอนที่ฉันซื้อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไม...แต่ตอนนี้รู้แล้ว”

 

 

 

“รู้ว่า...?”

 

 

 

“รู้ว่าที่ฉันซื้อมันมาก็เพราะว่าจะได้เอามายื่นให้เธอในตอนนี้ไง”โทโมะบอกแล้วก้มมองเจ้าตุ๊กตานั่นยิ้มๆก่อนจะยื่นมันมาให้ฉัน “มันคือตัวแทนของฉัน”เขาบอก

 

 

           แต่ทว่ามันก็มีสิ่งหนึ่งที่ฉันก็อยากจะให้เขาเหมือนกัน แล้วที่น่าประหลาดไปกว่านั้นก็คือ...ฉันเองก็ไม่คิดว่าโทโมะจะทำแบบเดียวกัน เพราะว่าฉันก็เอา‘ตุ๊กตาตัวแทน’ ของฉันมาให้เขาเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้จะให้เขาตอนไหนแค่นั้นเอง

 

 

 

“เราก็...มีของจะให้นายเหมือนกันนะ”ตอน นั้นฉันก็ใช้มืล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ใส่คลุมมาด้วย เพราะลมทะเลมันหนาวจริงๆ ถ้ามาแบบไม่ใส่เสื้อกันหนาวนี่ไม่มานะ หนาววววว “นี่ไง ^-^” ฉันพูดแล้วชูตุ๊กตานั่นตรงหน้าโทโมะ โทโมะก็เบิกตากว้างหน่อยๆเพราะไม่คิดว่าฉันจะเอามาให้เขาเหมือนกันมั้ง ^^

 

 

 

“ตัวแทนของเธอเหรอ”โทโมะพูดแล้วอมยิ้มหน่อยๆพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงแล้วเอียงคอมองเจ้าตุ๊กตานั่น

 

 

 

“ใช่ มันคือเรา...ตอนนั้นเรากำลังจะกลับบ้านแล้วเห็นมันเข้าเลยหยุดดู คุณยายคนนั้นก็ให้มา บอกว่าเหลือตัวเดียว แต่เราก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะเป็นนายที่ซื้ออีกตัวไป”

 

 

 

“แล้วนี่...กะเอามาให้ฉันเหมือนกันเหรอ”เมื่อโทโมะถามขึ้นมาแบบนั้นฉันก็ยิ้มแก้มปริให้เขาแล้วก็มองไปทางอื่น

 

 

 

“ก็ไม่รู้สินะ ^^”ฉัน ยิ้มแล้วตอนนั้นนั่งเองที่โทโมะลุกขึ้นยืนแล้วเท้าสะเอวมองฉันยิ้มๆก่อนจะเบ้ ปากเหมือนกับกำลังหมั่นไส้อะไรสักอย่าง ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน “อะไร O_O?”ฉันถามแล้วทำหน้ามึนๆ

 

 

 

“ให้ตายเห๊อะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอทำฉันเขิน”

 

 

 

        ฮะ? อะไรนะ? โทโมะเขินฉันที่ให้ตุ๊กตาเขาเนี่ยนะ?

 

 

 

“อะไรนะนายเขินเรา จริงดิ?”ตอนนั้นฉันถามแล้วยิ้มทันทีก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับถือเจ้าตุ๊กตานั่นขึ้นตรงหน้าโทโมะ “เขินที่เราจะให้ตุ๊กตานายเนี่ยนะ?”

 

 

 

“ก็ใครมันจะรู้อ่ะว่าเธอก็จะให้ฉันเหมือนกันอ่ะ ></////”เขาพูดแล้วเกาต้นคอแล้วทำท่าฟึดฟัดแบบเด็กๆ

 

 

         ว๊ายยยยย โทโมะเขินนนนน ให้ตายสิ คบกันมาก็เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ^^

 

 

 

“เอ้า แล้วไม่ดีเหรอ ^^?”

 

 

 

“มันก็ดี แต่ฉัน...ฮึ๋ยยยยย”โทโมะมองหน้าฉันอย่างหมั่นเขี้ยวแต่สิ่งที่ฉันทำในตอนนั้นคือแย่งตุ๊กตาในมือของโทโมะมาอยู่ในมือของฉันอย่างว่องไว

 

 

 

ฟึ่บ!

 

 

 

“อันนี้ตัวแทนนายแล้วก็อันนี้ตัวแทนเรา ^^”ฉันยื่นตุ๊กสีขาวของตัวเองให้โทโมะบ้างแต่โทโมะก็หรี่ตามองฉันแล้วกัดปากของตัวเอง อะ...อะไรอ่ะ ฉันทำอะไรผิดเหรอ O_O?

 

 

 

ฟึ่บ!

 

 

 

“ตัวแทนใช่มั้ย?” เขารับเจ้าตุ๊กตานั่นไปไว้ในมือตัวเอง

 

 

 

         แต่ฉันเนี่ยสิ งงโทโมะว่าเขาเป็นอะไร?

 

 

 

“นายเป็นอะไรเนี่ย = =;;;”

 

 

 

“ฉันกำลังจะโรแมนติก แต่เธอดันทำฉันเขินนนน เข้าใจป่ะ? แล้วฉันไปต่อไม่ถูก Get ยัง?><!”

 

 

 

“แล้วใครใช้ให้นายเขินกันเล่า >^<!”

 

 

 

       นั่นสิ! ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะเขินไม่เขิน เพราะปกติเขาก็รุกฉันคนเดียวอยู่แล้วนี่ ใครจะไปรู้ว่าโทโมะจะเขินกับเขาเป็นด้วย ชิๆๆๆๆ แบร่ๆๆๆๆ :P

 

 

 

“ไม่มีใครใช้หรอก มันเขินเองจบป่ะ?” ดู ดูเขาสิ เขาบ้าไปแล้ววววววว

 

 

“งั้นก็เรื่องของนายแล้วกัน ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาน่ารักตัวนี้ เราเข้าบ้านพักดีกว่ากลัวนายจับกิน :P”ฉันแลบลิ้นใส่โทโมะก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแต่หากทว่าโทโมะกลับรีบเดินตามมาคว้าข้อมือฉันเอาไว้ให้ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

 

 

หมับ!

 

 

“อะไรกัน ทำคนอื่นคลั่งจนหน้าแดงแล้วเดินหนีแบบนี้เหรอ?”โทโมะพูดแล้วทำปากหว๋อ

 

 

“เราปล่าว นายคลั่งของนายเอง”ตอบได้อย่างหน้ามึน 55555+

 

 

“จะเล่นงี้ช้ะ? ได้!”

 

 

ฟึ่บ!

 

 

“ว๊ายยยยยย เว่!”ตอนนั้นฉันกรี๊ดออกมาเมื่อโทโมะจัดการช้อนร่างของฉันเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาจนฉันเดาต่อไม่ถูกเลยว่าเขาจะทำอะไรต่อ “โทโมะ! ปล่อยเราลง นายจะทำอะไร ><?”

 

 

“บังอาจทำให้ฉันเขินจนเสียลุคมันก็ต้องโดนลงโทษ”โทโมะก้มหน้าลงมาบอกจนทำเอาฉันหน้าเหว๋อเลยทีเดียวเชียว

 

 

“ลงโทษ? อ๋ออออ นายจะลงโทษเรา?”

 

 

พรึ่บ!

 

 

พรึ่บ!

 

 

พรึ่บ!

 

 

         ใน ตอนนั้นนั่นเองที่ฉันกับโทโมะจ้องหน้ากันอย่างกวนๆ ไฟที่ติดอยู่กับต้นไม้ตรงริมทะเลทุกๆต้นแล้วก็ไฟหน้าบ้านพักก็ถูกเปิดขึ้นจน ทำให้ต้นไม้ตรงนี้สว่างไปทั่วและมันก็สวยมากเพราะไฟมันมีทั้งสีฟ้าแล้วก็ ชมพู ม่วง สลับกันไปแล้วพอแสงมันส่องสะท้อนกับน้ำทะเลนี่สวยมากๆเลยล่ะ

 

 

       โอ๊ยยย อย่าเพิ่งคิดอย่างอื่นสิแก้ว! เพราะว่าตอนนี้ฉันอาย! ถ้าใครมาเห็นเราสองคนเป็นแบบนี้ล่ะ? โทโมะแกล้งอีกแล้วววววววววว >O<////

 

 

“โทโมะปล่อยยยยย เราจะเข้าบ้านนนนน เดี๋ยวคนมาเห็น >//////<”ฉันบอกแล้วพยายามดิ้นๆๆอยู่ในอ้อมแขนของเขาแต่โทโมะคงไม่ปล่อยฉันง่ายๆหรอกเชื่อมั้ยล่ะ?

 

 

“ไม่รู้ไม่สนที่สนตอนนี้คือต้องมีคนโดนลงโทษ ซึ่งคนๆนั้นก็คือเธอ”เขาบอกแล้วเอียงคอยึกยักไปมาจนทำเอาฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยทีเดียวเชียว

 

 

“ลงโทษอะไรเล่า ปล่อยร๊าวววว ไม่งั้นเราจะฟ้องลุงอากิโอะกับน้ามาซากิจริงๆด้วย >^<”

 

 

“ฟ้องไปเลย ไม่สน เพราะยังไงซะคืนนี้ก็ต้องมีคนเปียกน้ำอยู่ดี ^^”  

 

 

        เปียกน้ำ?!

 

 

“ว่าไงนะ!?”ฉันตาโตทันทีที่โทโมะบอกแบบนั้น แต่โทโมะไม่พูดอะไรอีกแล้วอุ้มร่างฉันพาเดินไปตรงทะเล ม่ายยยยยยยยยยยยย ไม่นะ! ไม่เล่นน้ำ ไม่เอาน้า ใครก็ได้ช่วยฉันที YOY//

 

 

“ฮ่าๆๆๆๆ”

 

 

“โทโมะนายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ><”ตอนนั้นฉันกอดคอโทโมะแน่นเลยเมื่อโทโมะเดินลงมาในน้ำทะเลแล้ว  ฮือออออ ใครก็ได้ช่วยที YOY!

 

 

“จุ๊บก่อนดิจะได้หยุด ^^”

 

 

       เอาอีกแล้ว จุ๊บอีกแล้ว!

 

 

“ไม่เอาไม่จุ๊บ!”

 

 

“ไม่เอา? แน่ใจอ่ะ งั้นถ้าไม่เอาก็ปล่อยลงน้ำนะ ^-^”

 

 

“เออ งั้นก็เชิญเลย >^<”ว๊ากกกกกกก พูดผิดๆๆๆ ไม่นะๆๆ  ฉันขอถอนคำพูดดดดดด

 

 

              ปากหน๋อปากไม่น่าเลย >O<!!!!!!

 

 

“เอ้าพูดเองนะ งั้นก็...ลงน้ำ!”

 

 

“กรี๊ดดดดดดดดดด”

 

 

ตู้มมมม

 

 

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

 

แปะ แปะ แปะ

 

 

            เมื่อโทโมะปล่อยฉันลงน้ำทะเลเขาก็หัวเราะขำก๊ากแล้วก็ปรบมือเพราะความสะใจที่ได้แกล้งฉันให้ตัวเปียกแบบนี้!

 

 

 “นายโทโมะ!”ฉันเงยหน้าไปดุโทโมะแล้วก้มมองดูร่างของตัวเองที่นั่งอยู่ในน้ำทะเลส่วนโทโมะก็ยืนหัวเราะกันอยู่ได้ เออ! จะเอางี้ใช่มั้ย? ได้!

 

 

ฟึ่บ!

 

 

“เฮ้ยยยย”

 

 

ตู้มมมมม

 

 

       ร่างของโทโมะล้มลงน้ำทะเลข้างๆฉันเพราะว่าเมื่อกี้ฉันออกแรงดึงมือเขาให้ ล้มลงมา ฮ่าๆๆๆๆ สะใจอ่ะ ดี! สม! แกล้งกันดีนักฉันก็ต้องเอาคืนบ้างแหละ

 

 

“แก้ว เธอกล้าทำฉันเร๊อะ!”โทโมะพูดถามแล้วเอามือลูบหน้าของตัวเองที่โดนน้ำทะเลเต็มๆ ส่วนฉันก็รีบเอาตัวรอดโดยการลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจากตรงนี้แล้ว

 

 

       ไม่อยู่แล่ว!

 

 

“อยู่คนเดียวไปเลย :P”ฉันก้มลงไปบอกโทโมะที่ยังคงนั่งอยู่ในน้ำนั่นแล้วมองฉันปานจะกลืนกิน

 

 

“จะหนีเหรอ?”

 

 

“หนีอะไรจะเข้าบ้านแล้ว”ก็นั่นแหละจะหนี :P

 

 

“นี่! มานี่นก่อนเลยนะแก้ว!”

 

 

“ว๊ายยยย”เมื่อโทโมะดันตัวเองลุกน้ำมาจากน้ำทะเลได้ฉันก็วิ่งแล้วค่ะ ไม่อยู่แล้วค่าาาาา >O<//

 

 

        ตอน นี้เสือร้ายอย่างโทโมะเคโอติคคนนี้กำลังไล่ตามหลังฉันมาติดๆ แต่ฉันก็ต้องวิ่งหนีเขาสุดฤทธิ์เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ ได้เจอบทลงโทษหนักแน่ๆเลย งั้นขอรีบชิ่งเข้าบ้านก่อนแล้วกันเน๊อะ แต่ให้ตายสิ  โทโมะเล่นวิ่งดักทางฉันตอนเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ นี่เขากับฉันกำลังเล่นวิ่งไล่จับกันริมทะเลยามกลางคืนที่มีแสงไฟบนต้นไม้ สวยๆใช่มั้ย?

 

 

            โหยยย แต่หากทว่า...มันกลับมีความสุขมากจะบอกใคร

 

 

            เพราะมันมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในตอนที่เรากำลังวิ่งเล่นไล่จับกันแบบ นี้ และสิ่งที่ฉันก็คิดคือ ฉันจะต้องวิ่งหนีเสือร้ายอย่างโทโมะที่ฉันรักมากที่สุดคนนี้ให้ได้เล้ย! ^O^//

 

 

        แต่ขอบอกเลยว่าถึงเขาจะเป็นเสือร้ายของเคโอติคที่อาจจะเคยเย็นชามากๆ พูดน้อยจนนับคำได้ แต่ถึงยังไงซะ ฉันก็จะรักเขาที่เป็นเขา ‘นายวิศวะ’ คนนี้...ที่เป็นตัวเองแบบนี้เสมอๆและตลอดๆๆๆ ไป!!! <3

 

        และ เจ้าตุ๊กตานั่นของฉันที่ฉันให้โทโมะน่ะ ฉันก็แอบเห็นด้วยนะว่ามันมีซิปให้รูดอยู่ตรงใต้ท้องของมัน แล้วข้างในนั้นฉันก็ได้ใส่กระดาษจดหมายเล็กๆเอาไว้ให้โทโมะด้วยล่ะ ซึ่งมันก็ได้เขียนว่า...

 

            ‘ แก้ว <3 นายวิศวะ ไทยานนท์ แห่งกลุ่มเคโอติคคนนี้ที่สุด! และจะรักตลอดไปนะ นายหนุ่มข้างบ้านที่จะเป็นรักแรกและรักสุดท้ายของเรา...ตลอดกาล ^^// ’

 

 

         นั่น แหละคือสิ่งที่แก้วสาวน้อยสุดอึนเขียนจดหมายถึงโทโมะ...แต่ว่าเดี๋ยวอีกไม่นาน เธอก็จะได้รู้ว่าโทโมะเองก็เขียนถึงเธอเหมือนกัน เขานั้นได้เขียนข้อความใส่กระดาษเล็กๆแล้วใส่เอาไว้ในตัวตุ๊กตาสีน้ำตาลนั่น ที่ได้ให้เธอไปด้วยว่า...

 

 

 

         ‘ นายโทโมะ...หนุ่มข้างบ้านคนนี้จะยอมใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อจะอยู่กับสาวข้างบ้านยัยแก้วจอมอึนคนนี้ตลอดไป...รักเธอมาก จบนะ? ชัดนะ? จากโทโมะ...^-^’

 

 

 

ขอบคุณ...ที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคมากับพวกเขาทั้งหลายจนถึงวันนี้

และนามกล่าวเรียกของกลุ่ม เคโอติคก็จะยังคงอยู่ตลอดไปถึงแม้ว่าพวกเขาเรียนจบมัธยม เข้ามหาลัยมีงานทำ และพากันแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเองทั้ง 5 คนแล้วก็ตาม  

แต่ทว่าเรื่องราวของพวกเขานั้นมันก็จะยังคงอยู่กับพวกเราชาวนักอ่าน... ...ไปตลอดกาลตราบนานเท่านาน...

 

 

: K-OTIC FOREVER :

 

 

( The End... )

 

 

OPEN :: 16/09/2558

CLOSE :: 11/11/2558

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา