Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
43) - Lover Forever - ( ...ความรักที่ไม่มีจุดจบ... )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Lover Forever -
( ...ความรักที่ไม่มีจุดจบ... )
“ คุณรู้มั้ยว่าความรักคืออะไร?
มันยังมีอะไรหลายอย่างที่คำว่า ‘ความรัก’เป็นได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่คนสองคน
แต่คุณรู้มั้ยว่าการที่เราจะรักใครสักคนน่ะ เคยคิดมั้ยว่าทำไมเราจะต้องรักคนๆนั้นโดยไม่มี
เหตุผล?
อืมมมม...ถ้าให้เดาหลายๆคนก็คงคิดว่ามันเป็นโชคชะตาสินะ งั้นตอบให้เลยก็คือ...ไม่มีใครรู้หรอก
ว่ามันเกิด ขึ้นได้ยังไงแล้วทำไมเราจะต้องมาเจอคนๆนั้นทั้งๆที่โลกนี้มีคนหลายพันล้านกว่าคน
ฉะนั้น...ถ้าคิดว่าโชคชะตามันกำหนดให้เรามาเจอกับคนๆนี้ จงอย่างปล่อยเขาไปแต่ก็ขอให้ไขว่คว้า
เอาไว้
เหมือนกับที่โทโมะไม่ยอมปล่อยแก้วไป เพราะว่าแก้วเองก็ไม่ได้จะไปจากโทโมะสักหน่อย >_O”
จุดเริ่มต้นของความรักต่างมุมมองที่ลงเอยด้วยสิ่งสวยงาม
( TOMO & KAEW )
2 เดือนต่อมา...
ก๊อกๆๆๆ
แก้วเอ้ย ตื่นได้แล้วลูกเช้าวันนี้เรามีนัดไปทะเลพัทยากันน้า ^O^//”
“ค่าาาา แก้วตื่นแล้ว @_@”กำลังหลับฝันดีเสียงของพ่อก็ปลุกฉันให้ตื่นจากความฝันนั้นแล้วตอบท่านเสียงงัวเงียเพราะว่าเพิ่งจะลืมตาตื่น “อื้ออออฮ้าววววว >O<//”
ร่างของฉันนั้นได้บิดตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนในยามรุ่งเช้าของวันหยุด ที่สดใสอย่างวันเสาร์ ซึ่งมันเช้ามาก แล้วที่พ่อปลุกเพราะอะไรรู้มั้ย?
เพราะ ว่าวันนี้ครอบครัวฉันกับครอบครัวโทโมะจะพากันไปเที่ยวพัทยาเสาร์อาทิตย์ ค้างหนึ่งคืนที่รีสอร์ทติดทะเลที่พัทยา และฉันยังชวนฟางให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนกันด้วย ^^ แต่วันนี้ฟางคงมาที่บ้านตอนประมาณ 7 โมงแหละเพราะว่าเมื่อคืนก็คุยไลน์กันจนดึกเลย ฟางก็ตื่นเต้นใหญ่เพราะว่าได้ออกเที่ยวนอกบ้านแบบค้างคืนบ้างน่ะ ส่วนฉันก็ดีใจเหมือนกันที่จะได้เห็นทะเลสวยๆ เพราะว่าไม่ได้เห็นมานานมากแล้วล่ะ
เฮ้ออออ คิดแล้วก็สดชื่น จริงๆ><//
“อาบน้ำดีกว่าาา ฮ้าววว”ฉัน ลุกขึ้นมานั่งตบปากหาวแล้วบิดตัวไปมาหลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วจัดการพับผ้าห่มอะไรจนเรียบร้อย แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านตรงระเบียงเพื่อแอบมอง‘คุณแฟน’ ที่ตอนนี้ไฟห้องนอนยังคงปิดอยู่เลย แต่ลุงอากิโอะกับน้ามาซากิก็คงจะตื่นกันแล้วเพราะว่าไฟในบ้านเปิด ยกเว้นห้องนอนโทโมะห้องเดียว = =;;;
แหม๋ๆๆๆ ที่นั่นส่งรูปมาบอกว่าพรุ่งนี้ให้ฉันตื่นเร็วๆ อย่าตื่นสายนะ แล้วดูเขาสิ =[]=;;;;
“จริงๆเลยน้า”ฉัน พูดแล้วส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะเดินไปเข้าห้องนอนในตัวห้องนอนเพื่อจะรีบอาบน้ำ แล้วไปปลุกโทโมะ เพราะคาดเดาได้เลยว่าเมื่อฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็คงยังไม่ตื่นแหง๋ๆ ><!
อ้อ! มา อัพเดทกันหน่อยดีกว่าตอนนี้ใครเป็นยังไงกันบ้างหลังจาก 2 เดือนมานี้ คู่ฉันกับโทโมะนี่ไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะชีวิตของเราโอเคมากๆมีเพื่อนที่ดี ครอบครัวที่ดี และอีกหลายๆอย่าง แต่จนถึงตอนนี้ฉันนี่ก็ยังคงมึนๆอยู่เลยนะเรื่องที่ว่าตอนนั้นมีคนจับตัวฉัน ไปพอตื่นมาอีกทีก็อยู่บ้านตัวเองเสียแล้ว แล้วตอนนั้นฟางมานอนค้างที่บ้านฉันด้วย พอฟางเล่าให้ฟังนี่แบบขำเลยอ่ะว่าพวกเคโอติคพากันไปช่วยฉัน ซึ่งฉันก็ต้องขอบคุณมากๆเลยจริงๆ
แล้วชีวิตคนอื่นๆล่ะเป็นยังไงน่ะเหรอ?
กลุ่ม เคโอติคก็ยังเหมือนเดิมแสบๆ เกรียนๆ และบลาๆๆๆ แต่จะมีก็แค่ฟางนั่นแหละที่ตอนนี้มีเด็กรุ่นน้องมาตามจีบเมื่อช่วงคัดตัวลง กีฬาสีไม่กี่วันที่แล้ว และน้องคนนั้นที่มาจีบฟางก็คือคนๆเดียวกับคนที่เคยฝากดอกกุหลาบมาให้ฟางใน วันวาเลนไทน์นั่นแหละ
น้องคนนั้นที่ชื่อว่าอะไรนะ? แบม...อ้อ! ‘แบมแบม’ น่ะ โหยยยย อยากจะบอกว่าน้องเขาน่ารักมากอ่ะ สดใสดี แต่ฟางเนี่ยสิ บอกว่าไม่ชอบเด็ก เลยไม่รู้จะยังไงต่อเลยทีเดียว =[]=;;;
แต่ที่น่าแปลกก็คือช่วงนี้ป๊อปปี้น่ะะจะชอบเข้ามายุ่งกับฟางบ่อยๆยังไงก็ ไม่รู้สินะ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันเริ่มต้นก็ตอนที่น้องคนนั้นเข้ามาจีบฟางเรื่อยๆแล้วล่ะมั้ง? ฉันก็เลยไม่รู้ว่าฟางกับป๊อปปี้นี่ยังไงกันแน่น่ะ =[]=;;;
และส่วนคู่ของคลอรีนกับจองเบนี่... สองคนนี้ฉันไม่เห็นโมเม้นของพวกเขาเลยจริงๆเพราะว่าเลิกกันไปแล้ว
แต่จองเบเนี่ยสิยังห่วงคลอรีนอยู่เลย แต่คลอรีนก็ทำหน้าที่การเป็นประธานชั้น ม.5 ต่อไปอย่างดีเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่องอะไรแต่อย่างใดเลย และคลอรีนเธอก็จะแวะมาคุยกับฉันฟางแล้วก็ปังปอนด์เป็นประจำเมื่อว่าง( อ้อ! ปัง ปอนด์ตอนนี้น่ะสนิทกับฉันแล้วก็ฟางมากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ แต่เธอก็ยังไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่เรื่อยๆเพราะว่างานของหัวหน้าห้องอย่างเธอ มันเยอะพอสมควร เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อนในห้องมากนักน่ะ )
อ้อๆๆๆ คนๆนี้นี่ไม่อัพเดทไม่ได้เลยก็คือ!!! มิณท์หนุ่มแว่นใสนั่นเอ๊งงงงงง ^^//
ที่ต้องอัพเดทก็เพราะว่าปัจจุบันนี้น่ะหนุ่มแว่นใสสุดน่ารักอย่างมิณท์คนนี้น่ะมีเจ้าของแล้ววววว อ่าห้ะ! คุณฟังไม่ผิดหรอก ^^
พวกเขาสองคนเพิ่งคบกันเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง โดยมิณท์บอกว่าแฟนของเขานั้นเป็นรุ่นน้อง ม.4 เขาเอารูปให้ดูน้องคนนั้นก็น่ารักดีนะ ถึงจะอวบๆหน่อย แต่ก็ถือว่าน่ารัก ^^
พวกฉันก็เลยถามว่าไปคบกันได้ไงมิณท์ก็เล่าว่าน้องเขามาสารภาพรักว่าแอบชอบ มิณท์มาตั้งแต่เรียนอยู่ ม.ต้นแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่ามิณท์ไม่ชอบคนอวบ แต่พอไปๆมาๆมิณท์บอกว่าน้องเขานั้นเข้ามาจีบมิณท์ก่อนเลยด้วย แต่ไม่ได้จีบจนดูหน้าเกลียดอะไรจนเกินไปเพียงแต่ชอบทำอาหารกลางวันมาให้มิณท์กินแค่นั้นเอง ( โง้ยยยยย น่ารักอ่ะ ><///// )
จนสุดท้ายก็จีบผู้ชายแว่นใสคนนี้ติดสะด้วยสิ โห๊ะๆ ฉันล่ะดีใจแทนจริงๆที่หนุ่มน่ารัก ใจดี อย่างมิณท์ลคนนี้มีสาวมาดูแลหัวใจสักที
แล้วมิณท์ก็ชอบน้องเขาด้วยเพราะว่าน้องเขาอยู่ด้วยแล้วมิณท์รู้สึกดี แถมมิณท์ยังพาไปเที่ยวนู่นนี่ถ่ายรูปลง Facebook ซะน่ารักเชียว ^^
เฮ้อ...เห็น อะไรหลายๆอย่างมันดีขึ้นฉันก็มีความสุขมากแล้วล่ะ เพราะว่าพวกเราก็ผ่านอะไรกันมาตั้งมากมายเหลือเกินกว่าจะมาถึงตรงนี้ ซึ่งมันก็ดีมากๆเลยจริงๆ ^_^//
สักพักต่อมา
บ้านโทโมะ
“อ้าวหนูแก้ว แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก โทโมะยังไม่ตื่นเลยช่วยไปปลุกให้แม่หน่อยสิ ^^” น้ามาซากิพูดเมื่อเปิดประตูมาเห็นว่าฉันกำลังยืนอยู่หน้าบ้านนั่นเอง
และตอนนี้น้ามาซากิแทนตัวเองว่า‘แม่’ กับฉันแล้ว แล้วฉันก็เรียกน้ามาซากิว่าแม่ด้วยเช่นกัน ^^
ก็พอได้ยินน้ามาซากิพูดบอกแบบนั้นแล้วอยากจะขย้ำหน้าโทโมะจริงๆเลย ตื่นสาย! จะบอกให้นะว่าฟางโทรมาหาฉันบอกว่ากำลังจะมาที่บ้านฉันแล้ว แต่ดูโทโมะสิ! ตลอดอ่ะ แบบนี้มันต้องโดนลงโทษ >^<!
“เดี๋ยวแก้วขึ้นไปปลุกเองค่ะแม่ ^^”ฉันบอกกับน้ามาซากิยิ้มๆแล้วเดินเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มให้กับลุงอากิโอะที่กำลังยกกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาวางไว้หน้าบ้าน
ฉันก็รีบเดินจ้ำอ้าวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของโทโมะเลยเพราะว่าตอนนี้คน อื่นเขาเสร็จกันเกือบหมดแล้ว ก็เหลือแต่โทโมะเนี่ยแหละที่ยังไม่ตื่นเลย ฮึ่ย! บอกหน่อยสิคะว่าฉันจะจัดการกับนายจอมตื่นสายแบบเขายังไงดี! ><!
ก๊อกๆๆ
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องฉันก็จัดการเคาะประตูทันที
“โทโมะ..ตื่นรึยัง คนอื่นเขาเสร็จกันหมดแล้วนะ...โทโมะ”ฉันเรียกแล้วเอาหูแนบกับประตูห้องนอนโทโมะแต่ก็ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
งั้น...ลองเคาะเรียกอีกทีดีกว่าก็แล้วกันเน๊อะ ^^
ก๊อกๆๆ
“โทโมะ โทโมะ ๆๆๆๆ”
...
...
...เงียบ!
รอสักพักก็ยังคงเงียบ!
กรึก
“อ้าว ไม่ล็อคประตูอีกและ”ฉัน พูดขึ้นมาเมื่อลองบิดลูกบิดดูก็ปรากฏว่าประตูมันไม่ได้ล็อคเหมือนครั้งนั้น ที่ฉันขึ้นมาบนห้องเขาแล้วเห็นเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำน่ะ โอ๊ยยยยย นึกถึงวันนั้นแล้วแบบ...เฮือก! อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยเชียวไม่เอาแล้วนะ =;;=
ที่ไม่อยากเห็นแบบนั้นอีก เพราะคุณเชื่อมั้ย?ว่า ถึงแม้ฉันจะคบกับโทโมะ แล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกหัวใจเต้นแรงทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้ๆเขาเสมอเลย บางครั้งกลับเต้นแรงกว่าตอนแรกๆด้วยซ้ำ ให้ตายสิ ><!
แอ๊ด
“ทะ...”
“ครอกกก ZzZzzz...”
“นอนแบบนี้ทิ้งไว้นี่เลยดีมั้ยจะได้มาต้องไป - -!”
เมื่อเปิดประตูมาก็เจอเข้ากับนายวิศวะ ไทยานนท์ ที่ยังคงนอนห่มผ้าห่มถึงคอหลับปุ๋ยอย่างสบายใจโดยยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเล้ยยยย ดู๊ดู ดูสิ แบบนี้มันต้องปลุก! เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วฉันก็เม้มปากเข้าหากันอย่างหมั่นเขี้ยวโทโมะ แล้วเดินไปตรงเตียงนอนของเขาทันทีแล้วยืนมองสักพัก
“ZzZzzzz”
ยัง ยังคงนอนไม่รู้อะไร เดี๊ยะ!
“โทโมะ ตื่นได้แล้ววววววววว”ฉันจับเอาผมสีน้ำตาลไปทัดหูของตัวเองแล้วก้มลงไปบอกโทโมะ ที่กำลังนอนอยู่ ให้ตายสิ ห่มผ้าห่มก็ห่มถึงคอเชียวนะ จะหนาวอะไรขนาดนั้น = =;;;
“ZzzzZz”
“โทโมะ นี่ตกลงนายจะตื่นไม่ตื่น? ตื่นเร็วๆเลยคนอื่นเขาเสร็จกันหมดแล้วนะ ><!”ฉันบอกแล้วสะกิดโทโมะ ไปด้วย แต่โทโมะ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยสักนิด
เอ...หรือว่าเขาจะป่วย? ป่วยรึปล่าว O_O?
ฉัน คิดแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ในใจก็เป็นห่วงโทโมะ ว่าเขาอาจจะไม่สบายเป็นไข้อะไรรึปล่าวเพราะว่าเรียกแล้วไม่ ตื่น อีกอย่างโทโมะ น่ะเป็นคนที่หูดีมากเลยนะ ตามจริงเขาต้องได้ยินฉันตั้งแต่ตอนที่เรียกเขาที่หน้าประตูแล้วสิ แต่ว่านี่ไม่อ่ะ อาจจะเป็นไปได้นะที่เขาจะไม่สบายน่ะ
เมื่อค่อนข้างที่จะมั่นใจฉันก็เลยก้มลงไปหาโทโมะ อีกนิด แล้วก็ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเขาเพื่อจะหวัดไข้ว่าโทโมะ นั้นมีอาการตัวร้อน อะไรมั้ย แต่ทว่า...
หมับ!
เฮือก!
OoO!!!
“เหว๋อ!”
ปึก!
ตอนนั้นฉันตกใจมากที่แขนที่ใช้วัดไข้ตรงหน้าผากโทโมะ นั้นดันโดนกระชากจากฝ่ามือ หนาๆของคนที่กำลังนอนอยู่จนเป็นผลทำให้ร่างของฉันล้มลงตามแรงกระชากไปนอนทับ อยู่บนร่างของโทโมะ เต็มๆ และริมฝีปากของฉันก็ดันเผลอไปโดนแก้มขาวๆของโทโมะ ด้วย อ๊ากกกกก นี่มันอะไรกันเนี่ย!?
เขาละเมอทำรึปล่าวเนี่ย? เขาได้ยินที่ฉันปลุกใช่มั้ย?
เดี๋ยวนะ...อย่าบอกนะว่าโทโมะ ไม่ได้นอนหลับจริงๆเพราะว่าเขาจะแกล้งฉันน่ะ = =!
“จะหวัดไข้กันเหรอ?”เสียง ของโทโมะ เอ่ยถามกระซิบอยู่ที่หูของฉันจนฉันต้องรีบดันตัวเองลุกขึ้นแต่ว่าโทโมะ ก็ รั้งร่างของฉันเอาไว้ด้วยท่อนแขนที่แข็งแกร่งทั้งสองข้างที่เขากำลังใช้กอด ฉันที่กำลังนอนอยู่บนร่างของเขา
บ้าจริงเชียว! นายโทโมะ จอมมาร! เจ้าเล่ห์! >O<///
“นายแกล้งนอนหลับใช่มั้ย? แกล้งหรือว่าเพิ่งตื่นพอดี บอกมา! ><!”ฉัน ถามเสียงหงุดหงิดขณะที่โทโมะ ก็กำลังมองฉันอยู่ด้วยสายตาแพรวพราวเพราะว่าตอนนี้ หน้าของเราใกล้กันมากเลยแล้วแถมยังอยู่ในท่าที่มันล่อแหลมแบบนี้อี๊กกกกก โอ๊ยยยยย ประสาทจะกินนนนน
ตอนนี้หลายอารมณ์มากคือ ทั้งโมโห ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้ง...โอ๊ยย ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี >O<!!!!
“จะบอกให้นะว่าฉันน่ะ...ตื่นก่อนเธอนานแล้ว ^^”เขาบอกแล้วยักคิ้วแถมยังกระชับท่อนแขนให้แน่นขึ้นอีกจนปลายจมูกของฉันกับเขามันแตะกันจนได้ แถมรับสัมผัสร้อนๆอีกในยามเช้าแบบนี้ =//////=
แต่ว่าเดี๋ยวนะ!
โทโมะ บอกว่าเขาตื่นก่อนฉันนานแล้วงั้นเหรอ? อ้าว! ตื่นตอนไหนเนี่ย ก็...ตอนนั้นที่เห็นไฟในห้องนอนเขามันยังปิดอยู่เลยนี่นา =[]=?
“ตื่นก่อน? ตอนไหน?”ฉันถามแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองโทโมะ ที่ยังคงยิ้มหน้าบานอย่างสบายอารมณ์
ฮึ๋ยยยย หมั่นไส้ๆๆๆๆ >O<!
“ก็นานพอที่จะเห็นว่าเธอแอบเปิดผ้าม่านมองดูห้องนอนฉันน่ะ”
“น่ะ นี่อย่าบอกนะว่านายแกล้งเราเพราะรู้ว่าเราจะต้องมาปลุกนายใช่มั้ย ><?”
“ใช่” แหม่ ตอบอย่างไม่ต้องคิด = =;;;
“><!”
“ก็อยากให้แฟนมาปลุก ไม่ได้เหรอ?”เขา ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และนั่นแหละทำให้ฉันนั้นกัดฟันจนดังกรอดเพราะว่าหมั่นเขี้ยวโทโมะ อยากจะตีเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าโดนกอดอยู่
“แล้วก็ขอบอกเลยว่าฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งนานแล้วด้วย แต่ทำเป็นแกล้งนอนต่อเพราะอยากดูว่าท่าทีของเธอจะเป็นยังไง ^^”
“โทโมะ นายนี่มัน...ร้ายกาจ ><!”ฉันกัดฟันพูด
“จะถือว่าชมแล้วกันนะครับ คุณแฟนนนนน”
“ไม่ต้องมาคุณฟงคุณแฟนเลย ปล่อยเราได้แล้ว สภาพล่อแหลมแบบนี้ถ้าใครมาเห็นจะทำไง”
“ก็ไม่ทำไง ^^”
“โทโมะ! ><!”
“ทำไมโหดจังอ่ะ คิดว่าจะยิ้มนะเนี่ยอุตส่าห์ทำให้เขิน ปัดโธ่ Y^Y”เขาพูดแล้วก็ทำหน้ามุ่ยใส่ฉันแบบน้อยใจๆ แต่ให้ตายสิ อย่ามามุ้งมิ้งนะ ขอร้อง! ></////
“มันก็เขิน แต่ปล่อยเราได้แล้ว เรา...”
“โอ๊ะ! OoO!!!!”
ขวับ!
ผ่าง!!!!
อ๊ากกกกกกก
ฉันเบิกตากว้างทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าน้ามาซากิกำลังยื่นอยู่ตรงหน้าประตูห้อง นอนโทโมะ ที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้แล้วกำลังมองมาที่เราสองคนตาโตปากหว๋อ อ๊ากกกก ลืมไปว่าฉันไม่ได้ปิดประตูเอาไว้ YOY!!!!
โอยยยย อายอ่ะ ทำไงเด้!!!!
“มะ...แม่คะ คือแก้วกับโทโมะ ไม่ได้...”
“มะ...ไม่ ไม่ๆๆเป็นไรลูก เอ่อคือ...แม่ก็ว่าทำไมขึ้นมานาน งั้นก็...ตะ...ตามสบายนะจ๊ะ ^^;;;”
“มะ...แม่คะ! เดี๋ยวก่อนค่า แม่ YOY”ฉันพยายามจะอธิบายว่ามันไม่มีอะไรเลยน้ามาซากิก็เดินออกไปเสียแล้ว
แต่ตอนนี้เนี่ยสิ ฉันได้ยินเสียงของโทโมะ กำลังหัวเราะอยู่ในลำคอข้างๆหูด้วยนะ!
มันน่าขำตรงไหนเนี่ย?
ขวับ!
“หัวเราะทำไม? น่าขำเหรอ ><!”ฉันหันไปถลึงตาใส่โทโมะ แต่โทโมะ เนี่ยสิเอาแต่มองฉันทำหน้าตายด้านแล้วก็หัวเราะในลำคออย่างสบายอารมณ์สุดๆ โหย นี่เขาไม่อายแม่เขาเลยรึไงนะ!
“ฮ่าๆๆ ^=^”มีการยิ้มฉีกฟันออกมาด้วยนะ
“ปล่อยเรา เดี๋ยวนี้เลย! ปล่อยๆๆๆ”ตอน นั้นฉันดิ้นเลยไม่ทนแล้ว อยู่ท่าแบบนี้ใจระเบิดตายพอดีกัน โทโมะ นี่ก็ชอบแกล้งอะไรแบบนี้จริงๆเลย ยิ่งเขาเห็นว่าฉันอาย ฉันเขิน เขาก็ยิ่งชอบแกล้งกัน
คอยดูนะ! ฉันจะเอาคืนเขาบ้างเดี๋ยวรอโอกาสก่อนเถอะ ชิ! >^<!
“งั้นจุ๊บก่อนดิ เดี๋ยวปล่อย”ไม่พูดปล่าว แต่ว่าโทโมะ เขายังทำปากจู๋หน่อยๆด้วย
ฮึ่ย! ไม่จ๊งไม่จุ๊บหรอก! จุ๊บเจิ๊บอะไรของเขา ><////
“ไม่! เราไม่จุ๊บนายหรอก นายชอบแกล้งเรา”ฉันบอกพลางเบ้ปากใส่ แต่โทโมะ ทำอะไรต่อรู้มั้ย?
เขา อมยิ้มแล้วกลอกตาขึ้นลงแบบกลุ้มกลิ่มก่อนจะกระดกหัวของตัวเองจากหมอนขึ้นมา จุ๊บปากฉันด้วยตัวเองเลย และในตอนนั้นนั่นเองที่ริมฝีปากเราแตะกันเบาๆ แต่ด้วยความที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงไปแล้วแน่ๆ เพราะร่างกายถึงกับชะงักไปสักพัก
แล้วเมื่อโทโมะ เห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มแล้วยอมปล่อยท่อนแขนออกแล้วจับให้ฉันลุก ขึ้นนั่งทั้งๆที่ฉันก็ยังคงนิ่งค้างอยู่แบบนั้น โทโมะ ก็ลุกขึ้นมานั่งข้างๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงซึ่งฉันก็เห็นแล้วว่าเขา แต่งตัวด้วยชุดไปเที่ยวแบบเรียบๆนั่นเองเสื้อคอปกลายสก็อตสีฟ้าสลับกับขาวแล้วก็กางเกงขาสั้นเสมอหัวเข่าสีดำ
ตอนนั้นฉันก็เอาแต่มองโทโมะ นิ่งๆ เพราะว่าเขินน่ะสิคะ =//////=
โดนจุ๊บแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วถึงกับนิ่งเลย โธ่...
“เป็นไร”โทโมะ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเตียงของเขา แล้วเงยหน้ามองเขานิ่งก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดบอก
“ปล่าว มะ...ไม่มีอะไร ” ตอบออกไปแบบนั้นทั้งๆที่หน้าแดง
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าฉันกับโทโมะ เราไม่ค่อยได้ ‘จุ๊บ’ กันบ่อยนักหรอก แล้วพอโดนมันก็เลย...นิ่งๆไปเพราะเขินน่ะบอกตรงๆว่ามันไม่เคยมีความชินเลย เพราะทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้หัวใจของฉันมันจะเต้นแรงดังตึกตักๆเสมอ
“แน่ใจอ่ะ”โทโมะ ถามแล้วโน้มตัวลงมาใช้มือสองข้างจับที่แก้มทั้งสองข้างของฉันให้ฉันมองสบตา กับเขาตรงๆ ฉันก็มองแล้วก็อึกอักเพราะว่าโทโมะ น่ะชอบทำให้ฉันไปต่อไม่ถูกเพราะว่าเขาเป็นคน ที่เดาทางได้ยากจริงๆ
ก็แหง๋สิ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ ‘ ไม่ธรรมดา’ ที่สุดในกลุ่มเคโอติคนี่นา
เพราะว่าฟางเคยบอกฉันเอง และฉันก็ยังคงจดจำมันได้สนิทใจเลยทีเดียว แล้วก็ไม่คิดที่จะลืมด้วย ^^
“เรา...”ไม่รู้เพราะว่าสาเหตุอันใดที่ทำให้ฉันเผลอเม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน อืมมม อาจจะเป็นเพราะความประหม่าที่ได้มองสบตากับโทโมะ ล่ะมั้ง “คือว่าเรา...”
“อรุณสวัสดิ์นะครับ”อยู่ๆ โทโมะก็เอ่ยบอกขัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะทำในสิ่งที่เขากับฉันไม่ค่อยได้สัมผัสกัน บ่อยนัก แต่ทุกๆครั้งที่เขาทำ ใจของฉันมันจะเต้นแรงเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ
ในตอนนั้นที่โทโมะโน้มหน้าลงมาจูบฉันเบาๆมือทั้งสองข้างของฉันก็เอาไปจับ ไว้ตรงมือของโทโมะที่จับที่แก้มของฉันทั้งสองข้างแบบไม่รู้ตัว ตอนนั้นฉันก็หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นตอบรับสิ่งที่เขาส่งมอบให้ในยามเช้าแบบ นี้ มันเหมือนความฝันเลย...ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าจะมีวันนี้ วันที่โทโมะกับฉันคบกัน...
เพราะถ้าเป็นในวันแรกๆที่ฉันเริ่มชอบเขา เขาน่ะเย็นช๊าเย็นชา จนหน้าหมั่นไส้ ตอนแรกๆมันก็สงสัยตัวเองนะว่าชอบคนเย็นชาอย่างเขาไปได้ยังไงกัน แต่พอมาถึงตอนนี้ฉันถึงได้รู้แล้วไงว่าความจริงโทโมะน่ะไม่ได้เป็นผู้ชายเย็นชา เลย เพราะว่าเขามี‘อะไร’ ให้น่าค้นหาเสมอ
ก็ลองดูตอนนี้สิ...เขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เพราะว่าเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น ไม่ขี้เก๊กเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าฉันเนี่ยสิไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลยจริงๆ อึนก็ยังอึนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง 5555+
แต่ให้ตายสิ...ทำไมฉันถึงได้ลืมตัวเนี่ย ประตูห้องก็ไม่ได้ปิดเดี๋ยวแม่โทโมะก็มาเห็นอีกหรอก โทโมะนะโทโมะ วิธีทำให้คนอื่นเคลิ้มตามนี่เก่งจริงๆนะ ><!
รีสอร์ทริมทะเล ณ พัทยา
ตอนเย็น
ตอนนี้พวกฉันอยู่กันที่ทะเลพัทยาซึ่งก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ก็ได้แวะไปซื้อ ของมาเพื่อจะทำกินกันตอนเย็น ตอนที่มาที่นี่ ฉันนั่งรถมากับโทโมะ ฟาง แล้วพิชชี่ ส่วนพ่อฉันก็ไปนั่งกับลุงอากิโอะ แล้วก็น้ามาซากิเผื่อพวกท่านจะคุยกันในเรื่องสมัยก่อนยังไงล่ะ และระหว่างขับมาฟางกับพิชชี่ก็หยอกล้อเล่นกันบนรถอย่างสนุกสนานเลยทีเดียวโทโมะก็ขับรถไปเรื่อยๆคุยกันไปเพลินๆ จนกระทั่งมาถึงที่นี่
เราได้จองห้องพักที่เป็นรีสอร์ทติดริมทะเลไว้สองหลังซึ่งสองหลังนั้นก็อยู่ กันไปประมาณ 3 คนก็คือ ฉันอยู่กับฟางแล้วก็แม่โทโมะ ส่วนโทโมะอยู่กับพ่อเขาแล้วก็พ่อฉัน แล้วพิชชี่ยังร้องตามไปอยู่กับโทโมะด้วยบอกว่า ‘ผมอยากนอนกับพี่เขยฮะ’ ดูมันนะ พูดซะ แค่ 8 ขวบ
นี่ฉลาดเกินไปมั้ย?
“ฉันไม่ได้มาทะเลนานมากๆแล้วนะเนี่ยแก้ว”ฟางที่กำลังยืนมองน้ะทะเลที่อยู่ไกลจนสุดลูกหูลูกตาเอ่ยขึ้น
“ฉันก็เหมือนกัน อากาศที่นี่ดีมากเลยนะ แกว่ามั้ยฟาง”ฉันพูดแล้วหลับตารับลมที่กระทบเข้าหน้า
“ดีสิ ดีมากด้วย แถมได้ใส่ชุดที่แทบจะไม่เคยใส่อีก ฮ่าๆๆ”ฟางบอก
จริงสินะ!
จะ บอกให้ว่าน้ามาซากิน่ะจับให้ฉันกับฟางใส่ชุดแบบเดียวกัน ซึ่งมันเป็ชุดเสื้อผ้ายิปซีนั่นเอง ฉันใส่สีขาว ฟางใส่สีม่วงอ่อน ส่วนน้ามาซากิใส่สีน้ำตาล ซึ่งมันจะเป็นชุดที่เอาไว้ใส่เที่ยวทะเลน่ะแล้วชุดมันก็ยาวคลุมขาเลยด้วย แถมยังมีเครื่องประดับที่เข้ากันก็คือ ให้ใส่กำไลสีน้ำตาลที่ข้อเท้าข้างซ้ายด้วยเพราะว่ามันคือการแต่งตัวที่หลายๆ คนเชื่อว่าเป็นการนับถือเจ้าแม่แห่งท้องทะเล
น้ามาซากิกับฟางจึงช่วยกันถักเปียปัดข้างให้ฉันด้วย ก็สงสัยนะว่าทำไมถึง...ช่วยกันแต่งตัวให้ฉันกันจังเลย น้ามาซากิก็บอกว่าเขาน่ะอยากมีลูกสาว แต่ดันมีลูกชายซะงั้น ก็เลยอดแต่งตัวสวยๆให้ลูกเลยเพราะว่าไม่ได้ มันคนล่ะเพศกัน 5555+
“อ้าวเด็กๆ มากินกันเร็ววววว อาหารเสร็จแล้วจ้า ^O^//”
“ค่า / ค่า ”
“คร้าบ / คร้าบ”
ฉัน ฟาง โทโมะ พิชชี่เอ่ยขานตอบรับเมื่อพ่อแม่ของพวกเราเรียกให้พวกเราไปกินอาหารที่เพิ่งทำเสร็จ พวกเขาจัดตั้งทำเป็นโต๊ะบาร์บีคิวกันด้วยแหละเพราะว่าหน้าบ้านรีสอร์ทนี้มัน จะมีสนามหญ้าเล็กๆที่มีโต๊ะนั่งให้ชมวิวทะลกันด้วย ^^
“อ้าว อาหารอร่อยๆมาแล้ว กินกันทุกคนๆนะจ๊ะ”
“เดี๋ยวๆๆครับพ่อ พี่โทโมะตั้งกล้องเอาไว้ด้วย ^O^//”พิชชี่รีบดึงชายเสื้อพ่อฉันแล้วเรียกให้ทุกคนหันมาสนใจ พอหันไปมองดูก็พบว่าโทโมะเขากำลังตั้งกล้องถ่ายรู้เอาไว้เตรียมจะถ่ายมาทางมุมนี้
“เดี๋ยวถ่ายรูปกันหน่อยนะครับ ผมอยากเก็บภาพนี้เอาไว้”โทโมะพูดบอกขณะกำลังจัดตัวกล้องให้ดีๆก่อนจะวิ่งมาทางนี้อย่างเร็ว
“เอ้าเด็กๆถ่ายรูปๆ นับพร้อมกันนะ ^O^//”ลุง อากิโอะพูดขณะที่กอดคอกับน้ามาซากิแล้วก็พ่อฉัน โทโมะที่มายืนอยู่ข้างๆฉันก็ยืนกอดคอฉันเช่นกัน ฉันก็กอดฟางต่อไปส่วนพิชชี่ก็ยืนทำมือรูปหัวใจหัวใจอยู่ข้างหน้าเลย ^^
“เอ้า หนึ่งงงง”
“สอง / สอง”พวกเราเริ่มนับพร้อมกัน
“สาม / สาม! เย่! ^O^//”
แชะ!!
กล้องนั้นได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้แล้ว ซึ่งฉันคาดเดาได้เลยว่าภายในภาพนั้นทุกๆคนจะต้องกำลังยิ้มกันอยู่อย่างมี ความสุขแน่ๆ และมันก็จะเป็นภาพแห่งความทรงจำเลยล่ะ
ประมาณ 1 ทุ่ม
เครมมมมม
เครมมมมม
ฟิ้วววว
นี่ก็เป็นเวลาเย็นแล้วล่ะทุกคน แต่ว่า...ฉันอยากออกมานั่งอยู่ตรงเนินหินแล้วมองทะเลตรงหน้าที่มืดแล้ว แต่แค่ได้ฟังเสียงลมพัด ได้ฟังเสียงของน้ำทะเลแล้วมันก็...รู้สึกดีมิใช่น้อยเลย ส่วนฟางกับแม่แล้วพิชชี่ก็อยู่ในบ้านพักกัน ฉันเลยขอออกมานั่งเล่นตรงนี้ก่อนมันไม่ได้ไกลมากเพราะว่าน้ำทะเลมันอยู่หน้ารีสอร์ทเลย
เฮ้อ...เมื่อได้มาเห็นทะเลตอนกลางคืนกับดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนท้อง ฟ้าแล้วฉันรู้สึกดีจริงๆนะ
ฉันไม่เคยเห็นทะเลตอนกลางคืนแบบนี้มานานมากๆแล้วเพราะครั้งสุดท้ายที่ เห็นก็คือตอนที่แม่กับพ่อยังไม่เลิกกันนั่นแหละ และหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ออกไปไหนส่วนใหญ่จะอยู่บ้านดูน้อง พ่อก็ไปทำงาน
ถ้าถามว่าตอนนี้คิดถึงแม่มั้ย? บอก ตรงๆเลยว่าคิดถึงมาก...อยากเจอท่านอีกครั้งแต่ว่าคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ฉันไม่เคยติดต่ออะไรกลับมาอีกตั้งแต่เลิกกับพ่อแล้วก็ทิ้งพิชชี่ เอาไว้ให้พ่อเลี้ยงคนเดียว ฉันก็เคยถามพ่อนะว่า...ทำไมพ่อถึงเลิกกับแม่ล่ะ
พ่อก็ตอบว่า ‘อย่าถามถึงในสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ’ หลัง จากนั้นฉันก็เลยไม่ถามอะไรอีก แต่เพียงแค่พ่อเคยบอกว่าฉันหน้าเหมือนแม่สมัยสาวๆมาก พ่อจึงคิดว่าถึงแม้ไม่มีแม่แล้วก็ยังมีฉันกับพิชชี่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ เขาจึงใช้ชีวิตดูแลเราอย่างมีความสุข สดใส ยังไงล่ะ พ่อปล่อยวางจากอดีตมากและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับฉันแล้วก็พิชชี่
พ่อของฉันน่ะ ท่านทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันไม่ได้ขาดอะไรไปเลยด้วยซ้ำ และฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ ^^
“มานั่งคิดอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวน่ะ”
“หือ?”ใน ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเสียงของโทโมะก็ดังขึ้นมา ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองโทโมะที่เดินมานั่งลงข้างๆกันบนเนินหินนี่เขาก็มองหน้า ฉันก่อนจะพูดว่า...
“ทำไมมานั่งคนเดียวอ่ะ มาคนเดียวแบบนี้ห่วงนะรู้ป่าว”โทโมะมองหน้าตรงๆแล้วบอกอย่างเป็นห่วง
“งั้นขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้บอกน่ะเราก็แค่อยากมานั่งรับลมทะเลเฉยๆ”
“แล้ว...เป็นไงบ้าง โอเคมั้ย ที่นี่น่ะ”โทโมะ ถามแล้วใช้มือของเขามาจับเส้นผมของฉันตอนนี้ที่มันปลิวมาโดนหน้ามาทัดเอาไว้ ที่หู นี่ดีนะเนี่ยที่ถักเปียปัดข้างมาด้วย ไม่งั้นโดนลมทะเลพัดทีผมคงปิดหน้าฉันไปทั้งหน้าแน่ๆอ่ะ
“โอเคสิ มาเที่ยวกับครอบครัว มีความสุขดี ^^”
“เมื่อกี๊ถ่ายรูปส่งไปให้ไอ้พวกนั้น ( เคโอติค ) ดูแล้วมันบอกว่าให้ซื้อของมาฝากด้วย ฮ่าๆๆ ”
“ขากลับก็แวะซื้อสิ เราก็ว่าจะซื้อของไปให้ปังปอนด์กับคลอรีนแล้วก็มิณท์ด้วยเหมือนกัน”ฉันบอกแล้วโทโมะก็เงียบก่อนที่เขาจะหันไปมองน้ำทะเลนิ่งๆ
“เฮ้อ พูดถึงคลอรีนแล้วก็สงสารไอ้จองเบมันนะ โดนบอกเลิกไร้เหตุผลแบบนั้นน่ะ” ก็จริงอย่างที่โทโมะพูดจริงๆนั่นแหละ “ถ้าเกิดเป็นฉันนะอึดอัดตาย ที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร ทำไมต้องบอกเลิก”
“อย่าคิดแบบนั้นเลย เพราะว่าเราจะไม่มีวันพูดคำนั้นกับนายเด็ดขาด”ฉันเอามือไปแตะไว้ที่หัวไหล่ของโทโมะเบาๆจากนั้นโทโมะก็หันมามองฉันก่อนจะเอามือของเขามาจับมือที่ฉันกำลังจับหัวไหล่ของเขาอยู่เช่นกัน
“แก้ว”
“ว่าไง...”ฉันขานรับเมื่อโทโมะจ้องมองเข้ามาในดวงตาของฉันเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง
“เมื่อกี้ก่อนที่ฉันจะเดินมาตรงนี้ ฉันก็คิดนะว่า...เราสองมาเจอกันจนกระทั่งตอนนี้ ฉันอยู่ตรงนี้...ข้างๆเธอ และเธอก็อยู่ข้างๆฉันฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก”
“นายกำลังจะบอกว่ามันเป็น...”
“ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเรียกกันยังไง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ...”โทโมะ เขยิบกายเข้ามาใกล้ฉันจนเราสองคนได้รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆตรงปลายจมูก และในตอนนั้นนั่นเองที่เขาจับมือของฉันข้างที่ฉันกำลังเอาจับหัวไหล่เขาแล้ว เอามันทาบไว้ตรงอกของเขาเอง
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตักๆๆๆ
เมื่อฉันได้สัมผัสตรงอกของเขาฉันก็รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มัน เริ่มเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ
“คือ?”ตอนนั้นฉันมองหน้าโทโมะเพราะอยากฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้ และคำตอบที่ได้...
“สิ่งที่สำคัญที่สุดของฉันตอนนี้ จากนี้...คือฉันคิดเพียงแค่ว่า เธอจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันจะดูแลไปตลอดชีวิต”
ผู้หญิงเพียงคนเดียว...
“...”
“แก้ว ฉันอาจไม่ใช่คนที่ดีมาก บางครั้งทำเธอเสียใจ แต่ก็อยากให้เธอรู้ไว้ว่าสิ่งที่ฉันมั่นใจมากที่สุดคือฉันไม่เคยคิดที่จะ เลิกรักเธอเลย...เพราะก่อนที่เราจะมาเจอกันฉันนี่วันๆนึงฉันแทบจะนับคำพูด ของตัวเองได้เลยว่าพูดอะไรบ้าง แต่พอมาเจอเธอ มันน่าขำอ่ะ ฮ่าๆ ที่ว่า...ฉันกลับกลายเป็นคนที่พูดมากได้ขนาดนี้ ^^”เขาฉีกยิ้มบางๆจนทำเอาฉันยิ้มตาม
“แล้วยังไงต่อเหรอ?”
“ก็...สิ่งที่ฉันอยากจะพูดคือต้องขอขอบคุณ‘ปลวก’ ที่ขึ้นบ้านเธอนะ ^^”
ฮะ????? ปลวกเนี่ยนะ??
“ทำไมอ่ะ =[]=?”
“ก็ถ้าปลวกไม่ขึ้นบ้านเธอแล้วเราจะได้มาเจอกันมั้ยเล่า ><”
“แล้วนายรู้เรื่องปลวกขึ้นบ้านเราได้ไง”ฉันถามแต่ในใจก็ขำจะตายอยู่แล้ว เอิ่มมม นี่โทโมะกำลังจะสื่อว่า ความรักของเราในวันนี้มันมีต้นตอมาจากการที่‘ปลวกขึ้นบ้าน’ ฉันแล้วทำให้เรามาเจอกันน่ะนะ? โอเค เยี่ยม! ><!
“ถามพ่อเธอไง = =;;;”
“ก็โอเคงั้นก็แล้วแต่เลยละกัน ถ้านายจะขอบคุณปลวก” 555555 แอบขำในใจ
“อีกอย่างฉันก็เคยคิดนะว่าฉันมารักยัยซื่อบื้อจอมอึนอย่างเธอได้ไงวะอยากรู้ ทำไมเธอถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากขึ้นทุกวันฮะถามหน่อย = =?”
“นั่นสิเราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเรามารักนายโทโมะจอมเย็นชาแห่งเคโอติคได้ยังไง เย็นชาจนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือยังยอมแพ้เลย = =;;;”เมื่อฉันตอกกลับไปโทโมะก็ทำหน้าไปต่อไม่ถูกแต่เขาก็ยิ้มออกมา
“แต่นั่นก็แค่ตอนนั้นน่ะนะ”เขาหยักไหล่แล้วกำมือของฉันที่กำลังทาบอยู่ตรงอกของเขาแน่นขึ้น...แน่นขึ้น“เพราะ ว่าตอนนี้รักไปแล้ว ให้เลิกรักก็คงไม่มีทางแล้วล่ะ...คำพูดแบบนี้มันอาจจะดูเลี่ยนในสายตาของ หลายๆคนนะ บอกตรงๆว่าเมื่อก่อนน่ะฉันเองก็เคยเลี่ยนกับมันเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะ...นายเลี่ยนมั้ยที่พูดแบบนี้น่ะ”ฉันถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆ
“ถึง มันเลี่ยน แต่ความรู้สึกฉันที่มันอยากจะพูดกับเธอ มันก็อยากจะพูดบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไงอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจ ว่าไอ้คำพูดเลี่ยนๆแบบนี้น่ะ มันไม่ต้องมานั่งเรียบเรียงประโยคก่อนแล้วค่อยพูดหรอก”
“...”
“แต่สิ่งที่มันพูดออกมา มันมาจากข้างในนี้”โทโมะจับมือให้มือของฉันกดลงตรงหน้าอกของเขาแน่นๆอีกครั้งจนมันให้ฉันได้รับรู้ถึง...
ตึกตักๆๆๆๆๆ
หัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว
“หัวใจนายเต้นแรงจัง”
“...มันเต้นแรงแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันอยู่ใกล้เธอ...”โทโมะ พูดบอกแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันอีกก่อนที่เขาจะเอาหน้าผากของตัวเองมาแตะ เข้ากับที่หน้าผากของฉัน นั่นจึงเป็นเหตุให้จมูกของเราสองคนแตะกันมากขึ้น “และ...มันจะยังคงเต้นแรงแบบนี้ ตลอดไป...”
“โทโมะ นาย...”ตอนนั้นฉันพูดไม่ออกเลยเพราะว่าเขาทำให้ฉันตื้นตันอีกแล้ว แต่ว่ามันกลับมีความสุขมาก มากที่สุด...
ตลอดเวลาตั้งแต่แรกเจอโทโมะฉันยังจำคำพูดที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปของโทโมะได้เลยไม่ ว่าจะเป็น...
ครั้งแรกที่เขาพูดกับฉัน...
‘ เป็นใบ้เหรอ’
จนเรื่อยๆมา
‘ ฉันรู้หมดแล้วด้วยว่าฉันเป็น ‘รักแรก’ ของเธอ และที่สำคัญฉันก็ดีใจ...ที่ได้ครอบครองในสิ่งที่ไม่มีใครเคยได้...นั่นก็คือ...ริมฝีปากของเธอ...’
‘ คุณพร้อมจะเดินไปกับผมมั้ย...ถ้าคุณไม่ขัดข้อง’
และตอนนี้...
‘ เธอจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันจะดูแลไปตลอดชีวิต ’
มันเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ จากความเฉยชาที่เขามีให้กันมาจนถึงตอนนี้ที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าโทโมะจะพูดคำว่า ‘รัก’ กับฉัน ทั้งๆที่ตอนแรก ฉันนี่แทบอยากจะตัดใจจากเขาแล้วเพราะคิดว่าเขา ‘ไม่มีหัวใจที่จะบอกรักใคร’ แต่พอมาตอนนี้ ฉันรู้ซึ้งเลยว่าโทโมะนั้นเป็นผู้ชายที่‘มีหัวใจที่งดงามมาก’ ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยได้แสดงออกให้ใครเห็นก็ตามที...
“นี่...ฉันมีของจะให้เธอด้วยนะ”หลัง จากที่หน้าผากของเราแตะกันอยู่สักพักโทโมะก็ละมือออกแล้วเขาก็เอามือข้างหนึ่ง ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวนั่นแล้วหยิบบางอย่างออกมา ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ฉันเองก็แปลกใจเพราะว่ามันเหมือนกับของๆฉันเลย
เพราะว่า...เขาไม่เคยบอก
“นะ..นั่นมัน”ฉันถึงกับพูดอึกอัก แต่โทโมะก็อมยิ้มใหญ๋แล้วก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาแพรวพราว
“จำได้มั้ย? ของ‘มหัศจรรย์’ ชิ้นแรกของเรา”โทโมะบอกแล้วมอง...
เจ้าตุ๊กตานั่น...
ตุ๊กตาสีน้ำตาลที่คุณยายคนนั้นเคยให้ฉัน แต่ของฉันมันเป็นสีขาว แต่ของโทโมะมันเป็นสีน้ำตาล
‘ ถ้าหนูชอบยายก็ยกให้เลย เพราะว่ามันอยู่มานานเป็นปีๆแล้ว ยายก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนสนใจเจ้าตุ๊กตาตัวนี้’
‘ ทำไมถึงไม่มีใครซื้อมันล่ะคะ มันก็น่ารักดีนี่นา’
‘ ตุ๊กตา ตัวนี้เป็นตุ๊กตาแห่งความเชื่อถ้ามีเก็บไว้ก็โชคดี แต่คนมองว่ามันงมงายก็เลยไม่มีใครซื้อ ตามจริงมี 2 ตัว อีกตัวสีน้ำตาล แต่เมื่อปีที่แล้วยายจำได้ว่ามีเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งซื้อไปจ้ะ ^^’
เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นที่คุณยายพูดถึงก็คือ‘โทโมะ ’...
“ตุ๊กตาตัวนี้...”
“ฉันเป็นคนซื้อไปเอง แล้วก็ไม่คิดว่าเธอเองก็จะได้มาเหมือนกัน ตอนที่ฉันซื้อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไม...แต่ตอนนี้รู้แล้ว”
“รู้ว่า...?”
“รู้ว่าที่ฉันซื้อมันมาก็เพราะว่าจะได้เอามายื่นให้เธอในตอนนี้ไง”โทโมะบอกแล้วก้มมองเจ้าตุ๊กตานั่นยิ้มๆก่อนจะยื่นมันมาให้ฉัน “มันคือตัวแทนของฉัน”เขาบอก
แต่ทว่ามันก็มีสิ่งหนึ่งที่ฉันก็อยากจะให้เขาเหมือนกัน แล้วที่น่าประหลาดไปกว่านั้นก็คือ...ฉันเองก็ไม่คิดว่าโทโมะจะทำแบบเดียวกัน เพราะว่าฉันก็เอา‘ตุ๊กตาตัวแทน’ ของฉันมาให้เขาเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้จะให้เขาตอนไหนแค่นั้นเอง
“เราก็...มีของจะให้นายเหมือนกันนะ”ตอน นั้นฉันก็ใช้มืล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ใส่คลุมมาด้วย เพราะลมทะเลมันหนาวจริงๆ ถ้ามาแบบไม่ใส่เสื้อกันหนาวนี่ไม่มานะ หนาววววว “นี่ไง ^-^” ฉันพูดแล้วชูตุ๊กตานั่นตรงหน้าโทโมะ โทโมะก็เบิกตากว้างหน่อยๆเพราะไม่คิดว่าฉันจะเอามาให้เขาเหมือนกันมั้ง ^^
“ตัวแทนของเธอเหรอ”โทโมะพูดแล้วอมยิ้มหน่อยๆพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงแล้วเอียงคอมองเจ้าตุ๊กตานั่น
“ใช่ มันคือเรา...ตอนนั้นเรากำลังจะกลับบ้านแล้วเห็นมันเข้าเลยหยุดดู คุณยายคนนั้นก็ให้มา บอกว่าเหลือตัวเดียว แต่เราก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะเป็นนายที่ซื้ออีกตัวไป”
“แล้วนี่...กะเอามาให้ฉันเหมือนกันเหรอ”เมื่อโทโมะถามขึ้นมาแบบนั้นฉันก็ยิ้มแก้มปริให้เขาแล้วก็มองไปทางอื่น
“ก็ไม่รู้สินะ ^^”ฉัน ยิ้มแล้วตอนนั้นนั่งเองที่โทโมะลุกขึ้นยืนแล้วเท้าสะเอวมองฉันยิ้มๆก่อนจะเบ้ ปากเหมือนกับกำลังหมั่นไส้อะไรสักอย่าง ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน “อะไร O_O?”ฉันถามแล้วทำหน้ามึนๆ
“ให้ตายเห๊อะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอทำฉันเขิน”
ฮะ? อะไรนะ? โทโมะเขินฉันที่ให้ตุ๊กตาเขาเนี่ยนะ?
“อะไรนะนายเขินเรา จริงดิ?”ตอนนั้นฉันถามแล้วยิ้มทันทีก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับถือเจ้าตุ๊กตานั่นขึ้นตรงหน้าโทโมะ “เขินที่เราจะให้ตุ๊กตานายเนี่ยนะ?”
“ก็ใครมันจะรู้อ่ะว่าเธอก็จะให้ฉันเหมือนกันอ่ะ ></////”เขาพูดแล้วเกาต้นคอแล้วทำท่าฟึดฟัดแบบเด็กๆ
ว๊ายยยยย โทโมะเขินนนนน ให้ตายสิ คบกันมาก็เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ^^
“เอ้า แล้วไม่ดีเหรอ ^^?”
“มันก็ดี แต่ฉัน...ฮึ๋ยยยยย”โทโมะมองหน้าฉันอย่างหมั่นเขี้ยวแต่สิ่งที่ฉันทำในตอนนั้นคือแย่งตุ๊กตาในมือของโทโมะมาอยู่ในมือของฉันอย่างว่องไว
ฟึ่บ!
“อันนี้ตัวแทนนายแล้วก็อันนี้ตัวแทนเรา ^^”ฉันยื่นตุ๊กสีขาวของตัวเองให้โทโมะบ้างแต่โทโมะก็หรี่ตามองฉันแล้วกัดปากของตัวเอง อะ...อะไรอ่ะ ฉันทำอะไรผิดเหรอ O_O?
ฟึ่บ!
“ตัวแทนใช่มั้ย?” เขารับเจ้าตุ๊กตานั่นไปไว้ในมือตัวเอง
แต่ฉันเนี่ยสิ งงโทโมะว่าเขาเป็นอะไร?
“นายเป็นอะไรเนี่ย = =;;;”
“ฉันกำลังจะโรแมนติก แต่เธอดันทำฉันเขินนนน เข้าใจป่ะ? แล้วฉันไปต่อไม่ถูก Get ยัง?><!”
“แล้วใครใช้ให้นายเขินกันเล่า >^<!”
นั่นสิ! ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะเขินไม่เขิน เพราะปกติเขาก็รุกฉันคนเดียวอยู่แล้วนี่ ใครจะไปรู้ว่าโทโมะจะเขินกับเขาเป็นด้วย ชิๆๆๆๆ แบร่ๆๆๆๆ :P
“ไม่มีใครใช้หรอก มันเขินเองจบป่ะ?” ดู ดูเขาสิ เขาบ้าไปแล้ววววววว
“งั้นก็เรื่องของนายแล้วกัน ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาน่ารักตัวนี้ เราเข้าบ้านพักดีกว่ากลัวนายจับกิน :P”ฉันแลบลิ้นใส่โทโมะก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแต่หากทว่าโทโมะกลับรีบเดินตามมาคว้าข้อมือฉันเอาไว้ให้ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
หมับ!
“อะไรกัน ทำคนอื่นคลั่งจนหน้าแดงแล้วเดินหนีแบบนี้เหรอ?”โทโมะพูดแล้วทำปากหว๋อ
“เราปล่าว นายคลั่งของนายเอง”ตอบได้อย่างหน้ามึน 55555+
“จะเล่นงี้ช้ะ? ได้!”
ฟึ่บ!
“ว๊ายยยยยย เว่!”ตอนนั้นฉันกรี๊ดออกมาเมื่อโทโมะจัดการช้อนร่างของฉันเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาจนฉันเดาต่อไม่ถูกเลยว่าเขาจะทำอะไรต่อ “โทโมะ! ปล่อยเราลง นายจะทำอะไร ><?”
“บังอาจทำให้ฉันเขินจนเสียลุคมันก็ต้องโดนลงโทษ”โทโมะก้มหน้าลงมาบอกจนทำเอาฉันหน้าเหว๋อเลยทีเดียวเชียว
“ลงโทษ? อ๋ออออ นายจะลงโทษเรา?”
พรึ่บ!
พรึ่บ!
พรึ่บ!
ใน ตอนนั้นนั่นเองที่ฉันกับโทโมะจ้องหน้ากันอย่างกวนๆ ไฟที่ติดอยู่กับต้นไม้ตรงริมทะเลทุกๆต้นแล้วก็ไฟหน้าบ้านพักก็ถูกเปิดขึ้นจน ทำให้ต้นไม้ตรงนี้สว่างไปทั่วและมันก็สวยมากเพราะไฟมันมีทั้งสีฟ้าแล้วก็ ชมพู ม่วง สลับกันไปแล้วพอแสงมันส่องสะท้อนกับน้ำทะเลนี่สวยมากๆเลยล่ะ
โอ๊ยยย อย่าเพิ่งคิดอย่างอื่นสิแก้ว! เพราะว่าตอนนี้ฉันอาย! ถ้าใครมาเห็นเราสองคนเป็นแบบนี้ล่ะ? โทโมะแกล้งอีกแล้วววววววววว >O<////
“โทโมะปล่อยยยยย เราจะเข้าบ้านนนนน เดี๋ยวคนมาเห็น >//////<”ฉันบอกแล้วพยายามดิ้นๆๆอยู่ในอ้อมแขนของเขาแต่โทโมะคงไม่ปล่อยฉันง่ายๆหรอกเชื่อมั้ยล่ะ?
“ไม่รู้ไม่สนที่สนตอนนี้คือต้องมีคนโดนลงโทษ ซึ่งคนๆนั้นก็คือเธอ”เขาบอกแล้วเอียงคอยึกยักไปมาจนทำเอาฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยทีเดียวเชียว
“ลงโทษอะไรเล่า ปล่อยร๊าวววว ไม่งั้นเราจะฟ้องลุงอากิโอะกับน้ามาซากิจริงๆด้วย >^<”
“ฟ้องไปเลย ไม่สน เพราะยังไงซะคืนนี้ก็ต้องมีคนเปียกน้ำอยู่ดี ^^”
เปียกน้ำ?!
“ว่าไงนะ!?”ฉันตาโตทันทีที่โทโมะบอกแบบนั้น แต่โทโมะไม่พูดอะไรอีกแล้วอุ้มร่างฉันพาเดินไปตรงทะเล ม่ายยยยยยยยยยยยย ไม่นะ! ไม่เล่นน้ำ ไม่เอาน้า ใครก็ได้ช่วยฉันที YOY//
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“โทโมะนายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ><”ตอนนั้นฉันกอดคอโทโมะแน่นเลยเมื่อโทโมะเดินลงมาในน้ำทะเลแล้ว ฮือออออ ใครก็ได้ช่วยที YOY!
“จุ๊บก่อนดิจะได้หยุด ^^”
เอาอีกแล้ว จุ๊บอีกแล้ว!
“ไม่เอาไม่จุ๊บ!”
“ไม่เอา? แน่ใจอ่ะ งั้นถ้าไม่เอาก็ปล่อยลงน้ำนะ ^-^”
“เออ งั้นก็เชิญเลย >^<”ว๊ากกกกกกก พูดผิดๆๆๆ ไม่นะๆๆ ฉันขอถอนคำพูดดดดดด
ปากหน๋อปากไม่น่าเลย >O<!!!!!!
“เอ้าพูดเองนะ งั้นก็...ลงน้ำ!”
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
ตู้มมมม
“ฮ่าๆๆๆ”
แปะ แปะ แปะ
เมื่อโทโมะปล่อยฉันลงน้ำทะเลเขาก็หัวเราะขำก๊ากแล้วก็ปรบมือเพราะความสะใจที่ได้แกล้งฉันให้ตัวเปียกแบบนี้!
“นายโทโมะ!”ฉันเงยหน้าไปดุโทโมะแล้วก้มมองดูร่างของตัวเองที่นั่งอยู่ในน้ำทะเลส่วนโทโมะก็ยืนหัวเราะกันอยู่ได้ เออ! จะเอางี้ใช่มั้ย? ได้!
ฟึ่บ!
“เฮ้ยยยย”
ตู้มมมมม
ร่างของโทโมะล้มลงน้ำทะเลข้างๆฉันเพราะว่าเมื่อกี้ฉันออกแรงดึงมือเขาให้ ล้มลงมา ฮ่าๆๆๆๆ สะใจอ่ะ ดี! สม! แกล้งกันดีนักฉันก็ต้องเอาคืนบ้างแหละ
“แก้ว เธอกล้าทำฉันเร๊อะ!”โทโมะพูดถามแล้วเอามือลูบหน้าของตัวเองที่โดนน้ำทะเลเต็มๆ ส่วนฉันก็รีบเอาตัวรอดโดยการลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจากตรงนี้แล้ว
ไม่อยู่แล่ว!
“อยู่คนเดียวไปเลย :P”ฉันก้มลงไปบอกโทโมะที่ยังคงนั่งอยู่ในน้ำนั่นแล้วมองฉันปานจะกลืนกิน
“จะหนีเหรอ?”
“หนีอะไรจะเข้าบ้านแล้ว”ก็นั่นแหละจะหนี :P
“นี่! มานี่นก่อนเลยนะแก้ว!”
“ว๊ายยยย”เมื่อโทโมะดันตัวเองลุกน้ำมาจากน้ำทะเลได้ฉันก็วิ่งแล้วค่ะ ไม่อยู่แล้วค่าาาาา >O<//
ตอน นี้เสือร้ายอย่างโทโมะเคโอติคคนนี้กำลังไล่ตามหลังฉันมาติดๆ แต่ฉันก็ต้องวิ่งหนีเขาสุดฤทธิ์เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ ได้เจอบทลงโทษหนักแน่ๆเลย งั้นขอรีบชิ่งเข้าบ้านก่อนแล้วกันเน๊อะ แต่ให้ตายสิ โทโมะเล่นวิ่งดักทางฉันตอนเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ นี่เขากับฉันกำลังเล่นวิ่งไล่จับกันริมทะเลยามกลางคืนที่มีแสงไฟบนต้นไม้ สวยๆใช่มั้ย?
โหยยย แต่หากทว่า...มันกลับมีความสุขมากจะบอกใคร
เพราะมันมีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในตอนที่เรากำลังวิ่งเล่นไล่จับกันแบบ นี้ และสิ่งที่ฉันก็คิดคือ ฉันจะต้องวิ่งหนีเสือร้ายอย่างโทโมะที่ฉันรักมากที่สุดคนนี้ให้ได้เล้ย! ^O^//
แต่ขอบอกเลยว่าถึงเขาจะเป็นเสือร้ายของเคโอติคที่อาจจะเคยเย็นชามากๆ พูดน้อยจนนับคำได้ แต่ถึงยังไงซะ ฉันก็จะรักเขาที่เป็นเขา ‘นายวิศวะ’ คนนี้...ที่เป็นตัวเองแบบนี้เสมอๆและตลอดๆๆๆ ไป!!! <3
และ เจ้าตุ๊กตานั่นของฉันที่ฉันให้โทโมะน่ะ ฉันก็แอบเห็นด้วยนะว่ามันมีซิปให้รูดอยู่ตรงใต้ท้องของมัน แล้วข้างในนั้นฉันก็ได้ใส่กระดาษจดหมายเล็กๆเอาไว้ให้โทโมะด้วยล่ะ ซึ่งมันก็ได้เขียนว่า...
‘ แก้ว <3 นายวิศวะ ไทยานนท์ แห่งกลุ่มเคโอติคคนนี้ที่สุด! และจะรักตลอดไปนะ นายหนุ่มข้างบ้านที่จะเป็นรักแรกและรักสุดท้ายของเรา...ตลอดกาล ^^// ’
นั่น แหละคือสิ่งที่แก้วสาวน้อยสุดอึนเขียนจดหมายถึงโทโมะ...แต่ว่าเดี๋ยวอีกไม่นาน เธอก็จะได้รู้ว่าโทโมะเองก็เขียนถึงเธอเหมือนกัน เขานั้นได้เขียนข้อความใส่กระดาษเล็กๆแล้วใส่เอาไว้ในตัวตุ๊กตาสีน้ำตาลนั่น ที่ได้ให้เธอไปด้วยว่า...
‘ นายโทโมะ...หนุ่มข้างบ้านคนนี้จะยอมใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อจะอยู่กับสาวข้างบ้านยัยแก้วจอมอึนคนนี้ตลอดไป...รักเธอมาก จบนะ? ชัดนะ? จากโทโมะ...^-^’
‘ ขอบคุณ...ที่ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคมากับพวกเขาทั้งหลายจนถึงวันนี้
และนามกล่าวเรียกของกลุ่ม ‘เคโอติค’ ก็จะยังคงอยู่ตลอดไปถึงแม้ว่าพวกเขาเรียนจบมัธยม เข้ามหาลัยมีงานทำ และพากันแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเองทั้ง 5 คนแล้วก็ตาม
แต่ทว่าเรื่องราวของพวกเขานั้นมันก็จะยังคงอยู่กับพวกเราชาวนักอ่าน... ...ไปตลอดกาลตราบนานเท่านาน...’
: K-OTIC FOREVER :
( The End... )
OPEN :: 16/09/2558
CLOSE :: 11/11/2558
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ