Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

8.4

เขียนโดย blackKZ

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.

  20 chapter
  215 วิจารณ์
  30.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) ตอนที่ 7 หลอกลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

CHAPTER 7: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

 

ตอนที่ 7 หลอกลวง

 

 

 

          “ฟู่ว เหนื่อยเป็นบ้า” หลังจากแก้วคอยอยู่เป็นเพื่อนฟางจนหลับ หญิงสาวก็ขอลากลับบ้านตัวเอง เวลานี้ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน แก้วที่พึ่งอาบน้ำเสร็จได้ตัดสินใจลงมาชั้นล่างเพื่อปิดประตูก็พบว่า สองแฝดหลับเป็นตายกองกันบนโซฟา

 

 

 

 

            “เอาอีกแหละสองตัวนี้หลับคาโซฟาตลอด เฮ้อ นี้ใจคอจะให้พี่ตามเก็บทุกอย่างเลยใช่มั้ย ทีวีก็ไม่ปิด ลุกเดียวนี้นะถ้าจะนอนก็ไปนอนข้างบนสิเนยแจม!” แก้วบ่นสองสาวพยายามสะกิดปลุกทั้งคู่

 

 

 

 

            “ไม่อาว แจมกินไม่ไหวแล้ว งึมงำ” แจมงึมงำแล้วงีบต่อ

 

 

 

 

            “ละเมอเฉยเลย เอ่อๆนอนได้นอนไป” แก้วส่ายหน้าไม่ไหวแล้วเดินไปหยิบผ้านวมผืนใหญ่มาห่มให้ส่วนตัวเองขอปลีกตัวขึ้นห้องไปนอนบ้างแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป แก้วหยุดชะงักค้างเมื่อเห็นโทโมะนั่งอยู่ปลายเตียง

 

 

 

 

            “นะ นายยังอยู่เหรอ ฉันนึกว่าเฝ้าฟางซะอีก” แก้วพูด โทโมะค่อยๆเงยหน้ามองหญิงสาวหลังเธอพูดจบทำให้แก้วที่ยืนอยู่แอบขนลุกเบาๆ

 

 

 

 

            “ขอบคุณที่ช่วยดูแลฟางให้” โทโมะพูดหลุบตาต่ำ

 

 

 

 

            “อืม ไม่เป็นไรฉันเต็มใจ” แก้วตอบกล้าๆกลัว เธอยังตกใจที่ชายหนุ่มเล่นโผล่อยู่ในห้องตอนดึกอย่างนี้และในห้องก็มืดมากซะจนเธอเกือบมองไม่เห็น

 

 

 

 

            “แล้วก็ขอโทษเรื่องวันก่อนที่ทำร้ายเธอ ฉันอารมณ์ร้อนไปหน่อย ขอโทษที่ไม่ยอมฟังเธอตั้งแต่แรก แขนเธอ..” โทโมะเอยขอโทษแล้วถามเรื่องแผล

 

 

 

 

            “สบายมาก ฉันเองก็ผิดที่ประชดนายเรื่องเลยไปกันใหญ่ แล้วจี้นี้ฉันจะเอาไปคืนฟางวันหลังให้ล่ะกัน” แก้วว่าพลางยกแขนเหวี่ยงไปมาก่อนเหล่มองจี้บนโต๊ะทำงานตัวเอง เธอลืมคิดไปว่าตนยังไม่ได้เอาให้ฟาง

 

 

 

 

            “ไม่ต้องหรอกเธอเก็บไว้เหอะ” โทโมะพูด

 

 

 

 

            “แต่นายอยากอยู่กับฟางไม่ใช่เรอะ!?” แก้วขัด

 

 

 

 

            “อยู่ไป ฟางก็มองไม่เห็นฉันอยู่ดี ต่อให้ส่งเสียงเรียกไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันได้ยิน บางทีมันก็สาสมแล้วฉันผิดที่ไปทำร้ายเขา ฉันเกือบปล้ำฟางเพราะความงี่เง่าของตัวเอง ถ้าฉันเชื่อใจฟางก็คงไม่เกิดเรื่องพรรคนี้ขึ้น..” โทโมะพึมพำพลางคิดถึงวันที่ทะเลาะกับแฟนสาว แก้วเห็นโทโมะซึมจึงตัดสินใจก้าวเข้ามานั่งข้างๆชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “โทโมะ นายมีอะไรไม่สบายใจเล่าให้ฉันฟังได้นะ อย่างน้อยนายก็ยังมีฉันเป็นเพื่อน” แก้วหันไปสบตาแล้วพูดปลอบ

 

 

 

 

            “เธอไม่กลัวฉันเรอะ” โทโมะจ้องตาแก้วกลับ

 

 

 

 

            “ไม่อ่ะ สงสารมากกว่า” แก้วตอบเสียงอ่อน จังหวะนั้นแก้วเผลอมองตาโทโมะค้างซึ่งโทโมะเองก็มองเธอเช่นกันทำให้หน้าของทั้งสองห้างเพียงไม่กี่เซนก่อนที่เขาจะรู้สึกถูกแรงดึงดูดบางอย่างบังคับชายหนุ่มให้โน้มหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แก้วหลุดภวังค์ซะก่อน เธอจึงรีบเบือนหน้าหนี

 

 

 

 

            “ฉันว่าฉันไปนอนดีกว่า” แก้วพูดและลุกไปจัดการเก็บของใช้ส่วนตัว โทโมะก้มหน้าพลางเหล่มองแก้ว

 

 

 

 

            “อืม ราตรีสวัสดิ์” โทโมะเอยลา

 

 

 

 

 

 

            “แน่ใจนะคะ ว่าจะไม่ให้แจ๋วอยู่เป็นเพื่อน?” แจ๋วถามฟางด้วยความเป็นห่วง แม้ฟางจะยอมออกมาสูดอากาศข้างนอกหลังหมกตัวอยู่แต่ในห้องเป็นเวลาหลายวัน แจ๋วก็อดกังวลไม่ได้

 

 

 

 

            “พี่แจ๋วไปกับป้ามะลิเถอะคะ ฟางไม่เป็นอะไร” ฟางยิ้มบางให้ แจ๋วเห็นฟางโอเคจึงยอมไปกับป้ามะลิเพื่อจ่ายตลาดทิ้งหญิงสาวไว้คนเดียว

 

 

 

 

            “เฮ้อ” ฟางเดินมาถึงสะพานใหญ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากตลาด เธอถอนหายใจอย่างเศร้าๆพลางนึกถึงวันที่เธอจะเดินทางไปเข้าร่วมงานศพโทโมะแต่กลับโดนแม่ของเขาไล่ไม่ยอมให้มาเข้าร่วมบอกว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ลูกเขาตาย ฟางจึงได้แต่เศร้าใจกระทั่งวาระสุดท้ายเธอก็ไม่ได้เห็นหน้าเขา

 

 

 

 

            “ที่ที่เราเจอกับพี่โมะครั้งแรก” หญิงสาวมองทอดยาวลงไปในแม่น้ำหวนความทรงจำเก่าครั้งแรกที่ได้พบกับโทโมะ

 

 

 

 

            “ฮือๆ ทำไมต้องทำอย่างนี้กับฟางด้วย ถ้าไม่รักแล้วมาหลอกให้ฟางรักทำไม!” ฟางวิ่งมาถึงริมสะพานใหญ่แล้วตะโกนออกไปอย่างอัดอั้นพร้อมทั้งปล่อยโฮ

 

 

 

 

            “อยู่ไปก็เหมือนตาย สู้ตายๆไปซะยังดีกว่า” ความคิดชั่ววูบทำให้ฟางลากตัวเองขึ้นมายืนบนระเบียงสะพานก่อนจะหลับตาปริบเตรียมใจพร้อมที่จะจบชีวิต  

 

 

 

 

            “เห้ยคุณ อย่า!!!” โทโมะที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอรีบตรงดิ่งคว้าร่างหญิงสาวลงมา

 

 

 

 

            “ปล่อย! ปล่อยฉัน ฉันอยากตาย ฮือๆๆ” ฟางดิ้นร้องดันทุรังกายจะไป

 

 

 

 

            “ไม่ ฉันไม่ปล่อยเธออย่าทำอะไรบ้าๆสิ!” โทโมะรั้งร่างบอบบางไว้พูด

 

 

 

 

            “ฮือๆ เขาไม่รักฉันแล้ว ฉันไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ปล่อย ฮือ” ฟางตัดพ้อ ร้องไห้ไม่หยุด

 

 

 

 

            “เขาไม่รักก็ไม่ได้แสดงว่าเธอต้องไม่รักตัวเองด้วย คิดดีๆชีวิตเธอยังมีผู้ชายดีๆอีกตั้งมากมายที่พร้อมจะดูแลและรักเธอจากใจจริง อย่าให้ผู้ชายบัดซบเพียงคนเดียวมาทำให้เธอต้องเสียโอกาสนั้นไปสิ” โทโมะพยายามกล่อมให้ฟางเย็นลง หญิงสาวได้ฟังก็จำยอมตามที่เขาว่าแต่ยังสะอื้นอยู่ก่อนจะหันมาดูหน้าผู้ช่วยชีวิตเธอ

 

 

 

 

            “คุณเป็นใคร? ทำไมต้องมาสนฟางด้วย ฮือๆ” ฟางพูดพลางปาดน้ำตา

 

 

 

 

            “ฉันชื่อโทโมะ”

 

 

 

 

 

            “พี่โมะ” ฟางหลับตาลงรับสายลมที่ชโลมผ่านไป เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมามองน้ำที่สั่นไหวเบื้องล่างสะพาน อยู่ดีๆเหมือนมีแสงวูบวาบกระทบตาคู่สวยจนต้องหรี่ตา หญิงสาวสงสัยว่าแสงคืออะไรจึงดันตัวเองขึ้นชะเง้อมอง

 

 

 

 

            “ฟาง อย่าทำอย่างนั้นนะ!!” ป็อปปี้แอบตามฟางมาเห็นนึกว่าหญิงสาวจะฆ่าตัวตาย ตกใจวิ่งไปกระชากร่างฟางอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

            “ว้ายยยย!!!” ฟางสะดุ้งงายหลังไปตามแรงฉุด

 

 

 

 

            ตุ๊บ!

 

 

 

             เธอตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดชายหนุ่มโดยปริยายและนั่งอยู่บนตักเขาอีกด้วย

 

 

 

 

            “ฟาง ฉันรู้ว่าเธอเสียใจเรื่องโทโมะแต่ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ” ป็อปปี้พูดอย่างร้อนรน

 

 

 

 

            “ปล่อยฉันนะ!” ฟางชะงักเมื่อรู้ว่าคนที่ดึงเธอคือป็อปปี้ ก็รีบสวนกลับพยายามลุกหนี

 

 

 

 

            “ไม่ ถ้าฉันปล่อย เธอก็จะโดดน้ำฆ่าตัวตายอีกฉันไม่ยอมเด็ดขาด!” ป็อปปี้ไม่ยอมกอดฟางแน่นกว่าเดิม

 

 

 

 

            “ฆ่าตัวตาย พูดเรื่องอะไรหน่ะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งซ้ำนะ!” ฟางมึนงงก่อนจะหันมาโวยใส่

 

 

 

 

            “อ้าว แล้วเมื่อกี้” ป็อปปี้หน้าแตกเหว่อไปแวบหนึ่งถึงจะพูด

 

 

 

 

            “ฉันกำลังส่องดูข้างล่างไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย ถ้าเข้าใจก็ปล่อยฉันได้แล้ว อึดอัด!” ฟางตอบแล้วเอนตัวไปมาเพราะหายใจไม่ออก

 

 

 

 

            “ขอโทษ” ป็อปปี้พูดพร้อมคลายกอด

 

 

 

 

            “หมดธุระแล้วใช่มั้ย นั่นฉันขอตัว” ฟางลุกขึ้นปัดฝุ่นก่อนจะเหลียวหลังผละหนีกลับ ไม่อยากเห็นหน้า

 

 

 

 

            “ฟาง เธอโอเคนะ?” ป็อปปี้พูดดักทำให้ฟางนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะมองชายหนุ่มด้วยหางตา

 

 

 

 

            “นายคงจะสมเพชฉันมากสินะ” ฟางพูด

 

 

 

 

            “ฟาง ฉันไม่ได้” ป็อปปี้เข้าไปจับแขนฟาง แต่หญิงสาวสะบัดทิ้ง

 

 

 

 

            “ไม่ต้องมายุ่ง! อย่าคิดว่าทำดีไม่กี่ครั้งแล้วมันจะลบล้างสิ่งเลวร้ายที่นายทำกับฉันไว้ได้นะ” ฟางตะคอกป็อปปี้เสียงแข็งกร้าว

 

 

 

 

            “เธอจะตบตีฉันยังไงก็ได้ แต่ขอล่ะอย่าเย็นชากับฉันได้ไหม” ป็อปปี้อ้อนวอน เขาไม่ชอบที่ฟางหมางเมินกับเขา

 

 

 

 

            “ใครกัน ใครกันแน่ที่เย็นชานายเริ่มก่อนนะป็อปปี้ ฉันโง่เองที่เคยหลงรักนาย คนหลอกลวง!” ฟางพูดเสียงขุ่นจนคนได้ยินเกือบน้ำตาคลอเบ้า

 

 

 

 

            “คุณหนูคะคุณหนู ว้ายยย คุณภานุ!!” แจ๋วที่ออกตามหาฟางก็ตกใจเมื่อเห็นฟางอยู่กับป็อปปี้ก็รีบวิ่งเข้าไปสกัดกั้นระหว่างทั้งสอง

 

 

 

 

            “พี่แจ๋วคะ ฟางรู้สึกไม่ค่อยสบายช่วยพาฟางกลับบ้านที” ฟางพูด

 

 

 

 

            “เดียวสิฟาง! เธอยังไม่เข้าใจ ฉัน..” ป็อปปี้พยายามอธิบายแต่เจอแจ๋วดักทางเสียก่อน

 

 

 

 

            “อย่ามายุ่งกับคุณหนูนะ! แกมันไอ้หมาวัดริจะใฝ่สูง คุณหนูฟางไม่มีวันลดตัวมาคบกับคนถ่อยอย่างแกอีก ไสหัวไปซะ!!” แจ๋วด่าผลักไล่ชายหนุ่มทำให้เขาเซถอยหลังจะล้มแต่ยังดีประคองตัวเองไว้ได้

 

 

 

 

            “แจ๋วพอเถอะ! คุณป็อปคะป้าว่าคุณกลับไปก่อนเถอะคะ” มะลิรีบห้ามปราม

 

 

 

 

            “ป้าจะไปพูดดีกับมันทำไม!?” แจ๋วพูดและมองป็อปปี้เคืองๆ

 

 

 

 

            “แจ๋ว พาคุณหนูฟางกลับไปได้แล้ว คุณป็อปอย่าหาว่าป้าอย่างนู่นอย่างนี้เลยนะคะ ป้าเข้าใจว่าคุณยังรักคุณหนูอยู่ แต่การที่คุณกลับมามันจะยิ่งตอกย้ำแผลเก่าของคุณหนูให้แกเจ็บปวดกว่าเดิม แล้วยิ่งช่วงนี้แกพึ่งเสียคุณโทโมะไปอีก ป้าว่าคุณห่างๆไว้ก่อนน่าจะดีกว่านะคะ” มะลิสั่งแจ๋วให้พาฟางกลับรถไปก่อนที่ตนจะหันมาคุยกับป็อปปี้ที่ยืนมองฟางด้วยสีหน้าเศร้า

 

 

 

 

            “ครับผมเข้าใจ ฝากดูแลฟางด้วยนะครับป้า ผมลาล่ะ” ป็อปปี้ไหว้ลา

 

 

 

 

            “ค่ะ ป้าจะดูแลอย่างดี” มะลิรับไหว้พูด

 

 

 

 

 

            “โทโมะ ฉันสงสัยมานานแหละ ปกติคนที่ตายไปถ้าตายธรรมดาก็ต้องไปสู่สุคติแต่ถ้าตายไม่ธรรมดาก็จะกลายเป็นวิญญาณตายโหงตามอาฆาตแค้นคนที่ฆ่าหรือไม่ก็ยังมีห่วงอยู่หรืออาจจะยังคาใจอะไรสักอย่าง ทำให้พวกเขาไม่ได้ไปผุดไปเกิด ว่าแต่นายอยู่ในกรณีไหนกัน!?” แก้วนั่งจ้ออยู่กับบทความบนเว็บไซต์ที่เธออ่านพูดขึ้น

 

 

 

 

 

            “ก็ต้องเป็นอาฆาตแค้นคนที่ฆ่า อยากเอาไปอยู่ด้วยไงล่ะ แฮร่!!!” โทโมะหายตัวจากระเบียงมาโผล่ข้างๆแก้วแล้วแกล้งเสียงดังอัด

 

 

 

 

            “กรี้ดดดด! อย่าแกล้งกันสิไอ้ผีบ้า นี้ฉันกำลังหาทางช่วยนายอยู่นะ” แก้วเกือบตกเก้าอี้เพราะตกใจรีบว่าด่าชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “.......” โทโมะทำหูทวนลม

 

 

 

 

            “โทโมะ!” แก้วเรียกชื่อเขาซ้ำ แต่เขายังนิ่งไม่สนเหมือนเดิม

 

 

 

 

            “นี้ ได้ยินที่ฉันถามไหม!?” แก้วย้ำเสียงดังอีกรอบ

 

 

 

 

            “ได้ยิน แต่ไม่อยากพูด” โทโมะพูดแล้วผละตัวหนีมานั่งปลายเตียง

 

 

 

 

            “ถ้านายไม่เล่าแล้วฉันจะช่วยนายได้ยังไงกันอยากอยู่เป็นผีไปตลอดรึไง” แก้วพูด

 

 

 

 

            “ก็ดีนะ จะได้อยู่แกล้งเธอไปนานๆ” โทโมะยิ้มเยาะพูด

 

 

 

 

            “ขนาดเป็นผี ยังไม่คิดจะเลิกหาเรื่องฉันเลยใช่มะ ไอ้ผีญี่ปุ่น!” แก้วบ่นใส่ชายหนุ่ม ลุกพรวดจากเก้าอี้

 

 

 

 

            “ทำไม จะทำอะไรฉันแค่แตะตัวเธอยังไม่กล้าเลย” โทโมะเยาะเย้ยยิ้มอย่างมีชัย

 

 

 

 

            “หนอยได้ทีเอาใหญ่เลยนะ เอ้อ เชิญเป็นผีเร่ร่อนต่อไปเหอะฉันไม่ยุ่งด้วยล่ะ!” แก้วฮึดฮัดพลางนั่งกอดอก อุส่าจะช่วยยังทำเป็นเล่นอีก

 

 

 

 

            “ฉันสงสัยว่าฟางกำลังนอกใจฉัน..” โทโมะเห็นแก้วงอนตัวเองไปเสียแล้วก็โพล่งขึ้นมา

 

 

 

 

            “นอกใจ!? เข้าใจอะไรผิดไปรึป่าว ฟางเนี่ยนะก็เห็นๆอยู่ว่าเขารักนายมากแค่ไหนไม่งั้นคงไม่ร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้นหรอก” แก้วหูผึ่งหันมามองด้วยแววตาไม่เข้าใจรีบเอยถาม

 

 

 

 

            “ฉันก็อยากจะคิดอย่างนั้น แต่ก่อนวันที่ฉันจะตายเราสองคนทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้แหละ ฉันพยายามถามเรื่องแฟนเก่าฟางแต่เขาไม่ยอมท่าเดียว ฉันเลยคิดว่าเขาพยายามจะปกป้องมันเพราะรักมันอยู่” โทโมะพูดเสียงอ่อย

 

 

 

 

            “โทโมะ ถ้านายรักฟางจริงนายก็ควรให้เกียรติเขาสิ ไม่ใช่ไปสงสัยเขาแบบนี้” แก้วตำหนิ

 

 

 

 

            “เธอไม่ใช่ฉันเธอไม่เข้าใจหรอก” โทโมะพูด

 

 

 

 

            “เฮ้อ เอาเหอะสรุปเรื่องนี้เหรอที่นายยังกังวลอยู่?” แก้วก้มหน้าถอนลมก่อนถาม

 

 

 

 

            “อือ” โทโมะพยักหน้าตอบ

 

 

 

 

            “นั่นนายอยากให้ฉันทำอะไรว่ามาเลย”

 

 

 

 

_______________________________________________________

 

 

 

            เอาล่ะ ป็อปฟางนี้มันชักจะยังไงๆแล้วเนอะ โทโมะแก้วเกือบแจ็คพ็อตแหละแต่เดียวเฮียเป็นผีไม่ใช่เรอะ รอติดตามกันนะจ้ะ อยากให้อัพต่อก็เม้นซะนะ พีสขอร้องอยากได้กำลังใจจากบรรดานักอ่านทุกท่าน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ \>0</

 

 

 

LOVETK PF KF!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา