Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

8.4

เขียนโดย blackKZ

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.55 น.

  20 chapter
  215 วิจารณ์
  30.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ตอนที่ 4 เสียใจไม่ต่างกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

CHAPTER 4: Dejavu S ถ้าไม่รักอย่ามาทำให้หลง

 

ตอนที่ 4 เสียใจไม่ต่างกัน

         

 

 

 

 

            “ฟาง โมะมีเรื่องอยากถาม..” โทโมะทีแรกอึกอักที่จะถามแต่เขาก็ต้องเอยออกไปเพราะอดกลั้นไม่ไหว

 

 

 

 

            “เรื่องอะไรค่ะ?“ ฟางยิ้มรับ

 

 

 

 

            “คือ แฟนเก่าฟางเขาเป็นคนแบบไหน” โทโมะเบี่ยงหน้าไปทางอื่นก่อนจะพูด

 

 

 

 

            “พี่โมะฟางเคยบอกแล้วนี้ค่ะ ว่าฟางไม่อยากนึกถึง..” ฟางสะอึกก่อนจะย้ำพร้อมหลบตาไปนอกรถ

 

 

 

 

            “โมะแค่ติดใจ ฟางไม่เคยบอกว่าเขาเป็นใคร ทำไมต้องปิดโมะด้วยล่ะ!?” โทโมะพูดเหมือนน้อยใจแฟนสาว

 

 

 

 

            “ถ้ามันทำให้พี่ลำบากใจ ฟางตอบให้ก็ได้ค่ะ เขาเคยเป็นเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่งของฟางแต่สุดท้ายเขาก็หลอกฟางมาตลอดว่ารัก” ฟางพูด แววตาของเธอดูเศร้าลงเมื่อคิดถึงผู้ชายที่เธอเคยรักมากที่สุด

 

 

 

 

            “แล้วฟางเคยทำอะไรๆที่เคยทำให้โมะเหมือนเขาไหม” โทโมะถามพลางจับสร้อยที่คอ

 

 

 

 

            “ค่ะ แต่มันก็แค่อดีต ตอนนี้ฟางทำให้เฉพาะคนที่ฟางรัก” ฟางพูดแล้วยิ้มอ่อนให้ชายหนุ่ม

 

 

 

 

            “แล้วถ้าวันหนึ่งเขากลับมาฟางจะยังรักโมะเหมือนเดิมรึป่าว?” โทโมะสบตาหญิงสาวพูด

 

 

 

 

            “ทำไมพี่โมะถามฟางยังงั้นล่ะ ฟางรักพี่โมะคนเดียวนะคะ” ฟางนิ่วหน้าพูด

 

 

 

 

            “ถ้าฟางรักโมะ ฟางบอกโมะได้ไหมว่าเขาเป็นใคร” โทโมะจ้องตรงๆอย่างต้องการความจริงจากปากคนรัก

 

 

 

 

            “เอ่อ เรื่องนั้น...” ฟางเบือนหน้าหนี

 

 

 

 

            “ฟาง” โทโมะย้ำเสียงเข้ม

 

 

 

 

            “พี่โมะ ฟางว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยค่ะ” ฟางพูด

 

 

 

 

            “ทำไม ทำไมฟางต้องปกป้องมันด้วย!” โทโมะเริ่มฉุนแฟนสาว จึงตะคอกเสียงดังด้วยความหึงหวง ไม่เข้าใจว่าทำไม หญิงสาวต้องพยายามปิดบัง

 

 

 

 

            “ฟางไม่ได้ปกป้อง! แค่ไม่อยากนึกถึง” ฟางพูดเสียงอ่อยแต่ไม่จ้องตาเหมือนกลัวโดนจับผิด

 

 

 

 

            “ถ้าฟางรักโมะ ฟางก็บอกมาสิว่ามันเป็นใคร!?” โทโมะไม่ยอมกระชากแขนฟางเข้าหาตัวเพราะเธอทำท่าเหมือนจะหนีและด้วยน้ำโหของเขา

 

 

 

 

            “ฟางเจ็บ!” เขาบีบแรงจนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

 

 

 

            “หรือฟางยังรักมันอยู่ใช่ไหมฟาง ถ้ารักมันแล้วมาคบกับโมะทำไม โมะไม่ใช่ตัวแทนของใคร!” โทโมะกระแทกเสียงแข็งด้วยความโกรธ

 

 

 

 

            “ฟางว่าพี่ชักจะคุยไม่รู้เรื่องแล้วนะ ปล่อย!” ฟางพูดพร้อมยื้อแขน

 

 

 

 

            “ใช่! โมะมันบ้า บ้ารักฟางข้างเดียว รักมากจนให้ได้ทุกอย่างและโมะต้องได้เหมือนกัน” โทโมะพูดจบก็เข้าไปซุกไซ้คอขาวฟาง หญิงสาวตกใจพยายามดันชายหนุ่มออกแต่ชายหนุ่มกักแขนทั้งสองข้างแนบติดเบาะที่นั่ง

 

 

 

 

            “ฮึกฮือๆ” เสียงสะอื้นดัง ทำให้โทโมะชะงักหยุดก่อนจะออกห่างมองหน้าฟางพร้อมกับปล่อยมือให้อิสระ

 

 

 

 

            “ฟาง โมะขอ..” โทโมะพูด

 

 

            เพลี้ย!!!

 

 

            “ฟางเกลียดพี่!” ฟางตบชายหนุ่มหน้าหันแล้วว่า ก่อนจะเปิดประตูรถวิ่งหนีเข้าบ้านของตน ฝ่ายชายหนุ่มไม่ทันได้ขอโทษ มองตามหลังแฟนสาว เขารู้ตัวว่าเขาทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปและสิ่งตอบแทนมันก็สาสมจนชายหนุ่มกลั้นน้ำตาไม่ได้

 

 

 

 

            “โธ่เว้ย!!” โทโมะสบถออกมา ทุบพวงมาลัยอย่างหัวเสีย เขากลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเสียเธอไปเพราะชายที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่า แต่กลับเป็นเขาที่ทำเสียซะเอง

 

 

 

 

 

            “จินนี่!” เสียงทุ้มเรียกหญิงสาวเจ้าของชื่อให้ตามมา

 

 

 

 

            “ป็อปปี้ คิดถึงจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ ดูผอมลงไปเยอะนะฟิตหุ่นเหรอ” จินนี่เข้ามากอดชายหนุ่มก่อนวิจารณ์เพื่อนชาย

 

 

 

 

            “นิดหน่อย เธอเองก็เหมือนกันสวยขึ้นเยอะนี้” ป็อปปี้พูด

 

 

 

 

            “ป็อปปี้ ////” จินนี่หน้าแดงพลางลูบผมยาวเล่น

 

 

 

 

            “แต่หน้าบวมเหมือนเดิมไปลดบ้างนะ” ป็อปปี้พูดเสียงเคร่งขรึม

 

 

 

 

            “นี้แน่ะ! กล้าว่าเราเรอะป็อป” จินนี่หน้ามุ่ยทันทีจึงตีไหล่ชายหนุ่มไล่เตะ แต่ป็อปปี้วิ่งหลบ

 

 

 

 

            “5555 ขำๆน่า งานราบรื่นดีไหม คุณลุงเป็นไงบ้าง?” ป็อปปี้พูดพร้อมลากกระเป๋าเดินทางของจินนี่

 

 

 

 

            “อืม งานก็โอนะ สบายดี พ่อฉันก็กำลังอิ่มหนำสำราญใจ ฉลองครบรอบวันเกิดสนุกใหญ่” จินนี่ตอบพลางนึกถึงพ่อ

 

 

 

 

            “ดีแล้ว ฝากแฮปปีเบิร์ดเดย์คุณลุงด้วย แล้วจะกลับต่างจังหวัดเมื่อไหร่” ป็อปปี้ถาม

 

 

 

 

            “อีกสักพัก เอ่อ เรื่องฟางคืบหน้าถึงไหนแล้ว?” จินนี่ตอบก่อนถามอีกเรื่อง

 

 

 

 

            “เฮ้อ เหมือนเดิม เขาคงเกลียดฉันจริงๆ” ป็อปปี้ถอนหายใจดัง ก่อนหันมาตอบเพื่อนสนิท

 

 

 

 

            “ใครไม่โกรธบ้างล่ะ เป็นฉัน ฉันก็โกรธไม่แพ้ฟางเหมือนกัน” จินนี่พูดตามจริง เธอเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องเขากับฟาง

 

 

 

 

            “เหอะ หาแฟนก่อนไหมคุณเพื่อนครับ” ป็อปปี้ยิ้มแห้งเอย

 

 

 

 

            “อย่าให้หาได้ก่อนล่ะกัน จะหัวเราะเยาะให้ฟันร่วงเลย!” จินนี่ค้อนใส่ แล้วทำท่าหัวเราะประชด

 

 

 

 

            “หึ แล้วมานี้ทำไม” ป็อปปี้ถาม

 

 

 

 

            “ก็มาช่วยเพื่อนคนหนึ่งที่โง่เกิน ทิ้งเขาไป แล้วทำดีชดใช้เขาแค่นั้น คิดเหรอ ว่าเขาจะยอมให้อภัยง่ายๆ” จินนี่พูด

 

 

 

 

            “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ” ป็อปปี้หน้าเสียพูดเสียงอ่อย

 

 

 

 

            “รู้! แต่อย่าลืมสิ นายเกือบทำให้ผู้หญิงที่นายรักมากที่สุดเอาชีวิตไปทิ้ง จำไม่ได้เหรอ” จินนี่เตือนสติเพื่อนชายอย่างอดไม่ได้

 

 

 

 

            “จำได้ ฉันจำได้ดี แต่ถ้าวันนั้นฉันเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้า ฟางก็คง.. เฮ้อ เรื่องมันผ่านไปแล้วฉันไม่สามารถแก้ไขอะไรมันได้แต่ฉันเลือกที่จะบรรเทามันได้ ต่อให้ฟางไม่รักฉัน ฉันก็ขอที่จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป” ป็อปปี้พูดจริงจังพลางมองท้องฟ้า จินนี่มองชายหนุ่มก็อดซึมลงไปไม่ได้ เธอคงหมดหวังที่จะมาแทนที่ในหัวใจของคนที่ชอบมาตลอดชีวิต ตราบใดที่เขายังไม่ลืม

             

 

 

 

 

            “พี่ครับผมว่าพี่เมาแล้ว พอก่อนไหมครับ” บาร์เทนเดอร์เข้ามาเขย่าโทโมะที่เมาฟุบโต๊ะ เขามานั่งที่นี้นานหลายชั่วโมงหลังจากทะเลาะกับฟาง ชายหนุ่มเอาแต่ดื่มเหล้าเหมือนประชดชีวิต

 

 

 

 

            “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง หุปปากแล้วเอาเหล้ามากุจะกิน!!” โทโมะตวาดไล่

 

 

 

 

            “ครับๆ” บาร์เทนเดอร์รีบไปทำตามที่โทโมะบอก ยกเหล้ามาเทใส่แก้ว แต่ชายหนุ่มคว้าไปซดทั้งขวด โทโมะเดินเซไปเซมาไปตามทาง สภาพชายหนุ่มดูไม่จืดเหมือนคนเสียศูนย์เสียจุดยืน

 

 

 

 

            “ฮึ่ก ฟาง ทำไมฟางต้องหลอกโมะด้วย” โทโมะเอาแต่พร่ำเหมือนคนไม่มีสติร้องเรียกชื่อฟาง พิงกำแพงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะดันทุรังกายเหยียดไปตามทางยาวต่อ

 

 

 

 

            “โมะทำอะไรผิด” เขาเดินมาทางเปลี่ยว แถวนี้แทบจะร้างคน ไม่ค่อยมีใครสัญจรผ่านมากนัก แต่เขาไม่ได้สนใจยกขวดสุราดื่มอย่างเดียวเพราะมันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาลืมบางอย่างไปได้บ้าง

 

 

 

 

            “เห้ย! น้องชนพี่ เห็นไหมโทรศัพท์หล่นแตกเลยเครื่องนี้หลายหมื่นนะ ชดใช้มาเดียวนี้” โทโมะเผลอไปชนกับชายร่างใหญ่คนหนึ่งเข้า แต่ดูรายนั้นเหมือนตั้งใจจะชนเขาเสียมากกว่า ชายร่างใหญ่พาลหาเรื่องโทโมะทันที

 

 

 

 

            “กุไม่ได้โง่เว้ย! คิดว่ามุกตื้นๆของมึงจะหลอกกุได้” โทโมะเชิดหน้าด่ากลับอย่างรู้เท่าทันแผนการอีกฝ่าย

 

 

 

 

            “อ้าวๆ กล่าวหากันนี่หว่าจะจ่ายดีๆหรือใช้กำลัง” ชายร่างใหญ่ขู่พลางหักนิ้วถลกแขนเสื้อตัวเองพร้อมจะซัดโทโมะได้ทุกเมื่อ

 

 

 

 

            “แน่จริงมึงก็เข้ามา” โทโมะท้ากวักมือเรียกอย่างไม่เกรงกลัว ชายร่างใหญ่จึงพุ่งเข้ามาชก แต่โทโมะหลบทัน ชกกลับเข้าที่หน้าอีกฝ่ายแต่แอบเซเล็กน้อย ชายร่างใหญ่ไม่ถอยอาศัยจังหวะชายหนุ่มเสียหลักชกเข้าที่หน้าจนโทโมะไถลตัวแนบกำแพง เขาสะบัดไล่ความมึนก่อนหลบเท้าที่ชายร่างใหญ่กะทำร้ายเขา โทโมะสวนเข้าที่ท้องแล้วถีบซ้ำจนชายร่างใหญ่ล้มลงไปนอน

 

 

 

 

            “ถ้าเก่งแต่ปากอย่าเสือกเห่า!” โทโมะพยายามยืนนิ่ง ก่อนว่าใส่ชายร่างใหญ่

 

 

 

 

            “เห้ยมึง!!” แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าชายร่างใหญ่ไม่ได้มาคนเดียว ชายร่างใหญ่มีพรรคพวกตามสมทบอีก 3-4 คน ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มจะเอาขวดเหล้าตีเข้าที่หัวโทโมะอย่างแรง

 

 

 

 

            “อั่ก!” โทโมะล้มลงไปนอนกับพื้น หัวเขาแตกจนเลือดไหลอาบ แต่ไม่วายพวกที่หาเรื่องเขาตามมารุมกระทืบซ้ำ จนชายหนุ่มสำลักไอเป็นเลือด ก่อนจะหยุดรุมชายร่างใหญ่สั่งลูกน้องเอาทรัพย์สินมีค่าของโทโมะมา แต่ยังดีที่มันไม่ได้เอาสร้อยเส้นสำคัญของเขาไปด้วย

 

 

 

 

            “พี่มีเป็นฟอดเลยว่ะ! เรารวยแล้วลูกพี่ เอาไงกับมันดี?” หนึ่งในลูกน้องตาโตกับแบงค์พันนับสิบในกระเป๋าร้องดีใจก่อนจะถาม

 

 

 

 

            “เอาไปทิ้งนอกร้านแมร่งเลย กวนตีนกูดีนัก ขอซ้ำสักที” ชายร่างใหญ่พูดกับลูกน้องก่อนจะเตะอัดเข้าที่หน้าท้องโทโมะอย่างแรง

 

 

 

 

            “ขอบคุณที่ให้ใช้เงินนะพี่ชาย 5555” โทโมะถูกพวกนักเลงหิ้วมาโยนหลังร้าน เขาอยู่ในสภาพสะบักสะบอม หัวแตกจนเลือดแห้ง มีรอยฟกช้ำตามตัว โทโมะก่ายหน้าพยายามลืมตา เขามองภาพได้ไม่ชัดเจนและฤทธิ์สุราก็ยังไม่เจือจางทำให้ชายหนุ่มเห็นภาพหลอน ภาพที่ปรากกฎเป็นชายไร้ใบหน้ากำลังจูงมือฟางแล้วเดินห่างเขาไปเรื่อยๆ

 

 

 

 

            “ฟาง อึ่ก ฟางรอโมะด้วย อย่าไปกับมันนะ ฟาง!” โทโมะล้มลุกคลุกคลานวิ่งตาม พยายามไขว่คว้าร่างแฟนสาว แม้ร่างจะฟกช้ำจนมาถึงกลางถนน มีรถแล่นด้วยความเร็วเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาหันไปประจันหน้ารถพอดี

 

 

 

             เอี้ยดดด...................โครม!!!!!

 

 

 

            ร่างของโทโมะถูกรถชนจนไถลกลิ้งไปกับพื้นเป็นทางยาว รถที่ชนเบรกเอี้ยดก่อนถึงร่างคนที่ถูกชนกระเด็น

 

 

 

 

            “เมื่อกี้ ฉะ ฉันชนคนเข้า จะ จริงด้วย ต้องรีบไปช่วย!” หญิงสาวเงยหน้ากุมหัวที่โนเพราะเบรกกะทันหันหัวเธอจึงกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างแรง ก่อนจะรีบตั้งสติ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอไปชนคนเข้าเต็มๆ รีบลงจากรถไปหาร่างคนที่ถูกชน

 

 

 

 

            “คุณ ตายแล้วเหรอ ไม่นะคุณ” แก้วแทบช็อคเมื่อเห็นสภาพคนที่เธอชน ร่างของเขาเปรอะเปื้อนเลือด เสื้อผ้าขาดวิน มีแผลฉีกขาดตามร่างกาย แก้วรีบเข้าไปดูใกล้ๆก่อนจะพบว่าคนที่เธอชนคือ โทโมะ

 

 

 

 

            “ทะ โทโมะ โทโมะ ฟื้นสิตาบ้า! ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจชนนาย ฟื้นเซ่ รถพยาบาท ต้องโทรเรียกรถพยาบาท” แก้วสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอตบหน้าเขาหลายทีหวังให้เขาฟื้น แต่คงเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวหยิบเอามือถือเธอขึ้นมาแจ้งโรงพยาบาททันที

 

 

 

 

            เพล้ง!!!

 

 

 

            “อ่ะ! ตายแล้ว” ฟางตกใจที่อยู่ดีๆกรอบรูปก็ตกลงมาแตก หญิงสาวเก็บเศษแก้วแล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู ซึ่งเป็นภาพของโทโมะ

 

 

 

 

            “พี่โมะ....” ฟางรู้สึกใจคอไม่ดี รีบคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาแฟนหนุ่ม ถึงเธอจะโกรธเขาเรื่องนั้นแต่เธอก็อดห่วงชายหนุ่มไม่ได้

 

 

 

 

            “ทำไมไม่รับสายน้า รับสิขอร้องล่ะ พี่โมะ” ฟางกดซ้ำหลายรอบแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ

 

 

 

 

            “อืมอะไร..” โทโมะลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินเขาเห็น หมอและพยาบาทหลายคนกำลังช่วยชีวิตใครคนหนึ่งซึ่งตัวเขาเองไม่อาจรู้ โทโมะเดินเข้าไปใกล้ร่างของคนๆหนึ่งบนเตียง เขาตาโตยืนค้างอยู่ชั่ววิเมื่อพบว่านั้นเป็นร่างของเขาเอง

 

 

 

 

            “ฉันตายแล้วจริงๆ เรอะ” โทโมะพูดพลางกราดมองไปทั่วห้อง เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์การแพทย์มารายล้อมร่างกายของเขา และคนที่เดินผ่านร่างวิญญาณเขาไปไม่รู้จบ ไม่มีใครมองเห็นเขาเลย

 

 

 

 

            “คุณหมอครับชีพจรเริ่มอ่อนอีกแล้วครับ!” บุรุษพยาบาทร้องออกมา

 

 

 

 

            “รีบใช้เครื่องช่วยหายใจเร็ว ไปเอาเครื่องปั๊มหัวใจมา” หมอใหญ่สั่งการเสียงดัง

 

 

 

 

            “เคลียร์ ปี้ป........ตึกๆ” เสียงเครื่องปั๊ม นับครั้งไม่ถ้วน กระตุ้นเส้นที่บนจอมิเตอร์นับครั้งแต่กลับไม่มีท่าทีจะดีขึ้น

 

 

 

 

            “เลือดไหลไม่หยุดเลยครับ หมอ” ผู้ช่วยหมอใหญ่ว่าระหว่างที่พยายามห้ามเลือดที่ไหลจากบาดแผล

 

 

 

 

            “คุณหมอค่ะ หัวใจหยุดเต้นแล้วค่ะ!” พยาบาทร้องออกมาอีกคน เส้นชีพจรนิ่งสนิททำให้สัญญาณดังก้องไปทั่วห้องแต่ทุกคนในห้องก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยชีวิตร่างไร้วิญญาณนี้ เว้นซะแต่เจ้าของร่างเองที่มองอย่างเหนื่อยอ่อน

 

 

 

 

            “นั่นสิ ไม่มีใครสนใจเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะสนทำไม สุดท้ายฉันก็ไม่เคยมีค่าในสายตาคนอื่น กระทั่งคนที่ฉันรักที่สุดเธอยังหักหลัง..” เขารู้ตัวดีว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหน ถ้ามันจะตายก็คงต้องตาย  โทโมะเลือกที่จะหันหลังถอยกลับจากห้องนี้ไปเพราะยังไงซะเขาก็คงไม่มีวันฟื้นคืนอีก

 

 

 

            “ตายๆไปซะ คงไม่มีใครมาแลฉัน”

 

 

________________________________________________________

 

 

 

            เฮียโมะ ตายแล้ววววววว  แก้วเป็นคนชนด้วยโอ้แม่เจ้า เอาล่ะ อีแก้วเธอกำลังได้ประสบโชคที่เหลือเชื่อแล้วนะ ป็อปปี้เลือกที่จะอยู่เคียงข้างฟางตลอดไป โอยเรื่องนี้ชักจะ...... ถ้าใครอยากให้อัพต่ออย่าลืมเม้นกันด้วยนะ พีสขอนะพลีสสสสสสสส เพราะจะหายไปยาวนิดหน่อย งานเยอะจ้ะ

 

 

 

LOVETK PF KF!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา