เสพติดความรัก

10.0

เขียนโดย amerrors

วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.36 น.

  14 ตอน
  68 วิจารณ์
  20.66K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ความลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
“ ฟาง แกอยู่ไหนเนี่ย ฉันเอาของที่แกสั่งมาให้ ” เขริกาก้าวเข้ามาในบ้านของธนันต์ธรญ์อย่างถือ
สิทธิ์ เธอเข้าออกบ้านนี้บ่อยจะตาย
 
 
 
“ ......... ” แต่ทุกอย่างก็ยังตกอยู่ในความเงียบ
 
 
 
“ ฟาง ได้ยินฉันมั้ย ” เขริกาตะโกนเรียกเพื่อนสาวอีกครั้ง ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับเหมือนเดิม เธอจึง
ขึ้นไปดูชั้นสองที่ห้องนอนของธนันต์ธรญ์
 
 
 
“ ยัยฟาง !! ” เขริกาทำของที่พกมาด้วยตกจากมือทันที สภาพของเพื่อนเธอตอนนี้ คือ ธนันต์
ธรญ์นอนอยู่ที่พื้นหน้าห้องน้ำ ศีรษะมีเลือดไหลออกมา เพื่อนเธอเป็นอะไรกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ เพื่อนฉันเป็นยังไงบ้างค่ะคุณหมอ ” เขริกาถามแพทย์ที่เข้าไปรักษาเพื่อนเอทันทีที่เขาออกมา
 
 
 
“ ปลอดภัยแล้วครับ เพื่อนคุณได้รับยาเกินขนาด ผมว่าคุณจินนี่รู้นะว่าฟางได้รับยาอะไรเกินไป ”
แพทย์คนนั้นถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วมองหน้าเขริกา
 
 
 
 
“ คุณป๊อปปี้ ! ” เขริกาอุทานอย่างตกใจ
 
 
 
“ ครับ ผมเอง ผมให้พยาบาลย้ายคุณฟางไปที่ห้อง 326 นะครับ ” ภาณุพูดขึ้นเพื่อแจ้งให้เพื่อน
ของธนันต์ธรญ์ทราบ
 
 
 
“ ไม่นะคะ ยัยฟางนอนโรงพยาบาลไม่ได้ ” เขริกาพูดขึ้นอย่างตกใจ
 
 
 
“ ทำไมครับ ” ภาณุถามอย่างสงสัย ทำไมเขริกาถึงไม่อยากให้เธอนอนดูอาการที่โรงพยาบาล
ขนาดนั้น
 
 
 
“ เอ่อ เราลงไปร้านกาแฟข้างล่างดีไหมค่ะ ตรงนี้ เอ่อ คือ ” เขริกามองรอบตัวเองก่อนจะพูดขึ้น
จำนวนคนที่นั่งรอญาติตนเองไม่ใช่น้อยๆ ธนันต์ธรญ์เองก็ไม่ใช่คนธรรมดาหาเช้ากินค่ำทั่วไป ถ้า
คนอื่นรู้เข้าไม่ดีแน่
 
 
 
“ อ่อ ครับ ” ภาณุมองหน้าเขริกาที่มองไปรอบๆก็เข้าใจทันที ทั้งคู่จึงลงไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ข้าง
ล่างโรงพยาบาล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ บังเอิญจังนะคะเนี่ย ไม่คิดว่าคุณป๊อปปี้จะทำงานที่นี่ ” เขริกาพูดขึ้น สำหรับเธอไม่เรียกบังเอิญ
หรอก เป็นชะตาฟ้าลิขิตมาต่างหาก
 
 
 
“ ครับ แล้วเรื่องคุณฟาง ทำไมเธอถึงนอนที่นี่ไม่ได้ครับ ” ภาณุถามขึ้นโดยไม่สนใจสิ่งที่เขริกาพูด
เลยแม้แต่น้อย
 
 
 
“ คือคุณคงรู้ว่ายัยฟางเป็นใคร ถ้าคุณพ่อยัยฟางรู้ ฟางตายแน่ๆค่ะ แล้วอีกอย่างนี่ก็โรงพยาบาลอัน
ดับต้นๆของประเทศ นักข่าวมากมายเข้าออกเป็นว่าเล่น มันเสี่ยงเกินไปนะคะ ” เขริกาพูดตาม
ความเป็นจริง
 
 
 
“ แต่คุณฟางต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์นะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เธอเลิกยาพวกนั้น ผม
คิดว่าจะเธอจะเล่นแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ไม่คิดว่าจะเล่นติดต่อกันมาหลายเดือนขนาดนี้ ” ภาณุพูด
อย่างหมดหนทาง ถ้าจะให้ธนันต์ธรญ์เลิกยา คงต้องส่งตัวเธอเข้าบำบัด แต่เจ้าตัวไม่ยอมแน่ๆ
 
 
 
“ เลิกยากแล้วล่ะค่ะ ” เขริกาพูดขึ้น
 
 
 
“ ผมว่าเราขึ้นไปดูเธอหน่อยก็ดีนะครับ เธอคงฟื้นแล้ว ” ภาณุพูดขึ้นพร้อมก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อ
มือ หมดเวรเขาแล้วด้วยสิ ไปดูเธอหน่อยก็ได้ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก
 
 
 
“ ค่ะ ” เขริกายืนขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามที่ธนันต์ธรญ์พักรักษาตัวอยู่
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ แกหายไปไหนมา ” เพียงเปิดประตูเข้าไปเท่านั้น ก็เห็นธนันต์ธรญ์นั่งทำหน้ายู่บนเตียง
 
 
 
“ ไปคุยกับคุณหมอมา ” เขริกาตอบเพื่อนไป
 
 
 
“ เขาว่าฉันเป็นอะไร ” ธนันต์ธรญ์ถามด้วยความสงสัย
 
 
 
“ เสพยาเกินขนาด เธอนี่มันจริงๆเลยนะ ” ภาณุที่เดินตามเขริกามาว่าธนันต์ธรญ์ที่อยู่บนเตียง
คนไข้
 
 
 
“ นายมาอยู่นี่ได้ไง อย่าบอกนะว่านายทำงานที่นี่อ่ะ ” ธนันต์ธรญ์มองภาณุตาโต อะไรโลกจะกลม
ขนาดนั้น
 
 
 
“ ก็ใช่ รักษาเธอด้วย ขอบคุณฉันสิ ” ภาณุยั่วโมโหธนันต์ธรญ์ทันทีที่เธอหน้า จริงๆแล้วเธอก็น่า
สงสารนะ ผ้าที่พันแผลที่ศีรษะของเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ็บแค่ไหน สิบสามเข็มเชียวนะ คงจะ
แตกตอนที่หัวฟาดพื้นมั้ง
 
 
 
“ ไม่ มันก็หน้าที่นายไม่ใช่ไง ก็ทำๆไปสิ ” ธนันต์ธรญ์พูดพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี
 
 
 
“ เหอะ เก่งนัก ดี งั้นคงไม่กลัวคุณพ่อเธอแล้วงั้นสิ ” ภาณุพูดขึ้นขู่เธอ
 
 
 
“ นายจะทำอะไร ” ธนันต์ธรญ์ถามด้วยความหวาดระแวง ไม่ใช่ว่าเธอกลัวหรอกนะ แค่ไม่อยากไป
เพิ่มภาระให้ท่าน ถ้าท่านรู้ คุณแม่รู้ ใครๆรู้ ครอบครัวเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ตำรวจใหญ่เศรษฐี
พันล้านมีลูกสาวขี้ยา แบบนี้หรอ เธอไม่ยอมหรอกนะ
 
 
 
“ ก็เห็นเก่ง เห็นไม่กลัวอะไรเลย ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเรื่องนี้พ่อเธอรู้จะเป็นยังไง ” ภาณุพูด
อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า เขาไม่คิดจะทำจริงๆหรอก แค่ทำให้เธอรู้ว่าอะไรๆมันไม่ได้เป็นดั่งใจเธอ
ทุกอย่าง
 
 
 
“ นายๆ ! ฉัน .. โอ้ย ฉัน ” ธนันต์ธรญ์รีบลงจากเตียงแล้ววิ่งไปหาภาณุทันทีโดยไม่ทันได้สนใจ
เสาน้ำเกลือแฃะสายน้ำเกลือที่ติดอยู่ที่มือเธอเลย ก็ครอบครัวมันสำคัญกว่าความเจ็บนี่ เกะกะจริง
ถอดออกก่อนแล้วกัน
 
 
 
“ ยัยบ้า ทำอะไรของเธอห้ะ เลือดไหลหมดแล้ว ” ภาณุหันมาตามแรงดึงที่ธนันต์ธรญ์ดึงเสื้อของ
เขา ก่อนจะตกใจเมื่อหันมาเห็นว่าเธอกระชากสายน้ำเกลือออกจากมือตัวเอง
 
 
 
“ ไม่สำคัญ นายอย่าบอกคุณพ่อเลยนะ ฉันตายแน่ๆ ฉันขอบคุณนายก็ได้ อยากได้คำนี้ไม่ใช่หรือ
ไง ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ พอใจยัง ” ธนันต์ธรญ์ไม่ได้สนใจเลือดที่ไหลออกจากมือเธอเลย
 
 
 
“ ก็พอใจนะ ” ภาณุตอบ ทำให้ธนันต์ธรญ์ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก
 
 
 
“ ก็แค่เนี่ย ” ธนันต์ธรญ์หันหลังเตรียมจะเดินกลับเตียง
 
 
 
“ แต่เธอต้องเลิกยาพวกนั้นด้วย ” ธนันต์ธรญ์หันขวับมามองทันที เขาจะเอาอะไรมากมายกับชีวิต
เธอกัน
 
 
 
“ อะไรนะ ฉันเคยบอกนายไปแล้วไง ว่ามันคือความสุขของฉัน แล้วนี่ก็ชีวิตฉัน นายยุ่งอะไรด้วย ”
ธนันต์ธรญ์หันไปตวาดภาณุทันทีที่รู้ว่าเขาต้องการอะไร
 
 
 
“ เธอนี่มันตัวทำลายประเทศชัดๆ ก็ได้ ไม่เลิกก็ได้ ฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อเธอหรอก แต่จะ
บอกนักข่าวแทน ” ภาณุทำท่าจะออกจากห้อง นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ธนันต์ธรญ์รั้งเขาไว้
 
 
 
“ ก็ได้ ! ฉันยอมแล้ว เลิกก็เลิก ” ภาณุหันมายิ้มกว้างให้ธนันต์ธรญ์ แต่เธอกลับทำหน้าอยากตาย
ใส่เขา
 
 
 
“ แกเลิกได้หรอฟาง ” เขริกาเดินมาหาเพื่อนเธอหลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นาน
 
 
 
“ คิดว่านะ แล้วแก .... ” ธนันต์ธรญ์กำลังจะชวนเขริกาให้มาเลิกยากับเธอ
 
 
 
“ ฉันทำไมฟาง ! แกติดยาคนเดียว ไม่เกี่ยวกับฉัน ” เขริกาเผลอพูดตะคอกใส่เพื่อน ก่อนจะ
เปลี่ยนมาเป็นเสียงปกติ เธอไม่อยากถูกภาณุมองไม่ดี แค่ภาณุเห็นว่าเธอมีเพื่อนติดยาแบบธนันต์
ธรญ์ก็น่าอายจะแย่อยู่แล้ว
 
 
 
“ เปล่า ไม่มีอะไร ” ธนันต์ธรญ์มองเขริกาด้วยสีหน้ายากจะเดา
 
 
 
“ เธอรับปากฉันแล้วนะ อย่าผิดคำพูดล่ะ มา ทำแผล ” ภาณุพูดก่อนจะออกแรงดึงมือธนันต์ธรญ์
ให้ตามเขาไป แต่เธอยื้อเขาไว้
 
 
 
“ เดี๋ยว ” ธนันต์ธรญ์ขืนตัวไว้ ก่อนจะมองหน้าเขา
 
 
 
“ อะไร ” ภาณุหันมามองหน้าเธอ ก่อนจะเลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม
 
 
 
“ ความลับนะ ห้ามบอกใคร ” ภาณุพยักหน้าน้อยๆ
 
 
 
“ แล้วเรื่องนอนโรงพยาบาล ฉันไม่นอน ” ภาณุยังคงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
 
 
 
“ ทำไมง่ายจังล่ะคราวนี้ ” ธนันต์ธรญ์ถามอย่างสงสัย ก็ปกติเห็นเขาชอบขัดเธอจะตาย ครั้งนี้มัน
ง่ายไป เธอไม่ชิน
 
 
 
“ ง่ายเธอก็บ่น ยากเธอก็ว่า เอายังไง เรื่องนอนโรงพยาบาล คุณจินนี่บอกฉันหมดแล้ว แต่เธอจะ
ทำยังไง เธอต้องอยู่ในความดูแลของของแพทย์นะในช่วงนี้ ” ภาณุถอนหายใจ ผู้หญิงบ้าอะไร
เอาใจยากเป็นบ้าเลย
 
 
 
“ ฉันไม่รู้ แต่ให้ตายฉันก็ไม่นอน ” ธนันต์ธรญ์พูดพร้อมสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของภาณุ
แล้วกอดอกเชิดๆ
 
 
 
“ ฟาง บ้านแกไง แกอยู่คนเดียว ให้คุณหมอไปแวะเวียนดูแลก็ได้ ” เขริกาเสนอความคิด และนั่น
ก็ทำให้ธนันต์ธรญ์ยิ้มออกทันที
 
 
 
“ ใช่ ฉันลืมบ้านตัวเองได้ไง แล้วหมอคนไหนจะไปดูฉัน ” ธนันต์ธรญ์ถามขึ้น เพราะคุณหมอแต่ละ
คนงานหนักทั้งนั้น ให้ไปดูแลเธอคงเป็นเรื่องยาก
 
 
 
“ อย่ามองแบบนั้น ฉันไม่เอาด้วยหรอก ” ภาณุมองธนันต์ธรญ์ด้วยความหวาดระแวง ดูสายตาคุณ
เธอสิ
 
 
 
“ นะๆ นายบอกเองว่าฉันต้องอยู่ในความดูแลของหมอ นายก็หมอไง แล้วอีกอย่างนายอยากให้ฉัน
เลิกยา ฉันก็จะเลิก แต่มันไม่ง่าย นายก็รู้ ฉันไม่ยอมเข้าสถานบำบัด อันนี้นายก็คงรู้ และนายต้อง
ช่วยฉัน ” ธนันต์ธรญ์พูดแล้วมองภาณุอ้อนๆ
 
 
 
“ ฉันไม่มีเวลา แล้วอีกอย่างฉันหมอธรรมดา ไม่ใช่หมอบำบัด ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก ”
 
 
 
“ ข้ออ้างล่ะสิ นายมันใจร้าย ให้ฉันบำบัดตัวเอง มันเหมือนปล่อยฉันไปตายชัดๆเลย ” ธนันต์ธรญ์
พูดพร้อมเบ้ปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอแกล้งต่างหากล่ะ
 
 
 
“ นะคะคุณป๊อปปี้ ถือว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ” เขริกาถือโอกาสเดินไปจับมือของภาณุ ถ้าเขา
ช่วยธนันต์ธรญ์ เธอก็แค่ถือโอกาสไปหาธนันต์ธรญ์ทุกวัน เธอก็จะได้ใกล้ชิดกับภาณุ แค่คิดก็มี
ความสุขล่ะ
 
 
 
“ เอ่อ ครับ แต่ตอนนี้เธอต้องไปทำแผล เลือดจะหมดตัวแล้ว มา ” ภาณุค่อยๆปลดมือของเขริกา
ออก ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแขนของธนันต์ธรญ์ และพาเธอออกไปทำแผล
 
 
 
“ หึ เรานี่มันเกิดมาคู่กันชัดๆเลยป๊อปปี้ ” เขริกามองตามด้วยสายตาอยากจะเดา ก่อนจะเดินตาม
ออกไป ธนันต์ธรญ์ไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้วล่ะ เธอคงกลับบ้านเลย ดีเหมือนกัน เก็บแรงไว้ทำคะแนน
กับภาณุดีกว่า
 
 
__________________________________________________________________
 
มาอัพจ้าาาา :)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา