Love You My Bad Guy ll❤

9.8

เขียนโดย ยัยหมูปิ้ง

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.

  19 Bad Guy
  262 วิจารณ์
  47.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

17) เพื่อเธอแล้ว ฉันสามารถหันหลังให้คนทั้งโลกได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
“แก!!” ผมคำรามอย่างโกรธจัด จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดใส่หน้าของกวินทันที
       แต่เหมือนหมอนี่จะรู้ว่าผมจะโผ่เข้าใส่ก่อนแล้ว เลยหลบหมัดของผมได้ แถมยังกระแทก
หมัดสวนกลบัมาจนหน้าผมหันซะอีก
“ยังอ่อนน่า แค่นี้แกไม่ทำให้ฉันสะเทือนหรอก” กวินบอก ก่อนที่ผมจะโผ่เข้าใส่มันอีกรอบ
        คราวนี้หมัดของผมถากแก้มมันไป และเราสองคนก็เรี่มฟัดกันจนน่วม แต่หมัดที่เราพุ่งใส่
กันในตอนแรกผมไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ แต่เมื่อนานๆไปผิวมันก็แตกออกช้ำรอยเดิมที่ไอ้กร๊าฟทำไว้
วันนั้น ความเจ็บก็แล่นเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่หยุดสวนหมัดใส่กัน
       แรงที่ยังเหลืออยู่ผมทุ่มใส่กวินทั้งหมด เราสองคนเหมือนหมาบ้าที่กัดกันเอาเป็นเอา
ตายแม้จะหมดแรงแต่ว่ามือของผมยังหาช่องที่จะแลกหมัดใส่มันไปเรื่อยๆ และสุดท้ายผมก็
นอนคว่ำหน้ากับพื้น เลือดที่ผสมกับน้ำลายในปากทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก และหายใจติด
ขัดไปหมด ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำไมตัวเองถึงขาดสติเป็นบ้าไปแล้ว
       เสียงหายใจหอบๆ ของกวินยังดังแข่งกับผมไม่หยุด เราสองคนไม่ได้ต่อยกันหนัก
แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้ แต่หมัดของมันยังหนักไม่เปลี่ยน
“แกน่ะ โง่…” กวินพึมพำและหอบอีกยกใหญ่
       กวินนอนหงายหายใจหอบๆ เลือดหลายหยดไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครกระเช็นอยู่ตามพื้น
กลิ่นเหงื่อและไอความร้อนลอยคลุ้งอยู่ภายในห้อง ผมพยายามจะยันตัวเองจากที่นอนคว่ำอยู่ด้วย
ความลำบาก หายใจก็ไม่สะดวก แถมยังรู้สึกหน้าเหมือนจะร้าวไปหมดแล้วด้วย
“ถ้าแกไม่อยากโง่ ก็เลิกยุ่งกับฟางซะ เพราะฉันไม่ยกยัยนั่นให้แกแน่ๆ”
     เคยมีหลายครั้งที่ผมได้ยินเพื่อนผู้หญิงคนอื่นบอกว่าผมเห็นแก่ตัว มันคงจะจริงอย่าง
ที่ยัยพวกนั้นว่าล่ะนะ  ตอนนี้ผมยังอดไม่ได้ที่จะเกลียดตัวเองเพราะการกระทำทั้งหมดนั่น แล้ว
ฟางล่ะ เธอจะเกลียดผมมากไหมที่ผมทำร้ายเธอถึงขนาดนี้น่ะ
“ส่วนแกก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” กวินพูดเสียงเย้ย ผมก็หัวเราะในลำคอ
      เมื่อยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้ ผมก็เอนหลังพิงกับฝาผนัง มองกวินที่นอนหงายกาง
แขนขาหายใจหอบไม่ต่างกัน
“แกนั่นแหละ แกคอยแต่จ้องจะเอาชนะฉัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร”
       ผมพูดแล้วก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดจมูกตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าแสบคัดไปหมด และไม่นานเลือดกำเดา
ของผมก็ไหลทะลักออกมา ให้มันได้แบบนี้…
“shit!!” ผมสบถออกมาก่อนจะดึงคอเสื้อขึ้นมาซับเลือด
“แกนี่อ่อนเหมือนดิมเลยนะ” กวินหัวเราะเหมือนเห็นสภาพของผม แต่ตอนนี้ ผมไม่ได้ตลกไป
ด้วยเลยสักนิด
“แกนั่นแหละ จะอิจฉาอะไรฉันนักหนา บอกเลยนะว่าฟางนะของฉัน ฉันไม่ยกให้แกหรอก” ผม
บอกและมองดูกวินที่กำลังดันตัวเองขึ้นมาจากพื้น
“ใช่… ตอนแรกฉันอยากเข้าใกล้ฟางเพราะว่าเธอเป็นเด็กของแก”
     กวินพูดและสบถตามหลัง สงสัยว่าพูดมากเกินไปเลยเจ็บปากเข้าให้ เพราะหมอนั่นก็
มีแผลเยอะไม่ต่างจากผมเท่าไหร่
“แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ถ้าฟางคบกับฉันฉันก็อาจจะทำให้เธอเจ็บปวด”
      ผมมองหน้ากวินอีกครั้ง อย่างไม่ไว้ใจ ตอนนี้ผมทั้งหึง ทั้งหวง ผู้หญิงที่ชื่อฟาง อาจ
จะเป็นเพราะความผูกพันธ์ที่เรามีให้กันมานาน ตอนนี้มันเลยทำให้ผมอยากจะปกป้องเธอเอา
ไว้และไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับเธออีก แม้ว่าก่อนหน้านั้นผมจะเข้าหาเธอเพราะเหตุผลอะไร
บางอย่าง
     แต่ตอนนี้ วินาทีนี้ ผมกำลังตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
“และฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้ฟางจะเข็ดกับนายแล้วหรือยังนะ นายก็รู้ว่าเธอนิสัยยังไง” หมอนี่พูด
และยกมือจึ้นนวดซี่โครงตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งให้ผมอยู่มุมมืดคนเดีวไม่ไหวติง
“อ้อ… ฉันเห็นไฝสีแดงๆ ที่หน้าอกข้างช้ายของฟางแล้วด้วยล่ะ”
“ไอ้กวิน!” ผมตะคอกเสียงดังโดยไม่กลัวว่าจะเจ็บปากที่แตกยับเพราะฝีมือของกวิน
        หมอนั่นหัวเราะและเดินหายไปในที่สุด ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นยืน
ร่างกายของผมช้ำอยู่หลายที่ และมันทำให้ผมหัวเสียไม่น้อย
 
      ผมเดินไปยังห้องไปยังห้องที่ถูกปิดเอาไว้ เดินลากเท้าเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าฟางหลับตาพริ้ม
อยู่ ลมหายใจของเธอเหมือนจะติดขัดเป็นช่วงๆ ขนตาที่เรียงเป็นแผงหนาๆ นั่นจับตัวกันเป็นกลุ่ม
สงสัยจะมาจากการร้องไห้มาก่อนหน้านี้แน่ๆ ดวงตาของเธอก็ดูบวมขึ้นนิดหน่อยด้วย
      ผมก้มหน้าลงไปใกล้หน้าของเธออีกหน่อย พิจารณาว่ามีตรงไหนที่เธอได้รับบาดเจ็บ
อีกบ้าง และมือสั่นเมื่อผมกำลังจะยื่นไปแตะที่สาบเสื้อเชิ้ตของฟาง
      คำพูดของกวินที่ปั่นหัวผมยังก้องอยู่ในหัวไม่ไปไหน และมันทำให้ผมหงุดหงิดจนทำอะ
ไรแทบไม่ถูก ไฝ… ตรงไหนอย่างนั้นเหรอ
      บ้าจริง… พอผมก้มหน้าลงไปใกล้เธออีกนิด หยดเลือดที่ยังติดอยู่ที่มุมปากและจมูกของ
ผมก็ไหลลงมาหล่นกระทบหน้าของเธอหยดหนึ่ง
      ความทรงจำเมื่อครั้งหหนึ่งเธอเคยถูกเผาต่อหน้าต่อตาผมแทรกเข้ามาอย่างกระทันหัน
มันทำให้ผมกลัวและตกใจจนทรุดไปกับพื้น
        ผมยกมือขึ้นมาเสยและขยี้ผมจนมันยุ่งเหยิงไปหมด ใช่… ภาพที่เธอถูกไฟคลอกจนตัว
แดงไปหมดนั่นทำให้ผมกลัว และตอนที่เธอถูกพวกจินนี่รุมทำร้ายร่างกายครั้งก่อนนั่นด้วย เลือด
ที่สาดกระเซ็นตามตัวของเธอ ทำให้ผมตัวสั่น มือสั่นไปหมด
“เพราะฉันทำเธอเจ็บสินะ” ผมยกมือปิดปากและพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“ฉันจะทำยังไงดี”
End Poppy talks…
        ฉันรู้สึกว่าคอแห้งผากเป็นผง เลยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา จำได้ว่าร้องไห้กับกวินจนหลับ
ไป ฉันนี่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ เล่าเรื่องของตัวเองแล้วร้องไห้ให้ตัวเอง ไม่รู้ว่ากำลงเป็นอะไรไปแล้ว
กันแน่
       ฉันกวาดสายตามองหาโทรศัพท์มือถือ ดูว่ามีใครโทรเข้ามาหาบ้างหรือเปล่า และมันก็
เหมือนเดิมนั่นแหละ  จะมีใครสนใจคนอย่างฉันกัน ไม่มีสายเข้า ไม่มีอะไรเลยทั้งนั้น ฉันถอนหย
ใจเฮือกแล้วตั้งใจจะออกไปข้างนอก หาอะไรดื่มแล้วจะกลับหอเลย
       แต่ไม่นึกว่าพอเหวี่ยงเท้าลงกับพื้นแล้วจะเห็นใครบางคนกำลังนั่งทำแผลให้ตัวเองเงียบๆ
อยู่
      ป็อบปี้…
      ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นว่าเป็นป็อบปี้ที่นั่งบนพื้นกำลังติดพลาสเตอร์นืที่มุมปาก และหัน
หลังให้ฉันอยู่
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” เขาถาม ราวกับว่าก่อนหน้านี้ระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ป็อบปี้… นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
       ถามออกไปแล้วฉันก้อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีก
 แล้วนี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงถามเขาไปแบบนี้
        ป็อบปี้ยิ้มให้ฉันเหมือนจะรู้สิ่งที่ฉันคิดตอนนี้ทะลุปรุโปร่ง ฉันเองก็อายมากกว่าอายที่
ความตั้งใจพังครื่นลงมาง่ายๆ และสุดดท้ายฉันก็สู้เขาไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
“มีใครบางคนโทรหา และได้ยินเสียงหัวใจของใครบางคนเรียกร้อง”
        ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่เราคบกันแรกๆ ฉันคงจะทั้งเขินทั้งขำที่เขาพูดประโยคน้ำเน่า
ออกมา แต่นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ
“ฉันเจ็บตรงนี้ เธอเจ็บตรงไหน” ป็อบปี้ถามฉันพร้อมกับยกมือขึ้นทาบที่ตำแหน่งหัวใจ
         ฉันเม้มปากแน่นกับภาพที่เห็น เขขาเห็นฉันเป็นของตายของเขาหรือไงกัน นึกจะมาหาเมื่อ
ไหร่ก็มา นึกอยากจะจากไปตอนไหนก็ไป อย่างนั้นน่ะเหรอ
“ฉันเจ็บเพราะเห็นเธอร้องไห้ ฟาง เรื่องนี้ฉันไม่ได้โกหกเธอเลย” เขาบอกพร้อมกับจ้องหน้าฉัน
จริงจัง
         ตามตัวของเขามีแต่แผลซึ่งฉันไม่รู้ว่าเขาไปมีเรื่องกับใครมา ครั้งก่อนก็เห็นเขามีเรื่องที่ผับ
ตอนที่กร๊าฟพาฉันไป แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะเจ็บหนักมากเท่ากับวันนี้เลย
“หลีกไปหน่อยได้ไหม ฉันจะออกไป” ฉันบอกเสียงแข็ง พยายามมองข้างความอ่อนแอ
ที่อยู่ในสายตา
         เขาเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่หลอมละลายธารน้ำแข็งอย่างฉัน เขารู้จุดอ่อนของฉันทุกอย่าง
 และไม่ยุติธรรมเลยเมื่อฉันต้องมาอยู่อีกข้างหนึ่งกับเขาอย่างนี้
“ถ้าเธอกล้าผลักฉันออกก็เอาเลย ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว อยากไปก็ไป” เขาบอก ยก
แขนขึ้นทั้งสองข้าง กางขวางหน้าฉันเอาไว้
         เขายังนั่งอยู่กับพื้น ฉันก็ยังเดินลงจากเตียงได้จากทางอื่นที่เขาไม่ชวางทาง แต่เมื่อ
ฉันขยับตัวเขาก็ลุกขึ้นทันทีด้วยเหมือนกัน เมื่อเท้าของฉันสัมผัสกับพื้น ป็อบปี้ก็ก้าวเท้าไปขวาง
หน้าประตูห้องเอาไว้จนได้
           ฉันกลืนนำลายลงคออึกใหญ่ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรอีก ในเมื่อเขายินดีที่จะอยู่กับ
โฟร์และจินนี่มากกว่าฉัน แล้วทำไมต้องมารังควานเมื่อฉันอยู่กับคนอื่น
“นายไม่ได้รักฉันหรอกป็อบปี้ นายแค่หวงก้าง” ฉันบอกเขาแล้วก็คว้ามือถือของตัวเองขึ้นมา
 พลางกวดสายตามองหากระเป๋าของตัวเอง
          มันไปอยู่ที่ไหนกันแล้วเนี่ย แล้วทำไมกวินถึงปล่อยให้หมอนี่เข้ามาได้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เธอรู้ใจของฉันหรือยังไง เธอไม่ได้เป็นฉันนสักหน่อย” ฉันเม้มปาก เชิดหน้าขึ้นคอแข็ง ด้วย
ความฉุน
          ไม่เอาแล้ว… ฉันจะต้องไม่หัวเสียกับคำพูดของเขา และต้องไม่หวั่นไหวอะไรด้วย
“ป็อบปี้ ขอเถอะ ฉันอยากจะพ้นจากสภาพผู้หญิงอ่อนแอนี่เต็มทนแล้ว เพราะงั้นช่วยหลีกไป
เถอะ นายคงจะมีผู้หญิงทั้งโลกรอคอยนายอยู่ ปล่อยให้ฉันไปเถอะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ
และไม่มองหน้าเขา
           สีหน้าและแววตาของป็อบปี้ อาจจะลากฉันกลับไปยังกับขุมนรกที่เพิ่งปีนขึ้นมาได้ และ
ถ้าตกลงไปอีกครั้ง ฉันอาจจะบาดเจ็บสาหัวยิ่งกว่าที่เป็นตอนนี้
“เพื่อเธอแล้ว ฉันสามารถหันหลังให้คนทั้งโลกได้ รู้มั้ย”
          ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันเสียน้ำตาเพราะคำคำนี้ของป็อบปี้  เขากำลังพูดอะไรน่ะ ตั้งใจจะ
บอกใครกันแน่ จินนี่ หรือโฟร์
“บอกหน่อยสิ ว่าทำไมเธอถึงเข้าไปกอดชุดเจ้าสาวที่ฉันจุดไฟเผาครั้งก่อน” เขาถามและขยับ
เข้ามาใกล้เมื่อเห็นว่าฉันไม่วิ่งหนีเขา ยังคงยืนนิ่งๆ เหมือนหุ่นแล้วก็มองหน้าเขาร้องไห้เงียบๆ
เท่านั้น
“ฉันได้ยินเธอพูดกับกวินเรื่องเมื่อตอนเธอเป็นเด็กแล้ว”
       ฉันหลับตาลงแน่นๆ ปล่อยให้น้ำตามากมายไหลลงมาไม่อยากจะมองหน้าเขา คนที่ทำ
ให้ฉันมีบาดแผลจากเรื่องราวในอดีต
“บอกฉันสิ บอกกวินทำไม ทำไมเธอไม่บอกฉัน” เขาถามพลางขยับเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“แล้วนายอยากรู้หรือไงกัน นายทำท่าอยากรู้มากเลยหรือไง” ฉันเถียงแต่ยังยืนนิ่งกำหมัดไว้
ข้างลำตัวแน่น ไม่ลืมตามองหน้าเขาแม้แต่แวบเดียว
“บอกฉันมาสิ” เขามาถึงตัว พร้อมกัยเชยคางฉันแรงๆ ให้ฉันลืมตาขึ้นมาหน้าเขา
          ฉันลืมตาขึ้นมาและมองหน้าเขาในที่สุด เขาจะมองเห็นไหมว่านัยน์ตาของฉันมันบอก
เขาว่าฉันเจ็บช้ำมากแค่ไหนน่ะ
“เพราะก่อนที่แม่ฉันเข้าโรงพยาบาล แม่ฉันกำลังเดินแบบในชุดแต่งงานไงล่ะ พอใจรึยัง” เสียง
ของฉันสั่นเครือ เมื่อต้องบอกให้เขารู้ 
       แค่นี้ฉันก็เจ็บปวดมากอยู่แล้ว ต้องเก็บอาการแค่ไหนตอนที่สวมชุดนั่นเขาคงไม่รู้ แล้ว
ยังมาเผาให้ฉันเห็นต่อหน้าต่อตาซะอีก คนอย่างเขามีหัวใจเหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่า
“เลือดแม่ฉันเต็มชุดสีขาวนั่น เธอสวมหน้ากากช่วยหายใจ แล้วก็ตาย ได้ยินมั้ย พอใจรึยัง” ฉันถาม
และรู้สึกปวดหัวไปหมด
         ฉันหลับตาลงเมื่อไหร่ฉันจะเห็นแต่ภาพของแม่ที่กำลังถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินในโรง
พยาบาลและจากนั้นก็เป็นพ่อของฉัน ที่…
        คิดได้เท่านี้ฉันก็ยกมือขึ้นมาทึ่งผมตัวเองยกใหญ่ ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกทรยศหักหลัง
ทำให้ฉันเจ็บเกินกว่าคนทั่วไปจะรู้ได้ ฉันเจ็บปวดและรู้สึกเหมือนว่าเกิดมาโดยไม่มีใครต้องการ
เป็นแค่ส่วนเกินที่ไม่ว่าใครๆ ก็เมินหน้าหนี ฉันเรี่มร้องไห้หนักขึ้นจนตัวโยนไปหมด
       ป็อบปี้เข้ามาใกล้ พร้อมกับจับไหล่ของฉันไว้ แต่เขาก็เหมือนกัน เขาเหมือนกับพ่อของ
ฉันไม่มีผิด ผิดตรงที่เขาไม่ได้กอดฉันไว้เพียงคนเดียว เขายังกอดใครต่อใครอีกมากมาย และ
สุดท้ายฉันก็จะถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของทุกคน
“ไม่ อย่าเข้ามาแตะตัวฉฉัน” ฉันร้องไห้ ผลักเขาออกห่างแรงๆ จนป็อบปี้เชไปสองสามก้าว
         ฉันตั้งท่าจะวิ่งหนี  แต่ว่าเขาก็เข้ามาจับไหล่ฉันไว้ กอดฉันไว้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เกิด
ขึ้นกับใคร แต่สำหรับฉัน วงแขนของเขาคือใบมีด ที่กำลังบาดผิวเนื้อของฉันไปทีละนิด เลือด
ของฉันไหลรินและฉันเป็นฝ่ายเจ็บปวดมากกว่าใครทั้งหมด
“อย่ากอดฉัน ไม่!!” ฉันเรี่มส่งเสียงดัง และได้ยินป็อบปี้ครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
        ฉันไม่รู้ว่าเขาเจ็บแผลของเขา หรือว่าที่จริงเขาเจ็บใจที่ฉันไม่ยอมให้เขากอดง่ายๆ ก็ไม่รู้
“ฟาง ตั้งสติก่อนสิ เธอเป็นอะไรไปน่ะ” ป็อบปี้จับไหล่ฉันเขย่า เพื่อให้ฉันสงบสติอารมณ์
       แต่ฉันสั่งตัวเองไม่ได้ ความจริงฉันอยากจะร้องกรี๊ดจนเป็นบ้าแบบนี้มานานแล้วละ
แต่ไม่รู้ว่าต่อให้กรีดร้องให้ขาดใจตายไป จะมีใครสนใจฉันหรือเปล่า
“มองหน้าฉันสิฟาง” ป็อบปี้จับหน้าฉันของฉันให้หันไปมองเขา
        ปลายนิ้วของเขาปาดคาบน้ำตาที่ไหลลงมาให้ฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นริมฝีปากได้
รูปนั้นก็จูบฉัน แต่สัมผัสนั้นแม้จะแผ่วเบาแต่ปานไหน แต่ฉันก็สะท้านได้ทุกเมื่อ มือของป็อบปี้
สอดเข้าไปใต้ท้ายทอยของฉัน จากนั้นก็ตึงเอาไว้แน่น บังคับให้ฉันเงยหน้ารับจูบที่ร้อนแรง
ของเขา
“ฉันเสียใจ บอกเธอแล้วนะว่าฉันเสียใจ” ป็อบปี้ขยับริมฝีปากออก และกระชิบถ้อยคำแผ่ว
เบาให้ฉันได้ยิน
       น่าแปลกที่ฉันเรี่มนิ่งลงและปล่อยให้เขากอดเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น ภาพที่ฉันเคยเห็น
เมื่อตอนที่แม่เข้าโรงพยาบาลมันยังลอยมาให้เจ็บปวด
       ภาพที่พ่อของฉันหักหลังฉัน หักหลังแม่ของฉัน เหมือนกับตอนที่ป็อบปี้อยู่กับโฟร์หรือ
จินนี่ไม่มีผิด
       ใช่… พ่อมีผู้หญิงอื่นตอนที่แม่ฉันเข้าโรงพยาบาล
 “ทำไมต้องทำแบบนี้ นายไม่ได้รักฉันไม่ใช่เหรอ” ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นพยายามดึงมือ
ของเขาออกจากแก้ม แต่ก็ทำไม่ได้เลย
“เธอรู้ได้ไง  ไม่ใช่เลยนะ” เขาปฏิเสธ แต่จะให้ฉัรเชื่อเขาได้ยังไง ขนาดตอนที่เขาอยู่กับ
ฉัน ยังมีผู้หญิงอยู่รอบตัวเขาตลอดเวลา
“นายทำแบบนี้ทำไม…” ฉันยังคงไม่เข้าใจ ว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน
       ในเมื่อเขาไม่เคยสนใจใยดีตัวฉัน แล้วมาตอนนี้เขากลับทำท่าจะเป็นจะตายเมื่อเห็น
ฉันร้องไห้ ผู้ชายช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากจริงๆ
“เพราะฉันรักเธอยังไงล่ะ รักเธอจริงๆ” เขาบอกและมอบจูบที่อ่อนหวานให้ฉันอีกครั้ง
        ฉันหลับตาลงเมื่อขัดขืนเขาไม่ได้ หรือจะพูดอีกอย่าง นั่นคือฉันไม่อาจจะผลักไสเขา
ออกห่างได้ ตอนนี้เขาก็บาดเจ็บอยู่แล้วด้วย ฉันทนมองเขาเจ็บปวดไม่ได้
         คงจะเป็นเหมือนตอนที่ฉันร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าเขาเจ็บ เหมือนตอน
ที่แม่ของฉันเจ็บ
“ฉันไม่ขอให้เธอเชื่อใจฉันอีกแล้ว แค่มองดูฉันก็พอ ฉันจะบอกเธอจากนี้ว่าฉันคิดและรู้สึก
กับเธอยังไง”
       เขาพึมพำอีกหน พร้อมกับแนบริมฝีปากที่ต้นคอของฉัน
“ให้ฉันได้กอดเธออีกสักครั้ง อีกแต่ครั้งหนึ่งแล้วฉันจะไม่ปล่อยให้เธอจากไปที่ไหนอีก”
        ตอนที่ฉันกำลงหัวหมุนกับสัมผัสของเขา ฉันก็รู้ตัวเลือนๆ ว่าป็อบปี้ดันร่างของฉันให้
ถอยหลังกลับไปที่เตียง และเอนให้ฉันล้มตัวลงนอนบนนั้น
        เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำให้ฉันสะดุ้งและเรี่มรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ป็อบปี้ก็
ฉวยมันออกไปจากมือ จากนั้นเขาก็ทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออกอีกเลย
 
          เพราะว่าป็อบปี้บาดเจ็บอยู่ เขาเลยหลับไปอย่างง่ายดายแม้ว่าฉันจะตื่นแล้ว ฉัน
ยกมือขึ้นมาครึงขมับอย่างเจ็บปวด ความเจ็บจี๊ดแล่นไปตามเส้นประสาทของฉันทุกเส้น
มันปลุกให้ฉันตื่นจากนิทราได้อย่างดี ฉันเดินไปพลางนิ่วหน้าไปพลางเพื่อมองหาเสื้อผ้า
ของตัวเองในห้องน้ำ
        เมื่อจัดการกับตัวเองได้ฉันก็ตามหากระเป๋า พบว่ามันตกอยาในห้องนั่งเล่นของกวิน
ฉันเห็นว่าห้องของเขาดูไม่เป็นระเบียบ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกโซฟากองหนังสือ หรือข้าว
ของที่อยู่ในห้องนี้มันเลยไม่เข้าที่และเละเทะ ฉันไม่ใส่ใจอะไรมากมายเดินลิ่วออกมาจาก
ห้องทันที
       โชคดีที่ตอนลงลิฟต์ไปมีคนอื่นด้วย ฉันเลยอสศัยการ์ดของพวกเขาผ่าน ออกจาก
ชั้นล่างของคอนโดได้ ตอนนี้ปวดหัวสุดๆ มองดูโทรศัพท์ว่ามีใครทรมาหรือเปล่า แล้วก็
ใช่เลย… พิมนะ
       ฉันไม่อยากทะเลาะกับพิมแต่เช้าและยังมึนๆ อยู่ เลยเลือกที่จะกลับคอนโดตัวเอง
ฉันทำจมูกฟุดฟิตตอนที่เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วได้กลิ่นเหมือนว่าจะเป็นอาหารเช้า…
      อะไรกันน่ะ ฉันคิดอย่างสงสัยแล้วก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง ภาพที่เห็น
ในห้องครัวคือผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งกำลังจับกระทะและตะหลิ่วทำอะไรบางอย่าง เธอ
ฮัมเพลงอย่างพอใจ และหันมาเจอกับฉัน
“โฟร์…” ฉันเรียกชื่อของเธอด้วยความตกใจแกมแปลกใจที่เห็นเธอมาอยู่ในห้องแบบนี้
“เพิ่งกลับมาหาหอพักที่มหาวิทยาลัยสินะ มาๆ มาทานข้าวกันดีกว่า ฉันทำของโปรดไว้
ให้เธอด้วยนะ”
        ฉันพูดอะไรไม่ออก นอกจากมองเธอเงียบๆ ท่าทางของเธอดูคุ้นเคยกับที่นี่ และ
ฉันไม่รู้ว่าเธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง
“เธอ…” ฉันพูดได้แค่คำเดียว ก่อนจะเห็นว่าโฟร์ตักพาสต้าลงจานพร้อมกับยิ้มกว้าง
         เธอเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นด้วยความคล่องแคล่ว รินนมใส่แก้วให้ฉันจากนั้นก็ยิ้มอยู่
ข้างโต๊ะทานข้าวด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะยิ้มได้
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วมาทำอะไร”
       ฉันพูดเป็นเสียงกระชิบ พร้อมกับกำหมัดแน่น
“มาหาเธอไง ทำไมพูดห่างเหินกันอย่างนี้ล่ะ” โฟร์ทำหน้าเศร้า
       ฉันไม่รู้ว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำหรือมาจากใจเธอจริงๆ ฉันอ่านผู้หญิงคนนี้ไม่ออก
“จะว่าไปเรามาเรียกชื่ออะไรกันใหม่ดีกว่ามั้ย แบบว่าฉันเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ แล้วเรียก
เธอว่า‘ฟาง’ เฉยๆ น่ะ มันคงทำให้เราสนิทกันได้มากกว่านี้”
       เธอพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง แต่ฉันน้ำตาจะไหลซะให้ได้ เธอต้องการอะไรกันแน่ ป็อบปี้
อย่างนั้นเหรอ
“ทำไมฉันต้องทำอย่างที่เธอบอกด้วย” ฉันพูดพลางคว้าแจกันข้างตัวเตียมจะขว้างมันใส่
หน้าของเธอได้ทุกเมื่อ ถ้าเธอเกิดพูดอะไรบ้าๆ ออกมา
“เธอก็รู้นี่ว่าเพราะอะไรน่ะ” โฟร์ยังคงยิ้มกว้างต่อหน้าฉัน และมันทำให้ฉันร้องไห้ออก
มาอย่างสุดทน
“เพราะว่าพี่เป็นพี่สาวของเธอไงล่ะ ฟาง”
        เมื่อเธอพูดคำที่ฉันไม่อยากได้ยินออกมา ฉันก็เขวี้ยงแจกันที่ถืออยู่ใส่เธอเต็มแรง
ทันที พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรูลงมาด้วยความเจ็บใจ
       ใช่… โฟร์คือพี่สาวของฉัน
 
PF PF PF PF PF PF PF 
ก่อนอื่นเลย ต้องขอโทษด้วยจ้า
ที่ไม่ได้อัพลงหลายวัน แหะๆ งาน
เข้า งานเข้า ฮึ๊บๆT-T ยังไงก็มาอัพ
ให้แล้วนะจ๊ะ ยังไงๆ ป็อบปี้ทำตัวดี
ขึ้นนิดหน่อย(ย้ำว่านิดหน่อย)แล้ว
แค่นี้พอให้อภัยหรือยัง ฮ่าๆ แต่
ไรท์ไม่ให้อภัยค่ะ
เม้นๆจ้า แล้วเจอกันตอนหน้า จุ้บๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา