Love You My Bad Guy ll❤

9.8

เขียนโดย ยัยหมูปิ้ง

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.

  19 Bad Guy
  262 วิจารณ์
  48.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) ใครคนนั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
             ฉันกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ที่แสนเจ็บปวดนั่น วันนั้นที่ฉันขอ
ร้องให้กวินจูบฉันนะ เขาจูบฉันจริงๆแต่มันก็ไม่ทำให้ตัวฉันลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นได้เลยแม้แต่
นิดเดียว ทำไมกันน่ะทำไมฉันถึงจะยังเชื่อว่าเราสองคนจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ฉันไม่
เข้าใจตัวเองเลย และก็ไม่เข้าใจเขามากด้วยว่าเขาต้องการเอาอะไรจากฉัน
“ฟาง! เธอหายไปนานมากฉันนึกว่าเธอเป็นอะไรซะอีก” แก้วอุทานออกมาก่อนจะวิ่งเข้ามาหา
ฉันที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างเป็นห่วง
“อ้อ มีเรื่องนิดหน่อยนะ” ฉันบอกแก้วก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เรียนของตัวเองตามเดิมใน
ห้องนี้มีคนเยอะผิดปกติแหะมีอะไรกันรึเปล่านะ
“คลาสเรียนคนเยอะผิดปกติรึเปล่าน่ะแก้ว” ฉันถามแก้วที่จ้องมองแผลที่ยังมีหลงเหลือ
บนใบหน้าของฉัน มือเรียวยาวของเธอชี้มาที่แผลของฉันเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่จน
แล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมพูดมันออกมา
“อ๋อ ฮ่าๆ ก็หมอเข้าเรียนน่ะ” หมอนั้น? ใครกันล่ะในคลาสเรียนนี้ยังมีคนที่ฉันยังไม่รู้จักอีกเหรอ
“เฮ้ แก้วเธอนินทาฉันเหรอ” เสียงที่เรียกแก้วทำให้ฉันและเจ้าของชื่อหันไปมามองมาใหม่ทัน
ที และฉันก็ต้องตาโตขึ้นเมื่อคนที่ยืนพิงประตูนั้นคือกร๊าฟ ผู้ชายที่จะเผาฉันทั้งเป็นวันนั้นไงล่ะ!
“จะบ้าเหรอ ไม่ได้นินทาเลยสักนิด” แก้ววิ่งไปเกาะแขนของกร๊าฟ ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้น
ฉันว่าสองคนนี้มีอะไรกันรึเปล่าน่ะ
“มานี่กร๊าฟ… ฉันจะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก” แก้วลากกร๊าฟเข้ามาหาฉันพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บน
หน้าไม่จางหาย
           ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันโลกกลมเกินไปรึเปล่าถึงได้มาเจอผู้ชายคนนี้แถมเขายังรู้จักกับ
แก้วที่เป็นเพื่อนคนเดียวของฉันในมหาลัยแห่งนี้ และยังดูเหมือนสนิทกันมากด้วย
“กร๊าฟนี่ฟางนะเพื่อนใหม่ฉัน” กร๊าฟเขามองฉันที่จ้องหน้าเขาอยู่ตั้งแต่แรก สายตาของเขา
ที่มองมาเหมือนถูกอกถูกใจอะไรสักอย่างที่เห็นฉันอยู่ตรงนี้
“สวัสดีหนูน้อยหมวกแดง” พอเขาบอกแบบนั้นฉันก็ชักสีหน้าใส่เขาทันที ฉันไม่ชอบให้เขา
พูดแบบนั้นและดูเหมือนเขาจะรู้เลยยกมือยอมแพ้ไป
“เฮ้ รู้จักกันด้วยเหรอ” แก้วที่ยืนดูการกระทำของฉันกับกร๊าฟถามขึ้นมาบ้าง สีหน้าของเธอ
ดูไม่ชอบใจนักที่ฉันคุยกับกร๊าฟ
“ก็รู้จักมานิดหน่อยนะ ไม่เอาน่าอย่างหวงฉันไม่เข้าเรื่องสิแก้ว” คำพูดของกร๊าฟที่มีต่อแก้ว
มันช่างเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอ่อนหวาน พอมานึกๆดูแล้วก็อดจะอิจฉาเธอไม่ได้น่ะถึงนาย
กร๊าฟนั้นจะดูเลวๆแต่เขาก็ยังรักแก้วอยู่
“ฉันไม่ได้หวงน่ะกร๊าฟ… ฉันแค่สงสัย” แก้วบู้ปากอย่างน่ารักให้กร๊าฟทำเอาคนที่เห็นอดยิ้ม
ตามไม่ได้ รวมถึงฉันคนนี้ด้วย
“ไม่มีอะไรหรอกแก้ว สบายใจได้ฉันไม่ยุ่งกับแฟนเพื่อนแน่ๆ” ฉันบอกเพื่อให้แก้วสบายใจ
แต่ดูเหมือนแก้วจะทำหน้างงแถมหัวเราะร่าออกมาเหมือนกับมันเป็นเรื่องตลกอีก… มันน่า
ขำตรงไหนกัน
“ไม่ใช่นะฟาง ฉันกับกร๊าฟน่ะไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก” แก้วฉีกยิ้มกว้างมาให้พร้อมกับลาก
กร๊าฟมานั่งที่โต๊ะเรียนใกล้ๆกับที่นั่งของฉัน
“เหรอ โทษที”
          จากนั้นแก้วก็หันไปสนใจนายกร๊าฟอะไรนั้นแทน ฉันสังเกตเห็นว่ามีสาวๆหลาย
คนพยายามมาตีชี้กร๊าฟ แต่ดูเหมือนแก้วจะขัดขวางกีดกันไม่ให้ใครเข้าใกล้กร๊าฟเด็ดขาด แต่
ดูยังไงๆมันก็เหมือนคู่รักกันมากน่ะ แต่ช่างมันเถอะฉันละสายตาออกจากแก้วและกร๊าฟก่อน
จะหันไปจ้องมือถือของตัวเองมีแมสเชจเข้ามาน่ะจาก กวิน
เฮ้ ไปทานข้าวกันวันนี้เธอต้องบอกทุกอย่างให้ฉันฟัง
ฉันอดทนกับเธอมาสองอาทิตย์แล้วน่ะ
            กวิน…
            ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะกวินเขาช่างเช้าชี้ฉันเหลือเกินตลอดเวลาสอง
อาทิตย์เขาพยายามถามว่าใครทำร้ายฉัน ใครกันที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้บางทีฉันก็รำคาณมากนะ
แต่พอมานึกๆดูว่าเขาเป็นห่วงถึงได้ถาม ความรำคาณในตอนแรกนั้นก็หายไปในพริบตาเลย
 ขอละฉันไม่อยากจำเรื่องนี้แล้วกวินพอแล้วล่ะ
             ฟาง…
              ฉันตอบข้อความเขากลับไปอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาเมื่อเห็นว่า
อาจารย์ขึ้นสอนแล้ว ฉันไม่เข้าใจที่อาจารย์สออนเลยแม้แต่นิดเดียวหัวของฉันมันหวนนึกถึงแต่
ป็อบปี้ช้ำไปช้ำมา จนฉันอยากจะความจำเสื่อมไปซะจะได้ไม่ต้องจดจำอะไรให้ต้องปวดใจอีก
              หลังจากเลิกคลาสฉันก็เห็นว่ากวินมารอฉันที่หน้ามหาลัยแล้ว เขาสวมแว่นพร้อม
กับกอดอกยืนพิงที่รถทำให้สาวๆในมหาวิทยาลัยมองกันตามเป็นแถว ก็ไม่แปลกหรอกเขาออก
จะดูดีขนาดนั้นแค่ขยิบตาสาวๆก็คงพากันพร้อมใจกันเทใจให้เขาทันที
“ไง” ฉันเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะทักทายเหมือนเคย
               ส่วนกวินหันหน้ามามองฉันก่อนจะถอดแว่นกันแดดที่เขาใส่เอาไว้ออก
“ไม่บอกก็ได้ฉันไม่ห้าม แต่ตอนนี้ไปทานข้าวเถอะหิว!” ฉันขมวดคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
ให้เขาไปแต่ก่อนที่ฉันจะเข้าไปในรถฉันก็เห็นว่าแก้วเรียกฉันอยู่ เลยทำให้ฉันเดินเข้าไปหาเธอ
แทนที่จะขึ้นรถไปกับกวิน
“มีอะไรแก้ว”
“ไปหาอะไรทานกัน อ๊ะแฟนเธอเหรอโทษทีนะไม่นึกว่าเธอจะไปทานข้าวกับแฟนน่ะ” แก้วหัน
ไปมองกวินที่ยิ้มน้อยๆให้เธอ ก่อนจะใช้มือพัดหน้าตัวเองไปมาเพราะความร้อนเกินจะบรรยาย
นี่แทน
“ไปด้วยกันก็ได้น่ะฮะ” เป็นกวินที่เอ่ยชวนแก้วจนทำให้เธอฉีกยิ้มกว้างออกมา
“ไปร้านไหนล่ะเดี๋ยวฉันจะขับรถตาม”
“ตอนแรกว่าจะไปร้านอาหารชันนี่ แต่ว่าตอนนี้ไปร้านสตาร์แถวมหาวิทยาลัยก็ได้น่ะ” กวิน
เสนอพร้อมกับสวมกอดรอบเอวฉันไว้ แต่ก่อนที่ฉันจะผลักเขาออกสายตาก็เลื่อนไปเจอกับจิน
นี่ที่เดินกอดแขนมาพร้อมกับป็อบปี้นั่นแหละฉันถึงได้กอดมือทับมือที่กวินกอดเอวฉันไว้ใน
ตอนแรกนั้น
          ป็อบปี้มองฉันด้วยหางตาก่อนจะเดินผ่านเลยไป… บอกเลยว่าฉันเจ็บหัวใจแทบจะแตก
ละเอียดเมื่อเขาเมีนเฉยใส่ฉันแบบนี้
“ให้ตายสิ ฉันละอิจฉาพวกเธอจริงๆหวานกันจริงๆเลยนะ” แก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างถูกใจก่อน
จะพากันเดินไปร้านอาหารที่เดิมที่ป็อบปี้ทำเลวกับฉันนะแหละ
           กวินเขาขอเอารถไปเก็บในมหาวิทยาลัยและบอกจะรีบตามมาส่วนแก้วก็โทรศัพท์คุย
จิกๆให้ใครสักคนมาทานข้าวด้วยกัน ฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นใครในตอนแรกแต่พอเห็นก็ต้องอ๋อใน
ใจเมื่อคนที่เธอโทรจิกนั้นคือกร๊าฟ
"ให้ตายสิฟาง ฉันนึกว่าเธอไม่มีแฟนซะอีกไม่งั้นฉันเชียร์กร๊าฟให้จีบเธอแล้วน่ะ” คำพูดของ
แก้วทำให้ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ เธอคงยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เคยทำเรื่องอะไรให้ฉันไม่อย่าง
งั้นเธอจะไม่พูดคำนั้นออกมาแน่ๆ
“งั้นเหรอ…” เสียงของฉันขาดหายไปตัวชะงักกึกเมื่อเห็นคนสองคนเดินเข้ามาในร้าน บ้าจริง
ทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วย ฉันไม่อยากเจอไม่อยากเห็นหัวใจของฉันปวดเหน็บจนจะขาดใจ
ตายซะให้ได้ จินนี่มองมาที่ฉันก่อนจะยิ้มหวานมาให้ แต่ป็อบปี้ไม่แม้แต่จะหันมามองแม้แต่นิด
เดียว
           พอสักทีฟางเธอเจ็บแล้วจำสักทีอย่าไปยุ่งกับหมอนั้นอีก อันนี้ฉันพูดจริงๆน่ะฉันไม่
อยากยุ่งกับเขาอีกต่อไปแล้วไม่อยากยุ่งเลยจริงๆเขาทำให้หัวใจของฉันด้านชามีแต่ความความ
เจ็บปวดและตอนนี้ ฉันก็รู้แล้วว่ายิ่งรั้นก็ยิ่งเจ็บยิ่งเข้าใกล้ก็มีแต่จะยิ่งเสียน้ำตาเพราะคนอย่าง
เขาไม่มีวันที่จะหันกลับมาอีก
“เฮ้ ฟางรอนายมั้ย” กวินที่เดินเข้ามาทักทายฉันก่อนจะชะงักไปชั่วครู่ และปรับสีหน้าเป็นปกติ
ในเวลาต่อมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันเห็นทีไรก็ยังมองว่ามันไม่น่าไว้ใจอยู่ดีนั่นด้วย
 “สั่งอะไรมารึยัง” กวินเดินเข้ามากระชิบข้างๆกูก่อนจะหอมแก้วฉันทีหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันแหะ
ว่าฉันยอมให้กวินหอมแก้มฉันแบบนี้ได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะป็อบปี้ที่ไม่สนใจฉันหรือเป็นเพราะ
จินนี่ที่ทำตัวน่าหมั่นไส้นั้นกันแน่นะ
“ยังนะ นั่งสิเลือกให้ด้วยนะนายรู้ใช่มั้ยว่าฉันชอบทานอะไร” ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะ
แสดงเป็นแฟนที่น่ารักด้วยการชบที่ไหล่ของกวินเมื่อเขาเดินมานั่งข้างๆฉันแล้ว
          สายตาของกร๊าฟมองการกระทำของฉันไม่วางตา ผู้ชายคนนี้ก็อีกคนมองอะไรฉัน
ทำไมนักหนาน่ะหรือจะเพราะว่าเขาเคยบอกว่าเขาจะเอาฉันมาให้ได้ อย่างงั้นเหรอ
“ทานอะไรมั้ยจินนี่ หรือจะเอาสเต็กของโปรดเธอดีล่ะ” เสียงของป็อบปี้ที่พูดกับจินนี่อย่าง
อ่อนหวานนั้นทำให้ฉันหลับตาลงแน่น ทั้งเจ็บใจช้ำใจที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ยังจ้อง
มองหาแต่เขาอยู่เรื่อยๆ น่าสมเพชจังเลยนะฟาง
“ก็ดีน่ะ…”
         ฉันพยายามไม่สนใจอะไรใครอีกก่อนจะหันไปมองหน้ากวินแค่คนเดียวเลิกมองคน
อื่นแล้วหันมามองกวินดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บต้องปวดอะไรอีกแก้วมองมาที่ฉันก่อนจะยิ้มออก
มาเหมือนกำลังหาคำตอบจากสิ่งที่ฉันทำอยู่ เธอไม่ได้คำตอบหรอกแก้วเพราะฉันก็ไม่มีคำ
ตอบให้กับตัวเองเหมือนกันรู้แค่ว่าฉันอยากจะแก้วแค้นอยากระบายออกมาทุกอย่างเท่านั้น
“วันนี้ว่างรึเปล่าละฟาง ฉันอยากจะไปเที่ยวกับเธอน่ะ” กร๊าฟพูดออกมาท่ามกลางความเงียบ
ทำให้ฉันหันไปมองเขาทันที ส่วนอิตากวินก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ
“ก็เอาสิ ฉันก็อยากเที่ยวกับนายเหมือนกัน” ในเมื่อเขาขอมาทำไมฉันจะไม่ให้ล่ะจริงมั้ย ฉันยิ้ม
ให้เขาอย่างใสชื่อพร้อมกับจ้องตากร๊าฟเหมือนอยากจะมองให้ทะลุถึงใจเขาบ้าง ว่าตอนนี้ในใจ
ของผู้ชายที่ชื่อกร๊าฟนั้นต้องการอะไร
“ฉันขอตัวแฟนนายสักวันแล้วกันน่ะ กวิน” กร๊าฟหันไปมองกวินบ้างและฉันก็รู้สึกว่าผู้ชายสอง
คนนี้มันมีอะไรที่ค้ายๆกัน รวมถึงเขาคนนั้นด้วย
“ตามสบายเลย” กวินตอบไปอย่างไม่คิดอะไรและมันทำให้ฉันฉุนเล็กน้อยเพราะเขาน่าจะแสดง
ความหึงหวงเล็กๆบ้างก็ได้เพราะยังไงก้ได้ชื่อว่าแฟนกันถึงจะปลอมๆก็เถอะ
“นายหวงฉันสักนิดไม่ได้เหรอไง” ฉันเสแสร้งแกล้งทำน้ำเสียงงอนๆเพราะอิตากวินเนี่ยยอม
ให้ฉันไปกับกร๊าฟง่ายๆ ทำเหมือนกับเรื่องวันนั้นเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยสักนิดคิดละมันน่าหงุด
หงิดจริงๆ
“เอาน่า กร๊าฟคงไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ดูท่ามันออกจะถูกอกถูกใจเธอนิ ไม่งอนน่ะ” เขาหัน
มายิ้มสายตาหวานเยิ้มมาให้ ให้ตายสิสายตาแบบนี้สินะถึงได้หาหนูน้อยหมวกแดงมาได้ไว
แบบนี้น่ะ
“ฉันเสียใจแล้วนะ นายไม่ห่วงฉันเลย” และฉันก็ยังจะบ้าตีหน้าเศร้าต่อไปจนทำให้กวินหัวเราะ
ออกมาทันที ชิ มันน่าหัวเราะตรงไหนกัน
“ฉันห่วงเธอทั้งวันเลยนะ ในหัวใจนะ” คำพูดของกวินทำให้ฉันหลุดยิ้มและหัวเราะออกมา อะ
ไรจะแกล้งเป็นแฟนได้เนียนและน้ำเน่าได้ขนาดนี้น่ะตาบ้าเอ้ย
“หวานกันจนฉันอยากจะทำลายความรักซะจริง” เสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนอกจากอิตา
กร๊าฟที่จ้องฉากสวีทเลี่ยนๆของฉันกับกวินน่ะ
“ทำไม อยากได้เองรึไง” อิตากวินก็ยังจะหาเรื่องพูดต่ออีก
“อื้อ ถ้าคนนั้นคือหนูน้อยฟางตรงนั้นฉันก็เอา…” กร๊าฟพูดกับกวินแต่สายตากับจ้องมาที่
ฉันไม่วางตามันทำให้ตัวฉันมันร้อนวูบรู้สึกถึงรางไม่ดีกำลังจะใกล้เข้ามาแล้วสิ
“ตกลงว่าคืนนี้เธอจะเที่ยวกับฉันรึเปล่า” กร๊าฟถามฉันมาเพื่อย้ำให้แน่ใจอีกที สายตาของ
เขาเหมือนกำลังจะต้องการคำตอบที่พอใจที่สุด อาห้ะฉันก็จะให้คำตอบที่นายพอใจเหมือนกัน
“แน่นอนสิ…”
 
         ฉันรู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวได้จัดเต็มมากในวันนี้ แก้วเป็นคนที่อาสาแต่งหน้าให้กับฉัน
เองเธอกรีดอายไลเนอร์ให้ฉันยาวเปี๊ยะตามด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนกนั้น ไม่อยากจะบอกว่า
เธอแต่งหน้าได้สวยเริดได้ใจฉันมาก แต่ที่ทำให้เธอมาแต่งหน้าให้ฉันแบบนี้เพราะฉันกำลัง
จะไปเที่ยวกับกร๊าฟผู้หญิงที่จะควงหมอนั้นต้องเริดๆเข้าไว้ ตัวฉันก็บ้าเองเหมือนกันที่เลือก
เอาชุดเกาะอกสีแดงที่สั้นแค่ระดับต้นขา
            สายตาของคนในผับมองฉันที่เกาะแขนของกร๊าฟไว้เป็นตาเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้
ว่าอิจฉาฉันไม่มากก็น้อย ทุกคนก็มองหน้าฉันเหมือนรู้จักดีเพราะนี่คือคลับหรูที่ฉันถูกพิทพา
มาและในตอนนั้นที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเข้ามายุ่งวุ่นวายในเกม Rabbit Doubt ที่แสนโกหก
หลอกลวงนั้นจนถอยออกมาไม่ได้แล้ว มันยากที่จะถอนตัวเหมือนกับหัวใจของฉันที่มันยาก
จะลบป็อบปี้ออกจากหัวใจได้เช่นกัน
“วันนี้เธอสวยนะ ไม่เหมือนยัยผีเน่าในวันนั้นเลย” ฉันมองหน้ากร๊าฟฉุนๆ นี่เขากล้าพูดมาได้
ไงว่าร่างเน่าๆแต่จะว่าก็ว่าเถอะ ตอนนั้นฉันก็เหมือนผีเน่าจริงๆเพราะร่างกายฉันมันเกินที่จะบอก
ว่าเป็นมนุษย์
“พูดให้ดีๆหน่อยเถอะ” ฉันบอกกร๊าฟพลางกวาดสายตามองไปรอบๆบ้าง แต่ก่อนฉันเคย
ตำหนิผู้หญิงจำพวกนี้ว่าไม่รักตัวเองจนตอนนี้ฉันก็ต้องมาด่าตัวเองว่าฉันก็ไม่รักตัวเองเหมือน
กันแล้วละ
           มันทำให้ฉันอดที่จะคิดไม่ได้ว่าฉันทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ฉันประชดตัวเองและไม่
เห็นคุณค่าของตัวเองแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ
“ฉันพาเธอมาดูอะไรสนุกๆน่ะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจก่อนจะกวาดสายตา
มองหาอะไรสักอย่าง แล้วที่เขาบอกว่าสนุกๆมันคืออะไรกัน
“อ่าเจอแล้วล่ะ” เขาว่าแล้วดึงมือฉันเข้าไปดู
        ที่นั่นมีเสียงเอะอะโวยวายดังมากแถมมีคนรุมเยอะด้วยฉันไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ที่
แน่ๆฉันคิดว่ามันไม่ดีนักหรอกเสียงแก้วที่กระจัดกระจายตกแตกมันทำให้ฉันยิ่งอยากรู้ว่ามันคืออะ
ไร ทุกคนที่เห็นกร๊าฟเดินมาก็ต่างพากันเดินถอยห่างให้เขาเดินไปแต่โดยดี และฉันก็ต้องตก
ใจวูบเมื่อสิ่งที่ทุกคนพากันห้อมล้อมดูในตอนแรกคืออะไร
          ป็อบปี้ที่ถูกผู้ชายสี่ห้าคนกระทืบจนมองแทบไม่ออกว่านั้นคือเขารึเปล่า ท่าทางเขาดู
ทรมานจนฉันอยากจะเข้ากอดและอ้อนวอนอย่าได้ทำอะไรเขาเลยแต่อีกใจหนึ่งฉันก็คิดว่ามันสม
ควรแล้วที่เขาโดนแบบนั้น ทุกอย่างมันตีวนในสมองของฉันทั้งสับสนทั้งใจสั่นและยิ่งไปกว่านั้น
ฉันขยับขาไม่ได้
         กร๊าฟมือโอบกอดฉันไว้มองไปที่ป็อบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาตา
ของฉันจ้องมองเขาไม่หลบไปไหนถึงแม้ว่าไม่อยากจะดูภาพที่เห็นแค่ไหนก็ตามจนแล้วจนรอดฉัน
ก็ได้แต่ยืนแข็งทื่อมองเขาอยู่ตรงนั้น เราสองคนสบสายตากันแวบหนึ่งก่อนที่ฉันจะเบือนหน้าหนี
ไปอีกทาง
“ไง ไม่รู้รึไงว่าอย่าบุกมาคนเดียวนะ” กร๊าฟบอกด้วยน้ำเสียงที่สะใจแปลกๆพร้อมหัวเสียงหัว
เราะที่ดูโรคจิตนั้นด้วย  
          กร๊าฟใช้เท้าของเขาแตะเข้าไปที่ท้องของป็อบปี้จนเขากระอักเลือดออกมา และมัน
ทำให้ฉันตกใจอยู่ไม่น้อย
“นายเห็นใช่มั้ย? ผู้หญิงคนนี้น่ะ” กร๊าฟเลื่อนสายตามามองฉันที่ทำตัวไม่ถูกอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ก่อนจะหันไปมองป็อบปี้อีกครั้ง
          ป็อบปี้ยันตัวเองให้ลุกขึ้นพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาตามแบบ
ที่เขาเคยเป็น
“แล้วยังไง ทำไมฉันต้องแคร์…” คำพูดของเขาทำให้ฉันแทบจะล้มทั้งยืน เขาไม่เคยที่จะสน
ใจฉันเลยแม้แต่นิดเดียว หัวใจของฉันเหมือนกระดาษเก่าๆที่ถูกกรีดจนไม่เหลือคาบเดิมเต็มทน
           กร๊าฟยักไหลก่อนจะปล่อยมือของจากไหล่ฉัน และฉันก็คงจะไม่ทนให้ป็อบปี้พูดจา
ทำร้ายจิตใจตัวเองอีกต่อไป ฉันเดินออกมาจากคลับหรูอย่างหมดแรงน้ำตาไหลพรากออกมาอีก
ครั้งอย่างน่าสมเพช ในหัวของฉันมันมีแต่คำว่า ทำไม ทำไมฉันทน ทนอยู่ตลอดเวลา ทำไม
ต้องเป็นฉันที่ทุรนทุรายอยู่คนเดียวแบบนี้ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ
“อ๊ะ…” และก่อนที่ฉันจะหยิบโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหากวินให้มารับแขนของฉันก็ถูกกระชาก
อย่างแรงจนมือถือกระเด็นไปไหนก็ไม่รู้
         ป็อบปี้…
“เธอทำแบบนั้นทำไม!” เขาบีบข้อมือของฉันแน่นพลางพูดเสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์เท่า
ไหร่ แล้วไงล่ะเขามีสิทธิ์อะไรล่ะ
“ทำอะไรล่ะ” ฉันตีหน้าชื่อมองเขาด้วยท่าทางที่เฉยชาแต่ใครจะรู้ว่าหัวใจของฉันตอนนี้มัน
เต้นโครมคามไปกันใหญ่แล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดและอยากจะถามเขาเหลือเกิน
ว่าเขาไปทำอะไรมาถึงได้โดนช้อมขนาดนั้น แต่ฉันก็พูดไม่ออกสักคำเดียวนอกจากทำท่า
ทางอวดเก่งใส่เขา
“เธอไปอยู่กับไอ้กร๊าฟได้ไง จะประชดรึไง!” ยิ่งเขาอารมณ์เสียเขาก็ยิ่งออกแรงบีบแขนฉันมาก
ขึ้นเท่านั้นจนทำให้ฉันนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวด
“ประชดอะไรเหรอป็อบ ฉันไม่ได้ประชดอะไรนายเลย นายมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันแสยะยิ้ม
ให้เขาและเห็นว่าป็อบชะงักไป สายตาของเขาจ้องมองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา
“แล้วเรื่องของเรา วันนั้นล่ะ”
“เหรอ วันไหนเหรออ้อถ้าหมายถึงเรื่องที่นายนอนกับฉันน่ะ ฉันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้ว
กันน่ะ” ใช่ เธอต้องทำได้ฟางอย่าให้เขาได้ทำร้ายเธอฝ่ายเดียวสิ
“ฟาง!!” เขามองฉันอย่างโกรธๆและฉันก็มองเขาอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เอาสิให้มันรู้ไป
เลยว่าฉันจะทำให้นายเจ็บบ้างไม่ได้น่ะ
“ทำไมล่ะ นายอาจจะคิดว่านายมีค่าแต่เปล่าเลยป็อบ…” ฉันยิ้มที่มุมปากและเห็นว่าเขาเงียบ
ไปฉันเลยพูดต่อ
“เคยมีคนคนหนึ่งที่ทำให้ฉันเจ็บเจียนตาย ฉันโกรธและเกลียดมาก” ฉันเรี่มเล่าให้เขาฟังบ้าง
และป็อบปี้ก็ทำท่าเหมือนไม่เข้าใจที่ฉันบอก
“คนนั้นเขาทำให้ฉันเสียใจร้องไห้มากกว่านายอีก และฉันก็ไม่เคยลืมเขาได้เลย…” 
 
PF PF PF PF PF PF PF PF
ป็อบปี้มันก็น่าหมั่นไส้
เหมือนเดิมนั้นแหละโดน
แค่นั้นยังไม่พอจริงมั้ยค่ะ(หัวเราะ)
ใครอยากเห็นน้ำตาของป็อบปี้บ้าง
ฮ่าๆ ปมมันจะคายไปทีละนิดๆนะค่ะ
เม้นโหวตจ้า แล้วเจอกันตอนหน้า
จุบุจุบุ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา