ผจญภัยในสุสานกษัตริย์ ตอน สุสานจิ๋นซี

-

เขียนโดย Lunalily

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.49 น.

  11 บท
  3 วิจารณ์
  15.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 10.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) วางแผน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

บทที่4

วางแผน

 

 

ผมเดินทางมาถึงเอี้ยนไจ้ในวันที่สองหลังจากที่ผมกับเฮียตกลงกัน แต่เมื่อมาถึงก็เย็นมากแล้ว นั่งรถไฟจนก้นชาไปหมด พอลงจากรถที่ส่งผมเข้าหมู่บ้าน ก็ต้องเดินเท้าเข้าไปในตัวหมู่บ้านอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร

เจอชาวบ้านขี่ล่อผูกท้าย กำลังขนผักเข้าหมู่บ้าน ผมจึงขอติดท้ายเขาไปด้วย คุยกันไปมา พอรู้ว่าผมเป็นนักโบราณคดีก็ต้อนรับขับสู้กับผมดีมากเหมือนอย่างที่เฮียบอกทุกอย่าง

ลุงที่พาผมมาส่งในหมู่บ้านพาผมไปหาบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านพักของลุงแก่ๆคนหนึ่ง เขาชื่อเจี้ยนไฉ่ เมื่อหลายปีก่อนเตี่ยก็เคยมาพักที่นี่ พอเขาเห็นหน้าผมก็ยิ้มยินดีจับมือทักทายเหมือนสนิทกันมานาน เขาบอกว่าผมหน้าเหมือนเตี่ยตอนสมัยหนุ่มๆมาก เขายังจำเตี่ยได้ เมื่อเห็นดังนั้นผมก็สบายใจเลยคุยกันถูกคอหน่อย

ที่พักของผมเป็นบ้านพักส่วนตัวค่อนข้างเก่า แต่สภาพข้างในถือว่าดี มีเตียงนอนสองชั้นประมาณสองเตียง มีพื้นที่สำหรับนั่งกินอาหาร มันค่อนข้างกว้างจนผมอดใจหวิวไม่ได้ ลุงเจี้ยนไฉ่มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อเจี้ยนหยีหน้าตาดี พอช่วงค่ำลูกสาวเขาเอาอาหารมาส่ง ผมเลยชวนเขาคุยฆ่าเวลา

ผมถามหาภูเขาลูกที่มีน้ำตกที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านของเธอ ระบุสถานที่ตามสมุดบันทึกของเตี่ย เธอตอบผมว่า "น้ำตกหรอ ก็พอมีอยู่นะแต่มันไกลมาก เดินเท้าไปที่เขาลูกนั้นประมาณห้ากิโล แต่ต้องปีนเขาเดินเข้าไปในป่า เส้นทางลำบาก"

"ลำบากมากแค่ไหนหรือ ผมพอปีนเขาได้อยู่บ้างคงไม่ยากหรอก ไม่ทราบว่าที่นี่พอจะมีชาวบ้านพาผมไปที่นั่นได้สักคนไหม"

เจี้ยนหยีทำหน้าคิดอยู่นาน พอเธอนึกได้ก็ตอบ "มีก็มีอยู่นะ แต่คุณมาช้าไป เมื่อเช้ามีนักสำรวจแบบคุณมาที่นี่คณะหนึ่ง มาถึงก็ไม่พูดอะไรมาก บอกว่าต้องการผู้นำทางไปที่น้ำตกหลี่ซาน ที่เดียวกันกับที่คุณอยากไปนี่แหละ" เธอทำหน้าคิดแล้วก็พูดอีก "อ้อ! ไม่ใช่แค่คณะนั้นแล้วก็คุณหรอกนะ เมื่อสองวันก่อนก็มีคณะสำรวจอีกชุดหาคนนำทางไปที่นั่นเหมือนกัน ดูท่างานนี้คุณต้องรอให้พวกเขากลับมาแล้วล่ะ แต่ถึงจะกลับมาก็ใช่ว่าคนนำทางจะไม่เหนื่อย ต่อให้คุณมีเงินให้เขามากแค่ไหนก็ต้องรอไปอีกสองวัน"

คณะสำรวจหรอ? ไม่ใช่มีแค่พวกผมหรอกหรอที่จะไปที่นั่น แล้วคนพวกนั้นเขาไปทำอะไรกันล่ะ ผมถาม "คุณรู้หรือเปล่าว่าคณะนักสำรวจสองกลุ่มนั้นเขาไปทำอะไร"

เจี้ยนหยีตอบ "เห็นเขาว่า นักสำรวจชุดหนึ่งมาจากกรมป่าไม้น่ะ มากันเป็นคณะดูเหมือนเป็นคนของทางการ มาสำรวจป่าในแถบนี้ แต่หายไปสองวันแล้วยังไม่กลับมา ส่วนอีกกลุ่มเขาไม่ยอมบอกว่ามาทำอะไร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"

เธอเอียงคอมองผมที่ตอนนี้กำลังเครียดจัด ผมยิ้มให้เธอ ส่ายหน้าตอบ "ไม่เป็นไร" เธอจึงพยักหน้าเนิบๆ แล้วพูดออกมาอีก "ถึงจะมีคนรู้ทางเหลืออยู่บ้าง แต่ก็เหลือแค่ผู้เฒ่าของที่นี่เท่านั้น แต่ท่านแก่แล้วเดินไม่ไหว ถ้าคุณรีบมากก็ลองถามเส้นทางจากผู้เฒ่าคนนั้นดู" ผมพยักตอบเธอเนิบๆ พอเธอเห็นผมไม่อยากรู้อะไรอีกก็ลากลับบ้าน

 หลังจากที่ได้ฟังที่เธอเล่า ผมค่อนข้างร้อนใจ นอกจากพวกผมแล้วยังมีกลุ่มอื่นเข้าไปวุ่นวายที่สุสานฉินด้วยอย่างนั้นหรือ อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนั้น แถมยังไปเป็นคณะด้วย อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าสิบคน แต่บางทีตัวผมอาจจะกังวลมากจนเกินไป คนพวกนั้นอาจจะเป็นแค่นักสำรวจเฉยๆ ไม่ใช่นักขุดดินอย่างที่ผมคิดก็ได้

แต่ถึงอย่างนั้นก็อดร้อนใจไม่ได้อยู่ดี รีบโทรหาเฮียพูดเรื่องนี้ให้เฮียฟานฟัง เฮียเลยบอกว่าจะตามมาถึงตอนเช้า ไม่รู้ว่าแกจะมายังไงแต่คืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแล้ว

ที่ไหนมีสุสาน ที่นั่นต้องมีนักขุดดิน มันไม่แปลกหรอกที่จะมีคนแปลกหน้าอ้างตัวเป็นคณะสำรวจเดินทางไปแถวๆนั้น ผมรีบรื้อกระเป๋าหยิบสมุดบันทึกเตี่ยขึ้นมาทันที อันที่จริงผมไม่ต้องพึ่งคนนำทางก็พอรู้เส้นทางคร่าวๆ แต่เส้นทางของเตี่ยที่เขียนไว้ ผ่านมาหลายปีไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่าการเดินทางนั้นจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า

โชคดีที่ผมเตรียมพร้อมเรื่องนี้อยู่บ้าง พกเครื่องนำทางGPSมาด้วย มีแผนที่ของป่า เข็มทิศสำหรับนักเดินทางก็เตรียมพร้อม ที่เหลือก็แค่ศึกษาเส้นทางจากบันทึกของเตี่ยอีกที ผมไม่รู้ว่าขุดสุสานต้องเตรียมอะไรไปบ้างจึงพกของมาแค่นี้ ที่เหลือตั้งความหวังไว้กับเฮียฟาน

นอนศึกษาเส้นทางไปพลางสุดท้ายก็ผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเป็นภาษาต่างดาวไม่คุ้นหู ที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาด้วยหรือไง

ผมลุกออกจากที่นอนเดินไปเปิดหน้าบ้าน ตะวันยังไม่พ้นดีเลย เห็นเฮียฟานกับพี่ชินดงยืนคุยกันอยู่ พอเห็นพี่ชินดงก็ดีใจเรียกพวกเขาให้เข้ามาข้างใน พวกเฮียหอบสัมภาระมาค่อนข้างเยอะอยู่

ผมทักทายพี่ชินดง "สบายดีหรือเฮีย ไม่ได้เจอกันนานเลยหล่อขึ้นเยอะเลย" พี่ชินดงหัวเราะชอบใจตบไหล่ผม "น้องชายนี่ปากหวานจริงๆ สบายดีสบายดี" ภาษาจีนยังเปะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

เฮียฟานกำลังรื้อสัมภาระ แจกแจงแบ่งออกเป็นสามชุด พอเห็นพวกผมอู้ก็เร่ง "เอ้า! มาช่วยกันจัดสิวะเดี๋ยวก็สว่างกันพอดี ถ้าพวกชาวบ้านตื่นจะลำบากตอนออกเดินทาง"

ผมกับพี่ชินดงรีบเข้าไปช่วย พอเห็นสิ่งที่เขาขนมา อุแม่เจ้า! ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ มองห่อดินปืน มีทั้งที่เป็นแบบยังไม่ผสมกับที่เป็นแท่งหลายมัด นี่กะจะเอาไปถล่มภูเขาหรือไง

เฮียแกหยิบปืนพกออกมาสองกระบอก ส่งให้พี่ชินดงหนึ่งกระบอก อีกกระบอกเขาเอายัดใส่กระเป๋าเสื้อกั๊กด้านในของตัวเอง เทกระสุนหลายกำมือใส่กระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยของเขา แจกแจงเครื่องป้องกันตัวกันสองคน

ผมเกิดความสงสัยเลยถาม "แล้วของผมล่ะ" ไม่พอใจเท่าไร พวกเขามีอาวุธป้องกันตัว ส่วนผมไม่มีอะไรเลย เฮียมองผมแล้วยิ้ม ล้วงกระเป๋าส่งมีดพกให้ ผมเห็นแล้วก็เซงจิต มีดพกเล่มกระจิ๋วเดียว ถ้าเกิดเจอสัตว์ป่ามีหวังตายห่าไม่ทันจ้วงแน่ๆ

เฮียฟานคงเห็นผมทำหน้าไม่พอใจก็ว่า "เอ็งไม่เคยจับปืน ขืนให้จับเดี๋ยวโป้งใส่หัวพวกข้าไม่งามไส้รึ" แล้วก็หัวเราะหึหึก้มหน้าวุ่นวายกับข้าวของต่อ

พี่ชินดงตบไหล่ผม "เอาน่าน้องชาย มีพี่อยู่ เรื่องความปลอดภัยหายห่วง จะตัวอะไรโป้งเดียวก็จอด"

"มัวแต่โม้กันอยู่ได้ เร็วๆช่วยกันเก็บของก่อน" พอโดนบ่นพวกผมก็รีบช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋า แยกเป็นของใช้เฉพาะ เฮียให้ผมขนพวกอาหารเครื่องดื่ม เป็นพวกขนมปังอัดแท่งกับอาหารกระป๋อง อยู่ได้ประมาณสองสามวัน มีกล่องปฐมพยาบาลด้วย เรียกได้ว่าของกินนี่เตรียมพร้อมเต็มที่

ส่วนเฮียฟานขนพวกเสียมพลั่ว เชือกไนลอนประมาณสามมัด อุปกรณ์ปีนเขา ไฟฉายเหมือง มีแยกเป็นกระบอกเล็กส่งให้ผมมาด้วยหนึ่งกระบอก ตะบันไฟ หน้ากากกันพิษ นับได้ว่าเตรียมพร้อมมาอย่างดี

สำหรับพี่ชินดง ขนพวกอุปกรณ์น่าหวาดเสียวอย่างพวกดินปืน ระเบิดทำมือที่ไม่แรงมาก ผมถามว่าพวกเขาเอาไปทำอะไร เฮียตอบว่า "ถ้าไม่ผิดแผนที่เราคาดการไว้ พวกหินถล่มในเส้นทางลับยังคงปิดทางเข้าอยู่ ต้องใช้ดินปืนพวกนี้เปิดทาง ชินดงมันทำได้"

ผมฟังแล้วก็ตกใจ "มันไม่กระทบสุสานหรือไงเฮีย" เฮียทำตาดุใส่ตอบกลับมาว่า "พวกข้ามีวิธีของพวกข้า เอ็งอยู่เฉยๆคอยดูอยู่ข้างหลังก็พอ ถ้าหากมีหน้าที่เมื่อไรเดี๋ยวเรียกใช้บริการเองไม่ต้องห่วง"

ผมแอบก่นด่าในใจ ที่ห่วงนี่ไม่ใช่สุสาน แต่เป็นชีวิตของตัวเองมากกว่า เกิดตูมต้ามเขาถล่มขึ้นมาล่ะจะยุ่ง ที่นี้ล่ะ ได้กลายเป็นศพฝังร่วมกับฉินสือหวงแน่ๆ

แผนของเฮียฟาน เราต้องไปถึงปากถ้ำก่อนบ่ายสาม เดินเท้าห้ากิโลเมตร ถ้าไม่หยุดพักน่าจะถึงช่วงเที่ยงวัน จากนั้นค่อยพักกินข้าวที่นั่น สำรวจพื้นที่ว่ามีทางลับอย่างที่เตี่ยผมบันทึกไว้จริงหรือเปล่า หลังจากนั้นค่อยหาลือกันว่าจะเอายังไงต่อ

ส่วนเรื่องนักสำรวจคณะอื่น เฮียบอกว่าอย่าไปสนใจ ถ้าหาพวกนั้นเป็นโจรขุดสุสานจริงๆ ก็คงลงดินที่อื่น คงไม่แจ็กพอตเจอเส้นทางลับหรอก ในบันทึกของเตี่ย มีแค่เตี่ยกับอาลี่หางที่รู้กับนักโบราณคดีอีกคน แต่ป่านนี้คนพวกนั้นคงลืมมันไปแล้ว มีแต่เตี่ยที่จดบันทึกทุกอย่างเอาไว้ เพราะงั้นหายห่วง

ส่วนอาลี่หาง เฮียบอกว่ารายนั้นให้คนไปตามพวกเราที่หอพักของผม พอไม่เจอก็พากันกลับ ผมเป็นห่วงเพื่อนผม แต่คนอย่างเหว่ยถิงมันรู้จักเอาตัวรอดอยู่แล้ว แถมสกุลเฉินค่อนข้างมีอิทธิพลพอตัว อาลี่หางคงไม่ทำอะไร

เมื่อเตรียมตัวพร้อมก็พากันออกเดินทางกันทันที ผมพกเครื่องนำทางไว้กับตัวไม่ให้ห่าง แผนที่ส่วนภูเขาอีกหนึ่งแผ่น ไม่ลืมเขียนโน๊ตแปะไว้หน้าบ้าน บอกเจี้ยนหยีว่าเราออกเดินทางไปยังน้ำตกจะกลับในอีกสามวัน กลัวเขาตกใจที่ผมหายไป จากนั้นก็เดินเท้าออกจากหมู่บ้าน ผ่านทุ่งหญ้ามุ่งหน้าเข้าภูเขาหลี่ซาน สู่ถ้ำน้ำตกลึกลับ ที่ซ่อนสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เอาไว้

 

  

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา