เกาะ D
เขียนโดย LittleBlue
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19.17 น.
แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558 19.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) กระต่ายงั้นหรอ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผู้มีพลังทุกคนลงมายืนรวมตัวกันอยู่ตรงท่าเรือ ตามทางของท่าเรือมีกลุ่มคนพกปืนคอยใส่เครื่องแบบดูอยู่อย่างแน่นหนาเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่ให้ใครหนีเด็ดขาด มินาโกะมองไปยังทางข้างหน้า ด้วยสันชาตยานหญิงสาวรู้สึกถึงกลิ่นไอของความอันตรายที่รอยมาจากด้านหน้าได้อย่างชัดเจน มันไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังจะไปตายแต่ที่ๆพวกเขากำลังมุ่งไปนั้นสามารถตายได้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจำเป็นต้องเอาตัวรอดอะไรอย่างนั้น ความรู้สึกต่างๆทำให้เธอขมวดคิ้วนิดๆในขณะที่มองไปด้านหน้า ซึ่งเรียกคำถามออกจากคนที่เดินตามใกล้ๆได้ไม่ยาก “มีอะไรหรือเปล่าครับมินาโกะจัง” หญิงสาวส่ายหน้าตอบชายหนุ่มผมทอง “ไม่มีอะไรมาก แค่ระวังตัวก็พอ” เธอพูดเพียงเท่านั้นก็เดินต่อไปโดยไม่เอ่ยอะไรอีก แต่สิ่งที่เธอพูดทิ้งไว้กลับทำให้เจ้าหนุ่มแว่นขี้กลัวคิดมากจนตัวสั่นเป็นหมาน้อยไปแล้ว “ที่คุณมินาโกะพูดเนี่ยมันยังไงกันแน่ครับคุณไคโตะ?” ชายหนุ่มอดถามไม่ได้ด้วยความที่กลัวจัด ไคโตะยักไหล่ทำสีหน้า ‘ก็ไม่รู้สินะ’ ก่อนจะทำนำ้เสียงยียวนตอบกลับไป “นายก็ไปถามมินาโกะจังเอาเองสิ” ซาโตรุได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองหญิงสาวเส้นผมสีทองชมพูยาวที่เดินอยู่ข้างหน้าก่อนจะตอบอย่างหมดหนทาง “ก็ผมรู้ว่ายังไงๆคุณมินาโกะก็คงไม่ตอบนิครับ” ไคโตะยิ้มร่า “งั้นก็ช่วยไม่ได้ นายคงต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว” จากนั้นเขาก็หัวเราะกับท่าทางหวาดหวั่นของหนุ่มแว่น ในขณะที่ไคโตะกำลังขำแวบหนึ่งสายตาของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปจริงจัง ‘แต่เราก็คงต้องระวังตัวแล้ว ถ้าถึงขนาดมินาโกะพูดออกมาอย่างนั้น’ ชายหนุ่มคิดในใจ เพราะเขายอมรับเลยว่าเขารู้สึกถึงความไม่ธรรมดาจากหญิงสาวตรงหน้า เขารู้โดยไม่ต้องเห็นอะไรมากว่าเธอคนนี้เป็นคนมีฝีมือมาก ด้วนเหตุนี้เขาก็ควรฟังคำเตือนของเธอ
“นี่พี่ชายแว่นตา เลิกกลัวได้แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้หรอก” นำ้เสียงเล็กๆพูดดุๆ มิคะนั่งอยู่บนแขนของจินในขณะที่ดุซาโตรุ นั่นทำให้ไคโตะออกจากพะวง เขาหัวเราะชอบใจก่อนจะพูด “ถูกอย่างที่เจ้าหนูน้อยคนนั้นพูด ซาโตรุนายจะกลัวจนแพ้เด็กตัวนิดเดียวได้ยังไงกัน” เขาตบหลังซาโตรุเบาๆ “ตัวเล็กนิดเดียวอะไรกัน พี่ชายหัวทอง” เด็กน้อยเริ่มโมโหหงุดหงิด แต่ก็ทำให้เจ้าตัวการเพียงยักไหล่ไม่ใส่ใจ จินเห็นอย่างนั้นก็เรียกชื่อเด็กน้อยให้หยุด “มิคะ” ทำให้มิคะเพียงหันหน้าหนีอย่างงอนๆ มินาโกะที่เดินอยู่เงียบๆก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยส่ายตาที่อ่อนลง เธอคิดถึงภาพและความรู้สึกเป็นกันเองแบบนี้จริงๆ
เมื่อเดินมาเรื่อยๆทางข้างหน้าก็เป็นประตูเล็กยักษ์ที่อ้าเปิดอยู่ให้พวกเขาเข้าไปข้างใน ดวงตาสีทองมองไปยังประตูอีกบานที่อยู่ภายใน ‘ในนั้นอันตราย’ หญิงสาวคิดในใจ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นเมื่อมีผู้คนมากมายถูกพามาให้อยู่ในห้องเดียวกัน ทันไดนั้นก็เกิดเสียงดังกังวานเป็นคลื่นเสียงที่น่าจะมากจากเครื่องกระจายเสียงอะไรซักอย่าง มันทำให้ทุกคนกลับมาอยู่ในความเงียบ สิ่งที่อยู่บนเวทีขนาดเล็กด้านคือกระต่ายตัวเล็กในชุดกระโปรงสั้นแขนยาว ทุกคนในห้องอยู่ในความเงียบมากขึ้น มีบางคนพึมพัมเบาๆ “อะไรวะ” ซึ่งมันก็คงจเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดอยู่เหมือนกัน
“สวัดดีทุกๆคนฉันมีชื่อว่านุยๆ ให้เรียกว่าท่านนุย” เจ้ากระต่ายพูดทักทัยและสิ่งที่ได้รับคือความเงียบที่มีมากกว่าเดิม “อะไรกันไม่มีใครตื่นเต้นเลยหรือ? เอ้ามาทันทายกันด้วยคำว่าสวัดดีดังๆกันดีกว่า” คราวนี้ดูเหมือนจะมีคนทนไม่ไหว ชายวัยกลางร่างใหญ่ตระโกนอย่างหงุดหงิด “เลิกพูดบ้าๆได้แล้ว!”
เจ้ากระต่ายเอียงคอโต้ตอบ “อ้า พูดจะเสียมารยาทแบบนี้ไม่ได้นะ โอ้อยากได้การละเมิดที่สอง?” ชายวัยกลางสบถคำด่าก่อนจะยกมือต่อยเจ้ากระต่ายเข้าจังๆ
“การละเมิดที่สาม” เจ้ากระต่ายพูด ถึงสีหน้าจะไม่เปลี่ยนแต่ดูเหมือนดวงตาจะแดงก่ำกว่าปกติ เพียงพริบตาชายวัยกลางคนนั้นก็เลือดออกเป็นพรุนราวกับว่าโดนเข็บยักษ์แทงเป็นสิบ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าในมือของกระต่ายน้อยมีไม้ท้าวอันเล็กปลายแหลมอยู่ในมือ และที่ปลายไม้ท้าวนั้นก็มีเลือดเปอะอยู่ สีหน้าหวาดกลัวเต็มห้อง คราวนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นเสียงหรือพูดอะไรอีก
“ฮะฮ้า ทุกคนจำไว้นะ ฉันคนนี้จะมาเป็นคนนำทางของพวกคุณในที่แห่งนี้เอง เอาหละขอต้อนรับสู้เกาะD”
หญิงสาวมองเหตุการด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก เธอรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเจ้ากระต่ายนั้นตั้งใจกวนประสาติเพื่อหาโอกาศเชือดไก่ให้ลิงดู ‘น่ารังเกียจ’ หญิงสาวนึกขยาดอยู่ภายใน
“เรามาเริ่มกันเลยละกัน พวกคุณต้องเข้าไปทางประตูนี่ แต่ไม่ใช่พร้อมกันนะ จะให้เข้าทีละคนทุกๆสามนาที” เจ้ากระต่ายชี้ไม้ท้าวไปที่ด้านหลัง
“เอ๋งันพวกเราจะทำยังไงกันดี” เสียงของผู้หญิงเอ่ยถามเบาในกลุ่มของมินาโกะ “เอ๋พี่สาวที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเมื่อตอนนั้นนี่” มิคะที่ยังอยู่บนไหล่จินร้องขึ้น มินาโกะสบตากับผู้หญิงมัดแกะสองข้างราวกับถูกกดดันผู้หญิงคนนั้นจึงได้แต่หัวเราะแหะๆก่อนจะแนะนำตัว “ฉันชื่อริโอะ อีบูกิยินดีที่ได้รู้จัก เออให้ฉันอยู่ในกลุ่มด้วยคนสิ”
“เออคือว่า..” ซาโตรุเอ่ยในขณะที่มองไปรอบวง ที่จิน ไคโตะ และมินาโกะ ทุกคนพยักหน้าไม่คิดมาก “เอาสิครับ”ในที่สุดซาโตรุก็ตอบ ริโอะฉีกยิ้ม
“คนที่เข้าไปให้รอคนอื่นเข้าไปก่อน” จินบอกทุกคน มินาโกะพยักหน้าพร้อมๆกับคนอื่นๆ จากนั้นก็เป็นการเรียกชื่อและหมายเลขของแต่ละคนให้เข้าไปข้างใน คนแรกคือริโอะ จากนั้นก็ไคโตะซึ่งเดินไปที่ประตูด้วยท่วงท่าร่าเริงสบายๆแตกต่างจากคนอื่น ก่อนที่เขาจะเดินผ่านประตูไปก็หันมาโบกไม่โบกมือให้หญิงสาวที่ทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ เมื่อถึงตาซาโทรุที่สีหน้าเปลื่ยนเป็นสีเขียวม่วงเรียบร้อยและ มินาโกะก็ได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจไปให้ชายหนุ่ม
ก่อนที่จะแขนชื่อต่อเจ้ากระต่ายเดินมาหาจินแล้วพูดว่า “คุณกับเด็กคนนั้นไม่จำเป็นต้องผ่านประตูอะไรมาก สามารถนั่งรถที่เราเตรียมไว้ให้ได้เลย” มินาโกะเดินเข้าไปที่จินอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินอย่างนั้นเพราะนั่นแปลว่าพวกเขาจะต้องแยกกันแน่ๆ “จิน” หญิงสาวได้แต่เรียกชื่อคนตัวโตเบาๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่จินไม่ได้พูดอะไรกับเธอ เขาพูดกับกระต่าย “เราไม่ต้องการรถ แค่ให้เราสองคนเข้าไปที่ประตูพร้อมกันก็พอ” แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้พูดกับเธอแต่สายตาของเขามองมาที่เธอราวกับจะบอกว่าเขาจะไม่ไปไหนอีก หญิงสาวอมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“นี่คุณจะทำให้มันยุ่งยากทำไม?” เจ้ากระต่ายถาม
“ฉันบอกว่าจะเจอพวกเขาข้างหน้า” ชายหนุ่มตอบ
“ฮื้ม ตามใจฉันไม่สนอยู่แล้ว” เจ้ากระต่ายพูดจบก็ให้จินกับมิคะเข้าไปในประตู
มินาโกะมองร่างสูงหายเข้าไปอีกฝั่งจนลับตา ผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่ใช่คิวของเธอ และแล้วเมื่อผ่านไปสิบห้านาที “คันซากิ มินาโกะ หมายเลขก้าวสิบหก” เมื่อได้ยินเสียงเรียกหญิงสาวก็มุ่งไปที่ประตู เมื่อผ่านเข้าไปภาพที่เห็นคือตึกร้างผะพังอยู่มากมายเหมือนเมืองในสนามรบ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเจ้านักเลงทาทาร่าที่ถูกเสียบด้วยแท่งเหล็กหลายสิบแท่งติดกับผนังของตึกด้านหน้า หญิงสาวมองภาพนั้นไม่ได้กลัวอะไรได้แต่คาดเดาเจ้าคนที่ทำมัน การที่คนหนึ่งจะเสียบปักคนไว้ด้านหน้าประตูทางเข้าเนี่ยคงต้องเป็นพวกโรคจิตชอบทำให้คนอื่นกลัว ‘รึเปล่านะ?’ เธอคิดในใจพลางมองหาจิน ‘ไม่อยู่’ หญิงสาวนึกในใจ เธอรู้ว่าจินไม่มีทางผิดคำพูด ‘แปลว่ามีเหตุการเกิดขึ้น’ สายตาของเธอมองไปที่ศพของทาทาร่าที่ติดอยู่บนผนัง ‘หรือโดนเจ้าโรคจิตนี่เล่นงาน?’ คิดอยู่ได้ไม่นาน หญฺงสาวก็รูได้ทันทีว่ามีคนมองมาที่เธอด้วยจิตสังหาญที่ปิดไม่มิด แท่งเหล็กใหญ่สี่อันพุ่งมาที่เธออย่างรวดเร็วแต่หญิงสาวเพียงเบี่ยงร่างหลบอย่างคล่องแคล่ว เธอมองไปยังทิศทางที่คนที่โจมตีเธออยู่ และแล้วก็มีแท่งแหล็กพุ่งมาอีกแต่หญิงสาวเพียงเดินหลบไปอย่างง่ายดายราวกับรู้แน่ชัดว่ามันมาจากทางไหนก่อนอยู่แล้ว มินาโกะตัดสินใจโจมตีทันที...
ชายหนุ่มร่างใหญ่มองหญิงสาวที่พึ่งเข้ามาในประตูและเริ่มการโจมตีแต่มันไม่ได้ผล และมากกว่าการที่มันไม่ได้ผลคือหญิวสาวผมทองชมพูนั่นไม่มีความตระหนกตกใจแม้แต่น้อย มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาโจมตีอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล ในขณะที่เขากำลังจะโจมตีครั้งที่สาม เขาก็โดนกระแทกอย่างแรงไปติดกับผนัง เขาหันไปมองคนที่ทำร้ายตนอย่างยากรำบากและเบิกตากว้าง ‘เป็นไปได้ไง ยัยนั่นมันอยู่นู่นจะมานี่ได้ไง’ แม้จะตกใจแต่ก็ลุกขึ้นมาสู้อีก พลังของเขาคือเมื่อสัมผัสผืนผิวอะไรก็ตามร่างของเขาจะกลายเป็นลักษณะเดียวกัน เขาวางมือลงบนพื้นอิฐและทำการโจมตีหญิงสาวด้วยกระบวนท่าต่างๆไม่ยั้ง
มินาโกะมองการปล่อยหมัดของชายร่างใหญ่ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก เธอสามารถหลบการโจมตีได้สบาย แม้ชายคนนั้นจะมีพลังทำให้ตัวเองแข็งยังไง ถ้าไม่โดนมันก็ไม่เจ็บอะไร หญิงสาวหลบหมัดไปด้านขวาก่อนจะยกขาขวากระโดดเตะใส่ชายหนุ่มซึ่งตั้งลับเอาไว้และ ซึ่งหญิงสาวก็รู้ว่าชายหนุ่มจะตั้งลับได้เพราะเธอไม่ได้เตะด้วยความเร็วมากเกินไป ‘มันไม่จำเป็นต้องเร็ว’ เพียงขาเรียวแตะเข้ากับแขนหนาที่ตั้งลับชายหนุ่มก็กระเด็นไปไกล หญิงสาวมองร่างใหญ่ที่ตอนนี้ตัวติดผนังและเพียงพริยตาเดียว ร่างของเธอก็ไปปรากฏต่อหน้าชายหนุ่ม เธอเอามือจับที่คอของคนร่างใหญ่และออกแรงบีบ เสียงของเธอใสกังวานแต่ก็เย็นยะเยือก “ชายผมสีเงิน เห็นไหม?” คำถามที่หลุดปากกระชับได้ใจความและตรงประเด็น
“เธอ...เธอ อะ พลังของเธอมันอะ อะไรกัน..” เสียงใหญ่ที่ตอนนี้แหบพร่า ขาดๆหายๆ เอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอ หญิงสาวหรี่ตาลงก่อนจะบีบคอให้แน่นขึ้น “ตอบคำถามของฉัน” เสียงหวายกล่าวเบาๆแต่กดดันและเลือดเย็น ชายหนุ่มหน้าแดง เขาอดตกใจไม่ได้ที่หญิงสาวสามารถบีบคอเขาในสภาพที่ตัวเขาอยู่ในร่างที่เป้นอิฐ การที่เข้าจะรู้สึกทรมารขนาดนี้ในร่างนี้ได้จำเป็นที่จะต้องใข้แรงเยอะมาก ‘หรือพลังของยัยนี่จะเป็นกำลัง? ไม่ใช่สิเพราะการที่เธอคนนั้นปรากฏตัวในพริบตามันต้อง..’ ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะคิดอะไรต่อแรงบีบที่คอก็แรงขึ้นไปอีกจนชายหนุ่มกระอักเลือด “ตอบ” เสียงหวานออกคำสั่ง แต่คนที่คออยู่ในมือเธอกลับยิ้ม หญิงสาวขมวดคิ้ว “ถ้าฉัน..ไม่..บอกแล้ว..จะยังไง” เสียงที่ถูกเปล่งออกมาเบาหวิวแถบไม่ได้ยินแต่กลับจองหอง มินาโกะมองเข้าไปในตาของชายหนุ่ม มันเป็นตาที่ไม่กลัวตาย มินาโกะปล่อยมือจากคนตัวโต ชายร่างใหญ่ทรุดลงทันทีก่อนจะไอจากไม่ได้อากาศหายใจ แต่ทันไดนั้นก็เข้าประชิดเธอและโจมตี มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นราวกับจะบอกว่านี่คือสิ่งที่คิดจะทำตั้งแต่แรก การโจมตีของคนร่างใหญ่หยุดชะงักในท่าที่ชายหนุ่มมีหมัดตรงหน้าหญิงสาว มินาโกะมองมันตาไม่กระพิบ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่ทำให้คนไม่กลัวตายสั่นเทิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“นายไม่กลัวตาย” มินาโกะเอ่ยเสียงนิ่ง คนตรงหน้าไม่พูดอะไร ไม่สิพูดไม่ได้เพราะเธอไม่ให้ “งั้นก็ทำสิ่งที่แย่กว่าความตายแล้วกัน” เสียงหวามพูดจบ ร่างของชายหนุ่มก็เจ็บเป็นอย่างมากราวกับถูกของมีคมแทงเข้าให้เป็นสิบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ