The Princess I ภารกิจรักร้าย ล่าหัวใจเจ้าชายจอมกวน

9.8

เขียนโดย keang_sujittra

วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11.52 น.

  10 chapter
  32 วิจารณ์
  17.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2558 22.46 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5 : ระหว่างการเดินทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

อาทิตย์ถัดมา เวลาผ่านไปเร็วเหมือนอยู่ในนิยาย...

“พี่ฟาง....”

ยัยเฟย์ทำตาปริบๆ มองหน้าฉันเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ตอนนี้พวกเรา The Princess ทุกคนยืนอยู่หน้าโรงเรียน ข้างหน้าของเรามีรถตู้ของโรงเรียนอันเป็นพาหนะที่จะพาฉันไปยังขุมนรกT^T แต่เดี๋ยว! นี่ฉันไม่ได้จะไปตายสักหน่อย พวกเธอจะยืนทำหน้าโศกาอาดูรกันเพื่อ?

 

“พี่ฟาง แต๊งคงคิดถึงพี่ฟางแย่เลยอ่ะ”

แต๊งกิ้วเดินมากอดฉันไว้อย่างอ้อนๆ ฉันอมยิ้ม ยัยนี่ทำตัวเป็นเด็กจังแฮะ

 

“เอาน่า พี่ไม่ได้ไปอยู่ที่นั่นตลอดไปสักหน่อย แค่สองเดือนเอง”

ฉันปลอบ ปลอบทั้งแต๊งกิ้วทั้งตัวฉันเองนั่นแหละ แค่สองเดือนเองยัยฟาง สู้ๆ =O=

 

“เหอะ เรื่องโอเว่อร์ล่ะไม่มีใครเกินเชียว”

เสียงหนึ่งดังลอยมาตามลม ฉันแอบถอนหายใจ ให้ทายว่าเสียงเมื่อกี้เสียงใคร

 

“เควิน!!!

นั่นแหละ โป๊ะเช๊ะเลย นี่ขนาดมาส่งฉันนะเนี่ย ยังจะหาเรื่องยัยแต๊งกิ้วไม่หยุด ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา -*-

 

“ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ ขนาดฉันที่เป็นน้องยัยนั่นยังไม่โอเว่อร์เท่าเธอเลย”

อีตานั่นยังปล่อยตัวสี่ขาในปากออกมาเห่าไม่หยุด บางครั้งฉันก็แอบสงสัยนะว่า ไอ้บ้าเควินมันเอานิสัยปากจัดแบบนี้มาจากใครกัน ทั้งๆที่พี่สาวอย่างฉันก็ออกจะอ่อนหวานเรียบร้อย ???

 

“ก็เพราะนายมันเป็นน้องที่ไม่ได้เรื่องน่ะสิ ขนาดพี่ฟางเป็นพี่สาวนายแท้ๆ นายยังไม่คิดจะเป็นห่วงสักนิด”

ยัยแต๊งกิ้วตอกกลับ โอเค ตอนนี้ฉันมีปากที่สองไว้เถียงกับเควินเรียบร้อยละ ขอบใจมากเลยแต๊งกิ้ว ^O^

 

“เอานา พวกเธอสองคนก็มายืนเถียงกันอยู่ได้ ไหนบอกว่าจะมาส่งพี่ฟางกันไม่ใช่เหรอไง”

เสียงแก้วที่พูดขึ้นเป็นเหมือนระฆังพักสงครามระหว่างแต๊งกิ้วกับเควิน ฉันหันไปมองยัยนั่นอย่างขอบคุณที่ช่วยหยุดการปะทะฝีปากของไอ้สองคนนี่ได้ เพราะมันดันเถียงกันข้ามหัวฉันไปมา จนตอนนี้หน้าฉันใกล้จะเป็นอ่างสะสมน้ำลายได้อยู่แล้ว

 

“ว่าแต่นี่มายด์ไปไหนอ่ะ ไม่มาส่งพี่ด้วยเหรอ”

ฉันเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นร่างแม่เงือกสาวของโรงเรียน ตรงหน้าฉันตอนนี้มีแค่ยัยสองเจ้าหญิงคือเฟย์และแก้ว (ถ้าไม่นับยัยแต๊งกิ้วที่ยังกอดเอวฉันแจเหมือนลูกลิงอ่ะนะ) รวมทั้งไอ้น้องชายตัวแสบอย่างเควิน และร่างสูงของมาร์คัสที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆนี่ด้วย (หมอนั่นบอกว่าจะไปส่งฉันที่เวลทีด้วยล่ะ)

 

“เห็นว่าวันนี้ยัยมายด์ต้องไปต้อนรับนักร้องที่จะมาแสดงในวันเกิดโรงเรียนน่ะค่ะ ก็เลยมาส่งพี่ฟางไม่ได้ เฟย์ยังอยากจะไปด้วยเลยนะเนี่ย แต่ต้องมาส่งพี่ฟาง น่าเสียดายจัง”

เฟย์ตอบเสียงใส ฉันพยักหน้ารับแต่ก็ยังแอบกังวลอยู่หน่อยๆเมื่อนึกถึงมายด์ จะไหวมั้ยนะยัยนั่นน่ะ

 

“เอาล่ะ ฉันว่าเราเสียเวลามามากพอแล้วนะ เรารีบไปกันดีกว่าฟาง”

เสียงของมาร์คัสดังขึ้นขัดจังหวะจนความคิดฉันสะดุด ฉันหันไปมองหน้าหมอนั่น ก่อนจะหันมามองเหล่าสหายอีกครั้ง โดยเฉพาะยัยแต๊งกิ้วที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกทีแล้วอมยิ้ม ก่อนจะขยี้ผมยัยนั่นอย่างมันเขี้ยว

 

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวไม่สวยขึ้นมาพี่ไม่รู้ด้วยนะ”

ฉันพูดเสียงเย้า เชื่อเหอะ ยัยนี่ไม่ได้อาลัยอาวรณ์ฉันขนาดนั้นหรอก แค่กลัวว่าจะโดดเควินแกล้งเพราะไม่มีฉันคอยคุ้มกะลาหัวอยู่แค่นั้นเอง ก็เมื่อก่อนแกล้งเขาไว้ซะเยอะนี่นา

 

“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะทุกคน” ฉันพูดหลังจากยัยแต๊งกิ้วยอมปล่อยมือออกจากเอวของฉัน

 

“ไว้เจอกันนะคะพี่ฟาง” ยัยแก้วพูดก่อนจะเดินมากอดฉัน ตามด้วยยัยเฟย์

 

“เฟย์จะคิดถึงพี่ฟางนะคะ” เ

ฟย์พูด ฉันพยักหน้ารับ ทีนี้ก็ยังเหลือแค่ยัยแต๊งกิ้วที่ยืนหน้าม่อย ฉันกอดยัยนั่นไว้หลวมๆก่อนจะพูดเบาๆ

 

“เอาน่า พี่ไปแค่สองเดือนเอง ไม่นานหรอก พี่สัญญาว่าจะกลับมาบ่อยๆ”

ฉันให้สัญญากับเด็กขี้แยก่อนจะคลายอ้อมกอดออก ถึงในสายตาคนอื่นแต๊งกิ้วจะดูร้ายและแรงแค่ไหน แต่สำหรับฉัน ยัยนี่ก็แค่เด็กธรรมดาคนนึงที่อยากจะมีความสำคัญในสายตาของคนอื่น... ก็แค่นั้น

 

“พี่ฟางสัญญาแล้วนะ”

แต๊งกิ้วพูดก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆออกมา แต่นั่นก็ทำให้ฉันสบายใจได้แล้วล่ะว่ายัยนี่จะไม่นอยด์จนไปอาละวาดใส่คนอื่นแน่นอน แต่ว่ายัยนี่ยิ้มแล้วน่ารักชะมัด

 

“ไง จะไม่พูดอะไรกับพี่สาวหน่อยเหรอน้องชาย?”

ฉันหันไปยักคิ้วใส่เควินอย่างกวนๆ แต่หมอนั่นแค่ยักไหล่กลับมาก่อนจะพูดหน้าตาย

 

“ดูแลตัวเองด้วยละกัน ฉันยังอยากมีพี่สาวปากจัดไว้กัดฉันอยู่นะ”

ฉันแยกเขี้ยวใส่หมอนั่นทันที เชื่อเถอะว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลก มันเป็นการพูดคุยกันอย่างปกติตามประสาพี่น้องของฉันกับหมอนั่นล่ะ

 

“ห่วงตัวเองเหอะ หวังว่าถ้าฉันเจอนายอีกครั้ง นายจะยังคงมีร่างกายครบสามสิบสองอยู่นะ อ้อ! แล้วก็อย่าไปแกล้งน้องสุดที่รักของฉันให้มันมากนะล่ะ ไม่งั้นฉันมาเฉ่งกบาลนายแน่”

ฉันแกล้งขู่ แอบเห็นยัยแต๊งกิ้วทำหน้าสะใจด้วยล่ะ ส่วนเควิน... เหมือนคิ้วหมอนั่นจะกระตุกยิกๆ พร้อมๆกับส่งสายตามามองฉันเขม็ง ประมาณว่า คนที่เป็นน้องเธอน่ะคือฉันต่างหากยัยบ้า

 

“เก็บคำพูดเธอไปบอกยัยนั่นว่าอย่ามาหาเรื่องฉันก่อนจะดีกว่ามั้ง ไม่งั้นฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของยัยน้องสาวสุดที่รักเธอนะจะบอกให้” หมอนั่นพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินหายลับไป

 

“ต้องให้ฉันพูดอีกครั้งมั้ยฟาง ว่าเราเสียเวลาไปมากแล้ว และเธอกำลังจะทำให้เราไปตามนัดสาย”

เสียงเข้มที่ติดจะดุของมาร์คัสดังออกมาจากในรถตู้ (เข้าไปตอนไหนวะ) ทำเอาฉันหน้าม่อย ได้แต่แอบค้อนฟาค้อนอากาศไปเรื่อยเปื่อย ไม่ต้องถามนะว่าทำไมฉันถึงไม่ไปค้อนใส่มาร์คัสตรงๆ ขืนทำแบบนั้นมีหวังฉันคงได้โดนมาร์คัสเฉ่งเละปะไร

 

“รีบไปเถอะค่ะพี่ฟาง ขืนอยู่ฟังยัยแต๊งรำพึงรำพันอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้พี่ฟางก็ไม่ได้ไปหรอก”

เฟย์พูดขึ้นอย่างหวังดี? ก่อนจะดันหลังฉันไปขึ้นรถที่มีมาร์คัสนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพแล้วยืนโบกมือหยอยๆให้ส่งท้าย นี่ยัยนี่อาลัยอาวรณ์ฉันมากถึงขนาดผลักไสไล่ส่งกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

 

“ออกรถ”

สิ้นเสียงสั่งของมาร์คัส รถตู้คันใหญ่ที่มีผู้โดยสารเพียงแค่ 3 คน (รวมทั้งลุงคนขับ) ก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากหน้าโรงเรียน ฉันหันไปโบกมือให้เพื่อนๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ภาพวิวบริเวณนอกกระจกจะค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 

เฮ้ออออออ

ฉันถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัดเมื่อภายในรถมีแต่ความเงียบ ก็พอรู้อยู่หรอกว่ามาร์คัสเป็นคนไม่พูดมาก แต่นายจะเงียบไปแข่งกับป่าช้าเหรอไงเนี่ย บรรยากาศมันไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเลยสักนิด พูดกับฉันบ้างก็ได้ ฉันไม่กัดคนหรอกนะ?

 

“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ นั่งมองหน้าฉันอย่างเดียวแบบนั้นเดี๋ยวก็อกแตกตายกันพอดี”

ฉันเผลอสะดุ้งเล็กๆเมื่อได้ยินที่มาร์คัสพูด นี่ฉันเผลอนั่งจ้องจนเขารู้สึกได้เลยเหรอเนี่ย

 

“หน้าที่ของฟางมีแค่เก็บประวัติของ 5 คนนั้นอย่างเดียวใช่มั้ยคะ”

ฉันถามออกไปเมื่อไม่รู้จะถามอะไรดี สิ่งที่สงสัยน่ะมันมีอัดแน่นอยู่เต็มหัวติดอยู่ที่ฉันไม่กล้าถามมันออกไปแค่นั้นเอง

 

“ใช่”

และนั่นคือคำตอบ สั้นได้อีกนะเนี่ย นี่ใจคอนายไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ฉันเข้าใจบ้างเหรอไงนะ -*-

 

“มีอะไรอีกงั้นเหรอ”

คราวนี้มาร์คัสเป็นฝ่ายหันมาจ้องหน้าฉันแทน ฉันมองหน้าหล่อเหลาแต่แสนจะเย็นชาของเขาอย่างสงสัย ก่อนจะถามในสิ่งที่ตัวฉันไม่เคยคิดว่าจะถามเหมือนกันออกมา

 

“นายมีแฟนรึเปล่าน่ะ มาร์คัส”

 

“ฮะ!!!” หมอนั่นมองหน้าฉันอย่างงงๆ คงไม่คิดว่าฉันจะถามอะไรแบบนี้ แต่ไม่แปลกหรอก ขนาดฉันยังงงตัวเองเลยเนี่ย -O-

 

“คือ... ฟางแค่สงสัยน่ะคะ ก็ฟางไม่เคยเห็นหัวหน้าควงผู้หญิงเลยนี่นา” ฉันรีบอธิบาย พร้อมทั้งเปลี่ยนสรรพนามให้เสร็จสรรพ เผลอไปเรียกชื่อเขาแบบนั้นมีหวังได้ถูกเฉ่งเละแน่เลยยัยฟาง

 

“แล้วเธอจะอยากรู้ไปทำไม?”

เสียงเข้มๆที่เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงกลั้นขำทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงอย่างสงสัย แล้วก็คิดไม่ผิดเมื่อเห็นมาร์คัสกำลังมองหน้าฉันอยู่พร้อมด้วยริมฝีปากหยักลึกที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม แวบนึงที่ฉันเห็นแววตาเย็นชาของเขาเปลี่ยนไป แต่ก็แค่แวบเดียวจริงๆก่อนที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ฉันสาบานได้ว่าแวบนึงที่ฉันเห็นนั้น แววตาของเขามันบอกว่าเขากำลังเขิน!!!OoO พระเจ้า!?!? คนอย่างมาร์คัสเนี่ยนะกำลังเขิน ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันไม่เชื่อเลยนะเนี่ย อยากรู้จริงว่าผู้หญิงแบบไหนจะทำให้ผู้ชายเย็นชาอย่างหมอนี่เขินได้กันนะเนี่ย =O=

 

“เลิกจ้องฉัน แล้วไปนั่งคิดหาคำถามไปสัมภาษณ์เจ้าพวกนั้นดีกว่านา ได้ประโยชน์กว่าเยอะ”

 

“แต่หัวหน้ายังไม่ตอบคำถามของฟางเลยนี่นา” ฉันเอ่ยท้วง เรื่องอะไรฉันจะปล่อยไปง่ายๆล่ะ อยากจะรู้ใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย

 

“เดี๋ยวเธอก็ได้รู้เองนั่นแหละ เอาเวลาที่มาสนใจเรื่องของคนอื่น คิดหาทางเอาตัวเองให้รอดตลอดสองเดือนข้างหน้านี่เถอะ”

ชิ! ฉันแอบค้อนใส่มาร์คัสโดยที่เขาไม่รู้ตัว ก่อนจะยอมถอยทัพกลับมานั่งกอดอกบนเบาะตัวเองเงียบๆ ถ้า The Prince เป็นผู้ชายอันตรายอย่างที่ยัยพวกเจ้าหญิงเล่าให้ฟัง แล้วฉันจะอยู่รอดปลอดภัยจนครบสองเดือนมั้ยล่ะเนี่ย T^T

 

“หัวหน้าคะ แล้วถ้าเกิดสมมุติว่าฟางทำภารกิจไม่สำเร็จล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างอยากรู้ ไม่ได้แช่งตัวเองนะ แค่สมมุติเฉยๆน่ะ สมมุติ ^^;

 

“ไม่สำเร็จยังไง?” -_-*

 

“ก็... อย่างเช่นฟางทนเจ้าพวกนั้นไม่ไหว ก็เลยขอถอนตัวอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ” ฉันตอบก่อนจะยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นมาร์คัสจ้อง ก็บอกแล้วไงว่าสมมุติ นายก็อย่าคิดจริงจังนักเซ่! >O<

 

“มันก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าเธอถอนตัว เราก็แค่ส่งหนึ่งในสภานักเรียนไปทำหน้าที่นี้แทน แต่ฉันเดาว่า เธอคงไม่อยากมอบหน้าที่นี้ให้พวกเขาเท่าไหร่หรอก จริงมั้ย?”

ประโยคท้ายเขาหันมาถามฉัน ฉันก็ทำได้แค่พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ แหงล่ะ หมอนี่ต้องรู้ดีที่สุดอยู่แล้วว่าพวกเรากับยัยประธานนักเรียนนั่นรักกันปานจะกลืนกินแค่ไหน ฉันคงจะยอมให้ยัยนั่นได้หน้าไปง่ายๆหรอก

 

“แล้วเรื่องที่พัก ฟางจะไปพักที่ไหนล่ะคะหัวหน้า” ฉันถามต่อ

 

“เวลทีก็เป็นโรงเรียนประจำเหมือนไฮท์ฟลาวน์นั่นแหละ แต่เธอจะได้พักที่ไหนอันนี้ก็ต้องแล้วแต่ทางเขาล่ะนะ ฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง”

มาร์คัสตอบ ฉันถอนหายใจ หวังว่าพวกนั้นคงไม่ได้ใจร้ายกับคนสวยอย่างฉันถึงขนาดไล่ให้ฉันไปนอนในห้องน้ำหรอกนะ ไม่งั้นฉันจะเก็บกระเป๋ากลับโรงเรียนจริงๆด้วย TT_TT        

 

“เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ ใกล้จะถึงแล้ว”

อยู่ๆมาร์คัสก็พูดขึ้น เล่นเอาฉันหันไปมองรอบๆตัวแทบไม่ทัน เวลทีใช่ว่าฉันจะไม่เคยมาสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้บ่อยถึงขนาดจำทุกอย่างได้แม่นยำขนาดนั้น แล้วฉันก็ไม่รู้จักใครที่อยู่ที่นี่เลยสักคนอีกต่างหาก ภารกิจนี้มันจะยากเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันมั้ยเนี่ย T^T

 

“เธอจะนั่งอยู่บนนั้นอีกนานมั้ยฟาง ลงมาได้แล้ว” เสียงเย็นชากึ่งรำคาญของมาร์คัสปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์อีกครั้ง เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าเขาลงจากรถไปรออยู่ข้างนอก(อีกแล้ว) ลงไปตอนไหนอีกล่ะเนี่ย ฉันรีบลงจากรถทันทีก่อนที่มาร์คัสจะเข้าสู่โหมดโหดไปมากกว่านี้ แต่ทว่า....

ฮือ.... ฮา....

.

.

.

.

.

คือว่า.... วันนี้ไรเตอร์อารมณ์ดี ก็เลยมาอัพให้ทีเดียวสองตอนรวดเลย

เม้นท์ย้อนให้ด้วยก็ดีนะเออ ไปล่ะค่ะ จุ๊ฟๆ รักคนเม้นท์ที่สุด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา