พ่อบ้านปีศาจ ตอนชิเอลเป็นปีศาจ บท1 YAOI 18+

9.9

เขียนโดย sebbynoi

วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.36 น.

  9 บทที่ 1 พ่อบ้านผู้นั้น กับบ้านที่เก่าแก่
  1 วิจารณ์
  39.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่ชิเอล แฟนทอมไฮด์ ถูกฮันน่าทำให้กลายเป็นปีศาจได้ไม่นาน เซบาสเตียนก็พาชิเอลออกจากคฤหาสน์แฟนท่อมไฮด์ โดยออกเดินทางด้วยรถม้ามาตั้งแต่ตอนเย็นๆจนกระทั่งมืดค่ำ เซบาสเตียนพานายน้อยของเขาอุ้มลงจากรถม้าแล้วพาเดินผ่านทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีม่วงมากมาย เซบาสเตียนอุ้มชิเอลที่ตอนนี้ได้กลายเป็นปีศาจไปแล้วด้วยท่าอุ้มในอ้อมแขนแบบเจ้าหญิง 
"จะไปไหนกันดีครับนายน้อย" เซบาสเตียนถามด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับน้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา ในขณะที่อุ้มนายน้อยชิเอล แฟนท่อมไฮด์ที่ในตอนนี้อยู่อยู่ในโหมดของปีศาจน้อยดวงตาแดงฉาน ชิเอลที่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อบ้านหนุ่มหันมาตอบว่า


"ที่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สำหรับมนุษย์หรือปีศาจนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เป็นสถานที่ที่เท่าเทียมกันทั้งนั้น"
แล้วชิเอลก็ยิ้มแล้วซบอกของพ่อบ้านปีศาจเงยหน้ารับกระแสลมเย็นยามค่ำคืนสุดกลิ่นดอกไม้ที่หอมหวน

"แหมรู้สึกดีจังเลยนะเซบาสเตียน มันเหมือนกับฉันได้หลุดพ้นจากคำสาปที่แสนจะยาวนาน" แล้วเขาก็เอาแขนโอบรอบคอในขณะที่เซบาสเตียนอุ้มพาเดินตรงไปยังหน้าผาสูงชันที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกกุหลาบสีม่วง และสีขาว


"ครับ แล้วเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ผมก็ได้รับคำสาปชั่วนิรันดร์มา" เซบาสเตียนพูดด้วยสีหน้าไร้รอยยิ้ม เหมือนเป็นการประชดประชันแล้วพาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าผาสูง ชิเอลหันหน้าไปทางพ่อบ้านหนุ่มทำสีหน้าจริงจัง "นายเป็นพ่อบ้านของฉัน" 
พ่อบ้านหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

"ครับผมเป็นพ่อบ้านของคุณ ...ชั่วนิรันดร์" แล้วยืนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดต้องใบหน้าของพวกเขาทั้งสอง 
ชิเอลหันมาออกคำสั่งกับพ่อบ้านปีศาจด้วยท่าทางจริงจัง

"ต่อจากนี้มีเพียงคำเดียวที่นายตอบรับฉัน เข้าใจสินะ" แล้วชิเอลก็เอาแขนโอบรอบคอของเซบาสเตียนไว้ให้มั่นเพราะรู้ว่าพ่อบ้านหนุ่มกำลังพาเขาโผทะยานลงไปในหุบเหวลึกนั้น ด้วยคำตอบรับเพียงอย่างเดียว คือ

"เยสมายลอร์ด"แล้วพาลงไปสุ่เบื้องล่างซึ่งเป็นหน้าผาเตี้ยๆอีกชั้น ซึ่งหากลงมาอีกจะเป็นผืนน้ำสีดำยามค่ำคืนที่ไหลเอื่อยๆนิ่งสงบแล้ว เซบาสเตียนพาร่อนลงสู่พื้นหญ้าแล้ววางนายน้อยลงเพื่อให้นายน้อยได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนดี


"ตกลงจะไปไหนดีขอรับ" เซบาสเตียนถามด้วยสีหน้าเย็นชาขณะที่ปล่อยตัวนายน้อยลงบนพื้นหญ้า ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ 
ดูเหมือนเขาไม่ค่อยชอบใจเลยที่นายน้อยของเขากลายเป็นปีศาจที่ไม่มีวันได้กลืนกินดวงวิญญาณที่แสนน่าอร่อยนี้ได้อีก ชั่วนิรันด์ ตราบใดที่นายน้อยของเขายังไม่ตาย พันธะสัญญานั้นก็จะพันธนาการตัวเขากับนายน้อยเอาไว้ตลอดกาล ในฐานะของพ่อบ้านปีศาจเขาคงต้องยอมรับชะตากรรมนั้นเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด และดูเหมือนชิเอลจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆเลยด้วย ในเมื่อตอนนี้ชิเอลเกิดใหม่ในฐานะของปีศาจมีชีวิตใหม่ที่ยืนยาวเป็นอมตะ อีกทั้งชิเอลเองก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ เขาเองก็สงสารเซบาสเตียนไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่สามารถกินดวงวิญญาณของเขาตามที่ตกลงกันได้ แล้วบางทีก็รู้สึกสะใจเล็กๆที่ได้แก้เผ็ดปีศาจตนนี้ที่เห็นเขาเป็นเพียงแค่อาหารอันโอชะเท่านั้น สุดท้ายก็อดกิน 

หลังจากที่ชิเอลถูกเซบาสเตียนปล่อยให้ลงเดิน เด็กหนุ่มในโหมดปีศาจน้อยตาสีแดงก็เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าผาเตี้ยๆเขามองลงไปก็พบกับแม่น้ำสีดำไหลเอี่อยๆนิ่งๆดูท่าว่าจะลึกไม่น้อยเขาสัมผัสกับสายลมเย็นสบายของยามค่ำคืนที่แสนสงบนั้นอย่างเหม่อลอย

"ไม่รู้สิ แล้วแต่นายแล้วกันเซบาสเตียน ฉันยังไงก็ได้" พูดแล้วก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพลางเพ่งมองสายตาออกไปสู่ผืนน้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ในระหว่างนั้นเซบาสเตียนตัดสินใจเดินตรงมายืนอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม ด้วยสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้ม 

"ถ้าอย่างงั้นไปที่บ้านของกระผมก่อนดีกว่าไหมขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้วคงจะไปที่ไหนต่อ ได้ลำบาก " ชิเอลหันกลับมาแล้วพยักหน้าให้


"อืม น่าสนใจดีนี่ นายมีบ้านด้วยเหรอเซบาสเตียน" เซบาสเตียนก้มลงเอามือวางบนบ่าของนายน้อยชิเอล แล้วพูดว่า


"ขอรับ เป็นบ้านที่ผมเคยอยู่มานานมาหลายร้อยปีแล้วขอรับ" เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้รอยยิ้มแล้วเงยหน้ามองดุเด็กหนุ่มตรงหน้า

"ป่านนี้มันคงจะร้างน่าดูที่เดียว ก็ผมน่ะ .. " เขาหยุดพูดแค่นั้นแล้วก็ยืดตัวขึ้นแล้วเดินถอยออกมาห่างๆนายน้อย เดินตรงไปยังริมหน้าผาเตี้ยๆแล้วมองออกไปด้วยสายตาเลื่อนลอย


"ไม่ได้กลับไปที่นั้นมานานแล้ว เกือบปีได้ "แล้วหันกลับมามองหน้าชิเอลด้วยสายตากล่าวโทษ


"ก็ตั้งแต่ผมมาทำพันธะสัญญากับคุณผมก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านนั้นเลย ป่านนี้จะมีสถาพอย่างไรนั้นผมไม่อยากจะคิด" ชิเอลพอได้ฟังก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจึงตวาดใส่ "แล้วทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่านายมีบ้านเผื่อฉันจะได้ปล่อยนายกลับไปดูแลบ้านบ้าง " แล้วเงียบไปเพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเองจากนั้นก็พุดต่อด้วยน้ำเสียงสงบลง 

"แล้วอีกอย่าง มันใช่ความผิดฉันงั้นเหรอเซบาสเตียนที่ฉันไม่ปล่อยนายกลับไปบ้านน่ะ คนที่ผิดคือนายไม่ใช่เหรอไงที่ไม่ยอมบอกฉันตั้งแต่แรก อย่ามากล่าวโทษฉันดีกว่า" 

เซบาสเตียนถอนใจเฮ้อ แล้วก็เดินตรงมาหานายน้อยพร้อมกับวางมือบนบ่าของเด็กหนุ่มตรงหน้า

"นั่นสินะขอรับ ผมเองก็ลืมบอกไป เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องของคุณอยู่ เอาเป็นว่า ไปบ้านผมก่อนละกัน อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อ ดีไหมขอรับนายน้อย "

ชิเอลยืนกอดอกแล้วทำเป็นเชิดใส่นิดๆ "เชอะ ยังไงก็ได้ จะพาไปก็รีบๆไปสิ" เมื่อชิเอลไม่ว่าอะไรแล้วเซบาสเตียนก็โค้งคำนับให้อย่างสุภาพ

"เยส มายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับพร้อมกับคว้าตัวนายน้อยอุ้มขึ้นอยู่ในอ้อมแขนทันที 

"โอ๊ะ!!" ชิเอลตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็โดนพ่อบ้านหนุ่มอุ้มขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขามองหน้าเซบาสเตียนอย่างไม่สบอารมณ์รู้สึกหงุดหงิดที่เซบาสเตียนนึกจะอุ้มก็อุ้มไม่บอกไม่กล่าวสักคำเลย

"นายนี่ จะอุ้มฉันก็บอกก่อนได้มัยล่ะ ตกใจหมด"

"ขออภัยขอรับ ผมคิดว่านายน้อยจะชินแล้วเสียอีก"พ่อบ้านปีศาจตอบในขณะที่อุ้มชิเอลไว้ในอ้อมแขนเดินตรงไปยังริมหน้าผาเตี้ยแล้วกางปีกสีดำทั้งสองข้างออกช้าๆปีกสยายออกต้องประทะสายลมเย็นๆที่พัดแรง

"นายน้อยพร้อมแล้วใช่มัยขอรับ สถานที่ที่ผมจะพาไปค่อนข้างไกลพอสมควร และมีสภาพอากาศที่รุนแรงด้วย " 

ชิเอลเงยหน้าขึ้น "พร้อมแล้วไปเลยสิ เซบาสเตียน ฉันอยากเห็นบ้านของนายเร็วๆ" ชิเอลตอบพร้อมกับโอบกอดคอไว้ให้มั่นคงขึ้นเพราะรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีเขาจะต้องถูกพาโผทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรีที่ค่อนข้างยาวนาน 

"เยส มายลอร์ด" เซบาสเตียนตอบรับแล้วก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วผ่านผืนน้ำสีดำนั้นไปเรื่อยๆ ใบหน้าของทั้งสองต้องปะทะกับกระแสลมยามที่กำลังบินเหาะข้ามแม่น้ำตรงไปยังเป้าหมายเบื้องหน้าที่ยาวไกล 
ในระหว่างที่เซบาสเตียนพาชิเอลเหาะผ่านกระแสลมแรงเหนือผืนน้ำไปเรื่อยๆอยู่นั้น ชิเอลก็เริ่มรู้สึกง่วงเขาเอาหน้าซบลงที่อกกว้างของพ่อบ้านหนุ่มที่กำลังอุ้มเขาอยู่ ซุกไซ๊เพื่อหาความอบอุ่นในยามที่เขารู้สึกหนาวเพราะถูกกระแสลมเย็นเยียบประทะต้องใบหน้า 

ในขณะที่บินบนท้องฟ้าเหนือผืนน้ำเซบาสเตียนก้มลงมองดูนายน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วก็ครุ่นคิดถึงบางอย่างที่ว่า ตั้งแต่รู้ว่าเป็นปีศาจเขาก็เอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ทำเย็นชาใส่นายน้อยตลอด เขาควรจะเลิกทำแบบนั้นจะดีไหมเพราะยังไงมันก็เกิดขึ้นมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของเด็กคนนี้เลยที่ต้องเป็นปีศาจไปแบบนั้น มันผิดที่ฮานา และอลัวทรานซี่ต่างหาก และผิดที่ตัวเขาเองด้วยที่ใช้เวลาในการฟูมฟักดวงวิญญาณนี้นานเกินไป น่าจะกินไปตั้งแต่ได้ดวงวิญญาณนั้นกลับมาจากโคลด์ที่คฤหาถทรานซี่แล้ว เค้ามัวแต่เสียเวลาทำให้วิญญาณดวงนี้อร่อยขึ้นนานเกินไปหน่อยจึงชวดไป แต่ถึงอย่างนั้นทั้งเขาและโคลด์ก็ไม่ได้ลิ้มรสชาติดวงวิญญาณนี้ทั้งคู่ ซึ่งเขาคิดได้ในระหว่างที่บินอยู่บนท้องนภาไปเรื่อยๆ เขาก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่โลภมากเกินไปหน่อยถึงต้องมารับผลกรรมเช่นนี้มันก็สาสมดีแล้ว เมื่อยอมรับได้แบบนั้นแล้ว พอก้มมองดูใบหน้าไร้เดียงสายามหลับของนายน้อยเขาก็รู้สึกว่าตนเองคลายความรู้สึกขุ่นเคืองเด็กหนุ่มในอ้อมแขนนี้ลงไปได้มากทีเดียว เมื่อคิดที่จะอภัยให้กับนายน้อยเขาก็ตัดสินใจว่าต่อไปจะเลิกโทษตัวเอง เลิกโทษนายน้อย เลิกทำเย็นชาใส่ ต่อไปเขาจะเป็นตัวของตัวเองและจะดูแลนายน้อยเป็นอย่างดี และใช้ชีวิตนี้ให้มีความสุขตลอดไป 
เมื่อเซบาสเตียนทำใจได้แล้วเขาก็ก้มมองดูหน้าชิเอลที่กำลังหลับ เขาก็อดอมยิ้มไม่ได้หน้าเพราะใบหน้ายามหลับของนายน้อยนั้นช่างน่ารักไร้เดียงสาซะจริง 

"หึๆท่าจะง่วงน่าดูนะครับนายน้อยของผม" เซบาสเตียนแกล้งก้มลงกระซิบข้างๆหูชิเอลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่พาเหาะบินตรงไปยังจุดหมาย 


ชิเอลที่หลับไปตื่นหนึ่งทำตาสะลึมสะลือรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเซบาสเตียนเปลี่ยนไป ฟังดูอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม

"เมื่อกี้นายพูดเหรอเซบาสเตียน หรือฉันฝันไป"ชิเอลพูดกึ่งหลับกึ่งตื่น เขาลืมตาไม่ขึ้นเพราะโดนกระแสลมเย็นๆประทะใบหน้าตลอดเวลา 

"คิดว่าฝันงั้นหรือขอรับ" เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ


ชิเอลยังไม่ลืมตา "ใช่ ฉันคิดว่าฉันคงจะฝัน เพราะว่าเสียงของนายเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้มาก" 


"เปลี่ยนไปยังไงหรือขอรับ มันฟังดูนุ่มนวลขึ้น อ่อนโยนขึ้นงั้นสินะครับ" เซบาสเตียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แล้วส่งรอยยิ้มลไมให้

"ใช่ นายเป็นอะไรของนาย เมาอากาศเย็นเหรอ ถึงได้พูดแบบนี้กับฉัน"ชิเอลพยายามฝืนลืมตาขึ้นมามอง 


"ฉันกลายเป็นนายน้อยของนายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ " 

"แหมๆ เป็นมาตั้งนานแล้วนะครับ" แล้วเซบาสเตียนก็หัวเราะ ชิเอลหน้าแดงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงตะโกนใส่ทำเป็นโกรธกลบเกลื่อน

"บ้าน่าพูดไรก็ไม่รู้ ชิ" แล้วเชิดใส่ ดูเหมือนเขาจะลืมตาตื่นได้แล้ว แล้วก็ก้มลงมองลงไปข้างล่าง 


"แล้วนี่เรามาถึงไหนกันแล้ว ใกล้ถึงหรือยังเซบาสเตียนอีกไกลไหม" ถามเป็นชุด

"อีกไม่ไกลขอรับ พรุ่งนี้เช้าคงจะถึง ถ้าง่วงก็นอนก่อนเถิดขอรับ" เซบาสเตียนตอบอย่างอารมณ์ดี 

"พรุ่งนี้เช้า !!" ชิเอลตกใจไม่คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ 


"ไหนนายบอกว่าอีกไม่ไกลแล้วทำไมถึงบอกว่าจะถึงพรุ่งนี้เล่า ฉันทนไม่ไหวแล้วนะหนาวจะตายอยู่แล้ว ลมบ้าไรไม่รู้เย็นชะมัด ง่วงก็ง่วง"พูดจบก็ซบหน้าซุกกับอกอุ่นๆของเซบาสเตียนทันที 

"ฉันนอนก่อนแล้วกันถึงแล้วปลุกด้วยล่ะ"

"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับแล้วก็ตัดสินใจเร่งความเร็วในการบินขึ้น

"จริงๆมันไม่ไกลหรอกครับนายน้อยใกล้ถึงแล้วล่ะ ที่ผมบอกพรุ่งนี้แค่ล้อเล่นเฉยๆ" เซบาสเตียนแกล้งกระซิบข้างหูชิเอลอย่างนุ่มนวล

"อืมจะยังไงก็ช่างเถอะ เลิกปลุกฉันสักทีฉันจะนอน"ชิเอลพูดด้วยเสียงหงุดหงิดที่ถูกปลุก แล้วก็หลับตาลงทันทีเพราะกระแสลมเย็นประทะใบหน้าทำให้เปลือกตาหนักอึ้งลืมตาแทบไม่ขึ้น

"อ้าว หลับซะแล้ว"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ 

"หลับง่ายหลับดายจริงๆเลยนะครับสมกับเป็นเด็กจริงๆ"เซบาสเตียนแซวเสียงแผ่วเบา

"ฉันไม่ใช่เด็ก!"ชิเอลโต้กลับเสียงดังแล้วลืมตาขึ้นจ้องหน้าพ่อบ้านหนุ่ม ดูเหมือนว่าจะยังหลับไม่สนิท หูดีเกินคาด"แล้วเลิกชวนฉันคุยได้แล้วคนจะนอน!"ตวาดแวดใส่เซบาสเตียนแล้วหลับต่อด้วยความง่วงจัด

"อะไรกันๆ ผมไม่ได้ชวนคุยสักหน่อย นายน้อยเองนั้นแหละชวนผมคุย ง่วงมากก็หลับไปสิ มาโต้ตอบผมทำไมเล่า"
เซบาสเตียนไม่ยอมแพ้โต้กลับไปบ้าง

"หุบปากไปเลย ฉันจะนอน!" ชิเอลชักจะรำคาญเต็มทีแล้วพอเห็นเซบาสเตียนทำท่าจะเถียง จึงออกคำสั่งทันที

"หยุดพูดเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง เข้าใจมัย"ออกคำสั่งเสร็จก็หลับต่อ 


เซบาสเตียนจึงหยุดพูดทันที มองดูหน้านายน้อยแบบไม่สบอารมณ์ที่ถูกสั่งให้หยุดพูดกลางคัน ถอนใจเฮ้อ แล้วตัดสินใจที่จะพาบินเหนือพื้นน้ำไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก

หลังจากนั้นเซบาสเตียนก็พาชิเอลบินบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆเหนือผืนน้ำที่ไหลเอื่อยๆไปได้ไม่ถึงชั่วโมงมาเรื่อยๆ จนมาถึงกับอุโมงค์ขนาดใหญ่ เซบาสเตียนก็พาลอดอุโมงค์ผ่านเข้าไป ในอุโมงค์นั้นมืดมากมองอะไรแทบไม่เห็นยิ่งเป็นตอนกลางคืนด้วยแล้วยิ่งมืดสนิท เมื่อบินตรงไปเรื่อยๆก็ได้มาเจอกับจุดเล็กๆที่เป็นแสงสว่างที่ลิบหลี่ยามค่ำคืนสีขาวมัวๆที่เริ่มจากจุดเล็กๆมาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ฝ่าผ่านแสงนั้นไปโผล่ยังอีกที่หนึ่ง เบื้องหน้าของแสงนั้นได้ปรากฏทะเลหมอกปกคลุมผืนน้ำที่เย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง อากาศหนาวเย็นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเสียดแทงผิวกายของพวกเขาทั้งสองตน ลำพังเซบาสเตียนคนเดียวไม่ค่อยรู้สึกทรมาณกับอากาศหนาวจับขั่วกระดูกนี้เท่าไหร่นัก เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานจนชิน แต่คนที่ไม่เคยเจออากาศแบบนี้มาก่อนถึงกับหนาวสั่นสะท้านทั่วทั้งร่าง ลมหายใจกลายเป็นควันขาว

"หนะ หนาวจังเลยเซบาสเตียน ที่นี่ที่ไหน ทำไมมีแต่หมอกขาวๆแทบมองอะไรไม่เห็นเลย" ชิเอลที่ไม่เคยเจอกับอากาศแบบนี้ถึงกับสั่นสะท้านจนนอนไม่ได้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาดู พรางขยี้ตาเพื่อมองดูทิวทัศน์เบื้องหน้าให้ชัดเจน แต่เขามองอะไรแทบไม่เห็นเพราะมีหมอกหนาปกคลุมทั่วบริเวณเหนือผิวน้ำที่เย็นเฉียบ และได้สำผัสถึงความหนาวจับขั้วกระดูกจนขนแขนลุกตั้งชัน จนชิเอลถึงกับต้องเอามือทั้งสองข้างซุกที่อกของเซบาสเตียนเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดกระดูกจากความหนาวเย็นไปได้บ้าง

"นี่คือทะเลหมอกขอรับ "เซบาสเตียนตอบด้วยเสียงนุ่มนวลลมหายใจของเขาถึงกับเป็นควันขาวๆเลยทีเดียว

"เป็นหมอกขาวปกคลุมเกาะปีศาจ ทำให้อากาศบริเวณนี้ทั้งหมดหนาวเย็นและรุนแรงกว่าปกติหลายเท่า อีกไม่นานนายน้อยก็จะเห็นเกาะปีศาจแล้วขอรับ"

"เกาะปีศาจ ! บ้านนายอยู่ที่เกาะปีศาจเหรอ"ชิเอลถามอย่างตื่นเต้น ที่ได้ไปดินแดนของปีศาจ เซบาสเตียนพยักหน้า ชิเอลก้มมองดูหมอกขาวที่หนาแน่นด้วยความสงสัยถึงที่มาที่ไปของมัน จึงถามเซบาสเตียน 

"แล้วหมอกนี่ เกิดขึ้นมาได้ยังไง ทำไมสภาพอากาศถึงได้เปลี่ยนปุบปับขนาดนี้ล่ะ " พูดเสียงสั่นๆด้วยความหนาวเหน็บ

"หมอกนี้เกิดจากเวทมนต์ของปีศาจขอรับ เป็นเวทมนต์อำพราง ป้องกันการรุกรานจากศัตรู ผู้ที่ไม่ได้เป็นปีศาจจะไม่สามารถมองเห็นเกาะปีศาจได้ขอรับ แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ หากมนุษย์ หรืออมนุษย์มากับปีศาจเพียงแค่1ตนก็สามารถมายังเกาะปีศาจได้ขอรับ ที่มีกฏแบบนั้นเพื่อประโยชน์ของพวกปีศาจที่ชอบแปลงเป็นมนุษย์เพื่อหลอกล่อมนุษย์เอามาทำเป็นอาหารขอรับ " เซบาสเตียนอธิบาย พร้อมก้มมองชิเอลที่ซุกอกเขาด้วยความหนาวเหน็บ 

"เอาหละ อีกไม่นานก็จะถึงเกาะปีศาจแล้วนะครับ ผมจะเร่งความเร็วแล้วนะครับจับให้แน่นๆนะนายน้อย "

"อืม" ชิเอลพยักหน้าแล้วเอาแขนโอบคอเซบาสเตียนไว้ให้มั่งคง ตอนนี้เขารู้สึกตื่นตัวเต็มที่ไม่ค่อยง่วงแล้วเพราะอากาศหนาวเย็นมากจนหลับต่อไม่ไหว เซบาสเตียนจับตัวนายน้อยให้แน่นและกระชับยิ่งขึ้นพร้อมกับเร่งความเร็วในการบินเหนือผิวน้ำฝ่ากลุ่มหมอกตรงไปยังเกาะปีศาจที่มีหมอกหนาปกคลุมที่ก่อนหน้านั้นแทบมองไม่เห็นแต่เมื่อบินมาเรื่อยๆภาพของเกาะปีศาจก็เริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้น 

"นายน้อยนั่นไงครับ เกาะปีศาจเห็นหรือยัง" เซบาสเตียนถามแล้วชี้ตรงไปข้างหน้าให้นายน้อยดู

"ว้าว !" ชิเอลร้องอุทานด้วยความตกตะลึงถึงสภาพของเกาะปีศาจที่ตอนแรกเขามองไม่เห็นเพราะมีหมอกหนาบดบังเอาไว้ แต่ในตอนนี้เขาเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ และ สิ่งที่ชิเอลเห็นเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางแม่น้ำ และมีภูเขาสูงรายล้อมรอบเกาะชิเอลเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที และในระหว่างนั้นเซบาสเตียนก็พูดขึ้นมา

"เดี๋ยวผมจะบินขึ้นสูงอีกหลายร้อยฟีตนะครับ เราจะต้องข้ามภูเขาสูงนี้ไปให้ได้ นายน้อยจับตัวผมเอาไว้แน่นๆนะ ถ้าตกลงไปผมคงไม่งมหานะครับ " เซบาสเตียนพูดตกท้ายอย่างร้ายกาจก่อนจะโผทะยานบินขึ้นสูงอย่างรวดเร็วปานจรวจจนชิเอลที่ตอนแรกๆแค่กอดคอเซบาสเตียนไว้หลวมๆถึงกับเสียวท้องวูบ รีบคว้าคอเซบาสเตียนกอดแน่นสุดชีวิตแทบจะรัดคอเซบาสเตียนจนหายใจไม่ออกเลยทีเดียว

"โอยยา ๆ จะรัดคอผมให้ตายหรือไงกันครับนายน้อย ผมหายใจไม่ออกนะครับ รัดแน่นเกินไปแล้ว "เซบาสเตียนพยายามแกะมือชิเอลออกให้คลายการรัดนั้นลงหน่อย

"ก็มันเสียวท้องนี่ นายจะรีบไปไหน ช้าๆหน่อยสิ มันหวาดเสียวนะ !" ชิเอลตะโกนตอบพรางหลับตาปี๋กอดรัดคอเซบาสเตียนเสียแน่นไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด ในระหว่างที่บินด้วยความเร็วสูงไต่ระดับขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆเพื่อข้ามให้พ้นภูเขาสูงเสียดฟ้าที่กั้นขวางใจกลางเกาะปีศาจนั้นอย่างบ้าระห่ำ ชิเอลที่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อบ้านปีศาจบ้าพลังนั้น เริ่มรู้สึกผะอืดผะอมเพราะ เริ่มทนกับสภาพความกดดันจากการพุ่งขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูง และสภาพอากาศที่รุนแรงนี้แทบไม่ไหว หูเริ่มอื้ออึง มือและเท้าเริ่มชาจากความเย็นจัดรอบๆตัว หัวใจถูกบีบรัดแน่นแทบหายใจไม่ออก

"ไม่ไหวแล้วเซบาสเตียน ฉันอยากจะอ้วกแล้วหยุดพักก่อนได้ไหม หยุดบินก่อน นี่คือคำสั่ง !" ชิเอลตะโกนลั่น เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม เขาพยายามอ้าปากหายใจเข้าออกช้าๆรับออกซิเจนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลมหายใจเป็นควันขาวเพราะความเย็นสุดขั้ว ปากสั่นด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจเต้นถี่รัวจากความกดดันของอากาศ ทรมาณแสนสาหัส ช่างเป็นการเดินทางที่แสนทรหดจริงๆ เซบาสเตียนที่เห็นนายน้อยของเขามีอาการทรมานจึงหยุดเคลื่อนไหวทันที

"เยสมายลอร์ด" เมื่อได้รับคำสั่งจากนายน้อยเซบาสเตียนก็หยุดบินอย่างกระทันหัน จนชิเอลที่พยายามกอดรัดคอเซบาสเตียนอยู่ รู้สึกถึงแรงกระชากอย่างแรง จนเขาใจหายวาบนึกว่าจะปลิวตกลงไปเสียแล้ว 

"เจ้าบ้า ! จะฆ่ากันหรือไงหยุดกระทันหันแบบนี้ทำเอาฉันเกือบตกลงไปแน่ะ!!" ชิเอลตะโกนลั่น หายใจหอบ พลางทุบอกเซบาสเตียนอย่างโมโห ในความบ้าพลังของพ่อบ้านปีศาจที่ทำเขาเกือบหัวใจวาย

"ขอภัยขอรับ ก็นายน้อยสั่งให้หยุดนี่นา"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ พรางหยุดพักลอยตัวอยู่กลางเวหา เหนือผืนน้ำหลายร้อยเมตร

"ไม่ต้องกลัวตกลงไปหรอกครับ ผมจับตัวคุณเอาไว้อยู่ แต่ถ้าเกิดตกลงไปจริงๆผมก็รับไว้ทันอยู่แล้ว"

ชิเอลถลึงตาใส่อย่างโมโห ใบหน้าซีดจนเขียวพยายามหอบหายใจเข้าออกช้าๆ หลับตาลง พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา เซบาสเตียนเห็นนายน้อยอาการแย่ลง จึงถามด้วยความเป็นห่วง

"ยังไหวมัยขอรับ เราต้องบินขึ้นไปให้ถึงด้านบนสุดของภูเขาลูกใหญ่นี้ไปให้ได้ก่อนไม่งั้น จะไปไม่ถึงใจกลางของเกาะ เพราะว่าภูเขาลูกนี้เป็นตัวกั้นขวางใจกลางเกาะนะขอรับ หากเราไม่ข้ามเขาไปก็ทำได้ เพียงแต่เราอาจต้องว่ายน้ำอ้อมภูเขาลูกนี้ไปนะขอรับซึ่งจะไกลมากเลย และใช้เวลาในการว่ายข้ามไปเกือบครึ่งวัน ถ้ามีเรือคงจะสะดวกกว่านี้ แต่ก็ใช้เวลาครึ่งวันเหมือนกัน เลือกเอาแล้วกันว่าจะไปโดยวิธีไหน " เซบาสเตียนอธิบายยืดยาวแล้วยิ้มให้ เขายังดูชิวๆอยู่เลยเพราะทำแบบนี้เป็นประจำตอนที่อยู่ที่เกาะนี้จนชินเสียแล้วจึงไม่เป็นอะไรเลย

"น้ำเย็นออกขนาดนั้น ฉันไม่ว่ายไปหรอกนะ ดีไม่ดีเราอาจแข็งตายก่อนไปถึงบ้านของนาย แล้วอีกอย่างแถวนี้ไม่มีเรือเลยด้วย รู้งี้ไปเช่าเรือมาก่อนก็ดี" ชิเอลที่ตอนนี้หายใจหอบหน้าซีดเผือด ชักเริ่มรู้สึกคิดถึงเรือขึ้นมาทันที มันคงจะสะดวกสบายกว่านี้ถ้านั่งเรือไปเรื่อยๆ

"น่าเสียดายจริงๆที่ไม่มีเรือ แต่ไม่เป็นไร เราบินไปแบบนี้ก็ได้ แต่คราวนี้ช่วยไปช้าๆกว่านี้หน่อยนะ ฉันไม่ชินกับการบินขึ้นไต่ระดับด้วยความเร็วสูงแบบนี้น่ะ ค่อยๆบินไปช้าๆนะเซบาสเตียน ได้มัย" ชิเอลที่ยังรู้สึกผะอืดผะอมอยู่ ค่อยๆเงยหน้ามองเพื่อรอคำตอบจากพ่อบ้านปีศาจที่กำลังอุ้มเขาลอยเค้งเต้งอยู่กลางอากาศนั้นอย่างสงบ


"เอางั้นก็ได้ขอรับ แต่เราจะไปถึงช้ากว่าเดิมนะขอรับ นี่ก็.."แล้ว จู่ๆเซบาสเตียนก็เปลี่ยนท่าอุ้มนายน้อยของเขาจากท่าอุ้มแบบเจ้าหญิงเป็นอุ้มช้อนก้นเพียงมือเดียวแทน แล้วลอยตัวอยู่กลางเวหา เล่นเอาคนถูกอุ้มถึงกับตกใจเลยทีเดียว จึงเงยหน้ามองดูเซบาสเตียนอย่างสงสัย แต่แล้วเขาก็เข้าใจทันทีเมื่อเห็นเซบาสเตียนใช้อีกมือหนึ่งที่ปล่อยจากตัวเขา ล้วงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดูแล้วบ่นทันที

"โห อะไรกันเนี่ย ช้ากว่าเดิมไปเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว ปกติเวลาผมเดินทางโดยบินจากลอนดอนกลับไปบ้านใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้วนะครับ แต่นี่ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ถึงไหนกันเลย นี่ผมพยายามบินให้ช้าแบบสุดๆแล้วนะ ถ้าไปช้ากว่านี้กว่าจะไปถึง คงใช้เวลาอีกนานเลยนะครับ"

"เอาเถอะน่า จะช้าหรือเร็วมันก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน ไปให้ช้าๆแหละดีแล้ว เลิกบ่นสักทีได้มัย นายจะรีบร้อนไปไหน ! ฮ้า เซบาสเตียน" ชิเอลตวาดใส่ด้วยความหงุดหงิด พยามหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อให้หายผะอืดผะอมจากการบินสุดบ้าระห่ำเมื่อครู่ เขาหายใจหอบเอามือกุ้มหน้าอกตัวเองให้คลายจากความทรมาน สีหน้าซีดเซียว เหงื่อเย็นๆเกาะพราวตามใบหน้า

"ก็ได้ขอรับ ท่าทางจะอาการหนัก งั้นผมรอจนกว่าคุณจะอาการดีขึ้นก่อนแล้วกัน" เซบาสเตียนที่ตอนนี้กำลังอุ้มนายน้อยลอยตัวนิ่งๆกลางอากาศอยู่สักพักหนึ่ง เขายังไม่เคลื่อนไหวไปไหนรอจนกว่านายน้อยของเขาจะหายจากอาการผะอืดผะอม และสงบลงก่อน ในระหว่างที่รอนั้น เขาก็เอานาฬิกาพกเก็บใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงไว้อย่างเดิม แล้วลอยตัวนิ่งๆกลางอากาศอยู่อย่างนั้นกลางเวหา เพื่อรอเวลา

หลายนาทีต่อมาในขณะที่เซบาสเตียนกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศนิ่งๆ เขาก็ก้มมองดูหน้าชิเอลที่กำลังถูกอุ้มช้อนก้นอยู่ แล้วถามอย่างนุ่มนวล 

"ค่อยยังชั่วหรือยังขอรับ เราพร้อมจะไปต่อได้หรือยังครับ"

ชิเอลที่ตอนนี้สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว และหายผะอืดผะอมแล้ว จึงพยักหน้าเป็นคำตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

"อืม ฉันพร้อมแล้วไปกันต่อเถอะ แต่บินขึ้นไปช้าๆนะเซบาสเตียนนี่คือคำสั่ง"

"เยส มายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับ พร้อมกับเปลี่ยนท่าอุ้มเป็นท่าอุ้มเจ้าหญิงแบบเดิม(อ้อมในอ้อมแขน)ทันที จากนั้นก็เริ่มขยับปีกสีดำกระพือขึ้นลงช้าๆแล้วค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปตามคำสั่ง ชิเอลเริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย เมื่อพ่อบ้านปีศาจเลิกบินแบบบ้าระห่ำขึ้นภูเขาเสียที เขาจึงคลายการกอดรัดคอเซบาสเตียนลง เริ่มรู้สึกสบายหายใจได้ทั่วท้อง

"ดี ไปช้าๆแบบนี้แหละเซบาสเตียน ค่อยยังชั่วหน่อย ที่นายเลิกบ้าพลังบินแบบบ้าระห่ำแบบเมื่อกี้เสียได้น่ะ รู้มัยเมื่อกี้นายทำฉันเกือบอ้วกแน่ะ"

"ขออภัยขอรับ ผมมัวแต่ยึดติดกับเวลามากไปหน่อย คราวนี้จะไปแบบช้าๆตามที่คุณต้องการก็ได้ขอรับ"เซบาสเตียนยิ้มแล้วค่อยๆบินไปช้าๆ ชิเอลหลับตาลงเขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก

"อืม งั้นฉันขอนอนก่อนแล้วกันนะ ถึงใจกลางเกาะเมื่อไหร่ค่อยปลุกฉันล่ะ" ชิเอลยิ้มแล้วเอาหน้าซุกซบอกอุ่นๆของเซบาสเตียนแล้วหลับไปทันที

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา