[[ Short FIC :: L & KRIS ]] " Sad Promise "

-

เขียนโดย P1004666

วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.33 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,675 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558 01.28 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) Sad Promise

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ลมพัดสายฝนพรำดั่งดอกไม้ กาลเวลาไล่ตามม้าขาวไม่ทันเสียแล้ว
ความฝันเมื่อวัยเยาว์ในมือเธอ ยังกุมมันไว้เหมือนเดิมไหม 
 
          เสียงเพลงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เหล่าสมาชิกในวงอินฟินิท กำลังง้วนอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับการคัมแบครอบที่ 2 ของปีหลังจากที่ลาสเตจไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว แอลหรือมยองซูหนึ่งในสมาชิกที่กำลังยุ่งอยู่หยุดภารกิจทุกอย่างก่อนที่ยืนฟังเสียงเพลงที่แว่วมานั้นด้วยความตั้งใจ ในขณะที่ทำนองเพลงอันแสนเศร้านั้นบรรเลงต่อไปเรื่อย ๆ จนจบลง ทันใดนั้นเองภาพใบหน้าของคนๆหนึ่งก็ปรากฎขึ้นในความคิดของเขา
         
          “ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ว่าสินะ”
 
          ชายหนุ่มพึมพำในใจก่อนจะมองผ่านกระจกสีใสออกไปยังนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยสายฝนที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าสีดำที่มืดครึ้ม นับตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้น
 
          “ตอนนี้มันคงไกลเกินกว่าที่ผมจะวิ่งตามคุณให้ทันแล้วสินะ คริส ”
 
          แม้จะเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงนี้ แต่เขาก็ยังจดจำมันได้และจำมันได้ดีด้วยว่า น้ำเสียงหยาบกระด้างที่คุ้นเคยนี้ เป็นของใครบางคนที่เดินจากไปโดยไม่เอ่ยคำลาซักคำในตอนนั้น ที่บัดนี้มันได้ดังขึ้นอีกครั้งแล้วหลังจากที่มือคู่นั้นได้ปล่อยมือของทุกคนที่อยู่ เบื้องหลังไปเพื่อพร้อมที่จะไปสู่โลกใบใหม่และชีวิตใหม่ที่ปรารถนา
 
          “ ผมยังจำความฝันอันแสนเลือนลางที่เราเคยวาดมันไว้ได้เป็นอย่างดี คงจะมีแต่คุณเท่านั้นล่ะมั้งที่ลืมมัน ”                    
 
          เปลือกตาที่แสนเหนื่อยล้าทั้งจากการทำงานหนักและจากความเจ็บปวดลึกร้าวที่เกิดขึ้นในใจ ค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ ท่ามกลางเสียงของสายฝนและเสียงของเหล่าสมาชิกในวงที่คุยกันเสียงดังในระหว่างที่รอขึ้นสเตจ โดยไม่สนใจว่าเวลาสำหรับการเตรียมตัวเพื่อขึ้นแสดงนั้นมันได้เลยผ่านไปแล้วหลายสิบนาที
 
        หมู่เมฆพัดหวนเป็นหน้าร้อน หยาดน้ำตาถูกกาลเวลาพัดระเหยไป
  ฉัน เธอ และเขาบนถนนสายนี้ มีใครที่หลงทางไปหรือยัง
 
          “ เฮ้ ! ตื่นได้แล้วมยองซู ใครใช้ให้นายมาหลับอยู่ที่นี่ ” ลีดเดอร์ผู้มีดวงตาตี๋มหาเสน่ห์เดินเข้ามาตบที่บ่าของสมาชิกที่เผลอหลับไปด้วยท่าทางที่เร่งรีบเพราะอีกไม่นานต่อจากนี้ก็จะถึงคิวของพวกเขาที่จะต้องไปขึ้นแสดงแล้ว อีกอย่างวันนี้คัมแบคสเตจะมีใครทำพลาดไม่ได้
 
          โป๊ก !
 
          โอ๊ย !
 
          “ ครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ” ชายหนุ่มซึ่งเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวได้ถูกฝ่ามือของลีดเดอร์ประจำวงตบเข้าไปที่บ่าอย่างแรงถึงกับสะดุ้งพรวดตื่นขึ้นด้วยความตกใจ จนหัวไปชนเข้ากับขอบหน้าต่างที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างแรง จนทำให้สมาชิกที่เหลือพร้อมใจกันหันมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะพากันระเบิดเสียงหัวเราะดัง ๆ ออกมาพร้อมกันให้กับความซุ่มซ่ามและเซ่อซ่าของผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่า เป็นคนที่เจ๋งที่สุดในวง
 
          “ น้ำเย็นๆ ซักแก้วมั๊ยแอล เผื่อจะได้สดชื่นขึ้น ไปยืนหลับอยู่กลางเวทีถูกถีบตกเวทีไม่รู้ด้วยนะ ” โฮย่าผู้ที่เป็นอีกหนึ่งสมาชิกคนสำคัญที่ทำให้วงนี้ได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเต้นพร้อมเพียงกันที่สุด พูดขู่ด้วยน้ำเสียงที่ติดตลกก่อนจะโยนขวดน้ำเย็น ๆ ที่วางอยู่ใกล้มือ ให้กับคนที่ยืนหาวหวอด ๆ อยู่เบื้องหน้าด้วยความเร็วโดยไม่สนใจว่าเขาจะรับมันได้ทันหรือไม่
 
          ฟรึ่บ !
 
          โชคดีที่มันไม่พลาด แอลรับขวดน้ำที่ถูกโยนมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะอีกนิดเดียวมันก็จะตกมาใส่หัวเขาแล้ว “ ขอบคุณครับฮยอง ” เขากล่าว ก่อนจะเปิดฝาขวดออกพร้อมกับยกขวดขึ้นดื่มด้วยความกระหาย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเผลอหลับไปจนต้องลำบากให้คนอื่นมาปลุกและ เป็นห่วงแบบนี้
 
          “ สำหรับผมถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำให้หยาดน้ำตาในใจของผมแห้งหายไปได้เลยซักครั้งเดียว ”
 
          ใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตรจ้องมองเงาของตัวเองภายในกระจกบานใหญ่ เส้นผมสีทองที่เพิ่งถูกย้อมมาใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้ถูกเซ็ตขึ้นให้รับเข้ากับใบหน้าคมที่ใคร ๆ หลายคนเห็นเป็นต้องอิจฉาไม่เว้นแม้กระทั่งสมาชิกในวงเดียวกัน มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้สัมผัสผิวหน้าของตัวเองช้า ๆ พลางนึกถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน ผู้ซึ่งเป็นเหมือนศัตรูคู่แข่งกันมาตลอดระยะเวลาแม้ว่าจะอยู่ ค่ายเดียวกันแล้วก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องของใบหน้าที่เขากำลังสัมผัสมันอยู่ตอนนี้รวมไปถึงภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบที่เป็นเรื่องถกเถียงกันของเหล่าบรรดาแฟนคลับ
          
          “ บนถนนสายยาวแห่งนี้ ผมและพวกเขาที่เหลือยังคงอยู่และพร้อมที่จะเดินทางฝ่าฟันต่อไป บนทางเดินที่แสนยาวไกลนั้นไม่มีใคร คนใดพลัดหลงไปกลางทาง มีเพียง คุณ คนเดียวเท่านั้นที่ปล่อยมือของทุกคนแล้วเดินจากไปอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งแยกขนานกัน"
 
          ชายหนุ่มเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวพวกนั้น มันช่างน่าขำสิ้นดี เพราะความเย่อหยิ่งของเราทั้งสอง หากลดทิฐิและ ศักดิ์ศรีต่าง ๆ ลง ไปในตอนนั้น เราทั้งสองคงจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมากกว่านี้
 
     เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่แยกจาก จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับกาลเวลา ต่อให้ต้องหันหลังให้โลกทั้งใบ
 
         “ นายไม่พอใจกับสีผมใหม่นี่เหรอมยองซู ? ” เจ้าของฉายาเด็กประถมขี้โวยวายเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติไปของเพื่อนคู่หูที่นับว่าสนิทกันกับเขาที่สุดแล้วเทียบกับทุกคนในวง
 
           “ เปล่า ฉันก็แค่อายและไม่มั่นใจนิดหน่อยที่จะเอามันออกไปโชว์ทุกคนในวันนี้ ” แอลตอบคนที่นั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ ด้วยความเคอะเขินเมื่อหันไปเห็นผมของตัวเองที่ถูกย้อมสีและถูกตัดให้สั้นจนน่าตกใจ ทำเอาคนที่ได้ฟังเหตุผลถึงกับหัวเราะก๊ากขึ้นมาอีกครั้ง
 
          “ เทพบุตรรูปงามอย่างนายอายเป็นกับเขาด้วยเหรอแอล ” ซองยอลพูดแหย่เพื่อนสนิทด้วยความสะใจ ที่นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นสีหน้าที่ไม่มั่นใจในความหล่อของตัวเองแบบนี้ของแอล อินฟินิท
          
          “ นายลองมาตัดแล้วทำสีผมเหมือนฉันดูมั๊ยซองยอล ” แอลย้อมกลับถามคนที่เอาแต่หัวเราะและรู้สึกว่าจะพึงพอใจเป็นพิเศษในการขึ้นสเตจครั้งนี้ทันทีที่ถูกแหย่ หากแต่ว่าคำถามของเขากลับไม่ได้ทำให้เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นนั้นเงียบลงเลย ตรงข้ามมันยิ่งทำให้เขาแอบเจ็บใจนิด ๆ เมื่อได้ฟังสิ่งที่ถูกตอบกลับมา
 
          “ ไม่ดีกว่า ถ้าฉันจะตัดจริงยังไงซะมันก็ต้องออกมาดูดีกว่านายตอนนี้อยู่แล้วล่ะแอล ” ซองยอลพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่มั่นใจแตกต่างจากแอลที่เอาแต่ลูบเส้นผมสีทองของที่ถูกตัดให้สั้นจนดูตลกของตัวเองไปมาโดยไม่มีความมั่นใจใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย ซึ่งดูแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นที่ขนความมั่นใจมาเต็มร้อยสำหรับการแสดงในเวทีครั้งนี้
         
          “ คำสัญญาที่สวยหรูเหล่านั้น ใครกันเป็นคนให้ไว้ก่อนหน้า แล้วก็ทิ้งการจากลาที่แสนเจ็บปวด ”
 
          เข็มนาฬิกาที่ฝาผนังห้องแต่งตัวยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ กาลเวลายังคงเคลื่อนผ่านไปตราบใดที่โลกทั้งใบนี้ยังคงหมุนอยู่ ชายหนุ่มแหงนขึ้นมองมันพร้อมกับถอนหายใจยาว ๆ เป็นครั้งที่ร้อยแล้วสำหรับวันนี้ แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจทิ้งหรือหักหลังสมาชิกคนอื่น ๆ
 
         เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะว่าพวกเราเคยผ่านเรื่องเลวร้ายด้วยกันเมื่อคราวนั้นมั้ง ? ครอบครัวที่ผูกพันแม้ไม่ได้ร่วมสายเลือดเดียวกัน ผมอยากจะให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป คุณก็คือ 1 ในนั้นเช่นกัน  
 
          “ อ้าวทุกคน ออกมาเตรียมตัวข้างนอกหลังเวทีได้”
 
          เสียงของสตาฟคนหนึ่งตะโกนขึ้น พร้อมกับเรียกให้สมาชิกทุกคนออกไปยืนเตรียมตัวรอเพื่อทำการแสดง ในขณะแอลที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาอยู่ ณ ตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการแสดงบนเวทีต่อจากนี้อีกแล้ว เขาคิดในใจก่อนจะลุกขึ้นและก้าวเดินด้วย ความมั่นใจไปหาเหล่าสมาชิกที่ยืนรออยู่หลังเวที
 
          “ หากวันนั้นผมสามารถหยุดเวลาที่ไหลเอื่อยราวกับสายน้ำได้ คุณที่เดินหันหลังจากไปจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วยกันมั๊ย ? ”
 
    ที่เคยพูดว่าจะเผชิญโลกใบนี้ไปด้วยกัน พวกเธอยังจำมันได้ไหม ฤดูร้อนในปีนั้น
      คำมั่นสัญญาที่แสนยิ่งใหญ่ เราจับมือกันไว้ดั่งนาวา พายข้ามผ่านสายน้ำแห่งความเศร้าโศก
 
          ทันทีที่การแสดงของเกิร์ลกรุ๊ปวงหนึ่งจบลง แสงไฟที่เคยเจิดจ้าก็ค่อย ๆ วูบดับ ชายหนุ่มทั้ง 7 ค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปยังเวทีด้วยความมาดมั่น แสงไปที่วูบดับได้กลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฎตัวของวงบอยแบนด์ที่มีคุณภาพระดับแนวหน้าอีกวงหนึ่งของวงการอุตสาหกรรมไอดอลภายในประเทศ
 
          “ คำสัญญาที่แสนยิ่งใหญ่ ที่ไม่อาจได้คืนกลับมา ยังคงดังก้องอยู่ในใจของ เสียงหัวใจของผมยังไม่เคยหยุดร่ำเรียกหาคุณ แม้ในตอนนี้จะทำได้เพียงแค่เพียงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปอย่างล้าลำพัง ”
          
          ทันใดนั้นเองช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยในสถานที่แห่งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น ท่วงทำนองของดนตรีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่ายและแฝงไปด้วยความน่าหลงใหลค่อย ๆ บรรเลงขึ้น ร่างกายทีฝึกซ้อมมาอย่างหนักตลอดเริ่มเคลื่อนไหวช้า ๆ ไปตามจังหวะของเพลง บัดนี้ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลจากสารพัดเรื่องก่อนหน้าได้ถูกเข้ามาแทนที่ด้วยใบหน้าที่แสนเย็นชาเป็นที่เรียบร้อยร้อยพร้อมที่จะแสดงอีกด้านที่เปี่ยมไปด้วย เสน่ห์และพลังให้กับบรรดาผู้ชมทุกคนที่รอคอยการกลับมาอีกครั้งของพวกเขาอย่างเต็มกำลัง
 
          “ กลับมาเถอะนะ ผมต้องการให้คุณกลับมา อยากให้คุณกลับมา หวนกลับคืนมา ”
 
          เสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับทั้งหลายยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ แข่งกับเสียงดนตรีและเสียงร้องของศิลปินในดวงใจที่กำลังช่วยกัน สร้างความประทับใจและความทรงจำให้กับทุกคนในสถานที่แห่งนี้
 
          “ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คุณช่วยเก็บผมเอาไว้ในใจของคุณได้มั๊ย ได้โปรดสลักเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมไว้ ไม่ว่าจะที่ตรงไหนก็ได้ของหัวใจคุณ ”
 
          การแสดงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงครึ่งกลางของเพลงแล้ว ชายหนุ่มที่แม้จะแต่งตัวในสภาพที่ขี้เหล่แค่ไหน ก็มักจะได้รับ ชมว่าหล่อกว่าใครเสมอ และวันนี้ก็เช่นกัน เขาแอบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณสเตจในระหว่างที่ทำการแสดง แม้แค่ชั่วแว่บเดียวของเสี้ยววินาที เขาก็สัมผัสได้กับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเสียงตะโกนเรียกชื่อพวกเขาทุกคน ทำให้ความรู้สึกเมื่อยล้าที่มีก่อนหน้านั้นหายไปราวกับมีเวทมนต์
 
        คุณเคยพูดว่าจะไม่จากกันไปไหน จะอยู่เคียงข้างกันแบบนี้เรื่อยไป
  ตอนนี้ผมอยากถามคุณว่า มันเป็นเพียงแค่ลมปากใช่ไหม
 
          “ ที่รัก ! คุณผู้เคยมีความฝันเดียวเหมือนกันกับผม คำพูดพวกนั้นคุณเองเคยเป็นคนพูดมันไว้ไม่ใช่เหรอ ใครกันในตอนนี้ที่ไม่สามารถยืนยันคำตอบของหัวใจข้อนี้ได้”
 
          พรึ่บ !
 
          เสียงปรบมือจากเหล่าอินสปิริทที่รักดังก้องสตูดิโอ เมื่อการแสดงได้จบลง กี่ร้อยครั้งแล้ว ที่กลุ่มคนเหล่านี้ยังคงอยู่เคียงข้างอินฟินิท ศิลปินจากค่ายเล็ก ๆ ในเมื่อก่อนที่ไร้ซึ่งชื่อเสียง บัดนี้พวกเขาได้รับความรักมากมายและโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ราวกับความฝันที่สุขแสนหวานเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อวันวาน หยาดเหงื่อ หยาดน้ำตา และวันเวลาที่เสียไป เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในวันนี้เป็นอย่างดี
 
    วัยเดียงสาในวันวานไม่เคยหลอกลวง แม้จะเป็นวัยที่ไร้สาระแต่ฉันก็ไม่ทิ้งเธอ
      พายุหิมะ ได้โปรดอย่าพัดให้มันเลือนหายไป ร่องรอยที่บอกว่าเราเคยอยู่ด้วยกัน
 
          “ ที่รัก ! คุณผู้เคยได้รับความรักมากมายแบบนี้ บัดนี้คุณคงกำลังแย้มยิ้มอยู่กับความฝันใหม่ที่ได้เลือกแล้วสินะ หรือว่าคุณกำลังเก็บความเศร้าซ่อนไว้ภายใต้รอยยิ้มนั้น”
          
          “ เฮ้อ ! เหนื่อยชิบเป๋งเลยวันนี้ เล่นเอาแทบหมดพลังจากเวที ”
 
          นางฟ้าประจำวง ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มงดงามให้กับสมาชิกในวงตลอดเวลาโน้มล้มตัวลงโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ทันทีที่มาถึงห้องแต่งตัวหลังจากที่การแสดงบนสเตจสุดท้ายของวันนี้จบลงไปอย่างงดงาม เช่นเดียวกับสมาชิกในวงคนอื่น ๆ ที่มีสภาพไม่แตกต่างกัน ภายในไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นเอง บรรยากาศภายในห้องก็ได้ถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ไม่มีสมาชิกคนใดปริปากหรือพูดอะไรออกมาเลย นอกจากหันมาจ้องหน้ากัน หน้ากันนิ่ง สิ่งที่ได้ยินและสัมผัสได้ในตอนนี้จึงมีเพียงเสียงหอบหายใจที่แสนเหนื่อยล้าเท่านั้น จนกระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้น
 
          “ จ้องกันแบบนี้ถ้าเป็นปลากัดท้องไปหลายคู่แล้วนะ โดยเฉพาะนาย แอล ถ้าจะมองซองยอลแบบนั้นกระโดดเข้าไปกินหัวเลยดีมั๊ย”
 
          ทันทีที่นามู พ่อต้นไม้ที่สุดแสนจะน่ารักและมองโลกในแง่ดีมาเสมอ ( ? ) พูดขึ้นแบบติดตลก ก็เล่นเอาทุกคนถึงกับขำพรวด พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง โดยเฉพาะคนที่ถูกล้ออย่างแอลรู้สึกจะมีความสุขมากกว่าคนอื่น รอยยิ้มบนใบหน้าฉายชัดขึ้นพร้อมกับลักยิ้มที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นนัก ดูท่าว่าตอนนี้แอลผู้เคร่งขรึมบนเวทีได้กลายมาเป็นมยองซูผู้น่ารักของทุกคนแบบกู๋ไม่กลับไปเสียแล้ว
 
           “ ก็ผมหิวนี่นาฮยอง ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลยนะ” เขาบ่นขึ้นพร้อมกับเอามือลูบหน้าท้องที่แฟ่บของตัวเองไปมา ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเอาขนมในกระเป๋าเป้สีดำที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมากินล้อคนในวงที่ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความหิวโหย เพราะในนั้นไม่มีใครพกอะไรในกระเป๋ามากินเลย
 
          “ เฮ้ ! แบ่งให้พวกฉันบ้างสิมยองซู ” ซองกยูผู้ที่มักจะชอบวางอาจตะโกนลั่นขึ้นกลางวงพร้อมกับทำท่าข่มขู่ สมาชิกรูปหล่อที่กำลังแกะห่อขนมอยู่ในมืออย่างใจจดใจ น่าสงสารซองกยูเสียงขู่ของเขาไม่มีอิทธิพลอะไรเลยกับแอล
 
          “ อ้ำ >o< อร่อยดีนะขนมยี่ห้อนี้ ” แอลหยิบขนมใส่ปากพร้อมกับเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางสายตาพิฆาตของสมาชิกในวงที่เพ็งมองร่างของสมาชิกหนุ่มอย่างโหยหิว
 
          “ แก ไอ้แอล !!!!!!! ” สิ้นเสียงสมาชิกทุกคนก็พร้อมใจกันกระโดดเข้าทับร่างที่นั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นด้วยความเร็วแสง โดยไม่ปล่อยให้เหยื่อที่ไม่รู้ชะตากรรมต่อจากนี้ทันตั้งตัว
 
          โครม !!!!
 
          “ โปรดอย่าปล่อยให้เรื่องราวความทรงจำของสองเราพัดผ่านเหมือนดั่งสายลมที่บางเบาในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับรสสัมผัสหอมหวานที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะกี่ชื่อเรียกของผม ได้โปรดจดจำภาพความทรงจำนี้เอาไว้ ณ ที่ที่ยังคงมีเราอยู่ ทุกสิ่งที่คุณสัมผัสมันได้จากผม ทุกๆลมหายใจของผม มันจะไม่จางหายไป ได้โปรดอย่าพยายามลืมมัน”
 
          ต่อให้หิมะโหมกระหน่ำเท่าไหร่ก็ไม่มีวันลบเลือนได้ ความทรงจำที่เรามีต่อกัน
 
          “ ต่อให้นานแสนนานแค่ไหน ไม่ว่าชื่อของคุณจะเปลี่ยนเป็นอะไร ผมก็จะคิดถึงคุณทุกวินาที คุณจะไม่มีวันพราก ไปจากความทรงจำของผมแน่นอนแม้ว่าจากนี้ไปจะเต็มไปด้วยเรื่องที่เลวร้ายกว่าที่พบเจอมาก็ตาม”
 
          ในที่สุดวันเวลาที่แสนยาวนานของวันนี้ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย ทันทีที่มาถึงหอพัก เหล่าสมาชิกที่แสนเหนื่อย ล้าทั้งหลายก็ต่างพากันแยกย้ายกลับเข้าห้องพักของใครของมันเพื่อพักร่างกายและชาร์ตพลังชีวิตไว้สำหรับเช้าวันพรุ่งนี้ ที่ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะมีอีกกี่วันที่สมาชิกทั้ง 7 คนจะได้อยู่ด้วยกันแบบในวันนี้ พวกเขาทั้งหมดรู้แค่ว่าทุก ๆ วันต่อจากนี้ พวก เค้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างออกมาให้เต็มที่และดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำมันออกมาได้
          
คืนนี้หรือคืนไหน ใบหญ้าลอยหายไป
ดวงจันทร์ยามค่ำคืนส่งไปไกลพันลี้ เฝ้ารอปีที่ใบไม้จะร่วงโรยอีกครา
 
          “ มายืนเหมออะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวเหรอฮยอง ” เสียงหวานของใครบางคนทักคน ทำให้คนที่ยืนเหม่ออยู่คนเดียวตรงระเบียงหอถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะคิดว่าสมาชิกทุกคนพากันหลับไปหมดแล้ว
 
          “ อากาศข้างนอกมันเย็นดีน่ะ ว่าแต่นายเหอะยังไม่หลับไม่นอนอีกเหรอ ” แอลถามกลับแขกผู้มาใหม่ทันที ตรงกันข้ามกับคนที่ถูกถามที่ไม่มีทีท่าจะสนใจตอบมันเลย เพราะขณะนี้มักเน่หน้าหวานผู้ซึ่งมักจะโดนพวกพี่ๆในวงแกล้งหยอกเสมอนั้น กำลังให้ความสนใจกับดวงดาวนับร้อยที่ส่องแสงระยิบระยับแข่งกับแสงจันทร์บนฟากฟ้ายามราตรี หลังจากที่ผ่านพายุฝนมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
          
          “ ถึงใครคนนั้นที่อยู่แสนไกล อีกฟากฝั่งหนึ่งของดวงจันทร์ ในค่ำคืนนี้คุณกำลังคิดถึงกันอยู่ใช่มั๊ย ? หรือว่าคุณกำลังชื่นชมอยู่กับลมหายใจอันใหม่ที่ใครบางคนมอบให้”
 
          สายลมช่วงดึกพัดหอบเอาไอเย็นกระทบผ่านใบหน้าคม แอลเงยหน้าขึ้นมองดวงดารานับร้อยบนท้องฟ้าช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
          
          “ สวยดีนะครับดาวเล็ก ๆ พวกนั้น ” ซองจงพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ เส้นผมสีดำที่ยาวประบ่านั้นพัดปลิวสยายไปตามแรงลมใบหน้าหวานของน้องเล็กหันกลับมาสนใจที่พี่ชายอันเป็นที่รักอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มงดงามที่มุมปาก
 
          “ อืม ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ก่อนก่อนจะส่งยิ้มกลับพร้อมเอามือไปลูบผมสีดำเส้นบางของสมาชิกคนเล็กในวงเบา ๆ ด้วยความรักและเอ็นดู ถึงแม้ว่าคนที่ถูกลูบหัวจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่โดนผู้ชายด้วยกันกระทำแบบนี้ก็ตาม
 
          “ คิดถึงใครอยู่ป่ะเนี่ยฮยอง ”
 
          “ คิดถึงใคร ไม่มี๊ กลับเข้าไปนอนได้แล้วไป ” แอลรีบตอบปฏิเสธซองจงทันควัน เมื่อถูกจับพิรุธได้ ถูกเด็กล้อมันช่างน่าอายจริง ๆ เขาคิดในใจก่อนจะไล่ให้อีกคนกลับเข้าไปนอน
          
          “ แน่ใจ ! ” หนุ่มน้อยหน้าหวานยังไม่ล้มเลิกที่จะเข้นหาคำตอบจากปากของพี่ชายรูปหล่อ โดยหารู้ไหมว่าหายนะกำลังจะเยือน
 
          “ ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี ” ว่าแล้วแอลก็ยกเท้าขึ้นเตะไปที่ก้นกลม ๆ ของซองจงเบา ๆ จนร่างบางเซเข้าไปชนกับขอบประตู โทษฐานไม่ฟังคำสั่งของผู้ที่อาวุโสกว่า
 
          ตุ๊บ !
 
          “โอ๊ย ! เจ็บนะฮยอง ก้นคนนะไม่ใช่ลูกฟุตบอลเตะอยู่ได้ ”
 
          ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นด้วยความสะใจที่ได้เอาคืน จนลืมไปเสียสนิมว่าเสียงเป็ดของเขาอาจปลุกให้สมาชิกที่กำลังหลับใหลอยู่นั้นตื่นขึ้นมาเตะเขากลับเหมือนกับที่เขาถีบซองจงก็เป็นไปได้
 
สำหรับผมนอกเหนือจากคุณแล้ว สิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ก็คือคำว่า I N F I N I T E
แล้วคุณล่ะ คริส สิ่งที่คุณคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร ?
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
คุณที่เป็นเหมือนดั่งดวงดาวบนฟากฟ้าที่สุกสว่างสดใส
หากแม้นวันใดตกลงมาขอให้งามสง่าแม้อยู่บนพื้นดิน
 
“ จนกว่าฤดูกาลที่ผ่านไปจะหวนกลับคืนมาใหม่ ซักวันเราสองคนคงได้พบกัน”
 
          
 
     
 
- THE END -

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา