In the name of father :: Game of throne [fanfic]
10.0
เขียนโดย claymask
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.31 น.
2 ตอน
1 วิจารณ์
5,414 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 22.38 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ***Game of throne :: In the name of father***
เหล่าชายผู้ล่วงเลยสิ่งที่เรียกว่าความเยาว์นั่งเล่นไพ่กับบนโต๊ะที่มีเก้าอี้รายล้อมอยู่สี่ตัว ผู้เล่นไม่มากไปกว่าจำนวนเก้าอี้ เป็นโรงเหล้าเล็กๆพื้นที่พอให้นั่งได้ห้าโต๊ะ กลิ่นของไม้โอ๊คที่หมักไวน์จากแดนใต้ ควันจากการรมเนื้อม้าพร้อมใบไทม์ อบเชย และกระวาน ย่างพอสุกให้ฉ่ำเลือดนิดๆ พร้อมเสริฟร์บนโต๊ะไม้แอ๊ชเคลือบชักเงา ลายแกะสลักบนโต๊ะเป็นรูปของทวยเทพผู้จมน้ำ
โรเบิร์ต บาราเทียน กำลังมือขึ้น เขากระดกไวน์องุ่นเข้าปาก ถ้วยสีเงินสลักรูปกวางเคลือบทองบ่งบอกความภาคภูมิใจของตระกูล พร้อมบ่นอุบอิบอยู่เสมอเมื่อต้องลุกไปรินไวน์ด้วยตัวเองบ่อยครั้ง เขาคิดถึงทหารฝึกหัดของตระกูลแลนนิสเตอร์ที่เคยทำหน้าที่นี้ บัดนี้พุงและส่วนเกินอื่นๆที่ยื่นงอกมาราวกับอวัยวะพิเศษ ทำให้เขาเชื่องช้า งุ่มง่าม เพิ่มเติมความหงุดหงิดให้แก่เขา อาวุธของเขาในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถต่อกรเหล่าศัตรูในวงไพ่ได้ก็มีแค่ฝีปากซึ่งดูจะโผงผางและไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เท่าทันผู้เล่นอีกสามคนบนโต๊ะ เขาจึงเลือกจู่โจมคนที่คิดว่าเขาพอจะรับมือไหว
“รีบๆทิ้งไพ่เสียทีเถิด เน็ด ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนข้าจริงๆแล้วนะ สิ่งที่เจ้าทำอยู่ไม่ได้เรียกว่าสุขุมหรือเย็นชาแต่ประการใด มันเรียกว่าขี้ขลาดต่างหาก” โรเบิร์ต เล่นเกมจิตวิทยากับเพื่อนรักในวัยเยาว์จวบจนวันที่สิ้นชีพ
“โรเบิร์ต ก็เจ้ามัวแต่เก็บไพ่ของตัวเอง มองย้อนเงาสมัยยังหนุ่มแน่นไว้กับอยู่ตลอดทุกตาที่เจ้ามีไพ่นั้นอยู่ เขาก็รู้กันหมดว่าใบสุดท้ายของเจ้าน่ะคืออะไร ตาที่แล้วเจ้าก็แพ้ให้กับไทวิน จนถึงกับต้องร้องเพลง เรน ออฟ คาสตาเมียร์ โหยหวนและผิดคีย์ราวกับหมูป่าถูกเชือด” เอ็ดดาร์ก สตาร์ค พูดเสร็จก็ดึงไพ่ในมือมาหนึ่งใบทิ้งลงไปที่กลางวง เขาจับคอตัวเองอยู่บ่อยครั้งราวกับว่ามันจะหลุดเคลื่อนไปถ้าไม่ได้สัมผัสมันบ่อยๆ ชุดเกราะเคี่ยวหนังที่ส่วมใส่สีน้ำตาลอ่อน ผ้าคลุมสีเทาจากหนังหมี เขาภูมิใจกับมัน เกียรติ์ยศ ศักดิ์ศรี และเมื่อลองคลำไปที่ข้างเอวอย่างคุ้นชิน เขาก็มักจะลืมอยู่เรื่อยว่าดาบไอซ์ของเขาไม่อยู่ในที่ๆควรจะอยู่เสียแล้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่ไทวิน แลนนิสเตอร์ ในขณะที่ปากพูดกับโรเบิร์ต บาราเธียน
“จากคำเรียกฝ่าบาท บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นคำว่า เจ้า ไวน์แดนใต้นี้รสชาติขมยิ่งนักเน็ด แต่นั่นไม่เจ็บปวดเท่าไพ่ที่เจ้าทิ้งลงมา” โรเบิร์ต บาราเธียน เพ่งมองไพ่ที่อดีตสหายร่วมศึกและหัตถ์ขวาเขาเพิ่งทิ้งลงมา สัญลักษณ์รูปกวางทองบนขอบซ้ายบนและขวาล่างของไพ่ รูปวาดเด็กหนุ่มผมทองที่คล้ายตัวจริง บนศีรษะประดับไปด้วยมงกุฏทำจากทองคำประดับด้วยทับทิมและเพชรสีดำ ลวดลายการออกแบบให้เหมือนเขากวางในตระกูลบาราเธียน เขายิ้มอย่างที่โรเบิร์ตคิดว่าน่ารักน่าใคร่ น่าเอ็นดู ซึ่งอาจจะต่างจากมุมมองของ เอ็ดดาร์ค ในมือทั้งสองของเขาถือหน้าไม้สลักเสลาลายสวยงาม เท้าขวาเหยียบไปที่หมู่ป่าตัวใหญ่ เหยื่อที่เด็กชายผมทองภูมิใจ
“เจ้าควรจะเก็บมันไว้ท้ายๆนะเน็ด ไพ่แต้มสูงอย่างนี้ บุตรที่น่าเกรงขามของข้า เจ้าทิ้งไพ่แลนนิสเตอร์ทุกตาข้าพอเข้าใจ แต่นี่เจ้าถึงกับทิ้งไพ่ของลูกข้าลงมาที่ตาแรก” โรเบิร์ตส่ายหัวกับความคิดประหลาดของ เอ็ดดาร์ค สตาร์คไพ่จอฟฟรีย์ บาราเธียน ทำให้เขาตัดสินใจยากขึ้น
“หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าใครสั่งตัดคอข้า โรเบิร์ต!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คเริ่มขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์
มันเข้าทางของโรเบิร์ต พอดิบพอดี เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ยั่วสำเร็จ แกล้งทำเป็นถ่วงเวลาเลือกไพ่นั่งจิบไวน์ในกิริยาที่น่าหมั่นไส้
“ไพ่โรเบิร์ต บาราเธียนตอนหนุ่มที่เจ้าถืออยู่นั่นไง เอามันออกมาใช้เสียที เจ้าถือไว้มันก็ไม่ได้ช่วยเจ้าย้อนเวลาไปผอมเหมือนคนในไพ่หรอกน่า!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คยังหยุดความโมโหของตัวเองไม่ได้
“ข้าขอผ่าน มีพ่อที่ไหนทำร้ายลูกตัวเองบ้าง ตาเจ้าแล้วล่ะ โอเบริน มาร์เทล” โรเบิร์ตผายมือไปยังชายผู้นั่งนิ่ง ยิ้มเป็นบางครั้งแต่มักจะใช้สายตาสอดส่ายพฤติกรรมเพื่อนรวมวง
“นั่นเพราะท่านยังเดินทางไม่มากนะ โรเบิร์ต จากอีสต์ซอส จนถึงเวสเทอรอส ข้าเห็นมันมานักต่อนัก และส่วนใหญ่จบลงด้วยความเศร้า” โอเบริน มาร์เทล หรือที่ใครๆเรียกกันว่าอสรพิษแดง นั่งไขว้ห้าง มือขวาจับที่เคราหรอมแหรม สีดำสนิทเหมือนหนวด และผมที่หยักศก แต่งกายในชุดลำลองผ้าไหมเนื้อดีสีแดงราวกับสีเลือดของอสรพิษ ปักดิ้นทอง กระดุมเงินห้าเม็ดเรียง ตัวกระดุมเป็นสัญลักษณ์พระอาทิตย์ และหอก ตราประจำตระกูลมาร์เทล มือซ้ายของเขายังไม่ได้จับไพ่เพื่อตัดสินใจ แต่เลือกที่จะชูแก้วที่คล้ายจอกสีเงิน หันหน้าไปยังบุรุษร่างกำยำผู้ที่เป็นทั้งพ่อครัวและผู้ตระเตรียมอาหารให้ในวงไพ่นี้
“โอเบริน ทำไมเจ้าถึงได้สิทธิ์พิเศษในการรินไวน์อยู่คนเดียวนะ” โรเบิร์ต ทำน้ำเสียงฉุนเฉียว
“นั่นเพราะข้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นอิสตรี และความเป็นชายไงล่ะท่าน” เขาหันไปยิ้มให้กับชายร่างกำยำ ผิวสีทองแดง ตาสีน้ำตาลเข้ม เปียที่ถักบนหัวยาวมาจรดพื้น
นักสู้บนหลังม้าที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุค เดินถือถาดอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จ เนื้อม้าที่ฉ่ำไปด้วยน้ำราดสมุนไพรย่างสุก พร้อมทั้งเหยือกที่เปี่ยมด้วยไวน์ โรเบิร์ตทำจมูกฟุตฟิต ดมกลิ่นหอมจากถาดเบื้องหน้า
“เจ้ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารนะ คาล โดรโก” ไทวิน แลนนิสเตอร์ มองการประดับจานอย่างมีศิลปะ ของคาลโดรโก ถึงกับต้องเอ่ยชม
“สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดหลังการตาย ก็คือสามารถฟังภาษาของพวกเจ้ารู้เรื่องนี่แหล่ะ รีบกินรีบเล่นกันให้เสร็จเสียที ข้าเบื่อที่จะต้องคอยห้ามพวกเจ้าหลังจากทะเลาะกันเป็นเด็กๆอีกต่อไปแล้วนะ” คาลโดรโก พ่นลมออกทางจมูกแสดงอาการไม่พอใจ
“คาลผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าหน่อยเถิด ข้ารู้สึกว่าสายตาข้าพร่ามัวเจ้าช่วยข้าดูทีว่าไพ่ใบนี้สามารถชนะไพ่ที่ ลอร์ด เอ็ดดาร์ค ทิ้งลงมาได้หรือไม่ ขออภัยจริงๆ เนื่องจากข้าไหว้วานเจ้าได้ผู้เดียว ไม่งั้นข้าโดนสหายเหล่านี้รู้ไพ่ในมือหมด” ปากเมื่อขยับและมือก็เริ่มจาบจ้วง ลูบไล้ไปบนมัดกล้ามที่เปลือยเปล่าของคาล โดรโก้ อาการตาพร่ามัวหรือวิตกจริตไปว่ามองไม่เห็นของ โอเบรินนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ราวกับรอยแผลที่ฝังลึกยากจะลืมเลือน เอ็ดดาร์ค สตาร์ค หันมามองเขาอย่างเข้าใจแต่ก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วนในการกระทำของโอเบริน
“ชนเผ่าข้าเคยมีเสียงร่ำลือว่ากินเนื้อม้าสดๆ ปล้นฆ่าและข่มขืน สมสู่กับม้า แต่ไม่มีซักครั้งที่จะมีจริตทางเพศวิปริตเช่นนี้” คาล โดรโกสะบัดตัว กระแทกเหยือกไวน์ลงบนโต๊ะ จนไวน์สีแดงกระฉอกผ้าปูโต๊ะลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน
เอ็ดดาร์ค มองไปที่รอยสีแดงราวกับเลือดเปื้อนไปที่ลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน ความเศร้าเข้าปกคลุมจิตใจเขาขั่วขณะ มันเป็นดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ
“ข้าลืมบอกท่านไปอย่างนึงนะ โรเบิร์ต นอกจากพ่อที่ทำร้ายลูกตัวเองที่ข้าเคยประสบมาแล้ว ยังมีลูกที่ทำร้ายพ่อของตัวเองได้ด้วย” โอเบรินหันไปแสยะยิ้มกับไทวิน แลนนิสเตอร์ มันเป็นยิ้มที่น่าขนลุก คล้ายกับยิ้มของ เกรกอร์ คลีแกน ในห้วงเวลาที่ตัวเขาเองก็อยากจะลืมมัน สิ้นเสียงของของโอเบริน เขาก็หยิบไพ่มาวางทับไพ่ จอฟฟรี่ย์ อย่างช้าๆ
ไพ่สัญลักษณ์สิงห์โตที่มุมซ้ายบน และขวาล่าง รูปวาดของชายผู้มีสัดส่วนผิดเพี้ยนไปจากสำนึกของผู้คนไม่ต่างจากคนแคระ กำลังถือหนังสือเล่มโต ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับผู้เฝ้ามอง
เหล่าชายผู้ล่วงเลยสิ่งที่เรียกว่าความเยาว์นั่งเล่นไพ่กับบนโต๊ะที่มีเก้าอี้รายล้อมอยู่สี่ตัว ผู้เล่นไม่มากไปกว่าจำนวนเก้าอี้ เป็นโรงเหล้าเล็กๆพื้นที่พอให้นั่งได้ห้าโต๊ะ กลิ่นของไม้โอ๊คที่หมักไวน์จากแดนใต้ ควันจากการรมเนื้อม้าพร้อมใบไทม์ อบเชย และกระวาน ย่างพอสุกให้ฉ่ำเลือดนิดๆ พร้อมเสริฟร์บนโต๊ะไม้แอ๊ชเคลือบชักเงา ลายแกะสลักบนโต๊ะเป็นรูปของทวยเทพผู้จมน้ำ
โรเบิร์ต บาราเทียน กำลังมือขึ้น เขากระดกไวน์องุ่นเข้าปาก ถ้วยสีเงินสลักรูปกวางเคลือบทองบ่งบอกความภาคภูมิใจของตระกูล พร้อมบ่นอุบอิบอยู่เสมอเมื่อต้องลุกไปรินไวน์ด้วยตัวเองบ่อยครั้ง เขาคิดถึงทหารฝึกหัดของตระกูลแลนนิสเตอร์ที่เคยทำหน้าที่นี้ บัดนี้พุงและส่วนเกินอื่นๆที่ยื่นงอกมาราวกับอวัยวะพิเศษ ทำให้เขาเชื่องช้า งุ่มง่าม เพิ่มเติมความหงุดหงิดให้แก่เขา อาวุธของเขาในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถต่อกรเหล่าศัตรูในวงไพ่ได้ก็มีแค่ฝีปากซึ่งดูจะโผงผางและไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่เท่าทันผู้เล่นอีกสามคนบนโต๊ะ เขาจึงเลือกจู่โจมคนที่คิดว่าเขาพอจะรับมือไหว
“รีบๆทิ้งไพ่เสียทีเถิด เน็ด ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนข้าจริงๆแล้วนะ สิ่งที่เจ้าทำอยู่ไม่ได้เรียกว่าสุขุมหรือเย็นชาแต่ประการใด มันเรียกว่าขี้ขลาดต่างหาก” โรเบิร์ต เล่นเกมจิตวิทยากับเพื่อนรักในวัยเยาว์จวบจนวันที่สิ้นชีพ
“โรเบิร์ต ก็เจ้ามัวแต่เก็บไพ่ของตัวเอง มองย้อนเงาสมัยยังหนุ่มแน่นไว้กับอยู่ตลอดทุกตาที่เจ้ามีไพ่นั้นอยู่ เขาก็รู้กันหมดว่าใบสุดท้ายของเจ้าน่ะคืออะไร ตาที่แล้วเจ้าก็แพ้ให้กับไทวิน จนถึงกับต้องร้องเพลง เรน ออฟ คาสตาเมียร์ โหยหวนและผิดคีย์ราวกับหมูป่าถูกเชือด” เอ็ดดาร์ก สตาร์ค พูดเสร็จก็ดึงไพ่ในมือมาหนึ่งใบทิ้งลงไปที่กลางวง เขาจับคอตัวเองอยู่บ่อยครั้งราวกับว่ามันจะหลุดเคลื่อนไปถ้าไม่ได้สัมผัสมันบ่อยๆ ชุดเกราะเคี่ยวหนังที่ส่วมใส่สีน้ำตาลอ่อน ผ้าคลุมสีเทาจากหนังหมี เขาภูมิใจกับมัน เกียรติ์ยศ ศักดิ์ศรี และเมื่อลองคลำไปที่ข้างเอวอย่างคุ้นชิน เขาก็มักจะลืมอยู่เรื่อยว่าดาบไอซ์ของเขาไม่อยู่ในที่ๆควรจะอยู่เสียแล้ว สายตาจ้องเขม็งไปที่ไทวิน แลนนิสเตอร์ ในขณะที่ปากพูดกับโรเบิร์ต บาราเธียน
“จากคำเรียกฝ่าบาท บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นคำว่า เจ้า ไวน์แดนใต้นี้รสชาติขมยิ่งนักเน็ด แต่นั่นไม่เจ็บปวดเท่าไพ่ที่เจ้าทิ้งลงมา” โรเบิร์ต บาราเธียน เพ่งมองไพ่ที่อดีตสหายร่วมศึกและหัตถ์ขวาเขาเพิ่งทิ้งลงมา สัญลักษณ์รูปกวางทองบนขอบซ้ายบนและขวาล่างของไพ่ รูปวาดเด็กหนุ่มผมทองที่คล้ายตัวจริง บนศีรษะประดับไปด้วยมงกุฏทำจากทองคำประดับด้วยทับทิมและเพชรสีดำ ลวดลายการออกแบบให้เหมือนเขากวางในตระกูลบาราเธียน เขายิ้มอย่างที่โรเบิร์ตคิดว่าน่ารักน่าใคร่ น่าเอ็นดู ซึ่งอาจจะต่างจากมุมมองของ เอ็ดดาร์ค ในมือทั้งสองของเขาถือหน้าไม้สลักเสลาลายสวยงาม เท้าขวาเหยียบไปที่หมู่ป่าตัวใหญ่ เหยื่อที่เด็กชายผมทองภูมิใจ
“เจ้าควรจะเก็บมันไว้ท้ายๆนะเน็ด ไพ่แต้มสูงอย่างนี้ บุตรที่น่าเกรงขามของข้า เจ้าทิ้งไพ่แลนนิสเตอร์ทุกตาข้าพอเข้าใจ แต่นี่เจ้าถึงกับทิ้งไพ่ของลูกข้าลงมาที่ตาแรก” โรเบิร์ตส่ายหัวกับความคิดประหลาดของ เอ็ดดาร์ค สตาร์คไพ่จอฟฟรีย์ บาราเธียน ทำให้เขาตัดสินใจยากขึ้น
“หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าใครสั่งตัดคอข้า โรเบิร์ต!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คเริ่มขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์
มันเข้าทางของโรเบิร์ต พอดิบพอดี เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ยั่วสำเร็จ แกล้งทำเป็นถ่วงเวลาเลือกไพ่นั่งจิบไวน์ในกิริยาที่น่าหมั่นไส้
“ไพ่โรเบิร์ต บาราเธียนตอนหนุ่มที่เจ้าถืออยู่นั่นไง เอามันออกมาใช้เสียที เจ้าถือไว้มันก็ไม่ได้ช่วยเจ้าย้อนเวลาไปผอมเหมือนคนในไพ่หรอกน่า!!!” เอ็ดดาร์ค สตาร์คยังหยุดความโมโหของตัวเองไม่ได้
“ข้าขอผ่าน มีพ่อที่ไหนทำร้ายลูกตัวเองบ้าง ตาเจ้าแล้วล่ะ โอเบริน มาร์เทล” โรเบิร์ตผายมือไปยังชายผู้นั่งนิ่ง ยิ้มเป็นบางครั้งแต่มักจะใช้สายตาสอดส่ายพฤติกรรมเพื่อนรวมวง
“นั่นเพราะท่านยังเดินทางไม่มากนะ โรเบิร์ต จากอีสต์ซอส จนถึงเวสเทอรอส ข้าเห็นมันมานักต่อนัก และส่วนใหญ่จบลงด้วยความเศร้า” โอเบริน มาร์เทล หรือที่ใครๆเรียกกันว่าอสรพิษแดง นั่งไขว้ห้าง มือขวาจับที่เคราหรอมแหรม สีดำสนิทเหมือนหนวด และผมที่หยักศก แต่งกายในชุดลำลองผ้าไหมเนื้อดีสีแดงราวกับสีเลือดของอสรพิษ ปักดิ้นทอง กระดุมเงินห้าเม็ดเรียง ตัวกระดุมเป็นสัญลักษณ์พระอาทิตย์ และหอก ตราประจำตระกูลมาร์เทล มือซ้ายของเขายังไม่ได้จับไพ่เพื่อตัดสินใจ แต่เลือกที่จะชูแก้วที่คล้ายจอกสีเงิน หันหน้าไปยังบุรุษร่างกำยำผู้ที่เป็นทั้งพ่อครัวและผู้ตระเตรียมอาหารให้ในวงไพ่นี้
“โอเบริน ทำไมเจ้าถึงได้สิทธิ์พิเศษในการรินไวน์อยู่คนเดียวนะ” โรเบิร์ต ทำน้ำเสียงฉุนเฉียว
“นั่นเพราะข้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นอิสตรี และความเป็นชายไงล่ะท่าน” เขาหันไปยิ้มให้กับชายร่างกำยำ ผิวสีทองแดง ตาสีน้ำตาลเข้ม เปียที่ถักบนหัวยาวมาจรดพื้น
นักสู้บนหลังม้าที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุค เดินถือถาดอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จ เนื้อม้าที่ฉ่ำไปด้วยน้ำราดสมุนไพรย่างสุก พร้อมทั้งเหยือกที่เปี่ยมด้วยไวน์ โรเบิร์ตทำจมูกฟุตฟิต ดมกลิ่นหอมจากถาดเบื้องหน้า
“เจ้ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารนะ คาล โดรโก” ไทวิน แลนนิสเตอร์ มองการประดับจานอย่างมีศิลปะ ของคาลโดรโก ถึงกับต้องเอ่ยชม
“สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุดหลังการตาย ก็คือสามารถฟังภาษาของพวกเจ้ารู้เรื่องนี่แหล่ะ รีบกินรีบเล่นกันให้เสร็จเสียที ข้าเบื่อที่จะต้องคอยห้ามพวกเจ้าหลังจากทะเลาะกันเป็นเด็กๆอีกต่อไปแล้วนะ” คาลโดรโก พ่นลมออกทางจมูกแสดงอาการไม่พอใจ
“คาลผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าหน่อยเถิด ข้ารู้สึกว่าสายตาข้าพร่ามัวเจ้าช่วยข้าดูทีว่าไพ่ใบนี้สามารถชนะไพ่ที่ ลอร์ด เอ็ดดาร์ค ทิ้งลงมาได้หรือไม่ ขออภัยจริงๆ เนื่องจากข้าไหว้วานเจ้าได้ผู้เดียว ไม่งั้นข้าโดนสหายเหล่านี้รู้ไพ่ในมือหมด” ปากเมื่อขยับและมือก็เริ่มจาบจ้วง ลูบไล้ไปบนมัดกล้ามที่เปลือยเปล่าของคาล โดรโก้ อาการตาพร่ามัวหรือวิตกจริตไปว่ามองไม่เห็นของ โอเบรินนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ราวกับรอยแผลที่ฝังลึกยากจะลืมเลือน เอ็ดดาร์ค สตาร์ค หันมามองเขาอย่างเข้าใจแต่ก็ค่อนข้างกระอักกระอ่วนในการกระทำของโอเบริน
“ชนเผ่าข้าเคยมีเสียงร่ำลือว่ากินเนื้อม้าสดๆ ปล้นฆ่าและข่มขืน สมสู่กับม้า แต่ไม่มีซักครั้งที่จะมีจริตทางเพศวิปริตเช่นนี้” คาล โดรโกสะบัดตัว กระแทกเหยือกไวน์ลงบนโต๊ะ จนไวน์สีแดงกระฉอกผ้าปูโต๊ะลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน
เอ็ดดาร์ค มองไปที่รอยสีแดงราวกับเลือดเปื้อนไปที่ลายกุหลาบเหมันต์สีน้ำเงิน ความเศร้าเข้าปกคลุมจิตใจเขาขั่วขณะ มันเป็นดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ
“ข้าลืมบอกท่านไปอย่างนึงนะ โรเบิร์ต นอกจากพ่อที่ทำร้ายลูกตัวเองที่ข้าเคยประสบมาแล้ว ยังมีลูกที่ทำร้ายพ่อของตัวเองได้ด้วย” โอเบรินหันไปแสยะยิ้มกับไทวิน แลนนิสเตอร์ มันเป็นยิ้มที่น่าขนลุก คล้ายกับยิ้มของ เกรกอร์ คลีแกน ในห้วงเวลาที่ตัวเขาเองก็อยากจะลืมมัน สิ้นเสียงของของโอเบริน เขาก็หยิบไพ่มาวางทับไพ่ จอฟฟรี่ย์ อย่างช้าๆ
ไพ่สัญลักษณ์สิงห์โตที่มุมซ้ายบน และขวาล่าง รูปวาดของชายผู้มีสัดส่วนผิดเพี้ยนไปจากสำนึกของผู้คนไม่ต่างจากคนแคระ กำลังถือหนังสือเล่มโต ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับผู้เฝ้ามอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ