Fic Naruto พันธสัญญาสีดำ ความเศร้า ความรัก ภาค1
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 07.27 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 21.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
25) บทที่ 22 ในห้วงฝัน ครบแล้วจร้าาาาาาา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในตอนนี้ซากุระทำได้แต่รอให้นิทานเรื่องนี้จบเท่านั้นเพื่อที่จะได้ตื่นสักที หากแต่ก็คงต้องใช้เวลานานแน่ๆเพราะดูจากขนาดความหนาของหนังสือแล้ว...มันหนามากๆ เด็กสาวในชุดนอนเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวลายวัวคิด...อาทิตย์หนึ่งฉันจะตื่นไหมเนี่ย... น่าแปลกที่เธอกลับยอมเชื่อยอมทำตามผู้หญิงแปลกหน้าที่ชื่อ มิโอะ เธอจำได้ว่าเธอไม่ได้มีเพื่อนแบบนี้หรือชื่อนี้เลย แปลกที่เธอเลือกที่จะนำหนังสือของพ่อมาใส่ไว้ใต้หมอนแบบนี้ มันเหมือนกับว่ามีใครต้องการหรือดลใจให้เธออ่านหนังสือเรื่องนี้ให้จบ ซากุระรำพึงรำพันกับตนเอง"เอาเถอะ ถือซะว่ามาเที่ยวในโลกแฟนตาซีเหมือนอลิสในดินแดนมหัศจรรย์ก็แล้วกัน"เด็กสาวจึงตัดสินใจเฝ้ามองเหล่าตัวละครในนิทานดำเนินเรื่อง...
อัลดัสนั้นเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศการเดินทางนั้นช่างเงียบเหงา พ่อมดหนุ่มตัดสินใจหยิบผลส้มออกมาจากยามมาโยนเล่นพลางฮัมเพลงไปด้วย เพเรโนเป้นั้นลอบมองอย่างสนใจ ยูนิคอร์นสาวหันมาถามอัลดัส"อีกไกลไหม"
"อีกไม่ไกลแล้ว"
เพเรโนเป้ถาม"เจ้ารู้ได้ยังไง"
พ่อมดหนุ่มชี้ให้หญิงสาวมองรอบๆตัว"ข้าเคยได้ยินว่าเมื่อก่อนอาณาจักรเล็กๆติดทะเลที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ก่อนที่ราชาฮักกาจจะมาปกครอง ในตอนนี้ที่อาณาจักรกลับแห้งแล้ง ที่ข้ารู้น่ะเหรอก็เพราะข้าได้กลิ่นน้ำเค็มไงล่ะ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วข้าว่าเราพักเเรมกันแถวนี้เถอะ"
หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยเพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวนั้นกลับดูแห้งแล้งและน่าหดหู่อย่างที่สุด
"ก็ดี"หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งหมดเลือกพักแรมใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ดูร่มที่สุด
ในยามค่ำทำให้อากาศนั้นเริ่มหนาวเย็น ซากุระนั้นกอดอกเพราะความหนาวไม่คิดว่าจะสมจริงขนาดนี้ ทั้งสภาพอากาศ เด็กสาวตัดสินใจดูเหตุการณ์ต่อไปแต่เธอก็เดินเข้าไปใกล้ตัวละครที่กำลังก่อไฟสิ่งที่เธอต้องแปลกใจมากเมื่อไม่มีตัวละครตัวไหนรับรู้การอยู่ของเธอเลย แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้สึกอุ่นขึ้นมากเพราะอยู่ใกล้กองไฟ
อัลดัสใช้ไม้เขี่ยกองไฟไปมา เพื่อให้หัวมันที่ตนเผานั้นสุกเร็วๆ
ในด้านของโลกแห่งความจริง
หลังจากที่ซาสึเกะกลับมาพักที่ฐานได้ไม่นาน เค้าตัดสินใจออกมาหมายจะลักพาตัวหญิงสาวผู้เป็นที่รักมาให้ได้ พอมาถึงบ้านของเป้าหมาย ชายหนุ่มเลือกที่จะไปที่ห้องนอนของหญิงสาวโดยตรง
ในตอนนี้ซาสึเกะจ้องมองซากุระที่กำลังหลับใหลสนิทเป็นเจ้าหญิงนิทรา ในยามหลับเธอช่างงดงามราวกับนางฟ้า ใบหน้านั้นดูสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ"ทำไมไม่ห่มผ้านะ"เค้าบ่นกับตัวเองเมื่อเห็นร่างบางนอนไม่ห่มผ้าถึงแม้จะอยู่ในชุดนอนลายวัว ก็ยิ่งทำให้น่ารักมันทำให้เค้าอดใจไม่ไหวที่จะโน้มตัวจูบพิต
หากแต่...
"ถอยห่างจากหลานฉันนะ ไอ้เด็กเวร"เสียงของฮารุยดังขึ้น พลางจ่อดาบยาวมาตรงที่คอของอุจิวะหนุ่ม
ซาสึเกะเตรียมใช้พันปักษาหากแต่ช้าไป เค้าโดนฮารุยฟาดดาบใส่ทำให้เค้าต้องกระโดดหลบ โชคดีที่แค่เฉียวที่หน้า อาการบาดเจ็บจากการใช้เทวีสุริยายังไม่หายสนิททำให้เค้าโดนฟัดเข้าที่กลางอกจังๆ เมื่ออุจิวะหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจล่าถอยไปก่อน
เมื่ออุจิวะหนุ่มไปแล้ว ฮารุยรีบไปดูหลานสาวที่ตอนนี้ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องอะไร เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางส่ายหน้าที่หลานสาวนั้นหลับอย่างไม่รู้เรื่องอะไร"คงจะเหนื่อยสินะ หลับให้สบายนะซากุระ ป้าจะปกป้องหนูเองนะ หลับให้สบายเถอะ"จากนั้นผู้เป็นป้าก็ห่มผ้าให้หลานสาวแล้วปิดหน้าต่างอย่างหนาแน่น
กลับมาที่ในโลกแห่งความฝันของซากุระ
ซากุระทำได้เพียงนั่งพิงไฟท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเหงา
เจ้ายูนิคอร์นสาวถามพ่อมดหนุ่ม"อัลดัส กระทิงไฟมีรูปร่างเป็นอย่างไรเหรอ"
พ่อมดหนุ่มอธิบาย"เท่าที่ข้าคิด ตัวมันน่าจะมีขนาดใหญ่กว่าเจ้ามาก เขาและรูปร่างของมันเหมือนวัวป่า พ่อข้าเคยบอก ตัวของมันมีไฟท่วมตัว"
"เหรอ"ยูนิคอร์นสาวตอบพลางเหม่อมองไปยังดวงจันทร์ด้วยแววตาอันเศร้าหมอง
กลับมาที่โลกปัจจุบัน
ทางด้านซาสึเกะที่ตอนนี้ต้องหอบสังขารกลับฐานลับโดยไม่ให้พวกโคโนฮะรู้ อาการบาดเจ็บจากการโดนคมดาบฟัดเข้าที่อกนั้นไม่หนักหนามากหากแต่อาการบาดเจ็บจากการที่ใช้เทวีสุริยายังคงอยู่ ยิ่งเสริมให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น ในขณะที่อุจิวะหนุ่มกำลังกระโดดข้ามต้นไม้อาการเจ็บที่ตาทั้งสองข้างก็กำเริบ "อุ้บ!"...ต้องรีบกลับฐานแล้ว...
พอกลับมาถึง ทั้งคารินและซายะต่างวิ่งเข้ามา"ซาสึเกะ/ท่านซาสึเกะ"
"ออกไป อย่ามายุ่.."ยังไม่ทันพูดจบร่างสูงก็ทรุดลงกับพื้นเพราะอาการบาดเจ็บ
ทั้งจูโกะและโทบิต่างเข้าช่วยพยุง จากนั้นซาสึเกะก็ได้รับการพยาบาลจากซายะและคารินโดยมีโทบิ ซุยเงสึ และจูโกะคุมดูอยู่ห่างๆ(ป้องกันซาสึเกะโดนลักหลับ อิอิอิ:ไรเตอร์)
ซุยเงสึส่ายหน้า"ท่าทางจะไปเจอดีเข้าซะแล้ว เดาได้เลยว่าโดนคมดาบของป้าคนนั้นมาแน่ๆ"
จูโกะถาม"ทำไมล่ะ ปกติอย่างซาสึเกะน่าจะจัดการได้"
โทบิเฉลย"อาการบาดเจ็บจากเทวีสุริยาไงล่ะ คงต้องรักษาตัวอีกยาวเลย กว่าร่างกายจะหายดี"
เช้าวันต่อมาที่โคโนฮะ
ณ บ้านฮารุโนะ
ฮารุยรู้สึกว่าหลานสาวยังไม่ตื่นนอนสักทีจึงขึ้นมาดูก็พบว่าหลานสาวยังคงหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว สายตาสีมรกตของฮารุยเหลือบไปเห็นโน๊ตที่แปะไม่ตรงหัวนอน'ป้าค่ะ วันนี้หนูรู้สึกเพลียๆขอนอยาวๆหน่อยนะค่ะ จาก ซากุระ' ผู้เป็นป้าไม่คิดอะไร"คงจะเหนื่อยสินะ"
พอลับร่างของฮารุย ก็มีบางสิ่งพูดขึ้น"ดีนะ ที่โน๊ตไว้ไม่งั้น แม่หนูน้อยคงจะฝันไม่จบ"สิ่งนั้นหันไปมองไปที่ร่างที่กำลังหลับใหล"หนูน้อยขอให้สนุกกับโลกแห่งความฝันนะ"
กลับมาทางด้านซากุระที่ตอนนี้กำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน ตอนนี้เธอกำลังเฝ้ามองเหล่าละครในเทพนิยายกำลังดำเนินเรื่อง
ทั้งอัลดัสและเพเรโนเป้กำลังกินหัวมันเผาประทังหิว สำหรับยูนิคอร์นนั้นนั่งเหม่อมองดวงจันทร์อยู่ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นสภาพอากาศเริ่มแปรปวร
"กรรร!!!"เสียงคำรามจากบางสิ่งดังขึ้น ไอร้อนที่พุ่งเข้ามา ซากุระที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่นั้นสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของบางสิ่ง ...กระทิงเหรอ...สิ่งที่เธอเห็นก็คือเจ้ากระทิงร่างมหึมาที่มีไฟท่วมตัว มันพุ่งเข้าหาตัวเธอ เด็กสาวตกใจจนก้าวขาไม่ออก ผลปรากฏว่ามันทะลุตัวเธอไป เด็กสาวถอนหายใจ"ดีนะที่เราไม่ได้รับผลกระทบอะไร" ซากุระหันกลับไปมองเจ้ากระทิง"มันสมจริงเกินไปแล้ว"เธอบ่นอุบพลางหันไปดูเหตุการณ์ต่อ พลางคิด...นี่มันหนังสีมิติรึไงนะ...
ทั้งอัลดัสและเพเรโนเป้ต่างหลบกันคนละทาง เจ้ากระทิงไฟนั้นกลับพุ่งเข้าไปหาสัตว์ในตำนานตัวสุดท้ายหากแต่มันกลับไม่ทำร้ายเพียงแต่ไล่ต้อนเท่านั้น เจ้ายูนิคอร์นไม่ขัดขืนกลับยอมเดินไป สร้างความแปลกใจให้กับอัลดัสเป็นอย่างมาก
เพเรโนเป้วิ่งเข้ามาหาอัลดัส"ทำอะไรสักอย่างสิ มันจะฆ่าเธอนะ"
อัลดัสพึมพัม"ไม่ใช่ มันพยายามไล่ต้อนเธอมากกว่า"พ่อมดหนุ่มแปลกใจกับท่าทางของยูนิคอร์นมากกว่าว่าทำไมสู้ได้ทำไมไม่สู้"เอาวะเสี่ยงเป็นเสี่ยง" อัลดัสก้าวออกมาข้างหน้าแล้วเริ่มร่ายมนต์ทันใดนั้นสภาพอากาศก็เริ่มแปรปวร ร่างของยูนิคอร์นก็ค่อยๆกลายเป็นดรุณีวัยแรกรุ่นที่งดงามไปทุกส่วนทั้งผิวที่ขาวเนียนราวกับหิมะผมสีเงินยาวสยาย ริมฝีปากสีแดงสดจิ้มลิ้ม ร่างบอบบางของยูนิคอร์ในคราบหญิงสาวแรกรุ่นสลบ ทางเจ้ากระทิงไฟนั้นเมื่อเห็นว่าเหยื่อนั้นกลายเป็นสิ่งอื่นประกอบกับใกล้รุ่งส่างเจ้ากระทิงไฟจึงหายไป
เพเรโนเป้รุดเข้ามาหาร่างที่ไม่ได้สติพลางร้องด่าอัลดัส"เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้าทำเธอติดอยู่ในร่างคน"
อัลดัสถอดเสื้อคลุมมาคลุมร่างอันเปลือยเปล่าก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น"เย็นไว้ เวทย์มนต์รู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ ข้ารู้สึกว่ายูนิคอร์นตัวอื่นมีชีวิตอยู่เพียงแต่.."
"เพียงแต่อะไร!!"เพเรโนเป้ตวาด
"ถูกกักขังอยู่ที่ไหนสักที่ ถ้าหากเราสามารถเข้าไปสืบหาในปราสาทของราชาฮักกาจ"
ไม่นานยูนิคอร์นสาวในร่างมนุษย์ก็เริ่มลืมตาตื่นเผยให้เห็นดวงตาสีกรมท่า เธอรู้สึกแปลกประหลาดและพยายามยืนขึ้นหากแต่ยังไม่ชินกับร่างใหม่ยืนได้ไม่นานจึงล้มลง ร่างบางถามเสียงสั่นเครือ"เจ้าทำอะไรกับข้า เจ้าทำอะไร"
เพเรโนเป้ทำได้แต่ร่ำไห้เพราะความสงสาร"โอ้ไม่ ฮือๆๆ"
อัลดัสปลอบด้วยความใจเย็น่และอ่อนโยน"เย็นไว้ เราจะเข้าไปสืบดูว่าพวกพ้องของเจ้าตัวอื่นอยู่ที่ไหน ถ้าหากเราเราหาที่อยู่ของเจ้ากระทิงไฟเจอ"
ยูนิคอร์นสาวกรีดร้องด้วยว่าทำใจไม่ได้ป่นสะอื้น"ข้าอยากให้กระทิงไฟพาข้าไป ทำไมเจ้าไม่ทิ้งข้าไว้เล่า"
อัลดัสปลอบด้วยสีหน้าแต้มยิ้มพลางกระชับผ้าคลุมให้ร่างบอบบางให้มิดชิด"เย็นไว้ เชื่อใจข้าเถอะ หากเราสามารถหาทางช่วยยูนิคอร์นตัวอื่นได้ ข้าจะหาทางทำให้เจ้ากลับร่างเดิม ข้าสัญญา แต่ตอนนี้เราต้องหาเสื้อผ้าให้เจ้าก่อนนะ"
ทางด้านซากุระที่เฝ้าดูเหตุการณ์"ตื่นเต้นจัง เรื่องนี้มันสนุกจริงๆ"เธอรู้แล้วว่าทำไมพ่อของเธอถึงชอบอ่านหนังสือเล่มนี้ เธอชักจะลุ้นตอนจบซะแล้วสิ
รุ่งเช้าในมิติแห่งฝัน
อันดัส ยูนิคอร์นแปลงและเพเรโนเป้ได้เดินทางต่อ ทั้งสามได้พบหมู่บ้านร้าง
พ่อมดหนุ่มส่ายหน้า"ท่าทางจะแล้งจัด จนอยู่ไม่ได้เลยสินะ"
เพเรโนเป้ออกความเห็น"ข้าว่าเราหาเสื้อผ้าให้ยูนิคอร์นก่อนเถอะ ในหมู่บ้านนี้คงต้องมีสักหลังล่ะที่มีเสื้อผ้าให้ใส่"
อันดัสพยักหน้า"ดี เจ้าเข้าไปหาเถอะเพราะข้าไม่ค่อยสันทัดเรื่องเสื้อผ้าของผู้หญิงนัก"
เมือเพเรโนเป้เข้าไปในบ้านร้างแล้ว อันดัสก็เข้ามาปลอบใจยูนิคอร์นสาวที่ตอนนี้ติดอยู่ในร่างมนุษย์"นี่ เจ้ายังกังวลอยู่รึ"
ดรุณีแปลงพยักหน้ารับ
อันดัสจึงลูบหัวปลอบโยน"ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างย่อมมีทางออก เจ้าต้องได้กลับร่างเดิมแน่ อย่าเศร้าเลยนะ"
ยูนิคอร์นหันมาตอบ"ข้าไม่ได้เศร้า ยูนิคอร์นไม่เคยรักหรือเสียใจ"
พ่อมดหนุ่มยิ้ม"อย่างนี้มนุษย์เขา เรียกว่าความเศร้านะ"
"เหรอ"
อันดัสอธิบายต่อ"แต่ไม่มีทุกข์ใดยืนยงเท่ากับความสุขหรอกนะ จำไว้ล่ะ"
ยูนิคอร์นสาวแย้มยิ้ม"ขอบคุณที่ช่วยปลอบใจข้า ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว"
"เจอแล้ว"เสียงเพเรโนเป้ดังขึ้น
อันดัสหันมาพูดกับยูนิคอร์นสาว"เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ"
ร่างบอบบางของยูนิคอร์นสาวเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็ออกมา ชุดที่เพเรโนเป้หามาได้นั้นเป็นชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนแขนยาวดูเรียบง่ายแต่ก็หาได้ทำให้ความงามของดรุณีแปลงลดลงได้แม้แต่น้อย
พอยูนิคิร์นสาวในร่างมนุษย์ออกมา อันดัสจึงตัดสินใจเร่งเดินทางในทันทีเพราะไม่อยากเสี่ยงเจอเจ้ากระทิงไฟเล่นงาน
พอทั้งหมดเดินทางมาถึงปราสาทของราชาฮักกาจ ก็พบทหารยามสองคน ยกหอกกันไว้ ทหารยามชราชักดาบออกมาตรงหน้าอัลดัสพลางถาม"พวกเจ้าเป็นใคร"
อัลดัสรีบโค้งคำนับพลางแนะนำตัว"ข้าชื่ออัลดัส เป็นนักมายากล นี่เพเรโนเป้ ผู้ช่วยข้าและนี่ นาร่า หลานสาวข้าเอง เรามาที่นี่ต้องการเข้าเฝ้าราชาฮักกาจ ขอรับ"
ทหารยามสองนายลดหอกลงและเดินนำทั้งสามเข้าไปในปราสาท
ภายในปราสาทนั้นดูน่าขนลุกชวนหดหู่ยิ่งนัก ซากุระที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์นั้นทำเอาเธอขนลุกซู่ไปเลยทีเดียว"นี่มันปรสาทผีสิงรึไงนะ ปรื๋อ"
พอทหารยามพามาถึงท้องพระโรง ก็พบว่าบัลลังก์นั้นว่างเปล่า อัลดัสโวยวาย"ที่นี่มันอะไร เราต้องการมาพบราชาฮักกาจไม่ใช่มาสุสาน"
ทหานยามชราถอดหมวกเหล็กออก"ข้านี่แหละ ราชาฮักกาจ"
ทหารยามอีกนายถอดหมวกเหล็ก ราชาฮักกาจแนะนำ"นี่คือลูกชายข้า มิคาเอล"
เจ้าชายมิคาเอลทักทาย"สวัสดี"
ราชาฮักกาจไปบั่งบนบัลลังก์ก่อนจะถาม"พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม ต้องการอะไรรึ"
อัลดัสรีบโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม"เรามารับใช้ท่านขอรับ"
ราชาเฒ่าปฏิเสธทันที"ข้าไม่ต้องการ ข้ามีนักมายากลสร้างความบันเทิงให้กับข้าอยู่แล้ว ชื่อ คาริค เป็นสุดยอดนักมายากล สามารถทำทุกอย่างให้ข้ามีความสุขได้"
เพเรโนเป้ที่นิ่งเงียบไปนานจึงเอ่ยขึ้น"ถ้าท่านมีความสุขจริง เหตุใดหน้าของท่านกลับดูอมทุกข์อย่างงั้นเล่า"
อัลดัสรีบห้าม"เพเรโนเป้ หยุดเถอะ"หากแต่หญิงสาวไม่ฟัง
ราชาเฒ่าลูบคางพลางถาม"เจ้ารู้ได้ยังไง"
เพเรโนเป้เท้าสะเอว"ก็ดูที่ใบหน้าของท่านไง"
ราชาเฒ่าร้องเรียก"คาริค เจ้าอยู่ที่ไหน"
กลุ่มควันขาวพุ่งขึ้น ก็ปรากฏร่างของนักมายากลชราผู้มีใบหน้าอันชั่วร้าย รอยยิ้มอันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เค้าโน้มตัวคารวะ"พระองค์ประสงค์สิ่งใด" สายตาของนักมายากลชราก็เหลือบไปเห็นอัลดัสจึงหันไปทักทาย"ไง อัลดัส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีใช่ไหมไอ้หนู"
ราชาฮักกาจเอ่ยขัดซะก่อน"เค้ามาเพื่อเเย่งงานเจ้า"
นักมายากลเฒ่าร่างผอมหัวเราะหันไปพูดกับราชาฮักกาจ"อัลดัสเองก็มีความสามารถ ท่าทางพระองค์จะชอบสะสมนักมายากลนะ หึๆ"
ราชาเฒ่าประกาศร้าว"หญิงคนนี้พูดถูก เจ้าไปซะคาริค"
นักมายากลเฒ่าร่ายคาถา สภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มแปรปวร พ่อมดเฒ่าก้าวเข้ามาทางนางแปลง เจ้าชายมิคาเอลเอาตัวเข้ามาบังร่างบอบบาง เตรียมชักดาบสู้ หากแต่ยูนิคอร์นสาวกลับเดินเข้าไปหา ตรงหน้าผากนั้นมีรอยปานสีแดงรูปดาวอันเล็กกำลังส่องแสง คาริคเห็นยูนิคอร์นในร่างมนุษย์ก็หยุดร่ายมนต์แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะชี้หน้าราชาเฒ่า"ฮ่า ฮ่าๆ ฮักกาจช่างโง่เขลาเสียจริง เจ้าให้โชคร้ายเข้ามาทางประตูหน้า ความหายนะจะมาสู่ตัวเจ้า ลาก่อนฮักกาจผู้น่าสงสาร ลาก่อน"สิ้นเสียงร่างของคาริคก็มลายหายไปในทันที
จากนั้นราชาฮักกาจก็อนุญาติในทั้งสามเข้ามาอยู่ในวัง อัลดัสนั้นพยายามหาเบาะแสของกระทิงโดยต้องทำหน้าที่แสดงมายากลมอบความสราญให้กับราชาเฒ่า เพเรโนเป้นั้นก็ต้องทำครัว ส่วนยูนิคอร์ที่ใช้ชื่อนาร่านั้นอัลดัสอ้างว่าเธอไม่สบายเลยไม่ต้องทำอะไร ระหว่างนั้นเจ้าชายมิคาเอลพยายามพิชิตใจของหญิงสาว ด้วยวิธีต่างๆนานา แต่อนิจา...ยูนิคอร์นนั้นรักไม่เป็น...
ในระหว่างเพเรโนเป้กำลังทำครัวอยู่นั้นก็มีแมวสีดำตัวหนึ่งออกมา มันหัวเราะ"ฮี่ๆฮี่ๆ ท่าทางแม่ยูนิคอร์นนั้นจะเริ่มหลงรักเจ้าชายมิคาเอลซะเเล้ว ถ้ายูนิคอร์นมีความรักเมื่อไหร่นางก็จะกลายเป็นมนุษย์ไปตลอดแน่"
"อะไรนะ ไม่จริงใช่ไหม"เพเรโนเป้อุทาน
"จริงสิ อีกไม่นานนางจะกลายเป็นมนุษย์และยูนิคอร์นก็จะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล... ถ้าเจ้าอยากรู้เรื่องกระทิงไฟข้าก็จะบอกให้นะ"
"บอกมาเถอะเจ้าแมว นางเป็นยูนิคอร์นตัวสุดท้าย"
"ฟังให้ดี เมื่อไวท์ดื่มตัวมันเองเมื่อกระดูกพูดได้ นาฬิกาตีบอกเวลาเมื่อนั้นเจ้าจะพบที่ซ่อนกระทิงไฟ มันเป็นปริศนานิดหน่อย เจ้ากระทิงไฟมันจะออกมาในยามค่ำและกลับที่ซ่อนในยามรุ่งสาง"
เพเรโนเป้อ้อนวอน"เจ้าช่วยบอกมาตรงๆไม่ได้หรือ ทำไมต้องพูดเป็นปริศนาด้วย เราเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ"
"อ้าว ก็เพราะว่าข้าเป็นแมวนี่นา"ว่าแล้วแมวดำก็จากไปแต่ก่อนจากไปก็ทิ้งท้ายว่า"รีบๆหน่อยก็แล้วกัน เพราะเวลามันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว"
ค่ำนั้น
อัลดัสเข้ามาในครัว ร่างกายเค้าสั่นเพราะความหนาว เพเรโนเป้หาซุปอุ่นๆมาให้เพื่อให้คลายความหนาว
พ่อมดหนุ่มบ่น"ข้าไม่สามารถออกไปถือถ้วยชากลางอากาศหนาวๆได้อีกแล้ว ตอนนี้เวลายิ่งน้อยๆเราจะทำยังไงดี"
เพเรโนเป้พูดขึ้น"อัลดัส แมวมาบอกข้า เมื่อไวท์ดื่มตัวมันเอง เมื่อกระดูกพูดได้ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา เราจะพบที่ซ่อนกระทิงไฟ"
"ข้าเห็นนาฬิกาที่มีโครงกระดูกเล็กๆอยู่ที่ห้องโถงนะ แต่มันเกี่ยวอะไรกับไวท์ ไวท์มันจะดื่มตัวเองได้ยังไง"พ่อมดหนุ่มครุ่นคิด ตอนนี้เค้าชักสังหรณ์ใจไม่ดีเลย จึงเอ่ยกับหญิงสาวเสียงแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคน"เพเรโนเป้ข้าเชื่อว่า ราชาฮักกาจต้องรู้ว่านาร่าไม่ใช่มนุษย์แน่ เพียงแต่เค้าไม่พูดอะไรเท่านั้น ข้ามั่นใจ"
เพเรโนเป้ถอนหายใจ"เอาเถอะ เจ้าไปพักเถอะ เดี๋ยวข้าจะลองพยายามหาไวท์ดูนะ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง"
"อืม ขอบใจ"พ่อมดหนุ่มกลับเข้าไปนอนที่ห้องอย่างอ่อนล้า
ซากุระที่เฝ้ามองตัวละครดำเนินเรื่อง "ตรงนี้สินะ ปริศนาที่พ่อเค้าบอกไว้"
แล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินต่อ ที่อันดัสมาดูที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตายแล้วและมีโครงกระดูกคนเล็กๆประดับอยู่ตรงเสาหินที่อยู่ไม่ไกล พ่อมดหนุ่มพึมพัม"เมื่อไวท์ดื่มตัวมันเองเมื่อกระดูกพูดได้ สงสัยมันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ"แล้วพ่อมดหนุ่มก็เดินจากไป
และภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนมาเป็น นอกปราสาทที่มีแต่ภาพพื้นที่แห้งแล้งและท้องทะเลที่ดูเศร้า
ร่างบอบบางของยูนิคอร์นในร่างมนุษย์ที่ตอนนี้อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเงิน ดวงตาคู่งามสีกรมท่ากำลังเหม่อมอง ไปที่ร่างสูงสง่าของเจ้าชายมิคาเอลที่กำลังควบม้ากลับมายังปราสาท ซากุระที่มองดูเหตุการณ์อยู่นั้น เธอสังเกตุได้ว่ายูนิคอร์นกำลังตกหลุมรักเจ้าชายมิคาเอลซะแล้ว แต่เมื่อราชาฮักกาจก้าวเข้ามาทำเอาคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์และตัวละครตกใจทันที
"พระราชา"
"ทะเลช่างสวยยิ่งนัก"ราชาเฒ่าเอ่ยขึ้น
"ดูสิลูกชายของท่านกำลังมา"ยูนิคอร์นสาวรีบเสเปลี่ยนเรื่อง
"มิคาเอล นั่นน่ะไม่ใช่ลูกชายข้า พวกชาวนาเอามาทิ้งไว้ ฮึ! คิดหรือว่าจะหลอกตาข้าได้ เจ้าน่ะแสดงไม่เก่งหรอก ทั้งการเดินท่วงท่าการมอง และดวงตาเจ้ามันว่างเปล่าเหมือนมิคาเอลจริงๆ ข้าบอกเจ้ากระทิงว่าข้าต้องการมัน ต้องการยูนิคอร์นทั้งหมด ความจริงยูนิคอร์นจะขึ้นมาจากทะเลก็ได้แต่พวกมันไม่กล้าเพราะกลัวกระทิงไฟ"ราชาเฒ่าเอามาใกล้ร่างบาง จนดรุณีแปลงต้องถอยห่างเพราะความหวาดกลัว
"ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ"
"ข้ารู้ว่าเจ้าคือใคร เจ้าไม่ใช่หลานสาวของเจ้านักมายากลงี่เง่ากับแม่ครัว ข้าจะจับเจ้าโยนลงทะเลหากเจ้ายังจะปฏิเสธ"พอมือหยาบยื่นออกมาเปิดผมหน้าม้าของหญิงสาวขึ้นแทนที่จะเห็นรอยปานสีแดงรูปดาวที่ตนเคยเห็นเมื่อตอนที่นางเข้ามาปราสาทใหม่ๆกลับพบแต่หน้าผากกลมมนที่ขาวผ่องเท่านั้นและดวงตาสีกรมท่าก็สะท้อนเงาของราชาเฒ่า ราชาฮักกาจถอยออกมา"ข้ารอได้ไม่ว่าจะเป็นจุดจบหรืออะไรก็ตาม ข้ารอได้"ว่าแล้าราชาเฒ่าก็จากไป
ดรุณีแปลงปล่อยโฮทันที"เค้าบ้าไปแล้ว ฮือๆ"
อันดัสที่แอบดูอยู่จึงรีบเข้ามาปลอบด้วยความอ่อนโยน"อย่าๆ ถ้าเจ้าร้องไห้ก็ไม่มีเวทย์มนต์ใดช่วยให้เจ้ากลับร่างเดิมได้หรอกนะ คืนนี้เราจะได้เจอพวกเค้าข้าสัญญา"
ต่อมาตอนเที่ยงคืน...
ทั้งอันดัส เพเรโนเป้ และยูนิคอร์นแปลงไปที่ห้องเก็บนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ที่มีโคร่งกระดูกเล็กๆประดับ
ยูนิคอร์นสาวอยากที่จะบอกลามิคาเอลเหลือเกิน
"เป็นอะไรเหรอ?"เพเรโนเป้ถามทำให้ยูนิคอร์นสาวหลุดจากภวังค์
"ไม่มีอะไร"
พอมาถึง
"ฮี่ๆฮี่ๆ"เสียงหัวเราะอันยียวนกวนประสาทดังขึ้น
ทุกคนหันไปหาที่มาของเสียง ซากุระที่เฝ้าดูเหตุการณ์นั้นพอเห็นต้อตอของเสียงก็แทบอยากจะประเคนหมัดให้ มันคือ เจ้าโครงกระดูกนั่นเอง มันมีชีวิต
พ่อมดหนุ่มทนไม่ไหว"หุบปาก เดี๋ยวต่อยซะเลยนี่"
เจ้าโครงกระดูกหยุดหัวเราะเเล้วเอ่ยอย่างรู้ทัน"หึ! ที่แห่มาที่นี่น่ะ ก็จะมาถามเรื่องกระทิงไฟล่ะสิ ข้ารู้หรอกน่า พวกเจ้าก็อยู่เล่นกับข้าสักหน่อยเถอะ เรื่องกระทิงไฟขนาดเจ้าชายยังไม่รู้แต่ข้ารู้"
เพเรโนเป้อ้อนวอน”แต่เราไม่มีเวลานะ อาจจะสายไปก็ได้”
เจ้าโคร่งกระดูกหัวเราะร่า”ฮี่ๆๆ ข้ามีเวลา มีเวลาตลอดแหละ”
อันดัสเห็นท่าไม่ดี”ช่างเถอะ เพเรโนเป้เราไม่มีเวลาแล้ว ขอไวท์ให้ข้า”
เจ้าโครงกระดูกเอียงคอเอ่ยขึ้น”ไวท์ เมื่อกี๊เจ้าพูดถึงไวท์รึ?”
เพเรโนเป้มีสีหน้าไม่สู้ดี”ข้าค้นจนทั่วปราสาทแล้ว ข้าว่าหากเจ้ามีน้ำสักหน่อยเพื่อ…”แล้วยื่นขวดน้ำไปให้
เจ้าโครงกระดูกเย้ยหยัน”เค้าจะทำได้หรอ เป็นแค่นักมายากลธรรมดาๆ”
พ่อมดหนุ่มไม่สนใจคำพูดนั้นแล้วคว้าขวดน้ำนั้นมา”ข้าอาจจะไม่สามารถเสกไวท์รสเลิศได้ แต่ข้าจะลองดู มันก็พอคุ้มที่จะเสี่ยง”ว่าแล้วอันดัสก็เริ่มร่ายคาถา ก่อนจะลองดื่มน้ำที่ตนเสก”เป็นไวท์จริงๆ สำเร็จแล้ว”ว่าแล้วพ่อมดหนุ่มก็ดื่มไวท์ที่ตนเสกจนหมด แล้วทำท่าจะปาขวดไวท์ทิ้ง
เจ้าโครงกระดูกร้องห้าม”อย่านะ อย่าทำอย่างนั้น ให้ข้าเถอะถ้าเจ้าไม่ต้องการแล้ว ขอ ขอ”
อันดัสโวยทันทีแต่ในใจนั้นกลับยิ้มอย่างมีชัย”แกตายไปแล้ว ดื่มก็ไม่ได้ดมยังไม่ได้กลิ่นเลย เหลือแต่โครงกระดูกอย่างนี้”
เจ้าโครงกระดูกยังยืนกรานคำเดิม“แต่ข้าทำได้”
พ่อมดหนุ่มเริ่มต่อรอง”งั้นเจ้าต้องบอกทางไปหากระทิงไฟนะ”
“ไม่เอา ให้ข้าดื่มไวท์แล้วข้าจะบอกทุกอย่างเลย”
“แกจะได้ทั้งหมด หลังจากที่บอกเรา”
เมื่อต่อรองไม่ได้สุดท้ายเจ้าโครงกระดูกก็จำต้องบอก”ทางเข้าออกอยู่ที่นาฬิกาเนี่ยแหละ”พลางชี้ไปที่นาฬิกาอีกเรือนที่อยู่ไม่ไกล
พ่อมดหนุ่มแสนจะรำคาญ“อย่ามาล้อเล่นน่า ข้าเป็นแค่นักมายากลนะ”
“เอาน่า มันเป็นแค่ภาพลวงตา เจ้าก็แค่เดินเข้าไปแล้วกระทิงไฟจะอยู่อีกด้านหนึ่ง เอาไวท์มาได้แล้ว”
อันดัสส่งขวดไวท์ไปให้เจ้าโครงกระดูกรับมาดื่มอย่างกระหายก่อนจะออกปากชม”ฮ้า…เจ้าเป็นมากกว่านักมายากลเสียอีกนะ”
ว่าแล้วอันดัสก็เดินตรงไปที่นาฬิกา เพเรโนเป้จูงมือดรุณีน้อย”ไปกันเถอะ เดี๋ยวเราจะได้พบพวกเค้าแล้ว”
พอเจ้าโครงกระดูกเห็นก็ทิ้งขวดไวท์ ดวงตาที่กรวงโบ๋ก็ส่องแสงสีแดง”โอ้ ม่าย ไม่เจ้าจะทำอย่างนั้นไม่ได้”
ทั้งสามต้องเร่งฝีเท้าไปยังนาฬิกาที่ตายในขณะที่เจ้าโครงกระดูกร้องเตือนผู้เป็นนาย”ฮักกาจ ยูนิคอร์น ยูนิคอร์น มันกำลังจะไปแล้ว”
ราชาฮักกาจรีบวิ่งมาพร้อมกับดาบในมือ อันดัสพาสองสาวมาถึงนาฬิกา”เข้าไปเลย”พ่อมดหนุ่มผลักให้สองสาวเข้าไปในนาฬิกา ปรากฏว่าทั้งสองก็หายเข้าไป แล้วพ่อมดหนุ่มเองก็เดินตามเข้าไปบ้าง
ซากุระก็ตามเข้าไปดูภายในนาฬิกาทันที”นี่มันอะไรเนี่ย”เด็กสาวอุทานเมื่อภายในนาฬิกานั้นมันเป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างประหลาดๆและมีหมอกสีเขียวเจือจาง ตอนนี้ภาพตรงหน้าเธอก็คือ อันดัส เพเรโนเป้และยูนิคอร์นในร่างมนุษย์กำลังเผชิญหน้ากับเจ้าชายมิคาเอล
อันดัสถามทันที”เจ้ารู้ทางเข้าได้ยังไง”
เจ้าชายรูปงามเอ่ยขึ้น”อะไรที่ทำให้ข้ารู้น่ะเหรอ? พอข้าเห็นว่านางหายไปข้าเลยแอบตามมา”
ยังไม่ทันที่ทั้งสี่จะได้พูดอะไรก้เกิดแผ่นดินไหว หมอกสีเขียวอันเจือจางก้มลายหายไป
อันดัสเอ่ยขึ้น”ฮักกาจทำลายทางเข้าแล้ว ตอนนี้เราไม่สามารถกลับตามเดิมได้แล้ว มีแต่ต้องผ่านกระทิงไฟไป”
ทั้งมิคาเอลและยูนิคอร์นมองหน้ากัน ยูนิคอร์นสาวมีท่าทีอึกอัก มิคาเอลคาดคั้น”มีอะไรจะบอกข้ารึเปล่า นาร่า”
อันดัสเป็นฝ่ายบอก”นางไม่ใช่มนุษย์ นางคือยูนิคอร์นตัวสุดท้าย”
มิคาเอลเอ่ยเสียงเรียบ”ยูนิคอร์น นางเงือก ผู้วิเศษ ข้าไม่ค่อยแปลกใจเลย”
ยูนิคอร์นในร่างมนุษย์เอ่ยขึ้น”ข้าเป็นมนุษย์นะ เจ้าชาย ข้ารักท่าน เจ้ากระทิงไฟมันไม่สนใจมนุษย์เราจะเดินผ่านมันไปแล้วหนีไปให้ไกลที่สุด”
อันดัสแย้งขึ้น”ถ้าเจ้าทำอย่างนั้นยูนิคอร์นตัวอื่นก็จะกลายเป็นทาสตลอดไปและหายสาปสูญไปตลอดกาล ยกเว้นตัวเดียว แล้วเจ้าก็จะแก่แล้วตาย”
ยูนิคอร์นแปลงแย้ง”ไม่ ข้ายอมตายดีกว่า ข้าอยากจะตายพร้อมท่าน อยากเคียงข้างท่านตลอดไป มิคาเอลถ้าข้ากลายเป็นนยูนิคอร์นจะไม่รักท่านนะ”
เจ้าชายมิคาเอลกุมมือบางทั้งสองมาแนบอก”นาร่า ฟังข้า ข้าก็รักเจ้า ข้าดีใจที่เจ้ารักข้าตอบ แต่เจ้าอย่าได้เห็นแก่ตัวเพราะข้าเลย ถึงเราจะไม่อาจเคียงข้างกันได้ในชาตินี้แต่ข้าก็จะรักและจำเจ้าไว้ในความทรงจำของข้าตลอดไป”
“มิคาเอล”ร่างบางถูกดึงเข้าไปกอด
บรรยากาศในตอนนี้กลายเป็นฉากโรแมนติก ซากุระหน้าแดง”อยากให้ทั้งคู่สมหวังเหลืออ่ะ”
จากนั้น
จากนั้นทั้งสี่ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ
โดยเจ้าชายมิคาเอลคอยจูงมือดรุณีแปลงไม่ห่าง
เพเรโนเป้กับอันดัสนั้นเดินตามหลังมา เธอหันไปพูดกับพ่อมดหนุ่ม”อันดัส เจ้าอย่าได้คืนร่างให้นางเลยนะ”
“ข้าทำไม่ได้หรอกเพเรโนเป้ ข้าเป็นเพียงผู้สงสาร เมื่อถึงเวลานางก็จะคืนร่างเดิม”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะคุยอะไรกันต่อ เบื้องหน้าของทั้งสี่คือเจ้ากระทิงไฟตัวมหึมา
พ่อมดหนุ่มร้อง”หนีเร็ว!”
ทั้งสี่ต่างวิ่งหนีกันสุดชีวิต และแล้วเจ้ายูนิคอร์นสาวก็ล้มลง”มิคาเอล!”ร่างบางร้องเรียกชายผู้เป็นที่รักสุดเสียง
“นาร่า!!”เจ้าชายมิคาเอลรีบเข้ามาขวางเจ้ากระทิงไฟไม่ให้เข้ามาใกล้ร่างบางที่ล้มลง”อย่าขยับ”
เจ้าชายมิคาเอลชักดาบออกมาหากแต่ดาบนั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้ากระทิงไฟได้
อันดัสก็ตัดสินใจร่ายคาถา ร่างของดรุณีโฉมงามก็ค่อยๆคืนร่างกลับมาเป็นสัตว์ในตำนาน ยูนิคอร์น
เจ้ากระทิงไฟเปลี่ยเป้าหมายมาไล่เจ้ายูนิคอร์นแทนเจ้ายูนิคอร์นวิ่งหนีออกไปทางปากถ้ำ ทั้งหมดวิ่งตามออกไปนอกถ้ำ ก็พบเจ้ายูนิคอร์นกำลังถูกไล่ต้อนลงทะเล ราชาฮักกาจกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่บนหอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เจ้าชายมิคาเอลเข้ามาขวางทำให้โดนเจ้ากระทิงไฟขวิดกระเด็นไปอีกด้าน
เจ้ายูนิคอร์นฮึดสู้ เกลียวเขาสีเงินนั้นส่องแสง
ทั้งอันดัสและเพเรโนเป้ต่างเอาใจช่วย
เจ้ากระทิงไฟนั้นค่อยๆถอยร่นลงทะเลไป จากนั้นก้มียูนิคอร์นจำนวนมากขึ้นมาจากท้องทะเล ยูนิคอร์นทั้งหลายต่างวิ่งไปที่ปราสาทของราชาฮักกาจ ทำให้ปราสาทนั้นถล่มลงมาพร้อมกับร่างของราชาฮักกาจที่ร่วงลงมาจากหอคอยสู่ท้องทะเล
ทั้งอันดัสและเพเรโนเป้ต่างมาดูร่างเอาไร้ลมหายใจของเจ้าชายมิคาเอล ยูนิคอร์นสาวเอาเขาเงินมาจ่อที่ร่างของเจ้าชายมิคาเอล เจ้าชายมิคาเอลค่อยๆลืมตาก็พบว่าเจ้ายูนิคอร์นมองมาที่ตนด้วยแววตาเศร้าๆแล้วค่อยๆเดินจากไป
เจ้าชายมิคาเอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง”ดะ..เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”
“เราไม่อาจอยู่เคียงคู่กันได้อีกแล้ว”จบคำเจ้ายูนิคอร์นสาวก็เดินจากไปก่อนจะหันมามองหน้าของชายผู้เป็นที่รักครั้งสุดท้ายแล้วจากไป
หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป
ซากุระพึมพำ”นี่คงจะจบแล้วสินะ”เพราะที่อยู่ตรงหน้าคือภาพเหตุการณ์ที่เจ้าชายมิคาเอลนำสมบัติในวังส่วนหนึ่งมอบให้อันดัสและเพเรโนเป้”ข้าไม่เคยมีเพื่อนเลย พวกเจ้าคือเพื่อนของข้านี่ก็เอาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ”
อันดัสถามขึ้น”แล้วท่านล่ะ จะทำยังไงต่อ”
“ข้าจะออกท่องโลกไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าข้าอาจจะไม่มีโอกาสเจอนางอีกแล้วก็ตาม”มิคาเอลเอ่ยเสียงเศร้า
พ่อมดหนุ่มรับถุงใส่ทองมา”นางจะจำท่านได้ ข้ารู้”
มิคาเอลขึ้นม้า”ลาก่อน”
อันดัสอุ้มเพเรโนเป้ขึ้นม้า”ไปกันเถอะ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน”
เพเรโนเป้ตอบรับ”ข้าจะไป”
หลังจากที่พ่อมดอันดัสและเพเรโนเป้ออกเดินทางไป
ตกดึกเมื่อทั้งสองเดินทางมาไกลพอสมควรแล้ว ทั้งสองก็หยุดพัก เพเรโนเป้หลับไปแล้วมีแต่อันดัสที่ยังคงตื่นอยู่ สายตาของเค้าเหลือบไปเห็นเจ้ายูนิคอร์นสาว เค้าก็ตรงเข้าไปหา
พ่อมดหนุ่มเป็นฝ่ายถามก่อน“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ก็ยังรุ้สึกแปลกอยู่ และก็กลัวด้วยเมื่อข้าเดินทางกลับบ้าน แล้วตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนี้เจ้าได้เป็นพ่อมดเต็มตัวแล้วนะ”ยูนิคอร์นสาวถาม
พ่อมดหนุ่มยิ้ม”มนุษย์น้อยคนนั้นจะรูสึกถึงความสุขนะ แต่ข้าว่าข้ารู้สึกนะ”
“งั้นเหรอ ลาก่อนพ่อมดที่แสนดีตอนนี้ข้าจะกลับบ้านแล้ว”ว่าแล้วเจ้ายูนิคอร์นสาวก็จากไป เหลือเพียงพ่อมดที่ยืนยิ้มอยู่
‘เฮือก!’
ซากุระตื่นขึ้นพลางดูเวลาก็พบว่าตอนนี้ส่ายโด่งมากแล้ว เด็กสาวเอื้อมมือไปหยิบหนังสือจากใต้หมอน”เป็นเรื่องราวที่วิเศษจริงๆ”
และแล้วซากุระก็ลองเปิดหนังสือมาหน้าสุดท้ายเธอรู้สึกว่าหน้าปกหน้าสุดท้ายนั้นมันหนากว่าปกติและแล้วเมื่อคลำดูก็พบช่องใส่ของ ซากุระค่อยดึงสิ่งนั้นมันเป็นกระดาษที่พับไว้เด้กสาวค่อยๆคลี่มันออกมาก้พบว่ามันคือแผนที่ ที่นำทางไปสู่ที่ซ่อนของตำราลับ
ขออภัยที่ไรเตอร์หายไปนานเพราะเพิ่งสอบกลางภาคเสร็จ(ยากโฮกๆข้อสอบมหาลัย เทอมนี้เจอบัญชี+คณิตT_T)จะพยายามอัพไปทีล่ะนิดทีล่ะหน่อยนะค่ะ ทั้งเรื่องสั้นและนิยายรวมถึงฟิค เพราะช่วงนี้ไรเตอร์มีกิจกรรมแถมปัญหาสุขภาพอีก แต่ไรเตอร์ก็จะสู้ต่อไปคะ
เม้นให้กำลังใจเค้าบ้างนะ รักคนอ่านทุกคน ส่วนใครอยากให้เกะมาลักพาตัวนู๋กุไปนั้นก็คงต้องรออีกหน่อย เดี๋ยวไรเตอร์จัดให้แน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ